(ตอนพิเศษ น.23)Mujhe apana hatha de-Give me your hands–แบ่งรักให้อุ่นใจ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (ตอนพิเศษ น.23)Mujhe apana hatha de-Give me your hands–แบ่งรักให้อุ่นใจ  (อ่าน 219568 ครั้ง)

ออฟไลน์ น้ำพริกแมงดา

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +272/-0
    • เข้ามาเป็นคุยกันกับ "น้ำพริกแมงดา" ใน facebook page นะคะ
มาลงรูปประกอบก่อนค่ะ อันนี้เป็นเครื่องแต่งกายที่คนเขียนพูดถึงในฉากงานเลี้ยงนะคะ เริ่มต้นที่ชุดกูรตะค่ะ
  ถ้าพูดถึงการแต่งกายของชาวอินเดีย คนเขียนเชื่อว่าผู้อ่านหลายท่านคงจะนึกถึงส่าหรีที่ผู้หญิงอินเดียสวมใส่กันเป็นอย่างแรกเลยใช่มั๊ยคะ ถ้าส่าหรีคือชุดของผู้หญิง กูรตะ(Kurta)ก็คือชุดประจำชาติของผู้ชายอินเดียค่ะ กูรตะมีหลายแบบนะคะ มาดูกันคร่าว ๆ ดีกว่าว่ามีอะไรแบบไหนบ้าง

อย่างแรกค่ะ เป็นชุดกูรตะทั่ว ๆ ไป เป็นเสื้อตัวยาวกับกางเกงผ้า แต่สมัยนี้มีการประยุกต์ให้เข้ารูปขึ้นคล้าย ๆ กางเกงขาเดฟค่ะ



ออฟไลน์ น้ำพริกแมงดา

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +272/-0
    • เข้ามาเป็นคุยกันกับ "น้ำพริกแมงดา" ใน facebook page นะคะ
อันที่สองนี้เป็นกูรตะแบบเต็มยศหรือ โดที กูรตะ (อย่างที่นิธินใส่ในเรื่องค่ะ) เป็นชุดที่ผู้ชายอินเดียต้องมีไว้สำหรับใส่ออกงาน และเป็นแบบฟอร์มของชุดเจ้าบ่าวอินเดียด้วยค่ะ


ออฟไลน์ น้ำพริกแมงดา

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +272/-0
    • เข้ามาเป็นคุยกันกับ "น้ำพริกแมงดา" ใน facebook page นะคะ
มาดูทางฝั่งผู้หญิงบ้างนะคะ ยังมีกูรตะอีกแบบคือ ซัลวาร์ กูรตะ (Salwar Kurta)ที่หนึ่งชุดจะต้องมีสามอย่างคือ เสื้อตัวยาว(Kurta kameez,กางเกง(Salwar)และผ้าพันคอ(Dupatta) ชุดซัลวาร์ กูรตะนี้เป็นชุดที่ได้รับความนิยมในรัฐปัญจาบ(ที่อยู่ทางภาคเหนือของอินเดีย)และชาวอินเดียทั่วไปๆไป เพราะสวมใส่สบาย คล่องตัวและสวยงามค่ะ

 

ออฟไลน์ น้ำพริกแมงดา

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +272/-0
    • เข้ามาเป็นคุยกันกับ "น้ำพริกแมงดา" ใน facebook page นะคะ
สุดท้าย มาที่ชุดประจำชาติที่สวยและมีเสน่ห์มาก(ในสายตาคนเขียน)อย่างส่าหรีค่ะ ความจริงส่าหรีมีหลายสไตล์ตามภูมิภาคของอินเดีย แต่ที่สามใส่ในชีวิตประจำวันเรียกว่า Nivi style







โดยส่วนตัวชอบสไตล์การห่มส่าหรีของดาราคนนี้มากค่ะ Vidya Balan เพราะเธอมีรูปร่างไม่เหมือนดาราสาวบอลลีวูดทั่วๆไปที่สูงโปร่งหุ่นดี(หมายถึงมีหน้าอกมีสะโพกชัดเจนนะคะ) แต่เธอมีสัดส่วนที่สวยงามในความสูงสมส่วนของเธอและก็รู้จักมิกซ์แอนด์แมชเสื้อตัวในกับผ้าส่าหรีได้ลงตัว (ถ้าบ้านเราเรียกว่าเธอเป็นคนที่แต่งตัวแนวมาก ลองดูเองนะคะ)

ออฟไลน์ น้ำพริกแมงดา

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +272/-0
    • เข้ามาเป็นคุยกันกับ "น้ำพริกแมงดา" ใน facebook page นะคะ
มาดูอาหารกันบ้างค่ะ มีแต่ชื่อแปลกหูทั้งนั้น มาดูกันบ้างว่าที่มีชื่อเฉพาะในเรื่องมีอะไรบ้าง

อันนี้ เรียงจากซ้ายไปขวาคือ แกงชีส(Paneer) นาน(แผ่นโรตีย่างในโอ่ง)หัวหอมแดงเป็นผักแกล้มตัดรสเลี่ยน และแกงกะหรี่ไข่ค่ะ





ส่วนอันนี้คืออาหารชุดใส่ถาด หรือ ถาลี(Thali)



อันนี้ของว่างที่เรียกว่าปูรีค่ะ



มาดูของหวานกันบ้าง อย่างแรกคือ กุหลาบยามุน ที่เรียกว่ากุหลาบยามุนเพราะใส่น้ำกุหลาบลงไปด้วยนะคะ แต่อันนี้ไม่ได้ปิดหน้าด้วยแผ่นเงินเปลว




อันนี้ลาดูค่ะ (สำหรับใช้ถวายองค์พระพิคเณศวร์)



สุดท้าย ราสมาลัยค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-02-2012 17:49:29 โดย น้ำพริกแมงดา »

ออฟไลน์ ณยฎา

  • ขอเพียงมีเธออยู่คู่ฉัน แม้นหลับก็มิฝันถึงสิ่งใด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-3
+1 ให้ค่ะ เรื่องสนุก ข้อมูลแน่น ตอนนี้ติดหนึบเลย

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
 o13น่ากิน

ออฟไลน์ น้ำพริกแมงดา

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +272/-0
    • เข้ามาเป็นคุยกันกับ "น้ำพริกแมงดา" ใน facebook page นะคะ
นิยายมาแล้วค่า ขอบคุณมาก ๆๆ นะคะทุกคน

18



"ฮัลโหล คุณหมูครับ ทำอะไรอยู่ ยุ่งรึเปล่า" นิธินกดโทรศัพท์หาคนรักทันทีที่เลิกงาน
"คุยได้ครับ มีไรเหรอ แล้วไปรับครอบครัวคุณมาแล้วใช่มั๊ย"
"ครับ" นิธินตอบรับสั้นๆ แต่อธิปพงศ์สัมผัสได้ถึงความรู้สึกของคนรักจึงถามอย่างเป็นห่วงว่า
"คุณ โอเคมั๊ย"
นิธินจึงตอบไปตามตรง
"ก็ รู้สึกแปลกๆ หน่ะ"
"แล้วคุณพ่อคุณแม่คุณเค้าเป็นยังไงมั่ง เค้าโอเคกับคุณมั๊ย"
"ก็โอเคนะ" ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
"ทำไม เป็นอะไรไปที่รัก"
นิธินที่กำลังกลุ้มใจเรื่องท่าทีของพ่อกับแม่ของเขากับอธิปพงศ์ก็ถึงกับยิ้มออก เมื่อได้ยินอีกฝ่ายเรียกเขาอย่างนั้น
ตั้งแต่ตกลงปลงใจใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมา นี่เป็นครั้งแรกที่อธิปพงศ์เรียกเขาว่าที่รัก
"ก็ พ่อกับแม่ผม เค้าบอกว่าอยากเจอคุณ"
"อ่าว เหรอ" อธิปพงศ์ที่ได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจ
"ผม กลัว เค้าจะทำกับคุณเหมือนที่เคยทำกับผมหน่ะสิ"
อธิปพงศ์เข้าใจทันทีว่านิธินหมายถึงอะไร จึงปลอบใจคนรักว่า
"ไม่หรอก ถ้าเค้าโอเคกับคุณแล้วก็น่าจะโอเคกับผมด้วย ว่ามะ"
"อืมๆ"
นิธินค่อยยิ้มออกเมื่อได้คุยกับคนรัก
"อืม แล้วจะให้ผมไปเจอตอนไหน"
"ก็ ผมขอพาพ่อกับแม่เดินเที่ยวแถวนี้ก่อน และเดี๋ยวเลิกงานคุณมาหาผมที่โรงแรม The Park นะ เดี๋ยวผมออกไปรับ อ้อ เดี๋ยวเพื่อนๆผมก็จะไปด้วยนะ คุณไม่ต้องห่วง"
"อื้มม เข้าใจแล้วครับ" อธิปพงศ์รับคำด้วยรอยยิ้ม
นิธินบอกกับคนรักก่อนวางว่า
"เจอกันตอนเย็นนะครับที่รัก"
"ครับ"
 อธิปพงศ์วางสายไปพร้อมรอยยิ้ม ท่ามกลางสายตาสอดรู้ของป๊อกกี้ ที่กำลังทำผมให้ลูกค้า
"นังป๊อก ทำให้ดีๆๆๆ" พี่กุ้งรีบปรามเมื่อเห็นลูกน้องไม่มีสมาธิกับงาน
"แหมคุณแม่ หนูก็อยากรู้บ้างอะไรบ้าง"
"แกจะไปอยากรู้ทำไม ไปๆ ทำงานของแกต่อ"
"ค่ะๆ"
 อธิปพงศ์มองรุ่นน้องขำๆ ป๊อกกี้เลยถามต่อ
"อะไรคะคุณพี่ อารมณ์ดีเชียะ เฮ้อ..อิจฉาคนมีสามี"
เพียงประโยคนั้นหลุดปากป๊อกกี้ไป เท่านั้นเองอธิปพงศ์จึงถูกลูกค้าทั้งร้านมองด้วยความตกตะลึงกับข้อมูลใหม่ที่เพิ่งรับรู้ ว่าช่างผมรูปหล่อคนนี้ไปอีกคนเสียแล้ว
"เอ่อ.." ป๊อกกี้แทบอยากจะดำดินหายตัวไปตรงนั้น เมื่อเห็นสายตาคาดโทษของพี่กุ้งมองมา แต่อธิปพงศ์เองกลับยิ้ม ไม่ถือสาใดๆ
"ก็อารมณ์ดีซี่ เพราะพ่อแม่แฟนพี่มาเยี่ยมหนิ นี่คงมาดูตัวและยกสินสอดมาขอพี่แน่ ๆ หึหึหึ"
"เอ่อ ค่ะ แฮ่ะๆๆๆ" ป๊อกกี้หัวเราะแห้งๆ พยายามให้บรรยากาศดีขึ้น ส่วนพี่กุ้งก็ยิ้มให้กับอธิปพงศ์ที่รู้จักทำเรื่องเครียดให้สดใสได้ เขาคิดว่ารุ่นน้องมองโลกในแง่ดีมากขึ้นตั้งแต่คบหากับนิธิน
พี่กุ้งเชื่อแล้วว่า ความรักไม่ได้ทำให้โลกกลายเป็นสีชมพูอย่างเดียว แต่ความรักยังทำให้คนมองโลกอย่างมีสีสันมากขึ้นด้วย

  นิธินพาพ่อแม่และพี่ชายไปเดินเที่ยวชมรอบๆ ที่พักของพวกเขาและไนท์บาร์ซ่า โดยมีเอเจ วิษณุและแทนไทไปด้วย ก่อนที่จะกลับมารับประทานอาหารเย็นด้วยกันที่ห้องอาหารในโรงแรม นิธินสังเกตุว่าพ่อกับแม่เขามีท่าทีผ่อนคลายกว่าแต่ก่อนและดูพอใจในกลุ่มเพื่อนเขามาก ดารามดัสเลยถามน้องชายตัวเองว่า
"เออ นิธิน แล้วนี่แฟนแกยังไม่เลิกงานเหรอ"
นิธินก้มลงดูนาฬิกาข้อมือและให้คำตอบ
"ตอนนี้เลิกแล้ว เดี๋ยวก็คงมา"
คนเป็นแม่ถามขึ้น
"แล้ว แฟนลูกเค้าทำงานอะไรเหรอ"
"เค้าเป็นช่างตัดผมหน่ะครับ"
"อ่าเหรอ.."
คนเป็นพ่อถามเรียบๆ
"ได้ยินว่าเค้าเป็นคนไทยใช่มั๊ย"
"ครับ"
นิธินตอบรับแค่นั้นทั้งโต๊ะก็อยู่ในความเงียบ ดารามดัสกลัวว่าบรรยากาศจะเสียเลยทำเป็นสนุกสนานถามเพื่อนๆ ของน้องตัวเองว่า
“แล้ว พวกเราเคยเจอเค้ารึยัง เป็นไงมั่ง”
“โหย เค้าเป็นคนมีอัธยาศัยดีมากเลยครับพี่ ผมเจอเค้าหลายครั้งแล้ว เค้าก็โอเคครับ นิสัยดี และก็รักนิธินมากด้วย” เอเจพยายามเรียบเรียงคำพูดให้พ่อแม่ของเพื่อนเข้าหูมากที่สุด แต่เหมือนพวกท่านทั้งคู่จะยังไม่สนใจกับสิ่งที่เขาบอก
“เหรอ...”
“ใช่ครับพี่ ผมว่าเค้าเป็นคนจิตใจดีอีกคนเลยนะ” วิษณุสนับสนุน แต่พวกเขาก็เจื่อนลงอีกครั้งเมื่อไม่มีปฎิกริยาใด ๆ จากพ่อกับแม่
“เอ่อ พี่ว่า สั่งอะไรมากินก่อน..นะ” ดารามดัสเห็นว่าตันแล้วจริง ๆ เลยสั่งอาหาร เผื่อบรรยากาศจะดีขึ้นมาบ้าง ไม่มากก็น้อย
นิธินมองไปที่พ่อกับแม่แล้วก็หนักใจ ถึงแม้พวกท่านจะไม่เย็นชากับเขาเหมือนก่อนแล้ว แต่ก็ยังมึนตึงกับการพบกันของคนรักของลูกในครั้งนี้ เขาจึงบอกว่า
“เดี๋ยวผมมานะ”
  นิธินลุกจากโต๊ะและเดินไปยังล็อบบี้ของโรงแรม พอเขาจะนั่งบนโซฟาก็พบว่าอธิปพงศ์กำลังเดินเข้ามาข้างใน  นิธินจึงเข้าไปหาคนรักที่ส่งยิ้มมาให้ทันที
 เพียงอธิปพงศ์เจอหน้าคนรักเขาก็สัมผัสได้เลยว่านิธินกำลังมีเรื่องกลัดกลุ้มอยู่ข้างใน ชายหนุ่มยิ้มให้ชวนนิธินมานั่งที่โซฟาใกล้ ๆ ก่อน
  “คุณพ่อคุณแม่คุณอยู่ข้างในใช่มั๊ย”
นิธินพยักหน้า เขาพยายามยิ้มบาง ๆ ให้คนรักสบายใจแต่แววตานั้นก็บ่งบอกว่าเขานั้นลำบากใจเป็นอย่างมาก อธิปพงศ์จึงกุมมือเขาทั้งสองข้างเพื่อและมองหน้าชายหนุ่มให้กำลังใจ ก่อนที่ชวนนิธินเข้าข้างในด้วยกัน
“ไปกันเถอะครับ”
นิธินยิ้มให้ก่อนจะเดินจับมือกันเข้าไปในห้องอาหาร นิธินเดินนำหน้าคนรักมายังมุมที่ครอบครัวเขานั่งอยู่ พอมาถึง อธิปพงศ์ก็ตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนในโต๊ะทันที
“พ่อครับ แม่ครับ พี่ครับ นี่ อธิปพงศ์ แฟนผมครับ” นิธินแนะนำคนรักให้ครอบครัวรู้จัก อธิปพงศ์ยกมือไหว้พ่อกับแม่และพี่ชายคนรักทันที
พ่อกับแม่เขาพยักหน้ารับรู้เบา ๆ นิธินจึงพาอธิปพงศ์มานั่งข้าง ๆ
ดารามดัสบอกกับอธิปพงศ์ว่า
“I’ve heard about you for manytime, nice to meet you here”
“Thank you”
วิษณุถามแฟนเพื่อนบ้าง
“วันนี้เป็นไงมั่งครับคุณหมู คงยุ่งทั้งวันเลยล่ะสิ”
“ครับ วันนี้ก็โอเค ลูกค้ามาเรื่อย ๆ”
  บทสนทนาหมดลงเพียงแค่นั้น ทั้งโต๊ะกลับสู่สุญญากาศอีกครั้งเพราะไม่มีใครกล้าที่จะหยิบยกอะไรมาฝ่าท่าทีนิ่งเฉยเย็นชาของพ่อกับแม่นิธินได้  อธิปพงศ์และทุกคนจึงได้แต่กินอาหารตรงหน้าเงียบ ๆ แต่เขากับนิธินก็ยังไม่ละเลยที่จะใส่ใจกันตามปกติ ทั้งตักอาหารให้กัน ดูแลกันและกันเล็ก ๆน้อย ๆ
ขณะที่พ่อกับแม่นิธินมองอธิปพงศ์อย่างเก็บรายละเอียดและมองอธิปพงศ์ไม่วางตาไม่ว่าจะทำอะไร ส่วนนิธินก็ลอบมองพ่อกับแม่เป็นระยะ ๆ เช่นกัน
 “เอ่อ แล้วนี่พี่จะมาอยู่กันกี่วันล่ะ” นิธินนึกขึ้นได้จึงถามพี่ชายตัวเอง
“ก็ สักสามวันหน่ะ”
“เหรอ...” นิธินพูดต่อ “แย่จังที่ไม่ได้มาวันหยุด ผมก็ไปดูแลพี่ไม่ได้ล่ะซิ”
“เฮ้ย ๆ ไม่เป็นไร ชั้นซื้อโปรแกรมทัวร์เรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง”
“อืม ก็ดีแล้ว จะได้พาพ่อกับแม่ไปเที่ยว”
“ใช่ ๆ เห็นว่าจะไปพัทยาหล่ะ”
“อืม เหรอ ดีนะ ผมอยู่ที่นี่มานานแล้วผมยังไม่เคยไปไหนเลย”
“อ่าว เหรอ มีแฟนเป็นคนไทยทั้งทีเนี่ยนะ”
“อืม ต่างคนต่างก็ทำงานหน่ะ”
ดารามดัสหันมาถามกลุ่มเพื่อน ๆ ของน้อง
 “แล้วพวกนายล่ะ มีอะไรแนะนำให้พี่ไปเที่ยวบ้าง” 
“เยอะแยะพี่ ผมว่าในกรุงเทพฯเที่ยววันเดียวยังไม่ทั่วเลย”
อธิปพงศ์หันมามองหน้าคนรัก เพราะทั้งหมดใช้ภาษาฮินดีในการสนทนากัน แต่นิธินก็บอกว่า
“เค้าพูดถึงเรื่องไปเที่ยวกันหน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
อธิปพงศ์ค่อยสบายใจที่ได้ยินอย่างนั้น แต่เขาก็ไม่ได้ยินคำพูดใด ๆ จากพ่อกับแม่นิธินเลยสักนิดจนกระทั่งแยกย้าย
“ผมไปก่อนนะครับ” นิธินกับอธิปพงศ์มาส่งพ่อแม่ถึงห้อง
“อืม” พ่อนิธินรับคำสั้น ๆ
  คนทั้งสองขอตัวกลับทันทีโดยอธิปพงศ์ไม่ลืมยกมือไหว้บุพการีของคนรักก่อนจาก พวกเขาเดินจับมือกันตามปกติ โดยมีสายตาของพ่อกับแม่นิธินมองตามหลังอย่างกรุ่นคิด

