มาแล้วค่ะ ขอโทษด้วยที่เมื่อวานไม่ได้มาลงนิยาย เพราะว่าอินเตอร์เนทมีปัญหานิดหน่อยค่ะ วันนี้แก้ไขแล้ว และพาพี่หมูกับนิธินมาหาทุกคนแล้ว ขอบคุณมาก ๆ นะคะ +เป็ด& +โหวต
อ่อ ลืมวันนี้เป็นวัน Holi ของอินเดีย (เทศกาลวันเล่นสีต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ)ก็ขอ Happy Holi คุณผู้อ่านทุกท่านค่ะ
26
นิธินปิดคอมพิวเตอร์และลุกขึ้นบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยขบจากการนั่งทำงาน แต่ก่อนจะออกจากตัวแผนก กลุ่มเพื่อนร่วมงานสาวที่กำลังออกมาพร้อมกันก็ส่งยึ้มพึงใจให้เขา และมีคนหนึ่งถามว่า
"คุณนิธินคะ เลิกงานแล้วไปไหนต่อเหรอ"
นิธินตอบกลับอย่างเป็นมิตร "ผมไปฟิสเนสหน่ะครับ"
พวกเธอได้ยินอย่างนั้นก็ดี๊ด๊าที่รู้ว่าชายหนุ่มเป็นคนรักสุขภาพ ชายหนุ่มรู้ดีว่าสาวๆคิดยังไงกับเขา เขาจึงใช้มือข้างซ้ายที่มีแหวนสวมอยู่ขึ้นมาขยับเนคไทให้พวกเธอสังเกตเห็นและรับรู้ว่าเขาไม่โสดแล้ว
พวกเธอเห็นอย่างนั้นจึงเจื่อนลง และถามตามมารยาทว่า
"คุณนิธินแต่งงานแล้วเหรอคะ"
"ครับ" นิธินตอบอย่างสุภาพ
สาวๆพวกนั้นยิ้มให้แก้เก้อ ก่อนจะขอตัวแยกย้ายกับชายหนุ่ม นิธินมองตามและไม่ได้ถือสาแต่อย่างใด เขาก้มมองดูแหวนและก็คิดถึงคนรักที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันมาเดือนกว่าทันที
นิธินอยากกลับไปเจอหน้าเหมือนทุกครั้งที่เจอกันตอนเลิกงาน เขาคิดถึงมือเรียวสวยที่เคยเกาะกุม คิดถึงแก้มใสๆที่หอมแล้วชื่นใจทุกครั้ง คิดถึงเนื้อตัวขาวสะอาดขนาดกอดกำลังอุ่นที่เคยกอดนอนทุกคืน
นิธินอยากรู้จริงๆ ว่าป่านนี้อีกฝ่ายจะเป็นยังไงและทำอะไรอยู่ ...
“สวัสดีค่ะ ทำอะไรดีคะ มีช่างประจำหรือยังคะ” หญิงถามลูกค้าที่เข้ามาใหม่ในเวลาใกล้ปิดร้านแต่นายทหารหนุ่มที่อยู่ในชุดลำลองตอบกลับอย่างเป็นกันเองว่า
“ยังครับ แต่กำลังจะมี”
หญิงงง ๆ กับคำพูดหยอกเย้าของผู้ชายหน้าตาคมเข้มตรงหน้า ก่อนที่อธิปพงศ์จะเดินมาเจอพอดี
“อ่าว..ไอ้อ๊อฟ” อธิปพงศ์ประหลาดไม่น้อยที่เห็นเพื่อนตัวเองอยู่หน้าร้านอย่างนี้
"มาได้ไงวะ"
อธิปพงศ์งงเล็กน้อยที่เห็นเพื่อนมาโดยที่ไม่โทรถามอย่างนี้
"อ๋อ วันนี้จะตัดผมหน่ะ เลยอยากตัดกับมึง" กรวัฒน์ตอบรับ
"แล้วทำไมไม่โทรบอกก่อนวะ"
"งั้นก็ไม่เซอร์ไพร์สดิ"
"อืม ๆ งั้นมาสระผมก่อนละกัน" อธิปพงศ์เดินนำเพื่อนมายังที่สระผม ที่กั้นไว้เป็นสัดส่วน พร้อมกับถามเพื่อนที่เขากำลังลงมือสระผม
"แล้วนี่มึงรู้ได้ไงว่ากูทำงานอยู่ที่ร้านนี้"
"หึหึ ลูกเจ้านายกูเพิ่งมาตัดกับมึง แล้วเค้ามาบอกว่ามาตัดที่มาบุญครองนี่ กูเลยถามชื่อช่างถึงได้รู้ว่าเป็นมึง"
"อ่าวเหรอ" อธิปพงศ์กระจ่างถึงที่มา และยิ้มเบาๆกับเรื่องบังเอิญ
"เออ ฮ่ะๆ" กรวัฒน์หัวเราะเบาๆก่อนจะเงียบไปเพราะเพลิดเพลินกับจังหวะนิ้วที่กำลังสระผม จนเมื่อล้างผมรอบสุดท้ายเสร็จเขาก็มานั่งที่หน้ากระจกเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการตัด
"เอาให้หล่อๆ นะเว้ย"
"เออ" อธิปพงศ์ยิ้มขำกับคำของเพื่อน และค่อยเช็ดผมก่อนจะทำตามขั้นตอน ส่วนป๊อกกี้ที่เพิ่งเสร็จจากลูกค้าก็หันมามองเห็นอธิปพงศ์กำลังตัดผมให้ลูกค้าหน้าตาดีอยู่ ก็เลยเก็บอาการอยากรู้ไปเมาท์กับหญิง
"นังหญิง ลูกค้าพี่หมูคนนี้หล่ออ้ะ"
"อืม เห็นว่าเป็นเพื่อนพี่หมูล่ะ"
"จริงเหรอ" ป๊อกกี้อุทานอย่างประหลาดใจ
"พี่ป๊อกอยากได้เหรอ"
"ไม่ล่ะค่ะ พี่เค้าหล่อดีนะคะ แต่ท่าทางเป็นผู้ชายมาเชียว งานนี้กระเทยไม่เสี่ยงค่ะ"
ป๊อกกี้พูดไปตามที่เห็นเพราะกรวัฒน์มีภาพลักษณ์แบบผู้ชายชาติทหารที่ดูจริงจังและไม่น่าจะพูดจาหยอกล้อเล่นหัวกับเขาได้
กรวัฒน์มองตัวเองและอธิปพงศ์ที่กำลังลงมือตัดผมอยู่ก็สังเกตว่าที่นิ้วนางข้างซ้ายของเพื่อนมีแหวนสวมอยู่ ก็นึกออกว่าน่าจะเป็นแหวนแทนใจระหว่างคนรัก เขาจึงถามเพื่อนออกไปด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“เออ แล้วมึงกับแฟนเป็นไงมั่งวะ”
อธิปพงศ์ได้ยินอย่างนั้นก็สะดุดลงนิดนึง ก่อนจะตอบว่า
“อ๋อ ก็ดี เรื่อย ๆ แต่ตอนนี้เค้าไปทำงานที่ดูไบว่ะ อีกห้าเดือนถึงจะกลับมา”
“อ่าวเหรอ” กรวัฒน์เพิ่งรู้ก่อนจะบอกว่า “เออ ๆ ดี ไปทำงานเมืองนอกได้เงินเยอะดี”
และปล่อยให้ช่างตัดผมต่อ ชายหนุ่มรู้สึกเสียมารยาทเล็กน้อยที่ถามเรื่องส่วนตัวของเพื่อนมากเกินไปจนตัดผมเสร็จ กรวัฒน์ก็ชวนอธิปพงศ์ว่า
“เออ วันนี้มึงไปกินข้าวกับกูเลยไอ้หมู ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”
“อืม งั้นมึงเดินเล่นรอกูแป๊บละกัน เดี๋ยวกูช่วยพี่กุ้งเค้าเก็บร้านก่อน”
“ได้ ๆ งั้นเดี๋ยวกูมาหามึงที่นี่อีก” กรวัฒน์รับคำและเดินหายไป ส่วนอธิปพงศ์ก็ไปช่วยพี่กุ้งปิดร้านตามที่บอก
“ใครหน่ะหมู” พี่กุ้งเอ่ยปากถาม
“อ๋อ เพื่อนตั้งแต่เด็กที่ลพบุรีหน่ะครับ”
“อ่าวเหรอ”
“ครับ”
พี่กุ้งคาดเดา “เค้าเป็นทหารรึเปล่า”
“ใช่ครับ” อธิปพงศ์พยักหน้ารับ แต่ป๊อกกี้เห็นว่าพี่กุ้งคาดเดาได้ถูกต้องจึงเอ่ยปากถาม
“ว๊ายย คุณแม่รู้ได้ไงคะเนี่ย”
“แค่ดูก็รู้แล้ว” พี่กุ้งตอบเรียบ ๆ เพราะบุคลิกของผู้ชายในเครื่องแบบมักจะมีความแตกต่างโดดเด่นกว่าผู้ชายทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด
ไม่มีใครพูดอะไรต่อนอกจากช่วยกันจัดเก็บร้านให้เสร็จ และกรวัฒน์ก็มาหาที่หน้าร้านอีกครั้งอย่างที่นัดไว้ อธิปพงศ์จึงแนะนำเพื่อนให้พี่กุ้งและทุกคนรู้จัก
“พี่กุ้งครับ นี่อ๊อฟ เพื่อนผม”
“สวัสดีครับ” พี่กุ้งทักทายก่อน
“สวัสดีครับ” กรวัฒน์ยกมือไหว้อย่างมีสัมมาคารวะ
“นี่ ป๊อกกี้ และก็น้องหญิง เป็นช่างที่ร้าน”
“สวัสดีค่ะ”
“หวัดดีครับ”
กรวัฒน์ยิ้มให้ทุกคนอย่างเป็นมิตรและบอกว่า “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
“ค่ะ” หญิงกับป๊อกกี้ตอบพร้อมกัน
อธิปพงศ์บอกกับพี่กุ้งว่า “ผมกลับก่อนนะครับพี่กุ้ง”
“อืมๆ” พี่กุ้งยิ้มรับ
“ถ้ายังไงวันนี้ผมขอตัวก่อน..สวัสดีครับ”
กรวัฒน์ยกมือไหว้ทุกคนและเดินไปพร้อมกับอธิปพงศ์ พี่กุ้งมองตามและคิดว่าก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกันที่อธิปพงศ์ไปกินข้าวกับคนอื่นบ้าง เพราะวันนี้เขาจะได้ไม่เหงาเหมือนทุกวันที่ผ่านมา
นิธินออกกำลังแบบคาร์ดิโอเสร็จแล้ว ตอนนี้กำลังบริหารกล้ามเนื้อเฉพาะส่วนกับการยกเวทอยู่ ฟิสเนสที่นี่ไม่ค่อยมีคนเล่นมากนัก เพราะส่วนใหญ่คนทำงานที่ตึกนี้เป็นคนค่อนข้างมีอายุ ส่วนคนที่เข้ามาใช้บริการก็ไม่ค่อยมีใครจริงจังกับการออกกำลังกายเหมือนเขา และเกย์ที่นี่ก็ไม่ได้มีชีวิตอิสระเพราะเป็นประเทศที่เคร่งครัดในศาสนาอิสลาม ความเป็นเกย์จึงถือว่าเป็นเรื่องต้องห้ามอย่างสิ้นเชิง จะมีก็แต่ส่งสายตาให้กันในฟิสเนสและสระว่ายน้ำบ้างก็เท่านั้น
เมื่อเขาออกกำลังกายเสร็จแล้ว ก็อาบน้ำและออกจากฟิสเนสก่อนจะหยิบไอโฟนขึ้นมาเปิด Facebook และโพสในหน้าวอลล์ของอธิปพงศ์ว่า
