วันนี้เราต่อให้แค่นี้ก่อนนะ.....
วันนี้เหนื่อยๆอ่ะ......
เลยพิมตอนนี้ได้แค่ครึ่งเดียว......
อย่าโกรธกันนะ....
*****************************************************************
ในชีวิตของคนเราทุกคน... ย่อมมีทั้ง “มิตร” และ “ศัตรู”
เพื่อน.... คงถูกจัดอยู่ในส่วนของ “ มิตร”
เพราะเพื่อน... คือผู้ที่อยู่ข้างๆเรา คอยช่วยเหลือและคอยปัดป้องเราจากการทำร้ายจากผู้ที่ได้ชื่อว่า “ ศัตรู ”
ถ้าเป็นเช่นนั้น... ไม่ว่าเราจะมี “ศัตรู” มากมายขนาดนั้น... ร้ายแรงขนาดไหน
หากเรามีเพื่อน... หรือผู้ที่เรียกว่า “ มิตร ” อยู่ข้างๆ ชีวิตก็คงไม่โหดร้ายนัก
และก็ดูจะเป็นชีวิตปกติทั่วๆไป
หากแต่ว่า.... ถ้าเพื่อน... หรือคนที่คุณคิดว่าเค้าเป็นมิตร... แต่แท้ที่จริงเค้านั้นคือศัตรูล่ะ.....
ชีวิตมันจะเป็นอย่างไร ?????
------------------------------- #### เรื่อง “ รักของเราสามคน ” ๒๙ #### -----------------------------
ความเดิม....
พอเข้ามาในห้อง.........
บิวก็เป็นคนเริ่มบทสนทนาก่อน...
“ เราขอโทษนะ... ที่เราทำตัวงี๊เหง้า...” บิวพูดด้วยสีหน้าสลด
“ ไม่เป็นไรหรอก... เราเข้าใจว่าบิวรู้สึกยังไง... เป็นใครก็ต้อง.... ทำใจลำบาก ” เราพูด
“ เราน่าจะดีใจนะว่าเพื่อนที่เรารักทั้งสองคนมารักกัน.... แต่เรากลับทำตัวแย่ๆ ” บิวพูด
“ อย่าไปคิดถึงมันอีกเลย... ” ฮัทพูด
“ อืม..... แกสองคนไม่โกรธเรานะ ” บิวพูด
“ ไม่หรอก... เราเป็นพื่อนกันหนิ... ” หลังจากที่เราพูดเราก็เห็นสีหน้าและแววตายิ้มแย้มจากบิว....
“ เป็นเหมือนเดิมกันซะทีนะ... ” ฮัทพูด
“ อืม..... ” บิวพูด........
ในวันนั้นเราดีใจมากที่มิตรภาพระหว่างเพื่อนมันกลับมาอีกครั้ง.....
เหตุการณ์ครั้งนี้มันไม่เลวร้ายอย่างครั้งที่ผ่านมา.....
ขอบคุณคนบนฟ้าที่ยังมีเมตตากะเรา.....
นั่นคือสิ่งที่เราคิดในวันนั้น...
************************************************************************
หลังจากวันที่มิตรภาพของค่ำว่าเพื่อนกลับมา...
กลุ่มเราก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม... มันเหมือนเดิมทุกอย่างเสมือนมันไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
แต่ลึกๆแล้ว... ใครจะรู้ว่ารอยร้าวที่เคยเกิดขึ้น... มันไม่มีทางเป็นเหมือเดิมได้...
ก็เปรียบเสมือนแก้วที่มันร้าวแล้ว.... ถึงยังไงมันก็ไม่สามารถกลับมาเป็นแถวที่สวยงามดังเดิมได้
มีแต่จะรอวันแตกสลายก็เท่านั้น.......
ที่ซ้ำร้ายก็คือ.... พวกเราไม่มีใครมองเห็นรอยร้าวนั้นอีก
เพราะบิวได้ปิดมันไว้จนพวกเรามองไม่เห็น.....
จากนั้นประมาณสองอาทิตย์........
พวกเราก็ได้ย้ายออกมาอยู่หอนอกกัน.....
เพราะว่านิสิตปีหนึ่งจะสามารถอยู่หอในได้เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น....
พอดีช่วงนั้นเป็นช่วงปลายของเทอมสองพวกเราก็เลยย้ายกันออกมาก่อน
ถ้ารอช้ากว่านี้จะหาหอยากเพราะคนจะออกกันเยอะ....
หอที่เราย้ายไปอยู่กันเป็นหอที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆเลย
และมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันอีกทั้งยังพร้อมในทุกๆอย่าง
เรียกได้ว่าเป็นหอที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้...
เราย้ายมาอยู่ด้วยกันสี่คน คือ เรา เติ้ง แช็ป และบิว
ส่วนน็อตมันตั้งใจว่ามันจะซิ่วมันก็เลยยังคงอยู่หอในจนจบการศึกษา
ส่วนฮัทก็บอกว่ายังหาหอที่ถูกใจไม่ได้มันก็เลยยังไม่ย้าย.....
วันที่เราย้ายหอน็อตกะฮัทก็มาช่วยกันย้ายของด้วย
เราย้ายของเสร็จกันประมาณเที่ยงๆ พอย้ายของเสร็จก็ต้องมาจัดของให้เข้าที่เข้าทางอีก
กว่าจะจัดของเสร็จก็ประมาณบ่ายสามบ่ายสี่แล้ว
เราก็เลยบอกพวกเพื่อนๆว่าเราจะงีบซะหน่อย เพราะว่าเดี๋ยวเราต้องไปซ้อมละครเวทีตอนทุ่มนึงด้วย
พอเราบอกเสร็จเราก็ไปนอน
เรามารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาตอนประมาณหกโมงครึ่ง.. มองหาคนอื่นๆก็ไม่มีใครอยู่แล้ว
เราลุกจากที่นอนไปกินน้ำก็เห็นกระดาษโน้ตแปะไว้ที่ตู้เย็นว่า....
ไปกินหมูกระทะกันนะ......
เราก็เลยไปล้างหน้าล้างตาแล้วไปซ้อมละครเวที...
********************************************************
เราซ้อมละครเวทีเสร็จประมาณเที่ยงคืน
ตอนที่เก็บของอยู่เราก็พยายามมองหาฮัทเพราะปกติมันก็จะมารอรับเราตลอด
แต่มองหาแล้วก็ไม่เจอมันซะที
เราก็เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาว่าจะโทรหาฮัท ก็เห็นว่ามี sms ของฮัทถูกส่งมาได้สักพักแล้ว
เราก็เลยเปิดอ่านดู....
พอดีฮัทต้องเข้าไปที่สโมอ่ะ..... ปอเลิกแล้วไปเจอกันที่นั่นนะ.......
เราก็เลยเดินไปที่สโมสรนิสิตของคณะฮัท เพราะอยู่ไม่ไกลจากคณะเรานัก
พอไปถึงเราก็จดๆจ้องๆมองหาฮัทเพราะไม่กล้าเดินเข้าไป
จนเรามาเจอกับผู้หญิงคนนึง... เราจำได้ว่าเธอเป็นเพื่อนในกลุ่มของฮัทบิวและน็อต
เราก็เลยเดินเข้าไปถามเธอ.....
“ โทษนะ.... เห็นฮัทบ้างรึป่าว??” เธอก็หันมายิ้มกับเราแล้วพูดว่า
“ อ้าว.... นี่เพื่อนบิวป่ะค่ะ”
“ อ๋อ... ใช่.. ” เราพูดแล้วก็ยิ้มให้เธอ....
“ เมื่อกี๊ถามหาฮัทเหรอ ??? ... ไปไหนแล้วล่ะ... เมื่อกี๊ยังเห็นอยู่เลย ..” เธอพูดแล้วก็ทำท่ามองหา...
“ เรานั่งรอแถวนี้ก่อนก็ได้... เดี๋ยวก็คงมา..” เราพูดแล้วก็ลงนั่งที่โต๊ะหินอ่อนแถวนั้น...
“ งั้นเรานั่งเป็นเพื่อนนะ... ” เธอคนนั้นพูดแล้วนั่งลงตรงข้ามกับเรา
“ อืม... ” เราพูด
“ เราชื่อ กุ้งนะ... เธอล่ะ.. ชื่อไร ?? ” เธอคนนั้นพูด
“ เราชื่อปอ... ” เราพูดแล้วก็ยิ้มตามมารยาท...
“ อ๋อ... จ้ะ... ” เธอตอบกลับมา
“ กุ้งเป็นลีดส์ด้วยใช่ม่ะ ?? ” เราเริ่มชวนกุ้งคุย
“ ใช่จ้ะ.... เราก็เลยมาสนิทกะฮัทมากๆก็ตอนนี้แหละ... ” กุ้งพูดด้วยหน้าตายิ้มแย้มเช่นเดิม... แต่มันเป็นรอยิ้มที่แฝงไปด้วยอะไรบางอย่าง...
“ อืม.... พูดอย่างงี๊แสดงว่าสนิทกะฮัทมากอ่ะดิ??. .” เราลองเรียบเคียงถามเธอดู
“ ก็นะ.... อยู่กลุ่มเดียวกันก็ต้องสนิทกันเป็นธรรมดา.... แต่เป็นเพราะเรารู้สึกพิเศษกะฮัทด้วยมั้ง... มันเลยยิ่งสนิทกันเร็ว....” กุ้งพูด.... เราเริ่มรู้สึกแปลกแล้วแฮะ..... กับท่าทางและสิ่งที่เธอกำลังพูด
“ พิเศษนี่ยังไงเหรอ ?? ” เราแกล้งถามเธอไปด้วยหน้าซื่อๆ
“ ก็อะไรที่มากกว่าเพื่อนหนะ...” กุ้งพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เราฟังดูก็รู้ว่าเธอจงใจจะให้เราสะดุดกับคำที่เธอพูด
ตอนนั้นเรารู้สึกสับสนแล้ว... ว่าผู้หญิงคนนี้จะมาไม้ไหนกันแน่
เราก็เลยพูดกลับไปว่า...
“ กุ้งกะฮัทเป็นแฟนกันเหรอ ?? ”
“ อุ๊ย!! ... ไม่ใช่หรอกจ้ะ..... เราหนะชอบฮัทฝ่ายเดียว.... แล้วเราก็เพิ่งมารู้แหละว่าฮัทไม่ได้ชอบผู้หญิง”
กุ้งพูดด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม เหมือนเป็นการบอกให้เราเชื่อว่าเธอไม่ได้คิดอะไรแล้วจริงๆ
แต่ถึงยังไงเราก็ยังรู้สึกแปลกกับเธออยู่
แต่ก่อนที่เราจะพูอะไรต่อ กุ้งก็พูดกลับมาว่า
“ คนที่ฮัทมันชอบหนะ.... บิวโน้น เห็นเวลาอยู่ด้วยกันนะ.. กุ๊กกิ๊กกันตลอด..” กุ้งพูด
“ เหรอ ??? ” เราถามกลับไปด้วยหน้างงๆ
“ เราก็ไม่รู้นะ... ว่าตกลงยังไงกันแน่... แต่เห็นฮัทก็ดูเทคแคร์บิวดีอ่ะ... บิวให้ช่วยฮัททำไรนะ มันไม่เคยขัดเลย.... บางทีเรายังแอบอิจฉาบิวเลย.. ” กุ้งพูด
“ เหรอ ??.. เราไม่เห็นรู้เลย ” เราพูด
“ จริงดิ.... เราเห็นปอก็ดูสนิทกันดี ไม่เคยสังเกตุเหรอ ?? ” กุ้งพูดด้วยสีหน้างงๆ
“ เราก็ไม่เห็นว่าจะมีไรเลย... ” เราพูดไปตามความจริง
“ สองคนนั้นเค้าแอบกิ๊กกันรึป่าว ?? ปอเลยไม่รู้อ่ะ....” กุ้งพูด
“ ไม่มั้งก็เรากะฮัทเป็น.... ” เรากำลังจะพูดว่าเรากันฮัทเป็นแฟนกัน... ดูดิ๊ว่ากุ้งจะพูดว่าไร
ยังจะมาเพ้ออะไรเป่าหูเรารึป่าว?
แต่แล้วก็มีคนโทรเข้าเครื่องกุ้งซะก่อน กุ้งก็กดรับ....
“ ว่าไงบิว .... ” กุ้งพูดทักปลายสาย
“ เหรอ ???.. งั้นเดี๋ยวฉันตามไปนะ... ” กุ้งพูด คาดว่าปลายสายคงนัดกันไปไหนสักที่
“ เออน่า... เดี๋ยวรีบไปเลย.... ” กุ้งพูด
แล้วกุ้งก็วางสายไป....
พอเธอหันมามองหน้าเราเธอก็พูดว่า
“ อ้าว... เราลืมเลย... เมื่อกี๊บิวโทรมาให้ตามไปเจอกันที่ร้าน.................. ฮัทก็อยู่ที่นั่นแล้ว...” ร้านที่ว่านี่ร้านเหล้าหนะ...
“ อ้าว..... ” เราพูดกลับไปด้วยหน้างงๆ ว่ายังไงกัน เพราะฮัทมันบอกให้เรามารอที่นี่....
แล้วมันดันไปกินเหล้าแล้วโดยที่ลืมเราเนี่ยนะ
ชักเริ่มโมโหแล้วอ่ะ.....
