ตอนที่ 5“กูไปด้วย”
ผมบอกสิ่งที่ต้องการไม่ใช่การขอร้องกับเพื่อนสนิทหน้าหล่อที่อยู่ตรงหน้า ‘วิน’ มองเขม็งกลับมาตาเราสบกันและใช้สายตาแทนการพูด ด้วยความที่เป็นเพื่อนสนิทกันมานานมันย่อมรับรู้ถึงสิ่งผิดปกติจากพฤติกรรมของผม เพราะการที่อยู่ๆผมมาบอกมันว่าจะไปรับกัสแฟนของมันและมิคเที่เป็นเพื่อนสนิทด้วยเพื่อช่วยขับรถ ทั้งๆที่มันก็คงขับเองได้อยู่แล้วเพราะชินเส้นทางด้วยความที่ต้องไปหาแฟนเกือบทุกอาทิตย์ แต่อาทิตย์นี้จะพิเศษตรงที่ช่วงวันหยุดยาวนี้เป็นกำหนดการเดินทางของทริปอัมพวาต่อด้วยหัวหิน และวินมันต้องไปรับกัสกับมิคเข้ากรุงเทพฯมาก่อนพรุ่งนี้จึงออกเดินทางไปเที่ยวกัน
“ไอ้ฟิน มึงแน่ใจเรื่องมิคแล้วใช่มั้ย” หน้าตาจริงจังอย่างต้องการคำตอบ ทำเอาผมต้องคิดอยู่นาน
“ยัง” คำเดียวที่ตอบทำเอาไอ้วินหน้าเครียดขึ้นคิ้วขมวดฉับ ผมรีบยกมือห้ามก่อนมันจะใส่มาเป็นชุด
“มึงก็รู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่กูต้องใช้เวลา เพราะกูไม่เคยเชื่อว่ามันมีจริง” การที่ไม่เคยมีความลับกับเพื่อนสนิท วินย่อมรู้ว่าเรื่องเดียวที่ผมไม่เชื่อคือเรื่องของ ‘ความรัก’ มันถอนใจพยักหน้าให้
“ขอเวลากูหน่อย แต่กูสัญญาจะไม่ทำให้ใครลำบากใจกับความไม่แน่ใจของกู กูแค่ชอบเวลาที่อยู่กับมิค กูรู้แค่นี้ว่ะ” เรามองจ้องตากันสายตาไอ้วินมันแสดงถึงความเข้าใจถึงสิ่งที่ผมพูด
“งั้นไปกันเลย” ผมยักคิ้วยกยิ้มให้มันบางๆกับความเข้าใจที่เพื่อนมีให้กัน
..............................................................
“มิคครับ ฟินช่วยยกกระเป๋านะ” เอื้อมมือคว้ากระเป๋าใบโตจากหนุ่มแว่นน่ารักตรงหน้า
“นายมาได้ไงเนี่ย” มิคขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัยเมื่อเห็นผมมารับถึงที่นี่
“ฟินมาช่วยวินขับรถครับ เพราะพรุ่งนี้พวกเราต้องไปเที่ยวกันแล้ว เดี๋ยวมันจะเหนื่อยจนเที่ยวไม่สนุก”
มิคก็พยักหน้าให้แต่สีหน้ายังงงๆไม่หายและเลิกสนใจผม เพราะถุงขนมใบโตที่ผมยื่นให้เจ้าตัวให้รู้กันไปว่าถ้าต้องการเบี่ยงเบนความสนใจและได้เอาใจมิคด้วยก็มีเจ้าขนมพวกนี้แหละที่ช่วยได้ มิคยิ้มกว้างอย่างถูกใจกับของตรงหน้าและเดินอ้อมจากหลังรถไปเปิดประตูหลังของรถคันเก่งของไอ้วิน เรานั่งตอนหลังด้วยกันส่วนกัสนั่งคู่กับวินที่เป็นคนขับ
เมื่อขึ้นรถกันแล้วมิคเป็นคนที่คุยเก่งมากชวนคุยตลอดไม่หยุดทั้งปากและมือที่หยิบขนมได้ไม่ขาด เรียกสายตาผมให้จับจ้องได้ไม่ยาก จนคนกินเก่งเริ่มหมดแรงหลับไปและหัวทุยก็เอนซบมาพิงไหล่ผมกลิ่นหอมของแชมพูสระผมที่เคยได้กลิ่นมาแล้ว มันโชยมาจนเผลอสูดกลิ่นหอมเข้าเต็มปอด และแอบสังเกตเห็นว่าภายใต้แว่นอันโตมีขนตายาวและหนาเป็นแพทาบปิดที่ผิวใต้ตา แว่นจะหลุดจากดั้งจมูกจนผมรำคาญไอ้แว่นอันโตที่ปิดใบหน้าใสไว้ จึงหยิบมันออกจากใบหน้าคนหลับและครั้งนี้ผมก็ถอดมันออกจนได้ ผมเผลอใช้ข้อนิ้วลูบแผ่วที่แก้มใสที่ให้ความรู้สึกนุ่มเนียน ถ้าเปลี่ยนจากนิ้วเป็นจมูกมันจะดีสักแค่ไหนกันนะ และพลันรู้สึกถึงสายตาที่จับจ้องมาทางผม จึงเงยหน้าละสายตาจากใบหน้าที่น่าหลงใหลนี้
ผมเจอกับสายตาคู่หนึ่งที่จับจ้องมาจากกระจกส่องหลังเป็นสายตาของกัสที่มองผมนิ่ง สายตาแบบนี้ของกัสผมไม่เคยเห็นจากคนรักของเพื่อนคนนี้มาก่อน เพราะกัสที่ทั้งน่ารักและอ่อนหวานนั้นไม่มีทางจะส่งสายตาเหมือนจับผิดแบบนี้ให้ใครแน่ๆยกเว้นไอ้วินที่เป็นแฟนเท่านั้น เห็นแบบนี้ก็ให้ความรู้สึกเกร็งขึ้นมาและผมก็ไม่แปลกใจอีกต่อไปแล้วที่เพื่อนผมมันจะทั้งรักทั้งเกรงใจกัสขนาดนั้น
ถ้าผมอ่านสายตากัสไม่ผิดกัสคงเริ่มสงสัยในพฤติกรรมของผมที่มีต่อมิคเป็นแน่ ไอ้ผมที่ไม่มีอะไรต้องปิดบังอยู่แล้วเรื่องมิคเพราะถ้าในอนาคตผมตัดสินใจเรื่องมิคได้ผมก็ต้องแสดงความจริงใจให้เพื่อนมิคเห็นอยู่แล้ว ผมค่อยๆจับหัวที่พิงซบไว้และโอบร่างมิคที่ซบไหล่อยู่ให้นอนหนุนตักเพื่อให้ร่างบางหลับได้สบายขึ้นและอดยิ้มกับภาพมิคที่เหมือนเด็กกินอิ่มแล้วก็หลับไม่มีอะไรต้องกังวลของคนที่หลับหนุนตักกันไม่ได้ เกลี่ยผมนุ่มไม่ให้ปิดหน้าใสเพื่อไม่ให้เจ้าของรำคาญจนต้องตื่นมา เงยหน้าขึ้นก็ยังพบกับสายตาของกัสที่มองการกระทำผมอยู่และคิ้วเริ่มขมวดมุ่น นี่คงไม่ได้หมายความว่ากัสหวงมิคหรอกนะอยากหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดูแฟนเพื่อนแต่ต้องห้ามตัวเองไว้ก่อน ผมตัดสินใจพูดอะไรบางอย่างกับกัส
“กัสครับผมยังไม่ค่อยแน่ใจแต่ก็รู้สึกพิเศษกับมิคมากกว่าใครที่เคยพบ ขอโอกาสให้ผมได้พิสูจน์อีกนิดแล้วจะมีคำตอบให้แน่ๆครับ และระหว่างนี้ผมจะไม่ทำให้มิคลำบากใจแน่ๆ”
หลังพูดจบกัสยังมองผมนิ่งเหมือนคิดอะไรอยู่และมีเสียงถอนหายใจตามมาหลังจากนั้นเจ้าตัวก็พยักหน้าน้อยๆมาให้ ตาสวยคู่นั้นก็เลิกจับจ้องผม ผมจึงหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทที่ขับรถอยู่แต่ผมรู้ว่าไอ้วินมันรู้ทุกการเคลื่อนไหวในรถแต่มันไม่ได้พูดเท่านั้น และก็เป็นจริงอย่างที่ผมคิดไอ้สายตายิ้มได้แบบนี้มันแปลว่า ‘รู้ยังว่าแฟนกูน่ะดุแค่ไหน ให้มึงระวังไว้อย่าทำเพื่อนเค้าเสียใจ’
ผมเลิกสนใจกับคู่รักตรงหน้าเพราะคนนอนตักเค้าพลิกตัวหันหน้าเข้าหาหน้าท้องผมแถมขยับหัวไปมาเหมือนหาตำแหน่งที่สบาย แต่ไอ้ผมเนี่ยเหมือนจะไม่สบายตัวแล้วเพราะการกระทำของมิคนั้นมันใกล้จุดยุทธศาสตร์เหลือเกินทำเอาผมเกร็งไปหมด จนมิคหามุมสบายได้แล้วจึงหยุดการเคลื่อนไหวทำเอาผมเผลอถอนใจออกมา จ้องใบหน้าด้านข้างที่มีผมยุ่งปิดไว้จึงเอื้อมมือเอาผมทัดหูให้เจ้าของใช้ปลายนิ้วสัมผัสผิวแก้มเนียนลูบไล้ไปมา ได้ยินเสียงครางอย่างถูกใจจากปากเล็กที่ขยับแถวหน้าท้อง ภาพและเสียงที่เห็นทำเอาผมขนลุกซู่ทั้งตัวหยุดปลายนิ้วค้างพยายามระงับอารมณ์ดิบที่เกิดขึ้นฉับพลันของตัวเองให้สงบลง เพราะถ้าคนหวงเพื่อนรู้ว่าตอนนี้ผมคิดยังไงกับเพื่อนตัวเองผมได้โดนไล่ลงจากรถแน่นอน
ผมหันหน้าออกนอกรถไม่ให้มองภาพที่ก่ออารมณ์ตรงหน้า จวบจนอารมณ์คงที่จึงหันกลับมามองคนหนุนตักที่ตอนนี้ลืมตาแป๋วมองสบกับผม เราสองคนมองตากันนิ่งนานและเหมือนมิคจะเพิ่งรู้สึกตัวเต็มที่หลังตื่น เจ้าตัวตาโตเมื่อรู้ตัวว่าหนุนตักผมอยู่ มิคลุกขึ้นจากตักทันทีและถามหาแว่นสายตาที่ผมถอดมาถือไว้ มิคอ้าปากหาวน้อยๆกิริยาแบบนี้ก็ทำให้ผมเกิดความรู้สึกเอ็นดูกับคนตรงหน้าได้ จนอดยิ้มออกมาไม่ได้ทำเอามิคที่เห็นผมยิ้มกว้างแบบนั้นส่งสายตาดุมาให้ทันที เพื่อนรักสองคนนี้เค้าก็มีอะไรที่เหมือนกันแบบนี้ด้วยแฮะ ผมละอยากขำออกมากับสายตาดุๆคู่นี้
การเดินทางของเราก็มีแวะปั๊มน้ำมันเข้าห้องน้ำบ้างตามรายทางผมเปลี่ยนมาขับแทนวินโดยให้กัสไปนั่งข้างหลังกับมิคแทน ส่วนมิคที่ตื่นเต็มตาก็บรรยายโปรแกรมเที่ยว สถานที่เที่ยว ให้กัสและวินฟังมีผมเสริมบ้าง ตลอดทางนั้นก็มีแต่เสียงหวานที่คุ้นหูและเริ่มคุ้นใจผมทำเอาการขับรถของผมไม่มีเบื่อไม่มีง่วงเลยทีเดียว
..........................................................................
“ฟิน มึงไปส่งมิคที่บ้านเลยนะ”
ไอ้วินเพื่อนที่รู้ใจมันรีบบอกให้ผมไปส่งมิคทันทีเมื่อเราขับรถมาถึงคอนโดของมันที่กรุงเทพฯกันแล้ว เพราะผมเอารถมาจอดไว้ที่นี่ก่อนออกไปกับมัน หลังประโยคของเพื่อนผมกัสแย้งว่าจะไปส่งให้เองแต่มิคกลับเอ่ยว่า
“ก็ดีนะกัสให้นายฟินไปส่งเถอะ กัสจะได้พักผ่อนถ้ากัสไปส่งกว่าจะไปกว่าจะกลับมาก็ดึกพอดี อย่างนายฟินเนี่ยถึกพอใช่ป่ะ” นั่นหันมายักคิ้วให้ผมเมื่อแอบว่าเหน็บผมกลายๆว่าถึกได้ ผมจึงได้แต่พยักหน้าและยกยิ้มน้อยๆไปให้แทนเพราะใจก็อยากไปส่งอยู่แล้ว
“ก็ได้ งั้นให้ฟินไปส่งมิค แต่ถึงแล้วมิคโทรหากัสนะ”
“อืม กัสไปพักผ่อนเถอะพรุ่งนี้เจอกันนะ”
หลังจากรำลาเราก็แยกย้ายกันไปผมหิ้วกระเป๋าใบโตของมิคไปใส่หลังรถตัวเองส่วนเจ้าตัวก็เดินตามมาขึ้นนั่งรถคู่กัน
“มิคหิวมั้ย เดี๋ยวฟินแวะหาร้านทานข้าวให้” คนผมยุ่งพยักหน้ารัวยิ้มกว้างแถมมือลูบท้องอีกยืนยันว่าเริ่มหิวแล้ว เหมือนเด็กจริงๆความสนใจมีแต่เรื่องกินกับนอนใช่มั้ยนะ
ผมลูบหัวคนตัวเล็กที่นั่งข้างกันอย่างเผลอไผล สัมผัสที่ได้ช่างนุ่มมือนักใช้ปลายนิ้วเก็บผมทัดหูให้ อาการเผลอไผลของผมที่ทำไปส่งผลให้ทั้งรถเงียบกริบเพราะคนที่เจื้อยแจ้วมาตลอด กลับนั่งอึ้งตาคู่สวยภายใต้แว่นเบิกกว้าง ผมชักมือกลับหันไปข้างหน้าตั้งใจขับรถต่อทันที
“เอ่อ คือ ฟินเห็นว่าผมมิคยุ่งปิดหน้าน่ะ เลยเผลอไปหน่อย” เอ่ยเสียงอ่อยออกไปเมื่อความเงียบยังคงอยู่กลัวคนตัวเล็กข้างกันนี้โกรธเอา แอบชำเลืองมองไปทางคนที่นั่งเงียบที่จ้องออกนอกรถยังไร้ซึ่งเสียงตอบโต้ หรือผมจะโดนโกรธเข้าแล้วนะ
“นี่ๆ นายฟินจอดๆ เอาร้านนี้อยากกินเย็นตาโฟใส่ปลาหมึกเยอะๆ ร้านนี้ๆ” เสียงหวานดังขึ้นเล่นเอาผมตกใจเหยียบเบรคทันที ดีที่ไม่มีรถตามหลังไม่งั้นได้โดนชนตูดแน่
“โอ้ย! นายฟินทำไมเบรกกะทันหันแบบนี้เนี่ย ดูซิเจ็บเลย”
ผมตกใจเมื่อมิคบอกเจ็บจึงรีบหาที่จอดข้างทาง แล้วหันไปมองร่างบางที่ลูบหัวปอยๆเพราะหัวไปกระแทกกับคอนโซลรถด้านหน้าเพราะมิคไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยไว้ ผมจับมือบางออกและเปิดไฟในรถเพื่อตรวจดูว่าหัวแตกมั้ย ดีที่แค่แดงไม่มีรอยแตกจึงใช้นิ้วลูบเบาๆบริเวณนั้นพร้อมเปาลมเบาๆไปที่หน้าผากนูน
“ฟินขอโทษนะครับไม่ได้ตั้งใจ ตกใจกับเสียงมิคน่ะ วันหลังมิคขาดเข็มขัดฯด้วยนะ ดูซิแดงหมดเลย”
ผมพูดไปตาก็จ้องไปที่รอยแดงและใช้นิ้วลูบไปด้วย จบประโยคห่วงใยก็ผละออกมามองหน้าคนเจ็บที่ตาโตอ้าปากค้างไปแล้ว คงอึ้งกับการกระทำของผมไอ้ผมที่ไม่ระวังตัวเองก็เผลอทำตัวใกล้ชิดร่างบาง ทั้งๆที่บอกใครต่อใครไว้ว่าจะไม่ทำให้มิคลำบากใจแท้ๆเชียว ผมหันหน้ามองไปข้างหน้ารถยกมือลูบท้ายทอยตัวเองแก้เก้อ เกิดความเงียบชั่วครู่
“โครกกก” ไม่ใช่เสียงท้องร้องที่เกิดจากผมนะ ผมจึงหันไปมองต้นเหตุที่นั่งข้างกันและทันเห็นใบหน้าแดงก่ำ มิคคงอายที่ท้องร้องดังซะขนาดนี้ เจ้าตัวขยับแว่นที่ใบหน้าไปมาแก้เขิน
“ห้ามหัวเราะนะ ก็คนมันหิวนี่” หลังตั้งตัวได้มิคก็หันมาดุเสียงดังห้ามผมหัวเราะ แต่ไม่ได้ห้ามยิ้มนี่ผมจึงยิ้มซะกว้างให้กับความรู้สึกเอ็นดูมิคที่เกิดขึ้นมา จึงได้ค้อนวงโตจากคนน่ารักและมิคคงทนมองรอยยิ้มกว้างที่เจ้าตัวแปลได้เป็นการแซวจากผมไม่ได้จึงเปิดประตูลงรถไป
ผมจึงรีบตามลงมาทันเห็นคนตัวบางสั่งเย็นตาโฟและเดินไปนั่งโต๊ะที่ว่างแบบไม่รอกันเลย สั่งเสร็จผมก็ตามไปนั่งเก้าอี้ตรงข้ามมิคที่นั่งอยู่แล้ว มิคมองไปรอบๆสายตาเป็นประกาย บริเวณนี้เป็นร้านอาหารรถเข็นที่ตั้งเรียงรายตามข้างทางมีอยู่หลายร้าน ผมที่เคยแต่ขับผ่านไม่เคยแวะกินหรอกนี่เป็นครั้งแรกที่ลงมานั่งกินแบบนี้ ผมจับจ้องไปที่ใบหน้าใสที่มองนิ่งไปที่ร้านรถเข็นที่ขายน้ำแข็งใสมีเครื่องให้เลือกมากมาย
“ทานเย็นตาโฟก่อนแล้วค่อยไปต่อขนมหวานนะครับ”
“อืมๆ นายเลี้ยงนะ” ยิ้มกว้างเมื่อจะได้กินของถูกใจแต่แอบเนียนให้ผมเลี้ยงซะงั้น แต่เรื่องแค่นี้สบายมากผมเต็มใจเลี้ยงอยู่แล้ว
ผมหมดความสำคัญไปทันทีเมื่อเย็นตาโฟชามโตที่มีปลาหมึกเยอะมากจนกลบเครื่องอย่างอื่นไปหมดมาเสริฟบนโต๊ะ มิคก้มหน้ากินไม่สนใจผม จนเราทานเสร็จก็เดินมาต่อกันที่ร้านขนมหวานที่มิคเล็งไว้แต่แรก ขนมหวานที่มิคสั่งมาถ้วยใหญ่มากและเจ้าตัวบอกว่าผมไม่ต้องสั่งให้มากินด้วยกัน เพราะมิคเล็งโรตีร้านข้างๆไว้กลัวว่าถ้ากินขนมถ้วยนี้คนเดียวจะไม่เหลือท้องกินโรตี จึงให้ผมช่วยกินถ้วยเดียวกันไอ้ผมนะไม่มีปัญหาอยู่แล้วออกจะชอบใจด้วยซ้ำที่ได้กินถ้วยเดียวกันกับร่างบางตรงหน้า
กว่าเราจะกินเสร็จก็ใช้เวลาไปพอควรเพราะคนกินเก่งยังอยากจะซื้อของกินอย่างอื่นอีก จนผมต้องบอกว่าพอได้แล้วและสัญญาไปว่าจะพามาอีก มิคต่อให้ด้วยว่าผมต้องเลี้ยงด้วย นั่นมันก็เข้าล็อคผมน่ะซิจึงรับคำแบบลังเลนิดๆให้เจ้าตัวจับไม่ได้ว่าผมน่ะดีใจขนาดไหนที่จะได้มากินข้าวแบบนี้กับมิคสองต่อสองอีกครั้ง
ผมขับรถมาส่งมิคตามทางที่มิคบอกจนมาจอดหน้าบ้านไม้สองชั้นหลังใหญ่ที่รอบบริเวณบ้านมีต้นไม้ปลูกอยู่เต็ม แต่ตอนกลางคืนแบบนี้มันดูน่ากลัวไปนิดเพราะเห็นเพียงแสงไปที่ส่องออกมาจากในบ้านที่อยู่ลึกเข้าไปจากต้นไม้ใหญ่พวกนี้
“นายฟิน!! / เฮ้ยยย” ความที่ผมชะเง้อมองรอบบ้านมิคนานไปหน่อยเมื่อมิคตะโกนเรียกชื่อทำเอาผมตกใจร้องออกมาเสียงดัง
“ฮ่าๆๆๆ หน้านายนี่ตลกอ่ะ ฮึๆ” นั่นมิคหัวเราะใหญ่ตอนนี้หน้าผมคงตลกสำหรับเจ้าตัวมากซินะ ผมกำลังสนใจบ้านมิคอยู่นี่หน่าเล่นเรียกกันแบบนี้ใครจะไม่ตกใจกันล่ะ
“นายฟิน เลิกทำหน้างอนแบบนี้เลยนะมันไม่เข้ากับนายหรอก ฮิๆๆ”
“แล้วจะให้ฟินทำหน้าแบบไหนล่ะครับ หืม”
ผมยื่นหน้าไปใกล้ใบหน้าที่หัวเราะกว้างตาหยีเพราะต้องการแกล้งให้มิคตกใจที่อยู่ๆผมก็ยื่นหน้าไปใกล้ และมันก็สมใจผมเมื่อมิคตกใจตาโตที่ใบหน้าผมใกล้ใบหน้าใสมาก ซึ่งตอนนี้ผมไม่ได้สนใจว่ามิคจะตกใจรึเปล่าแล้วล่ะที่ผมสนตอนนี้ก็ไอ้ใจที่เต้นรัวแรงกับภาพใบหน้าใสและปากแดงของมิคที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ผมไม่รู้ว่ามิคทำหน้าแบบไหนแล้วทำไมถึงเงียบแต่จุดที่สายตาผมจับจ้องมันก็แค่ปากแดง ‘น่าจูบ’ นี่ต่างหาก เฮ้ย! นี่ผมคิดอะไรอยู่เนี่ย เมื่อคิดได้ผมผละออกมาทันที
“ฮ่าๆๆ มิคตกใจใช่มั้ยล่ะ” ผมหัวเราะกลบเกลื่อนเพื่อไม่ให้มิคสงสัยกับสิ่งที่ผมกำลังเป็นอยู่
“ป๊าบ / นี่แน่ะ แกล้งกันใช่มั้ยจำไว้เลยนะนายฟิน” มิคตีมาที่แขนผมอย่างแรงเมื่อรู้ว่าผมแกล้งทำให้ตกใจ
“ฮ่ะๆๆ พอแล้วครับฟินขอโทษที่แกล้งให้มิคตกใจ ไปครับเดี๋ยวฟินไปส่ง”
ผมทำให้มิคเชื่อได้แล้วว่าผมแค่แกล้งเจ้าตัวเล่นค่อยยังชั่วหน่อยเพราะผมไม่อยากให้มิคลำบากใจหรือรู้สึกแปลกๆกับสิ่งที่ผมเป็น เพราะความที่ยังไม่แน่ใจกับความรู้สึกของตัวเองจึงไม่อยากให้มิคคิดมาก ขอเวลาผมอีกนิดเถอะนะให้แน่ใจกว่านี้อีกนิด ถ้าผมรู้ความรู้สึกตัวเองว่ามันคือ ‘รัก’ แล้วเมื่อนั้นผมจะเดินหน้าเต็มที่ถึงแม้ตอนนั้นคนข้างตัวจะปฏิเสธ ผมก็จะตื้อเพื่อให้ได้มิคมาแน่นอน และผมรู้สึกได้ว่าเวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว
“พรุ่งนี้ฟินมารับไปบ้านวินนะครับ” ก่อนกลับผมก็บอกมิคถึงความตั้งใจที่จะมารับไปขึ้นรถเพื่อไปเที่ยวกันที่บ้านวินในวันรุ่งขึ้น มิคพยักหน้าให้แบบขอไปทีคงยังเคืองที่ผมทำให้ตกใจและเหมือนว่าผมแกล้งเจ้าตัวไป
“ดี จะได้ไม่ต้องไปเองให้เปลืองค่าแท็กซี่ ชิ”
มิคเดินเปิดประตูรั้วไม้เข้าบ้านไม่แม้แต่จะหันกลับมามองกัน ผมยังยืนอยู่ที่เดิมมองตามแผ่นหลังเล็กที่เดินตรงเข้าบ้านและกระซิบแผ่วผ่านสายลมเผื่อว่าคนร่างบางจะได้ยิน
“ฝันดีครับมิค”
........................................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^3^
นายฟินแอบเนียนนี่ขนาดยังไม่แน่ใจนะเนี่ย(แต่ใกล้แล้ว)555 ฟินก็แค่”เผลอ”เอ๊งง
ส่วนหมอมิคแม้อยู่เฉยๆเป็นตัวของตัวเองแบบนี้นายฟินก็หนีไม่รอดแล้ว
ตอนหน้าเราไปอัมพวากันอีกรอบนะคะ(เบื่อมั้ยอ่ะ) เรามาดูกันค่ะว่า
ฟินที่ไม่แน่ใจตัวเองแบบนี้จะรู้ใจตัวเองเมื่อได้ไปเที่ยวรอบนี้รึเปล่า
ปล.เดี๋ยวมา+1ให้นักอ่านที่เม้นให้กันนะคะเพราะยังไม่ครบ24ชม.
เพราะเพิ่งบวกให้ในเรื่องนู้น เจอกันวันอาทิตย์ค่ะ
ปล.2 พรุ่งนี้อัพตอนพิเศษต่อให้เรื่องกัสวินจ้า เตรียมตัวมาให้พร้อมมม
(ชดเชยให้นายวินผู้น่าสงสาร) สำหรับทุกการติดตามค่ะ