“I really miss you, honey”
อธิปพงศ์ที่นั่งอยู่ในรถของกรวัฒน์หยิบไอโฟนของเขาขึ้นมาเพื่อจะดูหน้า Facebook ของตัวเองเหมือนกัน เขากะว่าจะไปฝากข้อความไว้บนหน้าวอลล์ของคนรัก แต่พอเห็นว่านิธินเพิ่งมาโพสอะไรไว้ จึงยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจและเปิดใน Whatsapp ดูก็พบว่านิธินกำลังออนไลน์อยู่เช่นกัน เขาจึงไม่รอช้าที่จะพิมตอบโต้คุยกับคนรัก
“ไงครับที่รัก ทำอะไรอยู่กลับบ้านรึยัง”
“กำลังจะกลับครับ” นิธินที่กำลังเดินกลับอพาตเม้นท์ตอบมาและถามต่อ “คุณล่ะ เลิกงานหรือยัง”
“เลิกแล้ว แต่วันนี้เจอไอ้อ๊อฟ มันชวนไปกินข้าว”
“อืมม” นิธินรับรู้และจำกรวัฒน์ได้ ก่อนจะพิมกลับมาว่า
“คิดถึงคุณนะครับ”
“ครับ คิดถึงคุณมากๆ เหมือนกัน” อธิปพงศ์ตอบกลับพร้อมยิ้มอย่างมีความสุข ทำให้กรวัฒน์ที่ขับรถอยู่อดแซวไม่ได้
“แหม ไอ้หมู มีความสุขใหญ่เลยนะมึง”
“เออ” อธิปพงศ์ตอบรับแต่นั้นและคุยกับนิธินต่อ
“ผมอยากกลับไปอยู่กับคุณจัง”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ..” อธิปพงศ์ตอบรับและหวามไหวในใจเพราะอันที่จริงแล้วเขาก็อยากให้อีกฝ่ายกลับมามาก ๆ
นิธินพิมกลับมาด้วยความรู้สึกข้างใน
“เสียดายนะครับที่วาเลนไทน์ปีนี้เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวปีหน้าเราก็ได้อยู่ด้วยกันแล้วนะ ไม่ใช่แค่วาเลนไทน์ แต่เป็นทุกวันเลย”
นิธินรับคำด้วยสีหน้าที่ดีขึ้น
“ครับ ขอบคุณนะครับที่รัก”
สักพักกรวัฒน์ก็ขับรถถึงร้านอาหารที่จะพามากิน อธิปพงศ์เห็นรถจอดแล้วเลยเงยหน้าขึ้นมาถามอย่างแปลกใจ
“อ่าว ถึงแล้วเหรอวะ”
“เออ”
“ทำไมเร็วจัง”
“เร็วห่าอะไร ก็มึงมัวแต่คุยว้อทสแอปกับแฟนเนี่ย มึงจะรู้อะไร”
“เออ ๆ” อธิปพงศ์รับคำและพิมบอกกับคนในมือถือว่า
“ที่รัก ผมต้องไปกินข้าวแล้ว เดี๋ยวถึงห้องแล้วออนคุยกันนะครับ”
“ครับ แล้วเจอกันนะครับ”
“ครับ”
อธิปพงศ์ยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะมองหน้าเพื่อนที่ทำหน้าเซ็ง ๆ ตามประสาคนที่เพื่อนเห็นตัดขาดจากโลกภายนอกเวลาคุยกับแฟน เขาบอกกับกรวัฒน์ที่ยืนมองอยู่ว่า
“ไปสิ”
“เออ..” กรวัฒน์รับคำและเดินเข้าไปในร้านโคขุนย่างบรรยากาศปลอดโปร่งด้วยกัน เมื่อได้โต๊ะและสั่งอาหารแล้ว อธิปพงศ์ก็บอกกับเพื่อนตัวเองว่า
“มึงรู้มั๊ย กูไม่ได้มากินร้านโคขุนอย่างนี้มานานแล้ว”
“อ่าวเหรอ ไมวะ”
“แฟนกูเค้าไม่กินเนื้อ” อธิปพงศ์ตอบยิ้ม ๆ มีความสุขที่พูดถึงคนรัก กรวัฒน์ที่แอบเลี่ยนในใจเลยถามอย่างสงสัย
“เออ แล้วเวลามึงไปเดทกันเนี่ย มึงไปร้านแบบไหนเหรอวะ”
อธิปพงศ์ระบายยิ้มตอบเพื่อน “ก็ทั่วไปแหล่ะ บางทีก็ไปร้านอินเดีย”
“อืม” กรวัฒน์รับคำ
อธิปพงศ์ถามเพื่อนบ้าง
“เออ แล้วนี่กูยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้มึงยศอะไรแล้ว กูจะได้ไม่ปล่อยไก่เวลาเจอมึงอยู่ในเครื่องแบบ”
“อ๋อ ตอนนี้กูเป็นพันตรี”
อธิปพงศ์ตกใจเมื่อรู้ว่าเพื่อนเขามียศอะไร “โห อย่างนี้กูก็ต้องเรียกมึงว่าผู้พันอ๊อฟสิ”
“เออ แต่เรียกตอนอยู่ในเครื่องแบบนะ ส่วนแบบนี้ก็มีแต่กูกับมึงนั่นแหล่ะ อย่าไปถือยศถืออย่างอะไรมากเลยว่ะ กูปวดหัว”
“เออ ๆ ได้”
อธิปพงศ์ยิ้มรับและมองหน้าเพื่อนอย่างจริงใจ กรวัฒน์ก็มองไปยังอธิปพงศ์เช่นกัน เพราะเขาก็ยังไม่ชินที่รู้ว่าเพื่อนกำลังมีความรักกับผู้ชายด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้รังเกียจและมองเห็นเรื่องนั้นเป็นเรื่องสำคัญในความเป็นเพื่อน
สักพักอาหารก็มา พนักงานวางจานเล็กบนเตาไปและเสริ์ฟเนื้อสไลด์ตามที่สั่งให้กับลูกค้าได้ปิ้งย่าง และเมนูเนื้อกะทะร้อนกับจิ้มจุ่มหม้อดินก็ยกตามมาติด ๆ เมื่อพนักงานไปแล้วอธิปพงศ์กับกรวัฒน์ก็จัดการกับอาหารข้างหน้าให้สุกตามวิธี
“อ่ะ เนื้อสุกแล้ว มึงกินก่อนเลย” กรวัฒน์หมายถึงเนื้อย่างกะทะร้อนที่ตอนนี้สุกกำลังกิน
“เออ ขอบใจ” เขาจิ้มชิ้นเนื้อเข้าปาก กรวัฒน์เลยถามว่า
“เป็นไงมั่งวะ อร่อยมั๊ย”
“อืม ก็อร่อยดี”
ชายหนุ่มกลับเนื้อบนเตาพลางถามเพื่อนต่อ “เออ กูยังไม่รู้เลยว่า มึงเจอกับแฟนมึงได้ยังไงวะ”
“อ๋อ..เค้ามาตัดผมที่ร้าน..”
“แล้วไงต่อวะ”
“ก็ตอนนั้นกูกำลังจะเลิกไม่เลิกกับแฟนเก่าอยู่ และเค้าก็เข้ามาพอดี กูก็เลยคบกับเค้าเป็นเพื่อนไปก่อนสักพัก แล้วก็อย่างที่เห็นนี่แหล่ะ”
“เดี๋ยว แฟนเก่ามึงผู้หญิงหรือผู้ชายวะ”
“ผู้หญิง”
“เฮ้ย! จริงดิ..” กรวัฒน์แทบตกเก้าอี้กับสิ่งที่ตัวเองรู้ “หมายความว่านี่มึงเพิ่งคบกับผู้ชายใช่มั๊ย”
“เออ..”
อธิปพงศ์ถามบ้าง เพราะก็อยากรู้เรื่องของเพื่อนเหมือนกัน
“ว่าแต่มึงเหอะ เห็นมึงว่าเคยแต่งงานและตอนนี้หย่าแล้ว ทำไมวะ”
“ก็เข้ากันไม่ได้ว่ะ อยู่กันแล้วไม่มีความสุข ทะเลาะกันทุกวัน กูกับเค้าเลยเห็นตรงกันว่าต่างคนต่างอยู่กันดีกว่า”
“อืม..แล้วมันไม่เหมือนตอนที่มึงเป็นแฟนกันหรือไงวะ ” อธิปพงศ์ไม่เข้าใจเรื่องของเพื่อนเท่าไหร่ เพราะเท่าที่เล่ามาเจ้าตัวดูไม่มีความสุขกับชีวิตคู่
“ไม่เหมือนหรอก แต่งงานกันมีเรื่องให้คิดมากกว่าตอนเป็นแฟนกันไง คือตอนเป็นแฟนกันมันอะไรก็ได้ แต่พอแต่งงานแล้วเหมือนว่ากูกับเค้าอยู่กันไม่ได้จริง ๆ ว่ะ”
“เหรอ...ตอนนั้นมึงเป็นแฟนกันก่อนนานมั๊ย”
“สี่ปีว่ะ กูแต่งงานตอน 27 และหย่ากับเค้าตอน 30 เนี่ย”
“เออ แล้วตอนนี้เค้าเป็นไงมั่ง มึงรู้รึเปล่า”
“เค้าแต่งงานใหม่ มีลูกมีความสุขไปแล้ว” กรวัฒน์ตอบยิ้ม ๆ เพราะยินดีที่เห็นภรรยาเก่ามีชีวิตที่ดีกว่าตอนอยู่กับเขา
“เออ ว่าแต่มึงเหอะ มึงไม่มีใหม่กับเค้าเหรอวะ”
“ก็มี คบ ๆ เลิก ๆ กันอยู่หลายคน เพิ่งมาว่างยาวเอาตอนนี้แหล่ะ”
“เออ” อธิปพงศ์รับคำก่อนจะไปตักจิ้มจุ่มใส่ถ้วย แต่คนเป็นเพื่อนก็ถามต่อว่า
“แล้ว...” กรวัฒน์อยากรู้เรื่องแบบนั้นตามประสาผู้ชายทั่วไป “แล้วมึงกับแฟน..เอ่อ บ่อยป่ะวะ”
อธิปพงศ์รู้ว่าเพื่อนหมายถึงเรื่องอะไร ก็ตอบไปตามความจริง
“อืม..” เขาพยักหน้าเขิน ๆ “บ่อยอยู่...”
“จริงดิ..แล้วมึง..” เขาอยากจะถามต่อว่าใครเป็นอะไร แต่อธิปพงศ์ก็บอกว่า
“พอ ๆ ห่านี่ มันเรื่องของกูเว้ย..” เขาบ่ายเบี่ยงเขิน ๆ และกินอาหารต่อ
“เออ ๆ ไม่รู้ก็ได้” กรวัฒน์หัวเราะกับเพื่อน และลงมือกินเนื้ออย่างพร้อมกับสังเกตตัวอีกผ่ายไปด้วย เขารู้สึกว่า อธิปพงศ์มีอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนผู้ชายทั่วไป ดูมีอะไรบางอย่างที่น่าดึงดูดและน่าหลงใหลให้มองไม่รู้เบื่อ คงจะเป็นเพราะว่าเพื่อนเขาเป็นเกย์เลยมีอะไรอย่างนั้นมั๊ง กรวัฒน์สรุปเอาเอง
“มีไรวะ” อธิปพงศ์เห็นเพื่อนมองอยู่เลยถาม
“ปะ...เปล่า” กรวัฒน์ส่ายหน้าและกินต่อ
เสร็จจากอาหารเย็นมื้อนั้น กรวัฒน์ก็ขับรถมาส่งเพื่อนที่ที่พัก
อธิปพงศ์บอกกับเพื่อนขณะถอดเข็มขัดนิรภัย “วันนี้ ขอบใจมึงมากนะอ๊อฟที่มาชวนกูไปกินอะไรอร่อย ๆ”
“เออ ไม่เป็นไร วันหลังกูมารับมึงไปใหม่ได้”
“เออ..แต่กูว่า ชวนกูไปออกกำลังกายบ้างก็ได้ เดี๋ยวกูอ้วนกันพอดี”
“โห มึงจะดูดีไปไหน แต่นี้มึงก็หล่อจะตายแล้ว”
“ไม่ได้ ๆ เดี๋ยวแฟนกูกลับมา จำกูไม่ได้กันพอดี”
“เออ ๆ” กรวัฒน์รับคำ “มีไรกูโทรชวนละกัน”
“เออ ขอบใจ กลับบ้านดี ๆ นะ”
“เออ”
อธิปพงศ์รับคำและลงจากรถ ส่วนกรวัฒน์มองตามหลังเพื่อนไป ก็เห็นว่าอธิปพงศ์เป็นผู้ชายที่มีรูปร่างน่ามองจริง ๆ
แต่เขาก็ส่ายหัวไล่ความคิดนั้น เพราะว่ายังไงเพื่อนก็เป็นผู้ชายเหมือนกันอยู่ดี
เมื่อเขาไปถึงห้องพักก็รีบเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อจะออนไลน์คุยกับคนรัก ก็พบว่านิธินยังออนไลน์ทุกโปรแกรมอยู่พอดี จึงทักชายหนุ่มอย่างดีใจผ่าน Skype
ชายหนุ่มส่งยิ้มดีใจที่เห็นหน้านิธินและกรอกเสียงผ่านเฮดโฟน
“ไง ที่รัก ผมคิดว่าคุณนอนซะแล้ว”
“ยังครับ ผมก็รอคุณอยู่ไง”
“เหรอครับ ขอบคุณนะครับ”
“วันนี้ไปกินอะไรเหรอครับ”
“เนื้อย่าง”
“หะ” นิธินไม่ค่อยเข้าใจคำว่าเนื้อย่าง
“Beef”
“อ๋ออ ครับ” ถึงเขาจะเป็นชาวฮินดู แต่ก็เข้าใจดีว่าเนื้อวัวเป็นอาหารของคนที่ไม่ใช่ฮินดูอย่างเขา
“อืมม วันนี้เป็นไงมั่งครับ”
“ก็ดีครับ ทำงานก็โอเค ได้ไปฟิสเนสด้วย ฟิสเนสที่นี่คนน้อยดี”
อธิปพงศ์จึงตอบไปว่า
“ดีแล้วหล่ะ ผมจะได้สบายใจว่าไม่มีใครมาแอบมองคุณ ฮ่ะๆๆ”
“เหรอ...” นิธินยิ้ม ๆ “ผมหน่ะสิที่ต้องห่วงมากกว่า”
“ห่วงผมเหรอ”
“อื้ม..”
“แหม ผมหน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่คุณหน่ะ มีสิมีแต่คนเข้ามา” อธิปพงศ์ตอบกลับอย่างหวั่นใจ เพราะเวลาเขาเห็นหน้าอัคคัสในเฟรนลิสของนิธินทีไรก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที ไหนจะมีคนใหม่ ๆ ที่ขยันแอดเข้ามาอีก
นิธินรู้ดีว่าอธิปพงศ์รู้สึกอย่างไรถึงได้พูดมาอย่างนี้ เขาจึงบอกให้คนรักสบายใจว่า
“วันนี้ มีคนเห็นแหวนที่ผมใส่ แล้วเค้าถามผมว่า ผมแต่งงานแล้วเหรอ”
“แล้วคุณว่าไง”
“ผมก็บอกว่า ผมแต่งงานแล้ว”
“เหรอ..” อธิปพงศ์ดีใจที่ได้ยินอย่างนั้น
“แต่ที่นี่ผมบอกกับใครไม่ได้หรอกนะว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชาย ที่นี่เค้าไม่เหมือนเมืองไทยหรอก”
“ครับ ผมเข้าใจ” อธิปพงศ์ยิ้มรับ เพราะแค่ได้ยินว่านิธินเป็นห่วงและยังมั่นคงต่อเขา ก็ทำให้สบายใจขึ้นมามากแล้ว คนทั้งสองคุยกันต่ออีกสักพัก อธิปพงศ์จึงขอตัวเข้านอน
“ผมต้องไปนอนแล้วหล่ะ ที่นี่จะตีหนึ่งแล้ว คิดถึงนะครับที่รักดูแลตัวเองด้วยหล่ะ”
“ครับ..คิดถึงเหมือนกัน ฝันดีนะครับ”
คนทั้งสองส่งจูบกันผ่านเฮดโฟน แล้วก็ปิดโปรแกรมก่อนจะเข้านอน อธิปพงศ์เข้าไปอาบน้ำ ส่วนนิธินก็ล้มตัวลงนอนและกอดหมอนต่างคนรักด้วยความคิดถึง เขาหยิบโทรศัพท์ที่มีรูปถ่ายของอธิปพงศ์และมองคนรักด้วยความคิดถึงพร้อมบอกกับรูปนั้นในใจว่า
“อดทนนะครับ ผมจะกลับไปหาคุณให้ได้”
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