มาแล้ววววววววววววววววววววววววววววววววว
ยินดีรับทุกคำครหา....
************************************
---------------------- #### เรื่อง “รักของเราสามคน” (ฉบับเข้มข้น) ๕ #### --------------------
หายหน้าหายตาไปหลายวันเลย....
มาทวนความจำกันหน่อยว่าเล่าไปถึงตรงไหนแล้ว - - *
“ แก.... เค้าคืนดีกับมะปรางแล้วนะ..... ” ภีมบอกเราด้วยเสียงสั่นๆ.... ตามันก็แดงๆ
“ ก็ดีแล้ว..... ” เราพูดออกไป... ตอนนั้นรู้สึกว่าหน้าเรามันชาๆ
หลังจากที่เราพูดไปทั้งเราและภีมก็เงียบกันไปทั้งคู่
จนเราต้องพูดขึ้นมาอีกครั้งนึงว่า
“ คบกับเค้าหนะ.... ก็ทำตัวดีๆหน่อยดิ.... อย่าทำให้คนอื่นเค้าต้องมาเสียใจเพราะแกอีก ” เราพูด ภีมมันเลยหันมามองหน้าเรา
เราเลยพูดต่อว่า
“ มะปรางมันก็ดูรักแกดีออก..... แกเองก็คงจะชอบมะปรางไม่น้อย... ไม่งั้นแกคงไม่ไปคบกะเค้าหรอก ”
จากที่เราพูดไปภีมมันได้ยินมันก็ได้แต่นิ่ง.........
เรากะมันก็เลยนั่งเงียบๆแบบนั้นอีกพักใหญ่ จนภีมเป็นคนเอ่ยปากชวนเรากลับแล้วมันก็มาส่งเราที่หอ
***********************************************************
หลังจากที่ภีมมันบอกเราวันนั้นว่ามันกับมะปรางกลับมาคบกันเหมือนเดิมแล้ว
ก็เหมือนว่าจะมีบางอย่างระหว่างเรากะภีมที่เปลี่ยนไปบ้าง ซึ่งทำให้เรากะภีมต้องมีข้อตกลงระหว่างกัน
เช่น
1. เวลาที่ภีมอยู่กับมะปรางภีมแล้วเราโทรไปภีมจะกดตัด... ถือว่าเป็นอันรู้กัน
2. sms ที่เราส่งให้ภีมภีมจะขอลบทิ้งทั้งหมด ( เราเคยน้อยใจมันเรื่องนี้ครั้งนึงแต่มันก็บอกเราว่า... ของแบบนี้เก็บไว้ในใจดีกว่า)
3. เวลาที่เราเจอภีมกับมะปรางไปด้วยกันข้างนอก เราจะไม่ทักภีม
4. ความสัมพันธ์ระหว่างเรากะภีมต้องเก็บเป็นความลับสุดยอด มีแต่เพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้เท่านั้นที่รู้
5. เราสองคนเจอกันน้อยลงและไม่เคยไปไหนด้วยกันสองคนเลยถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
ดูๆไปก็พอจะเห็นอ่ะนะว่าตัวอย่างข้อตกลงระหว่างเราสองคน... ใครเป็นคนเสียเปรียบ
แต่ตอนนั้นเรายอมรับตรงเลยว่าเรารักมันมาก.... และเหมือนว่ามันจะมากขึ้นเรื่อยๆ
เราเลยไม่เคยมานั่งคิดว่าระหว่างเรา... ใครได้เปรียบ... หรือใครเสียเปรียบ
อย่างที่บอกว่าเรากะภีมไม่ได้มีการตกลงว่าเราเป็นอะไรกัน.... แต่เราทั้งคู่ต่างก็รู้ว่าต่างฝ่ายต่างรู้สึกอย่างไรกัน
ความรู้สึกที่เรามีให้มันตอนนั้น เราบอกตัวเองว่าเรารักมันมาก.... และเราก็มีความเชื่ออยู่เล็กๆว่าการที่เรายังอยู่กับมันแบบนี้ สักวันมันจะต้องเข้าใจตัวเองมากขึ้นและมันกะเราก็จะอยู่ด้วยกันสองคน
หลายๆอย่างเราถึงยอมเพราะว่าเรารักมันมาก...
แม้ว่ามีหลายๆครั้งที่เราแอบร้องไห้... แอบน้อยใจ... แอบกระวนกระวายใจจากสิ่งที่มันทำกับมะปราง
“ ฮัลโหล.... แก... ” เราเป็นคนโทรไปหาภีม พอดีตอนนั้นบัตรเอทีเอ็มมันหายมันก็เลยให้ที่บ้านโอนเงินเข้าบัญชีเรา
“ เออ.. แกว่าไง ?? มีไรป่าว.. ” ภีมพูด มันมักจะใช้ประโยคนี้เราเสมอ
“ ที่บ้านแกโอนเงินมาแล้วนะ... จะเอาเลยป่าว.. พอดีเค้ามากดตังค์ ” เราพูด
“ ยังอ่ะ ที่ตัวยังมีติดอยู่.. ” ภีมพูด
“ อืม... แล้วนี่กินข้าวยัง ” ตอนนั้นมันประมาณทุ่มนึงหนะ... เลยถามมันไปว่ากินข้าวยัง
“ เนี่ย... เดี๋ยวไปกินกับเพื่อน... ” ภีมพูด
“ อืม.. ” เราพูด
“ งั้นเค้าไปกินข้าวก่อนนะ... เพื่อนมาแล้ว ” หลังๆมานี้ ในการคุยโทรศัพท์แต่ละครั้งภีมจะเป็นคนวางก่อนเสมอ ทั้งๆที่มันเป็นไม่กี่ทางที่เราจะติดต่อกันได้ และก็มีบางครั้งเท่านั้นที่มันจะคุยกะเรานานๆ เพราะกลัวว่าเพื่อนมันจะรู้
“ เออ.. ไปเหอะ.. ” เราพูดทั้งที่อยากจะคุยกะมันนานๆ
พอเรากดเงินเสร็จเราก็ขี่รถออกมา ซึ่งตู้เอทีเอ็มที่เราไปกดเงินเป็นตู้เอทีเอ็มที่อยู่ใกล้ๆหอมันพอดี
ตอนที่เราขี่รถออกมาจากที่กดเงินแปปนึงเราก็เห็นมะปรางขี่รถอยู่ข้างหน้าเราแต่ห่างกะเราประมาณ 30 เมตร
แล้วเราก็ได้ยินเสียงภีมตะโกนเรียกมะปราง มะปรางก็เลยขี่รถไปตรงที่ภีมยืนอยู่ แล้วทั้งคู่ก็ขี่รถไปด้วยกัน
เหตุการณ์แบบนี้เราเห็นมานับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่ที่มันกลับมาคบกัน แต่เชื่อม่ะ..
เราก็ไม่เคยทำใจได้สักที ทันทีที่เห็นมันจะรู้สึกใจหายมากๆ หน้ามันก็จะช้าๆ
มีหลายครั้งที่เรากลับไปร้องไห้หรือถ้าร้ายกว่านั่นก็ร้องไห้ออกมาตอนนั้นเลย
คืนวันนั้น....
ประมาณเที่ยงคืนเราก็เลยโทรไปหาภีม แต่โทรเท่าไหร่มันก็ไม่รับ
เราโทรหามันเป็นร้อยๆสายมันก็ไม่รับ ตอนแรกเราก็คิดว่ามันอยู่กับมะปราง
แต่ถ้ามันอยู่กะมะปรางมันต้องกดตัดสายสิ... แต่นี่ไม่...
เราก็เลยโทรไปหาบอยเพื่อนมัน....
“ บอยเหรอ? ปอเองนะ.... ” เราพูด
“ ว่าไงปอ.. ” บอยพูด
“ บอยอยู่กะภีมป่าว... เค้าโทรหามันหลายรอบแล้วไม่เห็นมันรับเลย ” เราพูด
“ เราไม่ได้อยู่กะไอ้ภีมอ่ะ... ” บอยพูด
“ อ้าว... มันไม่อยู่หอเหรอ... ” เราพูด คือที่มหาลัยเราหอในมีไว้ให้แค่นิสิตปีหนึ่งเท่านั้น พอขึ้นปีสองก็ต้องอยู่หอนอก แต่คณะภีมมันเป็นคณะที่บังคับให้อยู่หอในตลอดจนจบปริญญา เพราะต้องฝึกระเบียบ
“ ไม่อยู่... คือ... คือ... ” บอยทำเสียงอ้ำอึ้งไม่กล้าพูด
“ ทำไมมีไรเหรอ ?? ” เราถามกลับไปในทันที
“ คือ... คือ.. มันไปนอนหอมะปรางหนะ.. ” บอยพูด พอเราได้ยินนะ.... ใจแปล๊บบบบบบ เลย...
