(ตอนพิเศษ น.23)Mujhe apana hatha de-Give me your hands–แบ่งรักให้อุ่นใจ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (ตอนพิเศษ น.23)Mujhe apana hatha de-Give me your hands–แบ่งรักให้อุ่นใจ  (อ่าน 219548 ครั้ง)

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ว้าวววว..พ่อแม่สามียอมรับสะใภ้แล้ว ดีใจกับหมูจัง
ขอฉลองงานนี้ด้วยการกดเป็ดกด+  ให้น้ำพริกแมงดาล่ะกันจ้ะ
คุณนายณัฐจ๊ะ ไม่ใช่ฝ่ายสะใภ้เหรอที่ต้องเป็นฝ่ายให้ของน่ะ
ดีนะที่หมูไม่ต้องเตรียมค่าสินสอด อิ อิ อิ

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
อ่านไป ลุ้นไป ...happy ending
+1

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
ฮาคุณพ่อ ๕๕๕๕

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
อบอุ่นสุดๆ :กอด1:

บวกเป็ด

ออฟไลน์ milky way

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
 o13  เป็นเรื่องที่อ่านแล้ว มีความสุขไปกับทั้งคู่จริๆ
แถมตอนล่าสุด ครอบครัวก็ยอมรับแล้วด้วย
ก็เหลือแค่ด้านครอบครัวหมูแล้ว
ขอบคุณสำหรับเรื่องที่ทำให้มีความสุขน่ะค่ะ   :L2:

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
ไม่เกี่ยวกับเรื่องสินสอดค่ะคุณนายแก้ว แค่ของรับไหว้สะใภ้เฉย ๆ ก็สาวชาวภารตะ กำไลใส่ตั้งแต่ข้อมือยันศอกน่าจะถอดให้ง่ายสุด แถมธรรมเนียมรับไหว้มีทุกชาติค่ะ ฝรั่ง ไทย จีน แขก 555

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
แอร๊ย พี่หมูคะ ใช้ครีมอะไรบ้างคะ ถึงจะได้เด้งได้เกิด

หนูจะไปเบิกมาใช้ซะบ้าง

ปล ยินดีด้วยนะคะ

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
โล่งอกไปที...นึกว่าจะได้กินมาม่าซะแล้ว....

 :z2:

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
555555....บุกรังกันอย่างงี้ ถ้าเป็นผมคงสอบตกอ่ะ 5555 ห้องรกเกิ๊น!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ น้ำพริกแมงดา

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +272/-0
    • เข้ามาเป็นคุยกันกับ "น้ำพริกแมงดา" ใน facebook page นะคะ
วันนี้มาแล้วค่ะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ ทุกคน

20


  หลังจากคนในครอบครัวกลับไปโรงแรมแล้ว อธิปพงศ์และนิธินก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ แต่ทว่าไม่ได้เติมเต็มความต้องการให้กันอย่างที่ต้องการในตอนเย็น เพราะว่าวันนี้พวกเขาเหนื่อยล้าไปทั้งกายและใจเสียเหลือเกิน
 อธิปพงศ์นอนกอดคนรักในอ้อมแขนอบอุ่นเช่นทุกวัน เขาซบอิงบนแผ่นอกหนานั้นและหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข โดยมีมือใหญ่ของคนรักกุมมือข้างขวาที่วางบนอกไว้อย่างแสนรัก
"วันนี้ผมดีใจนะที่พ่อกับแม่คุณโอเคซะที"
"อืมม" นิธินรับคำ "ผมก็ดีใจที่เค้ารับผมได้ และก็ชอบคุณด้วย"
"ชอบผมเหรอ" อธิปพงศ์ผงกหัวขึ้นมาอย่างประหลาดใจที่ได้ยินอย่างนั้น
"อืม" นิธินพยักหน้า
"ยังไงอ่ะ"
"ก็แม่ผมหน่ะ ตอนแรกเค้ากลัวว่าคุณจะไม่ดูแลผมไง เค้าเลยขอกลับมาก่อนเพื่อจะมาดูห้องว่าเราอยู่กันยังไง เค้าก็พอใจนะที่เห็นห้องไม่รก"
"ทั้งที่ความจริงคุณเป็นคนกวาด ฮ่ะๆๆ"
"ฮ่ะๆ แต่คุณเป็นคนเอาผ้าไปซักและรีดให้ผมหนิ"
"ช่ายย"
นิธินลูบผมคนรักเบาๆ
"ตอนแรกผมก็นึกกลัวนะว่าแม่จะพาใครมาด้วยรึเปล่า บอกตรงๆ ผมกลัวแม่จับผมแต่งงานหน่ะ แต่พอเห็นพวกท่านมากันเองอย่างนี้ก็ค่อยโล่งใจหน่อย"
"แล้วถ้าคุณโดนจับแต่งงานจริงๆล่ะ"
"ผมก็จะไม่แต่ง เพราะว่าผมมีของผมอยู่แล้วทั้งคน"
พอพูดจบชายหนุ่มก็หอมแก้มคนรักทั้งสองข้าง แล้วกอดร่างสมส่วนนั้นแน่นขึ้น อธิปพงศ์เงยหน้าไปจูบปลายคางสากๆ ของคนรักก่อนจะหลับตาลงอย่างมีความสุข เขาดีใจเหลือเกินที่ปัญหาระหว่างนิธินกับพ่อแม่จบลงด้วยความเข้าใจ และรู้สึกมั่นใจในชีวิตคู่ครั้งนี้มากขึ้น
 ถึงแม้รักครั้งนี้จะไม่ได้เริ่มต้นอย่างตื่นเต้น เร้าใจและเต็มไปด้วยสีสันเหมือนครั้งก่อน ๆ แต่อธิปพงศ์กลับรู้สึกมีความสุขอบอุ่นในใจอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมานานแล้ว ถึงแม้เขาและนิธินจะเป็นผู้ชายด้วยกัน และเพิ่งตกลงปลงใจกันไม่นาน แต่อธิปพงศ์ก็รู้สึกได้ว่าแต่ละก้าวย่างของความรักนั้นเต็มไปด้วยความมั่นคงในใจที่มีให้กันอยู่ตลอด
 แม้ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะมีอุปสรรคใด ๆ บ้าง แต่คนทั้งสองก็พร้อมที่จะจับมือฝ่าฝันไปด้วยกัน

 วันรุ่งขึ้นอธิปพงศ์มาทำงานตามปกติ แต่ทว่าวันนี้ทุกคนดูจะสนอกสนใจในตัวเขามากเป็นพิเศษ พี่กุ้งจึงถามขณะจัดร้านเตรียมอุปกรณ์ด้วยกัน
"หมู เมื่อวานเป็นไงบ้าง พ่อกับแม่คุณนิธินเค้าว่าไง"
"ไม่มีอะไรหรอกครับ ก็โอเคครับ เค้าก็ดีกับผม"
"อืม ได้ยินอย่างนี้ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย นึกว่าจะเจอแบบในหนังอินเดีย"
"ทำไมเหรอครับ"
"ก็แม่สามีในหนังส่วนใหญ่หน่ะใจร้ายทั้งนั้น คอยแต่หาเรื่องลูกสะใภ้ ฮ่ะๆ"
อธิปพงศ์ไม่พูดอะไรนอกจากก้มหน้ายิ้มเขินๆ แต่ป๊อกกี้ก็ขอเข้ามาแจมด้วย
"ว้ายๆ ทำอะไรกันคะคุณแม่ คุณพี่ เมื่อวานได้ข่าวว่าไปพบปะพ่อแม่สามีมาเป็นไงมั่งคะพี่หมู"
"ก็ดี ไม่มีอะไรหรอก"
"เหรอคะ แล้วคุณนิธินหน้าเหมือนพ่อหรือเหมือนแม่คะเนี่ย"
"ก็เหมือนทั้งสองคนแหล่ะ เรียกว่าเอาส่วนดีๆของพ่อกับแม่มารวมกันเลย"
"ต๊าย ออกมาเป็นพ่อพันธุ์ชั้นดีเลยนะคะ คิดแล้วก็เสียดายค่ะ ผู้ชายหล่อๆ อย่างคุณนิธินกับพี่หมูมากินกันเองเลยหมดไป ปล่อยให้หน้าแย่ๆแพร่พันธุ์เต็มไปหมด เฮ้ออ"
หญิงเลยพูดขึ้นมาบ้าง "อืม ใช่ๆ ถ้าพี่หมูกับคุณนิธินมีลูกจริงๆ หนูว่าลูกต้องออกมาน่ารักมากๆ แน่เลยอ่า"
อธิปพงศ์ได้ยินอย่างนั้นก็เขินใหญ่ ถึงแม้จะไม่เคยคิดเรื่องแบบนี้อยู่ในหัว แต่ก็เขินทุกครั้งที่พูดถึงชีวิตคู่ของเขากับคนรัก
"พอเลยพวกแก ไปทำงานได้แล้ว" เขาเอ่ยปากไล่รุ่นน้องให้แยกย้าย แต่ก็เป็นฝ่ายเดินหนีไปทำงานที่มุมอื่นเสียเอง ป๊อกกี้ยิ้มดี๊ด๊าแต่ก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียงดุๆ จากพี่กุ้ง
"นังป๊อก วันนี้ลับกรรไกรกับบัตตาเลี่ยนเสร็จหรือยัง"
"ว้ายๆๆ ไปล่ะค่ะ"
 พี่กุ้งหัวเราะหึหึกับรุ่นน้องตัวแสบ พร้อมกับมองไปยังอธิปพงศ์ด้วยความยินดีที่ลูกน้องมีชีวิตใหม่กับรักครั้งใหม่ที่สดใสอย่างที่เพื่อนสนิทของเขาเคยทำนายไว้ แต่เขาก็อดเป็นห่วงอธิปพงศ์ไม่ได้ เพราะชีวิตของผู้ชายแบบเขามีอุปสรรคหนักหนาอีกมากมายจากภายในและภายนอกที่รออยู่ เขาหวังว่า ความรักที่คนทั้งคู่มีให้กันจะสามารถเอาชนะทุกสิ่งได้

   “สวัสดีค่ะ ทำอะไรดีค่า อุย....” ป๊อกกี้ที่อยู่หน้าเคาท์เตอร์รู้สึกว่ามีลูกค้าเข้ามาแต่ พอเงยหน้าก็พบกับคุณป้าชาวอินเดียที่ยืนอยู่ เมื่อมองไปก็พบคุณลุงที่คาดว่าเป็นสามี และชายหนุ่มที่น่าจะเป็นลูก หญิงวัยค่อนคนเอ่ยปากถามออกมาว่า
“Mr.Mooh is here, ist’n he?”
“เอ่อ แป๊บนะคะ wait a minute” ป๊อกกี้ฟังภาษาอังกฤษสำเนียงอินเดียไม่รู้เรื่องเลยต้องไปถามอธิปพงศ์ที่กำลังไดร์ผมให้ลูกค้าอยู่
“พี่หมูคะ ทางนี้หน่อยค่ะ”
“มีไร ไม่เห็นเหรอว่าพี่ทำผมอยู่”
“ต้องมาด่วนค่ะ มีคนอินเดียเข้าร้าน คุณพี่ไปดูให้หน่อยได้มั๊ยคะ น้องคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง เดี๋ยวทางนี้น้องทำให้”
อธิปพงศ์มองไปหน้าร้านก็เห็นครอบครัวคนรัก จึงบอกกับรุ่นน้องว่า
“เดี๋ยวพี่ไปดูเอง”
เขาวางไดร์เป่าผมและหวีแปรงใส่มือรุ่นน้อง ทำให้ลูกค้าสาวมองหน้าป๊อกกี้งง ๆ ป๊อกกี้เลยบอกว่า
“พี่หมูเค้าคุ้ยเคยกับคนอินเดียดีค่ะ อิอิอิ”

  อธิปพงศ์ไปที่หน้าร้านเพื่อพบกับครอบครัวนิธินที่มารอ เขายกมือไหว้และก้มลงไปแตะที่เท้าตามมารยาท แต่คราวนี้พ่อกับแม่นิธินไม่ได้รีบลงไปก้มรับ เพราะแสดงว่าพวกท่านเห็นว่าอธิปพงศ์เป็นคนในครอบครัวคนหนึ่งแล้ว
ทุกคนมองอธิปพงศ์ที่เซ็ตผมอย่างดีในชุดทำงานที่สวมเสื้อเชิ้ตสีเข้มกับกางเกงยีนขาเดฟ พร้อมกับกระเป๋ากรรไกรที่คาดเอว ก็ทำให้ทุกคนเชื่อแล้วว่าชายหนุ่มดูเป็นช่างผมมืออาชีพจริง ๆ
 แต่เพื่อนร่วมงานที่มองอยู่ในร้านจึงเดาได้ทันทีว่านี่คือครอบครัวของนิธิน ทำให้ป๊อกกี้ถึงกับดี๊ด๊า
“ต๊ายย คุณพ่อคุณแม่สามีพี่หมูมาเยี่ยมถึงที่เลยอ่า”
ลูกค้าคนเดิมถึงกับอึ้ง “เอ่อ สามีเหรอคะ”
“ค่ะ พี่หมูมีสามีเป็นคนอินเดีย”
ป๊อกกี้ลงมือหวีผมจัดทรงต่อ แต่ลูกค้านี่สิกลับรู้สึกตกใจที่รู้ว่าช่างผมรูปหล่อคนนี้ไม่ใช่ผู้ชาย

  “เอ่อ Why do you come here?” อธิปพงศ์เอ่ยปากถามอย่างแปลกใจ และอีกอย่างพวกเขารู้ได้อย่างไรว่าเขาทำงานอยู่ที่นี่
“We are going back to Mumbai in the midday.” คนเป็นพ่อตอบ “So , We would like to see you before we leave.”
อธิปพงศ์ตกใจเล็กน้อยที่รู้ว่าครอบครัวของคนรักกำลังจะกลับแล้ว เขาคิดว่านิธินน่าจะไปส่ง เขาจึงถามถึง
“Where’s Nitin”
พี่ชายตอบด้วยน้ำเสียงแจ่มใส่
“He will come to join us soon”
คนเป็นแม่จับแขนคนรักของลูกแล้วบอกว่า “I come here because I have something to tell you”
อธิปพงศ์มองหน้าแม่ของคนรักอย่างมีคำถาม เมื่อมองไปยังพ่อกับพี่ชายก็มีรอยยิ้มที่เอ็นดูส่งมาให้ เขาจึงพาทุกคนมานั่งเก้าอี้หน้าร้าน
“When I knew that my son and you living together very well. I’m very happy”
หญิงวัยค่อนคนพูดด้วยรอยยิ้มและโคลงศรีษะตามประสาคนอินเดีย เธอลูบหน้าขาวใสของอธิปพงศ์ด้วยความเอ็นดูอีกครั้ง พร้อมกับจับมือของอธิปพงศ์อย่างขอบคุณ ก่อนจะถอดกำไลทองฝังพลอยแบบอินเดียออกมาจากข้อมือที่เต็มไปด้วยกำไลนั้น จะมาสวมให้อธิปพงศ์ แต่อธิปพงศ์ตกใจ ทำท่าจะไม่รับของมีค่าขนาดนั้น เธอเลยบอกกับชายหนุ่มอย่างใจดีว่า
“This is yours” เธอจับมืออธิปพงศ์ยิ้ม ๆ “Formerly, I intended to give Nitin wife, but I realize that my son couldn’t”
เธอพูดพลางสวมกำไลให้อธิปพงศ์ในข้อมือข้างซ้าย   
“You are my son’s and my son is yours”
เมื่อเห็นสีหน้าของอธิปพงศ์ที่ลำบากใจที่จะรับของมีค่า เธอจึงจับมือชายหนุ่มแน่นและบอกว่า
“I believe Nitin will glad to see you wearing this bracelet”
“Thank you” เขาขอบคุณแม่คนรักอย่างจริงใจ ส่วนพ่อก็สมทบมาว่า
“My wife really wants to give you a bracelet, but she forgot to give you yesterday”
เธอหันไปบอกกับสามี  “ก็เมื่อวานเราไปเที่ยวนี่นา จะเอาของมีค่าอย่างนี้ไปได้ยังไง”
ดารามดัสมองนาฟิกาก็พบว่านี่คือเวลาใกล้สิบเอ็ดโมงแล้ว เขาจึงบอกกับพ่อและแม่ว่า
“ผมว่าเราไปกันเถอะครับ เดี๋ยวไปแอร์พอร์ตไม่ทัน”
แม่ของนิธินจึงหันมาบอกกับอธิปพงศ์ว่า
“We have to go now, very glad to see you, my dear”
“How do you go?”
“Taxi”
ไม่ทันจะพูดอะไรต่อ นิธินก็มาถึงที่หน้าร้าน อธิปพงศ์จึงออกไปหาคนรักทันที
“บ้านคุณจะกลับกันแล้วเหรอ”
“อืมใช่”
“คุณจะพาเค้านั่งแท็กซี่ไปใช่มั๊ย”
“อืม..ทำไมเหรอ”
“ผมว่าไปแอร์พอร์ตลิงค์เร็วกว่ามั๊ย”
“แอร์พอร์ตลิงค์ มีด้วยเหรอ” นิธินถามคนรักอย่างประหลาดใจ
“มีสิ เดี๋ยวนั่งบีทีเอสไปลงพญาไท ที่นั่นมีแอร์พอร์ตลิงค์”
“อ่าวเหรอ”
“ไปมะ”
“ก็ดีนะ เร็วดี”
“เอางี้ เดี๋ยวผมไปลางานแป๊บนึง เดี๋ยวผมไปส่งครอบครัวคุณด้วย”
“ครับ” นิธินยิ้มดีใจที่ได้ยินอย่างนั้น อธิปพงศ์ไปลางานกับพี่กุ้งสักพักว่าจะกลับมาทำงานต่อเมื่อเสร็จทันที
  เมื่อพี่กุ้งอนุญาต เขาจึงพาทุกคนเดินทางตามที่บอก และก็ถึงสนามบินโดยใช้เวลาไม่นาน เมื่อมาถึงก็เหลือเวลาอีกพอสมควร แต่นิธินกับอธิปพงศ์ต้องขอตัวกลับก่อนเพื่อไปทำงานต่อ
“พ่อกับแม่กลับแล้วนะลูก ดูแลตัวเองและก็ดูแลแฟนแกให้ดีล่ะ” คนเป็นพ่อบอกกับนิธิน
“ใช่ ๆ พี่ดีใจนะที่มาหาแกเนี่ย”
“มา..มาให้แม่กอดที” คนเป็นแม่เข้าไปกอดลูกชายแน่น และไม่ลืมกอดคนรักของลูกด้วย
“ฝากลูกชายแม่ด้วยนะ” เธอบอกกับอธิปพงศ์เป็นภาษาฮินดี อธิปพงศ์ไม่เข้าใจจึงหันไปมองหน้าคนรัก “แม่ผมบอกว่าฝากดูแลผมด้วย”
“ครับ” อธิปพงศ์พยักหน้า และสวมกอดกับแม่นิธินอีกครั้ง
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“จ้ะ”
 คนทั้งสองไหว้และก้มลงแตะเท้าพ่อกับแม่ก่อนจะจากมา ทุกคนมองตามนิธินที่เดินจับมือกับคนรักด้วยความรู้สึกที่มีความสุข เพราะพวกเขาดีใจที่น้องชายคนเล็กของบ้านมีชีวิตและความรักที่ดีอย่างนี้

  นิธินเดินจับมือและหันไปยิ้มกับคนรัก เขาเพิ่งพบว่าตอนนี้อธิปพงศ์สวมกำไลข้อมือที่แม่เขาให้มาอยู่ เขาจึงยิ้มออกมาอย่างดีใจที่วันนี้แม่เขายอมรับอธิปพงศ์อย่างเต็มตัวแล้ว
“ที่รัก นั่นกำไลแม่ผมใช่มั๊ย”
“ใช่ คุณรู้ได้ไงอ่ะ”
“ก็ แม่ผมบอกว่า เค้าจะเก็บกำไลอันนี้ไว้ให้ภรรยาผม”
“เหรอ” อธิปพงศ์เขินหน้าแดงขึ้นมาทันที
“ใช่แล้ว เค้ามีสองอัน อีกอันไว้ให้ภรรยาของพี่ชาย อีกอันไว้ให้ผม”
“อืม...” เขาไม่พูดอะไรพร้อมกับจับมือคนรักแน่น “เท่ากับว่าตอนนี้คุณเป็นของผมเต็มตัวแล้วนะ”
อธิปพงศ์ยิ่งเขินอายเข้าไปใหญ่เขาไม่พูดอะไรนอกจากก้มหน้านิ่ง ๆ และบีบมือคนรัก แต่นิธินเห็นอย่างนั้นก็เปลี่ยนจากจับมือเป็นเดินโอบไหล่ทันที อธิปพงศ์จึงหันไปปรามคนรัก
“ทำอะไรอ่ะ....”
“คุณไม่ดีใจเหรอ...”
“ดีใจสิ ดีใจมาก ๆ ด้วย”
  นิธินก้มไปมองหน้าคนรักที่ยิ้มอย่างมีความสุข เขายังไม่ปล่อยให้อธิปพงศ์ห่างไปจากวงแขน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นจับมือเมื่ออยู่บนรถโดยสาร แม้คนทั้งสองจะยืนมาตลอดทาง แต่ก็ไม่ปล่อยมือซึ่งกันและกัน จนกระทั่งอธิปพงศ์ได้ยินเสียงหนึ่งที่คุ้นเคย
“พี่หมู....” ปิ่นปักร้องทักเมื่อเจอชายหนุ่มโดยบังเอิญบนบีทีเอส โดยปิ่นปักมากับฝน เพื่อนสาวคนสนิทที่ช่วยเป็นที่พักใจในครานั้น
“ปิ่น...” ชายหนุ่มก็ตกใจเหมือนกันที่มาเจอแฟนเก่าที่นี่
“เอ่อ พี่หมูสบายดีมั๊ย”
“สบายดี” อธิปพงศ์ตอบด้วยสีหน้าแจ่มใสเพื่อหมายความตามที่บอก
ปิ่นปักเห็นว่าอธิปพงศ์มากับผู้ชายตัวโต แต่ก็ตกใจแทบกรี๊ดเมื่อเห็นคนรักเก่ากับผู้ชายคนนั้นจับมือกันอยู่
“ปิ่นล่ะ”
“ก็ สบายดี..ค่ะ” แต่ปิ่นปักกับฝนมองหน้ากันหลอน ๆ เพราะเห็นว่าผู้ชายทั้งสองยังกุมมือกันไม่ปล่อย
“อืม..”
ปิ่นปักกล้า ๆ กลัว ๆ ถามออกไป
“พี่หมู เอ่อ พี่หมูมีใคร หรือยังคะ”
แต่อธิปพงศ์หันไปสบตากับคนข้าง ๆ อย่างมีความสุข พร้อมกับกุมมือคนรักแน่นขึ้น ก่อนตอบว่า
“มีแล้วจ้ะ นี่ คุณนิธิน แฟนพี่”
หญิงสาวทั้งสองพยักหน้าทักทายกับผู้ชายรูปหล่อกล้ามใหญ่ที่กุมมืออธิปพงศ์อยู่ ปิ่นปักนึกออกแล้วว่าเคยเจอนิธินที่ไหน เธอนึกถึงในครั้งนั้นที่นิธินเคยไปกินข้าวกับทุกคนในร้านด้วย นี่แสดงว่าพวกเขาทั้งสองแอบปิ๊งกันตั้งแต่ตอนนั้นเหรอ
“สถานีต่อไป สยาม Next station Siam”
อธิปพงศ์หันมาลาปิ่นปัก
“เอ่อ พี่ขอตัวก่อนนะ”
“ค่ะ ๆ”
ปิ่นปักรับคำด้วยความยากลำบาก และอธิปพงศ์ก็หันมาบอกคนรักว่า
“ที่รัก ผมไปทำงานก่อน นะเจอกันตอนเย็นล่ะ”
“ครับ ที่รัก”
 นิธินรับคำ และต่างคนต่างมองตากันหวานซึ้ง เมื่ออธิปพงศ์ออกจากประตูรถไปแล้ว ปิ่นปักกับฝนก็แทบจะเป็นลมกับสิ่งที่พวกเธอเพิ่งรับรู้วันนี้ ...

 หลังจากครอบครัวนิธินกลับไป ชีวิตคู่ของพวกเขาก็ดำเนินไปโดยปกติสุข โดยที่นิธินจะตื่นมาทำงานก่อนและไม่ลืมซื้ออาหารเช้ามาให้คนรักที่ตื่นทีหลัง พอเลิกงานนิธินเลิกงานก็มาเล่นฟิสเนสรอคนรักที่เลิกงานในเวลาสามทุ่ม พออธิปพงศ์เลิกงานแล้วพวกเขาก็ไปว่ายน้ำด้วยกันและกลับมาถึงห้องตอนห้าทุ่มกว่า ๆ แต่ เลิกงานวันนี้อธิปพงศ์ไม่ได้ไปว่ายน้ำกับคนรักอย่างที่เคย เพราะเขาต้องมาให้กำลังใจนิธินในการแข่งขันคริกเก็ตกระชับมิตรซึ่งถือเป็นประเพณีของสนามแห่งนี้ เขาเดินมาข้างสนามที่เห็นว่าคนรักซ้อมตีลูกอยู่กับเพื่อนๆ นิธินที่เห็นว่าอธิปพงศ์เดินมาหาก็ดีใจ ถึงกับละจากกลุ่มเพื่อนมาหาทันที
"วันนี้เหนื่อยมั๊ยครับ" เขาถามคนรักอย่างเป็นห่วง เพราะดูอธิปพงศ์ล้าๆ เล็กน้อย
"นิดหน่อยหน่ะ แต่ก็โอเค" ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ ดีใจที่ได้รับความเป็นห่วงจากคนรัก
"วีดวิ้วๆๆๆๆ" สามหนุ่มเพื่อนซี้ของนิธินออกอาการทะเล้นเมื่อเห็นเพื่อนมองตากับคนรักอย่างหวานเชื่อม อธิปพงศ์หันไปยิ้มกว้างและโบกมือให้คนทั้งสามก่อนจะหันมาถามคนรักต่อ
"แล้วนี่ยังไม่ได้ลงสนามใช่มั๊ยครับ"
"ครับ อีกทีมยังแข่งไม่เสร็จเลย"
"อืม ๆ" เขามองคนรักที่ดูดีในชุดกีฬา แล้วก็ยิ้มชื่นชม
"คุณไปซ้อมต่อเถอะ ว่าแต่ผมขอเล่นตีลูกบ้างได้มั๊ย"
"ได้เลย งั้นเล่นกับผมนี่แหล่ะ"
แต่เพื่อน ๆ ออกปากแซว
“แหม่ ๆ แฟนมาลืมเพื่อนเลยนะครับคุณนิธิน”
นิธินไม่ตอบโต้อะไรนอกจากรับคำยิ้ม ๆ เขาหยิบแบทให้คนรัก และเล่นตีลูกกันข้างสนามสักพัก เมื่อได้เวลาแข่งแล้ว เขาจึงขอตัว
“ผมไปแข่งแล้วนะ”
“ครับ สู้ ๆนะครับ”
 นิธินยิ้มรับอย่างมีความสุขและเดินลงสนามกับเพื่อน ๆ เขามองไปรอบ ๆ ก็เจอกับวัยรุ่นซิกข์กลุ่มเดิมที่เขาเคยเล่นตีลูกด้วย
บรรดาเด็กหนุ่มจึงเข้ามาทักอธิปพงศ์ทันที
“อ่าว พี่หมู..หวัดดีครับ วันนี้มาดูพี่นิธินแข่งเหรอ” ซันนี่เริ่มทักทายด้วยภาษาไทย
“ใช่แล้ว แล้วนี่พวกเราไม่ได้ลงแข่งด้วยเหรอ”
“พรุ่งนี้ครับ วันนี้ผมมาซ้อม ๆ เล่น ๆ กันก่อน”
“อ่าเหรอ”
อีกคนซึ่งอยู่ในกลุ่มถาม
“ไม่เจอพี่ตั้งนาน พี่ดูดีขึ้นป่ะเนี่ย”
“ฮ่ะ ๆๆ อำพี่เล่นป่ะเนี่ย พี่ก็เหมือนเดิม”
แต่ซันนี่บอกว่า
“ผมว่าไม่นะ สีหน้าพี่ดูแจ่มใส่มาก”
“เหรอ...”
“พี่ว่าวันนี้ทีมพี่นิธินจะชนะป่ะครับ”
“ไม่รู้สิ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น”
“อืม..” เด็กหนุ่มคิดตาม และบอกว่า “งั้นพี่มาเล่นตีลูกกับพวกผมก็ได้ เอ้อ วันนี้พี่สาวผมมาด้วยนะ เดี๋ยวคงได้เจอกัน”
“อืมๆ” อธิปพงศ์ไม่สนใจอะไร ก่อนจะหันไปมองคนรักที่กำลังวิ่งอ้อมเสาอยู่ในสนาม เขายิ้มให้อีกครั้งก่อนจะไปเล่นกับกลุ่มเด็กหนุ่มที่ชักชวน เมื่อเล่นพอหอมปากหอมคอแล้ว อธิปพงศ์จึงมานั่งคุยบนอาคารกับเด็กหนุ่มที่วันนี้มีพี่สาวมาด้วย
 “นี่ แนะนำให้รู้จัก พี่หมู นี่ ซีแนม พี่สาวผม” ซันนี่หมายถึงสาวรุ่นผมยาวหน้าตาน่ารักแบบอินเดียที่นั่งอยู่ตรงหน้า และยิ้มให้อธิปพงศ์ตามมารยาท โดยที่เขาก็ยิ้มให้เธอเช่นกัน
 “ส่วน พี่ นี่พี่หมู เพื่อนพี่นิธิน”
“เพื่อนพี่นิธินเหรอ...” พอน้องชายบอกแค่นั้นก็ทำให้เด็กสาวแทบเก็บอาการดี๊ด๊าไว้ไม่อยู่ เพราะว่าเธอเองแอบปลื้มชายหนุ่มรูปหล่ออย่างนิธินมานานแล้ว โดยที่น้องชายก็รับรู้ด้วย
 แต่อธิปพงศ์ที่เห็นอาการอย่างนั้นก็หญิงสาวก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจขึ้นมานิด ๆ  แต่ก็ยังเก็บอาการ ส่วนซีแนมยังคงตื่นเต้นไม่เลิกที่จะมีโอกาศใกล้ชิดชายในฝันมากขึ้น
“พี่เป็นเพื่อนพี่นิธินจริง ๆ เหรอคะ”
“ครับ...” อธิปพงศ์พยายามตอบนิ่ง ๆ และก็ยิ้มรักษามารยาท
ซันนี่เลยสมทบกับพี่สาว
“ก็ใช่นะสิ พี่หมูมาเคยมากับพี่นิธินที่นี่ครั้งนึงแล้ว พี่ผมเอาไปเล่าพี่ฟังไง”
“พี่เป็นช่างตัดผมใช่มั๊ยคะ”
“ครับ”
ซันนี่เลยบอกกับอธิปพงศ์อย่างสนุกสนาน
“เนี่ย พี่สาวผมเค้าชอบพี่นิธินมากเลย ถึงกับให้ผมแอบถ่ายรูปพี่นิธินเวลาเล่นคริกเก็ตไปฝาก”
อธิปพงศ์มองซีแนมแล้วคิดในใจ “ที่มาวันนี้เพราะว่าจะมาดูผู้ชายแข่งว่างั้นสิ”
“ซันนี่อ่ะ” ซีแนมเขินที่น้องชายเอามาเล่า แต่อธิปพงศ์เองกลับไม่เห็นเป็นเรื่องสนุกตามที่เด็กหนุ่มบอก
“แล้วพี่พอจะรู้มั๊ยคะว่า พี่นิธินเนี่ย เค้ามีครอบครัวรึยังคะ”
อธิปพงศ์ลองถามดู
“แล้วน้องได้ยินมาว่าไงบ้างล่ะครับ”
“ก็ ไม่แน่ใจอ่ะค่ะ เพราะซีก็ไม่ค่อยกล้าเค้าไปคุยกับพี่เค้าด้วย แต่ได้ยินมาว่าพี่เค้ายังไม่ได้แต่งงานอ่ะค่ะ แต่ซีไม่แน่ใจนะคะเพราะว่าเห็นเพื่อนพี่เค้าแต่งงานกันหมดแล้ว เลยไม่รู้ว่าเค้ามีแฟนหรือมีครอบครัวที่อินเดียรึเปล่า คนหล่อ ๆ อย่างนี้อยู่เป็นโสดนาน ๆ มันก็น่าแปลกนะคะซีว่า”
“อืม...” อธิปพงศ์พยักหน้ารับคำ ส่วนซันนี่เริ่มสังเกตว่าชายหนุ่มดูนิ่งผิดปกติ
“แล้วตกลงพี่รู้ป่ะคะว่าพี่นิธินเค้ามีแฟนหรือยัง”
“พี่ก็ไม่รู่อ่ะครับ คือ พี่ไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องของเพื่อนหน่ะ”
“อ่า..ค่ะ” ซีแนมรับคำ แต่ก็รู้สึกเหมือนถูกหลอกด่ากลาย ๆ จากน้ำเสียงและแววตาที่อธิปพงศ์ใช้กับเธอ
  เด็กสาวเงียบไปและหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังตีลูกในสนามด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าเธอคลั่งไคล้ในตัวเขามาก ส่วนอธิปพงศ์ก็เริ่มไม่สนุกกับการมาเชียร์กีฬาครั้งนี้แล้ว
 “พี่นิธินสู้เค้านะค้า….” เด็กสาวป้องปากตะโกนเชียร์ท่ามกลางเสียงหัวเราะของกลุ่มเพื่อน ๆ น้องชาย หนึ่งในนั้นเลยบอกว่า
“พี่นิธินจะแพ้เพราะพี่มาเชียร์นี่แหล่ะ”
“บ้า..เค้าต้องชนะหรอก เพราะชั้นมาให้กำลังใจถึงที่ คิคิคิ”
ซีแนมหัวเราะชอบใจ ต่างกับอธิปพงศ์ที่มองเด็กสาวด้วยหางตา และหันไปดูคนรักแข่งต่อเงียบ ๆ
“ผมว่ายากอ่ะ เพราะทีมพี่อาร์มีนมีแต่คนเก่ง ๆ ทั้งนั้น” ซันนี่วิเคราะห์
ซีแนมเลยตีแขนน้องชายเบา ๆ “ซันนี่ อย่าพูดอย่างนั้นสิ”
“ไม่ได้เลยน่า ใครจะว่าพี่นิธินนี่ไม่ได้เลย...”
“แน่นอนอยู่แล้ว คิคิคิ”
อธิปพงศ์หันมาถามบรรดาวัยรุ่นถึงเรื่องอื่นบ้าง เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
“อื้ม แล้ว พวกเราเรียนที่ไหนกัน”
“อ๋อ พวกผมอยู่เกรด 11 ที่ร่วมฤดีฮะ” เด็กหนุ่มหมายถึงโรงเรียนนานาชาติชื่อดังที่พวกเขายังเป็นนักเรียนอยู่
“แล้ว น้องล่ะ” อธิปพงศ์หันไปถามซีแนม
“อ๋อ ซีอยู่ ม.กรุงเทพฯอินเตอร์ค่ะ เพิ่งเข้าปีหนึ่ง”
“งั้นเหรอ..” เขาจึงถามต่อ “อืม น้องซีชอบพี่นิธินจริง ๆ เหรอครับ”
“ก็...” เด็กสาวเขินอาย ท่ามกลางเสียงโห่ของกลุ่มน้อง ๆ “ก็ค่ะ...”
“แล้ว ไม่ชอบคนรุ่นเดียวกันเหรอครับ คนมีอายุหน่ะ จีบยากนะ”
อธิปพงศ์บอกเด็กสาวโดยเน้นเสียงที่ประโยคสุดท้าย
“ไม่หรอกค่ะ พี่นิธินเท่ห์กว่าเยอะ” ซีแนมตอบด้วยแววตาฝันหวาน “พ่อกับแม่ซีก็ห่างกันตั้งสิบกว่าปี ซีเห็นว่าพ่อเค้าดูแลแม่ดีมาก ๆ หน่ะค่ะ ซีก็เลยอยากได้ผู้ชายที่เหมือนพ่ออ่ะค่ะ”
“เหรอ....” อธิปพงศ์รับคำนิ่ง ๆ แต่ก็คิดในใจ “แถวพาหุรัดก็มีตั้งเยอะทำไม่ไม่เอาไปล่ะ”
“แล้วพี่หมูคะ..”
“ครับ..”
“เอ่อ พี่หมู พอจะรู้มั๊ยคะว่าพี่นิธินเค้าชอบผู้หญิงแบบไหน อย่างซีนี่พอไหวมั๊ยคะ”
“อืม...อันนี้พี่ว่าเดี๋ยวถามเจ้าตัวดีกว่านะครับ” อธิปพงศ์พยายามอดทนให้ถึงที่สุด เพราะตอนนี้ในใจเขาเต็มไปด้วยความร้อนรุ่มเพราะอาการหึง

  พอจบเกมส์ปรากฏว่าทีมของนิธินเป็นฝ่ายเอาชนะอย่างฉิวเฉียด อธิปพงศ์มองคนรักอย่างยินดี ส่วน
ซีแนมและน้อง ๆ ต่างก็กระโดดโลดเต้นดีใจออกนอกหน้ากับชัยชนะของชายในฝัน
 นิธินที่เห็นว่าอธิปพงศ์นั่งอยู่บนอาคารจึงวิ่งไปหา เขาเดินมาบอกกับคนรักอย่างตื่นเต้น ภายใต้สายตาดีใจของซีแนมที่วันนี้เธอจะได้เจอตัวจริงของนิธินแบบใกล้ ๆ
“ที่รัก...วันนี้ผมชนะแล้ว...” นิธินบอกกับคนรักด้วยความตื่นเต้นดีใจ ส่วนอธิปพงศ์ก็ยิ้มให้กำลังใจคนรักเหมือนเคย ส่วนซีแนมหุบยิ้มทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“ยินดีด้วยครับ” อธิปพงศ์บอกกับคนรักว่า “เอ้อ นี่ผมมานั่งดูคุณกับน้อง ๆ พวกนี้เนี่ย”
นิธินหันไปมองรุ่นน้องทุกคนอย่างเป็นมิตรก็พบว่ามีหญิงสาวมานั่งด้วย แต่ก็ไม่สนใจอะไรจึงมองผ่านและหันมาคุยกับคนรักต่อ
“นี่ น้องซี พี่สาวน้องซันนี่” อธิปพงศ์แกล้งแนะนำให้นิธินรู้จัก ซีแนมยิ้มให้นิธินเพราะก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่านิธินจะยังโสดอย่างที่เธอเข้าใจ และที่สำคัญหนุ่มไทยผิวขาวคนนี้ก็คือแฟนตัวจริง
“หวัดดีครับ”นิธินทักเด็กสาวอย่างเป็นมิตร ส่วนซีแนมก็ตอบรับแบบไม่มั่นใจ
“หวัดดีค่ะ”
“น้องซีเค้าอยากรู้หน่ะว่า..คุณมีแฟน...รึยัง”
  นิธินมองหน้าคนรักที่ยิ้มให้ เขาถึงบางอ้อทันทีเพราะรู้ว่าตอนนี้อธิปพงศ์กำลังหึงเขาอยู่และคิดว่าคนรักคงไม่ค่อยปลิ้มเด็กสาวคนนี้เป็นอย่างมาก เมื่อจะบูชาพระแม่กาลีต้องทุ่มมะพร้าวลงกับพื้น เช่นเดียวกับเขาที่ต้องใช้น้ำเย็น ๆ ดับความร้อนรนในใจของคนรัก
เขาจึงยิ้มให้คนรักและบอกอ้อน ๆ ว่า
“น้องเค้าอยากรู้จริง ๆ เหรอ”
“อื้ม..อยากรู้ ใช่มั๊ยครับน้องซี”
เขาพยักเพยิดไปทางซีแนมที่เริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้นแล้ว นิธินจึงบอกว่า
“พี่ขอบคุณมากนะครับ ที่น้องรู้สึกดีกับพี่”
“อ่าค่ะ”
“แต่ว่า ตอนนี้พี่มีแฟนแล้วครับ” นิธินบอกกับเด็กสาวที่นั่งนิ่งตรงหน้า เขาโอบเอวคนรักพร้อมกับแนะนำอย่างเป็นทางการ
“และนี่ พี่หมู แฟนพี่เองครับ”
 นิธินหันมายิ้มเอาใจให้คนรักเพื่อที่จะได้คลายจากอาการร้อนรุ่มในใจเสียที อธิปพงศ์ยิ้มเขิน ๆ และพอใจที่คนรักทำอย่างนั้น
ซีแนมนั่งอึ้งเหมือนถูกสาป แต่ซันนี่ไม่ได้โกรธคนทั้งสอง กลับรู้สึกว่า พวกเขาสองคนเหมาะสมกันมาก ๆ มากกว่าพี่สาวตนเองด้วยซ้ำ จึงพูดกับรุ่นพี่ว่า
“ดีแล้วหล่ะครับ ก็ว่าอยู่ว่าทำไมเหมือนพี่หมูเงียบ ๆ ไป ที่แท้พี่สาวผมก็คุยกับแฟนพี่นิธินตัวจริงนี่เอง”
 “อืม..ขอบใจนะที่วันนี้ดูแลพี่หมูให้”นิธินบอกกับซันนี่อย่างขอบคุณ
“ไม่เป็นไรครับ เรื่องเล็ก” ซันนี่รับคำ
“อืม พี่กลับก่อนนะ นี่ก็ดึกแล้ว เอ้อ พรุ่งนี้เต็มที่ล่ะ ขอให้ชนะนะ”
“ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มรับคำ อธิปพงศ์จึงบอกว่า
“พี่ไปก่อนนะซันนี่ ทุกคน”
“ครับ” อธิปพงศ์มองซีแนมที่เหมือนจะร้องไห้ก็ใจอ่อน นี่เขาทำอะไรแรงไปหรือเปล่า อธิปพงศ์จึงแอบรู้สึกผิดที่ทำให้เด็กสาวเป็นอย่างนี้ เขาจึงบอกกับซีแนมเสียงเบา ๆ ว่า
“เอ่อ น้องซี พี่ขอโทษนะครับ”
ได้ยินแค่นั้นซีแนมก็ปล่อยโฮออกมาทันที
“ฮือ ๆๆๆๆ”
ทุกคนมองซีแนมด้วยความสงสาร นิธินจึงบอกว่า
“พี่ขอโทษนะครับ แต่พี่เชื่อว่าสักวันน้องจะต้องเจอคนที่ดีกว่าพี่ และก็รักน้องมาก ๆ เชื่อพี่สิ”
ซีแนมยังร้องไม่หยุด และเริ่มออดอ้อนนิธิน ทำให้อธิปพงศ์เริ่มไม่พอใจขึ้นมาอีกครั้ง
“ที่รัก กลับกันเถอะ”
เขาหันมามองคนรักและละจากเด็กสาวเพื่อเดินออกไปกับอธิปพงศ์ ทำให้ซีแนมร้องไห้ออกมาอย่างเสียใจและเจ็บใจ

 นิธินมองคนรักเงียบมาตลอดการเดินทาง เขาจึงเอ่ยปากถามขณะเดินเข้าซอยกลับอพาตเม้นท์
“วันนี้คุณว่าผมเล่นดีมั๊ย”
“ก็ดีมั๊ง” เขาตอบเรียบ ๆ ไม่ใช่ไม่พอใจคนรัก แต่ไม่รู้จริง ๆ เพราะตลอดการแข่งขัน เขามัวแต่เข่นเขี้ยวเด็กสาวข้าง ๆ
“คุณไม่ได้ดูผมเล่นเหรอ..หึหึหึ”
“ก็...”
“หึงผมใช่มั๊ยล่ะ”
“อืม...”
อธิปพงศ์ตอบตรง ๆ เพราะไม่รู้จะอายเรื่องแบบนี้ไปทำไมเหมือนกัน นิธินจึงบอกว่า
“งั้น วันนี้ ผมคงต้องส่งการบ้านแล้วหล่ะ”
“แน่นอน...” อธิปพงศ์รับคำยิ้ม ๆ แต่ก็สะดุด “เมื่อกี๊คุณว่ายังไงนะ ส่งการบ้านเหรอ”
“ใช่ ส่งการบ้าน”
“ใครสอนคุณอ่ะ”
“ก็ วิษณุกับเอเจไง”
“โหยย ร้ายอ่ะ...”
“ก็ ผมมีแฟนเป็นคนไทยผมก็ต้องรู้ภาษาไทยเยอะ ๆ สิคร้าบบบ ฮ่ะๆๆๆ”

  คนทั้งสองหันมาหัวเราะให้กันขำ ๆ ถึงแม้วันนี้จะเป็นวันที่ทั้งคู่ใช้แรงกายจนเหนื่อยล้าอีกหนึ่งวัน แต่พวกเขาก็พร้อมเสมอสำหรับกิจกรรมหรรษาที่ขาดไม่ได้ นิธินยิ้ม ๆ นึกถึงคำพูดของใครสักคนที่เคยได้ยินว่า “Sex เป็นยาวิเศษของชีวิตคู่ ที่ช่วยให้คนสองคนสนิทกันมากขึ้น และเป็นเครื่องมือในการปรับความเข้าใจของคู่รัก” ซึ่งในตอนนี้เขาเห็นด้วยกับคำพูดดังกล่าวทุกประการ... 



โปรดติดตามตอนต่อไปจ้ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-03-2012 14:53:46 โดย น้ำพริกแมงดา »

kakuro

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณคุณน้ำพริกแมงดา :L2:
นิธินและอธิปพงศ์แก้ปัญหาได้ดีจัง

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ Cynthia_Moonlight

  • เมื่อไหร่จะพ้นขีดอันตราย =_=+
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1
พี่หมูนี่หึงแรงจริงอะไรจริง แต่ก็ยังน่ารัก อิอิ


yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ว้าย ว้าย  กำไลทองฝังพลอยเป็นของรับไหว้ สมดังคำคุณนายณัฐว่าไว้จริงๆ
ดีใจจริงๆกับหมู-นิธิน เพราะบุคคลสำคัญที่สุดในครอบครัวยอมรับอย่างเต็มใจ
หมูนี่ขี้หึงจังเลยนะ แต่ก็ดีที่นิธินเข้าใจ และรู้เท่าทันอารมณ์คนรัก แบบนี้ชีวิตคู่คงไม่มีปัญหาแหละ
 ที่สำคัญอีกคือ ทั้งคู่มีความสมดุลย์กันจ้า อิ อิ อิ

ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
พี่หมูขี้หึงอ่ะ^^

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
ดีนะคะหนูเห็นแหนม ไม่เจออิธิฤิทธ์พระแม่กาลี ข้อหามีตาแต่หามีแววไม่ 555

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
หมูหึงได้น่ารักอ่ะ

บวกเป็ด

ออฟไลน์ choijiin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +445/-5
สวัสดีค่ะคุณน้ำพริกแมงดา
เพิ่งเข้ามาอ่านของคุณครั้งแรก
ประทับใจเรื่องนี้มาก
นอกจากจะได้ซาบซึ้ง หวานไปกับคุณหมูและคุณนิธิน
 :m1:
แล้วยังได้รู้วัฒนธรรมของคนอินเดียที่เราไม่ค่อยรู้จักกันด้วย
ความรักสามารถทำให้คนเราเปลี่ยนแปลงได้จริงๆ
ขอสมัครเป็นแฟนเรื่องนี้ด้วยอีกคนค่ะ
อ่านเท่าไหร่ก็ไม่พอเลยน้อ
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆเรื่องนี้ค่ะ
 :pig4:

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
แหมๆ หึงทีก็ปลอบใจกันที อิอิ :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
มีแฟนหน้าตาดี ต้องทำใจ
เหนื่อยหน่อยนะน้องหมู
กลุ้มใจแทนพ่อแม่เด็กวัยรุ่นสมัยนี้
+1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-02-2012 23:08:05 โดย Horizon »

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
ซึ้งและอบอุ่นมาก ๆ

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
แอร๊ยยย

กลัวเเล้วค้า หนูไม่กล้า เข้าใกล้ เเฟน พี่หมูเเล้วค่ะ

กลัวโดนตบด้วยเปลือกทุเรียน จริงๆ ซิกๆ

ออฟไลน์ Monochrome

  • โคอาล่า มาร์ช *O*
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ไม่ได้อ่านเรื่องนี้นาน  เเต่กลับมาก็ไม่ผิดหวัง สนุกมากๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ถึงว่าทำไมในแฟนเพจมีรูปกำไล ที่แท้เค้าก็มีของจองตัวลูกสะใภ้นี่เอง
แถมยังได้เห็นหมูหึงนิธินด้วย คุ้มจริงๆ :z1:

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
อยากอ่านบทส่งการบ้านของนิธินอ่ะ อิอิ

ออฟไลน์ น้ำพริกแมงดา

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +272/-0
    • เข้ามาเป็นคุยกันกับ "น้ำพริกแมงดา" ใน facebook page นะคะ
สวัสดีค่ะคุณน้ำพริกแมงดา
เพิ่งเข้ามาอ่านของคุณครั้งแรก
ประทับใจเรื่องนี้มาก
นอกจากจะได้ซาบซึ้ง หวานไปกับคุณหมูและคุณนิธิน
 :m1:
แล้วยังได้รู้วัฒนธรรมของคนอินเดียที่เราไม่ค่อยรู้จักกันด้วย
ความรักสามารถทำให้คนเราเปลี่ยนแปลงได้จริงๆ
ขอสมัครเป็นแฟนเรื่องนี้ด้วยอีกคนค่ะ
อ่านเท่าไหร่ก็ไม่พอเลยน้อ
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆเรื่องนี้ค่ะ
 :pig4:

ยินดีต้อนรับนะคะ ขอบคุณมาก ๆๆๆ เลยค่ะ


อยากอ่านบทส่งการบ้านของนิธินอ่ะ อิอิ


คนเขียนไม่อยากให้นิยายโดนลบเพราะติดเรทอ่ะค่ะ แต่เอาเป็นว่ามีแน่กับเลิฟซีนของคนทั้งสองค่ะ อิอิอิ

ออฟไลน์ น้ำพริกแมงดา

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +272/-0
    • เข้ามาเป็นคุยกันกับ "น้ำพริกแมงดา" ใน facebook page นะคะ
วันนี้มาแล้วนะคะ ขอบคุณมาก ๆๆๆ เลยค่ะ


21


    งานแต่งงานของวิษณุถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ตามแบบฉบับอินเดียโดยจัดขึ้นที่บ้านของเจ้าสาวแถวดอนเมือง อธิปพงศ์และนิธินไม่พลาดที่จะไปร่วมงานสำคัญของเพื่อน โดยเมื่อวานตอนเช้าเป็นงานหมั้นและตอนกลางคืนที่บ้านของวิษณุได้มีงานเลี้ยงสังสรรค์ในหมู่ญาติ ๆ และเพื่อนฝูง นิธินกับอธิปพงศ์ก็ได้ไปร่วมละเลงขมิ้นบนตัววิษณุตามความเชื่อโบราณว่าขมิ้นจะช่วยให้ผิวพรรณผุดผ่องเจ้าบ่าวจะได้ดูดีที่สุดในวันงาน เช่นเดียวกับเมื่อคืนที่บ้านเจ้าสาวก็มีพิธีเมเฮนดิ ตามธรรมเนียมอินเดีย
      วิษณุที่วันนี้ดูหล่อเหลาเป็นพิเศษด้วยชุดกูรตะเต็มยศสีแดงลายทองพร้อมผ้าโพกศรีษะ ส่วนพ่อกับแม่เจ้าบ่าวในเสื้อผ้าสีสันสดใสที่เดินตามมาก็ดูมีความสุขไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าลูกชายในวันนี้ นิธินกับอธิปพงศ์นั้นอยู่ในขบวนแห่แบบอินเดียของเจ้าบ่าวที่กำลังย่างก้าวสู่ตัวบ้านจัดสรรหลังย่อมที่ถูกตกแต่งให้สวยงามสไตล์อินเดียด้วยม่านดอกไม้ ที่มีกล้วยไม้ดาวเรืองที่ร้อยเป็นสายประดับประดาทุกมุมของบ้าน โดยที่เขาและเพื่อนเจ้าบ่าวทุกคนก็สวมใส่เสื้อผ้าแบบอินเดียมาร่วมงานเช่นเดียวกัน  เมื่อก้าวเข้ามาถึงในตัวบ้านญาติ ๆ เจ้าสาวก็ได้ร่วมกันโปรยดอกไม้และน้ำอบน้ำหอมต้อนรับเจ้าบ่าวและครอบครัวพ่อกับแม่ก็พาเจ้าสาวที่อยู่ในชุดส่าหรีสีทองเหลือบแดงที่สวมใส่เครื่องทองเต็มตัวลงมาจากชั้นสอง โดยมีกลุ่มเพื่อนเจ้าสาวตามหลังเธอมาอีกเป็นขบวน วิษณุมองคนรักอย่างตกตะลึงเพราะแทบไม่เชื่อว่าเธอจะสวยตามสไตล์อินเดียได้ขนาดนี้
ส่วนนิธินก็มองคนข้างๆ ที่มองสำรวจรอบงานและดูประหลาดใจกับเจ้าสาวร่างเล็กที่สวมชุดส่าหรี และเครื่องประดับทองเต็มยศ ชายหนุ่มคิดว่ากว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะสวยที่สุดในวันสำคัญของพวกเธอได้ได้คงต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก
"เพราะความรักใช่มั๊ยถึงทำให้อดทนได้อย่างนี้" อธิปพงศ์คิดอย่างนั้นแล้วก็ยิ้มออกมากับงานมงคลอันน่ายินดีของเพื่อนคนรัก

  พิธีการในงานเริ่มต้นเมื่อเจ้าบ่าวเข้าไปรับเจ้าสาวจากพ่อและแม่มายังแท่นปะรำพิธีกลางบ้านที่มีกองไฟขนาดย่อม โดยที่ญาติผู้ใหญ่ของแต่ละฝ่ายนั่งรายล้อมและมีพราหมณ์นั่งสวดประกอบพิธี  เจ้าบ่าวเจ้าสาวคล้องพวงมาลัยขนาดใหญ่ให้กันและกัน ก่อนจะเดินวนไปมารอบกองไฟ 7 รอบ  และร่วมกันเทเนยเหลวพร้อมด้วยกิ่งไม้มงคล 9 อันลงบนกองไฟโดยเชื่อว่าเป็นการส่งสารให้เทพอัคนีรับรู้และอวยพรในงานมงคลนี้ ก่อนจะร่วมกันเทข้าวสารลงบนกองไฟตามความเชื่อที่ว่าครอบครัวจะได้ยั่งยืนมีลูกมีหลานหลายชั่วอายุคน เสร็จแล้วก็เดินไปทางทิศเหนือจำนาน 7 ก้าว  จากนั้นพราหมณ์และญาติผู้ใหญ่ก็จะประพรมน้ำมนต์ให้เจ้าสาวเพื่อชำระล้างบาปในอดีตสำหรับการก้าวสู่ชีวิตข้างหน้า  เมื่อบ่าวสาวเสร็จพิธีบนแท่นแล้วคนทั้งงานก็ร่วมกันโปรยกลีบดอกดาวเรืองมายังคู่บ่าวสาวที่เดินลงมาคาระวะบุพการีของทั้งคู่ บ่าวสาวก้มลงไปแตะที่ฝ่าเท้าของพวกท่านที่พรมน้ำมนต์ให้ ก่อนจะสวมกอดพ่อแม่ตัวเองด้วยความรัก
 อธิปพงศ์มองภาพนั้นแล้วยิ้มตาม เพราะงานแต่งงานแบบอินเดียนี้ไม่ได้มีแต่ความยิ่งใหญ่อลังการอย่างเดียวเท่านั้น หากแต่เป็นพิธีแต่งงานที่ทำให้ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายสามารถร่วมสนุกและร่วมยินดีกับบ่าวสาวได้อย่างเต็มที่ เมื่อหลังจากนั้นก็เป็นเวลาแห่งงานฉลองและการเต้นรำของคนทั้งงาน นิธินกับอธิปพงศ์สบโอกาสเข้าไปแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาวที่ยืนอยู่กลางงาน
"ยินดีด้วยนะวิษณุ ดีใจด้วยจริงๆว่ะ"ชายหนุ่มเข้าไปกอดคอและตบไหล่เพื่อน
"เออ ขอบใจนะเว้ยนิธิน"
"ยินดีด้วยนะครับคุณวิษณุ คุณเมย์"
"ครับ ขอบคุณมากๆ นะครับคุณหมู"
"ขอบคุณค่ะ ขอบคุณนะคะที่ให้เกียรติมางานของเรา"
"ครับ" อธิปพงศ์มองร่างเล็กในชุดเจ้าสาวแล้วก็ตกใจ เพราะเมื่อมองดูใกล้ๆ เธอสวมทั้งชุดสร้อยคอ ต่างหู เครื่องประดับผม  และกำไลจนเกือบถึงข้อศอก และไหนจะเฮนน่าสีส้มแดงที่เพ้นท์เต็มมีออีก เขาจึงเอ่ยปากถามเจ้าสาวว่า
"เอ่อ หนักมั๊ยครับ"
แต่เจ้าสาวตัวเล็กกลับตอบว่า "ลองใส่เองเลยค่ะ ใช่มั๊ยนิธิน"
นิธินหัวเราะที่ได้ยินอย่างนั้น ส่วนอธิปพงศ์ก็ยิ้มเขินๆ กับสิ่งที่หญิงสาวออกปากแซว

และพิธีการในงานก็เสร็จสิ้นเมื่อถึงเวลาส่งตัวเจ้าสาว โดยเจ้าบ่าวจะนำรถที่ตกแต่งอย่างสวยงามมารอรับที่หน้าบ้าน เจ้าสาวเดินออกมาพร้อมพ่อกับแม่ที่มาส่ง เธอหันไปมองพ่อกับแม่ที่ยิ้มให้ลูกสาวก่อนจะสวมกอดกันอีกครั้ง และเธอก็ขึ้นรถที่เจ้าบ่าวเตรียมไว้ และแล่นออกไปจากบริเวณงาน ก็ถือว่าตอนนี้เจ้าสาวได้กลายเป็นสมาชิกของครอบครัวเจ้าบ่าวอย่างสมบูรณ์

"ที่รัก คุณเคยอยากแต่งงานบ้างมั๊ย" นิธินถามอธิปพงศ์ที่อยู่ในอ้อมอก
"ทำไมอ่ะ นึกยังไงถึงถามขึ้นมา" อธิปพงศ์ประหลาดใจเล็กน้อย จึงย้อนถามคนรักเจือรอยยิ้ม
"ก็ ไม่รู้สิ วันนี้เราเพิ่งไปงานแต่งงานมามั๊ง"
"หึหึหึ" อธิปพงศ์หัวเราะในคอเบาๆก่อนถามว่า
"คุณอยากแต่งงานเหรอครับ หืมม์"
"เปล่าครับ ผมก็แค่อยากรู้ว่าคุณคิดยังไงกับการแต่งงาน ผมเห็นว่าคุณเคยมีแฟนเป็นผู้หญิง ก็เลยอยากรู้หน่ะ"
อธิปพงศ์ถอนหายใจก่อนบอกว่า "ตอบตามตรงนะ ผมไม่เคยคิดเรื่องแต่งงานอยู่ในหัวเลย"
"จริงเหรอ"
"อื้มม จริงๆ"
"ทำไมล่ะ"
"ก็ ไม่รู้สิ ผมแค่นึกไม่ออกถึงงานแต่งงานและภาพที่ตัวเองมีแฟน มีลูกหน่ะ ผมต้องการแค่ว่าคบกันไปเรื่อยๆ อยู่อย่างมีความสุขกันก็พอแล้ว"
"งั้นเหรอ"
"อื้มม"อธิปพงศ์ถามบ้าง "แล้วคุณล่ะ"
"ไม่หรอกครับ แต่ผมก็แค่รู้สึกดีใจเวลาเห็นคนอื่นแต่งงานกันหน่ะ สำหรับผม ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วแฮปปี้ก็พอแล้ว"
นิธินนึกขึ้นได้จึงรีบบอก "เอ้อ..ที่รัก ผมมีอะไรจะถามคุณหน่อยหน่ะ"
"ว่ามาเลยครับ"
"ถ้าผมย้ายมาอยู่ที่นี่จริงๆ ผมว่าจะดูๆ คอนโดสักห้องหน่ะ คุณว่าไงครับ"
"คอนโดเหรอ"
"ใช่ครับ คอนโดของผมกับคุณ"
นิธินรับคำแข็งขัน ส่วนอธิปพงศ์ก็ลังกรุ่นคิดกับสิ่งที่คนรักเสนอ เพราะส่วนตัวเขาก็มีเงินเก็บไว้สำหรับที่อยู่ถาวรดีๆ ในกรุงเทพฯเช่นกัน แต่ก็ยังลังเลระหว่างที่อยู่ดี ๆ หรือจะเป็นกิจการของตัวเองที่เขายังไม่แน่ใจว่าตัวเองพร้อมหรือเปล่า แต่พอได้ยินนิธินพูดอย่างนี้ ก็ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นและมั่นใจอย่างบอกไม่ถูก
"ก็ดีเหมือนกันนะครับ" เขาให้คำตอบคนรักสั้นๆ เพราะนี่เป็นเรื่องที่ดีสำหรับชีวิตคู่ของพวกเขาที่จะเริ่มลงหลักปักฐานด้วยความมั่นคง ชายหนุ่มทั้งสองวาดฝันไว้ ว่าขอเพียงได้ใช้ชีวิตคู่ครั้งนี้ด้วยกันตลอดไป แค่นี้เขาก็มีความสุขที่สุดแล้ว

 และวันหยุดยาวเนื่องในวันพ่อที่อธิปพงศ์รอคอยก็มาถึง โดยพี่กุ้งเองก็ปิดร้านเป็นเวลาสามวันเพื่อให้ตัวเองและลูกน้องไปพักผ่อนบ้าง นิธินเองก็ตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้ไปเจอกับครอบครัวของคนรักที่ต่างจังหวัด พวกเขาเดินทางโดยรถตู้โดยสารจากอนุเสารีย์ชัยสมรภูมิตั้งแต่ตอนบ่ายของวันที่ 4 ธันวาคมที่มีคนรอขึ้นรถตู้ค่อนข้างเยอะเป็นพิเศษ และทั้งคู่ก็ถึงตัวเมืองลพบุรีในอีก 2 ชั่วโมงต่อมา
  “ถึงแล้วครับ เดี๋ยวเราไปขึ้นรถเมล์กันนะ แล้วต่อมอไซค์ไปบ้านผม”
“ครับ”
  นิธินรับคำก่อนจะมองดูรอบ ๆ อย่างตื่นเต้นเพราะนี่เป็นครั้งแรกของเขา ที่ได้ออกมาต่างจังหวัดของประเทศไทย เขามองไปข้างหน้าที่เป็นเนินสำหรับรางรถไฟที่ขนานกับถนนเส้นนี้ โดยมีร้านค้ารถเข็นกำลังจัดร้านสำหรับเปิดทำการโต้รุ่งอยู่ข้างล่าง เมื่อเขามองไปทางซ้ายมือก็เห็นพระปรางค์สามยอด ถัดมาคือโรงเรียนขนาดใหญ่และศาลพระกาฬที่ตั้งตระหง่านโดดเด่นใจกลางเมืองที่มีการจราจรวุ่นวายจากรถยนต์บนท้องถนนและรถไฟ เมื่อเขาเดินตามคนรักไปยังฟุตบาทก็พบว่ามีลิงจำนวนไม่น้อยกำลังวิ่งเล่นและปีนป่ายเสาไฟฟ้าอยู่ และมีลิงตัวหนึ่งวิ่งตัดหน้าเขา
“ฮ่ะ ๆๆ ระวังลิงแย่งกระเป๋าให้ดี”
นิธินหันไปมองคนรักเพราะไม่เข้าใจคำศัพท์เลยคาดเดา
“ลิง?..Monkey?”
“ใช่แล้ว ลิง” อธิปพงศ์ยิ้มรับ “ระวังกระเป๋าคุณล่ะ”
“ครับ” นิธินมองคนรักยิ้ม ๆ และเงยหน้าขึ้นไปมองบนเสาไฟฟ้าก็พบว่ามีลิงจำนวนมากกำลังปีนป่ายอยู่บนสายไฟและตัวอาคารริมฟุตบาทแห่งนี้ ชายหนุ่มจึงบอกกับคนรักที่เดินมาด้วยกันอย่างอารมณ์ดีว่า
“ที่นี่ก็เหมือนนิวเดลีเลยหน่ะสิ”
“นิวเดลี?...ยังไงเหรอ?”
“ก็ ที่นิวเดลีหน่ะ มี Monkey ออกมาเดินในเมืองเหมือนอย่างนี้แหล่ะ”
“จริงเหรอ ฮ่ะๆๆ ผมก็นึกว่าจะมีที่ลพบุรีบ้านผมที่เดียวซะอีก”
“ฮ่ะๆๆ”
  สองหนุ่มหัวเราะกันขบขันกับเรื่องของลิงที่ต่างคนต่างก็เพิ่งรับรู้ พวกเขาเดินข้ามถนนมาฝั่งพระปรางค์สามยอดมายังตึกแถวที่เป็นท่ารถเมล์วนรอบตัวเมือง คนทั้งสองขึ้นมายังรถเมล์ที่เปิดเพลงดังกระหึ่ม อธิปพงศ์กลัวว่านิธินจะตกใจเลยบอกว่า
“รถเมล์ที่นี่ก็อย่างนี้แหล่ะ ต้องเปิดเพลงดัง ๆ”
นิธินพยักหน้ารับรู้ ส่วนคนพื้นที่อย่างเขาก็ตกใจว่าบ้านเมืองที่จากไปนานก็ยังมีอะไรที่เหมือนเดิมให้นึกถึงวันเก่า ๆ อยู่เหมือนกัน
ชายหนุ่มอินเดียมองออกไปนอกหน้าต่างรถเพื่อมองดูสองข้างทาง อธิปพงศ์ชี้ให้ดูโรงเรียนประจำจังหวัดที่ขณะนี้มีการจัดงานฤดูหนาวลพบุรีซึ่งเป็นงานประจำปีครั้งยิ่งใหญ่อยู่ด้วย
 “นี่ โรงเรียนผม ตอนนี้เค้าจัดงาน Winter fair เดี๋ยวกลางคืนผมพามาเที่ยวนะ”
“ครับ”
 นิธินรับคำคนรัก เขาเองก็ตื่นเต้นเล็กน้อยเหมือนกันที่จะได้มาเที่ยวงานประจำปีแบบไทย ๆ เป็นครั้งแรก เขาอยากจะรู้เหมือนกันว่าเมืองนี้ยังมีอะไรเหมือนอินเดียบ้านเขาอีกหรือเปล่า ถึงแม้ว่าตัวเมืองนี้จะมีความเจริญไม่ต่างอะไรจากเมืองหลวงก็ตาม
 คนทั้งสองลงรถเมล์วนที่วงเวียนสระแก้ว อันเป็นที่ตั้งของสถานีขนส่งประจำจังหวัด และต่อมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปยังทิศเหนือของตัวเมืองไม่ไกลจากนี้เพื่อจะไปบ้านของเขา
  มอเตอร์ไซค์รับจ้างทั้งสองคันจอดนิ่งที่หน้าบ้านสวนหลังหนึ่งที่มีต้นข่อย ชวนชม และไม้ประดับชนิดอื่น ๆ วางเรียงเป็นแถวโชว์อยู่ในรั้ว นิธินและอธิปพงศ์จ่ายค่าโดยสารเรียบร้อยแล้วจึงเดินเข้าไปในบ้านทันที
“ถึงแล้วหล่ะ บ้านผม” อธิปพงศ์บอกกับคนรักยิ้ม ๆ เพราะตัวเขาก็ดีใจเหลือเกินที่ได้กลับบ้านหลังจากไม่ได้กลับมานาน
นิธินเห็นคนรักมีความสุขอย่างนั้นก็ดีใจ เขาเดินตามอธิปพงศ์เข้าไปข้างในทันที
 หมาพันทางสามตัวออกมาเห่ารับหน้า โดยสองตัวนั้นกระดิกหางเข้ามาหาชายหนุ่มอย่างดีใจ สักพักก็มีหญิงวัยค่อนคนหน้าตาสะสวยที่อยู่ในชุดทำสวนและหญิงชราในเสื้อลูกไม้ผ้าซิ่นเดินออกมาจากตัวบ้านทรงไทยประยุกต์ครึ่งไม้ครึ่งปูนหลังย่อมนี้
 “หมู....มาแล้วเหรอลูก” คนเป็นแม่ยิ้มกว้างเมื่อเห็นหน้าลูกชายคนเดียวกลับมาถึงบ้าน เธอมองไปยังชายหนุ่มตัวโตที่มาด้วยแล้วยิ้มให้ เพราะนั่นก็คงจะเป็นคนรักของลูกอย่างที่เจ้าตัวเคยบอก
“แม่...แม่หวัดดีครับ” ชายหนุ่มวิ่งเข้าไปกอดแม่ทันทีด้วยความคิดถึง แม่ลูกกอดกันแน่น และอธิปพงศ์ก็เข้าไปกอดยายที่ยืนยิ้มให้
“อื้มมม คิดถึงยายจังเลยย”
“ไม่ต้องมาพูดเลย คิดถึงแล้วทำไมไม่กลับมาล่ะ” หญิงชราบ่นหลานอย่างน้อยใจ ทำให้คนเป็นแม่ต้องรีบห้าม
“เอาน่าแม่ วันนี้หมูมันก็กลับมาแล้ว แม่ไม่ดีใจรึไง”
“นั่นสิ ยายไม่ดีใจเหรอ...” อธิปพงศ์ได้ทีอ้อน
“ดีใจซี่” ยายหยิกแก้มใส ๆ ของหลานชายอย่างอารมณ์ดี ส่วนแม่ก็หันไปมองนิธินที่ยืนยิ้มอยู่ เธอจึงหันไปมองลูกชายให้แนะนำคนรักให้เธอรู้จักเสียที
“เออ หมู..”
“อ่อ..” อธิปพงศ์ละออกมาจากยาย เพื่อมาแนะนำคนรัก
“ยายครับ แม่ครับ นี่ นิธิน..แฟนผม”
อธิปพงศ์ที่ถึงแม้จะเริ่มชินกับการแนะนำแบบนี้ แต่ก็แอบเขินเมื่อต้องมาแนะนำให้แม่กับยายตัวเองรู้จัก
  “สวัสดีครับ” นิธินยกมือไหว้และสวัสดีทักทายเป็นภาษาไทยอย่างนอบน้อม ทำให้แม่และยายของคนรักตื่นเต้นและดีใจที่หนุ่มอินเดียคนนี้พูดไทยได้
คนเป็นแม่เข้าไปจับแขนชายหนุ่มอย่างเอ็นดู “หวัดดีจ้ะ นิธิน ยินดีต้อนรับนะ ทำตัวตามสบายล่ะ”
“ขอบคุณครับ” นิธินยกมือไหว้พร้อมกับยิ้มให้แม่ของอธิปพงศ์อีกครั้ง ส่วนยายก็เข้ามาจับแขนเขาและมองหน้าใกล้ ๆ เหมือนกัน
“โอ้โห หล่ออย่างกับพระเอกหนังแขกแหน่ะ” และหันไปแซวหลานตัวเอง “ตาถึงจริง ๆ นะ”
อธิปพงศ์เขินหนักเมื่อถูกยายตัวเองแซวแบบนี้ แม่เขาเลยบอกว่า
“แม่หน่ะ แซวหมูมันซะเขินหน้าแดงเลย” เธอยิ้มให้กับลูกชาย นานแล้วเหมือนกันที่ไม่เคยเห็นเขาออกอาการเขินอายใครอย่างนี้
“ไปลูกไป เอาของไปเก็บในบ้านก่อน นี่แม่เข้าไปจัดห้องให้เราใหม่แล้วนะ”
“ขอบคุณครับแม่”
อธิปพงศ์นำนิธินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านเพื่อจะไปเก็บของในห้องนอนของเขา โดยชั้นบนของบ้านนี้จะมีด้วยกันสามห้องนอนริมตัวบ้าน และปล่อยตรงกลางให้โล่งเป็นโถงเหมือนบ้านไทยในต่างจังหวัดทั่วไป พวกเขาทั้งสองเก็บของในห้องนอนของอธิปพงศ์ที่มีเตียงสามฟุตและข้าวของจำนวนไม่น้อยอยู่ข้างใน อธิปพงศ์เห็นคนรักกำลังมองสำรวจรอบ ๆ แล้วก็บอกว่า
“ไม่มีห้องน้ำในตัวนะ เวลาอาบน้ำต้องไปใช้ห้องน้ำข้างล่าง”
“ครับ” นิธินรับคำยิ้ม ๆ และนั่งลงบนเตียง อธิปพงศ์นั่งลงข้าง ๆ และบอกว่า
“วันนี้เตียงแคบไปหน่อยนะ” เนื่องจากเขามองดูรูปร่างคนรักแล้วก็น่าจะใหญ่ไปสำหรับเตียงสามฟุตแบบนี้
“ไม่เป็นไรหรอกครับ” เขาเข้าไปโอบเอวอธิปพงศ์ทันที “คุณน่าจะนอนไม่สบายมากกว่าผมนะ”
“นั่นสิ...แต่ผมก็ชอบนะ ขอแค่นอนกับคุณก็พอ”
นิธินดีใจที่ได้ยินอย่างนั้นจึงเข้าหอมแก้มคนรักทันทีเป็นการขอบคุณ และจูบเบา ๆ ที่ริมฝีปาก แต่อธิปพงศ์กลัวใจตัวเองว่าจะมากไปกว่านี้จึงละออกมา
“อย่าทำอย่างนี้สิ” อธิปพงศ์ต่อว่า “ยังไม่มืดเลย..”
“แล้วมันจำเป็นด้วยเหรอที่ต้องรอให้มืดหน่ะ”
“ไม่เอาน่า ผมไปหาแม่กับยายก่อนแล้ว...” อธิปพงศ์วิ่งออกจากห้องไปทันที ส่วนนิธินก็นำเสื้อผ้าและของใช้บางส่วนออกมา ก่อนจะเดินตามลงไปข้างล่าง ก็เห็นอธิปพงศ์อยู่กับยายแค่สองคนในครัว
“แล้ว..คุณแม่...ไปไหนล่ะครับ” เขาถามคนรัก แต่ยายที่คนแกงส้มในหม้ออยู่ตอบอย่างอารมณ์ดีว่า
“อ่อ แม่เจ้าหมูไปสวนหน่ะ เดี๋ยวมา”
“ครับ”
“เออ นี่พ่อหนุ่ม” คนเป็นยายได้โอกาสถาม “ทำไมพูดเก่งจัง ไอ้หมูสอนใช่ไหม”
“ครับ” นิธินมองไปที่อธิปพงศ์และยิ้มให้
ยายหันมาถามหลานที่ยืนข้าง ๆ “แล้วไม่คิดจะพูดภาษาเขาได้มั่งเหรอลูกก”
“ไม่เอาล่ะ ให้เค้ามาพูดไทยแหล่ะดีแล้ว”
“แหม่ แล้วไม่คิดจะไปเจอพ่อแม่เค้าเลยรึไงล่ะ”
อธิปพงศ์ตอบให้ยายสบายใจ “เคยเจอแล้วว คุยกันรู้เรื่อง ยายไม่ต้องห่วง”
“อ่าว งั้นเรอะ ยายก็ไม่รู้” ยายหันไปบอกกับนิธินว่า “ไอ้หมูมันตัวแสบ ตอนเด็ก ๆ นะมันเคยเอาเสื้อของยายไปใส่ให้หมา ดูมันทำเข้าสิ ฮ่ะๆๆๆ”
นิธินยิ้มขำเมื่อได้ยินวีรกรรมสมัยเด็กของคนรัก ส่วนเจ้าตัวเองก็เงียบไปเพราะอายที่ยายเอาเรื่องเก่า ๆ ของเขามาเผากันแบบนี้ 
“คุยอะไรกันจ๊ะยายหลาน” แม่ของอธิปพงศ์กลับมาพอดี
“ยายเผาหมูอยู่หน่ะสิ”
“ฮ่ะ ๆๆ เผาเรื่องอะไรล่ะ เราหน่ะมีหลายเรื่องเลยนะ ฮ่ะๆๆ”

    เมื่อถึงเวลาเย็น ทุกคนก็พร้อมหน้าพร้อมตากันบนโต๊ะอาหารในครัว สีหน้าของทุกคนมีความสุขฉายแววอยู่ โดยเฉพาะแม่กับยายที่ดีใจเป็นพิเศษเมื่อเห็นลูกหลานกลับมาเยี่ยมบ้าน โดยมีอาหารพื้นบ้านง่าย ๆ อย่างแกงส้มมะละกอ ปลาสลิดทอด และผัดผักบุ้งเป็นกับข้าวในวันนี้
“นิธิน กินได้มั๊ยลูก” คนเป็นแม่ถามผู้มาเยือนอย่างเป็นห่วง เพราะเธอไม่รู้เหมือนกันว่าคนต่างชาติอย่างนี้จะรับประทานอาหารที่เธอทำได้หรือเปล่า
“ได้ครับ อร่อยมากครับ”
“เฮ้ออ ได้ยินอย่างนี้ค่อยดีใจ”
“เค้ากินได้อยู่แล้ว เพราะตอนอยู่กรุงเทพฯ เค้าก็กินตามสั่งนั่นแหล่ะ ใช่มั๊ย”
“อืม ครับ”
คนเป็นแม่สงสัย
“ทำไมลูก อาหารอินเดียหากินยากเหรอ”
“แถวที่ผมอยู่หาไม่ยากนะครับ แต่มันแพง”
“ฮ่ะๆๆๆ ดีแล้วหล่ะ เป็นคนหนุ่มอยู่รู้จักใช้เงินประหยัดอย่างนี้” คนเป็นแม่ชื่นชม
“ขอบคุณครับ”
  ทุกคนรับประทานอาหารร่วมกันอย่างมีความสุข เสร็จแล้วอธิปพงศ์และคนรักก็ทำหน้าที่ล้างจาน และก็ขึ้นไปข้างบนเพื่อจะเตรียมตัวอาบน้ำ เมื่ออาบน้ำเสร็จพวกเขาก็มานั่งคุยกับแม่และยายตรงนอกชานของบ้านสักพัก ก็เข้ามาข้างในเพราะต้านแรงยุงไม่ไหว
 “คิดถึงแม่จังเลยย” ชายหนุ่มบอกกับแม่ พร้อมลงไปนอนที่หน้าตักอย่างคิดถึง   
คนเป็นแม่ลูบหัวและหยิกแก้มเบา ๆ “หืมม นี่ถ้าไม่ได้เจอคนถูกใจอย่างนิธินก็จะไม่กลับบ้านพามาไหว้แม่ใช่มั๊ย”
เธอตบก้นลูกด้วยความหมั่นเขี้ยว แต่ก็ตกใจเมื่อสัมผัสได้ว่าเนื้อตรงส่วนนั้นของลูกมันนิ่มมาก แสดงว่าเขาสองคนไม่เคยวางเว้นจากเรื่องบนเตียงเลยใช่ไหม คนเป็นแม่คิดอย่างนั้น
นิธินที่ใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงนอนตัวหลวมมองไปยังรูปที่ติดบนพผนังอย่างใคร่รู้ คนเป็นยายจึงไล่เรียงให้ดู “นั่นเป็นรูปยายตอนสาว ๆ” เธอหมายถึงรูปขาวดำของหญิงสาวหน้าตาสะสวย “ต่อมาก็เป็นรูปตาเจ้าหมู นั่นรูปแม่เจ้าหมูตอนสาว ๆ” นิธินมองตามที่ยายบอก เขาพบว่าแม่และยายของคนรักเป็นผู้หญิงที่หน้าตาดีมากคนหนึ่ง โดยเฉพาะแม่ที่ยังดูสวยสง่าตามวัย
 “นั่น แม่กับพ่อเจ้าหมูตอนแต่งงานกัน” พอถึงรูปนี้เขาเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็เห็นหน้าพ่อของคนรัก เขาก็พบว่าอธิปพงศ์มีหน้าตาคล้ายแม่มากกว่าพ่อ
“ต่อมาก็เป็นรูปเจ้าหมูตอนเด็ก” เขามองรูปเด็กน้อยวัยอนุบาลอย่างประหลาดใจ เพราะก็เริ่มมีเค้าหน้าตาปัจจุบันของคนรักในปรากฏอยู่ และถัดมาก็เป็นรูปของชายหนุ่มตอนเป็นนาคกับแม่และยายในวันงานอุปสมบท
“นั่น เป็นรูปตอนบวช”
นิธินไม่เข้าใจจึงหันมามองหน้าคนรัก อธิปพงศ์เลยบอกว่า “In the monkhood”
“อ่อ” เขามองรูปนั้นต่อ และก็รูปถัดไปที่เขาครองสมณเพศแล้ว นิธินกลับมานั่งที่เดิมและถามคนรัก
“นานรึยังครับ”
“อะไรเหรอ..”
“รูปนั้นไง” เขาชี้ไปยังรูปตอนที่อธิปพงศ์อุปสมบท “นานแล้วหล่ะ ตอนอายุ 24 หน่ะ”
“เหรอ...” นิธินตอบรับ คนเป็นยายเลยสมทบว่า
“คนไทยเราถือหน่ะว่าเป็นลูกชายต้องบวชให้พ่อกับแม่”
“ครับ..”
  ในวันนี้ บ้านสวนที่เคยมีแต่ผู้หญิงสองคนกลับคึกคักและอบอุ่นไปด้วยความสุข เพราะลูกชายที่รักกลับมาหาพร้อมกับคนรักที่สามารถปรับตัวเข้ากันได้ดี อธิปพงศ์นอนอยู่บนตักแม่และยายเหมือนเด็ก ๆ อย่างนั้น พร้อมกับตอบคำถามแม่และยายที่ไล่เลียงซักไซ้เขาและคนรักโดยไม่รู้จักเบื่อ อธิปพงศ์จำไม่ได้ว่านานแค่ไหนแล้วที่ตัวเองไม่ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างนี้ แต่วันนี้เขามีความสุขมาก เพราะได้กลับมาอยู่กับครอบครัวที่จากมา และรู้สึกว่าชีวิตเติมเต็มสมบูรณ์มากขึ้นเพราะมีคนที่เขารักอย่างนี้


โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ...


ปล. 1. พิธีเมเฮนดี (Mehndi) หรือพิธีเพ้นท์เฮนน่าตามร่างกายของเจ้าสาว ตั้งแต่บริเวณมือไปจนถึงข้อศอกและเท้าด้วยลวดลายต่าง ๆ เพราะตามประเพณีแต่งงานแบบอินเดียหากเจ้าสาวไม่ได้ทำพิธีเมเฮนดีจะถือว่าพิธีแต่งงานนั้นไม่สมบูรณ์ เนื่องจาก ประเพณีแต่งงานแบบอินเดีย เชื่อกันว่าสีน้ำตาลแดงที่ใช้เพ้นท์ร่างกายเจ้าสาวใน พิธีเมเฮนดี นั้น เป็นตัวแทนของความมั่งคั่งร่ำรวย ที่เจ้าสาวจะนำมาสู่ครอบครัวของเจ้าบ่าว
 2. เดินรอบกองไฟ 7 รอบ หมายถึงให้อยู่ร่วมกัน รักกัน 7 ชาติ สำหรับ 4 รอบแรกฝ่ายชายเดินจูงมือนำ ส่วน 3 รอบหลังให้ฝ่ายหญิงจูงมือเดินนำ
 3. ก้าวไปทางทิศเหนือเป็นจำนวน 7 ก้าว โดยภาวนาถึงสิ่ง 7 สิ่ง คือ อาหาร, พลานามัย, ความมั่งคั่ง, ความสุข, ความอุดมพันธุ์, พืชผลและสัตว์เลี้ยงและการอุทิศตน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-03-2012 14:57:19 โดย น้ำพริกแมงดา »

kakuro

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณคุณน้ำพริกแมงดา :L2:
สนุกและเต็มไปด้วยความรู้เรื่องชาวอินเดีย

ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
ชอบจังเลยอ่ะ ครอบครัวสุขสันต์ ^^

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด