ตอนที่ 39 ห้องจัดเลี้ยงทุกโต๊ะมีคนนั่งเต็มจำนวนและทุกสายตาก็จับจ้องไปบนเวทีที่มีนักร้องสาวชื่อดังกำลังขับร้องเสียงหวานกังวาน แต่มีสายตาเพียงคู่เดียวที่จับจ้องไปยังคนตัวเล็กข้างกายด้วยสายตาเว้าวอน
“ฟิน มองอะไรมิคนักหนาหันไปมองบนเวทีสิ” ใบหน้าหวานที่รู้ตัวตลอดว่าโดนจับจ้องก็ทนไม่ไหวกับสายตาที่ไม่คลาดไปจากหน้าตัวเอง จนต้องหันมาโวย
“มิคอ่ะ” เสียงกระเง้ากระงอดดังขึ้นแบบไม่สมตัว
ผมหันหน้ากลับมามองที่หน้าเวทีแบบน้อยใจคนข้างกาย ก็จะอะไรล่ะครับหลังเหตุการณ์ในสวนด้านนอกนั่นที่ผมโดนขัดจังหวะจากมารความรักนามว่า ‘นัท’ ที่โดนคุณตาวานให้มาตามผมเพราะจะได้เวลาต้องขึ้นกล่าวบนเวที ทำให้ผมพลาดที่จะได้ฟังคำรักจากปากมิคเพราะมิคพอเห็นว่าเด็กนัทที่เกาะแกะผมตั้งแต่ในงานมาตามแบบนี้ ก็เดินหนีผมออกมาทันทีผมที่โดนจับแขนไว้ก็พยายามสลัดนัทออกอย่างนุ่มนวลก่อนรีบเดินตามมิคเข้ามา ไม่รู้ว่าไอ้น้องเมียนายแม็คไปไหนถึงปล่อยเด็กนี่มาเกาะผมอีกแบบนี้ เมื่อเข้ามาในงานผมก็เห็นครอบครัวมิคนั่งโต๊ะพร้อมหน้าและมีคุณตาผมนั่งอยู่พร้อมลูกค้าอีกสองคน ผมก็เดินรี่เข้ามานั่งเก้าอี้ว่างข้างมิคทันทีและจับจ้องหน้าหวานมาตั้งแต่ตอนนั้นล่ะครับ ลืมสนใจคนที่โดนใช้ไปตามเลยแต่คงกลับไปนั่งกับครอบครัวตัวเองแล้วมั้งครับ จนมาโดนมิคโวยขึ้นก็อดน้อยใจไม่ได้ แหมก็เมื่อครู่เราก็เข้าใจกันแล้วแถมยังหวานกันดีๆแต่พอเด็กนัทมามิคก็มึนตึงกับผมอีกซะงั้น ตามองบนเวทีแต่ไม่ได้รับรู้ภาพเข้าสมอง หูก็ฟังเพลงแค่เข้าหูซ้ายออกหูขวาแม้เสียงเพลงจะไพเราะแค่ไหนก็ไม่สามารถทำให้ผมสนใจได้ ก็ผมน่ะมัวแต่น้อยใจมิคและหมกมุ่นกับแค่คนน่ารักเท่านั้นนี่ครับ
“อ่ะ ฟินกินก่อนเดี๋ยวต้องขึ้นเวทีอีก มิคยังไม่เห็นว่าฟินกินอะไรเลยตั้งแต่มาถึง” เสียงหวานดังขึ้นพร้อมอาหารที่ถูกตักมาให้ในจานผม
ผมไล่สายตาจากมือขาวขึ้นไปตามแขนจนได้สบตาหวานภายใต้แว่น แม้หน้ามิคจะนิ่งแต่สายตาก็มีแววหวานให้ได้เห็น มิคทำแบบนี้ถือว่าเป็นการง้อผมแล้วใช่มั้ยครับ ผมไม่คิดเล่นตัวอยู่แล้วครับเพราะเดี๋ยวที่รักจะเปลี่ยนจากง้อเป็นโกรธถ้าผมเล่นตัวมากเกินไป ผมจึงยิ้มอ้อนให้มิคและตักอาหารในจานเข้าปากเคี้ยว
“มิคครับหมดแล้ว ตักให้ฟินอีกนะครับ”
ผมอ้อนมิคที่นั่งฟังเพลงมองไปบนเวทีอยู่ ก่อนที่มิคจะหันมามองผมและถอนใจออกมา และเอื้อมไปตักอาหารใส่จานผมอีกครั้ง และหลังจากนั้นมิคก็ตักให้ไม่ขาดเลยครับ
“ฮึๆๆ หนูมิคนี่ดูแลคุณฟินดีจังเลยนะคะ” เสียงของผู้สูงวัยที่เป็นภรรยาลูกค้าที่ร่วมโต๊ะทักขึ้นสีหน้ายิ้มเอ็นดู มิคที่ได้ฟังก็ยิ้มเขินส่งไปให้ ส่วนผมนี่นั่งยืดยิ้มกว้างทันทีครับ
“แหม คุณเจริญมีหลานน่ารักแบบนี้น่าจะแนะนำให้ดิชั้นรู้จักแต่แรกนะคะ เผื่อหนูมิคจะสนใจลูกสาวคนเล็กของดิชั้นบ้าง”
ผมได้ฟังประโยคนี้ก็แอบเคืองครับแต่นี่คือลูกค้า ผมก็ได้แต่ยิ้มนิดหน่อยไปให้ก่อนจะคว้ามือนุ่มที่วางบนตักมากุมแน่น
“ฮึๆๆ คงไม่ได้หรอกครับคุณสมรเพราะหนูมิคนี่มีคนจองแล้ว แถมหวงซะด้วยซิ ใช่มั้ยครับคุณกตคุณดา”
“ฮึๆๆ / คิกๆๆ จริงค่ะ และคงไม่ใช่แค่เจ้าของหวงอย่างเดียวแต่ดูท่าลูกดิชั้นก็หวงเจ้าของไม่แพ้กันนะคะ ฮิๆๆ” เสียงหัวเราะครึกครื้นของทั้งคุณตา พ่อตา และแม่ยายผมดังขึ้นประสานกันหลังประโยคกระเซ้าลูกชายตัวเอง
ผมที่กุมมือมิคไว้ก็ยิ้มกว้างเพราะเห็นด้วยกับแม่ยายผม และสิ่งที่ท่านพูดทำให้ผมเห็นมิคเขินหน้าแดงแบบที่ช่วงนี้ผมได้เห็นบ่อยกว่าเดิม มิคเหลือบตามาทางผมก่อนกลับไปก้มหน้าซ่อนหน้าแดงๆกับอกไม่กล้าโวยอย่างเคยเพราะอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ทั้งโต๊ะ ผมไม่ได้มองหน้าของคุณสมรว่าจะทำสีหน้าแบบไหนหรือรู้ความนัยเรื่องที่เราพูดรึเปล่า เพราะสายตาผมมองแค่แก้มกลมแดงปรั่งของมิคเท่านั้น
“......ลำดับต่อไปขอเชิญท่านผู้บริหารหนุ่มหล่อไฟแรงของบริษัท ‘อรุณกิจไพศาล’ ของเรา คุณชินกรณ์ ขึ้นมากล่าวบนเวทีครับ”
เสียงพิธีกรบนเวทีประกาศเชิญให้ผมขึ้นเวทีดังขึ้นและตามมาด้วยเสียงปรบมือดังก้อง ผมก็ละสายตาจากใบหน้าหวานมองไปรอบโต๊ะที่จับจ้องมาที่ผมยิ้มๆ ผมกระชับมือนุ่มของมิคก่อนส่งยิ้มให้เมื่อมิคเงยหน้าขึ้นมาสบตา
“เดี๋ยวฟินมานะครับ” ผมเอ่ยกับคนน่ารักที่มองอยู่ ก่อนปล่อยมือนุ่มเดินขึ้นเวที
“วันนี้เป็นวันครบรอบ 30 ปีของบริษัท ‘อรุณกิจไพศาล’ ก็ถือว่าเป็นวันดีนะครับที่ทำให้เรามารวมตัวกันในวันนี้ได้ งานเลี้ยงคืนนี้ผมถือเป็นการตอบแทนท่านลูกค้าที่ให้การสนับสนุนด้วยดีมาตลอด และได้ทำให้ผู้บริหารได้พบปะพนักงานที่ทำงานให้กับบริษัทของเรา ผมขอเป็นตัวแทนเหล่าผู้บริหารขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ให้การสนับสนุน และที่สำคัญขอขอบคุณคนทำงานที่อุทิศตัวเพื่อ ‘อรุณกิจไพศาล’ ของเราครับ ขอบคุณครับ”
เสียงปรบมือจากคนที่นั่งด้านล่างเวทีดังกึกก้องหลังผู้ที่ดำรงตำแหน่งสูงสุดกล่าวจบ ใบหน้ามีรอยยิ้มกว้างอย่างชื่นชมในความสามารถของคนบนเวที แม้นมีผู้คนมากมายภายในห้องจัดเลี้ยงให้ได้มองแต่สายตาของคนบนเวทีไม่ได้สนใจ เพราะสายตาเพียงคู่เดียวที่ผมสบด้วยก็คือคนน่ารักที่นั่งอยู่ตรงหน้าเท่านั้น รอยยิ้มอ่อนๆที่มิคมีให้เหมือนเป็นกำลังใจส่งตรงมาให้ผมที่ยืนอยู่บนเวที
“เราก็ได้ฟังคำกล่าวของคุณชินกรณ์กันไปแล้วนะครับ ผมที่เป็นตัวแทนของพนักงานอยากจะขอถามสักนิดอีกสักคำถามครับ เพราะเป็นปัญหาคาใจของสาวๆบริษัทเรามากครับ นี่ถ้าผมไม่ถามลงไปผมคงโดนเล่นงานแน่ๆเลยครับ ฮึๆๆ”
“ถามเลยๆๆ”
หลังเสียงพิธีกรที่เป็นพนักงานของบริษัทขอถามคำถามและแก้ตัวให้ตัวเองเสร็จสรรพอย่างอารมณ์ดี ก็มีพนักงานด้านล่างส่งเสียงเชียร์ให้ถามมาเลย ผมที่ยืนอยู่ก็ได้แต่ยิ้มและกวาดตามองโดยรอบก็พบแต่คนส่งเสียงเชียร์ ดูท่างานนี้คงต้องเลยตามเลยคอยตอบคำถามซะแล้วครับ เพราะวันนี้อยากให้ทุกคนได้สนุกกันเต็มที่อยู่แล้ว
“เมื่อคุณชินกรณ์ไม่ปฏิเสธผมก็ขอถามเลยนะครับ คุณชินกรณ์ที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้มีแฟนรึยังครับ ถ้ายังไม่มีแล้วสเป็คเป็นแบบไหนครับ ถึงจะมีสิทธิมาเป็นแฟนหนุ่มหล่อได้ครับ ”
หลังคำถามของพิธีกรก็เกิดความเงียบขึ้นมาเหมือนทุกคนรอฟังคำตอบจากปากหนุ่มหล่อบนเวทีที่เป็นที่หมายปองของผู้หญิงทั้งงานในคืนนี้ ผมที่กวาดตามองไปรอบๆก่อนมาหยุดตรงหน้าสบตาคนที่ได้ชื่อว่าเป็นมากกว่าแฟน ส่งยิ้มหวานไปให้ผลก็คือมิคหน้าแดงยิ้มน้อยๆแต่ไม่ได้หลบตากัน
“ฮึๆ ผมไม่เคยมีสเป็คครับ ขอแค่คนที่เข้าใจในตัวตนของผมอย่างแท้จริงและเป็นคนที่พอดีกับผมเท่านั้นครับ และผมก็หาคนๆนั้นเจอแล้วครับ” ขณะที่พูดสายตาผมไม่ได้คลาดไปจากตาหวานด้านล่างและส่งยิ้มไปให้คนที่จับตามองผมแบบไม่กระพริบตาด้วยใบหน้าแดงก่ำ
เสียงด้านล่างเซ็งแซ่ด้วยเสียงบ่นเสียดายกับคำตอบที่ได้ฟัง มีบางคนไม่พอใจลุกเดินออกไปนอกงานแอบเห็นหลังน้องเมียเดินตามติด แต่ผมก็ไม่ได้ให้ความสำคัญมากนักแค่ส่งยิ้มให้คนหน้าแดงตรงหน้าก็ยุ่งพอแล้วครับ
“โอ้โฮ คุณชินกรณ์ทำสาวๆอกหักเป็นแถวเลยนะครับ แต่เอ๊ แล้วคนๆนั้นของคุณชินกรณ์มาในงานวันนี้รึเปล่าครับ” เสียงพิธีกรส่งคำถามดังขึ้นทำเอาเสียงนกกระจอกแตกรังเงียบกริบ เพราะหันมารอฟังคำตอบจากปากหนุ่มหล่อที่ยังอารมณ์ดียิ้มกว้างตลอดเวลา
ผมมองไปที่มิคเจ้าตัวหน้าเหวอตกใจกับคำถาม ตาโตอ้าปากหวอ ส่ายหน้าเบาๆมาทางผมที่แปลได้ว่าไม่อยากให้เปิดเผย
“ฮึๆๆ วันนี้ครอบครัวและคนสำคัญของผมคนนั้นมาด้วยครับ แต่อย่าถามว่าเป็นใครเพราะดูท่าทางเค้าจะอายมากแล้ว เอาแบบนี้นะครับผมว่าเรามาสนุกต่อกันดีกว่า รู้สึกว่ารายการต่อไปนี่จะเป็นการจับรางวัลด้วยนี่ครับ ผมขอให้ทุกท่านสนุกกับงานในคืนนี้ให้เต็มที่นะครับ ขอบคุณครับ”
ผมตอบคำถามที่ทำเอาคนหน้าแดงส่ายหน้ายิกๆอ้าปากค้างไปเลยครับ มิคคงกลัวผมประกาศออกไมค์ให้เจ้าตัวได้อายกว่านี้แน่ๆครับ แต่เมื่อผมแค่ยอมรับและตัดบทไปแบบนั้นก่อนลงเวที มิคก็ทำท่าทางโล่งอกถอนหายใจพรูจากปากทันที เห็นแล้วหมั่นเขี้ยวอยากกดจูบที่ปากแดงๆนั่นจัง ไม่รู้จะอายทำไมเพราะสักวันทั้งบริษัทก็ต้องรู้อยู่ แต่เอาเถอะปีนี้ผมยังไม่ประกาศปีหน้ายังมีครับ อีกอย่างผมว่าถ้าคนที่ช่างสังเกตต้องรู้ล่ะครับว่าคนสำคัญของผมเป็นใครเพราะตลอดงานผมกับมิคตัวติดกันตลอดแม้จะมีก้างอีกสองคนก็ตาม
“มิคครับหน้าแดงใหญ่เลยน้า อายทำไมกัน หืม เดี๋ยวสักวันทุกคนก็ต้องรู้” ผมนั่งเก้าอี้ได้ก็ก้มกระซิบชิดหน้าแดงๆของมิค ไม่ได้สนใจว่าใครจะมอง ซึ่งเชื่อได้เลยว่าตอนนี้ใครไม่รู้ก็ได้รู้ล่ะครับว่ามิคเป็นคนสำคัญของผม ก็ภาพความใกล้ชิดที่ผมบรรจงสร้างอยู่นี่ไงครับ
“ฟินนน อื้ออ เอาหน้าไปไกลๆก่อน ไอ้ที่ไม่บอกบนเวทีน่ะคนอื่นเค้าก็คงรู้หมดแล้วมั้ง” มิคผลักหน้าผมออกเบาๆและบ่นพึมพำพอให้ผมได้ยิน
“ฟินจงใจนี่ครับ คนอื่นจะได้รู้กันไปว่าคนนี้น่ะ ‘เถ้าแก่เนี้ย’ บริษัทอรุณกิจไพศาล” หน้าถูกกันออกแต่มือผมก็ยื่นไปคว้ามือนุ่มมากุมแทนจะว่าผมติดสัมผัสจากคนรักก็ว่าได้ครับ
“ฮ่าๆๆ ไอ้หลานชายแกนี่มันได้ดั่งใจตาจริงๆ ฮึๆๆ” เสียงแหบห้าวหัวเราะก้องอย่างชอบใจกับการกระทำของหลานชาย
ผมหันไปส่งยิ้มยักคิ้วให้คุณตา และเหลือบไปมองทางพ่อตาแม่ยายว่าท่านจะว่าอะไรรึเปล่า แต่ก็ต้องโล่งใจเพราะพ่อตาผมแม้ไม่ยิ้มและหันหน้ามองตรงไปที่เวทีแต่ก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร ส่วนคุณแม่ยายที่น่ารักก็ยิ้มกว้างตาปิดมาทางผม ซึ่งผู้ใหญ่คนอื่นๆบนโต๊ะก็ยิ้มน้อยๆมาทางคู่เราด้วยสายตารู้ทันและเข้าอกเข้าใจ ผมก็ได้แต่แจกยิ้มไปให้ทั้งโต๊ะเพราะคนน่ารักแก้มแดงก้มหน้าอยู่ด้วยความอาย
การแจกรางวัลบนเวทีก็ดำเนินไปและต่อด้วยการแสดงที่จ้างมา ผมที่นั่งกับมิคก็คอยตักอาหารเปลี่ยนเครื่องดื่มให้เพราะคนน่ารักเค้าอายจนไม่กล้าแม้แต่จะทานแม้จะเป็นสิ่งที่โปรดปรานก็ตาม จนได้เวลาเลิกงานที่ไม่มีการแสดงแต่เปิดเพลงคลอให้ได้ฟังเพราะหลังจากนี้เมื่อลูกค้าบริษัทกลับหมด พนักงานส่วนใหญ่จะยังอยู่เพื่อแดนซ์กันเรื่องเครื่องดื่มไม่ต้องห่วงเพราะคำสั่งตรงมาจากท่านเจ้าของบริษัทที่แท้จริงว่าเต็มที่
“มิคครับเดี๋ยวรอส่งลูกค้าหมดก่อนแล้วเรากลับพร้อมกันนะครับ คืนนี้อยู่ค้างคืนที่บ้านฟินนะครับ”
ผมแตะหลังเอวมิคที่กำลังเดินตามหลังพ่อแม่เพื่อกลับบ้านหลังจากรำลาคุณตาแล้ว และรอคำตอบจากคนรักลุ้นตัวเกร็งเลยครับ เพราะดูท่ามิคอยากจะตามพ่อแม่กลับบ้าน ยิ่งนายแม็คที่หายตัวไปเพิ่งโทรมาบอกพี่ชายว่าขอตัวออกมาก่อนโดยไม่ให้เหตุผลว่าไปไหน มิคคงห่วงพ่อกับแม่แม้ผมจะให้คนขับรถที่บ้านไปส่งก็ตาม
“นะครับมิค พรุ่งนี้วันศุกร์มิคก็ต้องไปเรียนด้วย เดี๋ยวฟินกำชับคนขับรถให้ขับระวังสุดๆเลยนะครับ นะ”
ผมออดอ้อนกับคนตัวเล็กข้างกายเพราะไม่อยากนอนหนาวคนเดียวนี่ครับก็ตั้งแต่คืนนั้นผมก็นอนกอดคนตัวหอมหลับทุกคืน แม้จะไม่ได้มีอะไรเกินเลยขอแค่มีมิคในอ้อมกอดก็พอแล้วครับ มิคหยุดเดินเงยหน้ามามองผมก่อนพยักหน้าให้ผมล่ะดีใจที่สุดที่ไม่ต้องนอนหนาวแอบวางแผนในใจสำหรับคืนนี้ด้วยครับ เราเลยรำลาส่งครอบครัวมิคขึ้นรถก่อนเดินมาที่หน้างานเพื่อรอส่งลูกค้า
“คุณฟินคะที่ประกาศบนเวทีว่ามีคนพิเศษแล้วคนๆนั้นใช่คนนี้รึเปล่าคะ”
เสียงผู้หญิงดังเข้ามาขณะที่ผมและมิคยืนส่งแขกอยู่ เมื่อหันไปก็พบว่าเป็นสาวสวยคนคุ้นเคยที่วันนี้สวมชุดสีน้ำเงินน้ำทะเลคล้องคอปล่อยชายขับผิวขาวให้ผ่องยิ่งขึ้น ถ้าสังเกตจะพบว่าบริเวณหน้าท้องยื่นออกมาเล็กน้อย
“คุณภัส” ผมเอ่ยชื่อหญิงสาวตรงหน้าออกมาทำให้มิคที่ยืนข้างผมนั้นคว้าแขนผมไว้ทันที ผมหันกลับไปมองหน้ามิคก็พบว่าเจ้าตัวกำลังจับจ้องไปที่สาวสวยที่เพิ่งมาทัก
“สวัสดีค่ะคุณฟิน นี่คงเป็นคุณมิคใช่มั้ยคะ ยินดีที่รู้จักค่ะ” ภัสยิ้มหวานเต็มหน้ามาให้มิคและยื่นมือมาข้างหน้าเพื่อทักทาย
มิคก้มมองมือที่ยื่นมาก่อนยื่นมือไปสัมผัสด้วย
“คุณมิคน่ารักอย่างนี้นี่เองมิน่าคุณฟินทั้งรักทั้งหวงแบบนี้” ภัสยังจับมือมิคไม่ปล่อยและส่งยิ้มให้อย่างถูกใจ ผมที่ได้เห็นแบบนั้นก็รีบคว้ามือนุ่มของมิคออกมาจากการเกาะกุม ถึงจะเป็นผู้หญิงผมก็หวงมิคครับ
“คุณภัสมาตอนไหนครับ ผมไม่ทันได้ต้อนรับขอโทษด้วยนะครับ” ผมที่มีมือนุ่มอยู่ในมือแล้วก็รีบเบี่ยงเบนประเด็นให้ห่างตัวคนน่ารัก
“ภัสมาสายนิดหน่อยค่ะ แหมคนท้องก็แบบนี้แหละค่ะจะไปไหนทีวุ่นวายไปหมด ฮิๆๆ” ภัสยิ้มกว้างและลูบมือที่หน้าท้องนูน ถ้าไม่สังเกตคงไม่รู้ว่าเธอตั้งครรภ์ ผมเห็นมิคมองหน้าท้องเธอตาโตก่อนหันมาสบตากับผมก่อนหันไปส่งยิ้มให้ภัส
“ยินดีด้วยนะครับคุณภัส” เสียงหวานดังขึ้นอย่างจริงใจพร้อมรอยยิ้มหวาน
“อุ๋ย คนอะไรยิ่งยิ้มยิ่งน่ารัก แหมฟินคะไม่ต้องหวงคุณมิคกับภัสหรอกค่ะ ในท้องภัสเนี่ยมีพยานรักของภัสกับสามีแล้วนะ คนอะไรหวงจริง คุณมิคคะภัสขอคุยด้วยหน่อยนะคะ” ภัสว่าที่คุณแม่ส่งค้อนให้คนขี้หวงก่อนเอ่ยปากขอคุยกับมิค
มิคที่ได้ฟังก็พยักหน้ารับทำให้เราสามคนเดินหลบผู้คนมาทางด้านนอก ผมนั้นพอรู้ล่ะครับว่าเรื่องอะไรที่ภัสต้องการคุยด้วย และก็เป็นแบบที่ผมคิดไว้ เพราะภัสเอ่ยคำแรกกับมิคว่า ‘ขอโทษ’ ทันทีที่เริ่มคุย เรื่องราวครั้งก่อนที่ผมต้องโกหกมิคพรั่งพรูออกจากปากเธอถึงเหตุผลที่เธอว่าขอให้ผมช่วย ภัสเธอก็ไม่รู้ว่าผมนั้นต้องโกหกมิคเพราะเธอและเธอก็เป็นสาเหตุที่มิคโกรธผมมากจนไม่พูดกันเป็นเดือนจนเกิดเรื่องราวมากมายที่ผ่านมา ผมนั้นไม่ได้บอกเธอหรอกครับว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมหลังแผนการณ์วันนั้นเมื่อผมทำให้คู่รักเค้าคืนดีกันได้ผมก็ถือว่าได้ช่วยเพื่อนสำเร็จและทำให้คนรักเข้าใจกันก็พอแล้วก็แล้วกันไป เพราะความสนใจทั้งหมดของผมอยู่กับมิคที่ไม่ยอมพูดด้วยเท่านั้น
“ภัสรู้สึกผิดมากเลยค่ะที่ทำให้ฟินโดนคุณมิคโกรธแบบนั้น ไม่รู้จะหาวิธีช่วยยังไงเหมือนกัน จนมาเจอคุณมิควันนี้ก็อยากจะขอโทษด้วยตัวเองและช่วยยืนยันอีกแรงเลยค่ะ ว่าฟินรักคุณมิคจริงๆเพราะภัสไม่เคยเห็นฟินเป็นได้ขนาดกับใครเลยนะคะ คุณมิคไม่โกรธภัสนะคะ” ว่าที่คุณแม่พูดพร้อมน้ำตาซึม
“ไม่ครับมิคไม่โกรธคุณภัสหรอกครับ” เสียงหวานละมุมของมิคเอ่ยกับภัสและส่งผ้าเช็ดหน้าของตัวเองไปให้ว่าที่คุณแม่ที่คงรู้สึกผิดจริงๆจนน้ำตาซึม
“จริงๆนะคะ ภัสค่อยโล่งใจหน่อย” ภัสเช็ดน้ำตาไปด้วยยิ้มไปด้วยท่าทางโล่งใจที่มิคไม่ติดใจอะไรตัวเองแล้วจริงๆ
หลังจากนั้นโทรศัพท์เครื่องภัสก็ดังขึ้นและเป็นสามีที่โทรมาตามตัวว่าหายไปไหน เพราะแค่ขอตัวเข้าห้องน้ำกลับมาก็หาภรรยาตัวเองไม่เจอ เราสามคนจึงกลับเข้ามาในโรงแรมและได้เจอสามีภัส เราทักทายกันก่อนที่ครอบครัวเล็กๆนั่นจะขอตัวกลับ แต่ก่อนกลับมิคก็โดนภัสคว้าตัวไปกอดแถมหอมแก้มฟอดใหญ่ ผมนี่ผวาคว้าตัวมิคออกจากอ้อมกอดภัสทันทีและโดนภัสค้อนใส่ก่อนลากสามีตัวเองกลับแบบคุณแม่ขี้งอน ส่วนกัสก็หัวเราะน้อยๆยิ้มหวานใหญ่เลยครับ ไม่ได้รู้เลยว่าเจ้าของแก้มกลมตัวจริงแบบผมนั้นหวงแค่ไหน คอยดูเถอะคืนนี้ผมจะทำให้ยิ้มไม่ออกเลย จะทำให้ได้แต่ครวญครางใต้ร่างผมเท่านั้น
.......................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ^3^
“คนในสายตา” จะเป็นใคร๊ถ้าไม่ใช่มิค ฮุๆๆ งานนี้ฟินประกาศตัวสุดๆ
คงไม่มีใครไม่รู้แล้วว่าทั้งคู่เป็นอะไรกันเนอะ^^ ก็เบาๆกันไปค่ะ
ส่วนตอนหน้ามีฉากเรียกเลือดเบาๆแถมด้วย ฮุๆๆ และใครคิดถึงธี
ธีก็จะมาแถมพกเซอร์ไพรส์มาฝากด้วย จะเป็นเรื่องอะไรติดตามได้นะคะ
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์แล้วนะคะ ตอนหน้าเจอกันวันอังคารค่ะ
