CHAPTER 22
อธิปนั่งลงบนที่นอน พร้อมกับลูบหัวคนที่นอนหลับพริ้มอยู่เบาๆ เขารู้ว่าวริณรู้สึกอย่างไร แต่ในใจอีกใจหนึ่งเขาก็สงสารมินตรา ที่ต้องเสียสามี และมีลูกอีกหนึ่งในท้องที่ต้องดูแล ครอบครัวของเธอรับไม่ได้เป็นอย่างมาก จึงพยายามยุยงให้เธอกลับมาคบหากับเขา เธอบอกอย่างนั้น ซึ่งเขาเองก็พอเชื่ออยู่บ้าง เพราะระหว่างที่เคยคบกันมานั้น เขารับรู้มาตลอดว่าหญิงสาวเป็นลูกสาวในตระกูลผู้ดีแหกคอก เธอเป็นสาวมั่นทำอะไรลุยๆ ต่างจากญาติคนอื่นๆที่มักอยู่ในกรอบ และวางตัวอย่างหญิงไทยมารยาทงามล้วนแล้วทั้งสิ้น
“ขอโทษนะดิน”ชายหนุ่มเอ่ย ก่อนจะล้มตัวลงนอนกอดคนข้างกาย โดยที่ไม่รู้เลยว่า คนที่นอนอยู่นั้นได้ตื่นขึ้นเสียแล้ว…
เกือบทั้งอาทิตย์ที่อธิปเทียวไปเทียวมาระหว่างเกาะสองเกาะกับมินตรา และท่าทางเพลียๆของการออกแดดในช่วงเที่ยง ทำให้ชายหนุ่มกลับถึงมาก็เย็นกว่าๆ และเข้านอนเร็วไปก่อนทุกครั้ง
หญิงสาวเองก็มาพักบ้าง บางทีก็ไม่ได้กลับมา วริณที่นั่งๆนอนๆกับแซมทั้งวันแอบกังวล เมื่อฝนเริ่มโปรยลงมา และเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงเวลาที่อธิปมักจะกลับมาถึงบ้านพอดี ชายหนุ่มเผลอมองออกไปนอกหน้าต่างบ่อยๆ ก่อนจะเริ่มเดินไปเดินบนห้องอย่างเป็นกังวล
“พ่อดินเดิมไปเดินมาทำไมฮ่ะ แซมปวดหัว”เด็กน้อยว่า
“ไม่รู้พ่อไฟจะเป็นยังไงบ้าง ฝนตกหนักอย่างนี้ พ่อกลัวว่าจะเป็นอันตราย”วริณว่าก่อนจะนั่งลงบนเตียงและถอนใจ
“แล้ว…พ่อไฟจะเป็นอะไรไหมฮ่ะ ข้างนอกฝนตกหนัก ฟ้าร้อง แซมกลัว”แซมลุกขึ้น ก่อนจะขยับตัวนั่งลงข้างวริณ ชายหนุ่มโอบกอดให้แซมซุกลงบนอกพร้อมกับลูบหัวไปมา
“พ่อไฟไม่เป็นไรหรอกนะ พ่อไฟของแซมเป็นคนดี พระย่อมคุ้มครอง”วริณว่า ก่อนจะขยับตัวให้แซมนอน และก็ล้มตัวนอนข้างๆ
แซม
“ฮ่ะ”แซมหลับตาลงอย่างว่าง่าย ไม่กี่อึดใจเด็กน้อยก็หลับไป วริณเปิดม่าน เวลาทุ่มกว่าๆ ฝนยังตกลงมาเรื่อย ๆ เจ้าหมาน้อยนอนครางอยู่ใต้เตียง วริณเลยเรียกมันให้ออกมา เจ้าดุ๊กดิ๊กจึงรีบกระโจนขึ้นเตียง พร้อมกับหมอบลงนอนข้างๆแซมและหลับตาพริ้ม
ซ่าส์ๆๆ
เม็ดโปรยฝนยังตกลงมาเรื่อยๆ วริณถือร่มออกไปเหยียบย้ำเม็ดทรายที่เปียกชุ่ม โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ ชายหนุ่มใจคอไม่ดี แถมคนอื่นก็พากันกลับกรุงเทพไปหมดแล้ว วริณจึงอยู่กับแซมแค่สองคนกับเจ้าดุ๊กดิ๊ก ลมพัดแรงจนร่มแทบปลิวตาม ววิณจับคันร่มไว้แน่น อีกมือหนึ่งก็ถือไฟฉายส่องทางไปยังท่าเรือเผื่ออธิปจะกลับมาคืนนี้จะได้ไม่ต้องเปียกฝน
