มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]  (อ่าน 776847 ครั้ง)

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
สงสารสิงห์!!!!!!  แต่อย่างว่านะ  คนมันแย่ทำอะไรก็ผิดไปหมด  หวังว่าสิงห์จะกลับตัวได้และสมหวังบ้างนะ

ออฟไลน์ @BUA@

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +427/-8
สมกับชื่อตอน  :serius2:

คอยดูนะคะคนแต่ง ถ้าคุณเล็กเป็นอะไรไปนะ
เราจะ

จะ...

จะ.....

จะ.......

จะ.........




จะร้องไห้ให้ดูเลย  :monkeysad:

silent_loner

  • บุคคลทั่วไป
ไอ้ลอยยยยยย เอ็งอีกแล้วรึ เลวมากกกกกกก :m31:  :m31:
คราวที่แล้วก็จ้อย คราวนี้เล่นคุณชายเลย
ครูคนึงรีบกลับมาด่วน!!  :z6:
ส่วนคู่พี่สิงห์น้องจ้อยนี่สงสารสิงห์มาก  :m15:
คือจำทุกๆอย่างของจ้อยไดัหมดเลย
พามาขึ้นชิงช้าสวรรค์ แถมยังจะให้นาฬิกาขอมืออีก
แม้จะพยายามทำดีด้วยเท่าไรแต่ก็ไม่เป็นผล
แต่ก็ไม่น่าไปต่อยครูคนึงเลย ทำให้จ้อยเกลียดกว่าเดิมอีก
+1 กับการลุ้นตอนหน้าจนตัวโก่ง!!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-02-2012 18:06:30 โดย silent_loner »

tanuki

  • บุคคลทั่วไป
สงสารสิงห์จับใจ เข้าใจความรู้สึกเลย โดนเหยียบซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะแสดงออกไม่เป็น :z6:
ฝังคุณชายก็งานเข้าแล้ว ถ้าบทพลิกแบบ คุณชายโดนนายลอยปล้ำแล้วก็รักกัน เหมือนละครหลังข่าว จะเป็นยังไงหว่า ๕๕ คิดไปได้

kissey_love

  • บุคคลทั่วไป
นายลอยจ๊ะ.....  o18

เมื่อไหร่เอ็งจะเลิกคิดชั่วๆสักที!! แมะ..

แบบว่าตอนนี้มีแต่คู่สิงห์จ้อยแหะ แอบอยากอ่านคู่เมน 55

แต่แอบสงสารสิงห์อ่ะ  :เฮ้อ: ต้องรอให้จ้อยหายซึน(?) อยากรู้เหมือนกันว่า "รอยร้าว" มันมาจากอะไร :((

---------------------------
พี่จี้  :really2:

เอิ๊กอ๊าก แม่นแล้วค้าาาา ปัดเอง กอดๆ :กอด1: 

ดีใจจังที่ยังเก็บไว้อยู่ พูดไปพูดมานี่ปัดจะจบม.6แล้วนะ 55 มองดูเหมือนนาน แต่ก็แอบใจหายที่นิยาย(วาย)เรื่องแรก จบไปแล้ว ;(

แต่ก็ดีใจที่ในที่สุดก็ลงเอยกันด้วยดี จะซื้อเก็บแน่นอนค่ะ :D

พี่จี้เองก็สบายดีนะคะ? ^^
------------------------------------------------

อยากให้ถึงวันศุกร์เร็วๆจังงงง งี๊ดๆ  :m15:

รักพี่จี้นะค้า<3

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
อ่านตอนนี้แล้วสงสารสิงห์ที่สุด ตัวเองพยายามทำดีกับจ้อยให้เหมือนเดิมเเต่เพราะคำว่าจิ๊กโก๋กับลูกน้องมันค้ำหัวเลยต้องเเสดงกริยาให้ลูกน้องเคารพ ขืนไปอ้อดอ้อนคนอื่นเดี๋ยวลูกน้องจะมองไม่ดี ยิ่งเป็นจ้อยที่เป็นผู้ชายด้วย ยิ่งเเย่เข้าไปใหญ่ ดูจ้อยเองจะไม่เหลือเยื่อใยให้สิงห์เลยนะ ใจเเข็งมากเเถมตอนนี้ด่าได้หยาบที่สุดเท่าที่อ่านมาทั้งเรื่อง และสุดท้ายยยลอยยยยย แกจะทำอะไร เลอมานนนนน แห่ๆๆๆๆ ข่มขู่สุดฤทธิ์

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
โถ...พ่อสิงห์ สงสารพ่อนะ แต่ภาพของพ่อในใจจ้อยมึนเบี้ยวๆบูดๆมืดๆดำๆนี่เนาะ
ทำยังไงดี ใครจะไปลบภาพนั้นแล้ววาดภาพสิงห์ขึ้นใหม่แบบสวยงามในใจจ้อยล่ะ
นอกจากสิงห์เอง
 ไอ้ลอย...ไอ้คนเลว
ขอเหอะนะ ขออย่าให้ไอ้คนเลวมันมาสัมผัสคุณชายได้นะ แม้ปลายเล็บก็ไม่ให้นะ

Zymphoniz

  • บุคคลทั่วไป
คู่สิงห์จ้อยนี่....โอยยยย เจ็บแทนสิงห์ อึดอัดๆๆ  :z3:
ส่วนไอลอย แกจะทำอะไรเลอมานห๊ะ !!!!  :z10:

ออฟไลน์ G-NaF

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
นายลอยอีกแล้ว  :z6:

appletokki

  • บุคคลทั่วไป
โอ้ยยย!ตอนนี้ทำเราร้อนใจอยากอ่านต่อไม่ไหวแล้ว
อาจารย์คนึงจะมาช่วยชายเล็กทันมั้ย กว่าจะพายเรือมาถึงอยากจะซื้อเทอร์โบมาติดเรือให้จริงๆ

ตอนที่แล้วอยากเขกกะโหลกสิงห์แต่ตอนนี้ชักสงสาร โธ่!ปานนี้ช้ำใจตายโดนจ้อยฟาดกบาล :serius2:
คราวที่แล้วไม่น่าบอกเลยว่าอยากฟาดกบาลสิงห์คนเขียนจัดให้ซะได้เลือด55


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ iGiG

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0

yagin

  • บุคคลทั่วไป
อัยย่ะ  แบบว่าลุ้นอ่ะ แต่อีกใจนึงเราก็ชอบ ไอ้ลอย นิดนึงอ่ะ 555+

แบบว่าคือว่า  ไม่รุอ่ะ  นิสัยเจ้าเล่ห์นิดๆเจ้าชู้ถึงเนื้อถึงตัวดี 555

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยๆๆๆ

ชักห่วงๆ คุณชายเล็กแล้วสิเนี่ย


นายสิงห์ก็ไม่รู้จักใช้คำพูด ท่าทางดีๆกับจ้อย
โอ๊ย ขัดจริงจริงๆๆ

ออฟไลน์ vk_iupk

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 990
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-2
ไอ้ลอยเลวมาก
เอามันไปเก็บที  :beat: :z6:

อาจารย์จะตามมาช่วยทันชิมิ
อย่าบอกนะว่า จินดาตายเพราะไอ้ลอย
เดาเรื่องมั่วได้อีก T^T

ออฟไลน์ BossoM

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1092
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-5
    • my twitter
ขอด่าไอ้ลอยก่อน

ไอ้ชั่วช้าสามานย์เลวระย่ำ อย่าคิดนะว่าจะทำอะไรเล็กได้ จารย์คนึงจะไปเด็ดหัวมึ๊งงงง  :angry2: :angry2:


สงสารพี่สิงห์ ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย ทำไมๆๆ   :serius2: :sad4:

Mio

  • บุคคลทั่วไป
สามคำให้อีลอย(อีกแล้ว) >>>ฉัน ไม่ ให้! (ชายเล็ก)  :z6:
สามคำให้อาจารย์คนึง>>>มา สิ  ว้อย  :z3:
สามคำให้ตัวเอง>>>ลุ้น ตับ แตก   :z10:

ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
ไอ้ลอยนี่เลวจริงๆ คุณชายเล็กอย่าเป็นอะไรนะ
พี่สิงห์ก็ปากหนักไปได้บอกไปเลยว่ารู้สึกยังไงกับจ้อย
มัวแต่แกล้งอย่างงี้จ้อยก็เกลียดสิ สมควรแล้ว

ฺBlooDDy_KilleR

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณมากครับ


// ก็สมควรที่จ้อยจะโกรธละครับ ก็สิงห์เล่นไปต่อยครูของจ้อยก่อนนี่นา... :เฮ้อ:

ออฟไลน์ iamew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
จ้อยใจร้ายเบาๆ เหมือนบางทีก็มองแค่ตัวเอง
เราว่าที่สิงห์ทำก็ค่อนข้างชัดเจนในระดับหนึ่งนะ แค่เปิดใจมองทำไมจะไม่เห็น

ส่วนพ่อเล็ก อย่าเป็นอะไรไปนะ ครูคนึงต้องมาช่วยทันซิ

Ps. loy! go to hell!!!!!

ออฟไลน์ CoMa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
ครูทำไมครูถึงกล้าทิ้งเล็กไว้คนเดียวล่ะ!!!
โอ๊ยจะบ้าตายเป็นห่วงเล็กอ่ะ ไอ้ชั่วลอยห้ามทำอะไรเล็กนะ :m31:
แล้วใครจะไปช่วยเล็กได้ทันล่ะเนี่ย ครูรีบพายเรือจ้วงๆเลยนะ T_T
แล้วแล้วอินมากอ่ะพออินมากแล้วก็เลยค้างมากกกกกกก อร๊ากกกกกกกกกกกกกก :z3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






vavacoco

  • บุคคลทั่วไป
มารอช่วยคุณเล็กค่า ห้ามใครทำอะไรน้า  :serius2:

ares_jum

  • บุคคลทั่วไป
เมื่อไหร่จะมาต่อ ฮือ ฮือ

ใจจะขาดอยู่แล้ววววววววว โอย ลุ้นๆ

 :sad4:

ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3
รอค่ะ

ออฟไลน์ threetanz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
โอ้ย ดราม่าทุกตอนเลยค่ะ แต่ชอบมาก ๆ เลยอะ ชอบพล็อตเรื่อง โครงเรื่อง ภาษาที่ใช้ สนุกมากเลยค่ะ

ออฟไลน์ WinterRose

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
เข้ามารอคุณดอกไม้ ครบอาทิตย์รึยังหว่า?
ไม่รู้อ่า แต่คิดถึงคุณดอกไม้แย้ว lol

ออฟไลน์ Phantom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 210
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0

ลุ้นคุณชายมาตลอดทั้งอาทิตย์  :เฮ้อ:
ดูละครลำน้ำอัมพวา (ช่อง 3) เห็นงานวัด ชิงช้าสวรรค์ ชวนให้นึกถึงนิยายเรื่องนี้จริง ๆ

ถ้าอาจารย์คนึงเจอตัวคุณชายแบบไม่บุบสลาย
คงต้องทำโทษยกใหญ่ล่ะ ที่ว่ารับปากจะรอ แต่เอาเข้าจริงก็ไขว้เขวจนได้
จะนำภัยมาถึงตัวหรือเปล่าเนี่ย
 :z3:

ka~O

  • บุคคลทั่วไป
รออยู่นะคะ

ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1

บทที่ ๑๒

ยูงกระสันเมฆ


นกยูงกระสันหมายมั่นเมฆฝนมา
แหงนมองจ้องฟ้าทุกวัน
เพราะรักจะชมสมเสก  หมายรักถึงเมฆเทียวนั่น
เจ้าใฝ่กระสันผิดชั้นกันไกล

นกยูงกระสันหมายมั่นผสมพันธุ์
เหมือนเรียมกระสันขวัญใจ*



   
สิงห์ไม่แน่ใจว่าเขาพาหัวใจชอกช้ำซมซานกลับมาถึงบ้านได้อย่างไร  ในสมองลางเลือนจำได้เพียงว่าเขาขี่รถเครื่องไถลลงข้างทางหนหนึ่ง  ทิ้งร่างนอนหงายกลางผืนหญ้าอย่างไม่ไยดี  ตาพร่าจนหมู่ดาวที่เห็นบนฟ้าตรงหน้าลางเลือน  เลือดรินช้าลงแต่ยังปล่อยกลิ่นคาวซ่านเข้าโพรงจมูก  นอนนิ่งอยู่เช่นนั้นนานเท่าไรไม่รู้  ก่อนตัดสินใจลุกขึ้นพาตัวเองกลับบ้านในที่สุด

บ้าน.. ที่ไม่เคยอยากกลับ

“มาแล้วเรอะไอ้ลูกชั่ว!” นั่นไง.. แค่เลี้ยวรถเข้าเขตเรือนไทยไม้สักหลังงาม  พ่อก็ให้พรมาแต่ไกล

“มึงไปก่อเรื่องอะไรอีก!” กำนันเสริมยืนถมึงทึงอยู่หัวบันได  ในมือมีไม้ตะพดคู่กาย  สิงห์จอดรถใต้ถุนเรือน  เดินขึ้นบันไดผ่านหน้าพ่อไปไม่ทักไม่ทายสักคำ 

กำนันหนวดกระดิก  หันกลับมาคว้าแขนกำยำไว้ได้ทันก่อนไอ้ลูกตัวดีจะเดินพ้นชานเรือน  สิงห์สะบัดหนี  พ่อยิ่งโกรธจนเอาตะพดชี้หน้า

“มีคนบอกว่ามึงไปยิงปืนในวัด  งานวัดงานบุญก็ไม่เว้น  ระวังนรกจะกินหัวมึง!”

ลูกชายขบกรามกรอด  แผลที่หน้าผากเลือดอาบแดงฉานอยู่ทนโท่  พ่อมอง..แต่ไม่เห็น.. ในสายตาพ่อเห็นแต่ความเลวระยำ  เห็นแต่ความโง่  เห็นแต่ความไม่ได้ดั่งใจ 

“ไอ้ลูกไม่รักดี!” มือใหญ่ตบเข้าบ้องหูจังๆ  โลกแทบสะเทือน “เมื่อไรจะหยุดสร้างปัญหาให้กู!”

“พี่เสริม! จะตีลูกให้ได้อะไรขึ้นมา!” คุณนายพูนทรัพย์วิ่งถลาออกมาในชุดนอนกรุยกราย  โรลม้วนผมเต็มหัว  ทันทีที่เห็นแผลบนหน้าผากลูกชาย  คุณนายก็ร้องเสียงหลง “ตายแล้วตาสิงห์  เจ็บไหมลูก!” 

“นี่ก็อีกคน  ตามใจกันเข้าไป  โอ๋มันจนเสียคนหมดแล้ว”

“ทำไมทำอย่างนี้ล่ะลูก  หือ”

รำคาญ.. น่ารำคาญ.. ทั้งเสียงด่าทอของพ่อ  และความเอาใจใส่เกินไปจนเหมือนเขาเป็นเด็กน้อยของแม่  ร่างสูงใหญ่เดินหนีขึ้นพาไล  กระแทกเท้าตึงตัง  กระชากนมประตูปิดดังสนั่นอย่างไม่ออมแรง  ทิ้งตัวลงบนตั่งเตียงไม้สัก  ถึงกระนั้น..เสียงน่ารำคาญก็ยังเล็ดรอด  จนต้องเอาหมอนอุดหู 

“เวรกรรมอะไรของกูถึงได้มีลูกชั่วๆ อย่างมึง”
“เด็กผู้ชายมันก็ยังงี้ล่ะน่ะ!”
“เรอะ! ตาเสมก็ลูกชายยังได้ดิบได้ดีเป็นตำรวจ  ยัยแสงเป็นผู้หญิงแท้ๆ ยังขวนขวายไปเรียนตัดเสื้อ  มีใครเขาเลวเหมือนมันบ้าง  ไม่รู้ไปเอาเชื้อมาจากใคร”
“เอ๊ะ! พี่กำนันว่าฉันเรอะ”
“ก็ใครล่ะตามใจมันจนเป็นแบบนี้  คอยดูเถอะ สักวันมันจะกลายเป็นเสือเป็นโจร!”
   
มีแต่เสียงและเสียง  ผลัดกันเข้ามาหมุนวนในความรับรู้  เจาะไชเหมือนสว่าน  ชอนแทรกจนอยากลุกขึ้นอ้วกให้หมด  สำรอกเอาชีวิตออกไป  ตายโหงตายห่าให้มันจบๆเสียที

“สิงห์ น้าเอง น้าเข้าไปนะ” น้าเวก ผัวน้าแป้นเคาะบานประตูสองสามทีก่อนถือวิสาสะเข้ามาในห้อง  หิ้วกล่องยาและอ่างเคลือบใส่น้ำมาด้วย 

สิงห์แทบไม่รู้ตัวยามมือหยาบแตะแผลที่หน้าผาก  ใส่ยาให้อย่างแผ่วเบา  น้าเวกใจเย็น สมกับที่เป็นคนสวน วันๆ ขลุกอยู่กับต้นไม้  แกไม่บ่น ไม่ด่า ไม่ว่าอะไรสักคำ     

“ไปเสียท่านักเลงบ้านไหนมาล่ะ” เสียงทุ้มถามด้วยปรานี  คนอ่อนวัยกว่าไม่ตอบคำ  ปล่อยความคิดจมดิ่ง.. นิ่งงัน.. นึกถึงเจ้าของดวงตากลมโตกระจ่าง  เจ้าของแก้มเนียนราวขนมหน้านวล  มือขาวนั้นตีหนัก  ปากแดงนั้นก็ด่าได้เจ็บแสบดีแท้

เสียงพ่อกับแม่ทะเลาะกันยังดังแว่วลอดฝาปะกน 

ตั้งแต่เล็กจนโต  เขาพบเจอคำดุด่า เหยียดหยาม ดูถูกมานักต่อนักจนแทบเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต  อยู่บ้าน พ่อก็เปรียบเทียบกับพี่ชายและน้องสาวให้ฟังทุกวัน  อยู่โรงเรียน ครูก็ดุด่าว่าโง่  แม้เพื่อนฝูงก็ยังล้อเลียนที่เขาเป็นเด็กโข่งตัวสูงโคร่งอยู่คนเดียวในห้อง

มีเพียงคนเดียว.. เพียงคนเดียวที่ไม่เคยหัวเราะเยาะ  ไม่เคยดูหมิ่นเขา.. 

น้องจ้อย..

มันช่างน่าขำ 

ตอนนั้น.. เขาอายุ ๑๔ ปีแล้ว  แต่ยังเพิ่งเรียนอยู่แค่ชั้น ป.๗  ตัวเริ่มสูงใหญ่  เริ่มมีกล้ามเนื้อจับตามแขนขา  อกกว้าง  เสียงแตกหนุ่ม  มีไรหนวดขึ้นบางๆ  ..อยู่เพียงคนเดียวในชั้นเรียน

ยิ่งรู้สึกเหมือนเป็นตัวประหลาด
    
ในขณะที่จ้อยตัวเล็กยังไง  ก็ยังตัวเล็กอย่างนั้น.. ตัวเล็กเสียจนสิงห์กลัวแขนน้องจะหักยามหิ้วตะกร้าตามหลังยายมาจ่ายตลาดต้อยๆ 
     
เด็กผู้ชายมาเดินจ่ายกับข้าว  ไม่แคล้วโดนพวกเด็กโตมันล้อ “ไอ้กะเทย  ไอ้กะเทย”
   
ล้อได้ล้อดี  ล้อได้ทุกวันทุกวี่  ล้อจนวันนั้นจ้อยร้องไห้จ้า  จนสิงห์ที่ช่วยถือตะกร้าทนไม่ไหว  ฟาดปากมันไปหนึ่งที  ก่อนตะลุมบอนกันอุตลุด  ฝุ่นตลบอบอวล  แผงผักแผงปลาวอดวายระเนระนาด   

ตามคาด  เขาถูกตีหน้าเสาธงที่โรงเรียน  กลับไปบ้านก็ถูกพ่อตบบ้องหูซ้ำอีก 

ซ้ำร้าย.. ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ชกต่อยวันนั้น  ไอ้พวกเด็กโตในตลาดไม่ล้อจ้อยแค่คนเดียวอีกต่อไป
 
“พวกเอ็งดู  ผัวเมียมาขายขนมด้วยกันว่ะ” ไอ้ลอยหัวโจกชี้ชวนพรรคพวกดู  เมื่อเขาช่วยน้องหิ้วตะกร้าเร่ขายขนม   

“ไอ้กะเทย!  เฮ้ย ไอ้สิงห์  มึงเป็นผัวไอ้กะเทยเรอะ”
“เอ็งชอบมันล่ะสิ”
“หน้าไม่อาย  ไอ้สิงห์ชอบไอ้กะเทย  ไอ้สิงห์ชอบไอ้กะเทย”

พวกมันพากันโห่ฮาอย่างสนุกสนาน  วันแรกๆ สิงห์แค่เดินหนี  แต่พอนานวันเข้า  โดนล้อเลียนหนักขึ้นทุกที  สิงห์เริ่มทนความรู้สึกเป็นตัวตลกต่อไปไม่ไหว..

พี่ห่างเหินน้องเข้าไปทุกวัน..

จนวันนั้น..เมื่อความอดทนถึงขีดสุด  เด็กหนุ่มทนไม่ไหวอีกต่อไป  พยายามแสดงให้พวกมันเห็นต่อหน้าว่าเขาไม่ได้วิปริตวิตถารอย่างที่พวกมันคิด

“กูไม่ได้ชอบมัน!  กูเกลียดมันจะตายไป!” เสียงแตกหนุ่มตะคอกลั่น  ประกาศให้รู้กันทั่ว   

สิงห์ยังจำดวงตารื้นน้ำของน้องในวันนั้นได้จนทุกวันนี้

เหตุการณ์วันนั้นไม่ได้จบลงด้วยดีหรอก  ขนาดพูดใส่หน้าอย่างนั้นแล้วพวกมันก็ยังล้อกันไม่เลิก  วงตะลุมบอนจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง  มาสงบได้ก็ตอนน้าเวกไปตามแม่เขามา 

แม่ยุติปัญหาทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย  เพียงเพราะเอาบารมีกำนันมาขู่  และเพียงเพราะ.. เงิน

หลังถูกแม่แจกเงินไปแล้ว  พวกไอ้ลอยก็มองเขาแปลกไป  สิงห์จึงเพิ่งตระหนักรู้ว่าบารมีของพ่อ  เงินของแม่  มันมีอำนาจมากมายแค่ไหน  มากมายถึงขนาดคนที่เพิ่งมีเรื่องกันออกปากชักชวนเขาในวันหนึ่ง 

“เอ็งอยากเข้ากลุ่มข้าไหมล่ะ”

สิงห์ตกลงทันทีแบบไม่ต้องคิด  หลังจากนั้น.. คล้ายหูตาที่ถูกปิดมาเนิ่นนานได้เปิดออก  เส้นทางใหม่แสนฉูดฉาด  ความคึกคะนองในวัยหนุ่มถูกปลดปล่อย  พวกไอ้ลอยไม่ล้อเขาอีกแล้ว  ไม่ด่าทอ  ไม่ดูถูก  มีแต่จะชื่นชมเมื่อเขาเอาเงินให้  หรือเมื่อเขาก่อวีรกรรมใดๆ สำเร็จ

คำก่นด่าของพ่อ  คำติเตียนของครูไม่มีผลกระทบต่อเขาอีกต่อไป

ในเมื่อเขาค้นพบมิตรภาพ  ค้นพบที่ยืน  ค้นพบกลุ่มคนที่ยอมรับในตัวเขาแล้ว  บ้านหรือโรงเรียนก็ไม่มีความหมายอีก

ยิ่งห่างเหินน้องมากขึ้นทุกที.. ทุกที..

แค่ห่างเหิน.. แต่สิงห์ไม่เคยคิด.. ไม่เคยอยาก ‘แตกหัก’ กับน้อง

จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อไอ้ลอยชักชวน  “เอ็งอยากเป็นลูกพี่ไหมวะ”

มนต์อำนาจของคำว่า ‘ลูกพี่’ นั้นช่างเย้ายวนนัก  สิงห์พยักหน้ารับทันที

“เอ็งต้องพิสูจน์ตัวเองก่อน  ไปทำตามที่ข้าบอก  ถ้าทำได้ ข้าจะให้เป็นลูกพี่” 

***************************

คนึงไปส่งจ้อยถึงหอพัก  หลังจากสง่ากับสันติพาเพื่อนไปทำแผลแล้ว  อาจารย์หนุ่มก็ไปหาอาจารย์ใหญ่  เพื่อขอเบิกรถจี๊ปแลนด์โรเวอร์เพียงคันเดียวของโรงเรียนขับบึ่งกลับไปยังวัดหน้าพระเมรุทันที 

งานวัดที่ยังรื่นเริงอยู่ตอนเขาไปส่งจ้อยกลับยาย  บัดนี้กลับเงียบสงัด  คนึงตรงไปยังโรงลิเก  ใจหายวูบเมื่อพบว่ามันว่างเปล่า  ฝนยังคงทิ้งสายเปาะแปะ  อาจารย์หนุ่มยิ่งร้อนรนเมื่อหาลูกศิษย์ไม่พบแม้เงา  เขาพยายามตะโกนเรียก  พยายามตามหาไปทั่ว  แต่ก็ไม่มีวี่แวว

จนตาแก่มือระนาดอดรนทนเสียงร้องเรียกไม่ไหว  ต้องโผล่จากมุ้งหลังโรงมาบอกเสียงงัวเงีย

“ไอ้หนุ่มหัวแดงqใช่ไหม” ตะแกพูดไปหาวไป “เห็นมีผู้ชายตัวใหญ่ๆ มารับกลับไปแล้วนี่” 

คนึงชะงักนิ่ง  ผู้ชายตัวใหญ่ๆ งั้นหรือ  “ใครครับ”

“ไม่รู๊..มันมืดๆ มองไม่ค่อยเห็น” ชายชราโบกไม้โบกมือวุ่นก่อนเดินกลับหลังโรงลิเกไป 

ชายหนุ่มกระวนกระวาย  ความคิดสับสนตีกันวุ่น  หรือจะมีอาจารย์คนอื่นมาพบเข้าแล้วรับตัวกลับไป  อาจจะสวนทางกันตอนเขาออกมา 

ฝนยังโปรยสายต่อเนื่อง  อากาศกลางดึกเย็นฉ่ำทว่าในหัวใจเขากลับร้อนรุ่มดังไฟสุม  ใจแทบหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่มเมื่อกลับมาที่เรือนไม้แล้วพบเพียงจ้อยนั่งรอข่าวอยู่ที่แคร่ใต้ต้นหางนกยูง

เลอมานยังไม่กลับมา!

จ้อยยิ่งร้อนใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า  หนุ่มน้อยอาสาช่วยตามหาอีกแรง 

“ผู้ชายตัวใหญ่ๆงั้นหรือครับ” ศิษย์เสนอแนะความเห็น  นึกถึงอันธพาลที่เพิ่งมีเรื่องกันมา “หรือว่าจะเป็นไอ้สิงห์!”

***************************

ไอ้ลอยพาเลอมานมาหยุดอยู่หน้าบ้านไม้สองชั้นมีรั้วรอบขอบชิด  ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตลาดนัก  หน้าบ้านแขวนโคมไฟสีเขียวกระจ่าง  ผู้คนคลาคล่ำ  หญิงสาวในชุดนุ่งน้อยห่มน้อย  แต่งหน้าทาปากจัดจ้าน  บรรดาชายหนุ่มเมามายส่งเสียงดังฟังไม่ได้ศัพท์ 

“อะไรกัน  พามาที่นี่ทำไม” คุณชายประท้วงลั่น  เขาไม่ได้ไร้เดียงสาจนถึงขนาดไม่รู้ว่าสถานที่นี้มีไว้ทำอะไร

“แวะมาหาเพื่อนก่อน” อีกฝ่ายตอบไม่ยี่หระ 

“นายลอย” เลอมานดักหน้าไว้  เริ่มร้อนใจเต็มทน “รีบไปส่งฉันเถอะ  เดี๋ยวอาจารย์เป็นห่วง”

“แป๊บเดียวน่า” มือใหญ่ออกแรง ‘ลาก’ แขนเล็กเข้าไปอย่างไม่รีรอ 

เพียงเข้าไปในบ้าน  หญิงสาวที่นั่งอยู่ที่โต๊ะบ้าง  ที่ยืนคลอเคลียกับผู้ชายตามมุมโน้นมุมนี้บ้างต่างหันมามองผู้มาเยือนเป็นตาเดียว  ทุกคนพากันทักทายนายลอยอย่างสนิทสนม 

“พี่ลอย  มาแล้วหรือ  ต๊าย.. พาใครมาด้วยเนี่ย”
“โอ้โห..มีเพื่อนหล่อแบบนี้ไม่เห็นพามาแนะนำเลยน๊า..”
“หน้าตาแบบนี้จะบริการให้ถึงใจเลย”

เลอมานกลายเป็นเป้าให้เหล่าผู้หญิงแต่งตัววาบหวิวรุมล้อม  กลิ่นน้ำหอมราคาถูกฉุนเสียจนเวียนหัว  เด็กหนุ่มพยายามเบี่ยงกายหลบมือไม้พวกหล่อนที่ถือวิสาสะแตะเนื้อต้องตัว  จับมือถือแขน  ลูบหน้าลูบตา

ยอมรับ.. ว่าเขาสะอิดสะเอียน.. รับรู้ได้ถึงความสกปรกที่แทรกซึมอยู่ในความรู้สึก  กลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่ลอยอวลอยู่ในมวลอากาศจนอึดอัด 

“จะทำอะไรก็รีบทำ  ไม่ยังงั้นฉันจะกลับแล้ว” คุณชายขึงตาใส่  หากนักเลงหนุ่มกลับนิ่งมองด้วยดวงตาแพรวพราย  มือขาวนั่นยัง
จับตุ๊กตานางฟ้าเอาไว้แน่น  ยิ่งมาอยู่ในที่แบบนี้  หม่อมราชวงศ์หนุ่มยิ่งดูสูงส่งสะอาด  ผ่องแผ้วเสียจนน่าทำให้แปดเปื้อน 

“นั่งรอก่อนน่า  แป๊บเดียว” ไอ้ลอยรุนหลังคุณชายนั่งที่โต๊ะ  มีตาแก่กับชายหนุ่มนั่งอยู่สองสามคน  มีผู้หญิงคลอเคลียไม่ห่าง  สาวคนหนึ่งรินเหล้ายื่นให้เขา  เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ถึงกับเบือนหน้าหนี 

ดวงตาคมกร้าวมองกิริยาเย่อหยิ่งนั้นพลางหยักยิ้มมุมปาก   

“เป็นอะไรไป..หืม..” เสียงทุ้มพร่ากระซิบข้างหู  เผลอเกลี่ยแก้มขาวด้วยข้อนิ้ว  หัวเราะหึเมื่อมือเรียวปัดออกอย่างไว้ตัว  ไอ้ลอยถึงกับหัวเราะหึ 

“หรือว่าคุณชาย..” ในดวงตาคู่นั้นราวจะยิ้มยั่วเย้า “..ไม่ชอบผู้หญิง”

เลอมานหันขวับ  คำพูดนั้นกระทบใจอย่างจัง  ยิ่งเห็นอีกฝ่ายเอาแต่ยิ้มเจ้าเล่ห์ยิ่งเม้มปากแน่น  เขาคว้าแก้วเหล้าในมือสาวมากรอกปากทีเดียวหมดเรียกเสียงตบมือได้ครึกโครม  หลังมือปาดคราบของเหลวทั้งที่ยังหอบแฮ่กยามกระแทกแก้วเปล่าลงกับโต๊ะดังตึง 

พรานแสนสาสมใจ  นิ่งมองเนื้อทรายเดินลงหลุมพรางอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว 

ไอ้ลอยทิ้งคุณชายเล็กไว้กลางวงเหล้า  ตัวเองเดินขึ้นชั้นบน  เผชิญหน้ากับสาวใหญ่ร่างอวบอัดที่เดินสวนลงบันไดมา

“นั่นใคร” ดวงตาเฉี่ยวคมเหลือบมองเด็กหนุ่มแปลกหน้า  มือเรียวทาเล็บแดงคีบบุหรี่พ่นควันเป็นสาย 

“ไม่ต้องห่วงน่า..แค่ลองเล่นๆ” มือหยาบรวบร่างขาวเต่งตึงไว้ในอ้อมกอด  ประคองกลับขึ้นไปข้างบน  พอลับตาคน  ใบหน้าคมเข้มก็กดริมฝีปากลงบนกลีบปากเคลือบสีแดงสด  ซุกไซ้เรื่อยไล่ลงตามซอกคอ  กระซิบเสียงพร่า “ยังไงฉันก็มีพี่ทองใบคนเดียว”

แม่เล้าทรงเสน่ห์ยิ้มมุมปาก  โน้มคอชายหนุ่มตรงหน้าชิมรสปากหวานๆ ซ้ำๆ 

..................................

เหล้าเป็นบ่อเกิดของความระยำอย่างที่พระท่านสงเคราะห์ไว้  เป็นอบายมุขหรือทางแห่งความฉิบหายโดยแท้  อย่าได้แตะต้องลองเล่นเป็นของสนุกเลยทีเดียวเชียว 

ดูอย่างหม่อมราชวงศ์เลอมานตอนนี้ปะไร

วงเหล้าครึกครื้นได้ที่  กับแกล้มลำเลียงมาเรื่อยๆ  กุนเชียงย่างหอมแล้วยำ  ต้มยำโป๊ะแตกหม้อไฟ  กุ้งแม่น้ำตัวโตๆ จิ้มน้ำจิ้มรสจัด  ยำหนังหมูรสเผ็ดร้อน 

เผ็ดจนเลอมานกินไม่ได้สักอย่าง  ได้แต่เทเหล้าเข้าปากแก้วแล้วแก้วเล่า  แต่ละหยดที่รินรดลงคอ  คล้ายน้ำดับสติรู้คิดของตนให้พร่องลงเรื่อยๆ

ท่าทีเย่อหยิ่งไว้ตัวหายไป  กลายเป็นสรวลเสเฮฮา  พูดคุยกันออกรสออกชาติ 

ด้วยอภินิหารน้ำเปลี่ยนนิสัย!

เสียงขาเตียงกระแทกพื้นดังกึงๆ เคล้าเสียงครวญครางของหญิงสาวดังแว่วมาจากชั้นสอง  หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ในวงเหล้าพากันแหงนมอง  เห็นโคมไฟสีนวลแกว่งไกว

“เฮ้ยๆๆ ไอ้ข้างบนเบาๆ หน่อยโว้ย  เดี๋ยวบ้านถล่มลงมาใส่หัวข้า” ชายหนึ่งโวยขึ้นก่อนหัวเราะร่า  แม้แต่เลอมานเองก็พลอยขำ 
      
“ลุงมันแก่แล้ว  ทำอะไรๆ อย่างที่หนุ่มๆ เขาทำไม่ไหวร้อก” ตาอ่ำชายแก่หัวหงอกหันมาพูดกับเขา “แข้งขามันจะพับ  เพราะมันต้องยงโย่ยงหยก  แค่ลูบๆ คลำๆ ก็หลับสบายแล้ว”

ว่าแล้วก็ชนแก้วกันทั้งวงดังเคร้ง
   
“นี่ๆ คนเก่าเขาผูกกลอนไว้เกี่ยวกะเหล้า” ผู้เฒ่าทำท่านึกก่อนร่าย.. “หนึ่งถ้วยนงนุช  สองถ้วยพุทธวาจา  สามถ้วยแกล้วกล้าพูดจาองอาจ  สี่ถ้วยเก่งกาจผ้าขาดไม่รู้ตัว”

เลอมานหัวเราะขำ “ผมเกินสี่แก้วแล้ว..ผ้ายังไม่ขาดเลย”

ตะแกโบกไม้โบกมือวุ่น “ไฮ้ แก้วสมัยเก่ากะสมัยนี้มันผิดกัน” ว่าแล้วก็โซเซไปที่บาร์เหล้า  ก้มลงค้นหายุกยิกอย่างคนคุ้นเคยกับสถานที่ดี  มือเหี่ยวย่นหยิบเอาแก้วหนาๆ ทำเป็นเฟืองๆ รอบตัวขึ้นมาใบหนึ่ง  พวกหนุ่มรับเอาไปดูเห็นเป็นแก้วอย่างเก่าและใหญ่  สูงราวสี่นิ้วฟุต กว้างสักสามนิ้วฟุตครึ่งได้ 

“เจอเข้าไปสี่ถ้วยละผ้าขาดไม่รู้ตัวแน่” ตาอ่ำยืดตัวอย่างโอ่  เรียกเสียงเฮฮาครื้นเครงได้ทั้งโต๊ะ 

ไอ้ลอยเดินกลับมายังวงเหล้าอีกครั้ง  คุณชายที่หน้าแดงตาปรือหันไปถามเสียงอ้อแอ้ “มาแล้วหรือ..กลับกันได้รึยาง..”

คนตัวโตยิ้มกริ่ม  วางของเล่นชิ้นใหม่ลงกลางโต๊ะ 

บ้องไม้ไผ่ลำเท่าท่อนแขน!

“บ๊ะ มีเนื้อด้วย!” คนหนุ่มพากันฮือฮา  ตาวาวลิงโลด  แย่งกันเอา ‘เนื้อ’ ที่ผ่านการยำมาเรียบร้อยแล้วยัดลงที่อัดยา  สูดกันคนละซื้ดสองซื้ด  ได้ยินเสียงน้ำบุ๋งๆๆ  แล้วก็พากันตาลอยเคลิบเคลิ้ม

เลอมานย่นจมูกให้กลิ่นฉุนกึกที่อบอวลอยู่รอบตัว  เขาพอจะรู้ว่ามันคืออะไร  แต่ไม่เคยลอง  และไม่เคยคิดอยากลองด้วย 

ต้องดูดจากบ้องเดียวกัน  สกปรกตายเลย

“ลองหน่อยไหม” นักเลงหนุ่มคะยั้นคะยอยื่นให้  คุณชายก็ส่ายหน้าลูกเดียว  ปรายตามองปากกระบอกอย่างเคลือบแคลง  ผ่านน้ำลายใครมาบ้างก็ไม่รู้

ไอ้ลอยแย้มยิ้มคล้ายจะรู้ทัน  ส่งชนิดที่พันลำแล้วให้ 

บุตรชายท่านทูตค่อยยิ้มออก  ฤทธิ์สุราทำให้อยากรู้อยากลองไปเสียหมด  แถมมองเผินๆ มันก็ไม่ต่างอะไรจากบุหรี่  มือเรียวรับมาคีบใส่ปาก  โน้มลงจรดกับเปลวไฟที่อีกฝ่ายจุดให้   

“คนโบราณก็ผูกกลอนเกี่ยวกับกัญชาไว้เหมือนกัน” ไอ้ลอยเท้าคางมองคนแก้มแดงสูดควันเข้าปอดลึก  พ่นควันเป็นริ้วขาวลอยอ้อยอิ่งในอากาศ  “หนึ่งบ้องน้องนุช  สองบ้องผรุสวาจา  สามบ้องแกล้วกล้า  สี่บ้องแก้ผ้าอมยิ้ม”

“ฮะๆๆ แก้ผ้าอีกแล้ว..” เลอมานหัวเราะเอิ้กอ้าก  เมามายได้ที่  “ทำไมต้องแก้ผ้า..” 

คนตัวโตไม่ตอบคำ  เพียงมองเสี้ยวหน้าละมุนด้วยดวงตาแพรวพราวเจ้าเล่ห์ 

“ฉันไม่มีทางแก้ผ้าหรอก..” ประกาศกร้าวแล้วก็สูดเข้าปอดอีกเฮือก  น้ำเสียงยานคางนั้นมั่นใจนักหนา “ไม่เชื่อก็คอยดู”

***************************

ares_jum

  • บุคคลทั่วไป
 :sad4:

แค่นี้หรอค้าาาาา แง แง

จะเอาอีก จะเอาอีก

 :a5:

ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1
สิงห์นอนไม่หลับ  แม้แผลที่หน้าผากจะปวดหนึบแต่ยาแก้ปวดที่น้าเวกเอามาให้ก็ยังวางอยู่ที่โต๊ะข้างเตียง  เขาไม่มีกะใจจะกินยา  ถ้าเป็นไปได้ก็อยากตายๆ ไปซะในคืนนี้ 
   
ชายหนุ่มนอนก่ายหน้าผาก  พ่นลมหายใจอย่างอัดอั้น  ความจริงจ้อยมันน่าจะทุบขวดให้เป็นปากฉลามเสียก่อนแล้วแทงเข้าที่อกเขาให้รู้แล้วรู้รอด
   
มัวแต่นอนคิดฟุ้งซ่านจนไม่ใส่ใจเสียงรถที่เลี้ยวเข้ามาในเขตบ้าน  จนกระทั่งน้าเวกมาเคาะประตูเรียกนั่นล่ะ

“สิงห์  ครูมาหา!”

จ้อย!

ร่างสูงใหญ่เด้งขึ้นลุกนั่งพรวด  ค่าที่จ้อยมันได้ร่ำเรียนเป็นนักเรียนครู  จบปีนี้ ฝึกสอนอีกปีก็ได้สอบบรรจุเป็นข้าราชการครู  ความรู้และปัญญาที่ติดตัว  ยกฐานะเด็กกำพร้ายากไร้ให้สูงส่งขึ้นได้  คนบ้านเขาจึงพากันเรียกจ้อยว่า ‘ครู’ กันหมด   

ยกเว้นแม่ของเขาเพียงคนเดียว

ความหวังที่มอดดับไปแล้วกลับลุกโชนขึ้นใหม่ราวสาดน้ำมัน  หรือพอกลับไปนึกตรึกตรองดูแล้ว  จ้อยจะนึกขึ้นได้ว่าทำแรงไป  นึกเป็นห่วงพี่ขึ้นมา  ถึงได้มาหาเอาดึกๆ ดื่นๆ

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงละพ่อจะงอนเสียให้เข็ด
 
อารามดีใจ  คนตัวโตรีบร้อนออกจากห้องทั้งที่อยู่ในกางเกงขาก๊วยตัวเดียว  อวดแผ่นอกเปลือยเปล่าอันสมบูรณ์ด้วยมัดกล้าม  ก้าวอาดๆ ผ่านพาไลลงไปยังชานเรือนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

หากพอเห็นแขกยามวิกาลที่ยืนคุยอยู่กับพ่อเท่านั้น.. รอยยิ้มบนหน้าก็ถูกลมพัดหายไปเกลี้ยง
จ้อยมาก็จริง  แต่ไอ้อาจารย์คนึงก็มาด้วย  สิงห์จ้องหน้านักเรียนครูร่างเล็กที่เอาแต่จ้องเขาอย่างจับผิดไม่วางตา 

“นายสิงห์” คนึงพยายามสงบสติอารมณ์  แต่ถึงกระนั้นก็ดูออกได้ว่าร้อนใจ “เห็นคุณชายเล็กไหม”

“ไม่รู้โว้ย!” ความหงุดหงิดก่อตัวขึ้นในดวงตาคมเข้ม   

“คุณชายหายไป  คนที่โรงลิเกบอกว่าไปกับผู้ชายตัวใหญ่” อาจารย์หนุ่มเล่าให้ฟัง  คำพูดนั้นเล่นเอาลูกชายกำนันหัวเสีย  ทำเสียงเฮอะฮะในลำคอ

ทั้งบางนี้มันมีข้าคนเดียวเรอะที่ตัวใหญ่ตัวโต! 

“ถ้าจะแก้แค้นกัน  ก็อย่าไปลงที่คนอื่น” จ้อยที่นิ่งเงียบอยู่นานพูดขึ้นบ้างด้วยน้ำเสียงเอาเรื่องเต็มที่  สิงห์ถึงกับชะงัก  ดวงตาคมกร้าวหรี่ลง 

ไอ้เตี้ยนี่ท่าจะเล่นของ  เพียงคำพูดสั้นๆ ถึงทำให้เขาปวดหนึบในอกซ้ายได้ขนาดนี้

“จ้อย” อาจารย์ปราม “ยังไม่รู้แน่ชัด  อย่าเพิ่งคาดโทษกัน”

“เอ็งคิดว่าข้าเลวยังงั้นเชียว” สิงห์จ้องดวงตากลมโตราวกับจะมองทะลุให้ถึงหัวใจ  อยากรู้นักว่าใจมันจะดำตัดกับหน้าขาวๆ ของมันไหม 

“ถ้าไม่ใช่เอ็งแล้วจะเป็นใคร”

เหมือนฟางที่ค่อยๆ ทิ้งลงกลางใจทีละเส้น..ทีละเส้น..

ทับถมพอกพูนขึ้นทุกที

“ครู!” กำนันที่นิ่งคิดอยู่นานโพล่งขึ้น “หรือว่าจะเป็นไอ้ลอย!”

คำพูดนั้นทำจ้อยนิ่งไป  ก่อนตาวาวอย่างนึกขึ้นได้  ทำไมเขาถึงมองข้ามไอ้สารเลวนั่นไปได้กันนะ

ในขณะที่คนึงซักถาม ‘ลูกพี่’ ของไอ้ลอยเป็นการใหญ่ “นายสิงห์พอจะรู้ไหมว่าตอนนี้นายลอยอยู่ไหน”

“จะไปรู้เรอะ” สิงห์บอกปัดส่งๆ  หลบตาวูบยามตอบ “ดึกดื่นป่านนี้  มันก็ต้องอยู่บ้านมันน่ะสิ”

สองครูศิษย์รีบลากำนันกลับไปขึ้นรถ  นักเลงโตได้แต่มองจนลับตาด้วยหัวใจร้อนรุ่ม  ใจเขาวูบตั้งแต่ตอนพ่อเอ่ยชื่อไอ้ลอยออกมาแล้ว

ได้ยินเสียงพ่อบ่นงึมงำแว่วๆ ขณะหันหลังเข้าห้อง  “ไม่รู้จะไปคบมันทำไม” แต่สิงห์ไม่ได้ใส่ใจ 

มือใหญ่กำหมัดแน่น  เหงื่อผุดซึมออกขมับ  เป็นลูกพี่ลูกน้องกันมาหลายปี  เขารู้จักคนอย่างไอ้ลอยดีเหมือนขี้กับไส้  เขารู้ว่ามันไม่กลับบ้านตัวเองนานแล้ว  รู้ดีว่ามันชอบไปซุกหัวอยู่ที่ไหน  และค่อนข้างแน่ใจด้วย ว่ามันเป็นคนพาคุณชายเลอมานไป

แต่ถึงมันจะเลวระยำยังไง  มันก็ยังได้ชื่อว่าเป็นลูกน้อง  ลูกพี่อย่างเขาจะนิ่งเฉยดูลูกน้องฉิบหายไม่ได้  ยอมรับว่าตอนนี้เขาห่วงทั้งไอ้ลอย  ห่วงทั้งคุณชายเล็กไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

ไม่มีเวลาให้คิดอีกแล้ว  ร่างสูงใหญ่ก้าวพรวดลงบันไดทั้งที่ยังไม่สวมเสื้อ  คว้ารถเครื่องไทรอัมพ์คู่ใจพุ่งตะบึงไปในความมืดกลางสายฝนพรำ 
   
เขาจะต้องเจอไอ้ลอยก่อนจ้อยและคนึง!

*******************************


กลอนของไอ้ลอยใช้กับเลอมานไม่ได้!

เพราะไม่ต้องรอให้ถึงสี่  แค่สอง  คุณชายก็ทำท่าจะ ‘แก้ผ้า’ แล้ว
   
“ร้อน!” มือเรียวถอดเสื้อกั๊กไหมพรมออกทางหัว  กองไว้กับพื้นอย่างไม่ไยดี  แถมยังปลดกระดุมออกอีกสองสามเม็ด  เผยแผ่นอกขาวเรียบเนียนไม่อายสายตาใคร

โดยเฉพาะสายตาไอ้ลอยที่จ้องเอาๆ อย่างกับจะกลืนกิน 

ไม่จ้องได้หรือ  ขาวเสียขนาดนั้น  ขาวกว่าอีพวกผู้หญิงที่นั่งออเซาะป้อล้ออยู่รอบโต๊ะนี่เสียอีก  ยิ่งตอนกระพือปกเสื้อพึ่บพั่บ  เผยให้เห็นตุ่มไตสีเรื่อวับๆแวมๆ ไอ้ลอยถึงกับเผลอกลืนน้ำลายลงคอ 

เจอฤทธิ์กัญชาเข้าไป  คุณชายจอมเย่อหยิ่งยิ่งเอาแต่ยิ้ม..ยิ้ม.. แล้วก็หัวเราะ..หัวเราะ.. ตาที่หวานอยู่แล้วยิ่งเยิ้มหยาดปานจะหยด 

“นายลอย..ดูซี่..” มือเล็กคว้าแตงกวาที่วางไว้เป็นเครื่องเคียงยำ  เพิ่งเอาออกจากตู้เย็น  พอถูกอากาศข้างนอกก็มีไอน้ำเกาะพราว  นิ้วเรียวชี้ป้อแป้  หัวเราะอ้อแอ้จนตัวโคลง “แตงกวาเหงื่อออก..”

หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่รอบโต๊ะพากันฮาครืน  เมามายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น   

นักเลงหนุ่มฉกรรจ์หยิบทองหยอดสีทองสวยบนโต๊ะป้อนให้  คุณชายอ้าปากงับทันที  ริมฝีปากนุ่มนิ่มร้อนผะผ่าวโดนมือหยาบ  ไม่งับเปล่า.. เล่น ‘ดูด’ เอารสหอมหวานที่ติดอยู่ปลายนิ้วชนิดไม่ให้เหลือหลอ  ทำเอาคนป้อนถึงกับปั่นป่วน
   
พรานรออย่างใจเย็น  จนร่างบอบบางเอนอ่อนซบลงตรงอกกว้าง 

กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ โชยเรื่อกระทบจมูก  ปาโก ราบานน์ของเลอมานหยดเดียว หอมทนติดกายไปทั้งวัน  ยิ่งผสมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ กลิ่นหญ้าไหม้หอมหวาน  ยิ่งกระตุ้นอารมณ์พิศวาสพลุ่งพล่าน  ท้องทะเลรัญจวนป่วนปั่น  ดั่งมีคลื่นกระทบฝั่งครืนๆ อยู่ในอก

“ง่วงไหม หืม..” เสียงต่ำพร่ากระซิบอยู่ข้างหู  เกลี่ยปลายนิ้วไล้แก้มขาวเบาๆ  คลื่นซัดฝั่งแรงขึ้นจนแทบคลุ้มคลั่งเพียงคุณชายพยักหน้าหงึกหงัก 

“ไอ้ลอยจะพาไปนอนนะ” ไม่ต้องรอคำตอบ  ร่างกำยำประคองคนตัวเล็กกว่าลุกขึ้นทันที  พยุงทุลักทุเลไปที่บันได  ดวงตาสีนิลเหลือบมองวงเหล้า  เห็นไม่มีใครสนใจก็ช้อนร่างเล็กอุ้มแนบอก  พาขึ้นไปยังชั้นสอง  โดยอีกฝ่ายไม่ได้ขัดขืนแม้แต่น้อย   

บนชั้นสองของบ้าน.. กลิ่นคลุ้งของคาวคนที่ดื่มกินเลือดเนื้อวิญญาณกันยังคงลอยอวล  คนตัวโตเปิดประตูไม้ด้วยปลายเท้า  ประคองร่างอ่อนเปลี้ยลงบนเตียงนุ่มอย่างบรรจง  ประหนึ่งพรานใจเย็นเตรียมแล่เนื้อทราย  เลอมานครางเครือในคอแผ่วเบา  ดวงตาคู่สวยปรือขึ้นมอง  หัวเราะคิกคักอย่างไม่มีเหตุผล
   
มือหยาบใหญ่จัดการถอดรองเท้าให้เสร็จสรรพ  นั่งลงเคียงข้างจนเตียงยวบ  เกลี่ยไล้ปลายนิ้วไปทั่ววงหน้าอ่อนละมุน  มันยิ้มให้กับเศษทองเปลวที่ยังติดอยู่บนหน้าผากเนียน 

“หม่อมราชวงศ์เลอมาน..” เสียงต่ำเอ่ยแผ่ว “ขอชื่นใจหน่อยเถอะ”

ริมฝีปากร้อนผ่าวแตะลงบนหน้าผาก  ลากไล้มาที่สองแก้มขาว  สูดเอากลิ่นหอมชื่นลงเต็มปอด  หัวใจพองโตคับอกยามดอกฟ้าหัวเราะอย่างไม่เดียงสา 

ว่าพลางทางประจงปลงจิต        เนื้อสนิทแนบกันกระสันหา
สองชื่นรื่นรสภิรมยา                 ดั่งราหูจู่จับพระจันทร**

   
เสียงหัวเราะสดใสถูกกลืนหายลงในลำคอเมื่อปากร้อนปิดประกบ  ดูดดึงคลึงเคล้า  สอดลิ้นลงในกลีบปากบางที่เผยอเชิญชวน  กลิ่นเหล้าเจือรสน้ำตาลหวานหอมย้อมหัวใจหยาบจนลุ่มหลง  เนิ่นนาน..

ไอ้ลอยผละออกเมื่ออีกฝ่ายทำท่าราวจะขาดอากาศหายใจ  ดวงตาคู่สวยปรือปรอย  ปากอิ่มแดงช้ำชุ่มโชกด้วยน้ำลายโสโครก 

เลอมานแย้มยิ้ม.. ฤทธิ์ยาเสพติดมัวเมา  ฤทธิ์จูบเมามัว  หน้าขาวๆ ขึ้นสีแดงก่ำยามขยับริมฝีปากเอ่ยเสียงชะอ้อน   

“อาจารย์..”

ไอ้คนใจหยาบชะงักกึก             

“อาจารย์.. จูบเล็ก..อีกแล้ว..” เสียงหวานหัวเราะคิก  เอียงหน้าฉอเลาะ  วางสองมือบนต้นคอหนา  เหนี่ยวให้โน้มต่ำลง   

ความคิดบางอย่างแล่นวาบในสมองต่ำๆ  รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เข้าแทนที่อาการตะลึงงัน  สนุกละทีนี้!

“เล็ก..” ไอ้ลอยสวมรอยทันที “ครูเคยจูบเล็กหรือ”

คุณชายพยักหน้าหงึกหงัก  “ที่กรุงเทพไง..”

“งั้นครูให้จูบคืน..”

เลอมานยิ้มร่า.. โน้มต้นคอร่างสูงใหญ่ลง  แหงนเงยหน้าฝากรสจุมพิตไร้เดียงสา  ทว่าในความไร้เดียงสา  คล้ายค่อยๆ จุดไฟให้ติด 

ไอ้ลอยฮึกโหมตะโบมเคล้า  หมายมาดเผด็จสวาทให้อร่อยเหาะ  สัญชาติญาณดิบพลุ่งพล่านเหมือนน้ำเดือดบนเตาไฟ  วินาทีนี้มันขอเตะคำว่า ‘อ่อนโยน’ ลอยหวือเข้าดงกล้วย  มือหยาบกระชากเสื้อเชิ้ตราคาแพงจนสาบขาดแล่งกระดุมกระเด็น  ใบหน้าคมเข้มซุกไซ้ลงซอกคอหอม  ดูดดึงขบเม้มตีตราจนขึ้นจ้ำแดง  ไล่เรื่อยมาจนถึงแผ่นอกขาวเนียน..

โครม!! 

ใครคนหนึ่งถีบประตูเปิดออกรุนแรง  ไอ้ลอยชะงักจากเรือนร่างยวนเย้า  หันขวับมองต้นเสียงทันใด

ไอ้สิงห์!!

“ไอ้ลอย  มึงทำเหี้ยอะไร!” ลูกพี่โจนพรวดเดียวถึงตัว  หัวหูเปียกม่อล่อกม่อแลก  ผ้าพันแผลที่หัวมีเลือดแดงซึมจางๆ  หยดน้ำฝนเกาะพราวบนแผงอกกำยำ  มือใหญ่กระชากคอเสื้อลูกน้องตัวดีออกมาอย่างแรง 

ไอ้ลอยจึ๊ปากอย่างขัดใจสุดชีวิต  หมูจะหามเสือกเอาคานเข้ามาสอด       
   
สิงห์ปราดมองคนผ้าผ่อนหลุดลุ่ยบนเตียงแล้วขบกรามกรอด  มือกำคอเสื้อลูกน้องแน่นขึ้น  “มึงจะทำอย่างนี้ไม่ได้  ลูกเขามีพ่อมีแม่”

“อ้อ..” อีกฝ่ายเพียงแค่นหัวเราะ “ถ้าไม่มีพ่อไม่มีแม่อย่างไอ้จ้อยก็ทำได้งั้นสิ”

“มึง!” ลูกพี่ถลึงตาใส่  เงื้อง่ากำปั้นขึ้นหมายจะชกปากหมาๆ นั่นให้เลือดกบ  แต่แล้วกลับเปลี่ยนใจ  มือใหญ่ผลักอกหนาออกอย่างแรงแล้วปรูดไปดูอาการคนบนเตียง 

“มาช่วยกันสิวะ  รีบพาเขาไปส่งเร็ว!” แขนแกร่งประคองร่างระทดระทวยขึ้นอย่างทุลักทุเล  คุณชายเมามายไม่ได้สติ  เอาหน้าร้อนๆ มาซุกอกกว้างจนไอ้สิงห์ใจกระตุกวูบ  มือปลาหมึกลูบไล้หนุบหนับไปตามแผ่นหลังล่ำสัน  จนนักเลงโตอดสบถออกมาไม่ได้ “โธ่เว้ย!  นี่ก็เมาเหมือนหมา!”

ไอ้ลอยหัวเราะหึ  ไม่ใช่หมาธรรมดา  แต่เป็นหมาติดสัดเสียด้วย 

คนก่อเรื่องเดินไปจุดบุหรี่สูบหน้าประตูไม่แยแส  ขณะไฟแช็คสว่างวาบ  ดวงตาคมกริบก็เหลือบเห็นคนสองคนวิ่งขึ้นบันไดมา
   
ไอ้จ้อยกับไอ้คนึง!

จ้อยชะงักทันทีที่เห็นอดีตคู่กรณียืนจังก้าเต็มกรอบประตู  ดวงตาคู่ใสฉายแววหวาดกลัวชิงชัง  หากคนึงดูร้อนใจกว่าใคร  เม็ดเหงื่อเกาะพราวบนใบหน้าคมสัน  ร่างสูงใหญ่สาวเท้าเข้าไปหาผู้ต้องสงสัยทันที

“นายลอยเห็น..” เสียงห้าวถึงกับชะงัก  เมื่อเห็นหน้าอีกฝ่ายชัดๆ

แสงไฟนวลสะท้อนเกล็ดทองเปลวเล็กๆ บนปากไอ้ลอย!

โดยไม่มีใครคาดคิด  อาจารย์หนุ่มชกปากคนตรงหน้าดังเปรี้ยง! 

จ้อยถึงกับตะลึงเมื่อเห็นคนเยือกเย็นที่ครองสติได้ดีเยี่ยมมาตลอดโจนเข้าชกปากนักเลง  ร่างใหญ่หนาตั้งหลักไม่ทันถึงกับหงายหลัง  คนึงไม่รอช้าตามไปคร่อมไว้ทันควัน  ซัดกำปั้นที่ใบหน้ามันหลายหมัด  แต่มีหรือคนอย่างไอ้ลอยจะยอมให้ชกอยู่ฝ่ายเดียว  ชายฉกรรจ์สองคนที่คล้ายกันอย่างเดียวคือเรือนร่างสูงใหญ่  นอกนั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวชกต่อยกันอุตลุดกลางซ่อง

“อาจารย์! พอเถอะครับ!” จ้อยตามไปห้าม  แต่ทันทีที่เห็นร่างคนสองคนบนเตียงเท่านั้น  ทั้งร่างถึงกับชาดิกราวเลือดในกายเย็นเฉียบเป็นน้ำแข็ง

สิงห์เองก็ไม่ต่างกัน  เขาสะดุ้งตั้งแต่เห็นไอ้ลอยโดนชกหงายตึงเข้ามาในห้องแล้ว  หากคนเดียวที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยคงจะเป็นเลอมาน 

“อาจารย์..” คุณชายยังเพ้อละเมอมัวเมา  หัวเราะคิกคักเหมือนมีความสุขเต็มที่  คนถูกเรียกถึงกับยอมปล่อยคู่ชกทันที  เพียงเห็นสภาพศิษย์  อาจารย์ถึงกับปวดยอกในอก

ลูกชายกำนันตาโตเท่าไข่  จ้องนักเรียนครูตัวเล็กตาไม่กระพริบ  กว่าจะตั้งสติได้ก็ตอนคนึงผวามากระชากร่างบอบบางออกจากอ้อมแขนไปกอดไว้อย่างทะนุถนอม  นักเลงหนุ่มทะลึ่งกายลุกขึ้นยืนพรวด

“จ้อย.. มะ..ไม่ใช่อย่างที่เอ็งคิดนะ” เสียงห้าวตะกุกตะกักน่าสมเพชอย่างที่ไม่เคยเป็น 

จ้อยพูดไม่ออก  หรืออีกความหมายหนึ่งคือเขาไม่มีอะไรจะพูด

ไม่ได้เสียใจ  ไม่ได้ผิดหวัง  แต่เป็นความชิงชังที่เพิ่มพูนทับทวี 
เมื่อครู่ตอนไปถามที่บ้านบอกว่าไม่รู้ไม่เห็น  แล้วทำไมพอเจออีกทีถึงมากอดคุณชายเพื่อนรักของเขาไว้แบบนั้น!
   
คนึงกระชับสาบเสื้อขาดแล่งของเลอมานเข้าหากัน  ตระกองกอดแนบอกก่อนอุ้มออกไปราวจะปกป้องแก้วใสจากสถานที่โสมม  กัดฟันกรอดเมื่อมือเล็กโอบรอบคอ  ซุกไซ้ใบหน้ากับอกเขาอย่างคนไม่มีสติ  ไอ้นักเลงพวกนี้ทำอะไรคนสำคัญของเขา!   

จ้อยหันหลังตามอาจารย์ไปติดๆ  หากแขนเล็กกลับถูกเหนี่ยวรั้งไว้  “จ้อย  เอ็งฟังก่อน”

นักเรียนครูไม่ฟังคำแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น  แขนผอมบางพยายามสะบัดหนีจากอุ้งมือแกร่งราวคีมเหล็ก  สองคนยื้อยุดกันไปมา 

“ทำไมไม่ฟังกันเลยวะ!” สิงห์ขึ้นเสียงใส่ด้วยความโมโห  จ้อยดิ้นรนจนเป็นอิสระ  หันไปมองอาจารย์ที่ยืนรออยู่หน้าประตู 

แล้วคำพูดแรก.. ก็ออกจากปากน้อง
แล้วฟางเส้นสุดท้าย.. ก็ถูกทิ้งลงกลางใจพี่

“ไปเถอะครับอาจารย์  เราอย่าลดตัวไปยุ่งกับคนต่ำๆ พรรค์นี้เลย”

เหมือนอะไรบางอย่างในหัวสิงห์ขาดผึง  ขาดผึงไปพร้อมๆ กับก้อนเนื้อในอกที่แหลกลาญร่วงกราว  ยิ่งกว่าความเสียใจคือความโกรธ  ความแค้น  ความผิดหวัง  ความรู้สึกทั้งหมดนั่นตีรวนคลุ้มคลั่ง  ก่อเกิดเป็นพายุอารมณ์ที่พร้อมจะทำลายล้างได้ทุกเมื่อ 

สิงห์เหนี่ยวไหล่น้องกลับมา  กระแทกแผ่นหลังเล็กกับข้างฝาดังตึง 

“มึงสูงส่งนักใช่ไหม  กูต่ำนักใช่ไหม” เสียงทุ้มพร่าเหี้ยมเกรียม  ดวงตาสีนิลส่งประกายอำมหิตอย่างที่จ้อยไม่เคยเห็น “ดี.. กูจะกระชากมึงลงมาให้ต่ำกว่ากู  ทีนี้มึงจะได้รู้ว่ารสชาติของการถูกเหยียบย่ำจมตีนมันเป็นยังไง!”

“นายสิงห์! ปล่อยจ้อยเดี๋ยวนี้!” คนึงหันมาตะคอกใส่  ‘คนต่ำๆ’ ยอมปล่อย ‘คนสูงส่ง’ ทันที 

ลูกชายกำนันมองแผ่นหลังเล็กๆ ที่วิ่งตามอาจารย์ไม่เหลียวหลังด้วยแววตาผิดหวังระคนแค้น

ในเมื่อพยายามทำดีแล้วยังมองไม่เห็นหัวกัน  กูก็จะเลวให้เหมือนที่มึงด่า  จะชาติชั่วให้สมกับที่มึงตราหน้า 
ระวังตัวไว้ให้ดีไอ้จ้อย! 

มึงรอรับความระยำจากกูได้เลย!


โปรดติดตามตอนต่อไป
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
* ยูงกระสันเมฆ, วินัย จุลละปุษปะ ขับร้อง, แก้ว อัจฉริยกุล คำร้อง (ตอนพิมพ์เนื้อเพลงแอบเขินหน่อยๆ  :-[ เพลงนี้จัดว่าแรว๊งจนโดนแบนในสมัยนั้นเลยค่ะ)
** กากีกลอนสุภาพ


ขอโทษด้วยนะคะที่มาอัพช้า เนตที่บ้านเป็นอะไรไม่รู้ หรือเป็นเพราะเมื่อวานเมืองนนท์ฝนตก (เกี่ยว? :z6:)
ตอบเม้นไ่ัม่ทันด้วยฮือๆ ขอรวบยอดเป็นตอนหน้าเลยละกันนะคะ
ขอบคุณคนอ่านทุกคน ขอบคุณทุกคอมเม้นมากค่ะ  :กอด1:

รักคนอ่าน

ดอกไม้
๑๘ ก.พ. ๕๕

ปล. ใครหมั่นไส้น้องจ้อยเตรียมเฮได้เลยจ้า ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-02-2012 19:48:11 โดย ดอกไม้ »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด