CHAPTER 23
วันนี้พ่อดินหล่อที่สุดเลย ภาพของพ่อมีรอยยิ้มเปื้อนใบหน้าเล็กน้อย...
พ่อไม่ชอบเปิดเผยความรู้สึกของตัวเอง...แต่ผมก็รู้...
พ่อที่แสนดีของผม...ผมรักพ่อ...และจะไม่ปราถนาอยากมีแม่อีกเลย...
ผมรักพ่อไฟ...ที่ดูแลพ่อดิน...
วันนี้ผมเห็นพ่อดินยิ้มและเป็นสุขอีกครั้ง...
ผมหวังว่า หากตื่นมาในพรุ่งนี้ ผมจะเห็นรอยยิ้มของพ่อดินทุกๆวัน...
“พ่อไฟฮ่ะ…พ่อดินตัวร้อนจี๋เลย”แซมวิ่งมาตาตื่น น้ำใสเริ่มปริ่มขอบตา ก่อนจะสูดจมูกข่มเสียงสะอื้น
“เมื่อไหร่…แล้วทำไมเพิ่งมาบอกพ่อ หึ…”อธิปถามเสียงดุ แซมก้มหน้าตาซึม
“พ่อดินบอกว่าพ่อดินไม่ได้เป็นอะไร พ่อดินบอกว่าอย่าไปกวนพ่อไฟ เพราะพ่อไฟอารมณ์ไม่ดีอยู่ แต่ว่าตอนนี้พ่อดิน…ตัวร้อนจี๋…
อึก…แซมกลัว…แซมไม่ชอบเวลาที่พ่อไม่สบาย…”แซมว่าไปร้องไห้ไป อธิปลูบหัวเด็กน้อยเบาๆก่อนจะวางมือจากเอกสารธุรกิจ
พร้อมกับจูงมือแซมเข้าบ้าน
“พ่อดินเป็นอะไรมากไหมฮ่ะ…”
“ไข้ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเลย แซมรู้รึเปล่าว่าพ่อดินไปทำอะไรมา ทำไมถึงไม่สบายได้”อธิปในคราบคุณหมอจำลอง กำลังปลดกระดุม
เสื้อคนไข้อย่างช้าๆ พร้อมกับมีลูกมือช่วยเป็นเด็กน้อยอีกคน
จากการสำรวจด้วยสายตาแล้ว ไม่พบร่องรอยใดๆทั้งสิ้น อธิปปลดเสื้อผ้าของคนไข้ที่ไร้สติต่อ ก่อนจะออกคำสั่งให้แซมเตรียม
น้ำอุ่น ชายหนุ่มกวาดสายตาสำรวจเรือนรางของคนไข้แล้วก่อนจะถอนใจโล่งอกเมื่อไม่พบร่องรอยที่ไม่น่าพิสมัยใดๆ
“ไปทำอะไรมานะ…ดิน”อธิปเปรยเบาๆ ก่อนจะลูบมือผ่านหน้าผากร้อนๆเม็ดเหงื่อเปียกชุ่มตามไรผม ริมฝีปากของคนป่วย
ซีดเซียวอย่างเห็นชัด แต่ถึงกระนั้นอธิปก็แอบยิ้ม อย่างภูมิใจ
“น้ำอุ่นๆได้แล้วฮ่ะ”แซมยกกะละมังใบเล็กจากห้องน้ำ พร้อมกับตั้งลงบนหัวเตียง อธิปถกแขนเสื้อขึ้น พร้อมกับถือผ้าขนหนูไว้บิด
น้ำหมาด เช็ดทวนรูขุมขนขึ้นไปตามแขนเรียว
“แซมเช็ดตัวให้พ่อดินตั้งแต่เช้าแล้วฮ่ะ แต่พ่อดินก็ยังตัวร้อนเหมือนเดิม”
“ยังไม่ทานยาใช่ไหม”
“ฮ่ะ”แซมพยักหน้าเนือยๆ มือเล็กๆเริ่มขยี้ตาไปมา
“ร้องไห้ทำไมฮ่ะ แซม เป็นผู้ชายต้องไม่ร้องไห้ง่ายๆรู้ไหม”อธิปขยี้หัวแซม ก่อนจะดึงมากอดเบาๆ
“พ่อดินไม่เป็นไรนะครับ ลูกแซมขี้แยของพ่อ ลงไปเล่นกับดุ๊กดิ๊กมัน เดี๋ยวพ่อไฟดูแลพ่อดินเอง”
“แต่ว่า…”
“มาร้องไห้ขี้แยแบบนี้จะช่วยอะไรฮ่ะเรา”อธิปโยกหัวเด็กน้อยไปมาอย่างที่ชอบทำ อธิปไม่อยากให้แซมร้องไห้ ไม่ชอบเหมือน
กันเวลาเห็นคนร้องไห้ เหมือนตัวเองเป็นคนที่ดูอยู่ แต่ก็ไม่รู้จะปลอบคนที่ร้องไห้อย่างไร
“แซมจะลงไปเล่นกับดุ๊กดิ๊ก…แล้วค่อยเข้ามานอนกอดพ่อ”
“ครับ กอดกันสามคนเลยอุ่นดี พ่อดินจะหายไวไวด้วย”อธิปว่า ก่อนจะยิ้มให้แซม เด็กน้อยลุกจากเตียง พร้อมกับปิดประตูให้เบาๆ
อธิปเช็ดตัวให้วริณเสร็จแล้วจึงจัดการแต่งตัวใส่เสื้อผ้าให้
ตลอดหลายวันมานี้ เขาเองก็มัวแต่ยุ่งๆ เลยไม่มีเวลาสนใจใครทั้งสิ้น แต่ก็แอบสลดใจ เมื่อสัมผัสได้ว่าร่างตรงหน้านี้ เขาไม่ได้แตะ
ต้องไปนานเสียเท่าไหร่แล้ว วริณเหมือนคนไม่มีแรงยามหลับแม้จะโดนแค่ไข้พิษธรรมดาเล่นงาน แต่ใบหน้ากลับซูบเซียวลงไป
มาก
“ขอโทษนะดิน…ผมไม่เคยดูแลคุณเลยจริงๆ…”
วริณปรือตาขึ้นช้าๆ พร้อมกับความรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัว แขนแกร่งโอบลำตัวเขาไว้ พร้อมกับผมนุ่มๆของเด็กน้อยซุกอยู่ใกล้ลำคอ
“พ่อดิน…”
“แซม”
“ไข้ลดแล้ว พ่อดินตื่นแล้ว”แซมว่าก่อนจะหอมแก้มคนเป็นพ่อพร้อมกับซุกหน้าลงบนลำคออ้อน
“พ่อไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”วริณกล่าวเสียงแหบแห้ง ก่อนจะยิ้มเมื่อรู้ตัวว่าตนเองกลายเป็นคนชอบโกหกไปเสียแล้ว แซมลุกนั่ง
ขึ้นงัวเงีย อธิปไหวตัวเล็กน้อย มือแกร่งกลับโอบร่างบางไว้แน่นกว่าเดิม
“พ่อไฟกอดพ่อยังกับตังเม กอดแล้วไม่ยอมปล่อย กอดแล้วไม่ยอมให้แซมกอดมั้ง”แซมว่างอนๆ แต่ปากก็ยังยิ้ม วริณหัวเราะเบาๆ
ก่อนจะขืนตัวแกะมือของอธิปออก เพราะเริ่มหายใจไม่สะดวกเสียแล้ว
“อือ…”
“คุณไฟ…ผมเจ็บ”วริณบอกกับชายหนุ่ม อธิปคลายกอดจากอ้อมแขนพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองวริณ
“ตื่นแล้วเหรอ”
“ครับ…”
“เป็นไงบ้าง”
“ก็…รู้สึกดีขึ้นครับ”วริณตอบเสียงตะกุกตะกัก เพราะ เมื่อเช้าชายหนุ่มยังโกรธเขาอยู่เลย แต่ตอนนี้ไม่รู้มีอารมณ์ไหนมานอนกอด
เขาเสียได้
“อืม”ชายหนุ่มเก๊กหน้า ก่อนจะดึงมือที่กอดอยู่นั้นกลับ พร้อมลุกขึ้น
“แซมลงไปด้านล่างดีกว่า…”แซมรีบลุกจากที่นอนวิ่งเปิดประตูลงไป เพราะบรรยากาศในห้องมันช่างอึดอัดเหลือเกิน วริณนอน
กลอกตาไปมา ไม่รู้จะพูดอะไรดี ส่วนอธิปก็ยังนั่งนิ่งไม่ไหวตัว
“คุณไฟ…”
“อือ”
“คุณไฟ เรื่องเมื่อเช้า ผมกับเขาคนนั้นเราไม่รู้จักกันจริงๆนะครับ แล้ว…ผมกับเขาก็ไม่ได้มีอะไรกันด้วย”วริณบอกเสียงแห้ง เพราะ
ไม่มีแรงจะลุก เมื่อเห็นแววตาของอธิปแล้วก็เริ่มจะท้อใจ ไม่รู้ว่าจะต้องอธิบายอย่างไรดี
“แล้วหายไปไหนมา ทำไมกลับมาสภาพแบบนั้น”อธิปแสร้งหน้าดุถามเสียงแข็ง ไม่ได้หันไปมองคนป่วยที่เริ่มใจอ่อน อ่อนใจลง
ทุกที
“ผม…เอ่อ…คือ…”
“หืมมม?” อธิปหันหน้าไปจ้องกับคนป่วย วริณหลบตา หน้าซีดลง
“ว่าไง ไปไหนมา”
“ออกไปรอ…คุณไฟครับ”
“หื้อ?”
“เมื่อวานพายุเข้า ผมเลยเป็นห่วงออกไปรอที่ท่าเรือ แต่จู่ๆพอจะกลับ ผมก็ล้มลง ร่มที่ถือไว้ก็ปลิวหาย แล้วก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย…”ว
ริณกล่าวเสียงขาดๆหาย ๆไป ก่อนจะจ้องหน้าอธิปกล้าๆกลัวๆ
“ไปตากฝนมาสิ”
“ครับ”
“เหอะ เมื่อไหร่จะหยุดความงี่เง่าลงบ้าง คุณไม่ใช่ผู้หญิงนะดิน”อธิปว่าเสียงอ่อน แม้ถ้อยคำจะร้ายไป แต่เขาก็ไม่อยากให้ดินทำ
อะไรเพื่อตัวเขาเองไปมากกว่านี้อีกแล้ว
“ผมรู้ตัวดีครับ”วริณบอก ไม่ได้จงใจประชด แต่รู้ตัวเองอยู่เสมอ ว่าตนเองเป็นใคร มาจากไหน หรืออยู่ในฐานะอะไรก็ตาม ขอแค่
ให้ได้เรียนรู้คำว่ารักบ้างก็พอ
“ก็ดี ผมไม่ชอบคนงี่เง่า อ่อนแอรู้ตัวไหม”วริณพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะพลิกตัวหันหน้าหลบไปอีกทาง ซุกหน้าลงกับแขนสอง
ข้าง น้ำตาแห่งความเสียใจ น้อยใจ ไหลลงมาอย่างช้าๆ และก็ยังปล่อยให้มันไหลอยู่อย่างนั้นจนชาชิน และชินชา…
วริณและแซมช่วยกันจัดเสื้อผ้าและข้าวของที่นำมาใส่ลงบนกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ทั้งของเขาและอธิป คุณไฟเดินทางไปอีก
เกาะเที่ยงก็จะกลับมาอีกทีพร้อมคุณมินตรา และขึ้นเรือมารับเขาและแซมที่นี่ และรีบกลับกรุงเทพด่วน
วริณหายจากอาการไข้และอ่อนเพลียได้ไม่กี่วัน กำลังเทอาหารสุนัขให้เจ้าดุ๊กดิ๊กที่ส่ายก้นไปมาด้วยความหิว วริณยิ้มบางเบา ลูบ
หัวเจ้าหมาน้อยไปมาด้วยความคิดถึง เพราะอธิปสั่งห้ามไม่ให้เล่นกับมันจนกว่าจะหายไข้
“พ่อดินน มากินข้าวก่อน”แซมเดินมา จับมือวริณให้เดินไปในครัว บนโต๊ะมีเพียงอาหารง่ายๆที่เขาและแซมช่วยกันทำเอง เพราะ
ไม่อยากไปรบกวนแม่บ้าน ไข่เจียว ผัดผัก พร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ
“พ่อดินต้อกินเยอะๆนะ แซมเป็นห่วง”
“รู้แล้วๆ แซมก็เหมือนกัน กินผักเอยะๆจะได้สูงๆซะที”วริณตักผักใส่จานให้แซม เด็กน้อยหน้าบุ้ย แต่ก็ยอมกินผักที่พ่อตักให้
“พ่อดิน เราจะได้อยู่กับพ่อไฟได้นานแค่ไหนฮ่ะ”แซมถาม ทั้งๆที่ปากยังเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ
“คงไม่นานหรอกมั้ง อีกไม่นานเราก็จะกลับไปอยู่กันสองพ่อลูกเหมือนเดิม”วริณว่ายิ้มๆ แซมเอียงคอ ตาใส แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร
ต่อ…
อีกไม่นานเกินรอ …
เขา ส่วนเกิน จะได้ออกไปเสียที…
วริณ และแซมพร้อมเจ้าดุ๊กดิ๊กลากกระเป๋าไปขนถึงท่าเรือ ไม่กี่อึดใจ เรือลำใหญ่ก็จอดเทียบพร้อมกับร่างสูงบึกบึน สีผิวที่เคยขาว
กลับคล้ำเป็นสีน้ำผึ้งสวย อธิปก้าวออกมาพร้อมกับช่วยถือกระเป๋าของแซมและดิน
“แซมวันนี้พ่อดินทานข้าวเยอะไหม๊?”อธิปถามล้อๆคนหน้าปลงโลก วริณหันมามองหน้างอ แล้วก็หันกลับไป
“วันนี้พ่อดินทานข้าวนิดเดียว”แซมกระซิบ ก่อนจะหันกลับไปตามปกติ หัวเราะชอบใจ ที่จะเห็นพ่อไฟดุพ่อดิน
“มากันแล้วเหรอค่ะ สวัสดีจ๊ะแซม สวัสดีจ๊ะดิน”มินตราเดินเข้ามา พร้อมกับนั่งลงข้างๆอธิป วริณหันมายิ้มให้นิดหนึ่ง ก่อนจะขบริม
ฝีปากอย่างลืมตัว
“ไฟค่ะ มิมว่ากลับไปถึงกรุงเทพงานที่บริษัทต้องยุ่งมากแน่ๆเลยค่ะ เพราะบริษัทที่เข้ามาติดต่องานของเรา มากเรื่องจริงๆเลย มิม
ไปดูงานรีสอร์ทแล้วยังปวดหัวแทน”เสียงหวานของหญิงสาวเอ่ยชวนคุย อธิปหันหน้ามอง ก่อนจะพูดคุยอย่างคุ้นเคย พร้อมกับ
เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นเป็นระยะ แซมเผลอหลับไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ส่วนวริณก็นั่งเงียบดูวิวไปเรื่อย ด้วยใจ
ช้ำๆกับภาพซ้ำๆเหมือนเดิม…
“ดินๆๆ”
“อืออ ครับ”
“ถึงแล้ว ลงมาเถอะ”อธิปจับมือของชายหนุ่มให้ลุกขึ้น วริณโงนเงน แต่ก็ยอมลุกขึ้น สูดอากาศนอกเรือ ลงไปเหยียบย่ำผืนทราย
เห็นแซมกำลังจูงเจ้าดุ๊กดิ๊ก พร้อมกับมินตราอยู่ไม่ไกล
“คุณไฟ…”
ยังรักผมอยู่อีกไหม…
ไม่สิ…ผมต้องไม่อ่อนแอ
เพราะผมไม่ใช่ผู้หญิง…ไม่สมควรเสียใจ…
“หื้อ? มีอะไร”
“ไม่ครับ ไม่มีอะไร”
“ไข้ขึ้นเหรอไง”อธิปว่าก่อนจะวางมือลงบนหน้าผากชายหนุ่ม
“ตัวไม่ร้อน ทำหน้าให้มันดีๆหน่อยได้ไหม เป็นห่วง!”อธิปว่าเสียงขึงขัง จริงจัง วริณยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนจะบีบมือหนาของอธิป
เบาๆ
“จับมือกันแบบนี้สักพักได้ไหมครับ…”
“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้”ชายหนุ่มหันมายิ้ม พร้อมกับเดินเข้าไปขึ้นฝั่ง จับมือนุ่มไปตลอดทาง
“ขอบคุณนะค่ะ ที่อุสส่าห์มาส่งถึงบ้าน”มินตรากล่าวขอบคุณ อธิปยิ้มตอบ ก่อนจะเคลื่อนรถออก ส่วนวริณและแซมก็หลับปุ๋ยไป
เสียแล้วทั้งพ่อและลูก
“ดิน คืนนี้คุณต้องไปงานเลี้ยงกับผมนะ”
“ฮ่ะครับ”
“ผมเตรียมชุดไว้ให้แล้ว”
“แต่ว่า…ผมไม่เคยไปงานเลี้ยงนะครับ”
“ก็ไปกับผม”
“แต่ผมกลัวทำให้คุณไฟขายหน้า”
“ไม่หรอก ผมไม่อยากไปคนเดียว น่าเบื่อจะตาย”อธิปว่า
“แล้วคุณสา คุณฟ้า คุณมิม ต้องไปด้วยนี่ครับ คุณไฟคงไม่เบื่อหรอกครับ”วริณตอบซื่อๆ
“หึงเหรอ?”
“ป่าว…นะครับ”
“ไม่หึงก็ไม่หึง ตกลงคืนนี้ไปกับผมนะ”
“เอ่อ…ก็ได้ครับ”วริณยอมจำนงแต่โดยดี อธิปนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานยิ้มไปมา ก่อนจะก้มหน้าลงขีดๆเขียน ทำงานของตนต่อ
วริณออกจากห้องน้ำด้วยกลิ่นของครีมอาบน้ำกลิ่นผลไม้หอมฟุ้ง ผมเปียกโชกถูกปัดเป่าจนแห้ง ผิวกายยังมีเม็ดน้ำเกาะ ชายหนุ่ม
นั่งลงบนเตียงด้วยร่างกายแทบจะเปลือยเปล่า หน้าท้องเนียนเริ่มมีเนื้อน้อยๆนุ่มๆ วริณแอบน้อยใจ ที่เขาไม่มีซิกแพคแมนๆอย่าง
อธิปบ้าง แต่มีพุงน้อยๆมาแบบนี้ ก็คงดีกว่า มีแต่กระดูกล่ะมั้ง
“เสร็จรึยัง?”อธิปเปิดประตูเข้ามาอย่างวิสาสะ วริณสะดุ้งรีบลุกจกเตียงวิ่งเข้าห้องน้ำ
“ทำไรหน่ะดิน”
“ผมยังแต่งตัวไม่เสร็จ ครับ”
“แล้วยังไง ออกมานี่เลยนะ”อธิปตะโกนแกล้งเสียงขุ่น แอบอมยิ้มขำๆ กี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่เห็นว่าวริณจะเคยชินเสียที นับวันยิ่งขี้
อายหนักเข้าไปอีก
“แต่เสื้อผมอยู่ข้างนอก…”
“ออกมา!!!”อธิปขึ้นเสียง จนคนที่หลบอยู่ในห้องน้ำสะดุ้งและเริ่มกลัว เลยยอมออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูพันล้อมร่างกายด้านล่าง
“คุณไฟ…”
“เดินมานี่”อธิปว่า ก่อนจะนั่งลงบนเตียง
“คุณไฟโกรธผม?”วริณเดินมาหน้าหง๋อย หยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มที่อยู่ในสูทมีภูมิฐาน
“ใครว่า…มาเดี๋ยวผมแต่งตัวให้ดินนะ”อธิปยิ้มกรุ่มกริ่ม ถกผ้าขนผืนเล็กออก วริณเบิกตาโต แย่งผ้าขนหนูในมือหนา
“คุณไฟ !”
“จะอายทำไมอีกเนี่ย เห็นมาหมดแล้ว จับก็จับมาหมดแล้ว”ชายหนุ่มล้อ โอบร่างเปลือยให้นั่งลงบนตัก
“คุณไฟ ! ปล่อยผมเถอะครับ เดี๋ยวออกไปงานสายนะ”วริณว่า ขืนตัวเล็กน้อย อายจนบอกไม่ถูก หน้าร้อนฉ่าไปหมดแล้ว
“ก็จะแต่งตัวให้อยู่นี่ไง ตัวยังเปียกอยู่เลยเดี๋ยวเช็ดตัวให้”อธิปขยับตัวกาย ผลักชายหนุ่มให้นอนราบลงกับเตียง วริณทำท่าจะลุก
ขึ้น แต่ก็ถูกมือหนาผลักลงไปอีกครั้ง
“หน้าแดง ตัวแดงเถือก”อธิปล้อ ขึ้นคร่อมคนตัวบางกว่า วริณหลับตาปี๋ใจเต้นตึกตัก ปากแดงเผยออกเล็กน้อย
ข่มใจไว้ก่อน…คืนนี้ค่อยจัดหนัก !
อธิปสอดมือเข้าไปเสียดสัมผัสกับสะโพกนุ่ม ก้มหน้าดูดเม็ดไตสีสดทั้งสองข้างอย่างเมามัน ความร้อมรุ่มของสองร่างเบียดเสียด
เข้าหากัน วริณเผลอครางออกมาอย่างลืมตัว ก่อนจะรีบขบปากสายตาพร่ามัวด้วยแรงอารมณ์
“คุณไฟแกล้งผม…” วริณว่าเสียงสั่นไม่หาย ยันมือพยายามดันไหล่หนาออก
“ป่าวซะหน่อย ฮื้ออ…หอมจังเลย”อธิปกดจมูกลงบนแก้มแดง จูบซับเบาๆลงบนริมฝีปากบาง
“ไปรอข้างนอกดีกว่า ถ้าให้ผมแต่งตัวให้มีหวัง คืนนี้คงไม่ได้ไป”อธิปกระซิบเสียงพร่า ควบคุมอารมณ์ให้ลุกขึ้นจากเตียง พร้อมกับ
ปิดประตูลงเบาๆ
“คุณไฟบ้า…”วริณนอนหายใจหอบถี่ก่อนจะรีบลุกขึ้นแต่งตัว พร้อมใบหน้าสีแดงระเรื่ออยู่ลอดเวลา…
อธิปและวริณอยู่ในชุดสูทอย่างเป็นทางการ อธิปใบหน้าขรึมดูน่าเกรงขาม ส่วนวริณผิวก็ระเรื่อผ่องขึ้น ใบหน้าเรียวหวานไร้การ
แต่งแต้มใดๆ ผมยาวปะบ่าถูกเช็ตอย่างดูดีในคราบคุณชาย ทั้งคู่กำลังเข้าไปนั่งบนรถ พร้อมกับแซมและเจ้าดุ๊กดิ๊กที่มองอย่าง
ชื่นชม
“โฮ่งๆๆ”
“พ่อดินหล่อจังเลยเนอะดุ๊กดิ๊ก ส่วนพ่อไฟก็เท่ส์จังเลย เราอยากโตไวไวใส่ชุดแท้ๆแบบนั้นบ้างจัง”แซมเพ้อล่องลอย แววตาส่อง
ประกาย มองรถคันหรูที่ขับออกจากรั้วบ้านหลังใหญ่ไปช้าๆ เจ้าดุ๊กดิ๊กเลียมือของเด็กน้อยไปมา ก่อนจะถูกจูงเข้าไปในบ้าน ขึ้น
ห้องนอน…
งานเลี้ยงที่ว่าเป็นงานเลี้ยงเปิดโครงการรีสอร์ทกลางเกาะโปรเจคใหม่ของอธิปนั้นเอง ชายหนุ่มยืนอยู่บนเวทีพร้อมกับสายตาของ
นักข่าวและสายตาของแขกที่มาในงาน อริสายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ที่เห็นการจัดงานราบรื่นไปด้วยดี และฟ้าใสที่อยู่ในชุดราตรีสุดเซ็กส์
ซี่กำลังถูกให้ความสนใจไม่แพ้คน เมื่อสาวเจ้าให้ความลือว่าตนเป็นคู่หมั้นกับนักธุรกิจหนุ่มอย่างอธิป
“แล้วจะมีงานหมั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่ค่ะ”
“อุ้ย อันนี้ฟ้าก็ไม่ใจนะค่ะ ก็แล้วแต่พี่ไฟเขาล่ะค่ะ ช่วงนี้งานยุ่งๆก็ต้องช่วยประคับประคองกันไป”ฟ้าใสตอบอย่างอารมณ์ดี ปาก
เรียวเฉิดฉายรอยยิ้ม วริณที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ใกลสะดุดตากับหญิงสาวที่มาใหม่ มินตราอยู่ในชุดเดรสสีหวานมีลูกไม้ประดับ
ประปราย เธอเข้ามาทักทายชายหนุ่มในไม่ช้า เสียงปรบมือก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงของอธิปที่เงียบลง
“มิมขอโทษด้วยนะค่ะ ที่มาช้าไปหน่อย พอดีวันนี้เวียนหัวมากเลยค่ะ แถมยังมีอาการแพ้ท้องด้วย”หญิงสาวว่ายิ้มๆ อธิปผงกหัวรับ
พร้อมกับยื่นน้ำผลไม้ให้มินตราและวริณที่ยืนเงียบอยู่นาน
“เป็นไงบ้าง วันนี้ผมหล่อไหม?”อธิปเดินมาเลียบๆเคียงๆ วริณก้มหน้า พยักหน้าเบาๆ
“หึหึ ~ ผมยืนอยู่บนเวที เห็นมีคนสนใจดินด้วยนะ”
“ไม่จริงอะ ผมยืนอยุ่คนเดียวหรอก คุณไฟอย่ามาใส่ร้าย”วริณเถียงเบาๆ
“จริงๆ ข้างหลังคุณน่ะ อย่าไปยุ่งกับมันนะ ผมหึงจริงๆด้วย”อธิปว่ายิ้มๆ
“แล้วที่คุณ…”วริณจะพูดต่อ แต่ก็ต้องยกมือปิดปาก ตาโต
“ผมทำไมหึ ?”
“ป่าวครับ”
“โกหก!”
“ผมป่าวนะ”วริณเถียงต่อ จนอธิปแอบหมั่นเขี้ยวยกมือจะหยิกแก้มนุ่มไม่ได้ แต่ก็ต้องลดมือจับไหล่ชายหนุ่มเบาๆ เพราะกลัวใคร
เห็นเข้าแล้วจะสงสัย
“พี่ไฟค่ะ วันนี้ฟ้าเป็นยังไงบ้างค่ะ สวยไหม๊?”หญิงสาวยิ้มร่า ตะครุบมือควงชายหนุ่ม อธิปหน้านิ่ว พร้อมกับนักข่าวที่กรูเข้ามา
แฉะ ! ๆ
“เหมาะสมกันจังเลย คู่รักใหม่ในวงการธุรกิจ”แขกเหรื่อที่มางานกล่าวกันให้แซด อธิปยอมตามใจหล่อน ถ้าหากกล่าวค้านไปจะ
กลายป็นการหักหน้าหญิงสาวและพ่อของหล่อนจนเกินไป อธิปสะบัดแขนเรียวของฟ้าใสออก พร้อมนิ่วหน้าไม่พอใจ เมื่อเห็นนัก
ข่าวเริ่มให้ความสนใจกับมินตราทายาทตระกูลดัง
“พี่ไฟ !”
“ฟ้า! แค่นี้พี่ก็ตามใจเธอมามากแล้วนะ ถ้าไม่อยากหน้าแตกก็ปล่อยแขนพี่ซะ ก่อนที่พี่จะบอกนักข่าว
ว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน !" อธิปกล่าวเสียงเข้ม จนหญิงสาวขอบตาเริ่มปริ่ม ฟ้าใสสะบัดมือออก พร้อมกับหันหลังเดินไปอีกทาง
แล้วก็ชนกับวริณเข้าอย่างจงใจ
“ชิส์ !”
.
.
.
หญิงสาวเบ้ปากใส่ชายหนุ่ม น้ำผลไม้ที่วริณถืออยู่นั้น หกราดชุดสูทที่อธิปสั่งตัดให้เสียดิบดี ชายหนุ่มวางแก้วลง พร้อมกับหา
ทางออกไปห้องน้ำ ด้วยท่าทีเงอะงะและอธิปก็เห็นอยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มจึงอาศัยช่วงที่ไม่มีใครสังเกตตนดึงแขนเรียวของวริณ
ออกจากงาน
“คุณไฟ…”
“เข้าไปล้างตัวเถอะ ผมจะรออยู่หน้าห้องน้ำ”อธิปว่า วริณเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างเข้าใจ ถ้าหากมีใครมาเห็นและรับรู้เข้าว่าอธิป
กำลังคบกับผู้ชายอยู่นั้น คงไม่ดีต่อตัวชายหนุ่มและบริษัทที่กำลังฟื้นตัวเป็นอย่างแน่
“อะ…อ้วกก”หญิงสาวประคองร่างตัวเองจากฝูงชนมากมายจนเข้ามาในห้องน้ำได้สำเร็จ เธอไม่อยากให้ใครรับรู้ว่าเธอกำลังท้อง
และไม่มีพ่อ ! ทางเดียวเท่านั้น คนที่จะพอรับผิดชอบเธอได้ก็คงมีแต่อธิปเท่านั้น…จะทำอย่างไรนั้นเธอก็ยอม…
“คุณครับ มีอะไรให้ช่วยไหม ?”อธิปหยุดขาตรงข้างหลังแผ่นหลังที่คุ้นเคย มินตราใบหน้าซีดเซียวหันกลับมามองตาแดง จาก
อาการแพ้ท้องอย่างรุนแรงของเธอ อธิปเบิกตารีบเข้าไปประคองหญิงสาวอย่างไว
“มิม…”
“ไฟ…มิมไม่ไหวแล้ว”
“งั้นไปนั่งพักก่อนนะ”
“ค่ะ”อธิปประคองร่างหญิงสาวให้นั่งพักทางด้านหน้าของโรงแรม จนลืมไปเสียแล้วว่ายังมีอีกคนหนึ่งที่กำลังหลงอยู่ในสถานที่ ที่
ตนไม่เคยมา
“คุณไฟ…”
“คุณไฟครับ…”วริณออกมาเสื้อผ้าเปียกโชกเพราะความเปิ่นของตัวเอง เมื่อมองไปรอบๆนั้นก็ไม่เห็นวี่แววของอธิปเสียแล้ว ชาย
หนุ่มเดินเข้าไปในงานอีกครั้งก็ไม่เห็นอธิป จึงเดินออกมาแล้วตะเวรตามหาไปทั่ว จนถึงชั้นล่าง เดินเวียนไปเวียนมา พอสุดท้ายมา
รู้ตัวอีกทีว่าตนกำลังหลงทางก็หาทางออกไม่เจอ…
“หน้าคุณดูซีดมากเลยนะมิม”อธิปว่าอย่างเป็นห่วง
“มิมก็รู้สึกดีขึ้นแล้วล่ะค่ะ”
“ผมว่าให้ผมไปส่งที่บ้านไหม คุณกำลังท้องกำลังไส้นะ”
“จะดีเหรอค่ะแล้ว…ดินล่ะค่ะ”หญิงสาวลองเชิงถาม ไม่คิดเลยว่าจะมาเจออธิปแต่ก็โชคดี ดูจากท่าทางแล้ว อธิปยังคงเป็นห่วงเป็น
ใยเธออยู่ นั้นทำให้แผนของเธอสำเร็จไปอีกครึ่ง ช้าๆได้พร้าเล่มงาม…
“ไปส่งคุณแปบเดียว แล้วค่อยมารับดินก็ได้”ชายหนุ่มคิดอย่างนั้น เพราะไม่อยากปล่อยให้หญิงสาวพร้อมลูกในไส้ที่เป็นเชื้อสาย
ของเพื่อนของเขาอีกคน ตอนนี้เขาอโหสิให้แล้ว เรื่องที่แล้วมาก็ให้มันผ่านๆไป
“ขอบคุณมากนะค่ะ มิมขอบคุณมากจริงๆ”หญิงสาวกล่าวขอบคุณพร้อมกับลุกขึ้นโดยมีอธิปประคองไปด้วย อธิปเปิดประตูรถให้
หญิงสาว ก่อนจะขึ้นรถและสตาร์ทรถขับเคลื่อนออกจากโรงแรม…
เมื่อหาทางออกจากโรงแรมได้แล้ว วริณไม่รู้จะกลับไปหาอธิปได้อย่างไร เพราะตอนนี้เขากำลังยืนอยู่หน้าโรงแรม และก็ไม่รู้จะพา
ร่างกายที่สะบักสะบอมด้วยเม็ดเหงื่อของตัวเองไปทางไหน
ทางข้างหน้าเป็นสี่แยก หากข้ามไปอีกฝั่ง ก็จะสามารถขึ้นรถเมล์กลับได้ ติดอยู่ที่ว่าเขาไม่มีเงินติดตัวเสียเลย จะทำอย่างไรดีนะ
ถ้าหากลองยืมเงินคนบนรถล่ะ เขาจะให้รึเปล่า แต่มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก ลองหาเศษสตางค์ดู หยอดตู้แล้วค่อยโทรหาอธิปดี
กว่า ชายหนุ่มคิด จึงรอเวลาให้ทางรถทิ้งระยะห่าง ตนจะได้วิ่งข้ามถนนไปอีกฝั่งได้ เพราะเป็นถนนในเมืองแคบ รถไม่ค่อยติดยิ่ง
เวลาค่ำๆแบบนี้ รถที่วิ่งจึงมีน้อย
“ไฟค่ะ นั้นดินนี่ค่ะ”
“ไหน?”
“ข้างหน้าน่ะค่ะ กำลังวิ่งข้ามถนนอยู่…”
กรี๊ดดดดดดดดด !!!
โครมมม !!!~
รถที่ขับปาดเขาไปกำลังพุ่งไปที่ร่างนั้นก่อนจะหักเลี้ยวกระเด็นไปไกล การจราจรเริ่มติดขัดลงอย่างทันตา เสียงกรีดเกรียวของ
ผู้คนดังขึ้น พร้อมกับสติของอธิปที่หยุดนิ่ง
วริณ…
กาลเวลาเหมือนจะถูกหยุดไว้แบบนั้น…
“ดิน ! ดินอย่าหลับนะ อย่าเป็นอะไรไปนะ !!!”อธิปกระโจนเข้าสู่ร่างที่อ้อนยวบ วริณยังเห็นภาพพร่ามัว หญิงสาวร้องไห้อย่าง
หวาดกลัว มินตราและอธิป…
เจ็บ…
ผมเจ็บเหลือเกิน…
เจ็บจนไม่อยากรับรู้…
โชคชะตา…
ทำให้ผมเจ็บทั้งกาย
…และ…
ใจ………….
‘ผมเกลียดคุณไฟ…’
‘ปล่อยผมไปเถอะ…’
‘ถ้าผมรู้ว่าคุณไฟกำลังอยู่กับคนอื่น…’
‘ผมจะไม่ตามหาให้เหนื่อยเลย…’
‘เพราะสุดท้าย…ตอนนี้…ผมรู้แล้ว ว่าคุณไฟเลือกเธอ…..’
‘ลาก่อนครับ คุณไฟ…’
‘แซม…พ่อรักลูกนะ…จงระลึกไว้เสมอ…ยามมองท้องฟ้า…พ่อมาหาแซมไม่ได้…พ่อกลัว…ถ้าพ่อกระโดดมา พ่อคงขาหัก
แน่เลย…แซม…อย่าลืมพ่อนะ…พ่อต้องไปแล้ว’
เปลือกตาบางกระตุกพร้อมกับเลือดที่ไหลออกจากปาก วริณหลับลงอย่างช้าๆพร้อมกับรอยยิ้มสุดท้าย ที่สร้างความเจ็บปวดให้
ชายหนุ่มตลอดกาล…
-------------------------------------------------------------------XXX
วันนี้นั่งพิมพ์เกือบทั้งวันเล ยเป็นอีกตอนที่แจงมาต่อและยาวมาก <สำหรับแจง>
ดังนั้นใครรักดิน ก็ขอช่วยเม้นเป็นกำลังให้หน่อยนะค่ะ
อาจจะมาต่อได้แค่อาทิตย์ละครั้ง...
ขอบคุณค่ะ
Ps. ต้องไปต่อ The Villain แล้ววว ฝากติดตามกันอีกเรื่องด้วยนะค่ะ
