ตอนที่ 22เช้าตรู่วันจันทร์ภายในรถมีเพียงผมที่นั่งขับรถอยู่ลำพัง แสงนอกรถยังเป็นแสงจากเสาไฟฟ้าข้างถนน รถราบนถนนก็ยังมีไม่มากนักทำให้ระยะทางจากบ้านผมไปบ้านมิคที่อยู่ชานเมืองใช้เวลาเดินทางไม่นานแบบที่เคย
ผมต้องขับรถออกจากบ้านที่อยู่ใจกลางกรุงเทพฯในเวลาเช้ามากเพื่อมารับคนรักที่มีบ้านอยู่ชานเมืองเพื่อออกมาเรียน มิคก็ห้ามผมแล้วเพราะเจ้าตัวเค้ายืนยันว่าขับรถออกมาเองได้ ถ้าเป็นแบบนั้นวันๆหนึ่งผมก็ไม่ได้เจอมิคเลยซิครับ ผมจึงเต็มใจซะยิ่งกว่าเต็มใจตื่นเช้ามารับมิค ในวันแรกแบบนี้มันก็มีอาการง่วงหงาวหาวนอนเป็นธรรมดา แต่สิ่งที่ทำให้คนนอนดึกตื่นสายแบบผมตื่นได้ก็เพราะเสียงหวานของมิคที่โทรมาปลุกผม เมื่อคืนผมเป็นคนอ้อนขอไว้มิคก็บ่นหงุงหงิงไปตามเรื่องแต่ก็ยอมโทรมาปลุกทั้งๆที่เสียงยังงัวเงียอยู่ ‘คนอะไรน่ารักชะมัด’ ผมล่ะอยากเห็นตอนที่มิคเพิ่งตื่นจังคงจะน่ารักน่าฟัดไม่น้อยนะครับ
เมื่อผมขับรถมาถึงบ้านมิคท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้ว และผมเห็นคุณแม่ยายที่น่ารักยืนอยู่หลังโต๊ะที่มีขันใส่ข้าวและถาดที่มีถุงกับข้าววางอยู่ ใกล้ๆกันมีขวดน้ำตั้งเรียงไว้ ผมจึงรีบลงจากรถเดินเข้าไปหาท่านทันที
“สวัสดีครับคุณแม่ เตรียมใส่บาตรรึเปล่าครับ” คุณแม่รับไหว้และส่งยิ้มตาปิดเหมือนลูกชายคนโตมาให้
“สวัสดีจ๊ะฟิน ใส่บาตรกันก่อนลูก เดี่ยวมิคก็ออกมาแล้ว”
ท่านชวนใส่บาตรทำบุญแต่เช้าแบบนี้มีรึว่าที่ลูกเขยแบบผมจะปฏิเสธ ยิ่งจะได้ทำบุญร่วมขันกับคนน่ารักที่เดินหน้าใสปิ๊งมาแต่ไกลนี่ด้วยผมนั้นยิ่งกว่าเต็มใจล่ะครับงานนี้
“มาแล้วเหรอฟิน ตื่นรึยังเนี่ย” มิคเดินมาใกล้ผมและจ้องหน้าถามอย่างเป็นห่วง
“ตื่นตั้งแต่มิคโทรไปปลุกแล้วครับ แต่ก็ง่วงนิดหน่อยอ่ะ” ผมยิ้มอ้อนให้คนรักเค้าสงสารเพื่อเรียกคะแนนเพิ่ม
“ก็มิคบอกแล้วว่าไปเองได้ฟินก็ไม่ยอมนี่ เลยต้องตื่นเช้าแบบนี้ล่ะ คิกๆ” มิคหัวเราะตาปิด
ส่วนผมที่ไม่ได้คะแนนเพิ่มกลับโดนย้อนอีกต่างหาก จะอ้อนมิคต่อก็โดนเสียงนิ่งของคุณพ่อตาขัดจังหวะซะก่อนจึงรีบหันไปทำความเคารพท่าน ท่านก็ได้แต่มองและไม่ได้ว่าอะไรนี่เป็นนิมิตรหมายที่ดีเพราะถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงโดนจ้องด้วยตาดุๆจนแทบทะลุเลยล่ะครับ
“พระมาแล้ว มาลูกมาใส่บาตรกัน” คุณแม่ยายคนสวยของผมเรียกให้ผมกับมิคไปใกล้และยื่นขันใส่บาตรมาให้
มิครับขันมาและถอดรองเท้านั่งชันเข่ากับพื้นจรดขันที่หน้าผาก ผมจึงนั่งตามและจับกุมมือทับมือขาวมิคเหล่มองผมนิดหน่อยก่อนหลับตาลง ผมจึงทำตามก็ตั้งจิตอธิษฐานให้บุญหนุนนำให้เรารักกันตลอดไป เมื่อพระมาถึงหน้าบ้านพ่อตาแม่ยายผมก็นิมนต์พระและท่านก็ตักข้าวใส่บาตรคู่กัน ส่วนผมก็ตักคู่กับมิคผมจับทัพพีมิคก็วางมือทับมือผมทันทีเลยครับ มิคจะรู้มั้ยเนี่ยว่าถ้าเป็นพิธีตักบาตรตอนแต่งงานคนที่วางมือทับไว้ด้านบนโบราณเค้าว่าเป็นผู้คุมอำนาจเลยทีเดียว ผมแอบเหล่มองมิคสังเกตว่ามิคจะทำหน้าแบบไหนในตอนนี้ คนน่ารักที่พอรู้ตัวว่ามีคนมองก็หันกลับมามองผมก่อนเลิกคิ้วขึ้นสูงส่งมาให้และคงสงสัยว่าผมมองทำไม ผมก็ได้แต่ยิ้มกลับและเอื้อมมือตักข้าวจากขันใส่บาตรพระ แต่ถ้าผมจะหันไปสังเกตมิคอีกครั้งคงจะได้เห็นยิ้มมุมปากที่ยกขึ้นและจางลงอย่างรวดเร็วจนไม่มีใครเห็น ผมวางทัพพีและส่งถุงแกงให้มิคใส่ลงในบาตรก่อนจับข้อศอกมิคไว้ ตามด้วยขวดน้ำผมก็ทำแบบเดิมจนเสร็จสิ้น พวกเราสี่คนก็นั่งลงเพื่อรับพรจากพระอีกครั้ง
“มิคครับ มิคลืมกล่องแซนวิชรึเปล่าลูก” คุณแม่ยายพูดทักหลังเราลุกขึ้นยืนดีแล้ว
“โอ๊ะ จริงด้วยเดี๋ยวฟินรอแป๊บ มิคไปหยิบของก่อน” มิคตาโตเมื่อรู้ตัวว่าลืมของ
ผมมองตามหลังคนตัวเล็กที่เดิมแกมวิ่งเข้าบ้านไปอดจะยิ้มออกมาไม่ได้ และผมต้องหันไปทางต้นเสียงที่ดังขึ้นข้างตัว
“ฟินแม่ฝากดูแลมิคหน่อยนะลูก ขับรถไปมาแบบนี้ไม่ลำบากฟินใช่มั้ยจ๊ะ”
“ผมเต็มใจครับคุณแม่และผมจะดูแลมิคอย่างดีครับ”
ผมพูดออกมาจากใจเพื่อให้แม่ยายท่านรับรู้จึงได้รอยยิ้มเอ็นดูส่งกลับมา ส่วนคุณพ่อตาแม้ท่านจะไม่ได้พูดและมีใบหน้าที่นิ่งเฉยแต่แววตาก็แสดงความพอใจออกมาให้ผมได้เห็นแวบหนึ่งแค่นี้ผมก็ดีใจแล้วครับ
“ฟินไปกันได้แล้ว เดี๋ยวสาย พ่อครับแม่ครับมิคไปก่อนน้า”
มิคสะพายกระเป๋าข้างส่วนมือนั้นหอบหิ้วกล่องอาหารใบเล็กและนมกล่องเดินออกมาจากบ้านได้ก็ส่งเสียงดัง ผมรับของจากมือบางมาถือไว้เองและหันไปลาผู้ใหญ่ทั้งสองก่อนพามิคมานั่งในรถ
“ฟินออกแต่เช้าคงยังไม่ได้กินอะไรใช่มั้ย มิคทำแซนวิชเผื่อฟินด้วย”
ขับรถออกมาสักพักมิคก็เปิดกล่องใบเล็กบนตักและหยิบแซนวิชส่งมาให้ผม ผมก็ส่ายหน้าให้เจ้าของมือที่ยื่นมาให้
“อ๊ะ ทำไมไม่กินล่ะกลัวไม่อร่อยเหรอ” ผมมองหน้ามิคที่เริ่มงอนคิ้วขมวดปากยื่น
“ฮึๆ ไม่ใช่ไม่อยากกินครับ ฟินกลัวมิคไม่พอกินต่างหากล่ะ” มิคคลายคิ้วยุ่งและยิ้มออกมา
“มิคทำมาเผื่อฟินแล้วไง อ่ะๆ รับไปกินเร็ว” แซนวิชถูกยื่นมาให้อีกครั้งจากมือข้างเดิม ผมก็ส่ายหน้าอีก
“เอ๊ะ ฟินนี่ยังไงจะกินไม่กินเนี่ย” เสียงหวานเริ่มเปลี่ยนเป็นหงุดหงิดเมื่อผมไม่ยอมรับของในมือมิคซะที
“ก็ฟินขับรถอยู่นี่ครับไม่มีมือถือหรอก มิคป้อนฟินนะครับ” ผมก็แค่อยากอ้อนให้มิคป้อนก็แค่นั้นเอง มิคถอนใจแต่ก็ยอมส่งแซนวิชมาถึงปากผม
“ออบอุนอับ (ขอบคุณครับ)”
ผมกัดแซนวิชเข้าปากและเอ่ยขอบคุณคนน่ารักที่ใจดียอมตามใจผมแต่เช้า มิคเมื่อได้ยินก็ย่นจมูกตอบกลับมาให้จนผมต้องหัวเราะในคอเบาๆให้กับความน่ารักของคนรัก ระหว่างทางมิคก็ป้อนผมไปตลอดสลับกับกัดแซนวิชชิ้นเดียวกันกินไปด้วย จนหมดมิคก็เจาะนมกล่องรสจืดกิน แถมยื่นกล่องนมมาทางผมเหมือนชวนให้กินด้วยกัน แต่ผมส่ายหน้าว่าไม่กินจริงๆเพราะผมไม่ชอบกินนม ปกติมื้อเช้าผมจะกินกาแฟและขนมปังโฮลวีทเท่านั้น ผมกะว่าถึงที่ทำงานค่อยหากาแฟอีกสักถ้วยดื่มทีหลัง ผมสามารถฝ่ารถติดมาถึงมหาวิทยาลัยกลางกรุงเทพฯได้ในที่สุด และมาจอดรถส่งมิคถึงหน้าคณะ
“มิคครับเลิกเรียนเมื่อไหร่โทรหาฟินนะครับ เดี๋ยวฟินมารับ” ผมจับข้อมือบางก่อนมิคเปิดประตูลง
“ได้เดี๋ยวมิคโทรหา บาย” มิคยกมือโบกลาส่งมาให้ผม
แต่ผมยังกระชับข้อมือเล็กไว้และดึงเข้าหาตัว ฝั่งจมูกลงที่แก้มใสก่อนผละออกอย่างรวดเร็ว
“เป็นรางวัลที่ฟินคอยรับส่งนะครับ ตั้งใจเรียนนะครับมิค”
ผมไม่ได้มองหน้ามิคว่าจะทำหน้าแบบไหนแต่เอื้อมตัวไปเปิดประตูรถฝั่งมิคให้ มิคมองออกไปนอกรถคงสังเกตว่ามีใครเห็นรึเปล่า แต่ผมว่าไม่มีใครมามองเห็นหรอกครับเพราะฟิล์มรถผมมันค่อนข้างมืด เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครเห็นมิคก็หันมาส่งค้อนและลงรถไปแต่ก่อนที่ผมจะออกรถก็ยังดีที่มิคยกมือโบกลาผมนอกรถแม้หน้าจะบึ้งก็ตามครับ มิคที่ขี้งอนแบบนี้ก็ยังน่ารักในสายตาผมนะครับ ฮึๆๆ
...............................................................
“ว่าไงครับมิค ทานข้าวรึยัง” ผมรีบกดรับโทรศัพท์เมื่อมีเสียงเรียกเข้าประจำตัวของคนรัก
“กำลังจะไปกินอ่ะ ฟินวันนี้อาจารย์ปล่อยเร็วมิคว่าจะไปหากัสที่โรงพยาบาลนะ”
“ให้ฟินไปรับนะครับ มิคหาข้าวทานรอฟินก่อน...แต่ฟินอยากไปอ่ะ...คุณตาไม่ว่าหรอกครับถ้ารู้ว่าเป็นมิค...แต่ว่ามิค...ครับๆ เลือกแท็กซี่ดีๆนะครับ มีอะไรรีบโทรหาฟินเลยนะ...ถึงแล้วมิคต้องโทรมานะ...งั้นมิครอที่นั่นอยู่กับกัสไปก่อน เลิกงานฟินไปรับนะครับ...บายครับ”
ผมถอนหายใจและมองโทรศัพท์อย่างเซ็งๆ เพราะมิคไม่ยอมให้ผมไปรับเพื่อไปหากัสที่ทำงานแต่ต้องการนั่งแท็กซี่ไปเอง เรียนวันแรกก็ผิดแผนผมไปหมดเลยครับ แต่ผมก็ขัดความต้องการของมิคไม่ได้เลยได้แต่ก้มหน้ากินข้าวตรงหน้าต่อไป กลางวันนี้ผมเลือกที่จะสั่งอาหารมากินในห้องเพราะอยากเคลียร์งานที่ค้างให้เสร็จและตั้งใจไปนั่งรอมิคที่มหาวิทยาลัย อย่างน้อยก็ว่าจะไปสอดส่องคนที่ต้องอยู่ใกล้มิคตอนเรียนซะหน่อยว่ามีใครบ้าง เพราะอาจจะมีใครมาสนใจมิคผมจะได้กันท่าได้ทันเวลา แต่เมื่อเป็นแบบนี้แล้วผมก็ว่าจะไปรับมิคทันทีที่ผมเสร็จงาน ความจริงผมล่ะอยากจะเก็บมิคไว้กับตัวไม่ให้ใครมาเห็นคนน่ารักของผม แต่ความจริงมันเป็นไปไม่ได้เลยต้องคอยระวังตามติดแทน ผมรู้ตัวว่าตัวเองเป็นเอามากยิ่งเรามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันแล้วผมก็ยิ่งหวงก็ทั้งรักทั้งหวงนั่นแหละครับ เมื่อผมทานข้าวกลางวันเสร็จก็เรียกหาคุณพิมพ์ให้เอางานทั้งหมดที่ผมต้องทำมาให้ทันที และก้มหน้าก้มตาทำงานให้เสร็จจะได้ไปหาคนน่ารักแสนดื้อของผม
.....................................................
“ฟินดีใจกับกัสด้วยนะครับ ไอ้วินก็เกริ่นไว้เหมือนกัน ตอนนี้มันไม่ดีใจจนเป็นบ้าไปแล้วเหรอ”
“ฮิๆๆ กัสหน้าแดงใหญ่เลย มีอะไรให้ช่วยบอกมิคนะกัส เดี๋ยววันงานมิคไปแต่เช้าเลยหรือจะให้นอนค้างก่อนคืนนึงก็ได้นะ” มิคจับมือกัสที่หน้าแดงยิ้มแก้มปริไว้ขณะพูด
ผมก็ได้แต่ยิ้มและดีใจกับคู่รักทรหดคู่นี้จริงๆ เพราะทั้งคู่ได้กำหนดงานแต่งงานไว้แล้วหลังจากทางบ้านวินรับกัสเป็นสะใภ้เข้าบ้าน จัดการหาฤกษ์แต่งงานและไปเจอป้าของกัสกันทั้งบ้านเพื่อขอกัสให้ไอ้วิน และกำหนดงานก็อีกสองเดือนหลังจากนี้ ผมล่ะอิจฉาไอ้วินมันจังที่จะได้อยู่กับคนที่มันรัก
ส่วนผมกับมิคคงต้องใช้เวลาอีกสักพักจนกว่าทางบ้านมิคจะมั่นใจในตัวผมมากกว่านี้ แต่ผมมีแผนขั้นแรกว่าจะให้มิคมาพักกับผมที่บ้านในช่วงที่ต้องเรียนโทเพราะระยะทางจากบ้านมิคมามหาวิทยาลัยค่อนข้างไกล มิคต้องตื่นเช้ามากทั้งๆที่ตอนเรียนปริญญาตรีมิคก็พักที่คอนโดใกล้มหาวิทยาลัย แต่ผมไม่มีวันให้มิคพักคอนโดหรือหอพักแน่ก็มีบ้านผมอยู่แล้วนี่หน่า
จะไปอยู่ที่แบบนั้นทำไม ซึ่งผมก็เตรียมแผนไว้แล้วรอเวลาอีกนิดก่อนครับ
หลังจากพวกเราสามคนนั่งคุยกันสักพักผมและมิคก็ขอตัวออกมาช็อปปิ้ง ‘กางเกงว่ายน้ำ’ เพราะมิคนั้นนึกขึ้นได้ว่าผมเคยสัญญาไว้ว่าจะสอนว่ายน้ำ จึงจะอาศัยเวลาหลังเลิกเรียนช่วงเย็นที่รถติดมากมาเรียนว่ายน้ำกับผมทุกเย็นก่อนกลับบ้านช่วงหัวค่ำที่รถลาลดจำนวนลงแล้ว และสถานที่มิคจะใช้เรียนว่ายน้ำคือบ้านไอ้วินเห็นว่ากัสจะช่วยสอนมิคว่ายน้ำด้วยนะครับ แต่นั่นมันหน้าที่ผมเพราะการสอนว่ายน้ำนี่ผมว่าผมได้กำไรเห็นๆเพราะร่างกายเราต้องใกล้ชิดกันมาก แค่คิดก็มีความสุขแล้วเพราะฉะนั้นผมต้องคุยกับไอ้วินมันซะหน่อยแล้วครับ
ตอนนี้เรามาอยู่ในร้าน ‘Sport Shop’ ร้านใหญ่ในห้างสรรพสินค้า ในมือมิคตอนนี้มีกางเกงว่ายน้ำหลายแบบหลายสี ดูท่าเจ้าตัวจะเลือกไม่ถูก จึงยื่นทั้งหมดในมือมาให้ผมช่วยเลือก
“อ่ะ ฟินช่วยมิคเลือกหน่อย เลือกไม่ถูกเลย” มิคหน้ายุ่งมองกางเกงว่ายน้ำหลายตัวที่ตอนนี้มาอยู่ในมือผมแล้ว
ตัวแรกที่ผมคลี่ดูเป็นสีขาวทรงขาเว้าถ้าใส่ตัวนี้แทบไม่ต้องจินตนาการเลยครับว่าตัวมิคมีเท่าไหร่แถมสีขาวเวลาโดนน้ำนี่มันช่าง ผมจินตนาการออกเป็นภาพได้เลยผมวางมันลง ตัวที่สองสีแดงมีแถบขาวที่ขอบเอวและขอบขาแม้จะมิดชิดกว่าตัวแรกแต่ถ้ามิคใส่ทุกสายตาต้องจับจ้องมาที่ไอ้กางเกงแดงตัวนี้แน่ๆเพราะสีมันช่างเด่นสะกดสายตาขนาดนี้ผมก็วางมันลง ตัวที่สามเป็นสีน้ำเงินเข้มถ้าใส่ขอบขากางเกงคงมาอยู่ที่ต้นขาขาวพอดีและมันดูมิดชิดในสายตาผมสีก็ไม่ฉูดฉาดแต่พอพลิกไปข้างหลังตรงก้นดันมีรูปหัวใจดวงเล็กสีแดงหนึ่งดวงที่ก้นซ้าย ถ้าใครเห็นนี่คงอยากเข้ามาขยุ้มหัวใจดวงนี้แน่ๆผมเลยต้องวางมันลง ตัวที่สี่เป็นสีดำมีแถบสีน้ำเงินเป็นเส้นสามเส้นที่ขาขวา ตอนที่ใส่ขากางเกงคงอยู่เหนือเข่าพอดีพลิกไปด้านหลังแอบลุ้นว่ามันจะรูปอะไรพิมพ์ไว้ให้ใจหายอีกมั้ย และผมก็ตัดสินใจเลือกได้เพราะมันเป็นพื้นสีดำสนิท
“มิคครับเอาตัวนี้นะ” ผมยื่นไอ้ตัวที่สี่ไปตรงหน้ามิค มิครับไปดูพลิกไปมาและเทียบกับตัวเอง
“มิคเข้าไปลองดูก่อนนะครับว่าใส่พอดีมั้ยดีกว่ามาเทียบแบบนี้นะ น้องครับห้องลองอยู่ทางไหน”
ผมแนะนำคนที่เลือกกางเกงว่ายน้ำอยู่และหันไปหาพนักงานขายให้พาไปทางห้องลอง และจับจูงข้อมือบางเพื่อเดินตามพนักงานไป
“มิคลองเปลี่ยนดูนะครับว่ามันกระชับมั้ย ถ้ารู้สึกว่าหลวมต้องเปลี่ยนเป็นเบอร์ที่เล็กกว่านี้ เพราะถ้าลงน้ำมันจะยิ่งหลวมนะครับ เดี๋ยวว่ายๆไปหลุดไม่รู้น้า” ผมบอกก่อนที่มิคจะเข้าไปห้องลอง มิคทำหน้าสงสัยแต่ก็พยักหน้ารับ
ผมจึงยืนรอหน้าห้องลอง มองไปรอบร้านก็มีอุปกรณ์กีฬามากมายแต่ตัวผมนั้นก็ไม่ค่อยได้เล่นเพราะเข้าแต่ฟิสเนสมากกว่าเลยได้แต่มองผ่านๆ จนมาเจอสายตาเคลิบเคลิ้มคู่นึงที่จ้องมองมาทางผม เป็นผู้หญิงที่ยืนเลือกชุดว่ายน้ำใกล้ๆกับที่ผมยืนอยู่ และสายตาเชิญชวนที่ส่งมานั้นผมก็ชินกับมันไม่ได้รู้สึกอะไรด้วย ถ้าเป็นแต่ก่อนเธอคงมีลุ้นกับผมบ้างล่ะครับ แต่ตอนนี้แม้เธอจะเปลี่ยนเป็นบิกินีสีแดงในมือแล้วมายืนตรงหน้าผม ผมก็คงได้แต่มองก็มีมาให้มองนี่ครับ แต่คงไม่คิดอะไรเกินเลยด้วยแน่ๆ ผมเบือนสายตาออกจากตายั่วยวนคู่นั้นกลับมาที่หน้าห้องลอง
“ฟินๆ อยู่มั้ย” เสียงหวานที่เรียกชื่อผมของคนในห้องนี่ต่างหากที่ผมนั้นคงไม่อยากมองแค่ตาล่ะครับ
“ครับ ฟินอยู่หน้าห้องครับ” ผมเดินไปชิดประตูเคาะเบาๆก่อนประตูจะแง้มออกมา
“ฟิน เอ่อ แบบ คือช่วยดูหน่อยได้มั้ยว่าใช้ได้รึเปล่า” มิคยื่นหน้าออกมากระซิบบอกผม
ผมน่ะยิ่งกว่าเต็มใจซะอีกที่จะช่วยเหลือมิคเรื่องนี้ จึงพยักหน้ารัวและแทรกตัวเข้าไปในห้องลองไม่สนพนักงานขายที่ทำตาโตยืนรออยู่ข้างๆกันนั่น พอเข้ามาได้ก็รู้สึกถึงความคับแคบเพราะมีคนตัวโตแบบผมเพิ่มมาอีกคน แต่เรื่องนั้นน่ะช่างเถอะเพราะสายตาผมมันจับจ้องที่ร่างขาวของคนตรงหน้า มิคที่ใส่แต่กางเกงว่ายน้ำสีดำตัวเดียวยืนหน้ากระจกทั้งๆที่จะใส่เสื้อด้วยก็ได้ มิคคงลืมนึกไปว่าลองแค่กางเกงก็พอแต่นั่นเป็นสิ่งดีสำหรับผม ที่สามารถสำรวจร่างเปลือยอกของคนรักเต็มตาในระยะใกล้แบบนี้ นั่นรอยคิสมาร์คที่ลาดไหล่ รอบอกขาวก็มีอยู่หลายรอย มันเป็นผลงานของผมที่ผมภูมิใจมากที่มันประทับอยู่ที่ร่างขาวของมิคแบบนี้
“ฟิน นี่มองอะไร มิคให้มาช่วยดูกางเกงว่าไซค์นี้ใช้ได้มั้ย ไม่ใช่ให้มาสำรวจที่อื่นแบบนี้” มิคส่งตาดุมาให้ แต่มีผิวแก้มที่แดงขึ้น เจ้าตัวเค้าคงรู้ล่ะว่าผมมองอะไรอยู่และคงรู้ว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน
“ครับๆ ไหนๆหมุนตัวหน่อยครับ” ผมส่งยิ้มกว้างให้ก่อนมิคจะหมุนตัว ต้องรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนครับเดี๋ยวโดนโกรธเอา แต่แบบนี้ก็ทำให้ผมสำรวจตัวมิคได้ทั้งตัว จนอยากฟัดกอดมิคที่นี่เลยด้วยซ้ำ
“ฟินว่าพอดีนะ มิคใส่แล้วรู้สึกแน่นนิดหน่อยมั้ยครับ”
มิคก้มมองกางเกงเอี้ยวตัวนิดหน่อยและพยักหน้าให้ แต่จังหวะที่มิคเงยหน้าขึ้นกลับเซมาปะทะอกผมทำให้หน้าเราใกล้กันมาก เหมือนเวลาของผมหยุดลงใจเต้นแรงกับตาโตที่มีแววตื่นตระหนกและปากสีแดงตรงหน้า ผมก้มหาปากแดงที่มีแรงดึงดูดกับผมเสมอ และกดจูบเข้าหาซับจูบไปรอบขอบปากอย่างที่ใจต้องการ และดูดริมฝีปากล่างที่ยื่นนิดๆอย่างแรงด้วยความหมั่นเขี้ยว ส่วนมือก็สำรวจกางเกงว่ายน้ำตัวบาง อืม ด้านหลังแน่นกระชับเข้ากับก้นกลม ขอบยางแน่นกระชับเอวกำลังดี ส่วนข้างหน้าแนบกระชับกับหน้าขา ผมตัดใจผละออกจากปากหวานหดมือกลับก่อนจะส่งมือสำรวจสูงกว่านี้ กลัวว่าจะคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ เตลิดไปคงไม่ดีแน่นอกห้องก็มีพนักงานยืนรออยู่ด้วย มิคหน้าแดงมองหน้าผมแววตาสั่นไหวก่อนเสหลบตากัน
“ฟินว่าใช้ได้แล้วครับ เดี๋ยวมิคเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับมานะ ฟินรอข้างนอกนะครับ”
ผมก้มหอมแก้มนุ่มก่อนออกจากห้องลองมารอข้างนอก และเจอกับสายตาอยากรู้ของพนักงานสาวแต่เมื่อเธอสบตาผมก็ก้มหลบตาทันที ระหว่างรอมิคเปลี่ยนเสื้อผ้าผมก็เดินไปหยิบกางเกงว่ายน้ำตัวแรกมาดูไซค์ เมื่อเห็นว่าเป็นไซค์เดียวกับที่มิค
ลองจึงหยิบมา และยื่นส่งให้พนักงานที่ยืนรออยู่
“ผมเอาตัวนี้กับตัวที่แฟนผมลองอยู่นะ เดี๋ยวคุณช่วยคิดเงินตัวนี้ก่อนแล้วค่อยคิดอีกตัวแล้วกันครับ”
ผมพูดพลางล้วงหยิบกระเป๋าเปิดเอาบัตรเครดิตออกมาให้พนักงานคิดเงินในแบบที่ผมต้องการ เธอทำตาโตใส่ผมไม่รู่ว่าตกใจอะไร แต่ผมไม่สนหรอกว่าจะคิดยังไง เพราะผมสนเรื่องกางเกงว่ายน้ำตัวนั้นที่เธอถือไปมากกว่า ก็พอได้เห็นมิคลองกางเกงว่ายน้ำแล้วอดคิดเสียดายตัวสีขาวขึ้นมาไม่ได้เพราะถ้ามันอยู่บนตัวมิคตอนขึ้นมาจากสระใหม่ๆคงเซ็กซี่น่าดู แต่ผมจะไม่ยอมให้ใครเห็นมิคใส่ตัวนี้แน่ๆครับ แค่ใส่ตัวที่ลองอยู่ผมก็หวงจะแย่แล้วแม้มันจะมิดชิดแล้วก็ตาม กลับไปนี่ผมว่าจะขอคุณตาท่านสร้างสระว่ายน้ำที่บ้านซะเลยผมจะได้เห็นมิคใส่ตัวสีขาวนั่นคนเดียว
....................................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^3^
ตอนนี้กิจกรรมตั้งแต่เช้ายันเย็นของฟินก็มีแต่มิคเท่านั้น หวานกันไปและแอบหื่นเล็กๆในห้องลอง
ถ้าไม่ติดว่ามีคนรอหน้าห้อง ฟินคงหม่ำมิคแน่ๆค่ะ ความเชี่ยวมันต่างกัน 555
เรื่องกางเกงว่ายน้ำนี่จินตนาการล้วนๆค่ะทั้งแบบและลาย(ก็เราไม่เคยซื้อของผู้ชายอ่ะ)
อ่านเม้นท์ตอนที่แล้วมีคนอ่านบอกว่าฟินคงเลือกแบบชุดนักดำน้ำให้แน่ๆ อ่านแล้วขำเลย
ตอนแต่งไม่ได้นึกถึงเลยค่ะ ไม่งั้นมิคอาจได้ชุดแบบนั้นไปแล้ว ฮุๆๆ
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์แล้วนะคะ ตอนหน้ามาดูค่ะเมื่อฟินไปรับมิคที่ม.เพื่อมาสอนว่ายน้ำจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เจอกันวันจันทร์นะคะ ^^

และขอ

ทุกคนค่ะ อบอุ่นคลายหนาว