“ฝนตกหนักจังเลยนะค่ะ แล้วมิมว่าอยู่ที่นี้ก็ได้นะค่ะ บ้านที่มิมพักอยู่ยังมีห้องว่าง”หญิงสาวว่าขณะที่ยังติดฝนอยู่ในโรงแรม อธิปส่ายหน้า รั้นจะกลับไปให้ได้
“เฮ้อ ! จะกลับยังไงค่ะ ดูสิ ฝนตกหนักขนาดนั้น”หญิงสาวหน้าบึ้ง ก่อนจะลุกออกไปเข้าห้องน้ำด้วยความหงุดหงิดใจ ปนเหนื่อยล้ามาทั้งวัน แต่ก็ต้องนั่งรอให้ฝนซาลงพร้อมชายหนุ่ม
“คุณ ดึกๆดื่นๆ ฝนก็หนักขนาดนี้ มาทำไรที่นี่ หึ?”
วริณที่กำลังนั่งกอดตัวเองสั่นเทาอยู่บนโขดหินเงยหน้าขึ้น แสงจากตะเกียงสาดเข้ามากระทบกับตาจนต้องหรี่ตาลง พลางเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้า
“ผมมารอ…เพื่อนครับ”วริณตอบเสียงสั่น เพราะคนตรงหน้าเป็นชายฉกรรจ์รูปร่างน่ากลัว เขาเดินเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น วริณจึงตกใจไม่น้อย
“เป็นบ้ารึเปล่าคุณ นั่งตากลมตากพายุแบบนี้ อีกอย่างพายุแรงขนาดนี้ เรือคงเข้าไม่ออกจากฝั่ง”
“ผมไม่ได้บ้านะ แล้วคุณมาอยู่นี่ได้ไง ที่นี่เป็นเกาะส่วนตัว”วริณเถียงอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ผมเป็นชาวประมงอีกเกาะโน้น พายุมันเข้ากะทันหัน ผมเลยแวะพักที่นี่ไม่ได้เชียวเหรอ?”เขาว่า วริณจึงไม่ได้พูดอะไร ชายหนุ่มคนนั้นจึงเดินออกไป วริณยังนั่งกอดเข่ารออธิปท่ามกลางพายุฝนที่เริ่มกระหน่ำลงมาเรื่อยๆ เพราะความงี่เง่าของตนเองแท้ๆ อธิปคงไม่กลับมาหรอก และคงกลับมาไม่ได้ วริณลุกขึ้น พร้อมกับกำร่มไว้ด้วยมือที่สั่นเทา
อธิปยังปลอดภัยในคืนนี้เขาก็หายห่วงแล้ว คงจะพักอยู่ที่ไหนสักแห่ง ป่านนี้ก็คงหลับไปแล้ว
ตุ๊บบ !
อื้อ…ทำไมขามันไม่มีแรงไปซะแบบนี้…
“คุณ…คุณ !”
“……………..”
ร่ม…
มันปลิวไปแล้ว………….
อธิปขึ้นท่าเรือในช่วงเช้าตรู่อย่างรีบร้อนโดยไม่ได้ปลุกหญิงสาวในตอนเช้า เมื่อคืนมีพายุลูกใหญ่มากทำให้เขาไม่สามารถนั่งเรือไปลงยังเกาะของเขาได้ อธิปจ่ายตังค์ให้กับคนเรือก่อนจะรีบร้อนเดินอาดเข้าไปในบ้านหลังใหญ่สวยริมทะเลที่เงียบสงบ…
สงสัยวริณกับแซมยังไม่ตื่น…อธิปคิดยิ้มๆเพราะวริณมักจะขี้เซาอยู่เสมอยิ่งอากาศสะบายๆแบบนี้อยู่ด้วยคงหลับสบายอยู่บนเตียงแน่ๆ
แอด…
แซมยังหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงพร้อมกับเจ้าหมาน้อยที่ปรือตาขึ้นมา เลียมือชายหนุ่มช้าๆ ก่อนจะซุกหน้ากับผ้าห่มหนาของแซม อธิปเดินไปรอบๆห้องไม่เห็นวี่แววของร่างบางคนที่คุ้นเคย
ชายหนุ่มเดินออกไปอีกห้อง ไม่มี…ไม่เจอ…
“ดินหายไปไหน!?”
“คุณ!”
“อื้ออ”
“ฟื้นแล้วเหรอ?”
“…ที่นี่ที่ไหน…”
“ถ้ำน่ะ ผมใช้เป็นที่หลบฝน”
“อืม ขอบคุณนะ แต่ผมขอตัวกลับก่อนได้ไหม…ตอนนี้เพื่อนผมอาจจะกลับมาแล้วก็ได้”วริณยันกายลุกขึ้น แต่ก็ยังปวดตึบๆไปตามร่างกายด้วยพิษไข้ ก่อนจะนิ่วหน้า หยิบเสื้อที่โดนถอดตากรับลมมาใส่
“ไม่ไหวหรอก ผมไปส่งคุณได้ไหม ป่านนี้เพื่อนคุณยังไม่กลับหรอก ยังเช้าอยู่เลย”ชายหนุ่มออกความเห็น ไม่ต้องรอคำตอบ เขาก็ลุกขึ้นประคองคนร่างบางกว่า หน้าซีดเผือกยังกับคนใกล้ตาย ตาบวมช้ำเพราะพิษไข้ แม้ตนจะเป็นผู้ชายแท้ๆก็อดหวั่นไม่ได้ เพราะคนตรงหน้าเหมือนมีเสน่ห์ดึงดูดอย่างน่าประหลาด ซึ่งเขาอาจจะคิดไปเองว่าเป็นแค่ความรู้สึกอยากปกป้องคนที่อ่อนแอกว่าก็แค่นั้น
“ขอบคุณครับ”วริณอ่อนลงอย่างว่าง่าย ก่อนจะยอมขี่หลังคนแปลกหน้า ในใจอยากกลับไปก่อนที่แซมจะตื่น และกลัวว่าอธิปจะกลับมาก่อนโดยไม่เจอเขา อาจจะเกิดเรื่องขึ้นได้
“ประตูบ้านคุณไม่ได้ล็อคนี่”เขาว่า วริณจึงรีบลงจากแผ่นหลังแกร่ง ก่อนจะทรุดลง พร้อมกับชายหนุ่มที่เขามาประคอง
“ขอบคุณครับ”
“ใครเหรอ…ไม่เห็นแนะนำให้รู้จักกันบ้าง”เสียงคุ้นหูปรากฏร่างคนที่คุ้นตาอยู่ตรงหน้า วริณยิ้มก่อนจะปัดแขนหนาของคนที่ประคองเขาไว้ อธิปหน้าบึ้งตึง แทบอยากจะกระชากร่างนั้นให้หลุดจากอ้อมกอดคนแปลกหน้า แต่ก็ต้องสะกดกลั้นอารมณ์ไว้ …
“ผมก็ไม่รู้จักเขาหรอกครับ…”วริณตอบหน้าซื่อ นั้นยิ่งเพิ่มโทสะให้กับอธิปอย่างมาก ชายแปลกหน้าสลับตามองคนทั้งสองไปมา ด้วยความรู้สึกแปลกใจ
“คุณเจอเพื่อนของคุณแล้ว งั้นผมขอตัว”ชายแปลกหน้าว่า ก่อนจะผละมือจากเอวบางที่คอยจับไว้ คิ้วหนาของอธิปขมวดกันเป็นปม เมื่อชายคนนั้นเดินห่างไป วริณฝืนร่างกายยืดตัวเดินตรง พร้อมกับยิ้มแห้งๆให้อธิป ถ้าชายหนุ่มรู้ว่าเขาออกไปตากฝนแบบนั้นมาเกือบทั้งคืนก็คงโดนเอ็ดเอาอีกแน่ๆ
“เพื่อนเหรอ?”
“…ฮ่ะครับ…”วริณหรี่ตา พร้อมกับเอียงคอสงสัยในคำถาม หรือคำสบถของคนตรงหน้า
“คนไม่รู้จัก…กอดได้ โอบได้ แตะเนื้อต้องตัวกันแทบจะกลืนกินได้ แล้วเพื่อนมันทำอะไรได้บ้างหึ !”อธิปตะคอกกึ่งประชด
“คุณไฟกำลังเข้าใจผิดอยู่นะครับ”วริณว่า ก่อนจะเอื้อมมือไปจับแขนแกร่งนั้น แต่อธิปกลับถอยออก
“อะไรอีกล่ะที่ไม่เข้าใจ ดูสภาพนายซะสิ คงเจอคนถูกใจล่ะสิเมื่อคืน ถึงได้กลับมาหมดเรี่ยวหมดแรงแบบนี้ แต่ฉันก็คงไปว่าอะไรนายมากไม่ได้หรอกนะ เพราะเราเป็นเพื่อนกัน ! อ้อ ฉันจำไม่ได้ด้วยสิ ว่าเคยคบคนระดับนายเป็นเพื่อน”อธิปพูดน้ำเสียงเย็นชา ก่อนจะหันหลังกลับขึ้นบันได แผ่นหลังแกร่งนั้นเปียกชุ่ม วริณเดินตามไป เขารู้ว่าอธิปเป็นห่วงเขา กลับมาเหนื่อยๆก็ต้องมาตามหาเขา เขารู้…และอาจจะคิดว่า อธิปแค่โกรธ ไม่มีเหตุผลไปบ้าง พอหายโกรธอธิปก็จะเป็นอธิปคนเดิม…เขาจะบอกเรื่องทุกอย่างเอง…จะยอมให้อธิปเอ็ดเขาเรื่องตากฝน จะยอมให้ชายหนุ่มงอนเขาที่งี่เง่า แต่ตอนนี้…ขอแค่อธิปรับฟังเขาบ้างเท่านั้นเอง
ปัง !
อธิปปิดประตูใส่หน้า…
วริณจึงหน้าหง๋อย เดินเข้าไปอีกห้องของแซมที่กำลังงัยเงียอยู่บนเตียงแทน…
-------------------------------------------------------------X
มาสั้นๆ

ต้องขอโทษด้วยนะค่ะ ที่หายๆไป ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้ามาส่องเล้าเท่าไหร่ อาจจะเข้ามาเม้นนิยายให้นักเขียนที่ชอบบ้าง

แต่เวลาเขียนนิยายของตัวเองไม่ค่อยมี เนื่องจากเรื่องหลายๆเรื่องเนอะ เครียด เรียนยังไม่หนักแต่เครียดเอาไว้ก่อน
กลัวไม่ได้เรียนสายที่หวัง กลั๊ว กลัว กลัว ไปหมดทุกอย่าง - - เครียดไว้ก่อนล่ะกัน 555
เทอมนี้เลยตั้งใจเรียนเป็นพิเศษ และอันเนื่องมาจากสภาพอากาศในประเทศไทญ โอ๊ยย ทำไมมันหนาวเหน็บขั้วหัวใจเยี่ยงนี้
กว่าแจงจะแบกสังขารจากโรงเรียนถึงบ้านด้วยระยะทาง 30 กว่าโลมาได้ <บ่งบอกว่าบ้านอยู่ในเมือง>

หมดเรี่ยวหมดแรงกันเลยทีเดียว ถึงบ้านก็ท่องโลกพันธุศาสตร์และไฟฟ้าแสนง่าย นั่งฟังกฏของโอห์มจนน้ำลายยืดเป็นทางยาว นี่แหละความขยันอ่านหนังสือก่อนเรียนมันทำได้เท่านี้จริงๆ 5555 บ่นขำๆพอเป็นพิธี
ขอเป็นเด็กเรียนซะ 1 ปี ล่ะกัน

ยืดๆไปนิดนะค่ะ พอถึงจุด จุดๆ นัน้เมื่อไหร่ ก็คงจะจบอีกกี่ตอน แต่ไม่รู้จะนานเท่าไหร่แค่นั้นเอง