“ ...................................... ” เราพูดไรไม่ออกเลย
“ ปออย่าเพิ่งคิดมากนะ... มันแค่ไปนอนเป็นเพื่อนเฉยๆ เพราะมะปรางไม่กล้านอนคนเดียว ” บอยพูด
“ แล้ว.... ปกติมันไปนอนบ่อยมั้ย ?? ” เราถามหลังจากที่ควบคุมสติอารมณ์ตัวเองได้แล้ว
“ ก็หลายครั้งแล้ว... ทุกทีที่เพื่อนมะปรางไม่อยู่อ่ะ.. ” บอยพูด
“ เหรอ.... ” เราพูดเสียงลอยๆ เพราะเราไม่รู้มาก่อนเลย
ปกติ.. ถึงแม้ว่าเรากะภีมจะไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกัน แต่มันก็มักจะบอกเรื่องของมันกะเราเสมอๆ
ทั้งเรื่องที่ใครโทรมาจีบหรือเรื่องเกี่ยวกับมะปราง.. ว่ามันไปไหนทำอะไรกับมะปรางมาบ้าง
แต่เรื่องนี้มันกลับไม่บอก
“ ปออย่าเพิ่งคิดมากนะ.... ไม่มีไรหรอก มันแค่ไปนอนด้วยกันเฉยๆ ” บอยพูด
“ แน่ใจเหรอว่าจะนอนด้วยกันเฉยๆ ” เราพูดไปตามความคิดที่มันกำลังฟุ้งซ่าน
“ แน่ใจดิ... เรื่องแบบนี้พวกเค้ารู้กัน... ปอเชื่อใจได้ ” บอยพูดด้วยเสียงมั่นใจ
“ แต่ปอคิดมากอ่ะดิ ... ” เราพูด
“ อย่าคิดมากไปเลยน่าปอ... ไม่มีไรหรอก.. ” บอยพูด
“ เวลาเราเสียใจกับสิ่งที่ภีมทำอะนะ เราก็คิดหลายครั้งแล้วนะว่าเราจะเลิกรักมันซะที...” เราพูดด้วยเสียงที่สั่นๆเต็มที
“ อย่าเพิ่งคิดมากไปไกลดิ... เราว่านะ... สักวันไอ้ภีมมันคงยอมรับตัวเองได้แหละ ว่ามันชอบแบบไหนกันแน่ ” บอยพูด
ตลอดเวลาที่ผ่านมาในช่วงนั้น
มีหลายครั้งจริงๆนะที่เราคิดว่าเราจะเลิกรักมันสักที
แต่ขอตอบแบบงี้เง้าๆเลยนะ... ว่าตอนนั้นเราไม่สามารถเลิกรักมันได้สักที
ทั้งที่หลายๆครั้งที่พยายามจะทำใจให้ได้แต่สุดท้ายเราก็ต้องใจอ่อนกับมันทุกครั้ง
ในตอนนั้นการที่เราจะรักใครสักคน เราใช้ความรู้สึกอย่างเดียวล้วนๆเป็นตัวตัดสิน
แม้ว่าจะมีเหตุผลมากมายที่มาทัดทานเรา แต่เราก็แค่รับรู้แล้วก็ปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้น
เชื่ออย่างเดียวว่า... สักวันความรักของเราจะมีแค่เราสองคน....
หลังจากที่เราวางสายจากบอยไปเราก็โทรหาภีมอีกครั้ง
แต่โทรเท่าไหร่ก็โทรไม่ติด มันคงปิดเครื่องไปแล้ว
**********************************************************
พอวันต่อมาเราก็โทรไปหามัน
หลังจากที่คุยกันไปสักพักเราก็ถามถึงเรื่องเมื่อคืน
“ เมื่อคืนเค้าโทรหาแกตั้งหลายรอบทำไมไม่รับโทรศัพท์ ?”
“ พอดีเมื่อคืนไปเที่ยวผับกันหนะ... เลยไม่ได้ยินเสียง ” ภีมพูด
“ ไปกะใครบ้างล่ะ?? ” เราถามไปตามน้ำ
“ ก็ไปกะพวกเค้าแหละ.. ไอ้บอยก็ไป... มันยังจะชวนแกมาด้วยเลย ” ภีมพูด
“ เหรอ ?? แล้วทำไมไม่ชวนอ่ะ.. ” เราถาม
“ ตอนไปมันก็ดึกแล้วอ่ะ... เลยไม่ได้ชวน ” ภีมพูด
“ เหรอ... แต่ถ้าชวนเค้าก็ไปไม่ได้หรอก เพราะว่าเมื่อคืนอยู่กะพวกพริกอ่ะ ” เราโกหกมันกลับไป
“ อืม... ” ภีมพูด
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่มันโกหกเรา
นับครั้งไม่ถ้วนแล้วที่มันโกหกเรา
เมื่อก่อนเราเป็นคนที่ชอบจับโกหกมากๆ แต่ก็ไม่เคยพูดออกไปให้มันรู้ทั้งๆที่เราจับโกหกมันได้คาหนังคาเขามาตั้งหลายครั้ง
นี่เป็นอย่างนึงที่เราได้เรียนรู้มาจากมัน เพราะทุกๆครั้งที่เราจับโกหกมันได้
คนที่เป็นคนทุกข์ใจไม่สบายใจคือเราเอง
หลังๆมาเราก็เลยเลิกจับโกหกมัน เพราะการไม่รู้อาจจะทำให้เราทุกข์ใจน้อยกว่าในหลายๆเรื่อง
เราเข้าใจมันนะ... ที่มันต้องโกหกเรา
เรารู้... มันไม่อยากให้เราคิดมาก มันรู้ว่าเราเป็นคนคิดมากแค่ไหน
เพราะงั้น... หลายๆเรื่องที่มันเลือกที่จะโกหกเราก็เพราะว่ามันไม่อยากให้เราไม่สบายใจ
จากที่เราได้คบกะมันนี่แหละ... ถึงทำให้เรารู้ว่า
คนเราถ้ารู้จักกันมากเกินไปเหมือนเรากะมัน ก็เป็นปัญหาได้เหมือนกัน
สรุปแล้วเหตุการณ์ในวันนั้นก็เป็นอีกเหตุการณ์นึงที่มันโกหกเรา เรื่องที่มันไปนอนกะมะปราง
เรากะภีมเหมอนกันอย่างตรงที่ ไม่ค่อยชอบเซ้าซี้ถามอะไรที่ไม่อยากจะบอก
ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามที่ภีมมันไม่อยากบอกเรา....
สักวัน... มันนั่นแหละที่จะเป็นคนเดินมาบอกเราเอง
เป็นแบบนี้ในทุกๆครั้ง.... แม้กระทั่งบางเรื่องที่มันโกหกเรา
เมื่อเวลาผ่านไป... มันก็จะบอกเราเองว่าวันนั้นมันโกหกเรา..... แล้วมันก็จะเล่าความจริงให้เราฟัง
โดยที่เราไม่ต้องถามอะไรเลย... ซึ่งบางเรื่องก็เป็นเรื่องที่เรารู้อยู่แล้ว
หรือบางเรื่องก็เป็นเรื่องที่เราไม่เคยรู้มาก่อน.... และบางทีก็เป็นเรื่องที่เราเกือบจะทำให้รับฟังไม่ได้เลยก็มี....
ตอนนั้นเราก็ได้แต่คิดว่า... ถ้ามันอยากบอกเดี๋ยวมันก็บอกเอง
เราก็เลยไม่บอกมันว่าเรารู้เรื่องนี้แล้วมาจากบอย และบอยก็คงไม่พูดเหมือนกันว่าเรารู้แล้ว
มีหลายเรื่องเลยนะที่เรารู้มาจากบอย.... เวลาที่เรามีปัญหาเรื่องมันเราก็คุยกะบอยนี่แหละ
บอยจะคอยเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้เราเสมอ... และเราสองคนก็ไม่ได้บอกภีม... ว่าเราคุยกัน
จบตอน..........
#####################################################
มันสั้นไปนิดส์นึงอ่ะ...
ไม่ว่ากันนะ..