“ที่รักครับ..” นิธินหันมาพูดกับอธิปพงศ์ที่อยู่ข้าง ๆ ขณะเดินกลับที่พัก
“หืมม์..”
“..ผม ขอโทษ แทนพ่อแม่ด้วยนะครับ”
“โธ่ เรื่องแค่นี้เอง ไม่เป็นไรหรอก” แต่อธิปพงศ์ก็หันไปมองหน้าคนรักอย่างแปลกใจ “เอ๊ะ เมื่อกี๊ คุณเรียกผมว่าอะไรนะ”
“ที่รัก” นิธินตอบยิ้ม ๆ
“เฮ้ยย รู้ได้ไงอ่ะ”
“ก็ คนไทยเค้าเรียกแฟนว่าอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ”
“อืม ใช่”
“แต่ทำไมคุณไม่เคยเรียกผมเลยล่ะ” นิธินถามอ้อน ๆ
“ก็...ก็กลัวคุณไม่เข้าใจหนิ”
“เข้าใจอยู่แล้ว....” นิธินรีบตอบ “เพราะผมไม่ได้ใช้หูฟัง”
“หืมม์..”
“ผมใช้นี่..ฟัง” เขาจับมืออธิปพงศ์มาวางไว้ที่อกข้างซ้าย
“โหยยย นี่ใครสอนเนี่ย มุกนี้”
“คิดเอง”
  อธิปพงศ์มองหน้าคนรักขำ ๆ เพราะเห็นว่าเขาใช้ภาษาไทยเก่งขึ้นมาก แถมยังคิดอะไรแบบนี้มาเล่นอีก สงสัยจะดูละครตลก
ซิทคอมมากไปแน่ ๆ เลยรับอิทธิพลมาเต็ม ๆ
“เออ แล้วที่คุณบอกว่า จะลองเข้าไปคุยกับเจ้านายเรื่องย้ายมาที่นี่ เค้าว่าไงมั่งอ่ะ”
“เค้ายังไม่ว่ายังไงเลย บอกว่าให้คำตอบหลังสิ้นเดือนธันวาคมหน่ะ”
“จริงเหรอ..” อธิปพงศ์ตื่นเต้น
“นี่แสดงว่าคุณจะอยู่เมืองไทยถึงหลังปีใหม่เลยใช่มั๊ย”
“ใช่แล้วว” นิธินยิ้มรับ
  อธิปพงศ์ดีใจมาก ๆ ที่ได้ยินอย่างนั้น นิธินก็ดีใจเช่นกัน ว่าความหวังที่จะมาใช้ชีวิตอยู่กับคนรักที่เมืองไทยอย่างถาวรจะเป็นจริงในไม่ช้านี้
 นิธินหันไปบอกกับคนรักต่อว่า
“พ่อกับแม่ผม วันนี้อาจจะดูเย็นชาไปหน่อย แต่จริง ๆ แล้วท่านเป็นคนใจดีมากนะ ท่านรักผมและพี่ชายมาก พ่อผมเคยเป็นทนายความหน่ะ เลยดูมีมาดเยอะหน่อย ส่วนแม่ผมก็เป็นคนร่าเริงนะ เพียงแต่ผมว่าท่านคงไม่ชินที่ต้องมาเจอแฟนผมเป็นครั้งแรก”
“หืม..ครั้งแรก”
“ใช่ คุณเป็นแฟนคนแรกที่ผมพามารู้จักกับพ่อแม่”
“จริงเหรอ” อธิปพงศ์แอบตื่นเต้นที่ได้ยินอย่างนั้น
“ครับ จริงๆ” นิธินอธิบายให้ฟัง “ที่อินเดียหน่ะ เป็นเกย์มันร้ายแรงมากนะ ทุกคนเลยกลัวที่จะบอกกับพ่อแม่ด้วยกันทั้งนั้น”
“อืม เหรอ…แล้วคุณนึกยังไงถึงกล้าบอกพ่อกับแม่ล่ะ”
“ผมก็แค่ไม่อยากโกหกพวกท่าน ไม่อยากสร้างความหวังให้พวกท่านเรื่องแต่งงานมีครอบครัว เชื่อมั๊ยตั้งแต่ผมเรียนจบแม่ก็พยายามหาผู้หญิงดี ๆ มาให้ตลอด จนเมื่อผมแน่ใจแล้วว่าผมทำให้พวกท่านไม่ได้ ผมก็เลยบอกพ่อกับแม่ไปว่า ผมแต่งงานไม่ได้ เพราะผมไม่ชอบผู้หญิง ก็เท่านั้น”
“อืม...ดีเนอะ”
“ที่อินเดียมีเกย์มากมายที่จำใจต้องแต่งงานกับผู้หญิงเพราะหนี Social structure ไม่พ้น แต่ผมไม่อยากเป็นอย่างนั้น ผมไม่อยากทำให้ผู้หญิงต้องมา suffer เพราะเรื่องนี้ แค่นั้นชีวิตผู้หญิงที่อินเดียก็แย่พอแล้ว ผมเชื่อว่าคนเราเลือกชีวิตที่อยากเป็นได้ ผมก็เลยเลือกที่จะเป็นอย่างนี้”
อธิปพงศ์อึ้งไปเหมือนกัน เพราะไม่ค่อยได้ยินคนรักพูดอะไรยาว ๆ อย่างนี้ แถมนี่ก็เป็นครั้งแรกที่นิธินได้ระบายความรู้สึกออกมาทางคำพูดให้เขาฟัง
 เมื่ออธิปพงศ์ฟังความคิดของเขาที่เพิ่งจบไปแล้ว ก็รู้สึกได้เลยว่า นิธินเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้และจำนนต่อข้อกำหนดเคร่งครัดใด ๆ หากยังมีความเชื่อมั่นในตัวเองตามประสาผู้ชายที่กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง
“ดีแล้วหล่ะ ผมเห็นด้วยนะที่คุณบอกว่า คุณไม่อยากทำร้ายผู้หญิง และคนเราเลือกในสิ่งที่เป็นได้”
“ขอบคุณครับ” นิธินถามต่อ“แล้ว ครอบครัวคุณล่ะ”
 “ผม อยู่กับแม่และยายหน่ะ พ่อผมตายตั้งแต่ผมสี่ขวบ ส่วนแม่ก็ไม่ได้มีสามีใหม่นะ อยู่กับยายสองคนที่ลพบุรี แม่ผมทำสวนต้นไม้นะ เดี๋ยววันหยุดยาวต้นธันวาคมผมจะลางานพาคุณไปเที่ยวบ้านที่ลพบุรี ไปมะ”
“ไปสิครับ...” นิธินรับครับด้วยความดีใจที่สุด เพราะนอกจากจะได้ไปเที่ยวกับคนรักแล้ว ยังจะได้เจอกับครอบครัวของอีกฝ่ายอีก
“ว่าไป ผมก็ไม่เคยพาแฟนไปให้แม่กับยายรู้จักเลยนะ”
นิธินหันมามองอธิปพงศ์ด้วยความประหลาดใจ
“ไม่รู้สิ ผมรู้สึกว่าถ้าแม่ผมเจอคนที่ผมเคยคบด้วยแต่ละคน แม่คงไม่ชอบแน่ ๆ”
“แล้ว ทำไม จะพาผมไปบ้านคุณล่ะ”
“ก็...มันบอกไม่ถูกหน่ะ ผมคิดว่าแม่น่าจะชอบคุณมั๊ง นี่ผมโทรคุยกับแม่แล้วนะว่าผมกำลังคบกับคุณอยู่ ”
“แล้ว แม่คุณว่าไงบ้าง”
“แม่ผมบอกว่า ขอให้คนที่ผมคบอยู่ รักผมจริง ๆ แม่ก็โอเคแล้ว”
“จริงเหรอ..”
“อื้ม...”
  คนทั้งสองยังคงจับมือกันเดินต่อและยิ้มให้กันมีความสุข ถึงแม้จะยังไม่ได้คำตอบชัดเจนจากพ่อกับแม่ของนิธิน แต่พวกเขาก็ไม่หมดหวังที่จะทำให้พวกท่านยอมรับและเข้าใจในความรักของคนทั้งคู่ได้



โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ น้ำพริกแมงดา

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +272/-0
    • เข้ามาเป็นคุยกันกับ "น้ำพริกแมงดา" ใน facebook page นะคะ
+1 ให้ค่ะ เรื่องสนุก ข้อมูลแน่น ตอนนี้ติดหนึบเลย

ขอบคุณมาก ๆ เช่นกันค่ะ

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
อ๋อย แอบเครียดแทน เรื่อง คุณพ่อคุณเเม่จังเลยค่ะ

หวังว่าจะไม่มีอะไรมากนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
ที่ลง ที่รัก อิจฉามาก ณ จุด จุด นี้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
โอ๊ย! ช่างมันเถิดอะไรจะเกิดก็ปล่อยมันไป รักกันๆ เริดสะแมนแตน

ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
เอาใจช่วยพี่หมูกับคุณนิธินให้ผ่านด่านคุณพ่อคุณแม่ไปให้ได้นะ

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
 o13มากๆกล้าดี

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
มาให้กำลังใจทั้งสองคน
 :L2: :L2:

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
อุปสรรคมีไว้พุ่งชน :L2:

กด+เป็ดจ้า

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ใจเย็นๆนะนิธิน ให้เวลาพ่อกับแม่อีกนิดนะ เป็นกำลังใจให้นิธินและหมูจ้ะ

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
สู้ สู้

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
คุณพ่อคุณแม่จะคิดอะไรอยู่น้า  :monkeysad:

ออฟไลน์ bytoey

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 865
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +197/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ j4c9y

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-7
วิดวิ้วววว  นิธินน่ารักเว่อ  อธิปพงษ์ก็สดใส ชอบบบบ

ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
หายไป 2 วันแล้วน๊า
พรุ่งนี้ต้องได้อ่านนะเออ

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
ว้าว....อ่านเรื่องนี้ทีไรอบอุ่นหัวใจทุกที....555 เราเริ่มจะเหมือนนิธินเข้าไปทุกที...มุกนี้ก็กล้าใช้เนอะ 5555

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ดูท่าว่า ปัญหาจะเริ่มตามมาแน่ๆ เลย (_ _")

ออฟไลน์ น้ำพริกแมงดา

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +272/-0
    • เข้ามาเป็นคุยกันกับ "น้ำพริกแมงดา" ใน facebook page นะคะ
วันนี้มาแล้วค่ะ ต้องขอโทษที่หายไปในวันเสาร์อาทิตย์ ขอบคุณมาก ๆ นะคะที่ให้การติดตามอย่างเหนียวแน่นมาตลอด ขอบคุณมาก ๆ ค่า

19


"หมู เห็นว่าเมื่อวานไปเจอพ่อกับแม่คุณนิธินมาเหรอ เป็นยังไงบ้าง"
พี่กุ้งถามอธิปพงศ์ขณะออกมากินข้าวกลางวันด้วยกัน
"ก็ ไม่มีอะไรหรอกครับ ถึงผมกับพวกเค้าจะไม่ได้คุยกัน เค้าก็ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจผม แต่พี่ชายนิธินเค้าใจดีกับผมนะ"
"แล้วนิธินเค้าว่าไงมั่ง"
"เค้าก็แอบเกรงใจผมนิดหน่อยหน่ะครับที่พ่อแม่เค้าไม่พูดอะไรกับผมเลย"
"อืม ของอย่างนี้มันทำใจยากนะ พี่ว่ามันต้องใช้เวลาสักพักหล่ะ แต่เค้ามาหาลูกถึงเมืองไทยอย่างนี้ พี่ว่าก็คงทำใจได้ระดับนึงแล้วหล่ะ"
"อืม ครับ"
พี่กุ้งนึกได้จึงบอกว่า
"เอางี้ พี่ว่าเย็นนี้หมูเลิกงานไวซะหน่อยดีกว่า จะได้กลับไปช่วยนิธินดูแลพ่อกับแม่เค้า"
อธิปพงศ์ได้ยินอย่างนั้นก็เกรงใจเจ้านาย
"ไม่เป็นไร พี่อนุญาต"
"ขอบคุณครับพี่กุ้ง" อธิปพงศ์ไหว้ขอบคุณเจ้านาย
^"จะดีเหรอครับพี่กุ้ง"
"ไม่เป็นไรหรอกหมู"
พี่กุ้งรับคำยิ้ม ๆ และกินข้าวต่อ พี่กุ้งคิดว่าเขาสามารถช่วยอธิปพงศ์ได้เพียงเท่านี้ ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับตัวอธิปพงศ์และพ่อกับแม่ของนิธินแล้ว

ส่วนครอบครัวของนิธินที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่พัทยาก็ดูผ่อนคลายกว่าแต่ก่อนมาก พวกเขาเดินเล่นกันที่ตลาดน้ำสี่ภาคซึ่งเป็นที่สุดท้ายที่ไกด์พามาเพื่อเลือกซื้อของฝากก่อนกลับ
"น่าเสียดายเนอะ ที่น้องลูกไม่ได้มาด้วย" เอกตราผู้เป็นแม่ในชุดส่าหรีบ่นขึ้นมาเบาๆ ดารามดัสผู้เป็นลูกคนโตเลยบอกว่า
"แม่ แม่รู้ตัวรึเปล่าว่าวันนี้แม่บ่นแบบนี้เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้ว"
"ก็ แม่คิดถึงน้องนี่นา" เธอตอบเศร้าๆ
"แล้วทำไมเวลาแม่เจอกับน้องแม่ไม่พูดอย่างนี้ล่ะ"
"ก็..." เธอไม่รู้จะพูดอะไรต่อ แต่นารายันผู้เป็นพ่อเลยพูดขึ้นมาว่า
"ลูกไม่ใช่พ่อกับแม่ลูกไม่รู้หรอก ว่าการเอ่ยปากขอโทษลูกมันยากแค่ไหน"
คนเป็นพ่อรู้สึกผิดที่เคยเย็นชาและหมางเมินกับลูกชายคนเล็ก จนถึงวันนี้เขาก็ไม่กล้าที่จะเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอโทษ ถึงแม้เขาจะดีใจแค่ไหนก็ตามที่ได้เจอหน้าลูกและเห็นว่าลูกมีความสุขดีกับชีวิต
ดารามดัสอยากรู้ว่าพ่อแม่คิดยังไงกับคนรักของน้องชายจึงถามว่า
"เอ้อ..แม่ แม่คิดยังไงกับแฟนนิธินอ่ะ"
"ก็ ไม่รู้สิ เท่าที่ดูก็เข้ากับนิธินได้นะ ว่าแต่ลูกเถอะ คุยกับน้องบ่อยๆ รู้มั๊ยว่าเค้าเจอกันได้ยังไง"
"ก็นิธินไปตัดผมในร้านที่คุณหมูทำงานอยู่ แล้วน้องก็ชอบคุณหมูก่อน เลยตามจีบไปเรื่อยๆ และก็เป็นแฟนกันในที่สุด"
"อย่างนี้นี่เอง" คนเป็นพ่อรับคำ
"แล้วนี่น้องเราเล่าให้ฟังรึเปล่าว่าแฟนเค้าเป็นยังไงบ้าง เค้าทำกับข้าวเป็นมั๊ย เค้าทำงานบ้านเก่งรึเปล่า น้องเราจะอยู่ยังไงล่ะ"
ผู้เป็นแม่ห่วงลูกชายตามประสาคุณแม่ชาวอินเดียทั่วไป จึงเผลอกังวลถึงคุณสมบัติสะใภ้ในฉบับผู้หญิงอินเดีย
"หึหึ แม่ น้องไม่ได้มีแฟนเป็นผู้หญิงนะ จะกังวลไปทำไม"
"นี่แหล่ะที่แม่กังวล แม่กลัวว่าแฟนน้องจะดูแลน้องไม่ดี"
"โธ่ แม่ คิดมากน่า เจ้าตัวยังไม่คิดอะไรอย่างนี้เลย อย่าลืมสิว่านิธินไม่ได้ชอบผู้หญิงนะ"
เขาหันไปถามพ่อว่า
"พ่อล่ะครับคิดว่าไง"
"ก็ไม่รู้สิ" ร่างสูงตอบยิ้มๆ "พ่อยังไม่เคยคุยกับเค้า เลยไม่รู้ว่าเค้าเป็นคนยังไง"
"พ่อไม่ลองคุยกับเค้าดูล่ะครับ"
"ไม่รู้จะคุยอะไรหน่ะ อีกอย่างเค้าดูสำอางค์กว่าผู้ชายปกติด้วย พ่อเลยไม่รู้จะคุยอะไร"
"ก็เรื่องทั่วๆไปนี่ก็ได้ครับ"
"พ่อจะลองดูนะ"
"ผมเชื่อว่าถ้าพ่อเปิดใจคุยกับน้อง น้องต้องเข้าใจครับ"
"ขอบใจนะลูก" นารายันยิ้มให้ลูกชายคนโตที่ให้กำลังใจ เขามองหน้ากับภรรยาที่คิดเหมือนกันว่า มันถึงเวลาที่เขาต้องกล้าสะสางในสิ่งที่คาใจมาแสนนานเสียที

  อธิปพงศ์โทรหาคนรักว่าพี่กุ้งอนุญาตให้เขาเลิกงานเร็วขึ้นเพื่อมาดูแลพ่อกับแม่นิธินได้ จึงปรึกษาว่าเย็นนี้จะพาพวกท่านไปไหนดี
"ก็ พ่อแม่ผมไปพัทยามา ผมว่าพาพวกท่านไปหาอะไรกินดีกว่า"
"ร้านแบบไหนล่ะ ร้านอาหารอินเดียเหรอ"
"อืม ก็ดีนะ แต่ผมว่าพาไปร้านแปลกๆ บ้างดีกว่า"
"ร้านแปลกๆ หมายถึงไม่ใช่อาหารอินเดียใช่มั๊ย"
"ใช่"
อธิปพงศ์นึกออกทันทีว่าจะไปที่ใด เลยลองเสนอดู
"ไปร้านน้องเขียวดีมั๊ย มีทั้งของคาวของหวานเลย"
"อืมม น่าสนใจนะครับ" นิธินคิดตาม
"ผมว่าร้านน้องเค้าบรรยากาศสบายๆ ดีออก คุณว่าไง"
"ก็ดีนะครับ ผมก็โอเค เดี๋ยวผมโทรบอกพี่ก่อนว่าคุณกับผมจะพาพ่อแม่ไปกินข้าว"
"ครับ งั้นเดี๋ยวผมโทรจองโต๊ะเลยนะ"
"ครับ ได้เลย"
"เจอกันตอนเย็นนะครับ"
"ครับที่รัก"
อธิปพงศ์วางสายคนรักด้วยรอยยิ้ม และกดโทรศัพท์หาเพื่อนรุ่นน้องทันที
"หวัดดีค่าพี่หมู" เขียวรับสายด้วยน้ำเสียงสดใสร่าเริง
"หวัดดีครับน้องเขียว ยุ่งอยู่รึเปล่า"
"คุยได้ค่า มีอะไรหรือเปล่าคะ"
"ก็ พี่จะโทรมาจองโต๊ะที่ร้านน้องเขียวหน่ะ"
"ได้ค่ะ กี่ที่ดีคะ"
"อืม ห้าที่จ้ะ"
"ค่า แล้วจะมากี่โมงคะ"
"ประมาณหกโมงจ้ะ แต่ยังไม่ชัวร์นะ"
"หกโมง..." เขียวแปลกใจที่อธิปพงศ์มาก่อนเวลาเลิกงานของเขา ด้วยความสนิทกันเธอจึงถามว่า
"เอ่อ แล้ว พี่หมูพาใครมาทานเหรอคะ"
"ครอบครัวนิธินจ้ะ เค้ามาเยี่ยม"
"อ่าว เหรอคะ" หญิงสาวเพิ่งรู้ "แล้วเป็นไงมั่งคะ เค้าโอเคกับพี่รึเปล่า"
"ก็..โอเคจ้ะ"
แต่เขียวรู้สึกว่าอธิปพงศ์กำลังมีอะไรอยู่ในเรื่องนี้ จึงไม่เชื่อเท่าไหร่
"เหรอคะ"
"จ้ะ ทำไมเหรอ"
"ก็ฟังดูเหมือนพี่หมูไม่โอเคเลยหน่ะสิคะ มีอะไรรึเปล่าคะพี่"
เมื่อได้ยินอย่างนั้นอธิปพงศ์เลยลังเลว่าจะเล่าให้เพื่อนรุ่นน้องฟังดีหรือไม่
"มีอะไรไม่สบายใจเล่าให้เขียวฟังได้นะคะ"
แต่พอได้ยินเธอถามอย่างนั้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง เขาจึงเปิดปาก
"ก็..พี่ไม่รู้จะเข้าหาพ่อแม่เค้ายังไงหน่ะ"
"คะ...พี่หมูเจอเคยเค้ากี่ครั้งแล้ว"
"เพิ่งเจอเมื่อวานครั้งเดียวเองหน่ะ แต่เค้าก็ไม่ได้พูดอะไรกับพี่นะ ก็ได้แค่ไปกินข้าวกับเค้าก็เท่านั้น"
 อธิปพงศ์นึกถึงบรรยากาศเมื่อวานแล้วก็ถอนใจ ขนาดว่าวิษณุกับเอเจที่ชอบสร้างความสนุกสนานยังไม่สามารถฝ่าหมอกควันแห่งความมึนตึงได้เลย
"เค้า..ไม่ชอบพี่เหรอคะ"
"ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกจ้ะ พี่ว่าแค่ยังไม่คุ้นเคยกันเฉยๆ แต่นิธินบอกว่าพ่อแม่เค้าโอเคกว่าแต่ก่อนเยอะเลยนะ เพราะเค้าก็มีปัญหากับนิธินเหมือนกัน แต่ก็ดีขึ้นมาแล้วหล่ะ"
"อืม ค่ะ"
"แต่ พี่ไม่รู้จะทำตัวยังไงกับพ่อแม่เค้าหน่ะ"
เขียวได้ยินอย่างนั้นก็บอกว่า
"ก็เป็นพี่หมูนี่แหล่ะค่ะ เขียวว่าพี่หมูก็เป็นคนดีคนนึงเลยนะ เค้าน่าจะเห็นบ้างหล่ะ ส่วนเรื่องชวนคุย ลองชวนคุยเรื่องอินเดียๆสิคะว่าเป็นยังไง เค้าจะได้เห็นว่าพี่หมูสนใจเกี่ยวกับคุณนิธินจริงๆ เฮ้อ ถ้าใจแข็งกว่านี้เขียวก็ไม่รู้แล้วค่ะ นี่ถามจริงพ่อแม่แฟนพี่มาจากแคชเมียร์หรือเปล่าคะ"
อธิปพงศ์งง "ทำไมอ่ะ เกี่ยวอะไรกัน"
"ก็เห็นว่าใจแข็ง เลยเดาว่าน่าจะมาจากเมืองหนาวๆ อย่างแคชเมียร์ หึหึ"
เขียวพูดเองชงเองกับมุขไม่ฮาพาเครียดของเธอ แต่คนฟังอย่างอธิปพงศ์กลับรู้สึกละอายใจที่แทบไม่มีความรู้ใดๆ เกี่ยวกับอินเดียเอาเสียเลย
"น้องเขียวนี่รู้เรื่องเกี่ยวกับอินเดียเยอะเนอะ"
"โธ่ พี่หมูอย่าพูดอย่างนั้นสิคะ ก็เขียวเรียนจบทางด้านสังคมนี่น่า เขียวไม่ได้ฉลาดหรือเก่งไปกว่าใครหรอกค่ะ นะคะ อย่าคิดมาก"
"อืม จ้ะ"
"เอาเถอะค่ะ เย็นนี้เขียวจะช่วยพี่หมูเทคแคร์ดูแลเป็นอย่างดี ให้รู้ซึ้งถึงเสน่ห์คนไทยเลยคอยดู"
"จ้ะ ขอบใจมากนะ"
"ยินดีค่า เจอกันเย็นนี้นะคะ"
"จ้ะ" อธิปพงศ์วางสายไปด้วยรอยยิ้มเพราะสบายใจที่ได้พูดคุยกับเพื่อนรุ่นน้องคนนี้ แต่ก็แอบเซ็งตัวเองที่ ถึงแม้จะมีคนข้างกายเป็นชาวอินเดีย แต่ก็ไม่มีความรู้ใดๆ เกี่ยวกับอินเดียอยู่ในหัวเลย
"แล้วใครใช้แกให้มีแฟนเป็นคนอินเดียล่ะ" เสียงในใจบ่นออกมา ทำให้อธิปพงศ์ยิ้มขำให้กับตัวเอง
เอาล่ะ เขาจะพยายามทำเพื่อนิธินโดยเข้าหาแลพยายามทำความเข้าใจกับพ่อแม่ของเจ้าตัวให้ได้

 ตกเย็นอธิปพงศ์ก็ไปรอนิธินที่โรงแรมเพื่อรอพ่อแม่และพี่ชายกลับจากพัทยา โดยเขาไม่ลืมถามถึงคนรักในเกี่ยวกับมารยาทแบบอินเดียที่จำเป็นด้วย
"เวลาคุณเจอพ่อกับแม่ผม ก็ต้องไหว้และก้มลงไปสัมผัสเท้าพวกท่านด้วย"
"หะ..." อธิปพงศ์แปลกใจกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน
"มันเป็นการแสดงความเคารพต่อพ่อกับแม่หรือผู้อาวุโสหน่ะ แต่ถ้าพ่อแม่ผมก้มลงมารับคุณไว้ก่อนสัมผัสเท้านั่นแสดงว่าท่านรับคาระวะจากคุณนะ"
"เหรอ" อธิปพงศ์ก็เพิ่งรู้อะไรหลายอย่างว่าไทยกับอินเดียมีขนบธรรมเนียมคล้ายกันที่ให้ความสำคัญต่อการเคารพผู้อาวุโส ชายหนุ่มเข้าใจตามที่นิธินสอนทั้งหมดแล้ว เขาหันไปมองหน้าคนรักที่ยิ้มเหมือนอยากจะบอกอะไร
"มีอะไรเหรอครับ"
นิธินจึงกระซิบข้างหูทันที
"คุณใส่jeansตัวนี้แล้วเซ็กซี่มาก"
เพราะเมื่อนิธินเห็นคนรักสวมสกินนี่เดฟแบบนี้แล้วทำให้อารมณ์แบบนั้นของเขาลุกโชนขึ้นมาทันที เขาแทบจะอดใจไม่ไหวเพราะอธิปพงศ์เป็นผู้ชายที่มีช่วงสะโพกและเรียวขาได้รูปสวยงาม พอได้เห็นหน้าหล่อใสกับตากลมโตที่ฉายแววมัดใจเขา ปากสวยสีชมพูที่เขาอยากจะประกบจูบให้หนำใจ แถมยังมีกลิ่นน้ำหอมที่แสนจะเย้ายวนนั้นอีกเล่า แต่นิธินก็จำต้องเก็บความต้องการทั้งหมดในตอนนี้ไว้ ถึงแม้ตั้งแต่คบกันมาพวกเขาจะเติมเต็มกันและกันเกือบทุกคืนก็ตาม
อธิปพงศ์หันไปมองคนรักที่กำลังส่งสายตาเร่าร้อนมาให้ นิธินค่อยโอบเอวได้รูปนั้นและกระซิบอีกว่า
"ผมจะไม่ไหวแล้วรู้มั๊ย"
"ที่รัก อย่าทำอย่างนี้สิ" อธิปพงศ์ตอบด้วยเสียงแผ่วเบาเพราะตั้งแต่คบกับนิธิน เขาก็รู้กตัวได้เลยว่าตื่นตัวกับเรื่องพวกนี้เร็วกว่าแต่ก่อนมาก ยิ่งมองหน้าหล่อ ๆ นั้นแล้วก็ยิ่งวาบหวาม ไม่ว่าจะเป็นปากสวยที่มีลิ้นร้อน คางสากๆ ที่เวลาบดเบียดกันแล้วทำให้แทบคลั่ง กล้ามอกแน่นๆ กับหน้าท้องแข็งแรงที่เขาแสนจะหลงรัก เมื่อมองไปยังหน้าขาเขาก็เห็นว่าส่วนนั้นของคนรักโป่งนูนขึ้นมาตามรอยพับ คิดแล้วก็ยิ่งร้อนเร่าในจิตใจ
นิธินกระซิบคนรักด้วยเสียงกระเส่า อธิปพงศ์รู้สึกวูบวาบเมื่อลมหายใจร้อนๆ ของนิธินเป่ารดที่ต้นคอ
"ที่รัก เราไปห้องน้ำกันมั๊ย"
แม้ตอนนี้อธิปพงศ์จะต้องการมากชายหนุ่มมาก แต่ก็ลังเลกับข้อเสนอนั้น
"จะดีเหรอ ห้องน้ำที่นี่คนเยอะนะ"
"งั้นเรากลับห้องกันก่อนดีมั๊ย"
"อืม"
 แต่ก่อนที่อารมณ์ของทั้งคู่จะเตลิดไปไกลกว่านั้น ดารามดัสก็โทรเข้ามา
"ฮัลโหล" นิธินพยายามปรับอารมณ์และรับสาย
"ว่าไง ตอนนี้แกอยู่ไหนเนี่ย"
"รอพี่ที่ล๊อบบี้เนี่ย"
"เหรอ เออดีตอนนี้จะถึงโรงแรมแล้ว เดี๋ยวคงเจอกัน"
"ครับ"
เมื่อวางสาย เขาหันมามองคนรักเฉาๆ และบอกว่า "ครอบครัวผมจะถึงแล้ว"
"อืม" อธิปพงศ์ตอบรับ
"เดี๋ยวพาครอบครัวคุณไปกินข้าวก่อนเนอะ"
"ครับ" นิธินรับคำ และเสียดายที่ไม่ได้ทำอย่างที่ใจอยาก อธิปพงศ์เองก็เช่นกัน
 ไม่กี่นาทีต่อมารถตู้ของกรุ๊ปทัวร์ก็พาครอบครัวของนิธินมาส่ง ดารามดัสในเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ลงมาเป็นคนแรก ตามมาด้วยพ่อกับแม่นิธิน ในชุดประจำชาติที่คนอินเดียนิยมสวมใส่ในชีวิตประจำวัน
 นิธินยิ้มบางๆ ให้พ่อกับแม่ ก่อนที่จะพาอธิปพงศ์เข้าไปหาพวกท่านใกล้ๆ อธิปพงศ์ยกมือไหว้คนทั้งสองและทำตามมารยาทอินเดียที่นิธินสอน โดยค่อยก้มลงไปสัมผัสเท้าของพวกท่าน พ่อกับแม่นิธินเห็นอย่างนั้นก็ตกใจแต่ก็ยินดีที่แฟนลูกทำอย่างนี้ พวกเขาจึงก้มตัวมาจับมือชายหนุ่มไม่ให้สัมผัสถึงเท้า เป็นการแสดงว่าพวกเขารับการคาระวะและให้ความเอ็นดูผู้ด้อยอาวุโสกว่าแล้ว อธิปพงศ์มองหน้าพ่อกับแม่ของคนรักที่ส่งสายตาเป็นมิตรให้ ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าพวกท่านทั้งสองดูเปิดรับเขามากกว่าเมื่อวาน เขายิ้มให้และหันไปทักทายพี่ชายนิธินที่ยืนยิ้มให้
โดยดารามดัสเป็นฝ่ายเริ่มทักทายคนรักของน้อง
"Hello"
"Hello, glad to see u again"
ดารามดัสกับนิธินจับมือทักทายตามมารยาทสากล
"Me too, thank you"
อธิปพงศ์กลับมายืนอยู่ข้างๆ คนรักอีกครั้ง ดารามดัสจึงถามน้องถึงมื้อเย็น
"เออ แล้วนี่เรากินมื้อเย็นที่ไหนอ่ะ"
"เดี๋ยวผมพาไป มันไม่ใช่ร้านอินเดียนะ พ่อกับแม่ว่าไงครับ"
คนเป็นพ่อเห็นด้วยพร้อมท่าทางที่ดูผ่อนคลายมากขึ้น
"ก็ดีนะ ออกนอกอินเดียมาแล้วจะกินแต่อาหารอินเดียได้ไงล่ะ"
ร่างสูงใหญ่ของชายวัยค่อนคนหันมายิ้มบางๆให้ลูกชายและคนรัก
"พ่อกับแม่หิวรึยังครับ"
"จ้ะ" คนเป็นแม่ตอบรับ
"ไปกันเลยนะครับ เดี๋ยวผมไปเรียกแท็กซี่ให้"
พ่อแม่และพี่ชายยิ้มรับ คนทั้งสองจึงพาทุกคนไปหน้าโรงแรมเพื่อขึ้นแท็กซี่ เมื่อแท็กซี่ที่ทางฝ่ายบริการช่วยเรียกให้มาถึงทุกคนก็ทำท่าจะขึ้นไป แต่อธิปพงศ์เห็นรูปร่างของคนในครอบครัวคนรักแล้วก็กังวลใจว่าโตโยต้าอัลติสคันย่อมอย่างนี้จะพาพวกเขาไปได้หมดหรือเปล่า เพราะพ่อกับพี่ชายนิธินก็เป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่ ส่วนแม่ก็ค่อนข้างเจ้าเนื้อตามประสาผู้หญิงมีอายุ เมื่อเขามองหน้าแท็กซี่ที่เหมือนอยากจะเปลี่ยนใจจึงบอกกับคนรักว่า
"เอ่อ ผมว่าเราเข้าไปไม่หมดหรอก"
นิธินมองตามเพราะพี่กับพ่อแม่สามคนก็เต็มเบาะหลังแล้ว ส่วนเบาะหน้าก็นั่งสองคนไม่ได้ ชายหนุ่มจึงเห็นด้วยกับคนรัก
"เอาไงดีอ่ะ"
"ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมตามไป คุณไปกับพ่อแม่คุณก่อนนะครับ"
"ได้ครับ" นิธินรับคำอย่างว่าง่าย
เมื่อส่งคนรักและครอบครัวขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว อธิปพงศ์ก็เดินไปขึ้นรถไฟฟ้าและนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างเพื่อไปยังร้านของรุ่นน้อง ระหว่างทางเขาไม่ลืมโทรยืนยันหญิงสาวสำหรับมื้อเย็นในวันนี้ และชายหนุ่มก็เดินทางไปถึงร้านของเขียวก่อนหน้าครอบครัวของนิธิน
"หวัดดีค่ะพี่หมู" เขียวยกมือไหว้เพื่อนรุ่นพี่อย่างสนิทสนม "อ่าว ไหนล่ะคะ ครอบครัวคุณนิธิน"
"เค้ามาแท็กซี่กันจ้ะ เดี๋ยวคงถึง"
"อ่าวเหรอคะ งั้นเชิญพี่หมูนั่งรอที่ก่อนโต๊ะเลยค่ะ"
"จ้ะ"
อธิปพงศ์รับคำและเดินตามพนักงานไปยังโต๊ะที่จองไว้ และสักพักครอบครัวนิธินก็มาถึงอธิปพงศ์จึงออกไปรอรับที่หน้าร้าน และพาคนรักกับครอบครัวเข้ามาข้างใน
"เฮ้ย ร้านสวยดีนี่หว่า" ดารามดัสเอ่ยปากชมการจัดร้านในห้องกระจกโปร่ง ๆ ที่สบายตาด้วยพนังสีขาวและการตกแต่งให้เป็นกันเองด้วยสไตล์สวนแบบอิตาลีที่มีลูกเล่นตรงสีเขียวหลากโทน ทำให้สามารถลืมบรรยากาศวุ่นวายข้างนอกเพียงก้าวขาเข้ามา
 อธิปพงศ์ไม่เข้าใจที่พี่ชายคนรักพูดจึงหันไปหาร่างใหญ่ข้างๆ
"พี่ผมบอกว่าร้านนี้สวยมาก"
"Nice place, good!"
ดารามดัสสมทบด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงอินเดียให้อธิปพงศ์สบายใจ อธิปพงศ์ยิ้มให้ เพราะก็ยังไม่คุ้นเคยกับการพูดของคนอินเดียที่ดูเหมือนกำลังทะเลาะกันตลอดเวลา เขาพาคนรักและครอบครัวมายังโต๊ะกลมที่จองไว้ เมื่อทุกคนนั่งลงเขียวจึงเข้ามารับออเดอร์ด้วยตัวเอง พ่อแม่และพี่ชายอธิปพงศ์พลิกดูแต่ละเมนูอย่างสนใจ และมาสะดุดตากับเมนูนึงในรายการอาหารประยุกต์เข้า คนเป็นแม่ถึงกับชวนทุกคนดูอย่างตื่นเต้น
"Ohhh!! They have Roti" เธอหมายถึงโรตีที่เสริฟพร้อมแกงเขียวหวานไก่
"Yes, we do. This is Roti served with chicken green curry "
คนเป็นแม่ไม่พลาดที่จะสั่งมาลองชิม
"So interesting. I want this one"
หญิงสาวรับออเดอร์จานแรก และดารามดัสก็ถามถึงเมนูที่เห็นตรงหน้า
"What dose Drunken noodle?" ดารามดัสหมายถึงเส้นใหญ่ผัดขี้เมาในเมนูหน้าเดียวกัน
"This is stir fried spicy noodle " 
"o.k., give me one"
"อืม แล้วน้องเขียวมีอะไรแนะนำมั่งอ่ะ"
"ก็จะเป็นแซลมอลรมควันกับพิซซ่าเบรด,รีซอสโต้ และมีเมนูฟิวชั่นค่ะ นอกจากผัดขี้เมากับเขียวหวานโรตีที่สั่งไปแล้วยังมีสปาเก็ตตี้ผัดพริกสด พัฟกระเพราไก่ พวกสลัดและพาสต้ามังสวิรัติ และก็เมนูทะเล พวก หอยแมงภูอบอ่ะค่ะ"
“อืมเหรอ..” อธิปพงศ์รับคำ เขียวยังกระซิบบอกกับเขาอีกว่า
“พี่หมูวันนี้อย่าสั่งเมนูเนื้อวัวนะ”
ชายหนุ่มมองหน้ารุ่นน้องอย่างแปลกใจ เขียวเลยกระซิบต่อว่า
“คนอินเดียเขาถือว่าวัวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เค้าไม่กินวัวกันพี่”
“อ่าวเหรอ” อธิปพงศ์เพิ่งนึกออก เพราะเหมือนเขาเคยได้ยินเรื่องนี้มาอยู่เหมือนกัน
 “ขอบคุณนะครับ”
เขียวยิ้มให้และรอรับออเดอร์ต่อ ส่วนนิธินก็ถามเขาว่า
"ที่รัก คุณกินอะไรดี"
"คุณล่ะ"
"ผมอยากกินนี่ Spinach Olive and Mozzarella salad"
อธิปพงศ์เลยหันไปถามเขียว “แล้วมีพิซซ่าหน้าอะไรมั่งอ่ะ”
“แนะนำเป็นทะเลค่ะ ฮาวายเอี้ยนก็ได้ หรือจะซีฟู้ดก็ดี”
“งั้นเอาหน้าซีฟู้ดถาดกลางมาก็แล้วกัน”
“ค่ะ”
“ส่วนพี่เอา...” เขาชี้ไปยังเมนูเส้นรีตาโกนี่ (พาสต้าแบบแท่งกลม ๆ กลวงๆ)  “เอารีตาโกนี่อบชีสก็แล้วกัน”
“ค่ะ ได้ค่ะ”
  เขียวรับออเดอร์และทวนให้ทุกคนฟังและขอตัวไปทำตามหน้าที่ อธิปพงศ์สังเกตุได้ว่าวันนี้พ่อกับแม่ของคนรักดูผ่อนคลายกว่าเมื่อวานมาก
“เอ่อ ลูก แฟนลูกชื่ออะไรนะ” พ่อของนิธินหันมาถามลูกชายที่นั่งข้าง ๆ
“หมูครับ”
“ห..มู๋.” คนเป็นพ่อกับแม่พยายามออกเสียง และแม่นิธินก็ถามว่า
“Can I ask you something? Mr.Mooh”
“Yes”
แม่ของนิธินเลยถามสิ่งที่สงสัยมาตั้งแต่เจอหน้าชายหนุ่มครั้งแรก
“How old are you”
“I’m 33 years old”
“Really? แม่นิธินแทบไม่เชื่อว่าอธิปพงศ์อายุเท่ากับลูกชายเธอ  “But you look so young like you are in the mid twenty”
“Thank you” อธิปพงศ์รับคำเขิน ๆ กับคำชมของแม่คนรัก
“What do you do?”
“I’m a hairdresser” อธิปพงศ์ตอบพร้อมรอยยิ้ม ทั้งโต๊ะอยู่ในความเงียบแต่ก็ไม่ได้น่าอึดอัดเหมือนเมื่อวาน เพราะพ่อกับแม่นิธินก็ถามถึงเรื่องงานและชีวิตที่นี่ของลูกชายให้หายกังวลใจ และไม่นานอาหารอย่างแรกก็มาเสริฟ์ นิธินตัดสลัดให้พ่อกับแม่ลองชิม และอาหารที่แต่ละคนสั่งก็ทยอยออกมาให้ทุกคนลิ้มลองกัน ครอบครัวนิธินดูพึงพอใจในอาหารมื้อนี้มา และท่าจะถูกใจแกงเขียวหวานไก่ที่เสริ์ฟกับโรตีมากเป็นพิเศษ ตบท้ายด้วยทีรามิสสุรสนุ่มที่แม่นิธินถึงกับสั่งใส่กล่องกลับไปกินต่ออีก
  ก่อนออกจากร้านคนเป็นพ่อกับแม่มองหน้ากัน และบอกว่า
“นิธิน เดี๋ยวพ่อกับแม่ ขอไปดูห้องที่ลูกอยู่ได้มั๊ย”
“ได้ครับ” นิธินตอบยิ้ม ๆ และทำท่าจะบอกกับอธิปพงศ์แต่คนเป็นแม่คว้าแขนไว้และส่ายหน้าไม่ให้บอก
นิธินมองพ่อกับแม่ไม่เข้าใจ แต่อธิปพงศ์บอกว่า
“งั้น เดี๋ยวคุณนั่งแท็กซี่กลับกับคุณพ่อคุณแม่คุณนะ”
“เดี๋ยว ผมว่าเรียกแท็กซี่มาสองคันดีกว่า” เขาเป็นห่วงอธิปพงศ์
อธิปพงศ์ส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอกครับ ผมกลับแบบนี้หล่ะ เรียกมาสองกันก็เปลืองเปล่า ๆ วันนี้ดูแลครอบครัวคุณก่อนนะ”
“ครับ...” นิธินรับคำ โดยมีพ่อกับแม่มองดูอย่างสงสัย เมื่อแยกย้ายกับอธิปพงศ์แล้ว พ่อกับแม่จึงถามทันที
“เมื่อกี๊ลูกคุยอะไรกับเค้าเหรอ”
“ผมไม่อยากให้เค้ากลับคนเดียว เลยจะเรียกแท็กซี่มาสองคัน แต่เค้าบอกว่าไม่ต้อง มันเปลืองเปล่าๆ”
“เหรอ...” พ่อกับแม่โล่งใจ
“แล้วทำไมแม่ไม่ให้บอกคุณหมูล่ะว่าแม่กับพ่อจะไปที่ห้อง”
“เอาน่า” คนเป็นแม่ตอบแค่นั้น เขาหันไปมองหน้าพี่ชายที่เหมือนอยากจะบอกใจจะขาด แต่ก็จำต้องนิ่งไว้

 แท็กซี่จอดหน้าอพาตเม้นท์ที่เป็นที่พักของนิธิน ชายหนุ่มจ่ายค่าโดยสารก่อนจะลงมากับและครอบครัว พอจะก้าวเข้าไปข้างในคนเป็นแม่ก็ถามขึ้นมาว่า
“แล้ว แฟนลูกล่ะ”
“สงสัยไปรอที่โรงแรมมั๊ง” ดาราดัสบอกกับพ่อแม่
“เดี๋ยวผมโทรหาก่อนนะครับ”
  นิธินกดโทรศัพท์หาคนรักก็ได้ความว่าอธิปพงศ์ยังอยู่บนรถไฟฟ้า จึงบอกว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน เมื่ออธิปพงศ์รับรู้แล้วเขาจึงวางสายก่อนจะพาทุกคนขึ้นไปข้างบนด้วยกัน
  พอเปิดประตูเข้าไป คนเป็นแม่ก็เดินสำรวจรอบห้องทันที ต่างกับพ่อที่ยืนดูนิ่ง ๆ ด้วยสายตา
“อืม ห้องไม่แคบนี่นา กำลังน่าอยู่” ดารามดัสบอกกับน้องชาย
“ใช่ ๆ ตอนแรกนึกว่าจะมีแต่ห้องแคบ ๆ เหมือนที่นิวเดลีซะอีก”
  คนเป็นแม่เดินสำรวจทุกซอกทุกมุมของห้องที่จัดเก็บทุกอย่างด้วยความเป็นระเบียบ ส่วนพ่อก็นั่งลงบนโต๊ะเขียนหนังสือแต่สายตาก็หันไปเจอเจลหล่อลื่นสำหรับผู้ชายที่วางอยู่บนตู้ข้าง ๆ หัวเตียงพอดี เขาถอนหายใจเล็กน้อยเพื่อไล่อาการตกใจกับสิ่งที่เจอ
  ชายวัยค่อนคนคิดว่า เพราะนี่คือชีวิตของลูกเขา เขาต้องยอมรับและทำความเข้าใจให้ได้
“แม่ ๆ แม่จะทำอะไรหน่ะ” ดารามดัสปรามแม่ที่เริ่มเปิดตู้เสื้อผ้า
“ไม่ได้สิ แม่ต้องดูว่าน้องแกอยู่ยังไง แฟนน้องแกเค้าดูแลปรนนิบัติดีมั๊ย”
“โธ่ แม่ครับ” นิธินถอนหายใจกับสิ่งที่แม่พูด เพราะแม่ยังยิดตึดกับความเป็นลูกสะใภ้แบบอินเดีย
 “ผมเป็นผู้ชายทั้งคู่นะครับ”
คนเป็นแม่ที่เปลี่ยนมาเปิดดูห้องน้ำส่งเสียงมาว่า
“นั่นแหล่ะที่แม่กลัว แม่ไม่รู้ว่าแฟนแกเค้าจะดูแลแกดีรึเปล่า”
ดารามดัสตบไหล่น้องชายที่กำลังทำหน้าเพลีย ๆ กับแม่ตัวเอง แต่แม่ก็กรีดเสียงมาจากห้องน้ำว่า
“ตายแล้ว ทำไมมีครีมบำรุงเยอะอย่างนี้” เมื่อเธอเปิดตู้ที่ใช้เป็นบานกระจกเหนืออ่างน้ำก็พบกับสกินแคร์มากมาย
“อย่าบอกนะว่าของแฟนแกหมดเลย”
“เปล่า ของผมด้วยส่วนนึง” นิธินตอบความความจริง ถึงแม้ว่าเกือบทั้งหมดจะเป็นของคนรักก็ตาม
“ตายแล้ว แฟนแกสำอางกว่าผู้หญิงอีกนะเนี่ย โอ้โห น้ำหอมกี่ขวดกันละเนี่ย” คนเป็นแม่ยังตื่นเต้นไม่เลิก พอดูจนหนำใจแล้วก็ออกมาข้างนอกในที่สุด
“พอใจหรือยังครับคุณเอกตรา” นิธินถามแม่ที่ดูประหลาดใจกับสิ่งที่เพิ่งสัมผัส
“แล้ว แต่ละเดือนใครออกค่าห้องกันล่ะ”
“ก็ช่วยกันออกคนละครึ่งหน่ะครับ”
“เหรอ แล้วเวลากินล่ะ”
“โธ่ แม่ ผมกับแฟนจะกินข้าวด้วยกันแค่วันละมื้อเองนะ ก็ช่วยกันออกนั่นหล่ะครับ”
“คุณพอเถอะ” พ่อของเขาพูดขึ้นมา “นี่เรามาหาลูกเพราะเราคิดถึงนะ เราไม่ได้มาจับผิดลูก แถมลูกยังพาคนที่เค้ารักมาให้เรารู้จักอีก แล้วคุณจะเอาอะไร”
นิธินแปลกใจที่ได้ยินประโยคนั้นจากคนเป็นพ่อ นารายันลุกมาหาลูกและมองหน้าลูกชายให้เต็มตาอย่างที่เขาไม่ได้ทำมาหลายปีแล้ว
“พ่อ..ดีใจนะ ที่เห็นลูก มีความสุขกับงานที่ทำ และอยู่กับคนที่ลูกรัก และรักลูกมากด้วย”
“พ่อ...” นิธินอึ้งกับคำพูดของพ่อ ชายผู้เงียบขรึมและเย็นชา
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา พ่ออยากจะพูดดี ๆ กับลูก อยากจะขอโทษลูกมาตลอด แต่เมื่อลูกย้ายมาที่นี่แล้ว ทำให้พ่อรู้ว่าถึงที่พ่ออยากทำมันอาจจะสายเกินไปก็ได้”
นารายันมองหน้าลูกชายคนเล็กพร้อมกับบอกว่า
 “พ่อ..ขอโทษนะลูก ยกโทษให้พ่อได้มั๊ย”
“ครับ”
  สองพ่อลูกกอดกันท่ามกลางสายตาที่ยินดีของดารามดัสผู้เป็นพี่ ในที่สุดความฝันของเขาก็เป็นจริงอยู่ตรงหน้าเสียที เอกตราร้องไห้ด้วยความซึ้งใจกับความสัมพันธ์ที่กลับมาเป็นเหมือนเดิมในวันนี้
 เสียงเคาะห้องดังขึ้น ทุกคนจึงรู้ว่าอธิปพงศ์มาถึงแล้ว ดารามดัสมองหน้าพ่อกับแม่ขออนุญาต คนทั้งสองพยักหน้าให้ เขาจึงเปิดประตูให้อธิปพงศ์เข้ามา
  อธิปพงศ์ยิ้มบาง ๆ ให้ทุกคนในห้อง เมื่อหันไปเห็นคนรักที่ยืนข้าง ๆ พ่อก็เข้าใจได้เลยว่า นิธินปรับความเข้าใจกับพ่อแล้ว แต่คนเป็นแม่เข้าไปสวมกอดอธิปพงศ์ที่ยืนอึ้งอยู่ตรงหน้า เธอกอดชายหนุ่มแน่น และละมาลูบหน้าขาวใสนั้นด้วยความเอ็นดู
“Thank you for caring my son”
จากการเข้ามาสำรวจในห้องนี้ ทำให้เธอประหลาดใจกับวีถีชีวิตของลูกและคนรัก แต่ก็ดีใจที่อธิปพงศ์ดูแลลูกชายเธอเป็นอย่างดี
 อธิปพงศ์พยักหน้ารับคำเบา ๆ
“You’re welcome, that’s my pleasure”
ดารามดัสเลยบอกกับแม่ว่า
“ทีนี้แม่ก็สบายใจได้แล้วนะ เพราะคุณหมูเค้าก็ดูแลนิธินได้ดีไม่แพ้ผู้หญิงเลย”
 คนเป็นแม่หันไปปราบลูกคนโตด้วยสายตาดุ ๆ ก่อนจะหันมากอดคนรักของลูกอีกครั้งให้สมกับที่ทำให้เธอวางใจ
 ชีวิตคนเป็นแม่อย่างเธอฝันที่จะเห็นลูกชายมีครอบครัวที่อบอุ่นโดยมีภรรยาแสนดีและหลานน่ารักมาโดยตลอด ถึงแม้จะผิดหวังกับนิธินที่ไม่สามารถมีภรรยาและลูกได้แล้ว แต่เธอก็ดีใจที่คนรักของลูกสามารถดูแลเขาได้ แค่นี้เธอก็คิดว่าพอแล้ว



โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ


kakuro

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณคุณน้ำพริกแมงดา :L2:
พ่อแม่รักลูกแบบไม่มีเงื่อนไขซาบซึ้งใจจริงๆ

ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
อบอุ่นจังเลย :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ Cynthia_Moonlight

  • เมื่อไหร่จะพ้นขีดอันตราย =_=+
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1
ครอบครัวอบอุ่น ^_^

อ่านแล้วอยากให้ที่บ้านเป็นแบบนี้บ้างจัง....

เฮ้อ...

ออฟไลน์ ณยฎา

  • ขอเพียงมีเธออยู่คู่ฉัน แม้นหลับก็มิฝันถึงสิ่งใด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-3
555 พี่หมูนั่งแท่นลูกสะใภ้คนโปรด ^^ อยากให้ลงวัน2ตอนเลย ชอบจริงๆ

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
ไม่รับขวัญลูกสะใภ้ด้วยกำไลทองเสียหน่อยหรือคะคุณแม่สามี อิๆ กรี๊ด!!!!!!!!!!! เมื่อกี้ลืม 555 ยอมรับแล้ว  ดีใจจัง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด