ตอนที่ 19
กลิ่นยาฆ่าเชื้อที่เป็นลักษณะเฉพาะของโรงพยาบาล แม้จะอยู่ให้ห้องพักแบบพิเศษที่มีแยกส่วนระหว่างห้องพักของคนเฝ้าไข้กับผู้ป่วย แต่กลิ่นที่ไม่คุ้นเคยทำให้คนที่หลับหมดสติไปเกือบหนึ่งวันเต็มๆฟื้นตื่นจากการหลับใหล แสงไฟสีส้มอ่อนๆจากหัวเตียงคนไข้ช่วยทำให้ไม่ต้องปรับสายตามากเท่าที่ควรเป็น มือข้างซ้ายรู้สึกชาไปทั่วทั้งมือเมื่อหันไปมองก็ทำให้ยิ้มได้อย่างสุขใจ
‘คุณสิงห์’
กรณ์มองสิงห์ที่หลับไปทั้งๆที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้เล็กๆข้างเตียงที่เขานอนอยู่มือทั้งสองข้างของสิงห์กุมมือซ้ายของกรณ์จนแน่นเป็นสาเหตุของอาการเหน็บชา ใบหน้าคมของสิงห์ดูซูบตอบลงไปนิดหน่อยเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ไม่ใช่ว่ากรณ์ไม่รู้ว่าสิงห์ห่วงตัวเองที่กินไม่ค่อยได้นอนไม่ค่อยหลับจนสิงห์กังวลตาม...ขอบคุณที่สิงห์เข้ามาช่วยเหลือทุกๆอย่าง
มือข้างที่เป็นอิสระเอื้อมมาจับตามโครงหน้าของผู้ชายที่ตัวเองหลงรัก...แม้จะไม่ใช่ช่วงเวลาที่ยาวนานมากมาย แค่สามเดือนกว่าๆที่กรณ์ได้ ‘พบ’ และได้ ‘รัก’ สิงห์คือคนที่ทำให้ชีวิตของกรณ์มีความหมาย เป็นคนสำคัญ...เหมือนกับกรรณ์
“อืม...กรณ์!! กรณ์ฟื้นแล้วเหรอ!!??”สิงห์ตื่นเพราะสัมผัสที่ใบหน้า ตกใจตาโตอย่างปิดไว้ไม่อยู่ที่เห็นกรณ์ฟื้นคืนสติ ท่าทีลุกลี้ลุกลนทำให้กรณ์ถึงกับหัวเราะคิกอย่างอารมณ์ดี
“หัวเราะอะไร! เดี๋ยวเถอะนะ”คนถูกหัวเราะใส่แกล้งทำเสียงแข็ง มือข้างหนึ่งยกขึ้นท้ายทอยแก้เขินแต่อีกข้างยังจับมือซ้ายของกรณ์ไว้อย่าง ‘มั่นคง’ ความกลัวที่พึ่งผ่านไปเมื่อวานยังฉายชัดอยู่ในหัวของสิงห์ ภาพของกรณ์ที่ถูกปืนจ่ออยู่จากด้านหลัง
จากผู้หญิงที่ ‘น่าขยะแขยง’
“เปล่าครับ...”
“เปล่าอะไร หัวเราะเยาะพี่ชัดๆ”
“ไม่ได้หัวเราะเยาะจริงๆครับ...ก็แค่ตลกดีเห็นคุณสิงห์ลนๆ ปรกติออกจะเป็นคนมั่นใจ”กรณ์พูดยิ้มๆ เพราะตลอดเวลาที่กรณ์เฝ้ามองเฝ้ารักสิงห์อยู่ไกลๆ ทุกท่าทาง ทุกพฤติกรรมของสิงห์ได้แทรกซึมเข้าไปในหัวใจของกรณ์ช้าๆ ทุกเรื่องที่ของเป็นสิงห์กรณ์จะอยากรู้เสมอ
อยากจะรู้เรื่องราว ชีวิต ความเป็นอยู่ อยากรู้ว่าทำอะไร มีความสุขอยู่หรือเปล่า คุณสิงห์ของเขายังยิ้มอยู่มั้ย...มันเลยไม่แปลกที่กรณ์จะรู้นิสัยบางส่วนของสิงห์จากการที่เขาทำตัวเป็นแฟนคลับสิงห์แบบห่างๆไม่ให้เจ้าตัวรู้
“เหรอ...งั้นพี่จะทำตลกบ่อยๆดีมั้ย”
“หือ...ไม่ดีมั้งครับ ไม่ค่อยเหมาะกับคุณสิงห์เท่าไรเลย”
“ทำไมล่ะครับ พี่ทำตัวตลกๆก็ดีออก กรณ์จะได้ยิ้มจะได้หัวเราะแบบนี้ไง”คำหวานกับมือที่ยกขึ้นลูบหัวทำให้หัวใจของกรณ์เต้นเร็วขึ้นอย่างแปลกประหลาด รู้สึกเหมือนมันจะทะลุออกจากอกให้ได้ตอนที่มือใหญ่สัมผัสลงบนหัวทุยๆของตัวเอง ใบหน้าที่สะท้อนแสงสีส้มอ่อนๆขึ้นสีแดงเรื่อๆที่ข้างแก้มจนทำให้คนเฝ้าไข้อดไม่ได้ที่จะดึงกรณ์เข้ามาในอ้อมกอดเบาๆ
ไม่มีแรงต้านหรือแรงขัดขื่นอย่างเช่นทุกครั้งที่ดึงคนตัวเล็กคนนี้เข้ามากอด
แต่...ความรู้สึกที่อิ่มเอิบแตกต่างไปจากทุกครั้ง เพราะทุกครั้งที่ได้กอด...ได้จูบ...เหมือนว่ากรณ์ทำตามความต้องการของสิงห์เพียงฝ่ายเดียว ทว่า...ครั้งนี้กรณ์ทำเพราะอยากทำ
อยาก ‘ถูกกอด’
“โอ้ย...”เสียงครางเบาๆเพราะเจ็บแผลแต่กลับทำให้สิงห์ตกใจจนอยากจะขำอีกรอบ
“กรณ์! เจ็บเหรอครับ! พี่โดนแผลเหรอ...ขอโทษนะ”
“...ครับ”ยิ้มรับแบบทุกครั้งที่ทำ พลางมองไปดูแผลตรงท้องของตัวเองที่ถูกทำไว้อย่างดี กระสุนที่ถูกฝังก็ผ่าตัดเอาออกเรียบร้อยที่นอนสลบไปหนึ่งวันก็เพราะความเพลียสะสมและผลจากยาสลบตอนที่ผ่าตัดเท่านั้น
แผลถูกยิง...กรณ์ยิ้มเศร้าๆให้กับแผลที่ตนเองได้รับมา
“คุณสิงห์ครับ...กรรณ์ปลอดภัยดีใช่มั้ย”พอเห็นแผลเลยต้องถามถึงน้องชาย รู้อยู่แล้วว่าน้องตัวเองต้องปลอดภัย ก่อนหมดสติกรณ์ก็เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง ‘รู้ทุกอย่าง’
“ครับ...นอกจากแผลฟกช้ำก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”
“เอ่อ...แล้ว”
“ไม่ครับ น้องกรรณ์ไม่ได้ถูกข่มขื่นเพราะกรณ์นะรู้มั้ย กรณ์ช่วยน้องเอาไว้ทัน กรณ์เป็นพี่ที่ดีมากเลยนะครับ”จูบเข้าที่ขมับของคนที่กำลังทำหน้ากังวลก่อนจะบอกเล่าเรื่องราวที่ต่อจากกรณ์สลบให้ได้ฟังเพื่อหวังจะคลายกังวลและเรียกรอยยิ้มของกรณ์กลับมา
เมื่อวานตอนที่นายเดย์วิ่งออกไปอย่างรีบร้อนไม่สนใจว่าใครซุ่มอยู่นอกบ้าน สิงห์ที่กำลังคุยอยู่กับศักดิ์หันไปมองกรณ์ที่คิดว่าอยู่ที่รถด้วยความเป็นห่วงเพราะคนที่พึ่งวิ่งออกมาหนีไปทางที่รถของสิงห์จอดอยู่พอดี แต่สิงห์ก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าที่ๆกรณ์ควรอยู่กลับไม่มี...อย่างเดียวที่สิงห์คิดได้คือต้องเข้าไปในบ้านให้เร็วที่สุด
ทันทีที่เข้ามาให้บ้านหลังนี้ก็ได้ยินเสียงวิ่งไปมาอยู่ที่ชั้นสองของบ้าน เขาจึงเดินขึ้นไปตามเสียงของฝีเท้านั่นภาพแรกที่เห็นเมื่อเดินพ้นบันไดขึ้นมาคือภาพของกรณ์ที่ยืนถือปืนด้วยมือที่สั่นไหวแต่สิ่งที่ทำให้สิงห์กลัวจนต้องรีบเหนียวไกปืนที่มือตัวเองไปที่ภัทรที่ถือปืนจ่ออยู่ข้างหลังกรณ์
ไม่มีความลังเล ไม่มีความสงสารสำหรับ‘ผู้หญิงที่น่ารังเกลียด’อย่างภัทร
“...คุณสิงห์ครับ ผมอยากไป ‘งานศพ’ของคุณภัทร”เสียงเศร้าของกรณ์พร้อมกับแววตาที่ลุบต่ำลงทำให้ไม่สามารถปฏิเสธอะไรร่างบางคนนี้ได้
“อืม...เอาไว้ไปคืนพรุ่งนี้แล้วกัน พี่จะลองคุยกับคุณหมอของกรณ์ให้ว่าจะขอออกไปแค่ช่วงค่ำ โอเคนะครับ”สิงห์บอกอย่างอ่อนโยนที่จริงเขาไม่อยากไปงานศพเลย เพราะสิงห์เป็นคนที่ ‘ฆ่า’ ภัทรกับมือเขาคงทำตัวไม่ถูกเท่าไรที่จะไปร่วมงานแม้ภัทรจะมีความผิดก็ตามที
“ขอบคุณครับ...ถ้าไม่รบกวนจนเกินไปผมอยากพากรรณ์ไปด้วยจะได้มั้ย”
“ได้ซิครับ ถือว่าไปอโหสิฯให้ภัทรแล้วกัน พี่ก็คงจะต้องอโหสิฯภัทรด้วยเหมือนกัน”กรณ์ยิ้มตอบเศร้าก่อนจะซุกตัวเองลงในอ้อมกอดที่แสนจะอบอุ่นที่เป็นที่พักพิงของกรณ์
ร่างที่ล้มกองกับพื้นที่เจิงนองไปด้วยเลือดสีแดงสด ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาและคำพูดที่วนเวียนของภัทรก่อนที่จะสิ้นลมยังคงดังอยู่ในหัวของกรณ์
‘ขอ...ร้อง...ภัทร..ขอ...รับทุกอย่าง..ทุกความผิด..ขอชดเชย..ด้วย...ชีวิต...ได้โปรด’
◌ ◌ ◌ ◌ ◌ ◌ ◌ ◌ ◌ ◌ ◌ ◌
เสียงสวดศพของเหล่าพระสงฆ์ที่สวดให้กับร่างของหญิงสาวผู้ล่วงลับที่นอนอยู่ในโรงไม้ตั้งเด่นอยู่กลางศาลา เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของผู้เป็นแม่ร้องออกมาอย่างทำใจไม่ได้ จริงอยู่ที่ปริยาภัทรไม่ใช่ลูกรักของนารี แต่ถึงยังไงนารีก็ ‘รัก’ ปริยาภัทรอย่างไม่มีข้อสงสัย แม้วิธีการสอนวิธีการเลี้ยงดูจะผิด แต่ความเป็นแม่...ความทุกข์ทรมานที่ต้องมาจัดงานศพให้ลูกของตัวเองมันรวดร้าวเกินไป...และน้ำตาก็คือทางที่จะระบายออกได้ดีที่สุด
รถตู้สีบรอนซ์เงินเคลื่อนตัวเข้ามาจอดเทียบที่ศาลาที่ใช้สวดศพ คนที่เดินเข้ามาในงานทำให้เจ้าของงานต้องตาโตด้วยความเจ็บแค้น คุณหญิงเนตร คุณอัคคี โยริน กรณ์ กรรณ์และราชสีห์เข้ามาร่วมงานพร้อมๆกัน นารีที่เห็นคนเหล่านี้ก็ยิ่งปวดใจมากกว่าเดิม
เรื่องราวทั้งหมดถูกบอกผ่านให้นารีและครอบครัวรับรู้อย่างไม่มีปิดบัง คุณสุดาปิดปากไม่ยอมพูดอะไรแม้สิ่งที่ทุกคนเข้าใจจะขัดกับสิ่งที่ตัวเองรู้ในตอนแรก เพราะที่หลานสาวเธอต้องตายก็เพราะอยากจะลบล้างบาปอย่างที่เคยเปรยกับตัวเองบ่อยๆ อีกอย่างภัทรก็ตายไปแล้ว ตายทั้งๆที่รับความผิดไปทั้งหมด หลานสาวเธอคงจากไปอย่างหมดห่วงแล้ว...
แต่ที่คุณสุดาเป็นห่วงคือหลานชายของเธอ ที่มีปฏิกิริยาทันทีที่กรณ์เดินลงมาจากรถตู้ สายตาลอกแลกจนน่าสงสัยเหงือเม็ดโตผุดขึ้นมาเต็มใบหน้าอย่างคนกังวล ใจจิตของกฤษณ์กำลังหวาดกลัว
“ไปไหว้น้องซิกฤษณ์ บอกน้องว่าให้น้องสบายใจว่ากฤษณ์จะกลับตัวเป็นคนใหม่ ทำเพื่อน้องบ้างนะลูก”
“ค..คุณ..ย..ยายพูดอะไร! ผม...ผมทำไมต้องกลับตัว”
“กฤษณ์....”คุณสุดาเสียงอ่อนที่เห็นท่าทีของหลานชายถ้าจะโทษใครซักคนที่เป็นคนที่ทำให้กฤษณ์เป็นคนนิสัยเลวร้ายขนาดนี้คงต้องโทษตัวของเธอเอง...อาจเพราะเธอเป็นยายแท้ๆ แต่พอเห็นนารีสอนลูกในทางที่ผิดๆเธอกลับนิ่งเฉย
‘จุดเริ่มต้นมันอยู่ตรงไหนกันนะหลานยาย’
“คุณยายไม่ต้องพูดอะไรแล้ว...ผมขอตัวก่อนนะครับ อยากสูดอากาศบริสุทธิ์หน่อย”ไม่ทันที่จะได้พูดห้ามหรือตักเตือนอะไรร่างเพรียวของกฤษณ์ก็รีบเดินออกไปด้านหลังวัดเพื่อหลบหน้าคนที่พึ่งมา
ด้านกรณ์ที่พึ่งมาถึงก็ตรงเข้าไปเคารพศพภัทรเป็นอย่างแรกไม่ลืมที่จะดึงน้องชายของตัวเองให้เดินไปพร้อมๆกันด้วย
“พี่ใจดี!....พี่ใจดี!”เสียงกรรณ์เย้วๆขึ้นมาจนทุกคนหันมาให้ความสนใจเด็กหนุ่มร่างเล็กที่กระโดดชี้ใส่รูปหน้าศพของภัทรร้องบอกกรณ์ราวกับจะแนะนำ ‘พี่ใจดี’ ของตัวเองให้พี่ชายรู้จัก
“กรรณ์มาไหว้พี่ใจดีก่อน”กรณ์กลั้นก้อนสะอึกเข้าไปก่อนจะเรียกกรรณ์ให้ลงมานั่ง จุดธูปแบ่งให้น้องชาย กรรณ์รับธูปไปงงๆก่อนจะทำตามกรณ์ที่เริ่มพนมมือและก้มกราบลงไปที่หน้าโรงศพของภัทร
“กรรณ์ครับ กราบพี่ใจดีซิครับ”
“อยู่ไหน??”
“นู้นไง พี่ใจดีนอนอยู่ในนั้น”
“อ่า...แล้ว...จะตื่นมั้ย...กรรณ์อยากกิน..สตอเบอรี่!!”
“อืม...ก็คงจะ...นานมั้งครับ ถ้ากรรณ์อยากกินสตอเบอรี่เดี๋ยวกรณ์จะซื้อให้เองนะ”กรณ์อ้อมแอ้มตอบ ไม่ใช่ว่าไม่อยากอธิบายให้กรรณ์ฟัง แต่รู้ว่าอธิบายไปกรรณ์ก็คงไม่เข้าใจเผลอๆอาจจะอาละวาดซ้ำ
“ไม่เอาหรอก!! สตอเบอรี่...พี่ใจดี...อร่อยที่สุด!!”
“ทำไมพูดเสียงดังใส่กรณฺล่ะกรรณ์ไม่น่ารักเลยนะ กรณ์โกรธนะ”
“...ขอโทษ”
บทสนทนาของสองพี่น้องอยู่ในสายตาของคุณสุดามาตลอด ยิ่งได้ยินคำพูดที่กรรณ์พูดถึงหลานสาวก็พาลจะน้ำตาไหลเสียให้ได้ ช่วงเวลาที่ดูแลกรรณ์ ภัทรดูแลได้ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่องราวกับว่าคุณสุดากำลังมองดูหลานสาวของเธอกำลังเลี้ยงลูกชายตัวน้อยๆของตัวเองอยู่
ความรักความเอาใจใส่ที่ภัทรมีให้กับเด็กคนนี้ไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่คุณสุดาเคยให้กับลูกของเธอ...บางทีอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำไป
“คุณยายใจดี!!...พี่ใจดี! พี่ใจดี...หลับ”กรรณ์ที่หันไปเห็นคุณสุดาที่กำลังเริ่มน้ำตาคลอก็รีบวิ่งไปหาอย่างคุ้นเคย
“จ้ะ...พี่ใจดีกำลังหลับสบายเลยนะ กำลังหลับอย่างมีความสุขด้วย แล้วกรรณ์อยากให้พี่ใจดีมีความสุขมั้ยล่ะจ้ะ”
“อยาก....ครับ”
“ถ้าอย่างนั้น...กรรณ์ต้องขยันสวดมนต์แล้วคิดถึงพี่ใจดีบ่อยๆ ทำบุญให้พี่ใจดีเขาบ่อยๆ แล้วกรรณ์ก็ต้องมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข แค่นั้นพี่ใจดีของกรรณ์ก็จะนอนหลับอย่างสบายแล้วล่ะจ้ะ”เสียงของหญิงชราบอกกับกรรณ์ ตอนนี้เธอไม่สามารถกลั้นน้ำตาที่มีไว้ได้อีกต่อไป มือที่เหี่ยวแต่อบอุ่นยกขึ้นมาลูบหัวกรรณ์อย่างรักใคร่
พอได้เห็นแบบนี้ยิ่งทำให้กรณ์รู้เลยว่าระหว่างที่กรรณ์หายไปยังมีคนที่คอยปกป้องน้องชายอยู่เสมอ ยิ่งเห็นก็ยิ่งรู้สึกติดค้างภัทรมากเหลือเกิน คนที่คิดมาตลอดว่าเป็นคน ‘ไม่ดี’ ลักพาตัวกรรณ์ไปพรากพี่พรากน้อง...น่าละอายใจจริงๆ
“ทำอะไรอยู่ครับกรณ์”สิงห์เดินซ้อนหลังเรียกทักกรณ์ เขาพึ่งไปทักทายนารีที่ร้องห่มร้องไห้อยู่อีกด้านของศาลา เห็นแววตาของนารีก็รู้ว่ายังโกรธเขาอยู่แน่ๆ สิงห์เข้าใจดีจึงเลี่ยงออกมาหากรณ์ที่ยื่นมองดูน้องชายคุยกับคุณสุดาด้วยแววตาที่เศร้าสร้อย
“คุณสิงห์ครับ...ถ้า...ถ้าไม่มีผม ถ้าผมไม่ได้แอบชอบคุณสิงห์ คุณสิงห์กับคุณภัทรจะได้แต่งงานกันมั้ยครับ”
“ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะครับ ถึงไม่มีกรณ์แต่ถ้าภัทรเป็นผู้หญิงแบบนี้พี่ก็ไม่แต่งแน่นอน”สิงห์ตอบอย่างมั่นใจ มองกรณ์ด้วยแววตาที่สื่อความจริงใจ
“แต่คุณภัทรเป็นคนดีนะครับ”
“คนดีที่ไหนเขาทำกันแบบนี้กรณ์”
“คุณภัทรเธอมีเหตุผล อย่าว่าอะไรคุณภัทรอีกเลยนะครับ ผมแค่อยากให้คุณสิงห์รู้ว่าคุณภัทรเธอเป็นคนดีจริงๆ ถ้ายังมีชีวิตอยู่ก็คงเหมาะสมกับคุณสิงห์มากเลยล่ะครับ”กรณ์พูดยิ้มๆ ไม่ได้ประชดใดๆแต่พูดออกมาจากใจจริงๆ
“กรณ์...ถ้ากรณ์พูดมาประมาณนี้อีกพี่จะโกรธแล้วนะ เลิกทำเหมือนพี่เป็นของเล่นซะทีได้มั้ย จริงจังกับพี่หน่อย ก่อนเจอกรณ์พี่อาจจะเหมาะสมกับคนอื่น แต่พอมาเจอกรณ์ พี่ก็เป็นของกรณ์แค่คนเดียว เหมาะกับกรณ์แค่คนเดียว...จำเอาไว้นะ!”สิงห์พูดเสียงแข็งใส่ก่อนจะหันหน้าเดินหนีไปแบบงอนๆ กรณ์อมยิ้มส่ายหน้าให้กับท่าทางแปลกๆของสิงห์ที่นับวันก็จะมีมาให้เห็นเรื่อยๆ พลางมองไปที่รูปของภัทรที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ
ส่งยิ้มขอบคุณและขอบโทษอยู่ในทีไปให้
ขอบคุณที่ช่วยเหลือพวกเราสองพี่น้องทั้งๆที่เราไม่ได้เป็นญาติหรือแม้กระทั้งคนสนิทชิดเชื้อและขอโทษที่ต้องยกความผิดทั้งหมดไปที่ภัทร ที่ต้องให้ภัทรรับบาปที่ควรเป็นของเขาแท้ๆ
ช่วงเวลาแห่งชีวิตที่กรณ์กำลังจิตใจสั่นไหวเพราะเห็นร่างกายที่เปลือยเปล่าของกรรณ์กับผู้ชายร่างใหญ่อีกคน ทำให้ถูกเจ้าร่างใหญ่นั้นคว้าปืนตรงหัวเตียงยิงเข้าที่หน้าท้องแต่ก็ถูกภัทรที่ยิงสวนกลับไปเข้าที่กลางอกและสุดท้ายก็ภัทรก็ถูกสิงห์เข้าใจผิดยิงจนเสียชีวิต
‘ผมเป็นหนี้คุณเยอะเหลือเกินคุณภัทร’
◌ ◌ ◌ ◌ ◌ ◌ ◌ ◌ ◌ ◌ ◌ ◌
ความมืดสนิทของวัดทำให้บรรยากาศแถวนี้ดูวังเวงจนน่ากลัว ยิ่งเป็นบริเวณที่เอาไว้ตั้ง ‘บัว’ ซึ่งเอาไว้เก็บกระดูกของคนตายทำให้บริเวณโดยรอบน่ากลัวเข้าไปกันใหญ่
เสียงจิ้งหรีดเพียงอย่างเดียวที่ทำให้เกิดเสียงแต่ก็ดันเป็นเสียงที่ไม่น่าฟังซักเท่าไรสำหรับกฤษณ์ที่เดินออกจากศาลาสวดศพด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว อารมณ์เสียที่เจอกรณ์ที่งานทั้งแค้นทั้งกลัวว่ากรณ์จะบอกความจริงกับทุกคนเลยเลือกเดินหนีออกมาจากทางท้ายวัดแล้วค่อยไปหาแท็กซี่ออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
แต่...เหมือนว่าทุกๆอย่างไม่ได้เป็นไปอย่างที่กฤษณ์คิดเอาไว้
“หึหึ....”
“ใครน่ะ!!!??”เสียงประหลาดดังขึ้นจากหลังบัวเก็บกระดูกหลังใหญ่ กฤษณ์ผวามองผ่านความมืดแต่ก็เห็นเพียงเงาลางๆของผู้ชายและดวงตาที่โกรธแค้นกำลังจ้องมองมาที่เขาอย่างน่ากลัว
“มึงจำกูไม่ได้แล้วรึไง???”
“อ...ไอ้เดย์!!!”
“เออ!! กูเอง ทำไม คิดว่ากูจะตายแล้วรึไง ถุย! กูไม่กระจอกขนาดนั้นหรอกเว้ย คิดจะส่งคนไปเก็บกูเพื่อปิดปากแต่ส่งไปแค่สามสี่คนมันจะดูถูกกูมากไปล่ะ!”ตวาดออกมาอย่างเสียงดังพร้อมๆกับร่างใหญ่ที่ก้าวเข้ามาหากฤษณ์ทีละก้าวอย่างน่าหวาดหวั่น
แต่ที่น่าหวาดหวั่นกว่านั้นคือวัตถุมีคมสีเงินด้ามทั้งยาวและใหญ่ที่อยู่ในมือของไอ้เดย์
“ก....กู...กูเปล่านะ ไม่ใช่กู!”
“ไม่ใช่มึงแล้วมันหมาตัวไหน! ตั้งแต่กูออกจากคุกกูก็ทำงานให้มึงมาคนเดียวตลอดสี่ปีแล้วมันจะมีหมาที่ไหนมาสั่งเก็บกู!”
“ก..กู...ไม่รู้ ไม่ใช่กูนะ...ไม่ใช่กู”
“มึงพลาดเองนะที่จะเล่นกับโจรอย่างกู!”เพราะความกลัวทำให้ขาของกฤษณ์ไม่สามารถก้าวหนี ‘มัจจุราช’ ที่อยู่ตรงหน้าได้ เดย์เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มที่ยกยิ้มอย่างถูกใจที่ได้เห็นอดีตเจ้านายกลัวตายจนปากสั่นตาเหลือก
ที่จริงเดย์ก็ไม่ได้อยากจะฆ่าใครแต่เพราะกฤษณ์เล่นไม่ซื่อหวังจะเอาชีวิตของมันก่อน เพราะต้องปกป้องตัวเองเลยจำเป็นต้องฆ่า...เสียงฉึ่บ!! ดังขึ้นเบาๆขณะที่เดย์แทงเข้าไปที่ท้องของกฤษณ์อย่างแรงจนปลายแหลมของมีดทะลุออกจากด้านหลังของกฤษณ์ก่อนที่เสียงฉึ่บจะเกิดขึ้นอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า...เป็นสิบๆครั้ง
‘......พี่กฤษณ์........’
ก่อนที่ลมหายใจจะดับ ชีวิตที่มีจะสูญสิ้น รอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าขาวของกฤษณ์อีกครั้ง ภาพที่เขาเห็นคือร่างโปร่งใสของคนที่คุ้นเคยกำลังยื่นมองเขาอยู่ ใบหน้าที่กฤษณ์จำได้ดีเพราะอยู่ด้วยกันมาเกือบยี่สิบปี น้ำเสียงแผ่วเบาที่คอยเรียกชื่อของเขาอย่างเคารพมาโดยตลอด
‘แกเหงาซินะยัยภัทร...จริงซินะ...ก็แกทำอะไรไม่เป็นเลยซักอย่าง ถ้าไม่มีฉันแกจะอยู่ได้อย่างไร...จริงมั้ย??’
‘ยัยน้องโง่’

ถอนหายใจสำหรับตอนดาร์คๆแบบนี้
แอบมีหวานมีหน่อยๆด้วย = ="
ขอบคุณทุกคอมเม้นครับ

ประเด็นสำคัญที่อยากรู้คือพ่อ แม่ของสิงห์ เคยทำอะไรไว้
กับครอบครัวของกรณ์ด้วยใช่มั๊ย เรื่องนี้จะดราม่าอีกนานเลยใช่ปะคะ
ตอบเม้นอันนี้เดี๋ยวเข้าใจผิด แฮะๆ
เรื่องนี้ใกล้จบแล้วครับ ดราม่าอีกไม่นานแน่ๆรับรอง ประเด็นดราม่าเรื่องพ่อแม่สิงห์ผมใส่พลอตนี้ไป
เพื่อทำให้เรื่องนี้จบแบบสมบูรณ์ครับ
รับรองว่าต่อจากนี้จะไม่ค่อยดราม่าเท่าไรเลยครับ ^^
[/color]