All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: All I want : It's the END (หน้า25) 8/6/55  (อ่าน 344873 ครั้ง)

ออฟไลน์ from_mars

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-0
Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
«ตอบ #570 เมื่อ23-04-2012 10:14:54 »

นี่...กำลังจะได้รู้เรื่องที่น่ากลัวของชุนในอดีตใช่ไหม???
ทำอะไรไว้นะ มันคงโหดพอดู เลยทำให้ฝังใจ...ติดนิสัยโหดเพราะคุณตาชอบบ่นว่าหรือเปล่านะ??
(ไปเรื่อยเลยชั้น)
รออ่านต่อนะจ๊ะ ขอบใจจ้า

ออฟไลน์ ปุยหมาม่วง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-7
Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
«ตอบ #571 เมื่อ24-04-2012 23:25:03 »

ขอคอมเม้นความเห็นส่วนตัวนิดนึงนะคะ  ^^


ตอนที่วายะถูกทรมานเป็นการลงโทษ ถูกเฆี่ยน ถอดเล็บ ฯลฯ อ่านๆไปแล้วกลับรู้สึกสงสาร และโกรธโทโมะ 5555 ไม่ชอบใจมากๆเลยที่โทโมะทำก่อนหน้านั้น

ปาเครปใส่วายะ เป็นการกระทำที่ไม่ใช่แค่คำว่าดื้อ แต่มันเหมือนการกระทำของเด็กที่นิสัยไม่ดี เอาแต่ใจ ดูถูกเหยียดหยามคนอื่น ดูไม่น่ารักเลย

วายะทำร้ายโทโมะด้วยความโมโห แต่เรากลับคิดว่าถึงเป็นเด็กคนอื่นวายะก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน เพื่อจะสั่งสอนว่าไม่ควรทำแบบนี้ไม่ว่ากับใคร

ไม่ใช่แค่กับเค้า แต่กับคนอื่นก็ไม่ควรทำ

และด้วยความที่เป็นคุณหนู สุดท้ายคนที่ผิดมากกว่าก็คือวายะ ฮ่วย!!


ขอคอมเม้นความเห็นส่วนตัวนิดนึงนะคะ  ^^



--------

แอบคิดว่า ไม่น่าใช้วิธีเล่าย้อนเลยค่ะ รู้สึกว่ามันย้อนไกลเกินไปจนแทบจะลืมและหมดอินเนอร์กับตอนปัจจุบันที่ค้างเอาไว้ว่ากำลังถูกรุมโทรม

(แล้วตอนที่ค้างเอาไว้ก็ดันเป็นตอนที่กำลังตื่นเต้นซะด้วยนะ กำลังลุ้นเลยว่าจะมีคนมาช่วยทันมั้ย มันเลยเหมือนสะดุดและค้างฉากนั้นมานานเกินไป)

และคิด(เอาเอง)ว่า ถ้าดำเนินเรื่องจากอดีตไปจนถึงปัจจุบันน่าจะตื่นเต้นกว่า เพราะจะทำให้ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง

จะทำให้ลุ้นว่าเมื่อชุนกับโทโมกิอยู่ร่วมกันในฐานะบอดี้การ์ดกับเจ้านายจะออกมาเป็นยังไง มันจะน่าตื่นเต้นมากๆเลยค่ะ

รอตอนต่อไปนะคะ พล็อตเจ๋งมากๆ กำลังอิน ^^

hyuk_knok

  • บุคคลทั่วไป
Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
«ตอบ #572 เมื่อ25-04-2012 11:15:11 »

 :z3: :z3:จะทำเช่นรัยดี ชอบเรื่องนี้มากเลยอ่ะ
เสพติดขั้นรุนแรง :a5:
รักโทโมะ รัก :กอด1:วายะ

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
«ตอบ #573 เมื่อ27-04-2012 22:49:54 »

All I want # 21

วายะกระชับแจ็คเก็ตตัวบางเมื่อสายลมเย็นพัดวูบมา  ระหว่างทางจากแมนชั่นไปสถานีรถไฟมีต้นซากุระปลูกอยู่เรียงรายและตอนนี้กำลังผลิดอกเต็มต้น  ชายหนุ่มเดินไปอย่างไม่รีบร้อนนัก  สองเท้าลากช้า ๆ ไปตามทางเดิน  หลายครั้งที่หยุดยืนด้วยความลังเลและอยากกจะเดินกลับเสียด้วยซ้ำ  แต่ก็รู้ดีว่าถ้าถอยตอนนี้  เขาคงไม่มีทางรวบรวมความกล้าได้ขนาดนี้อีก  และทุกอย่างก็คงจะจบลงอย่างไม่มีทางออกเหมือนที่มันเคยเป็นมา

แผลของเขาแห้งแล้ว  ไม่มีไข้และเคลื่อนไหวได้คล่องเหมือนเดิมแล้ว  ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องไปพบหน้ารันจังเสียที
ทิวทัศน์ผ่านหน้าต่างรถไฟไปอย่างรวดเร็ว  แต่ถึงมันจะช้ากว่านั้นวายะก็ไม่ได้สนใจจะมอง  จากคำบอกเล่าของแม่ทำให้ชายหนุ่มอยากไปพิสูจน์ด้วยตาของตัวเอง

โอมิยะเข้ามาเป็นครูพร้อมกับตอนที่เขาเข้าเรียนมัธยมปลาย  พวกผู้ชายไม่ค่อยชอบขี้หน้านักหรอก  แต่ดูเหมือนจะป๊อปในหมู่สาว ๆ น่าดูเหมือนกัน...แล้วคนคนนั้นน่ะนะ  ที่มารับรันจังไปดูแล...

เชื่อใจได้เหรอ...ไว้ใจได้เหรอ...ผู้ชายที่ดูไม่เป็นโล้เป็นพายคนนั้นน่ะ...

ในสายตาของวายะเมื่อตอนนั้น  โอมิยะดูเป็นผู้ชายที่ขี้หลีไปวัน ๆ เท่านั้น  เรื่องการสอนเป็นยังไงเขาไม่จำไม่ได้เพราะไม่ได้สนใจจะเรียนเท่าไรนัก  แต่ก็ไม่เคยตกวิชาของโอมิยะสักครั้ง  เพียงแต่ที่ไม่ค่อยพอใจก็คือ  โอมิยะมักจะมองเขากับรันจังอยู่บ่อย ๆ

มองมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วสินะ...แล้วตอนนี้ก็มาแย่งรันจังของเขาไปงั้นสินะ...

วายะกำหมัดแน่น  เขารู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่  ไม่ได้อยู่เฝ้ารันจังไว้...แต่รันจังก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ว่าใครก็จะมาแย่งไปไม่ได้


ชายหนุ่มลงรถที่สถานีรถไฟที่คุ้นเคย  ถ้าเดินขึ้นเนินไปอีกนิดจะมองเห็นทะเล  ทิวทัศน์ที่เขาคุ้นตามาตั้งแต่เกิด  เมืองที่เกิดมา...เมืองที่ใช้ชีวิตมากว่าครึ่งชีวิต...และเมืองที่เขาชิงชัง  หากเมืองนี้ยังมีสิ่งที่เขาแสนรักอยู่  แม้จะเคยคิดมาตลอดว่าอยากไปให้พ้นจากเมืองนี้ทันทีที่เป็นผู้ใหญ่  แต่คำพูดบางคำของรันจังได้รั้งเขาเอาไว้  กระทั่งวันที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาแหลกสลายลง

ทะเลเมืองซางะยังคงสวยงามเหมือนเดิม  แม้ที่เมืองนี้จะไม่มีชายหาดและเต็มไปด้วยเครนสูงของอู่ต่อเรือก็ตาม  น้ำทะเลยังสะท้อนแดดเป็นประกายนับล้าน ๆ ดวงเหมือนที่เคยเป็นมาตั้งแต่จำความได้  ประกายระยิบระยับนั้นเจิดจ้าพร่านัยน์ตาจนไม่อาจทนมองได้นาน  หรือเพราะตัววายะเองที่ไม่ได้ใช้ชีวิตกลางแดดจ้า ๆ แบบนี้มาหลายปีแล้วกันแน่นะ

วายะหลบตาจากท้องทะเลมามองเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ตีนเนินเขา  ผ่านมาสิบปีแล้ว...แต่ที่นี่ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปสักอย่างเดียว  ยังคงมีต้นไม้ใหญ่และอาคารเตี้ย ๆ เรียงรายกันไปตามแนวถนน  เป็นเมืองเล็ก ๆ เงียบ ๆ ด้วยย่านร้านค้าอยู่ที่อีกฟากหนึ่งของเนินเขาด้านสถานีรถไฟ  แต่ก็ยังมีสาธารณูปโภคครบครัน  ทั้งโรงเรียน  โรงพยาบาล  และหอสมุด

หอสมุดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยที่เมืองแห่งนี้เป็นเมืองของทหารเรือ  ปัจจุบันยังคงได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี  อาคารสองชั้นเรียบง่ายกว้างขวางรายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่และสวนดอกไม้ร่มรื่น  และในตอนนี้ต้นไม้ที่ส่วนมากเป็นซากุระก็กำลังผลิดอกเต็มต้น

วายะคุ้นเคยกับหอสมุดแห่งนี้มาตั้งแต่สมัยเรียน  ไม่ได้มาอ่านหนังสือหรอก  ส่วนมากก็มาเป็นเพื่อนรันจังแล้วก็มานอนเสียมากกว่า  ปล่อยให้รันจังอ่านหนังสือไปจนเต็มอิ่มแล้วค่อยมาปลุกเขากลับบ้านก็แค่นั้น

ชายหนุ่มเงยหน้ามองอาคารที่คุ้นเคย  ทั้งที่เคยเดินผ่านเข้าออกมาตลอดแต่ทำไมครั้งนี้ถึงได้รู้สึกเหมือนกับมีกำแพงที่มองไม่เห็นกั้นเอาไว้กันนะ...แต่ยังไงก็ต้องเข้าไป  เพราะรันจังทำงานอยู่ข้างในนั้น

แม้จะคิดแบบนั้นแต่สองขากลับไม่ยอมขยับ  ความกล้าที่รวบรวมมาตลอดหลายวันเหมือนจะมลายหายไปจนหมดสิ้น...ในตอนนี้  รันจังจะเป็นยังไงบ้างนะ...ในความทรงจำของวายะนั้น  ทุกอย่างหยุดอยู่ที่วันนั้นเมื่อสิบปีก่อน...แล้วในตอนนี้  รันจังจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหนกันนะ

อยากพบ...แต่...ความกล้ามันหายไปไหนหมด...

สุดท้ายก็ได้แต่ลงนั่งที่ม้านั่งใต้ต้นซากุระต้นหนึ่ง  นึกเกลียดตัวเองที่ขี้ขลาดขนาดนี้  ทำไมกันนะ...ทั้งที่แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ไม่เคยกลัวใครแท้ๆ  แต่ทำไมวันนี้เขาถึงได้...


ชายหนุ่มไม่รู้หรอกว่าตนนั่งอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน  กระทั่งผู้คนเริ่มทยอยออกมาจากหอสมุดจนหมดและตะวันตกดินแล้ว

พลันก็มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้แล้วหยุดลงตรงหน้า

“เอ่อ...เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?  เห็นนั่งอยู่ตรงนี้นานแล้ว”

วายะเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียกแล้วก็รู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ

ใบหน้านั้น...ใบหน้าแบบเดียวกับในความฝันที่ไม่เคยลืมเลือนเลยตลอดสิบปีมานี้  แม้จะเปลี่ยนไปนิดหน่อยด้วยวัยที่มากขึ้น...แต่ก็จดจำได้ในทันที...

รันจัง!!

วายะได้แต่ตะลึงจ้องคนตรงหน้า  ทำอะไรไม่ถูก  เขาควรจะตอบว่าอย่างไร  ควรจะพูดว่ายังไง...คิดอะไรไม่ออกเลย...เมื่ออยู่ต่อหน้าแววตาคู่นั้น  ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง...แววตาที่ยังคงมองเขาเหมือนกับคนแปลกหน้า!


อย่ามองเขาแบบนั้น...ขอร้อง...รันจัง...


“เอ๊ะ  วายะคุงไม่ใช่เหรอ?”  อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับที่เจ้าของเสียงชะโงกหน้ามองข้ามไหล่รันมารุมา

นี่ก็เช่นกัน...วายะจำใบหน้านั้นได้ทันที

“...อาจารย์...โอมิยะ?...”  ชายหนุ่มพึมพำชื่อนั้นออกมาด้วยอาการจับต้นชนปลายไม่ถูก

“วายะคุงจริง ๆ ด้วย  ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะได้มาเจอกันที่นี่น่ะ  ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ”

“อาจารย์?...ลูกศิษย์ของอิจิโร่ซังเหรอครับ?”  รันมารุหันไปถามโอมิยะ

“ใช่สิ  ก็วายะคุงคนที่...”  หางเสียงของโอมิยะขาดหายไป  จ้องมองรันมารุด้วยสีหน้าแปลกประหลาดบางอย่าง  แล้วรีบหันกลับมามองวายะ

ความตื่นตะลึงที่ถ่ายทอดมาทางแววตานั้น  ทำให้วายะรู้...โอมิยะเองก็คงรู้เรื่องระหว่างพวกเขามาบ้างเช่นกัน  แต่คงไม่คิดว่ามันจะร้ายแรงถึงขั้นนี้

“เอ้อ...วายะคุงเคยเป็นเด็กในชมรมน่ะ  แต่หลังจากที่เธอจบไปแล้วละ”  โอมิยะรีบแก้สถานการณ์  แม้จะดูมีช่องโหว่บ้างแต่ท่าทางรันมารุจะไม่ได้สนใจ

“อ๋อ  มิน่าล่ะ  ถึงได้ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน  แบบนี้ก็เป็นรุ่นน้องของผมสินะครับ”  คำพูดพร้อมกับรอยยิ้มสดใสนั้นยิ่งทำให้โอมิยะมีสีหน้าแย่ลงไปอีก...แต่วายะรู้อยู่แล้วว่าจะต้องเป็นแบบนี้

กระนั้น...ก็ยังเจ็บปวด...

“ว่าแต่...เป็นอะไรหรือเปล่าครับ  วายะซัง?  ผมมองมาจากในหอสมุด  เห็นนั่งอยู่ตรงนี้นานมากแล้ว”

อย่า...อย่าพูดกับเขาเหมือนคนแปลกหน้าแบบนี้  ขอร้องละ...ในใจของวายะร่ำร้อง  หากมีเพียงความรวดร้าวแล่นผ่านแววตาเพียงชั่วแวบก่อนจะถูกกลบไว้ด้วยหน้ากากของความเยือกเย็นที่ใช้อยู่เป็นประจำ

“...ไม่เป็นไรหรอกครับ”

แต่ท่าทางของวายะไม่อาจลอดพ้นสายตาของโอมิยะไปได้

“วายะคุงมารอเจอฉันน่ะ”  เขาบอกกับรันมารุแบบนั้น

“มารอเจอ?”

“ใช่...วายะคุงเขาไปทำงานที่โตเกียวนานแล้ว  วันก่อนติดต่อมาว่าจะกลับมาเยี่ยมบ้านเลยจะแวะมาหาน่ะ”  โอมิยะลื่นไหลไปได้ราวกับเตรียมเรื่องไว้เป็นอย่างดีแล้ว...วายะลอบถอนใจน้อย ๆ กับตัวเอง  เมื่อก่อนโอมิยะก็เป็นแบบนี้แหละ  เขาถึงได้ไม่ค่อยชอบขี้หน้าไง

“ไม่เห็นคุณบอกผมเลย  จะได้ซื้อของกินเตรียมไว้  ที่บ้านไม่มีอะไรจะทำเลี้ยงเลยนะครับ”  รันมารุต่อว่า

อย่าพูดคำที่ควรพูดกับฉันกับโอมิยะได้มั้ย...ได้ฟังแล้วมันเจ็บ...ทั้งเจ็บทั้งทรมาน  จนแทบจะหายใจไม่ได้

“ก็มันกะทันหัน  ไม่คิดเหมือนกันว่าวายะจะมาดักเจอแบบนี้  นึกว่าจะไปหาที่โรงเรียนซะอีกน่ะ”  จากคำพูดนี้  ทำให้วายะรู้ว่าโอมิยะยังคงทำงานเป็นครูอยู่ที่เดิม

“แต่ก็น่าจะบอก ๆ ผมไว้บ้าง  เหล้าเบียร์ที่บ้านก็ไม่มีเลยนะครับ”

“ไม่เป็นไรหรอก  เดี๋ยวฉันพาวายะคุงไปนั่งดื่มแถว ๆ นี้ก็ได้  เธอกลับไปก่อนแล้วกัน”

“เอางั้นเหรอ?”

“เอางั้นแหละ”

รันมารุหันมามองหน้าวายะแล้วกลับไปมองโอมิยะ  “แบบนั้นก็ได้  อย่ากลับดึกนักนะครับ”

...’อย่ากลับดึกนักนะ  ชุนจัง’…ช่างเหมือนกันเหลือเกินกับคำพูดเมื่อครั้งนั้น  ผิดกันแต่ครั้งนี้...คำพูดนี้ไม่ได้มีไว้ให้เขาอีกแล้ว

“ถ้างั้น...”  รันมารุหันมาพูดกับวายะ  ก้มหัวให้น้อย ๆ  “แล้วเจอกันนะครับ”

วายะนึกขอบคุณตัวเองที่ใช้เวลาสิบปีสร้างหน้ากากสังคมอันสมบูรณ์แบบขึ้นมาได้  ทำให้แม้แต่ในช่วงเวลาที่เจ็บปวดจนเจียนคลั่งอย่างในตอนนี้  เขาก็ยังยิ้มแล้วพูดจาตามมารยาทได้

“แล้วเจอกันครับ”

“เดินระวัง ๆ ล่ะ  รันมารุ”  โอมิยะบอกด้วยความเป็นห่วง

“ครับ  จะไม่ให้ล้มนะครับ”

พูดแล้วรันมารุก็เดินโขยกเขยกจากไปพร้อมกับไม้เท้าค้ำยันที่แขนขวา  แม้จะเชื่องช้าและท่าเดินจะผิดแปลกไปบ้างแต่ก็ก้าวเดินได้อย่างมั่นคงทีเดียว  ต่างจากตอนที่วายะจะจากซางะไปเมื่อสิบปีก่อน  ตอนนั้นแม้แต่จะยืนด้วยตัวเอง  รันมารุก็ยังทำไม่ได้

“เรียกเขาว่ารันมารุงั้นเหรอ?”  วายะเอ่ยขึ้นหลังจากมองส่งรันมารุไปจนลับสายตา

“เธอคงไม่อยากให้ใครเรียกเขาว่ารันจังหรอก  จริงมั้ย?”

วายะไม่ตอบ  เพียงแต่ถอนใจหนัก ๆ

“เกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเธอกันแน่?”  โอมิยะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ก็อย่างที่คุณรู้...”

“ฉันรู้ว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับรันมารุจนสูญเสียความทรงจำ  แต่เท่าที่ดูมาหลายปีนี้  ฉันว่ามันไม่ใช่...”  โอมิยะเว้นช่วงนิดหนึ่งเหมือนจะเลือกหาคำพูด  “รันมารุไม่ได้ลืมทุกอย่าง...แต่...”

“มีแค่ผมเท่านั้น  ที่เขาจำไม่ได้”  วายะต่อคำพูดนั้นให้จบ

“ใช่...ทั้งที่พวกเธอสนิทกันมากขนาดนั้น  แล้วมันเรื่องอะไรกัน?”

วายะแค่นยิ้ม  “ไม่รู้จะดีกว่ามั้ง  อาจารย์”

“แต่ฉันอยากรู้  ว่าทำไมเธอถึงต้องส่งเงินมากมายมาให้ครอบครัวของรันมารุเพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาลเขาทุกเดือน  อะไรทำให้เธอต้องทำถึงขนาดนั้น?”

“อยากรู้...ในฐานะคนรักของรันจัง?”  น้ำเสียงนั้นช่างเหน็บแนม

“...ใช่”

วายะหัวเราะเบา ๆ  “ตอนนี้ผมอยากจะฆ่าคุณชะมัดเลย  อาจารย์  อยากกระทืบให้แหลกทั้งตัวแล้วเอาไปทิ้งไว้ในที่ที่จะไม่มีใครหาศพเจอ...แต่ผมทำไม่ได้  ถ้าทำแบบนั้นจะไม่มีคนคอยดูแลรันจัง  จะไม่มีใครทำในสิ่งที่ผมทำไม่ได้เพื่อรันจัง”

“สิ่งที่เธอทำไม่ได้?”

“อยากรู้จริง ๆ เหรอ  บาปของผมน่ะ”  วายะจ้องตาโอมิยะตรง ๆ เป็นครั้งแรก  “คุณได้กลับบ้านดึกแน่”


ร้านเหล้าเล็ก ๆ ไม่ไกลจากสถานีรถไฟมากนักคือที่ที่โอมิยะเลือกจะพาวายะไปเลี้ยง

“ก็ฉันบอกรันมารุแล้วไงว่าจะเลี้ยง  เพราะงั้นก็ให้เลี้ยงเถอะ  เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าฉันโกหกเขาซะนี่”

เหตุผลนั้นฟังดูเข้าที  วายะจึงไม่ได้ปฏิเสธ

เบียร์สองขวดและกับแกล้มสองสามอย่างถูกวางลงบนโต๊ะซึ่งตั้งอยู่ด้านในสุดของร้านและมีฉากกระดาษกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัว  วายะดื่มเหล้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะทำให้แผลอักเสบและเป็นหนอง  เขายังไม่อยากถูกถอดเล็บซ้ำทั้งที่มันยังงอกไม่เต็มเล็บ

“พวกผมน่ะ  เป็นเพื่อนบ้านกัน  รู้จักกันตั้งแต่อนุบาล...”  วายะเริ่มเรื่อง  “และเราก็อยู่ด้วยกันมาตลอด...”

ดวงตาคมหรี่ซึมเหมือนจะส่งความคิดไปยังความทรงจำอันแสนไกล...อดีตที่แสนงดงาม

...

วายะ  ชุน  ฉายแววเกเรมาตั้งแต่เด็ก  แต่จะว่าวายะเป็นคนเริ่มรังแกคนอื่นก่อนมันก็ไม่ถูกนัก  เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้  เพียงเห็นหน้ากันไม่กี่ครั้งก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร  ดังนั้นเมื่อบรรดาแม่ ๆ ได้เห็นอันนะไปรับลูกชายที่โรงเรียนไม่กี่ครั้งก็บอกกันปากต่อปากได้ว่า  “ลูกไม่มีพ่อของบ้านวายะ”

ความจริงเด็กเล็ก ๆ นั้นไม่มีใครเข้าใจหรอกว่า  “ลูกไม่มีพ่อ”  คืออะไร  แต่เมื่อได้ฟังบ่อย ๆ ก็จดจำและเอามาล้อเลียนวายะเป็นที่สนุกสนาน  แรก ๆ เด็กน้อยก็ไม่เข้าใจ  แต่เมื่อวันหนึ่งที่เล่าให้ผู้เป็นแม่ฟังถึงเรื่องที่โรงเรียน  วายะก็เห็นแม่ทำหน้าตกใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นแค้นเคือง  และเมื่อกลับถึงบ้าน  เธอก็กอดลูกชายไว้แล้วร้องไห้

วายะยังคงไม่เข้าใจความหมายของคำว่า  “ลูกไม่มีพ่อ”  แต่สิ่งเดียวที่เขาเข้าใจคือ  มันทำให้แม่ของเขาร้องไห้  ดังนั้นเขาจึงแก้แค้นด้วยการเล่นงานทุกคนที่เรียกเขาอย่างนั้น  เป็นเรื่องใหญ่โตจนต้องเรียกประชุมผู้ปกครอง

ท่ามกลางเสียงโวยวายประนามด่าว่าเด็กชายเกเร  วายะกลับพูดขึ้นมาเสียงดัง

“ก็พวกนี้ทำแม่ร้องไห้นี่!”

“ทำยังไง?”  ครูใหญ่ถามด้วยความสงสัยพอ ๆ กับผู้ปกครองทุกคน

“พวกนี้มันเรียกเค้าว่าลูกไม่มีพ่อ  แล้วแม่ก็ร้องไห้นี่!”

คำพูดนั้นทำให้นิ่งงันกันไปทั้งที่ประชุม  มีเพียงอันนะที่ยิ้มแล้วดึงลูกชายมากอดไว้

“ไม่ยอมให้ใครรังแกแม่หรอกนะ!”

“จ้ะ  รู้แล้วจ้ะ  ไม่มีใครรังแกแล้วละ”

เรื่องนั้นจบลงเงียบ ๆ และไม่มีเด็กคนไหนกล้ามาเล่นกับวายะอีก  ยกเว้นรันมารุที่ไม่ได้ถูกแม่ห้ามเหมือนคนอื่น ๆ

“แม่บอกว่าชุนจังเก่ง  ปกป้องคุณแม่ด้วย”

“ปกป้องคืออายัย?”

“...ไม่ให้ใครมารังแกมั้ง”

“อื้อ  งั้นเค้าจะปกป้องรันจังด้วย”

“เค้าเป็นพี่  เค้าต้องปกป้องชุนจังตะหาก”

และเพราะอยู่กับวายะ  เด็กเกเร  รันมารุจึงพลอยไม่มีคนเล่นด้วยไปด้วย  แต่ทั้งสองก็ไม่เคยเดือดร้อน


หากยิ่งโตขึ้น  วายะก็ยิ่งมีปัญหา  แม้อันนะจะรักลูกชายมากเท่าไร  แต่เธอก็เคยเป็นเด็กมีปัญหาเช่นกัน  บางครั้งที่ไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้  เธอก็จะอาละวาดทุบตีวายะ  แม้จะจบลงด้วยการกอดและขอโทษ  แต่มันก็ค่อย ๆ กลายเป็นบาดแผลในหัวใจของเด็กน้อยอย่างช้า ๆ

วายะรักแม่  และรู้ว่าแม่เหนื่อยจากการทำงานจึงมักจะอารมณ์เสียและตีเขาอยู่บ่อย ๆ  ซึ่งเขาก็ยอม  แต่ความโกรธในหัวใจเพราะถูกตีที่หาทางระบายออกไม่ได้  ทำให้ไปลงกับเด็กคนอื่น  เกิดเป็นการวิวาทแทบจะวันเว้นวัน  ซึ่งรันมารุต้องคอยห้ามทุกครั้ง  และรันมารุก็เป็นคนเดียวที่วายะยอมลงให้นอกเหนือจากแม่

“ชุนจัง  ได้แผลมาอีกแล้วเหรอ?”  ทุกครั้งที่เห็น  รันมารุจะรีบกระวีกระวาดเอาพลาสเตอร์ยาติดแผลให้  “คราวนี้ไปตีกับใครมาอีกล่ะ?”

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
«ตอบ #574 เมื่อ27-04-2012 22:56:35 »

“แม่”  วายะตอบง่าย ๆ  “แต่ไม่เป็นไรหรอก  แม่แค่เหนื่อยน่ะ  แล้วฉันก็ดันไปมีเรื่องกับไอ้หมูห้องสองมาพอดี”

“แต่แบบนี้ไม่ดีเลยนะ”  ไม่ดีทั้งที่ไปมีเรื่องมาและที่โดนแม่ตีนั่นแหละ

“ไม่เป็นไรหรอก”


วายะท่องคำว่าไม่เป็นไรไว้ในใจเสมอมา  แต่ยิ่งโตขึ้น  ยิ่งรู้อะไรมากขึ้น  คำว่าไม่เป็นไรดูจะใช้ไม่ได้ผลมากขึ้นทุกที...โดยเฉพาะเมื่ออันนะพาเพื่อนชายมาที่บ้าน

วายะในวัยประถมยังไม่เข้าใจเรื่องเพศหรือความรักอะไรทั้งสิ้น  แต่เสียงและภาพที่ได้ยินได้เห็นจากห้องนอนของแม่ทำให้เขาสับสน...แม่ร้องไห้  แม่ถูกรังแก...แต่ทำไมแม่ถึงได้กอดผู้ชายที่รังแกแม่เอาไว้แบบนั้นล่ะ...ทำไมแม่ไม่เรียกให้เขาช่วย  แล้วทำไมจะต้องดุด่าเขาทุกครั้งที่เขาโผล่เข้าไป...ทำไม...

สุดท้าย  วายะก็หนีไปอยู่ที่ห้องของรันมารุบ่อยขึ้น  นั่นเป็นที่เดียวที่เขาสามารถอยู่ได้อย่างสบายใจ...ไม่สิ  ที่ไหนก็ได้ที่มีรันมารุอยู่  เขาก็สามารถอยู่ได้อย่างสบายใจทั้งนั้น  แต่พ่อแม่ของรันมารุไม่เคยถามเหตุผลที่ในบางคืนเขาก็หิ้วหมอนเดินไปกดกริ่งหน้าบ้านเพื่อขอนอนด้วย  ไม่เคยถามเรื่องแผลที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ  และไม่เคยเรียกเขาว่าเด็กเกเร  แม้ว่าเขาจะเป็นสาเหตุให้รันมารุพลอยไม่มีเพื่อนไปด้วยก็ตาม  แต่ทั้งสองก็ไม่เคยโทษว่าเป็นความผิดของเขาเลย  ยังคงให้ความเอ็นดูและอะไรที่พอจะสั่งสอนได้ก็ช่วยสอนอยู่เสมอ

ในตอนนี้  วายะรู้แล้วถึงความหมายของคำว่า  “ลูกไม่มีพ่อ”  เขาคงเกิดจากเพื่อนชายคนใดคนหนึ่งของแม่...แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร  เขาเคยถาม  แต่จบลงด้วยการถูกแม่ตีไปร้องไห้ไปพร้อมกับโวยวาย

“มีแม่คนเดียวไม่พอหรือไง!?  แกอยากได้พ่อนักเหรอ!?  ผู้ชายมันก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ  แล้วแกจะโตไปเป็นผู้ชายแบบพวกมันหรือไง!?”

วายะกอดแม่ไว้  ใช่...เขามีแม่เพียงคนเดียวก็พอแล้ว  คนอื่นไม่จำเป็นอีก  เพียงแต่...

“ผมขอมีรันจังไว้อีกคนได้มั้ย?  แม่”

รันจัง...เพื่อนและพี่ชายคนสำคัญ  คนที่เขาอยากจะปกป้องไปตลอดชีวิตเช่นเดียวกับแม่


ด้วยความที่มีเลือดตะวันตกผสม  วายะจึงตัวสูงใหญ่กว่าเด็กในวัยเดียวกัน  ยิ่งตัวใหญ่ก็ยิ่งแรงมาก  ดังนั้นไม่ว่าจะไปมีเรื่องกับใครการจะแพ้นั้นแทบไม่มี  แต่เพราะร่างกายที่โตกว่าคนรุ่นเดียวกันนี่เอง  ที่ทำให้วายะได้เรียนรู้เรื่องเพศก่อนใคร

ตอนที่เพิ่งจะขึ้นมัธยมต้นได้ไม่นาน  พี่สาวที่อาศัยอยู่ในแมนชั่นเดียวกันได้ขอให้เขาไปอยู่เป็นเพื่อนเฝ้าบ้านด้วย  เธอเป็นผู้หญิงกร้านกล้าที่ไม่ใช่เด็กดีแน่ ๆ และการได้ลิ้มลองรสชาติของเด็กหนุ่มบริสุทธิ์ก็นับเป็นความสนุกอย่างหนึ่งของเธอ  และในคืนนั้นเอง  เธอก็ได้สอนให้เด็กหนุ่มได้รู้จักรสรักเป็นครั้งแรก

วายะประหลาดใจตนเองและประหลาดใจกับปฏิกิริยาของสาวรุ่นพี่  มันแทบจะไม่ต่างกันกับแม่ของเขากับเพื่อนชายเลย  เสียงร้องไห้คร่ำครวญนั้นไม่ใช่ความเจ็บปวด  แต่เป็นเสียงจากความรู้สึกลึกล้ำหวามไหวเป็นพิเศษที่แทบจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้...แม่ของเขาไม่ได้ถูกรังแก  แม่มีความสุขที่ถูกผู้ชายพวกนั้นกอด  และเขาเองที่เป็นตัวขัดขวางความสุข  แม่ถึงได้ตีเขา

ในที่สุดก็เข้าใจ  เหมือนพันธะอะไรบางอย่างในหัวใจได้ถูกปลดออก  แม่อยากมีความสุขจึงให้ผู้ชายพวกนั้นกอด  แม่อยากระบายความโมโหจึงทุบตีเขา...ทั้งหมดนี้เขาเข้าใจแล้ว  แต่ก็รู้ดีว่าความรู้สึกโกรธที่เกิดขึ้นตอนที่เห็นผู้ชายพวกนั้นกอดแม่และตอนที่ถูกตีนั้นถูกเก็บไว้ในหัวใจ  จะระบายออกได้ก็ต้องเอามันไปทำร้ายคนอื่น...แต่แค่การวิวาทกันมันไม่ได้ทำให้มีความสุข  มันต้องแบบที่พี่สาวคนนี้สอนถึงจะมีความสุขได้

หลังจากคืนนั้น  พี่สาวคนสวยก็มักจะเรียกวายะไปช่วยเฝ้าบ้านเสมอ  และได้เล่นสนุกกันทุกครั้ง  วายะค่อย ๆ ปลดปล่อยความโกรธเคืองใส่เธอผ่านทางเซ็กส์ทีละน้อย  เซ็กส์ของเขาค่อย ๆ ดุดันรุนแรงขึ้น  แต่ดูเหมือนเธอจะชอบใจ  แม้บางครั้งเธอจะตัดพ้อว่ามันรุนแรงเกินจะทนได้เหมือนกัน

ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นความลับ  หญิงสาวไม่เคยบอกใคร  แม้จะภาคภูมิใจที่ได้กินเด็กหนุ่มบริสุทธิ์และเสี้ยมสอนรสรักให้เขา  แต่เธอไม่กล้าบอกว่าเธอเป็นฝ่ายล่อลวงเด็กมัธยมต้นมาเป็นคู่นอน  ส่วนวายะไม่เคยคิดจะบอกใครอยู่แล้ว  แม้แต่รันจัง...เพียงแต่...บางครั้งความรู้สึกบางอย่างก็เอ่อท้นจากจิตใจจนเผลอแสดงออกมา

เพราะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก  การกอดฟัดกันจึงเป็นเรื่องธรรมดา  เพียงแต่วายะเริ่มสงสัยตัวเอง...ทุกครั้งที่ถูกรันจังกอด  ความรู้สึกแปลกปลอมบางอย่างมันค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นทุกที  และยิ่งถ้าเขาเป็นฝ่ายกอด  มันก็ยิ่งปรากฏชัด...เขาอยากกอดรันจังเหมือนที่กอดพี่สาวคนนั้น  อยากทำให้รันจังมีความสุข


ท่ามกลางสายฝนโปรยปรายและดอกอาจิไซที่ผลิดอกสีม่วงอมน้ำเงินที่ริมถนน  วายะกับรันมารุเดินกลับบ้านมาใต้ร่มคันเดียวกัน  เสียงฮัมเพลงหงุงหงิงของรันมารุรบกวนจิตใจของวายะอย่างประหลาด  เขาคิดถึงเรื่องของรันมารุมาหลายวันแล้ว  คิดมากจนแทบจะเรียกได้ว่าหมกมุ่น  บางครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มของรันมารุ  ก็ถึงกับใจเต้นไม่เป็นส่ำ  แต่ก็ยังสามารถซ่อนไว้ใต้ท่าทางเย็นชาของตนได้

รันมารุไม่เคยรู้...และคงไม่มีวันรู้ถ้าเขาไม่บอก

ที่ผ่านมาไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรวายะจะปรึกษารันมารุก่อนเป็นคนแรก  แต่เรื่องนี้...จะพูดออกไปได้งั้นหรือ...

“อ๊ะ  ชุนจัง  ดูสิ  อาจิไซช่อนี้เป็นสีแดงละ”  รันมารุพูดแล้วก็นั่งลงข้างทางพลางพิศดูอาจิไซสีประหลาด

“เอากลับไปฝากคุณป้ามั้ยล่ะ?”  วายะนั่งลงด้วยพร้อมกับขยับร่มไปบังฝนให้  ทั้งที่เพิ่งจะอยู่มัธยมสอง  แต่เขาก็สูงกว่ารันมารุที่อยู่มัธยมสี่มากทีเดียว

“อืม...ก็อยากหรอกนะ  แต่เด็ดไปก็น่าสงสารมันออก  ถ้าอยู่บนต้นนี่ยังจะได้ดูอีกหลายวันเลยนะ  ยังไงซะตอนที่แม่ไปจ่ายตลาดก็คงผ่านทางนี้แหละ  น่าจะได้ดูทุกวันนะ”

“งั้นก็ดี...”

“แต่แปลกเนอะ  ช่ออื่นยังไม่แดงเท่าช่อนี้เลย  เด่นดีจัง  เหมือนชุนจังเลยเนอะ”  รันมารุหันมายิ้มกว้าง  ทำให้หัวใจของวายะกระตุกวาบ  แต่ก็รีบกลบเกลื่อนเอาไว้ได้

“เหมือนตรงไหน?”

“ก็เด่นไง  ชุนจังตัวสูง  หน้าตาดีแต่เกเร  ไม่รู้เหรอว่ามีสาว ๆ แอบกรี๊ดชุนจังตั้งหลายคนน่ะ”

“ไม่เห็นจะสน”  วายะยักไหล่พลางทอดสายตาเหม่อจ้องอาจิไซสีแดง

รันมารุนิ่งเงียบไปนิดหนึ่ง  “ชุนจังนี่...ไม่สนใจใครเลยนะ  ไม่เอาใครเลยแบบนี้...มีแค่ฉันคนเดียวแบบนี้  ไม่เหงาเหรอ?”

นั่นเป็นคำถามที่พวกเขาไม่เคยถาม  แม้ที่ผ่านมาจะไม่มีเพื่อนสนิทที่ไหนอีก  พวกเขาก็ไม่เคยเดือดร้อน  วายะที่ไม่ชอบออกจากบ้านไปไหนเพราะเบื่อเสียงนินทาและสายตาแปลก ๆ ของผู้คนยอมไปกับรันมารุทุกหนทุกแห่ง  ไม่ว่าจะเป็นงานวัด  สระว่ายน้ำ  หรือหอสมุด...พวกเขาอยู่ด้วยกันเกือบตลอดเวลา  แล้วจะเรียกว่าเหงาได้งั้นหรือ

“...รันจังเหงาเหรอ?”  วายะจ้องเข้าไปในดวงตาสีดำขลับคู่นั้น  แม้เขาจะไม่เหงา  แต่ก็ไม่ใช่ว่ารันมารุจะรู้สึกเหมือนกันนี่นะ

“อ๊ะ  เปล่า  ฉันไม่เหงาหรอก  ก็มีชุนจังอยู่ด้วยตลอดนี่นา  เพียงแต่...บางทีฉันก็คิดว่าชุนจังอาจจะอยากไปอยู่กับคนอื่นบ้างก็ได้น่ะ”

วายะปล่อยร่มแล้วดึงคนตัวเล็กกว่ามากอดไว้แน่น

“ชุนจัง!?”

ริมฝีปากอุ่นค่อย ๆ กดแนบลงกับเรียวปากอิ่มนุ่มนวล  แผ่วผิว...ก่อนจะรีบถอนออก

“...ชุนจัง!?”

รันมารุเบิกตากว้าง  ไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“ฉันชอบรันจัง  ฉันอยากอยู่กับรันจัง...แบบนี้แล้วฉันจะไปอยากอยู่กับคนอื่นได้ยังไงเล่า”  น้ำเสียงนั้นเหมือนจะตัดพ้อด้วยความโกรธ

“นี่...นี่เข้าใจหรือเปล่าว่าที่ทำลงไปมันหมายความว่ายังไงน่ะ!?”  รันมารุลนลาน  เขาพยายามผลักวายะออกห่างแต่หนุ่มรุ่นน้องไม่ยอมปล่อย

“เข้าใจสิ  จูบไง...ฉันชอบรันจังนะ  ชอบมาก...ชอบจนไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว”

อ้อมกอดกระชับแน่นเข้าอย่างไม่คิดจะปล่อยให้จากไปไหนอีก

“...ชุนจัง...เปียกหมดแล้วนะ”

“ใครสนล่ะ”

“...ดื้อจริง...”  รันมารุถอนใจหากยกมุมปากขึ้นเหมือนจะยิ้ม  คนตรงหน้านี้ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย  ยังคงดื้อดึงและเอาแต่ใจตัวเองเหมือนเมื่อตอนเป็นเด็กไม่มีผิด  “ฉันก็ชอบชุนจังเหมือนกันนะ”

“จริงเหรอ?”

“จะโกหกทำไม”

“งั้นให้ฉันอยู่กับรันจังนะ...ได้มั้ย?”

“ได้สิ”

“ตลอดไปเลยนะ”

“อื้ม  ตลอดไปเลย”

ริมฝีปากประทับแนบกันอีกครั้ง  คราวนี้ลึกซึ้งและเนิ่นนานกว่าเดิม...เป็นความหวานล้ำที่ไม่เคยได้เรียนรู้จากใครมาก่อน  และ...เป็นความสุข


หลังจากที่วายะขึ้นมัธยมปลายได้ไม่นาน  พี่สาวที่แอบมีสัมพันธ์กันลับ ๆ ก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนและแต่งงานไป  ความลับที่มีร่วมกันมานานปีจึงสิ้นสุดลงแค่นั้น  แต่วายะก็ไม่แคร์อยู่แล้ว  ในตอนนี้เขามีรันจังและได้อยู่ด้วยกันก็เพียงพอแล้ว

หากมีความปรารถนาหนึ่งที่ยังไม่เป็นจริง  และวายะได้แต่รอให้ถึงเวลาที่จะทำให้มันเป็นจริงเท่านั้น

ตั้งแต่ขึ้นมัธยมปลายมา  วายะก็เริ่มไว้ผมยาวและกัดผมเป็นสีทอง  จะเรียกว่าเป็นวัยต่อต้านก็อาจจะใช่  โรงเรียนมัธยมปลายที่ไหนก็ต้องมีแบบนี้บ้างสักคนสองคนอยู่แล้ว  ทั้งครูและแม่ดุด่าจนเอือมระอา  สุดท้ายอันนะก็บอกกับที่โรงเรียนไปว่า

“พ่อเขาเป็นฝรั่งค่ะ  เพราะงั้นจะผมทองบ้างก็ช่างมันเถอะนะคะ”

พูดเหมือนจะให้ท้าย  แต่พอกลับถึงบ้านเธอก็รำมวยใส่เจ้าลูกชายตัวดียกใหญ่ทีเดียว

มีแค่รันมารุเท่านั้นที่บอกว่า  “เท่ดีออก  เด่นดีด้วย  ยังไงชุนจังก็ไม่เด่นน้อยไปกว่านี้หรอก  จริง ๆ นะ”

ในตอนนี้ร่างกายของวายะได้เป็นผู้ใหญ่ล่วงหน้าเพื่อน ๆ ไปหมดแล้ว  แค่ตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าระหว่างชั่วโมงพละก็เห็นความแตกต่างได้ชัด  แม้จะไม่ค่อยได้เล่นกีฬาแต่วายะก็ยังไปว่ายน้ำกับรันมารุอยู่บ่อย ๆ  ร่างกายจึงสูงใหญ่และมีมัดกล้ามให้เห็นบ้างแล้ว  หากใส่ชุดลำลองไปเดินในเมืองก็ดูดีราวกับผู้ใหญ่คนหนึ่งจนสาว ๆ มองเหลียวหลัง

“เหมือนมากับยากุซ่า”  รันมารุแกล้งว่า

“นายแบบหรอก”  วายะเถียง

รันมารุมองวายะหัวจรดเท้า  “ยากุซ่าชัด ๆ”

“ก็ดี  เป็นยากุซ่าจะได้ไม่มีใครกล้าเข้ามารังแกรันจังไง”

จูบอันหวานล้ำคือสิ่งที่ทั้งคู่มักจะมีให้กันเสมอยามอยู่ในที่ลับตาคน  ซึ่งส่วนมากก็คือในห้องนอนของรันมารุ  จะบอกว่าพ่อแม่ของรันมารุไม่ระแคะระคายอะไรเลยก็คงจะไม่ใช่  เพียงแต่ทั้งสองใจกว้างพอที่จะคิดว่าในเมื่อยังไม่ได้ทำอะไรเสียหายและประเจิดประเจ้อก็ไม่มีอะไรต้องตำหนิ  อย่างไรเสีย  เสียงคุยหงุงหงิงที่ลอดออกมาจากประตูห้องนอนมันก็ไม่ได้ส่อไปในแง่นั้นอยู่แล้ว

แต่บางครั้งวายะก็จะแอบหนีไปอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ที่โกดังท่าเรือ  ในตอนที่ทะเลาะกับแม่  หรือในตอนที่อยากคิดอะไรตามลำพัง  แต่ทุกครั้งรันมารุก็จะหาตัวเขาเจอเสมอ

“คุณน้าน่ะรักชุนจังนะ”  รันมารุพูดพลางใช้ผ้ายืดพันแขนที่ฟกช้ำให้

“ฉันก็รักแม่เหมือนกัน  แต่โดนแบบนี้ทีไรมันอยากสวนกลับไปทุกทีสิน่า”  วายะหน้ามุ่ย

“ไม่ได้นะ  ทำแบบนั้นบาปตายเลย”

“ก็เพราะทำไม่ได้น่ะสิ  ถึงได้หนีมาสงบสติอารมณ์อยู่นี่ไง”  วายะมองไปรอบ ๆ โกดังที่มีลังไม้วางซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบ  “ทางโน้นก็เหมือนกัน  เดี๋ยวหายโมโหแล้วก็มาง้อเองแหละ”

“หึ ๆ...นี่รอให้แม่มาง้อเนี่ยนะ?”

“เปล่า  ไม่ได้รอ  แต่เดี๋ยวกลับไปแม่ก็ต้องง้ออยู่ดี  เชื่อสิ”  ก็ในเมื่อมันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว

รันมารุนั่งลงบนลังไม้ที่วายะนั่งพิงอยู่แล้วโอบแขนกอดเอาไว้  ซบหน้าลงกับเรือนผมสีทองที่เริ่มยาวเคลียบ่า  เรือนผมที่มีกลิ่นของยาย้อมผมปนกับกลิ่นเหงื่อและกลิ่นคาวเลือดนิด ๆ คือกลิ่นที่คุ้นเคยของรันมารุ...เจ้าหมีบ้าที่มีแรงเหลือจนต้องไปหาเรื่องใช้แรงกับการทะเลาะกับคนอื่นเสมอ  เขาทำได้แค่คอยรั้งเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เท่านั้น  แต่วายะคงจะมีแรงเหลือเฟือ  ไม่ว่าจะห้ามจะยั้งไว้อย่างไรก็ยังพุ่งไปข้างหน้าไม่หยุด  จนต้องใช้เวลาทั้งชีวิตคอยดูไว้แบบนี้

แต่รันมารุก็ไม่ได้เบื่อหน่ายที่จะเฝ้าดูแลวายะ  ด้วยความแตกต่างชนิดคนละขั้วของพวกเขาทั้งสองคนทำให้การอยู่กับชุนจังของเขาเป็นเรื่องสนุก  ถึงจะพูดว่าเขาอดทนกับวายะมามาก  แต่วายะเองก็อดทนเพื่อเขามากเหมือนกัน  เด็กหนุ่มที่น่าจะเหมาะกับยิมมวยหรือสนามเบสบอลมากกว่าอย่างวายะกลับยอมไปนั่งอุดอู้อยู่ในหอสมุด  เพื่อรอให้เขาอ่านหนังสือให้หนำใจ  พวกเขาไปกันบ่อยเสียจนบรรณารักษ์จำหน้าได้ว่า  คนหนึ่งจะต้องมายืมหนังสือ  และอีกคนจะต้องเข้ามานอน

ในวันที่ถูกสารภาพรัก  รันมารุตกใจและยอมรับว่าคำว่า  “ชอบ”  ที่ตนพูดออกไปนั้นก็เพื่อบอกปัดให้พ้นจากสถานการณ์เฉพาะหน้าเท่านั้น  แต่เมื่อได้มีเวลาอยู่กับตัวเองและครุ่นคิด  เขาก็พบว่าตัวเองอุ่นใจที่มีวายะคอยอยู่ข้าง ๆ  ทั้งที่เคยพูดเอาไว้ว่าตนเป็นพี่ชายที่จะต้องปกป้องวายะ  แต่ว่าเมื่อไรไม่รู้ที่วายะกลับเป็นฝ่ายปกป้องเขามาเสมอ

“รันจัง  พอเป็นผู้ใหญ่แล้วฉันจะไปจากเมืองนี้”  วายะพูดขึ้นเบา ๆ

“เอ๊ะ?”

“ฉันจะไปจากเมืองนี้”

“ทำไมล่ะ?”  รันมารุร้องด้วยความตกใจ

“ฉันเกลียดที่นี่...มันมีเรื่องน่ารังเกียจอยู่เยอะเกินไป”  วายะถอนใจ  “ฉันเบื่อที่จะถูกมองด้วยสายตาแปลก ๆ  เบื่อที่จะได้ยินคำนินทาว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ  เบื่อไอ้แก่ไม่รู้จักตายที่บ้านยาย  เบื่อพวกแฟน ๆ ของแม่...ฉันเบื่อทุกอย่างเต็มทีแล้ว”

รันมารุกอดวายะไว้แน่น  ไม่ใช่ว่าวายะไม่สนใจใคร  แต่เพื่อปกป้องตัวเองจึงทำเป็นไม่สนใจใครต่างหาก  หากสนใจไปหมดทุกเรื่องคงมีหวังได้ทะเลาะกับยัยพวกป้า ๆ ช่างนินทาทุกวันเป็นแน่  ทำตัวน่ากลัวเพื่อที่จะได้ไม่มีใครมายุ่งด้วย  ดวงตาที่ไม่เคยมองใครก็เพื่อจะได้ไม่ต้องรับรู้ว่ามีใครมองมา  วายะเพียงแต่อยู่กับคนที่ตัวเองเลือกในโลกของตัวเองเพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น

“ถ้าชุนจังไม่อยู่...ฉันคงเหงานะ”

“เอ๊ะ?”  วายะรีบหันไปหารันมารุ  “รันจังก็ไปกับฉันสิ  ไปอยู่ด้วยกันไง”

“แต่...ฉันอยากอยู่ที่นี่  ฉันคิดว่าฉันเหมาะกับเมืองเล็ก ๆ แบบนี้  แค่ไปฟุคุโอกะตอนนั้นฉันก็เวียนหัวแล้ว  ถ้าไปอยู่เมืองใหญ่กว่านั้นฉันต้องแย่แน่เลย”

“ไม่ต้องเมืองใหญ่ก็ได้นี่  เมืองต่างจังหวัดเล็ก ๆ ที่ไหนสักแห่งก็ได้  เอาแค่พอมีงานทำแล้วอยู่ได้สบาย ๆ น่ะ”

“แต่ฉันรักเมืองนี้...ฉันว่าจะเป็นบรรณารักษ์ที่หอสมุดประจำเมืองน่ะ”

ไม่ใช่ไม่เข้าใจ  วายะรู้ดีว่ารันมารุต่างกับเขา  รันมารุใช้ชีวิตในเมืองนี้อย่างสุขสบายมาตลอด  และพูดอยู่เสมอว่ารักทุกอย่างในเมืองนี้  อยากเป็นประโยชน์ให้กับบ้านเกิดของตนเอง  ไม่มีสายตาแปลก ๆ หรือคำนินทาใด ๆ สำหรับรันมารุ  ถ้าหากว่าไม่มาคบกับเขา

นี่เป็นเรื่องเดียวที่พวกเขาเห็นต่างกันโดยสิ้นเชิง  แต่...

“ถ้ารันจังบอกว่าจะอยู่ที่นี่  ฉันก็จะอยู่ที่นี่ด้วย”

“ชุนจัง  ทำไมล่ะ?”

“ถ้าไม่มีรันจังอยู่ด้วยก็ไม่มีความหมายหรอก  ที่ไหนที่รันจังอยู่...ที่นั่นก็คือที่ของฉันนั่นแหละ”

รันมารุกอดวายะไว้แน่น...ดูเถอะ  แม้แต่เรื่องนี้ก็ยังทำเพื่อเขา

เรียวปากอิ่มประทับแนบลงอย่างแสนรัก  เผยอริมฝีปากต้อนรับเรียวลิ้นร้อนที่รุกล้ำเข้ามาค้นหาความหวานหวามและแลกเปลี่ยนสัมผัสอ่อนโยนซึ่งกันและกัน  อ้อมกอดกระชับแนบแน่น...แต่มือซุกซนนั้นเริ่มล่วงล้ำเข้ามาในเสื้อของรันมารุ

“ยะ...หยุด!!”  รันมารุผลักวายะออกทันที

“หยุดอะไรเล่า”  วิธีพูดนั้นยังเหมือนเมื่อตอนเป็นเด็กไม่มีผิด

“ก็กำลังจะทำอะไรล่ะ  หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ”  ไม่ว่าเปล่ายังตีมือซุกซนนั้นอีกด้วย

“แต่มัน...นี่มันเข้าด้ายเข้าเข็มเลยนะ”

“ไม่มีด้ายมีเข็มอะไรทั้งนั้นแหละ  ไม่ให้โว้ย!”

“มะ...ไม่ให้หรอกเหรอ?”

“ใครจะให้ง่าย ๆ  จะบ้าหรือไง”  มือเรียวคว้าจมูกโด่ง ๆ ของวายะจับเขย่า

“แต่...แต่ฉันอยากได้นี่”

“ไม่ให้...เจ้าบ้า  ตอนนี้ฉันยัง...”  รันมารุหน้าแดงเรื่อ

“ตอนนี้ยังไม่ได้แล้วต้องให้รอไปถึงตอนไหนล่ะ?”  วายะตีหน้ายุ่ง

“...สิบแปด...ไว้นายอายุสิบแปดก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

“เอ๋~  อีกตั้งสองปีแน่ะ”

“ถ้าทนอีกสองปีไม่ได้ก็ไม่ต้องเอา...โอเค?  ถ้าไม่เชื่อพ่อจะเตะไข่แตกตรงนี้แหละ”

วายะลอบถอนใจ  บางทีรันมารุคงจะอยู่กับเขามากเกินไปจึงจำคำพูดอะไรที่ไม่เหมาะกับหน้าแบบนี้มาพูดอยู่เรื่อย

“ก็ได้...อีกสองปีนะ  สัญญาแล้วนะ”

“อื้ม  สัญญาสิ”

วายะคว้าร่างนั้นมาประทับรอยจุมพิตราวกับเป็นเครื่องหมายแทนคำสัญญา


...หากคำสัญญานั้นไม่เคยเป็นจริง...




(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)

ออฟไลน์ moredee

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-8
Re: All I want 20 (หน้า19) 20/04/55
«ตอบ #575 เมื่อ27-04-2012 22:57:21 »

อ่าาา ย้อนอดีตวายะ

ออฟไลน์ Pupay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-1
Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
«ตอบ #576 เมื่อ27-04-2012 23:11:36 »

โอยยยย อยากอ่านต่อ  :z3:

อยากไขความในใจของวายะ  :z1:

 :pig4:นะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
«ตอบ #577 เมื่อ27-04-2012 23:30:44 »

อดีตของวายะ...จะเป็นยังไงต่อน้อ o18

ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
«ตอบ #578 เมื่อ27-04-2012 23:53:43 »

เฮ้ออออออออออออออ สงสัยวายะอดใจไม่อยู่จนหักหาญน้ำใจรันจังหรือเปล่าน้อ

ออฟไลน์ aloney

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-4
Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
«ตอบ #579 เมื่อ28-04-2012 00:10:32 »

วายะคงข่มขื่นรันจังชัวร์!!!!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
« ตอบ #579 เมื่อ: 28-04-2012 00:10:32 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
«ตอบ #580 เมื่อ28-04-2012 01:29:06 »

ค้างอ่ะ  :z3:
มาต่อไวๆน้า

Minako

  • บุคคลทั่วไป
Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
«ตอบ #581 เมื่อ28-04-2012 03:11:23 »

อ้าววว ทำไมอ่ะ?
วายะเก็บกด วายะทนไม่ไหว?
รันมารุมีชู้????
เลยจับปล้ำใช่บ่????  :haun4:

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป
Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
«ตอบ #582 เมื่อ28-04-2012 07:23:35 »




    โอว อดีตกับคนที่รักอีกคนเหรอเนี่ย





ออฟไลน์ phoenixa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 569
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
«ตอบ #583 เมื่อ28-04-2012 08:47:14 »

ไม่เคยเกิดขึ้น!?
เพราะอะไรอ่ะ เพราะเกิดเรื่องก่อนเหรอ
เพราะจะมีใครมาแย่งรันจังไปหรือเปล่า

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
«ตอบ #584 เมื่อ28-04-2012 09:13:10 »

เดาว่า วายะคงข่มขืนรันเหมือนกัน  แล้วคงต้องรุนแรงมากแน่ ๆ
ถ้าวายะยังรักรันอยู่  สิ่งที่ทำกับโทโมกิก็แย่มาก
คนนะ  ให้มาแทนใครคงไม่ได้หรอก

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
«ตอบ #585 เมื่อ28-04-2012 09:49:02 »

เกิดอะไรขึ้นอ้ะ  :sad4:

รอร๊อรอ

ปล  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
«ตอบ #586 เมื่อ28-04-2012 10:16:43 »

โอ้ย ลุ้นจริงๆ
ยังต้องรอดูอดีตของวายะต่อไป

ออฟไลน์ jitsupa apple

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
«ตอบ #587 เมื่อ28-04-2012 10:18:58 »

สงสาร :o12:

ออฟไลน์ biw43

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
«ตอบ #588 เมื่อ28-04-2012 11:07:53 »

แว๊ก ตลกกับความคิดตัวเอง
เข้าใจว่ารันจังเป็นผู้หญิงตลอดเลย 555555555

 :z3: :z3:

ออฟไลน์ jiki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1567
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +175/-2
Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
«ตอบ #589 เมื่อ28-04-2012 11:31:18 »

ยังคงเวียนว่ายอยู่ในอดีตของอดีต ทุ่มโต๊ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
« ตอบ #589 เมื่อ: 28-04-2012 11:31:18 »





ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
«ตอบ #590 เมื่อ28-04-2012 13:16:41 »

ทุกอย่างมันหล่อหลอมให้กลายเป็นวายะ เจ้าพ่อSM (เพราะโดนแม่ซ้อม)
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ทำไมรันจังถึงกับความจำเสื่อม ขาพิการ
ทำไมวายะ นอกจากSM แล้วยังเป็นโรคประสาท(แดก)อีก เหอๆ

+โหวต+เป็ด

THE MIN

  • บุคคลทั่วไป
Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
«ตอบ #591 เมื่อ28-04-2012 13:27:12 »

มันแบบรู้สึกอึดอีดมากๆๆๆๆเลย


เห้อออ วายะ นะวายะ


มันอธิบายไม่ถูกเลย


สู้ต่อไปค่ะคนเขียน><

ออฟไลน์ from_mars

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-0
Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
«ตอบ #592 เมื่อ28-04-2012 23:23:32 »

ไม่เคยเป็นจริง??
โอ้ อยากรู้มากเลยว่าเกิดอะไรขึ้น
รออ่านต่อจ้า

Rap Joong

  • บุคคลทั่วไป
Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
«ตอบ #593 เมื่อ28-04-2012 23:29:10 »

ขอบคุณมากนะ :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
«ตอบ #594 เมื่อ05-05-2012 21:25:19 »

ขอโทษที่ช้าไปวันนึงนะครับ เพิ่งกลับถึงบ้านวันนี้เอง
ต่อเลยนะครับ

All I want # 22

ช่วงชีวิตวัยรุ่นของวายะเต็มไปด้วยความอึดอัดคับข้อง  เขาขัดแย้งกับแม่มากขึ้นทุกที  ทั้งที่เคยคิดว่าเข้าใจความรู้สึกของแม่ที่ยอมให้ผู้ชายพวกนั้นกอดแล้ว  แต่ทุกครั้งที่เห็น  ทุกครั้งที่ได้ยิน...เขาก็โกรธจนควบคุมไม่ได้  วายะทะเลาะกับแม่ทั้งที่รู้ว่าไม่ควรทะเลาะ  มันไม่ใช่เรื่องของเขาแต่มันก็ถูกผลักดันด้วยอารมณ์พลุ่งพล่านที่หาคำอธิบายไม่ได้  แต่ถ้าจะให้อธิบายด้วยเหตุผล  มันก็ช่างเป็นเหตุผลที่เด็กเสียเหลือเกิน...เพราะแม่เป็นของเขา  เขาจึงไม่อยากให้ใครมาแตะต้อง

วายะเกลียดตัวเองที่ทำตัวเป็นเด็ก ๆ แบบนั้น  มันไม่ใช่เหตุผลที่ดีของคนที่ขึ้นมัธยมปลายแล้วเลย  แต่ลึก ๆ ในใจแล้วมันเป็นแบบนั้นจริง  แม่คือทั้งหมดในชีวิตของเขา  เป็นสิ่งล้ำค่า  และเขาไม่ต้องการแบ่งปันกับใคร...หากแม่ก็มีความสุขในอ้อมกอดของผู้ชายพวกนั้น  แม่ยังสาวและสวย  จะมีความรักกับใครมันก็ไม่แปลกตรงไหน...ความรู้สึกทั้งสองต่อต้านกันจนแทบบ้า  วายะทำตัวเกเรกว่าเดิม  มีเรื่องต่อยตีกับคนอื่นมากขึ้น  ซ้ำอะไรก็ยิ่งแย่ลงอีกเมื่อมีใครบางคนทำท่าว่าจะเข้ามาใกล้รันจังของเขา

ใครคนนั้นคือโอมิยะ  อิจิโร่  ซึ่งเพิ่งเข้ามาเป็นครูสอนวิชาวิทยาศาสตร์ในปีเดียวกันกับที่วายะเข้ามัธยมปลาย  โอมิยะเป็นที่นิยมในหมู่นักเรียนมาก  คงเพราะยังหนุ่มและมักจะสอนหนังสือโดยใช้กลเม็ดประหลาด ๆ ให้สนุกสนานได้อยู่เสมอ  แต่ทั้งที่มักจะมีนักเรียนสาวรายล้อมอยู่  วายะก็ยังสังเกตว่าโอมิยะมักจะแอบมองมาที่เขากับรันมารุอยู่บ่อย ๆ  ทุกครั้งที่เจอหน้า  ก็จะมอง...แน่นอนว่าไม่ได้มองเขา  แต่เป้าหมายคือรันจัง

วายะไม่พอใจ  แค่มีคนมาแตะต้องแม่มันก็เกินพอแล้ว  เขาจะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องรันจังของเขาอีกเด็ดขาด

“ฉันเกลียดหมอนั่น”  วายะพูดขึ้นหลังจากเดินสวนกับโอมิยะระหว่างเดินออกจากโรงเรียน

“เอ้า  ไปเกลียดเขาทำไมล่ะ?”  รันมารุถาม

วายะจ้องตารันมารุ  ดวงตาที่มองกลับมาใสซื่อและไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย  เด็กหนุ่มถอนใจ...รันจังก็เป็นแบบนี้

“หมอนั่นชอบมองรันจัง”

“อ้าว  แล้วมองไม่ได้เหรอ?  เขาเป็นอาจารย์  เขาก็คงมองนักเรียนไปเรื่อยแหละ”

“ไม่หรอก  ไม่เหมือนกัน  หมอนั่นมองรันจังด้วยความหมายอื่น”  วายะขมวดคิ้ว  ทำไมเรื่องแค่นี้รันมารุถึงไม่เข้าใจนะ

“จะบ้าเหรอ  คิดอะไรของนายน่ะ?”  รันมารุว่าพลางก็เอานิ้วจิ้มหน้าผากของวายะแรง ๆ  “คิดอกุศลเกินไปแล้วนะ”

วายะจับมือนั้นไว้แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง  “ฉันรู้ว่าหมอนั่นคิดอะไรอยู่  ฉันรู้ได้จากสายตาที่มันมองรันจัง  มันไม่เหมือนกับตอนที่มองนักเรียนคนอื่น  มันคิดจะครอบครองรันจัง”

รันมารุเบิกตากว้าง  ก่อนจะหรี่ตาลงอย่างครุ่นคิดแล้วรีบดึงวายะไปที่หลังตึกใกล้ ๆ

“ชุนจัง  อย่าพูดแบบนี้อีกนะ”

“ทำไมล่ะ  ก็ฉันรู้นี่ว่ามันคิดอะไรอยู่  แล้วไม่ต้องถามนะว่าฉันรู้ได้ยังไง  แค่มองตาก็รู้แล้วแท้ ๆ  แต่ทำไมรันจังถึงไม่รู้อะไรเลยล่ะ”  วายะเริ่มเสียงดัง  เขาเริ่มคิดว่ารันมารุเข้าข้างผู้เป็นอาจารย์

“ชุนจัง...”  นิ้วเรียวแตะที่ริมฝีปากของวายะ  “มันเป็นไปไม่ได้หรอก”

“เป็นไปไม่ได้อะไรเล่า  ก็มัน...”

ถ้อยคำพูดบังคับให้กลืนกลับไปในคอ  เมื่อริมฝีปากอิ่มนุ่มนวลแตะลงกับริมฝีปากของเขาเบา ๆ  แนบนิ่งอยู่ชั่วครู่  ก่อนจะถอนออกอย่างเชื่องช้า

“มันเป็นไปไม่ได้  ก็เพราะฉันไม่ให้มันเป็น”  รันมารุเอ่ยขึ้นเบา ๆ  “ต่อให้อาจารย์โอมิยะคิดยังไงกับฉัน  แต่ถ้าฉันไม่ตอบสนองอะไรไป  มันก็เป็นไปไม่ได้”

วายะจ้องเข้าไปในดวงตาสีดำสนิทคู่นั้น  แล้วก็พบความรู้สึกหนักแน่นมั่นคงบางอย่างสะท้อนกลับมา

“ชุนจัง...”  รันมารุจับมือใหญ่ของเพื่อนรุ่นน้องขึ้นมาแนบแก้ม  “ไม่ต้องคิดอะไรให้มากมายหรอก  จำไว้แค่ว่าฉันมีแค่ชุนจังเท่านั้น  มันเป็นแบบนั้นมาตลอด...และจะเป็นแบบนั้นตลอดไปด้วย”

หัวใจของวายะสะท้านวาบ  แต่ไหนแต่ไรมา  รันมารุไม่เคยพูด  มีเพียงเขาเท่านั้นที่เป็นฝ่ายสารภาพความรู้สึกมาตลอด  แม้การกระทำทางกายที่แสดงออกจะทำให้เขารู้ชัดเจนว่ารันมารุก็ใจตรงกับเขา  แต่ก็ยังอยากฟังความรู้สึกนั้นจากปากของรันมารุมาตลอด  และในที่สุดก็ได้ฟังแล้ว

“ทำไม...ถึงมาพูดในที่แบบนี้นะ”

“เพราะถ้าพูดที่ห้อง  ชุนจังต้องผิดสัญญาแน่เลยไงล่ะ”

“บ้า...อย่ามาทำเป็นรู้ทันสิ”

วายะคว้าร่างนั้นมากอดไว้แน่น  ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่รันจังตัวเล็กกว่าเขามากขนาดนี้  แค่คว้าด้วยแขนข้างเดียวก็ถลาตามแรงของเขามาได้ง่าย ๆ...แม้จะดูบอบบางจนน่าจะแตกหักง่าย  แต่กลับเข้มแข็งกว่าใครทั้งนั้น...สิ่งล้ำค่าของเขา  และเขาจะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องเหมือนกับแม่

เด็กหนุ่มแนบจุมพิตแสนเร่าร้อนลงครั้งแล้วครั้งเล่า  นี่เป็นสิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนี้  จนกว่าเขาจะอายุสิบแปด...จนกว่าจะถึงวันที่เขาจะได้ครอบครองทั้งหมดของรันมารุตามสัญญา  เขาทำได้เพียงแค่นี้เท่านั้น

แต่ก็เพียงพอแล้ว  เมื่อรันมารุเองก็ตอบสนองจูบของเขาด้วยความเต็มใจ  แลกสัมผัสกันอย่างหวานล้ำ  ขยับเรียวลิ้นเกี่ยวรัดซึ่งกันและกันอย่างโหยหา  บางครั้งก็หวานเสียจนวายะนึกสงสัยว่ารันมารุทนต่อความปรารถนาล้ำลึกนั้นได้อย่างไร


ไม่นานนัก  รันมารุก็เรียนจบมัธยมปลายและเข้าทำงานต่อในบริษัทขนส่งทางทะเลในละแวกนั้น  แม้จะชอบอ่านหนังสือแต่รันมารุก็ไม่ใช่คนเรียนเก่งอะไรนัก  เขาตั้งเป้าหมายไว้แต่แรกแล้วว่าถ้าจบมัธยมปลายก็จะทำงานเลย  แต่งานบรรณารักษ์ที่ฝันไว้จำเป็นต้องมีประสบการณ์หลายอย่างจึงยังไม่อาจทำได้ในตอนนี้  และเพราะอย่างนั้น  ทำให้ชีวิตของรันมารุค่อย ๆ แยกห่างออกจากวายะ

วายะที่อายุน้อยกว่ารันมารุสองปียังคงเรียนอยู่ในโรงเรียนมัธยมปลาย  แม้ว่าบ้านจะอยู่ในแมนชั่นเดียวกัน  แต่จังหวะการดำเนินชีวิตก็แตกต่างกันไปเสียแล้ว  แม้ตอนที่รันมารุได้เลื่อนชั้นไปเข้าโรงเรียนอื่นล่วงหน้าไปก่อน  อย่างน้อยทั้งสองก็ได้ไปกลับโรงเรียนพร้อมกัน  มีเวลาอยู่ด้วยกันเสมอ  แต่เมื่อรันมารุเข้าทำงานทุกอย่างก็เปลี่ยนไปจนหมดสิ้น  ซ้ำรันมารุยังไปได้เพื่อนร่วมงานใหม่ ๆ ซึ่งสามารถคบกับเขาได้อย่างสนิทใจโดยไม่สนใจว่าเขาจะคบอยู่กับเด็กเกเรอย่างวายะหรือเปล่า...โลกของคนทำงานแตกต่างกับโลกของนักเรียนโดยสิ้นเชิง

การทำงานล่วงเวลาและการไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานทำให้รันมารุกลับบ้านไม่เป็นเวลาเหมือนเคย  วายะเริ่มรู้สึกว่ารันมารุคล้ายกับแม่ของเขาเข้าไปทุกที  ซึ่งแม้จะอยู่ด้วยกันทุกวัน  เห็นหน้ากันทุกวัน...แต่บางสิ่งบางอย่างกลับค่อย ๆ เหินห่างไปทีละน้อย  เด็กหนุ่มนึกอยากจะลาออกจากโรงเรียนแล้วไปเข้ากับงานกับรันมารุเสียเดี๋ยวนั้น  แต่ก็รู้ดีว่าทำไม่ได้จึงได้แต่เก็บความอึดอัดนี้ไว้ในใจ  แค่รันมารุที่ทำงานกลับมาเหนื่อย ๆ ยังมีกะใจมาทักทายพูดคุยกับเขาทุกวันก็ดีเหลือเกินแล้ว

แต่...สิ่งที่บาดลึกลงในใจมากขึ้นทุกวันก็คือความรู้สึกว่า...รันมารุกำลังจะหลุดมือจากเขาไป  รันมารุไม่ใช่รันจังที่มีแค่เขาเพียงคนเดียวอีกแล้ว  รันมารุมีเพื่อนมากมายไม่ใช่เด็กที่ไม่มีใครกล้าคบหาด้วยอีกแล้ว  และ...รันมารุจะไม่มองแค่เขาเพียงคนเดียวอีกแล้ว

แม่...ไม่เคยเป็นของเขาเพียงคนเดียว  และตอนนี้...รันมารุก็กำลังจะกลายเป็นอย่างแม่

ความรู้สึกที่กัดกินหัวใจเขานี้เจ็บปวดจนแทบจะกลายเป็นซึมเศร้า  วายะอาละวาดน้อยลง  มีเรื่องกับคนอื่นน้อยลง  ในสายตาของผู้ใหญ่มันก็เป็นเรื่องดี  แต่ไม่มีใครรู้ว่าเพราะอะไรและไม่มีใครกล้าถาม  ที่ทุกคนแอบหวังไว้ลึก ๆ ในใจก็คือขอให้มันเป็นแบบนี้ตลอดไปซึ่งจะเป็นผลดีกับอนาคตของวายะมากกว่า

แต่ความรู้สึกบีบคั้นนั้น  เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ไม่อาจกดไว้ได้อีกต่อไป...มันก็จะระเบิดออก


“บ้าอะไรของแก!  เป็นบ้าอะไรของแก  หา!”  อันนะคว้าของใกล้มือกระหน่ำขว้างใส่ลูกชายหลังจากที่เจ้าเด็กแสบหาเรื่องคู่รักของเธอจนต้องหนีกลับ

“อะไรเล่า!  ไอ้คนนี้มันนิสัยเสียนี่หว่า  แม่ไม่รู้เหรอว่ามันเอาแม่ไปพูดเสีย ๆ หาย ๆ ยังไงบ้างน่ะ”  วายะเถียงพลางหลบสารพัดสิ่งที่คนเป็นแม่ขว้างมา

“รู้แล้วจะทำไม!?  มันเรื่องของแกเสียที่ไหน  หา!?  แกมายุ่งอะไรด้วย”  คราวนี้ปราดเข้าใส่พร้อมกับกะทะในมือ

“ก็ผมเป็นลูกแม่นี่  จะคบใครก็หัดดูคนหน่อยเซ่!  ไอ้หนุ่มฝรั่งเศสพรรค์นั้นมันใช้ได้ที่ไหนเล่า”

“แกไม่มีสิทธิ์มายุ่งเรื่องส่วนตัวของฉันนะ  ปิแอร์มันจะปากหมายังไงก็ช่าง  แค่มันปรนเปรอฉันได้ก็พอแล้ว!!”

วายะยกแขนขึ้นกันกะทะที่อันนะหวดลงมา...ปรนเปรอ?...การเอาผู้ชายมานอนที่บ้านคือปรนเปรอความสุขให้ตัวเองงั้นเหรอ  เขาไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนั้นสักนิด  ดูยังไงก็เห็นว่าผู้ชายพวกนั้นมาตักตวงความสุขจากแม่ของเขาเสียมากกว่า  แล้วที่พวกมันเอาไปพูดกันลับหลัง...บางทีก็ต่อหน้าเขา...เขาฟังไม่ออกหรอกแต่สัญชาตญาณผู้ชายมันฟ้องว่าไม่ได้พูดเรื่องดี ๆ แน่  คนที่ดี ๆ มันก็มี  แต่ไม่ใช่ไอ้ปิแอร์อะไรนี่แน่

หมดคำจะพูด  ลงแม่พูดแบบนี้แล้วแปลว่าเขาไม่มีทางชนะได้แน่  ต่อให้เถียงให้ตายก็เถอะ  แล้วยิ่งเห็นหน้าเขาอยู่ในบ้านแบบนี้  ผู้หญิงที่กำลังงุ่นง่านได้ที่คนนี้มีหวังได้พังบ้านแน่ ๆ...อย่ากระนั้นดีกว่า  หายหัวไปสักพักให้แม่ใจเย็นลงก่อนน่าจะดี

คิดแล้ววายะก็คว้าเสื้อกันหนาวแล้วรีบผลุนผลันออกจากบ้านไปตามมาด้วยเสียงด่าไล่หลังของแม่...ก่อนที่จะพบว่าตัวเองไม่มีที่ไป  คืนวันศุกร์แบบนี้  รันมารุคงจะโดนเพื่อนร่วมงานลากไปดื่มที่ไหนอีกเป็นแน่  ที่จริงจะขอแม่ของรันมารุเข้าไปรอในห้องก็ได้  แต่ทำไมไม่รู้...หมู่นี้เขารู้สึกตะขิดตะขวงใจที่จะเข้าหน้าใคร ๆ  อาจเพราะรู้แน่ชัดถึงความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อรันมารุแล้ว  และคิดจะให้มันยังคงเป็นความลับต่อไปอีกหน่อย

ไม่มีทางเลือก  วายะนั่งลงตรงม้านั่งหน้าแมนชั่น  แม้อากาศจะยังหนาวแต่อย่างน้อยตรงนี้ก็อับลม  แค่รอจนกว่ารันมารุจะกลับมาเท่านั้น  แล้วคืนนี้อาจจะขอไปค้างที่ห้องสักคืน  กว่าจะถึงพรุ่งนี้แม่ก็คงหายโกรธแล้วละ

แต่ยิ่งรอเท่าไรรันมารุก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาเสียที  เวลาผ่านไปเป็นชั่วโมง  วายะได้แต่นั่งตากลมหนาวอยู่ที่หน้าแมนชั่น  เขาพยายามจะไม่คิดอะไรมาก  รันจังก็แค่ไปดื่มกับเพื่อนที่ทำงานเท่านั้น  จะกลับดึกบ้างก็ไม่แปลกอะไรหรอก...แต่ถึงจะบอกกับตัวเองอย่างนั้น  ในหัวใจก็ยังไม่ยอมสงบลงเสียที

เกือบเที่ยงคืนแล้ว  ในที่สุดก็มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้  วายะรีบเงยหน้าขึ้นจากอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นแล้วจ้องมองไปบนถนนมืด ๆ ด้านหน้าแมนชั่น  ใต้แสงไฟมีร่างเงาคุ้นตาของรันมารุกับใครอีกคนที่ไม่รู้จัก  จนกระทั่งทั้งสองร่างนั้นเดินเข้ามาใกล้

โอมิยะ!?

วายะเบิกตากว้าง  ทำไมรันจังถึงได้กลับมากับโอมิยะล่ะ!?  โอมิยะไม่ใช่เพื่อนร่วมงานเสียหน่อยนี่  นี่มันเรื่องอะไรกัน

“ชุนจัง?”  รันมารุเอ่ยขึ้นเมื่อสังเกตเห็นเขา  “ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้?”

วายะไม่ตอบเพียงแต่จ้องโอมิยะเขม็ง  และโอมิยะเองก็รู้ตัว  เขาอยู่ผิดที่ผิดทางเสียแล้ว

“ฉันแค่เจอเขาที่สถานีน่ะ  ก็เลยเดินมาด้วยกัน”  ผู้เป็นอาจารย์ตอบเรียบ ๆ ด้วยรอยยิ้มเรื่อยเปื่อยแบบที่ได้เห็นบ่อย ๆ ที่โรงเรียน

มันจะเป็นคำแก้ตัวหรือความจริงก็ช่าง  แต่วายะไม่พร้อมจะรับฟังในตอนนี้

“ชุนจัง...ทะเลาะกับคุณน้าเหรอ?”  รันมารุพยายามเปลี่ยนเรื่องเพื่อให้วายะเลิกมองโอมิยะแบบนั้นเสียที

“เปล่า”  คำตอบสั้นห้วนด้วยน้ำเสียงกระชาก ๆ นั้นรันมารุแทบจะไม่เคยได้ยิน

“แล้ว...ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้?  มารอฉันเหรอ?”  คิดได้แบบนั้นแล้วก็มีความรู้สึกผิดผ่านวาบขึ้นมาบนสีหน้า  “ขอโทษนะ  ฉันไปดื่มกับรุ่นพี่ที่ทำงานมาน่ะ  ก็เลย...กลับดึกไปหน่อย”

“นั่นสิ  ฉันก็โดนอาจารย์คุริตะดึงตัวไว้เสียดึกเลย  งั้นฉันกลับก่อนดีกว่านะ”

“อ๊ะ  ขอบคุณครับอาจารย์  ที่อุตส่าห์เดินมาเป็นเพื่อน”

“บ้านฉันก็อยู่ทางนี้แหละ  แค่ทางผ่านน่า”

อย่า...อย่ามาพูดแบบนั้นให้ได้ยินนะ!  อย่ามาทำตัวสนิทสนมกับรันจังนะ!  รันจังก็ด้วย...อย่ายิ้มให้มันแบบนั้นนะ  อย่า!!

วายะแทบจะทนฟังเสียงที่ตะโกนก้องอยู่ในหัวใจของตัวเองไม่ได้

“เข้าบ้านกันเถอะ  ชุนจัง...แก้มช้ำนี่  ทะเลาะกับคุณน้ามาจริง ๆ สินะ”  รันมารุเอื้อมมือมาแตะเบา ๆ ตรงรอยช้ำที่โหนกแก้มซึ่งวายะเองก็ไม่รู้ว่าโดนอะไรเข้าตอนไหน

ไม่ต้องมาแตะต้องฉัน  ไม่ต้องมาทำเป็นโอ๋...ฉันไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะ!  ในเมื่อทิ้งฉันไว้ตรงนี้เป็นชั่วโมง ๆ ได้  ก็ไม่ต้องมาทำเป็นเอาใจเอาตอนนี้หรอก!

เสียงในหัวใจนั้น  ไม่มีใครได้ยิน

“ขอบคุณนะครับ  อาจารย์  งั้นลานะครับ”

“อื้ม  ราตรีสวัสดิ์”

อย่ายิ้มให้มันนะ!!...อะไรบางอย่างในสมองของวายะขาดผึง  เขากระชากตัวออกจากรันมารุแล้วเดินออกไปที่ถนนอย่างรวดเร็ว

“ชุนจัง!?”

โกรธ...เขากำลังโกรธมาก  ในใจมันเต้นระรัวไปด้วยความรู้สึกชิงชังบางอย่างที่ไม่เคยรู้จัก  เขาโกรธโอมิยะ  โกรธปิแอร์  โกรธแม่  โกรธเพื่อนร่วมงานของรันจัง...แล้วก็โกรธรันจังด้วย!  คนพวกนั้นกล้าดียังไงมาแตะต้องของสำคัญของเขา  แล้วแม่กับรันจังล่ะ...ทำไมถึงเอาตัวเองไปให้พวกมันแตะต้อง!?

ไม่เข้าใจ...วายะไม่เข้าใจตัวเองเลย  เขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังโกรธใครหรือโกรธอะไรกันแน่  ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าความรู้สึกพลุ่งพล่านนี้มันเป็นความโกรธหรือเปล่า  แต่ถ้าไม่ใช่ความโกรธแล้ว...มันจะเป็นอะไรกันล่ะ  ความเร่าร้อนรุนแรงที่เดือดพล่านอยู่ในอกจนแทบจะระเบิดนี้มันคืออะไรกัน  เขาไม่เข้าใจเลยสักนิด

ไม่ไหวแล้ว...เขาต้องการที่สงบ ๆ ให้ได้คิด  เขาต้องรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันคืออะไร


รู้สึกตัวอีกที  วายะก็พบตัวเองอยู่ที่โกดังท่าเรือพร้อมกับเบียร์สองแพ็ค  เวลาที่แม่เหนื่อยหนัก ๆ แม่ก็จะดื่มเบียร์บ้าง  และเขากับรันมารุเองก็เคยแอบดื่มกันมาบ้างแล้วเหมือนกัน...มันไม่อร่อยนักหรอก  แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลง  และตอนนี้เขาก็หวังว่ามันจะช่วยได้

เบียร์หมดไปหลายกระป๋องแล้ว  คลื่นอารมณ์ในหัวใจของวายะยังไม่สงบลง  ซ้ำยังโหมแรงมากขึ้น  ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์นอกจากจะไม่ทำให้ปลอดโปร่งแล้วยังกดไม่ให้สมองของเขาคิดอะไรได้ราบรื่นอีกด้วย  มันงุนงงจนแทบจะหงุดหงิด  สุดท้ายก็ได้แต่ดื่มเบียร์เข้าไปกระป๋องแล้วกระป๋องเล่า

ความรุมร้อนในใจไม่ยอมบรรเทาลง  วายะได้แต่คิดวนเวียนไปมา...ยิ่งคิดก็ยิ่งมีแต่เรื่องไม่ดี...แม่  ไม่เคยเป็นของเขาเลย  แม่เป็นของผู้ชายคนนั้นคนนี้เสมอมา...ส่วนรันจังที่อยู่เคียงข้างเขามาตลอดนั้น  จะเป็นของเขาตลอดไปจริง ๆ น่ะหรือ  เขาเคยแน่ใจ...แต่ตอนนี้เขาไม่แน่ใจอีกต่อไปแล้ว  หลายเดือนที่ผ่านมานับตั้งแต่รันจังเข้าทำงาน  ความเชื่อมั่นที่ว่ารันจังจะเป็นของเขาไปตลอดกาลก็ค่อย ๆ ลดน้อยลงทุกที...และยิ่งในวันนี้  ไม่รู้ทำไม  เขาถึงได้ไม่มีความมั่นใจหลงเหลืออยู่เลย

รันจังกำลังจะหลุดมือเขาไป...เขาไม่ยอม!!


“ชุนจัง?”

เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นที่ประตูโกดัง  หากวายะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองแม้เมื่อเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาและหยุดลงตรงหน้า

“นึกแล้วเชียวว่าจะต้องมาอยู่ที่นี่”  น้ำเสียงนั้นกลั้วมากับเสียงหัวเราะกึ่งเอ็นดูปนระอาใจ  “แต่เดินหาแทบแย่แน่ะว่าอยู่โกดังไหนกันแน่”

วายะไม่ตอบ  เขาไม่อยากเห็นหน้ารันมารุตอนนี้  แต่ความปรารถนานั้นไม่เป็นจริงเมื่อรันมารุนั่งลงตรงหน้า

“ชุนจัง...เป็นอะไรไปเหรอ  ทะเลาะกับคุณน้าอีกแล้วใช่มั้ย?”  มืออุ่นเอื้อมมาแตะลงที่เรือนผม  “ทะเลาะกันเรื่องอะไรเหรอ?”

กลิ่นอายที่คุ้นเคยโชยมาปะทะจมูก...ได้โปรดเถอะ  กลับไปซะ  เขาไม่ต้องการคนคนนี้ในตอนนี้...

เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่นั่งกอดเข่าก้มหน้านิ่ง  รันมารุก็ลอบถอนใจ  วายะไม่เคยดื้อกับเขาขนาดนี้มาก่อน  แล้วตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่เขาเข้าใจวายะน้อยลงทุกที  วายะพูดกับเขาน้อยลง  แม้จะอยู่กับเขาเหมือนเงาตามตัวอย่างเคยแต่วายะกลับไม่เคยบอกสิ่งที่คิดอยู่เหมือนเมื่อก่อน  ทั้งที่ทำหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่แต่กลับไม่เคยบอกให้เขารู้เลย

รันมารุกวาดตามองไปรอบ ๆ...กระป๋องเบียร์เกลื่อนกลาด  ทั้งที่วายะยังไม่บรรลุนิติภาวะแต่ด้วยความที่สูงใหญ่กว่าคนรุ่นเดียวกันจึงไม่เคยมีใครสงสัยและยอมขายเหล้าเบียร์ให้เสมอ  แต่เบียร์เยอะขนาดนี้นี่มัน...กลุ้มใจเรื่องอะไรงั้นเหรอ  ทำไมถึงไม่บอกเขาล่ะ...

“ชุนจัง...กลับบ้านกันเถอะ  นะ”  ถ้าเป็นที่บ้านคงจะคุยอะไร ๆ กันได้มากกว่านี้

หากวายะยังคงเงียบ

“นี่...กลับกันเถอะ  หนาวออก”  รันมารุดึงมือวายะเบา ๆ

“มันหนาวจนเลิกหนาวนานแล้ว”  วายะกระตุกมือออกจากการเกาะกุมอย่างแรง

“ชุนจัง?”

“เพิ่งมาคิดได้ตอนนี้หรือไง  ฉันนั่งรอรันจังนานแค่ไหนรู้มั้ย  มันหนาวซะจนเบื่อจะหนาวแล้ว!”  วายะตวาดทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่อย่างนั้น

“ชุนจัง!?”  รันมารุทั้งตกใจทั้งงุนงง  “นี่ชุนจังโกรธอะไรน่ะ?”

“โกรธอะไร?”  เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นในที่สุด  “แค่นี้ไม่รู้หรือไง!?  ฉันนั่งรอรันจังอยู่ตรงนั้นเป็นชั่วโมง ๆ  แล้วรันจังไปกับมัน!  ไหนเคยบอกว่าเป็นไปไม่ได้ไง  ไหนบอกว่าไม่ชอบมัน  แล้วเดินกลับมากับมันแบบนั้น  ไปยิ้มให้มันแบบนั้น!  นั่นหมายความว่ายังไง!?”

รันมารุเบิกตากว้าง  “ฉันแค่เจอกับอาจารย์โอมิยะระหว่างทางเท่านั้นเอง  วันนี้ฉันทำโอทีแล้วก็ไปดื่มกับเพื่อน ๆ นิดหน่อยแล้วก็กลับมา...นี่ชุนจังคิดอะไรอยู่น่ะ  ไม่เข้าใจเลย”

“รันจังไม่เคยสนใจฉันก็ต้องไม่เข้าใจแหงอยู่แล้ว!  แต่ฉันเข้าใจ!!  สนุกใช่มั้ย  ไปกับคนนั้นทีคนนี้ทีน่ะ  สนุกมาก!  เหมือนแม่ไม่มีผิด...ขอแค่เป็นผู้ชายจะเป็นใครก็ได้!!”

“ชุนจัง!!”  รันมารุร้องออกมาด้วยความตกใจ  “บ้าอะไรเนี่ย!  ฉันไม่เคยคิดอะไรกับอาจารย์โอมิยะนะ  ไม่เคยคิดอะไรกับใครเลยด้วย!”

“รันจังไม่คิด  แต่มันคิด!”

“จะบ้าหรือไง!  อาจารย์เขาไม่คิดอะไรกับฉันหรอก  ก็แค่ครูกับนักเรียนเท่านั้นแหละ  ชุนจังคิดมากเกินไปแล้ว!”

วายะกัดฟันกรอด...จะบอกว่าเขาคิดไปเองงั้นหรือ  ก็ในเมื่อสายตาของไอ้หมอนั่นมันฟ้องอยู่เห็น ๆ  มันสนใจรันจัง  มันอยากได้รันจัง  ทำไมเขาจะไม่รู้...แล้วรันจังพูดอะไร  จะเข้าข้างมันหรือไง!

มือแกร่งคว้าข้อมือของรันมารุแล้วกระชากเข้าหาตัวอย่างแรงจนรันมารุล้มลงกับพื้น

“โอ๊ย!  ชุนจัง  ทำอะไร...”

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: All I want 21 (หน้า20) 27/04/55
«ตอบ #595 เมื่อ05-05-2012 21:34:16 »

ถามยังไม่ทันจบประโยคก็ถูกคร่อมทับ  มือที่จับมือของชายหนุ่มไว้บีบแน่นราวกับจะบีบให้กระดูกแหลกคามือ  รันมารุนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด  แต่นั้นยังน้อยกว่าความตกใจที่เกิดขึ้น  แววตาของวายะที่มองมาเป็นประกายกล้า  ดุดันและน่ากลัว

“...เข้าข้างมันเหรอ?”  น้ำเสียงแหบต่ำลอดริมฝีปากออกมาไม่ดังไปกว่าเสียงกระซิบ  ก่อนจะเปลี่ยนเป็นตะคอกลั่น  “รันจังเข้าข้างมันงั้นเหรอ!!?”

รันมารุเผลอสะดุ้งหลับตาแน่น  หวาดหวั่นกับความเกรี้ยวกราดที่อยู่ตรงหน้า  ลมหายใจที่คลุ้งไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์บอกชัดว่าอีกฝ่ายกำลังเมามายได้ที่

“ชุนจัง  ใจเย็น ๆ...”  รันมารุพยายามปลอบ  หากเสียงนั้นไม่เข้าหูวายะเสียแล้ว

“ฉัน...จะทำให้นายพูดแบบนั้น...ไม่ได้อีก...”

เพียงขาดคำ  ริมฝีปากอุ่นร้อนก็ฉกลงมาประกบแนบกับเรียวปากอิ่มและพยายามจะรุกล้ำเข้าไปภายใน  รันมารุสะดุ้ง  ยกมือข้างที่ยังเป็นอิสระอยู่ขึ้นผลักไสร่างสูงเต็มแรง  แต่ด้วยขนาดตัวที่ต่างกันไม่น้อยทำให้เรี่ยวแรงของเขาไม่มีผลอะไรกับวายะเลย  มือแกร่งบีบคางของเขาบังคับให้ต้องเผยอปากรับจูบอันดุดันและจาบจ้วงเข้าไป...ไม่ใช่...นี่มันอะไรกัน  ชุนจังของเขาไม่เคยทำแบบนี้!!...

“อึ่ก...ฮึ...ชุนจัง...หยุด...”  รันมารุพยายามเบี่ยงใบหน้าหลบจูบนั้นและละล่ำละลักบอก

แต่ไม่มีอะไรหยุดได้อีกแล้ว  เปลวเพลิงร้อนแรงที่คุโชนขึ้นในร่างแผดผลาญรุนแรงเสียจนหัวใจตัวเองก็แทบจะมอดไหม้ไปด้วย  มันจะเป็นความโกรธแค้นหรือความปรารถนาอะไรวายะก็ไม่รู้  เขารู้แค่เพียงว่าเพื่อไม่ให้รันจังของเขาไปเป็นของคนอื่น...เขาต้องทำให้รันจังเป็นของเขาคนเดียว  เดี๋ยวนี้!

มือใหญ่กระชากกระดุมเสื้อแจ็กเก็ตตัวหนาของรันมารุให้หลุดออกแล้วดึงเสื้อยืดตัวในเปิดขึ้น  ก่อนจะสอดมือเข้าไปสัมผัสผิวกายโดยตรง  รันมารุผวาขึ้นทั้งร่าง...ชุนจังคิดจะทำอะไร!!?

“หยุด!  หยุดนะ!  ชุนจัง!!”  ชายหนุ่มพยายามดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อหยุดยั้งการกระทำนั้น

ทำไมจะต้องไม่ยอมด้วย...รันจังไม่อยากเป็นของเขางั้นเหรอ  รันจังรังเกียจเขางั้นเหรอ...หรือว่า...เพราะมัน...

วายะปล่อยมือข้างที่กดมือของรันมารุออกแล้วตบเข้าที่แก้มของอีกฝ่ายเต็มแรงจนใบหน้าสะบัดหันไปตามแรงตบนั้น

รันมารุชะงักนิ่งไป  แสบร้อนขึ้นที่ใบหน้า...เมื่อกี้นี้มันอะไรกัน...ชุนจังตบเขางั้นหรือ...

เมื่อเห็นรันมารุนิ่งไป  วายะก็เริ่มรุกรานต่ออย่างย่ามใจ  แต่แล้วก็ต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อกำปั้นลุ่น ๆ ซัดเข้าที่กกหู

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!  นี่มันบ้าอะไร!  เป็นบ้าอะไรของนาย!!”  รันมารุตะโกนใส่หน้าวายะ  พร้อมกับระดมทุบตีไม่ยั้ง

แรก ๆ วายะก็พยายามปัดป้อง  แต่เมื่อเจ็บตัวมากขึ้น  ก็เหมือนเส้นอะไรบางอย่างในสมองขาดออก...เขาต้อง  “ได้”  รันจังเดี๋ยวนี้...และเขาจะไม่ยอมให้ใครขวาง  แม้แต่ตัวรันจังเองก็ตาม!

มือแกร่งกำแน่นแล้วหวดเข้าที่ใบหน้าของรันมารุอีกครั้ง  ก่อนจะกระหน่ำกำปั้นเข้าใส่อย่างไม่สนใจว่าจะโดนตรงไหนบ้าง  ในหูได้ยินเสียงร้อง  แต่เขาหยุดตัวเองไม่ได้อีกแล้ว  ความรู้สึกบางอย่างในหัวใจผลักดันให้เขาทำแบบนั้น...จนกว่าจะพอใจ  จนกว่าอีกฝ่ายจะขัดขืนเขาไม่ได้...

 ความเจ็บปวดเช่นนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต  ที่ผ่านมาวายะเป็นคนปกป้องเขามาตลอด  แล้วในตอนนี้...มือที่เคยปกป้องนั้นกลับกลายเป็นมือที่ทำร้ายเขาเสียเอง...รันมารุยกสองแขนขึ้นป้องกันร่างกายและใบหน้า  แต่มือแข็ง ๆ นั้นยังไม่หยุด  แขนทั้งสองข้างเจ็บร้าวเหมือนจะแตกหัก  แต่ก็รู้ดีว่าหากลดมือลงตนจะต้องบอบช้ำกว่านั้นแน่

นี่มันเรื่องอะไรกันแน่...นี่มันฝันร้ายใช่มั้ย...ก็เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนเขายังนั่งดื่มกับเพื่อนร่วมงานอยู่เลย  ยังได้พูดคุยหัวเราะกับคนอื่น ๆ อยู่เลย  แล้วก็รีบขอตัวกลับก่อนเพราะกลัวว่าวายะจะรอเขาอยู่...แล้วนี่มันอะไรกัน  ทำไมเรื่องมันถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้...

เจ็บ...เจ็บเสียจนหลั่งออกมาเป็นน้ำตา  หากที่เจ็บปวดมากกว่านั้นคือหัวใจ...หัวใจที่ไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น  ไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่อยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิตถึงได้ทำกับตนแบบนี้  ไม่เข้าใจว่าตนทำอะไรผิด...

ในที่สุดสองแขนก็ไม่อาจฝืนทนต่อความเจ็บปวดได้อีกต่อไป  ทันทีที่ปล่อยแขนร่วงลงกับพื้น  มือแข็ง ๆ นั้นก็ชกเข้าที่ใบหน้าเป็นครั้งสุดท้าย  แล้วทุกอย่างก็หยุดลง

รันมารุนอนสะอื้นอยู่กับพื้นซีเมนต์เย็นเยียบของโกดัง  เหนือร่างมีวายะคุกเข่าคร่อมอยู่  เจ็บร้าวจนไม่อาจขยับตัว  ซ้ำยังหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยกลัวใครมาก่อนในชีวิต

วายะเห็น...รันจังกำลังร้องไห้...แต่เขาหยุดไม่ได้อีกแล้ว  มือใหญ่เปิดเสื้อยืดเนื้อหนาของชายหนุ่มขึ้นแล้วก้มลงไปครอบครองยอดอกสีเข้มด้วยปากและลิ้น  สองมือก็ลูบไล้ไปตามผิวเนียนลื่นมือ

“ไม่!...ชุนจัง...หยุด...”  มือสั่นระริกพยายามขยุ้มดึงเรือนผมสีทอง  แต่สิ่งที่ได้รับตอบกลับมาคือฟันคมที่ขบกัดลงบนผิวเต็มแรงจนต้องหวีดร้องออกมา

หวาน...รันจังของเขาหวานไปทั้งตัว  แล้วเลือดล่ะ...จะหวานแบบนี้ไหม...

ทั้งที่ยังหยอกล้อกับยอดอกอยู่  วายะก็กัดย้ำลงอย่างแรง  เสียงกรีดร้องดังขึ้น  แต่แทนที่จะหยุด  เสียงนั้นกลับปลุกความพลุ่งพล่านในกายให้โหมกระพือขึ้นอีก  กระทั่งได้รสเลือดจากผิวกายขาวนั้น  เด็กหนุ่มไล้เลียมันอย่างเคลิบเคลิ้ม...เลือดของผู้เป็นที่รักที่สุด  เขาอยากจะกลืนกินรันจังเข้าไปทั้งตัวเหลือเกิน...ต้องทำยังไงถึงจะได้รันจังมา...ต้องกินเข้าไป  ต้องทำให้เป็นหนึ่งเดียวกัน...

ทั้งมือและปากเคลื่อนลงต่ำจนถึงขอบกางเกงยีนส์  วายะแกะเข็มขัดและปลดกระดุมกางเกงของรันมารุออกอย่างร้อนรน

“ไม่!!  ไม่เอานะ!  ชุนจัง!!  อย่า...ชุนจังสัญญาแล้วนะ!  อย่านะ!!”  รันมารุร้องและพยายามกระถดหนี

วายะไม่ฟังเสียง  เขาคว้าเอวบางกระชากกลับเข้าหาตัวแล้วตบรันมารุอย่างแรงอีกครั้ง  ก่อนจะดึงขอบกางเกงของรันมารุลงพร้อม ๆ กับชั้นใน  ร่างที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ากระตุ้นความกระหายอยากราวกับมีอาหารรสโอชามาวางไว้ให้  เด็กหนุ่มรีบฉกริมฝีปากลงไปลิ้มรสมันอย่างตะกรุมตะกราม  เรียวลิ้นร้อนตวัดไล้เลียอย่างหิวกระหาย  เคลิบเคลิ้มไปกับกลิ่นอายที่เคยเฝ้าปรารถนามาตลอด  สูบกินดูดกลืนเหมือนคนที่เดินฝ่าทะเลทรายมาพบแหล่งน้ำ...อยากจะกลืนกินให้หมดจนทุกหยาดหยด

แม้จิตใจจะไม่ต้องการ  แต่ร่างกายกลับตอบสนองสัมผัสนั้นตามสัญชาตญาณ  รันมารุบิดกายเร่ากับโพรงปากร้อนชื้นที่ครอบครองร่างไวสัมผัสของเขาไว้  เรียวลิ้นที่ลูบไล้สร้างความเสียวซ่านอย่างที่การใช้มือกับตัวเองไม่อาจเทียบได้แม้แต่น้อย  แต่มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้...ในสถานการณ์แบบนี้...ความรู้สึกต่อต้านและความเจ็บปวดทางกายทำให้รันมารุไม่อาจปล่อยใจไปกับการกระทำของวายะได้  เกิดเป็นความขัดแย้งรุนแรงจนต้องเปล่งออกมาเป็นเสียงหวีดร้อง

หากเสียงนั้นกลับกระตุ้นปีศาจร้ายในหัวใจของเด็กหนุ่มให้ระเริงร่า  หยาดน้ำหวานที่หลั่งรินออกมายิ่งทำให้อยากลิ้มรสน้ำแท้ของร่างนั้น  และหลังจากสูบกลืนหนัก ๆ ไม่กี่ครั้ง  วายะก็ได้สมใจอยาก  เมื่อรันมารุไม่อาจทานทนกับความกระสันเสียวได้อีกต่อไป  และปลดปล่อยความรู้สึกทั้งมวลออกมาเต็มที่

วายะกลืนกินหยาดน้ำนั้นเข้าไปจนหมดทุกหยาดหยดด้วยความรู้สึกอิ่มเอม  รสชาติของรันจัง...ความรู้สึกทั้งมวลของรันจัง...ในที่สุดก็ได้ลิ้มรสแล้ว

แต่ยังหรอก...ยังไม่ใช่แค่นี้  เขายังต้องการมากกว่านี้

กางเกงยีนส์ที่แก้ออกเมื่อครู่ยังติดอยู่ที่สะโพก  วายะคว้าขอบเอวกางเกงแล้วกระชากต่ำลงไปอีก  หากเนื้อผ้าแข็งหนาทำให้ไม่สามารถดึงลงได้ดังใจ  และรันมารุที่ได้สติแล้วก็เริ่มขัดขืนอีกครั้ง

“ไม่!  ไม่เอานะ!!  ไม่ได้นะ...ชุนจัง!  อย่า!!”  สองขาเตะถีบเป็นพัลวัน

ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์และความปรารถนาที่เข้าครอบงำทำให้หน้ามืดตามัว  วายะตบหน้ารันมารุเต็มแรงอีกครั้งแล้วดึงร่างที่พยายามกระถดหนีกลับมาหาตัว  สองมือพยายามดึงกางเกงยีนส์เนื้อหนาลงอีก  หากเมื่อมันลงไปติดที่หัวเข่าเด็กหนุ่มก็หมดความอดทน  เขาปลดเข็มขัดและกระดุมกางเกงของตัวเองก่อนจะดึงเอาแก่นกายแข็งขึงที่อัดแน่นไปด้วยความต้องการออกมา  มุดหัวเข้าไปที่หว่างขาและจับสองเข่าของรันมารุพาดบ่า  ก่อนจะจรดร่างของตนเข้ากับช่องทางเร้นลับ

เมื่อท่อนเนื้อร้อนจัดแนบลงกับจุดอ่อนไหว  รันมารุก็ผวาขึ้นทั้งร่าง

“ไม่เอา!!  ชุนจัง!  ไม่ได้นะ!  อย่านะ!!  เราสัญญากันแล้ว...เราสัญญากันแล้วนะ!!  ไม่!!”

แม้จะดิ้นรนเต็มกำลังแต่ด้วยท่วงท่านั้นทำให้ไม่อาจหนีพ้นได้  ได้แต่จิกข่วนแขนที่ยึดสะโพกของตนไว้ซึ่งแทบจะไม่ได้มีผลอะไรกับวายะเลย  ร่างนั้นพยายามดุนดันเข้ามา  ขยี้กลีบดอกที่หุบแน่นบังคับให้คลี่บานออก  หากช่องทางที่ไม่เคยมีสิ่งใดล่วงล้ำมาก่อนแห้งผากและปิดแน่นจนไม่อาจแทรกกายเข้าไปได้และนำมาซึ่งความเจ็บปวดทั้งสองฝ่าย

“ไม่!!!!  เจ็บ!!  ไม่เอา!  ชุนจัง!  ไม่เอา!!”  รันมารุร้องออกมาสุดเสียงกับความเจ็บปวดที่เกินจะทนได้

วายะกัดฟันกรอด  เขาเองก็เจ็บไม่น้อยไปกว่ากัน  แต่ความต้องการมันพลุ่งพล่านเสียจนเกินจะระงับ  ปรารถนาเพียงแค่ขอให้ได้เข้าไปในร่างนั้นเท่านั้น...แล้วต้องทำอย่างไร...

ภาพความทรงจำฉากรักของแม่กับคู่ควงแวบเข้ามาในหัว  วายะส่งเรียวนิ้วใส่ปากแล้วไล้เลียจนชุ่ม  ก่อนจะใช้นิ้วนั้นถูไถช่องทางของรันมารุ  นวดคลึงและชโลมด้วยน้ำลายซ้ำแล้วซ้ำอีกจนมันเปียกชุ่ม  ไม่สนใจกับเสียงร้องห้าม  กระทั่งปลายนิ้วผลุบเข้าไปในกลีบเนื้อที่ค่อยคลายตัวออก  รันมารุกระตุกเกร็งและบิดกายเร่ากับสัมผัสแปลกประหลาดที่ล่วงล้ำเข้ามาในร่าง

ทั้งภายนอกและภายใน...วายะใช้นิ้วขยับขยายจนคิดว่าส่วนนั้นชุ่มชื้นดีแล้วจึงได้ถอนนิ้วออกแล้วจรดร่างของตนแนบลงอีกครั้ง  ค่อย ๆ ขยับสะโพกดุนดันเข้าไปช้า ๆ

“อ๊า!!!!”

ร่างกายถูกฝืนให้แยกเปิดออก  แม้จะมีของเหลวจำนวนมากช่วยหล่อลื่นแล้ว  แต่มันก็ยังไม่เพียงพอสำหรับช่องทางบริสุทธิ์ที่ไม่เคยผ่านมือใครมาก่อน  หากฝ่ายที่รุกรานเข้ามาไม่สนใจอะไรอีกแล้ว  แก่นกายใหญ่โตอย่างคนมีเชื้อสายผสมค่อย ๆ คืบรุกเข้ามาในร่างขยี้กลีบดอกบอบบางให้แย้มบานและชอกช้ำ  เกิดเป็นความเจ็บปวดแสนสาหัสแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน

“ไม่!!  หยุด...หยุดที!!  เจ็บ!!  ชุนจัง...ชุนจัง!!!!”

น้ำตาไหลอาบหน้า  สองขาที่ยังถูกตรึงไว้ด้วยกางเกงยีนส์ที่ถูกถอดค้างคาไว้ทำให้ไม่อาจอ้าออกเพื่อผ่อนคลายความเครียดขึงให้กับตัวเองได้  ส่วนที่ถูกรุกรานแสบร้อนจนรู้สึกได้ว่าเกิดบาดแผล  นึกชิงชังตัวเองที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้  ได้แต่ส่งเสียงร้องเหมือนจะขาดใจอยู่อย่างนี้เท่านั้น

คับ...แน่นเหลือเกิน...วายะบอกกับตัวเอง  ในวินาทีที่ได้ล่วงล้ำเข้าไปในร่างของรันมารุ  ความยินดีก็เอ่อล้นออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ  อีกนิดเดียวเท่านั้น...พวกเขาก็จะได้เป็นหนึ่งเดียวกัน  หากช่องทางนั้นช่างบีบรัดแน่นหนาราวกับจะไม่ยอมให้เขาได้เข้าไปมากกว่านั้น...มันน่ารำคาญ...เขากำลังจะสอนให้รันจังรู้ถึงความรู้สึกดี ๆ ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนในชีวิต  ก็ขนาดพี่สาวข้างบ้านคนนั้นยังติดใจให้เขาทำให้บ่อย ๆ เลยนี่นา...แล้วจะมาต่อต้านอะไรตอนนี้

วายะตัดสินใจกระทั้นกายเข้าไปจนจมมิดในครั้งเดียว  เสียงของรันมารุหวีดก้องไปในความมืด  ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้นฮัก

ไม่ไหวแล้ว...ทุกจังหวะชีพจรของรันมารุมันสื่อมาถึงเขาผ่านทางส่วนที่ผนึกประสานกันอยู่นั้น  ดีเหลือเกิน...รู้สึกดียิ่งกว่าตอนทำกับพี่สาวคนนั้นเสียอีก  หัวใจของเขากับรันจังเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน...เป็นหนึ่งเดียวกัน...ทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว  เขาต้องการทั้งหมดของรันจังเดี๋ยวนี้

สะโพกหนาขยับโยกกายแรงและเร็ว  เป็นไปตามแรงผลักดันของวัยหนุ่มที่คุกรุ่นเหมือนภูเขาไฟ  ทั้งเร่าร้อน  ดุดัน  และไม่ยอมผ่อนปรนให้  รันมารุได้แต่กรีดเสียงไปกับความเจ็บปวดทรมานที่ถาโถมเข้ามาไม่ขาดสาย  ทรมานทั้งกายและใจ...ไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่อยู่เคียงข้างกันมาตลอดชีวิตถึงทำกับเขาแบบนี้...เขารักชุนจัง  ไม่รู้หรอกว่าเมื่อไรที่ความรู้สึกเอ็นดูเหมือนน้องชายได้เปลี่ยนไปเป็นความรู้สึกพิเศษที่ใครคนหนึ่งจะรักใครสักคนได้  แต่เมื่อรู้สึกตัว...เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธความรู้สึกนั้น  และมันยิ่งพิเศษมากขึ้นเมื่อความรู้สึกของเขาทั้งสองคนตรงกัน  ความรู้สึกนั้นทำให้เขาอยู่เคียงข้างชุนจังมาตลอด  และบอกกับตัวเองว่าขอแค่มีชุนจังอยู่ด้วยก็ไม่จำเป็นต้องมีใครอีกแล้ว  พวกเขาจึงมีกันและกันเพียงแค่สองคนเรื่อยมา  เพราะอย่างนั้น  เขาถึงจำได้ดีถึงความปวดร้าวในตอนที่ชุนจังบอกว่าจะออกจากเมืองนี้ไป  และจำได้ถึงความยินดีเมื่อชุนจังบอกว่าจะยอมอยู่ทุกที่ที่เขาอยู่  เพราะเพียงแค่นั้นชีวิตเขาก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว...แล้วทำไม...ชุนจังที่เขารักมาทั้งชีวิตถึงได้ทำกับเขาแบบนี้

ส่วนที่สอดร่างรุกล้ำอยู่ในร่างของรันมารุร้อนวาบและเครียดเกร็ง  ปลายทางแห่งความหฤหรรษ์กำลังจะมาถึง...วายะรู้ดี  มันคงจะเป็นความรู้สึกที่อิ่มเอมมากกว่าที่เคยสัมผัสมาเป็นแน่...แต่...รันจังที่ได้เรียนรู้ถึงความรู้สึกเช่นนั้นแล้ว  จะไปหาความสุขกับคนอื่นเหมือนพี่สาวคนนั้น...เหมือนแม่ของเขาหรือเปล่า

ไม่!  เขาไม่ยอม...เขาจะไม่ยอมปล่อยให้ของของเขาไปเป็นของใครอีกเด็ดขาด  รันจังจะต้องเป็นของเขาตลอดไป  ไม่ไปเป็นของใครเหมือนแม่!

เร็วเท่าความคิด  จิตใต้สำนึกสั่งให้มือแกร่งคว้าเข้าที่ลำคอของร่างบางและเกร็งบีบแน่นจนรันมารุสำลัก  นิ้วแข็ง ๆ กำรวบและออกแรงบีบเค้นราวกับจะขยี้ให้ลำคอนั้นแหลกรานคามือ  รันมารุผวาเยือก  สองมือจับคว้ามือของวายะไว้และพยายามง้างออก  แต่ด้วยร่างกายที่บอบช้ำจนไร้เรี่ยวแรงไม่ทำให้การต่อต้านนั้นเกิดผลอันใดเลย

...เขากำลังจะถูกฆ่า...ด้วยคนที่เขารักที่สุดในชีวิต!!

ยิ่งดิ้นรนมากเท่าไร  มือนั้นก็ยิ่งออกแรงบีบเค้นมากขึ้นเท่านั้น  ภาพตรงหน้าพร่าเลือน  ลมหายใจกระตุกขาดห้วง...เหมือนปฏิกิริยาสุดท้ายของคนใกล้จะตาย  รันมารุกระตุกเกร็งไปทั้งร่าง  ส่วนที่โอบรัดร่างของวายะไว้ก็ตอดรัดแน่นจนเด็กหนุ่มไม่อาจทานทนได้อีกต่อไป

วายะปลดปล่อยความรู้สึกทั้งมวลสู่ร่างของรันมารุ  ร่างกายของเขาผ่อนคลายลงอย่างรวดเร็วหลังจากถึงจุดสุดยอด  สองมือละออกจากลำคอที่กำรวบไว้...รันมารุรอดชีวิตมาได้ในชั่วเสี้ยววินาที

ช่วงเวลาวิกฤติที่สุดผ่านพ้นไป...หากมันยังไม่พอ  เด็กหนุ่มตอกย้ำความเป็นเจ้าของครั้งแล้วครั้งเล่าลงบนร่างนั้น

ท่ามกลางความเจ็บปวดแสนสาหัสนั้น  รันมารุนึกอยากให้ตัวเองขาดใจตายไปเสีย...เพื่อที่จะได้ไม่ต้องรับรู้ถึงความเสียใจและความเคียดแค้นที่ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาจากส่วนลึกของหัวใจ...ก่อนที่ความเสียใจที่ถูกหักหลังจะกลายเป็นความเคียดแค้น  ให้เขาตายไปเสียเถอะ...

ก่อนที่เขาจะต้องเกลียดคนตรงหน้ามากไปกว่านี้!

...

เสียงลมหายใจสะท้อนเข้ามาในหู  เสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะแนบอยู่กับอก...เสียงหัวใจ...ของใคร?...ดวงตาคมค่อย ๆ ปรอยปรือขึ้นแล้วยันกายขึ้นจากไออุ่นที่นอนซบแนบอยู่  แล้วจึงได้เห็นร่างหนึ่งอยู่ใต้ร่างของตน  ดวงตาสีดำเหม่อลอย  ใบหน้าหวานเหมือนตุ๊กตาเต็มไปด้วยรอยช้ำ  มีเลือดเกรอะกรังที่มุมปาก  ลำคอเขียวช้ำ...หัวใจของวายะกระตุกวาบ

“รันจัง!?”

รันมารุค่อย ๆ เหลือบสายตากลับมาจับที่ใบหน้าของวายะ  สีหน้าเย็นชาเหมือนน้ำแข็งนั้นเด็กหนุ่มไม่เคยเห็นมาก่อน  แล้วยังร่องรอยบาดเจ็บนั่นอีกล่ะ...นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

“พอใจแล้วใช่มั้ย?”  เสียงแผ่วเบาลอดริมฝีปากออกมา  หากชัดเจนไปในความเงียบ  “ลุกไปซะ”

ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายพูดซ้ำ  วายะรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว  แล้วก็ถึงได้รู้สึกถึงสภาพของตนและรันมารุ  สมองที่ยังมึนงงด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์พยายามลำดับเรื่องราวแต่ก็ทำได้ไม่ดีนัก  เพียงแต่ภาพความทรงจำบางอย่างที่แวบเข้ามาในหัวทำให้วายะใจหายและบอกกับตัวเองว่ามันไม่จริง...หากจะปฏิเสธได้อย่างไร  ในเมื่อทุกอย่างก็เห็นอยู่ต่อหน้าต่อตา...ร่างกายของเขามีความทรงจำของทุกสัมผัส  รวมไปถึงสัมผัสของลำคอขาวในอุ้งมือด้วย

...นี่เขาทำอะไรลงไป!?...

รันมารุค่อย ๆ ยันกายขึ้นนั่งอย่างยากลำบากและพยายามดึงกางเกงขึ้นมาสวม  ที่เรียวขาขาวยังมีคราบไคลปนคราบเลือดจากเหตุการณ์เมื่อครู่จับอยู่อย่างเห็นได้ชัด  ชายหนุ่มไม่ใส่ใจกับมัน  หากใบหน้าเรียบเฉยเหมือนฉาบด้วยน้ำแข็งฉายแบบรวดร้าวออกมาชั่วแวบ

“...รันจัง...ฉัน...”  เอ่ยออกไปแบบนั้นแต่ก็ได้แต่อ้ำอึ้ง  วายะไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปดี

ร่างเพรียวลุกขึ้นยืนโงนเงน  วายะรีบปราดเข้าไปช่วยประคอง  แต่กลับถูกปัดมือออกอย่างไม่ใยดี

“ไม่ต้องมายุ่ง”

“รันจัง...แต่ว่า...”  รันมารุบาดเจ็บขนาดนี้  อย่าว่าแต่เดินเลย  แต่ยืนก็แทบจะไม่ไหวแล้ว

“ไม่ต้องยุ่ง  ฉันอยากอยู่คนเดียว”  น้ำเสียงเย็นชาไม่สั่นไหวแม้แต่น้อย  แล้วรันมารุก็ค่อย ๆ เดินออกจากโกดังไป

“รันจัง!  เดี๋ยวสิ!”  วายะรีบตามออกไปทันที

รันมารุพยุงตัวเองกับกำแพงโกดังแล้วค่อย ๆ เดินไปช้า ๆ  สองขาสั่นระริกแทบจะทบท่าวลงมา  หากก็ยังพยายามก้าวต่อไป

“รันจัง!  พอเถอะ  ขี่หลังฉันก็ได้”  วายะตรงเข้าไปคว้าแขนของรันมารุไว้  แต่แล้วก็ถูกสะบัดออกอย่างแรง

“ปล่อย!  ไปให้พ้น!”

คำนั้นเหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางหัวใจ  รันจังไม่เคยพูดกับเขาแบบนี้...ไม่เคยตวาดเขาแบบนี้...

“แต่ว่า...รันจัง...”

“อย่าเข้ามาใกล้ฉัน!  พอที...”  เสียงนั้นสั่นพร่า  “อย่า...อย่าให้ฉัน...ต้องเกลียดนายมากไปกว่านี้เลย...”

“รันจัง!?”

วายะคว้าแขนของรันมารุไว้อีกครั้ง  แล้วก็ถูกผลักออก  หากตัวคนผลักก็เสียหลักถลาออกไปบนถนนหน้าโกดัง

แสงไฟหน้ารถสว่างวาบขึ้นมาจากรถขนของกะดึกที่เลี้ยวพ้นหัวโค้งมา  ตามมาด้วยเสียงเบรคดังสนั่น

“รันจัง!!!!”

ร่างบางกระเด็นตามแรงกระแทกลอยไปนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นถนนห่างจากจุดเดิมไปหลายเมตร  พร้อมกับเสียงเอะอะโวยวายของคนขับรถ  วายะถลาไปที่ร่างของรันมารุ...เลือดไหลนองพื้น  สองขาบิดผิดรูปจนน่ากลัว  ลมหายใจยังรวยริน

“รันจัง!!  รันจัง!  ทำใจดี ๆ ไว้!!  รถพยาบาล!...เรียกรถพยาบาลที!  รันจัง!!”

ดวงตาสีดำจ้องมองใบหน้าร้อนรนนั้นก่อนจะค่อย ๆ ปิดลง


...แบบนี้ดีแล้ว...ให้เขาได้ตายไปทั้งอย่างนี้เถอะ  ตายไปพร้อมกับความรักความห่วงใยของชุนจังของเขา...อย่าให้เขาต้องเกลียดชุนจังมากไปกว่านี้เลย...




(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)

ออฟไลน์ love AJ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2
Re: All I want 22 (หน้า20) 5/5/55
«ตอบ #596 เมื่อ05-05-2012 22:02:43 »

บางทีมันก็เล่ากลับไปนานมากเลยนะ กว่าจะถึงปัจจุบัน เหนื่อยแทนอ่ะ

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
Re: All I want 22 (หน้า20) 5/5/55
«ตอบ #597 เมื่อ05-05-2012 22:25:28 »

โศกนาฏกรรมมากๆ เศร้าใจ

วายะโตมากับครอบครัวที่บิดๆเบี้ยวๆ มีแม่ที่มาจากครอบครัวที่ไม่ยอมรับในตัวตนของเธอเพราะเธอเก่งเกิน "ผู้หญิง" ที่สังคมกำหนดไว้ จนต้องไขว่คว้าหาความสำเร็จ และใครสักคนมาเติมเต็มตลอดเวลา

วายะ ที่เป็นลูกครึ่ง ซึ่งสายเลือดส่วนนึงของตัวตนเค้าคือ "คนนอก" ของสังคมญี่ปุ่นโดยแท้

(ถ้าเราไปในฐานะนักท่องเที่ยว เป็นแขก คนญี่ปุ่นจะ nice นะคะ แต่ถ้าคุณเป็นคนต่างชาติ ยังคุณก็คือคนกลุ่มอื่นสำหรับคนญี่ปุ่นอยู่ดี)

แม่ที่ต้องเป็น working woman ไม่มีเวลาจะเติมเต็มความมั่นคงทางอารมณ์ให้พระเอกเรา โตมาเลยอารมณ์รุนแรง รักแรงหวงแรง เพราะไม่มีความมั่นคงทางจิตใจว่าตัวเองเคยเป้นที่"ต้องการ"ของใครสักคนบนโลกมั้ย

วายะ คือผลผลิตของครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ รันมารุก็คือเหยื่อที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ของวายะอีกที

ดีใจนะ ที่รันมารุตื่นมาก็จำไรไม่ได้แล้ว ให้เค้าเกิดใหม่เถอะ ดีกว่าตื่นมาจำได้ว่าคนที่เค้ารักทำร้ายเค้าอย่างทารุณเลย บางทีชะตาอาจจะไม่ได้ลิขิตให้มาคู่กัน

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
Re: All I want 22 (หน้า20) 5/5/55
«ตอบ #598 เมื่อ05-05-2012 22:26:49 »

เกลียดวายะมากเลยอะ  :z6: :z6:
เกลียดคนที่ไม่ฟังคนอื่นแล้วคิดอะไรเอาเองแบบนี้ :seng2ped:
รันจังทำผิดอะไร โทโมกิทำผิดอะไร ทำไมถึงกล้าทำร้ายคนอื่นแบบนี้ละวายะ

ออฟไลน์ Pupay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-1
Re: All I want 22 (หน้า20) 5/5/55
«ตอบ #599 เมื่อ05-05-2012 22:34:03 »

โอย ปวดจิต  :z10: :z10:

 :pig4:นะคะ  :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด