ตอนที่ 20หลังจากมื้ออาหารกลางวันง่ายๆที่เป็นฝีมือของมิคมันช่างให้ความรู้สึกอบอุ่นในบรรยากาศของครอบครัว ผมซึ่งห่างหายจากบรรยากาศแบบนี้มานานมาก มากซะจนเกือบจำไม่ได้ว่าการพูดคุยของคนในครอบครัวระหว่างมื้ออาหารเป็นยังไง การเล่าถึงเหตุการณ์ที่เราพบเจอทั้งผู้คนใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆ สอดแทรกเสียงหัวเราะด้วยในบ้างครั้งนั้นมันเป็นยังไง แต่วันนี้ผมได้รับรู้กับความรู้สึกแบบนั้นได้อีกครั้งเพราะคนที่ยืนหันหลังให้ผมตอนนี้
ภายในห้องนอนส่วนตัว ผมและคนที่ผมรักคือ ‘มิค’ อยู่กันสองคน ซึ่งคนตัวเล็กที่หันหลังให้ผมเค้ากำลังตื่นเต้นกับอัลบั้มรูปจำนวนมากที่ผมจัดเรียงเกือบเต็มตู้ที่ติดกับผนังด้านที่มิคยืนอยู่
“โอ้โห ฟินนี่เป็นรูปที่ฟินถ่ายเองหมดเลยเหรอ” มิคหันมาหาผมทำตาโตและชี้ไปที่ตู้ติดผนัง
“ครับ ฟินถ่ายทั้งหมดและอัดรูปเก็บเป็นอัลบั้ม ฟินชอบมองภาพที่เป็นความทรงจำผ่านกระดาษอัดรูปมากกว่าดูจากหน้าจอคอมฯครับ มิคอยากดูมั้ย”
ระหว่างที่พูดผมก็เดินเข้าหาร่างบางที่หันกลับไปไล่มือไปตามอัลบั้มพวกนั้น จนมายืนซ้อนหลังและก้มตัวกระซิบคำถามข้างหูหอม มิคพยักหน้าและหยุดที่อัลบั้ม ‘สีเขียวตองอ่อน’ ที่เด่นที่สุดในบรรดาอัลบั้มทั้งหมด เพราะสีอัลบั้มส่วนใหญ่เป็นสีออกโทนฟ้าและน้ำเงินที่เป็นสีโปรดของผม
“ฟิน อัลบั้มนี้ทำไมเป็นสีเขียวอยู่เล่มเดียวล่ะ” มิคหยุดนิ้วมือที่เล่มสีเขียวและหันหน้ามาหาผม
“ฮึๆ ก็เป็นอัลบั้มพิเศษนี่ครับ”
ปากแดงๆตรงหน้านี่มันดึงดูดสายตาผมให้จ้องมอง ส่วนริมฝีปากผมก็อยากลิ้มรสเพราะรู้ว่ามันหวานแค่ไหน และผมก็คิดไม่ผิดเพราะรสชาติปากแดงนั้นหวานและให้สัมผัสที่นุ่มนวล ผมตัดใจออกจากความหวานที่ได้ลิ้มรสมองคนในอ้อมกอดที่หลับตาพริ้ม กดปากจูบซับมุมปากหวาน สักพักมิคก็ตาโตเบิกกว้างได้สติและรีบหันหน้ากลับไปทางตู้เก็บอัลบั้ม และผมก็เห็นใบหน้าด้านข้างของมิคขึ้นสีจางๆ ทำให้อดใจไม่อยู่ที่จะฝั่งจมูกสูดกลิ่นหอมจากแก้มกลมอีกครั้ง
“ฮึๆ มิคอยากรู้มั้ยครับว่ามันพิเศษยังไง”
ผมดึงอัลบั้มพิเศษออกมาจากตู้และจูงมือนุ่มพาเดินมาที่โซฟาตัวใหญ่ ผมนั่งลงและรั้งเอวบางของคนตัวหอมลงมานั่งข้างกัน อ้อมมือโอบเอวเล็กทำให้ร่างบางตกอยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง ก่อนส่งอัลบั้มใส่มือมิคและสองมือก็รั้งเอวเล็กไว้หลวมๆ
“เปิดสิครับมิค” หลังคำเชิญชวนให้เปิด มิคหันมามองผมเนิ่นนานก่อนก้มมองของในมือและเปิดดู
ตาผมไม่ได้มองอัลบั้มรูปในมือมิคหรอกครับเพราะผมจดจำรูปได้ทั้งหมดแล้ว รูปในอัลบั้มนี้มันมีแต่รูปของคนในอ้อมกอดผม รูปภาพพวกนั้นมันจะสู้ตัวจริงได้ยังไงจริงมั้ยตรับ ผมขอมองหน้าเจ้าของรูปดีกว่าเป็นไหนๆ จากเริ่มแรกสีหน้ามิคนั้นนิ่งเฉย เปลี่ยนเป็นสงสัย จากนั้นก็ตกใจตาโตและหันตาโตหวานๆนั้นมาทางผมและหันกลับไปมองรูปภาพ มือบางก็พลิกเปิดและริมฝีปากแดงๆนั่นเริ่มยกยิ้มจากน้อยๆเปลี่ยนเป็นกว้างจนตาหยี ‘เป็นรอยยิ้มที่ผมชอบที่สุด’ และรอยยิ้มนี้มันติดตาฝั่งใจผมมาตั้งแต่ครั้งแรกที่ผม ‘เริ่ม’ สังเกตเห็น
“ฟินๆ นี่มีแต่รูปมิคทั้งนั้นเลยนี่ ตอนแรกก็นึกว่า....” มิคจับแขนผมเขย่า เสียงหวานดังออกอาการตื่นเต้นและเบาจนไม่ได้ยินเมื่อท้ายประโยค
“นึกว่าอะไรครับ ฮืม” ผมสงสัยจังครับว่ามิคคิดว่าอัลบั้มนี่เป็นรูปภาพของใคร มิคหันมามองผมและยิ้มให้
“อัลบั้มพิเศษก็ต้องเป็นของคนพิเศษ มิคก็นึกว่าเป็นรูปสาวที่ไหนนี่หน่า” ยิ้มพิฆาตถูกส่งมาให้ผมอีกครั้ง ผมเหมือนโดนสะกดก้มเข้าหาหน้าหวาน
“อื้อ พอแล้วอะไรเนี่ยฟินฉวยโอกาสกับมิคตลอดเลยนะ” มือนิ่มปิดปากผมไว้และพูดยิ้มๆ ผมเลยจูบแรงๆไปกลางฝ่ามือซะเลยและเรียกเสียงหัวเราะจากเจ้าของมือให้ดังขึ้นมาได้
“ฟินไม่มีสาวที่ไหนหรอกครับ เนี่ยมีแต่คนในรูปนี้นี่แหละที่เป็นคนพิเศษ ‘คนเดียว’ ของฟิน” ผมจับมือนุ่มที่เพิ่งฝั่งจูบวางบนรูปภาพที่มีใบหน้าเจ้าของมือกำลังยิ้มกว้างตาปิดส่งมาให้
“มิครู้มั้ยฟินไม่เคยเชื่อเรื่องความรักว่ามันมีอยู่จริงเลย เพราะเรื่องของพ่อแม่ที่มันฝั่งใจอยู่น่ะครับ ตลอดมาฟินผ่านใครต่อใครมาเยอะแต่มันก็แค่ความสัมพันธ์ทางกาย ตอนนั้นฟินออกจะชอบซะด้วยซ้ำที่ได้เปลี่ยนคู่ควงไปเรื่อย จนวันนึงฟินเริ่มเบื่อกับชีวิตแบบนั้น ฮึๆ ก็ไอ้ตอนที่ฟินไปออกหน่วยกับมิคนั่นแหละ และฟินก็เจอมิคอีกครั้งหลังเราไม่ได้เจอกันเป็นปี มิครู้มั้ยวันนั้นที่มิคทำแผลให้ฟินน่ะ ฟินมีอาการแปลกๆด้วยนะ ‘ใจมันกระตุก’ เมื่อได้เห็นมิคใกล้ๆทั้งๆที่เราก็รู้จักกันมานาน”
ถึงตอนนี้ผมมองใบหน้าด้านข้างของมิค ใบหน้าหวานยังจ้องมองภาพตรงหน้าและอมยิ้มติดมุมปาก และเดาว่ามิคคงคิดถึงภาพตามที่ผมเล่า ผมปล่อยมือนุ่มและกอดกระชับเอวบางแน่นก่อนวางคางที่ลาดไหล่
“ตอนนั้นฟินไม่รู้หรอกว่าอาการแบบนั้นมันคืออะไรรู้แต่สาเหตุนั้นมาจากมิค ฟินไม่กล้าแม้แต่จะจีบมิคเพราะยังไม่มั่นใจ กลัวว่ามิคจะลำบากใจและที่สำคัญ ฟินสัญญากับกัสไว้ด้วย”
ถึงตอนนี้มิคหันมามองผมเมื่อพูดถึงกัสเพื่อนสนิท คงสงสัยว่ากัสมีส่วนเกี่ยวข้องยังไง ผมพยักหน้าให้มิคว่าหมายถึงกัสจริงๆ
“กัสน่ะจับสังเกตฟินได้และสงสัยว่าฟินผิดปกติไป ที่คอยแต่มองมิคและเอาใจใส่มิคมากกว่าแต่ก่อน แต่มิคน่ะไม่รู้เรื่องเลยว่าฟินแอบมองและทำนู่นนี่ให้อ่ะ” มิคหน้ายุ่งมองผมคงสงสัยว่าผมทำแบบนั้นให้ตัวเองเมื่อไหร่กัน
ผมหัวเราะเบาๆให้คนหน้ายุ่งและบีบจมูกโด่งเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว มิคปัดมือผมออกทำแก้มป่องที่โดนผมแกล้ง ผมจึงกระชับร่างบางแน่นและโยกตัวคนในอ้อมกอดไปมา
“โอ๋ๆ อย่างอนน้า ฮึๆ มิค กัสน่ะหวงมิคมากรู้มั้ย ช่วงนั้นนะกัสมองฟินหน้านิ่งตาดุมากจนฟินกลัวไปเลย ฟินเลยต้องสัญญาไปว่าจะไม่ทำอะไรให้มิคลำบากใจจนกว่าจะรู้ใจตัวเอง ไอ้พวกเพื่อนๆฟินน่ะมันเป่าหูฟินตลอดเลยว่าให้รีบคิดออกซะทีว่าคิดยังไงกับมิค ไอ้ธีน่ะถึงกับเตือนว่าระวังคนอื่นมาแย่งมิคไปก่อนที่ฟินจะรู้ใจตัวเอง ฮ่าๆๆ เชื่อมั้ยมิคคนอื่นนะเค้าว่าอาการของฟินมันคน ‘ตกหลุมรัก’ ชัดๆแต่ฟินไม่รู้ตัว ก็นะคนมันไม่เคยนี่หน่า ฮึๆ และถึงไม่รู้ว่ารักมั้ยแต่รู้ว่าชอบมิคมาก มากแบบไม่เคยชอบใครมาก่อน และนี่...”
ผมชูหลักฐานให้มิคได้เห็นว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่ผมตัดสินใจทำในตอนนั้น มันคือภาพมิคที่ยิ้มกว้างตาปิดรูปนั้นนั่นแหละ
“นี่คือสิ่งที่ทำให้ฟินตัดสินใจจีบมิคก่อนจะสารภาพว่าชอบมิคในวันที่เรากลับจากไปเที่ยวด้วยกันไงครับ เพราะฟินอยากเห็นรอยยิ้มนี้ใกล้ๆและอยากเก็บเจ้าของรอยยิ้มมาเป็นของตัวเองคนเดียว”
มิคจ้องภาพตรงหน้านิ่งตาหวานเบิกกว้างและเงยสบตาผม ตาหวานมีประกายตาวิบวับมันทำผมใจสั่นอีกแล้ว ผมเอื้อมมือลูบผิวแก้มเนียนจ้องตากลับ
“ฟินดีใจมากที่วันนั้นมิคให้โอกาสฟินให้เราได้ศึกษากัน จนมาวันนี้ฟินแน่ใจแล้วว่าความรู้สึกของฟินที่มีต่อมิค ทั้งใจที่เต้นทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มกว้างของมิค ทั้งนิสัยช่างพูดร่าเริง ทั้งนิสัยกินอิ่มปุ๊ปเป็นหลับปั๊บแบบเด็กๆ หรือแม้แต่มิคที่เป็นขวัญใจเด็กๆและคนชรา ฮึๆ ทั้งหมดที่เป็นมิคแบบนี้มันทำให้ฟิน ‘ตกหลุมรัก’ มิคเข้าแล้ว”
มิคที่จ้องผมไม่กระพริบเมื่อถึงคำบอกรักของผมนั้น อาการของร่างตรงหน้าคือตกใจตาโต ใบหน้าขาวพลันเปลี่ยนสีเป็นแดงปลั่งทั้งหน้าลามไปใบหู อาการแบบนี้ผมไม่เคยเห็นอาจมีบ้างที่มิคอายหน้าแดงแต่ไม่เป็นถึงขนาดนี้ ผมจับอัลบั้มรูปในมือมิคออกวางไว้และจึงกุมมือบางไว้มั่นทั้งสองมือ
“ฟินรักมิคนะครับ”
หลังคำรักผมจูบประทับที่มือนุ่มและฝั่งจูบเนินนานที่หน้าผากมนเพื่อประทับคำรักทั้งคำพูดและการกระทำ ผมมองหน้าหวานที่หลับตาพริ้มและจึงกระพริบลืมตามองผม คลี่รอยยิ้มกว้างแบบที่สะกดผมไว้ได้อีกครั้ง อ้า ใจสั่นอีกแล้ว ผมกุมมือบางประทับที่อกให้เจ้าตัวได้รู้ว่ายิ้มนี้มีอิทธิพลกับผมมากแค่ไหนเหมือนที่ผมได้บอกไว้
“ใจเต้นแรงจริงๆด้วย คิกๆ” มือมิควางนิ่งแนบอกที่ใจเต้นรั่วของผมและหัวเราะขำอย่างอารมณ์ดี
“มิคครับ ฟินสารภาพรักหมดแล้ว มิคล่ะรักฟินบ้างมั้ย”
ถ้าไอ้เพื่อนสนิทผมได้มาเห็นผมตอนนี้คงหมั่นไส้กับท่าทางออดอ้อนนี้แน่นอนครับ ตากระพริบปริบๆยกมือบางกุมระหว่างอกเหมือนสาวน้อยอ้อนขอความรักจากหนุ่มคนรักไม่มีผิด แต่ ณ เวลานี้สิ่งที่อยากรู้จากปากแดงมันมีมากกว่าสิ่งใดและคนที่ผมอ้อนอยู่เนี่ยก็ไม่ใช่ใคร นี่น่ะ ‘แฟน’ ผมนะ
“คิกๆ หน้าฟินตลกมากเลย ฮึๆ โอ๋ๆ ฮิๆ อะแฮ่ม ฟินฟังนะมิคจะพูดครั้งเดียว” คนน่ารักหัวเราะเสร็จก็พูดขึ้นอย่างจริงจัง จนเรียกความสนใจผมให้นิ่งฟังและลุ้นตัวโก่ง
“มิคชอบฟินมากมากกว่าใครๆ ชอบแบบไม่ใช่ที่ชอบเพื่อนน่ะ และฟินเป็นคนที่มิคจะเปิดใจเพื่อศึกษากันและกันไม่ว่าเรื่องไหนๆมิคให้ฟินแค่คนเดียวเท่านั้น แต่ฟินไม่ต้องมาน้อยใจมิคนะว่าฟินรักมิคแล้วแต่มิคก็แค่ชอบฟิน อย่างที่บอกตอนนี้ฟินเป็นคนเดียวเท่านั้นที่มีหวังจะได้หัวใจมิค มิคอยากให้ฟินรออีกนิดนะครับ” สายตาจริงจังส่งออกมาจากตาหวาน
เมื่อได้ฟังประโยคยาวๆแบบนั้นแค่นี้หัวใจผมมันก็ฟูฟ่อง แม้มิคจะยังไม่รักแต่ผมก็เป็นคนเดียวที่มีโอกาสได้หัวใจมิคมาครองถือว่าได้มาครึ่งนึงแล้วละกันรอครึ่งที่เหลือ และมิคก็เปิดโอกาสให้ผมคนเดียวที่มีสิทธินี้นั่นก็เทียบเท่าคำรักแล้วครับ เพราะมันก็แค่คำๆนึงที่มนุษย์เราจำกัดความขึ้นเท่านั้น เพราะท่าทีที่ผ่านมาของมิคก็บอกได้แล้วว่ามิคมีใจให้ผม ผมแค่รอให้มันมากขึ้นกว่าเดิมอีกนิดและจะทำทุกอย่างให้ได้ครองหัวใจมิคทั้งดวง
“ครับที่รัก ฟินจะรอขอแค่มีมิคอยู่เคียงข้างกันแบบนี้เท่านั้น” มิคยิ้มเต็มหน้าให้ผมและยื่นหน้ามาใกล้จนริมฝีปากแดงของมิคประทับจูบผมนิ่งก่อนผละออก
“อืม ถ้าฟินยังทำตัวน่ารักๆเป็นเด็กดีแบบนี้ มิคจะอยู่ข้างฟินไม่ไปไหน” มือนุ่มลูบแก้มผมเหมือนให้รางวัลปลอบเด็กดี
ในตอนนี้ผมยอมเป็นเด็กน้อยของมิคก็ได้ถ้าได้จูบจากมิคอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมไม่อยากได้แค่ปากแตะกันเพราะผมโลภกว่านั้น จึงยอมให้มิคลูบแก้มผมจนเพลินแล้วค่อยๆเอื้อมหยิบแว่นหนาที่เป็นตัวขวางภารกิจที่จะทำออก มิคที่ทำท่ารู้ทันจะจับมือผมแต่ไม่ทันผมแล้วล่ะครับ ผมปิดปากนุ่มมือจับท้ายทอยอีกมือโอบประคองร่างบางให้เอนลงกับโซฟา มิคดิ้นพยายามให้หลุดจากอ้อมกอด ผมจึงร่ายมนต์บรรจงจูบจนคนใต้ร่างหยุดดิ้นและยอมเปิดรับเรียวลิ้นผมให้ได้เข้าไปชิมความหวาน ผมไล่ต้อนจนเจอลิ้นเล็กเกี่ยวกระหวัดปลายลิ้นที่เจ้าของหลบหลีกในตอนแรกจนมันเริ่มเกี่ยวกระหวัดตอบโต้ มือบางที่แต่แรกผลักดันนั้นเปลี่ยนเป็นเลื่อนมาโอบรอบคอผมแทน
“อืมมม” เสียงหวานครางเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน
ผมจับคนตัวบางพลิกมาอยู่ข้างบนปากไม่ละจากจูบที่ยิ่งนานก็ยิ่งเคลิบเคลิ้ม เข่ามิคค่อมขนาบกับสีข้างผม มือมิคจับขยุ้มหัวผมเพื่อระบายอารมณ์เร่าร้อนจากรสจูบ มือผมที่ข้างเอวเลื้อยเข้าใต้เสื้อลูบไล้ผิวเนียนลื่นและรู้สึกได้ว่ามิคสะดุ้งกับสัมผัสผม ผมจึงดึงความสนใจมิคกลับด้วยจูบที่เชี่ยวชาญจนมิคเคลิบเคลิ้มอีกครั้ง และปล่อยโอกาสให้มือผมได้สำรวจทั่วแผ่นหลังเนียนจนตอนนี้เสื้อมิคเลิกขึ้นมาครึ่งหลังแล้วครับ อารมณ์ผมและมิคเตลิดด้วยกันทั้งคู่ ผมรับรู้ถึงบางสิ่งที่ดุดดันที่หน้าท้องของตัวเองส่วนของผมนั้นมันตื่นตุงกางเกงยีนส์ที่สวมอยู่ ผมละจากจูบและจับร่างมิคขึ้นนั่งค่อมตัก ใบหน้าหวานขึ้นสีตาหลับพริ้มปากบวมเจ่อหอบหายใจแรง ภาพนี้ยิ่งเร่งให้อารมณ์ผมไต่ระดับสูงขึ้น ผมดึงรั้งชายเสื้อของมิคให้พ้นศีรษะเมื่อร่างบางที่เปลือยท่อนบนปรากฏต่อหน้า สายตาผมพร่าเลือนเหมือนเห็นสมบัติล้ำค่าละลานตา แต่จุดที่หยุดสายตาผมได้ก็คือเม็ดทับทิมสองเม็ดงามที่ยอดอก ผมเอื้อมมือออกไปหาแต่มีแขนขาวของคนบนตักผมเค้ากั้นปิดมันจากสายตา
“ฟะ ฟิน” เสียงหวานแหบพร่าสายตาสั่นไหวเหมือนกวางน้อยที่หวั่นกลัวว่าเสือจะจับกิน
“มิคยังไม่พร้อม”
...................................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^3^
อย่าขว้างอะไรมานะคะที่เราตัดฉับจบตอนแบบนี้อ่ะ
เพราะตอนหน้าจัดเต็ม แต่..... “มิคยังไม่พร้อม”
อ้าวหมอมิคเค้าว่างั้นอ่ะ จะเป็นยังไงต่อน้า กวางน้อยจะรอดจากปากเสือรึเปล่า
รอติดตามต่อวันพฤหัสฯค่ะ
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์แล้วนะคะ เหมือนเดิมๆ ช่วยกันเม้นท์หน่อยนะคะ พลีสสสสส ^^

กอดดดกันอุ่นๆไว้แก้หนาว เดี๋ยวไม่สบาย