“ ปอจะไปด้วยกันมั้ย?? บิวกะฮัทก็อยู่ที่นั่นอ่ะ....” กุ้งถามเราในขณะที่เธอกำลังแต่งหน้าแต่งตาอยู่
“ ไม่ดีกว่า... เราซ้อมละครมาเหนื่อยจะตาย... อยากพัก..” เราพูด
“ แล้วนี่ปอกลับไงล่ะ... เราไปส่งมั้ย ?? ” กุ้งพูด
“ ก็ดีเหมือนกัน.... ” เราพูดด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะกำลังงงกะสิ่งที่เกิดขึ้น..
จากนั้นกุ้งก็มาส่งเราที่หน้าหอ ระหว่างทางเธอก็ถามเรื่องละครเวที เห็นเธอบอกว่าน่าสนใจเดี๋ยวจะซื้อบัตรมาดู
พอเธอส่งเสร็จเธอก็กลับไป....
พอเราขึ้นห้องได้ก็อาบน้ำแต่งตัวเตรียมเข้านอน
ถึงวันนั้นจะเหนื่อยมาก แต่ก็นอนไม่หลับ
ว่าจะเล่าให้เติ้งกะแช็ปฟัง เราก็ว่าเก็บไว้ก่อนดีกว่า เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเรื่องมันเท็จจริงยังไง
เดี๋ยวจะกลายเป็นมีปัญหากะเพื่อนปล่าวๆ เราคิดว่าเอาไว้คุยกะฮัทก่อนน่าจะดีกว่า..
จนประมาณตีสองเราก็ยังนอนไม่หลับ
ในสมองมันคิดวนเวียนแต่เรื่องที่กุ้งเล่าให้เราฟัง แถมยังเรื่องที่ฮัทผิดนัดกะเราแล้วยังไม่โทรมาบอกอีก...
คิดไปคิดมาเราก็ตัดสินใจโทรไปหาฮัทดีกว่า....
จากตอนแรกที่ตั้งใจจะเอาไว้คุยพรุ่งนี้... แต่ตอนนั้นมันทนไม่ไหวแล้วล่ะ
โทรไปรอบแรกไม่มีคนรับ
โทรไปรอบที่สองมีคนรับ แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงใครตอบกลับมา....
“ ฮัลโหล... ฮัท.... อยู่ป่ะนี่?.....” เราพูด
“....................................” เงียบไม่มีคนพูด
“ ฮัท.... เล่นไรป่ะเนี่ย???..... ปอไม่เล่นด้วยนะ....” เราพูดแบบเริ่มมีอารมณ์โมโห
“............................................ ” เงียบอีก... ไม่มีคนพูด
เราเริ่มโมโหมากยิ่งขึ้น แต่ทันทีที่เรากำลังจะกดตัดสายเราก็ได้ยินเสียงคนพูดเบาๆ
เราพยายามตั้งใจฟังก็รู้ในทันทีว่าเป็นเสียงของบิว....
“ ฮัท... อย่าสิ.... ไม่เอา.... ” เสียงที่พูดอยู่ไม่ใช่เสียงที่คล้อยตามกับสิ่งที่พูดนัก เพราะเสียงที่พูดเจือไปด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ
“ ฮัท..... เราเป็นเพื่อนกันนะ..... ” เสียงบิวพูดขึ้นอีก
“ อย่าสิ... จั๊กจี๋น๊า....... ” เสียงบิวร้องโวยอีก......
ตอนนั้นอารมณ์โมโหเราเริ่มทวีสูงมากขึ้นแล้ว.....
วันนี้มันวันอะไรกันเนี่ย ???
มีแต่เรื่องให้ปวดหัว.......
ในตอนนั้นเรารีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วปลุกเติ้งกะแช็ปให้ออกไปด้วยกัน
พวกมันสองคนก็ทำหน้างงๆ แต่ก็ยอมตามเรามาด้วย....
เรารีบขับรถออกจากหอเราไปที่หอในทันที
ระหว่างทางมันสองคนก็โวยวายกันขึ้นมา
“ เฮ้ย...... ปอ แกจะรีบไปไหนเนี่ย ???” แช็ปร้องโวยขึ้นมา เพราะเราขับรถค่อนข้างเร็ว
“ เออ... เดี๋ยวก็ได้ตายกันก่อนจะไปถึงหรอก ” เติ้งกัดเรา
“ ก็วันนี้อ่ะดิ........................................” แล้วเราก็เล่าเรื่องวันนี้ให้พวกมันฟัง.....
พวกมันก็ทำหน้างงๆ แล้วต่างก็พูดอะไรไม่ออก
ตกลงใครกันแน่ที่เป็นคนโกหก.......................
***********************************************************
แผนร้ายยังไม่จบแค่นี้นะ......
แหมๆ... cassper_W
มีแซวกันนะ.... เดี๋ยวเหอะ..