[แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [แจ้งข่าวP31]Out of order ขออภัยในความไม่สะดวก24จบP28:17/6/55  (อ่าน 317160 ครั้ง)

RanJeri

  • บุคคลทั่วไป
น้องโจ สู้ สู้ คุณผนิตเริ่ม??ใจอ่อนนิดนึงแล้ว  :sad4:

ออฟไลน์ powvera

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-3
โจป่วยแบบนี้ทำให้แสดงความรู้สึกของตัวเองให้พี่พนิตรู้ว่า

"โจรักพี่นิตคนเดียวมาตลอด"

ชอบอ่ะชอบ

เป็นกำลังใจให้คนเขียนมาลงตอนใหม่เรื่อยๆ  เพราะยากอ่านมาก     :กอด1:    :กอด1:

ออฟไลน์ rmlab

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-2
โจหายป่วยเมื่อเมื่อใหร่ต้องหัดพูดให้เยอะๆ นะ

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
โจหายป่วยเมื่อเมื่อใหร่ต้องหัดพูดให้เยอะๆ นะ

ใช่เลยๆ ถูกใจอ่ะ ฮา +1 โลด 55+

ออฟไลน์ pochu52

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1328
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-0
โจ อ้อนเข้าไปอ้อนเยอะๆ พี่นิตต้องใจอ่อนเข้าซักวันละน๊า

ออฟไลน์ SuSaya

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-9
เฉื่อยสมชื่อ...ทำไมความสัมพันธ์มันแทบจะไม่พัฒนาเลยเนี่ย
เอาเถอะ...แค่คุณพนิตไม่หนีไปไหนก็น่าจะโอแล้วสำหรับโจตอนนี้
ต่อไปก็พูดเยอะ ๆ หน่อยละกัน แต่พอจะจับทางได้แล้วว่าโจเม้มปากทีไรแปลว่ากำลังยิ้มอยู่  :o8:

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆรอตอนต่อไปนะจ้า

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
คนป่วยคนนี้ขี้อ้อนมากเลยนะ น่ารักจัง พี่นิตไม่นึกรักน้องเขาบ้างหรือค่ะ  :o8:

ออฟไลน์ Cc-kun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
รุกเลยๆๆๆ

น่ารักขนาดนี้มันต้องรุก

อย่าให้เด็กเค้ามาข่มเราได้ ว้ากกกกกกกกกก

(บ้าไปแล้ว แต่อย่างให้ลุงแกรุกจริงๆนะ 55 )

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
เพิ่งเห็นเรื่องนี้ของคุณ juon ค่ะ  :a5: คุณพนิตตอนแรกนึกว่าจะไม่แข็งเท่าไร ที่ไหนได้
ยากจนหืดขึ้นคอยิ่งกว่าคุณไพฑูรย์ซะอีก :z3:
โจสู้ๆ นะจ๊ะ  :monkeysad:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






MM.Dog

  • บุคคลทั่วไป
พี่นิตเคยไปใช้ชีวิตคู่กับใคร ที่ไหน เมื่อไหร่ คะ???
แล้วแบบนี้โจจะเอาชนะอุปสรรค (ทั้งนิสัยตัวเอง และโลกส่วนตัวของพี่นิต) ได้รึเปล่า

zhiki

  • บุคคลทั่วไป
อ่าว ตอนเก้าแล้ว!!! โอ้ พลาดไปกี่ตอนแล้วเนี่ยยยยย -0-

เจ๊คร้าบ บันไซสามหน!
ขอบคุณที่ชี้แนะเรื่องเคะแก่ มาอ่านเรื่องเจ๊นี่ช่วยได้เยอะ เพราะคนแก่เขียนมักได้อรรถรสมากกว่าเปนไหนๆ กร๊ากกกกกกก

เจ๊เปนแรงบันดาลใจชั้นหนึ่งของผมจริงๆ~
รับผมเปนลูกศิษย์ลูกหาทีเถิ๊ด ย่าทวด 555555555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-11-2011 23:33:14 โดย zhiki »

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
โจอ้อนเก่งมาก
ให้อารมณ์ลูกหมาขี้อ้อนจริงๆเลย

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
** ยังคงเป็นเรื่องเดียวที่เขียนสะดวกตอนนี้...(แต่คงจะมึนๆ ไปบ้าง ตามสภาพแวดล้อมและสถาการณ์ไม่ปกติ =[]=)

อนึ่ง เรื่องนี้เหมือนว่าแต่ละตอนจะไม่ไปถึงไหน จริงๆ เพราะตอนนึงสั้น เทียบแล้ว10ตอนเรื่องนี้จะเท่าเรื่องอื่นประมาณ5ตอนเท่านั้น เพราะงั้น... อย่าไปนึกว่าเรื่องมันไปอย่างช้าๆ แค่เลขตอนมันเยอะเท่านั้นเอง (ยังกล้ามาแก้ตัว... แหม.. ก็บอกแล้วว่าเรื่องมันเฉื่อย)

---------------------------------------------------------

Out of order. ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนที่10
   ผมไม่เคยใช้ชีวิตคู่ ไม่เคยแต่งงาน ไม่เคยมีแฟน แต่ผมเคย.. เคยชอบใครคนหนึ่ง เขาเป็นคนหน้าตาดี นิสัยใจกว้าง คุยสนุก ผมเคยชอบมองหน้าเขา คุยกับเขา คิดเอาว่าถ้าได้เห็นหน้าเขาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงก็คงดี
   ถึงอย่างนั้น พอเอาเข้าจริงแล้ว..............
-------------------------------------------------
   “โจ..” ในที่สุดผมก็ได้สติจากรอยยิ้มที่สังเกตยากที่สุดของสุภาพงษ์ ให้ตายสิ ผมนี่ก็จริงๆ เลย เผลอไปกับรอยยิ้มยากๆ ของเขาจนได้ ดีนะที่เขาคงยังไม่ทันได้สังเกตหรอก
   “?” สุภาพงษ์มองหน้าผม เบิ่งตาขึ้นหน่อยๆ อืม.. เขาหน้าตาดีจริงๆ นั่นแหละ ยิ่งพอไม่สบายแล้วตาเซื่องๆ นี่ เล่นเอาผมแทบจะไปต่อไม่เป็นเลย แต่เอาน่ะ ผมอายุปูนนี้แล้ว และเขาก็ป่วย นี่ไม่ใช่เวลาจะมาพิจารณาความหล่อของเขาหรอก
   “อาบน้ำไหวไหม? ไม่ได้อาบน้ำมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วนี่ ถ้าไหวพี่ว่าอาบสักหน่อยดีกว่า เครื่องทำน้ำอุ่นก็มีไม่ใช่หรือ?”
   สุภาพงษ์ดูจะอึ้งอยู่นิดๆ สักพักก็พูดออกมา “พี่นิตจะกลับหรือครับ?”
   ผมบอกให้เขาไปอาบน้ำ ยังไม่ได้บอกว่าจะกลับสักหน่อย ทำไมเขาถึงถามแบบนี้นะ สมองมีปัญหาระหว่างไข้หรือไงล่ะเนี่ย
   “เปล่า พี่แค่อยากให้โจอาบน้ำ จะได้ล้างเหงื่อล้างอะไรออกไปบ้าง ตะกี้เช็ดตัวก็ยังไม่ทั่วเลย”
   สุภาพงษ์กลับมาเม้มปากอีก ผมเห็นว่าหน้าเขาแดงนิดๆ หรือว่าเกิดไข้ขึ้นอีกแล้ว
   “โจ...”
   “ครับ”
   “มีไข้อีกหรือ?”
   “........................” พอเห็นเขาเงียบ แต่หน้าแดงเอาๆ ผมเลยอดไม่ได้ ต้องยื่นมือไปแตะหน้าผากเขา โอ้โห ร้อนจี๋เลย ผมเลยรีบจูงมือเขามานั่งตรงโซฟาทันที “คราวหลังถ้าไข้ขึ้นสูงก็บอกกันหน่อยสิ”
   “ครับ” สุภาพงษ์พยักหน้า แล้วจับมือผมไว้แน่น ขณะที่นั่งลง “พี่นิตจะอยู่กับผมใช่มั้ย?”
   เพราะเห็นว่าเขาไข้หนัก ผมเลยตอบไปอย่างไม่คิดอะไร “อือ ไข้ขนาดนี้ปล่อยทิ้งไว้คนเดียวไม่ได้หรอก”
   สุภาพงษ์เม้มปากอีกครั้ง จากนั้นก็ลุกขึ้นจากโซฟา “งั้นผมไปอาบน้ำนะ”
   “ไหวหรือไงน่ะ” ผมถามเขาอย่างเป็นห่วง สุภาพงษ์พยักหน้า “ไหวครับ พี่นิตอย่าหนีผมไปไหนนะ”
   “ไม่ไปไหนหรอกน่า” ผมพูดกับเขาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ “จะให้พี่ไปอาบด้วยเลยมั้ย?”
   ที่จริงผมแค่พูดเล่น ไม่ได้หวังจะประชดอะไรเขาหรอก นึกว่าเขาอายุตั้งสามสิบสี่แล้ว ยังจะมางอแงเป็นเด็กๆ ไปได้ แต่สุภาพงษ์นี่สิ ดันเม้มปากนิดๆ แล้วพยักหน้า
   เอ่อ... นี่เขาพยักหน้าเพราะพิษไข้ใช่มั้ย?
   ระหว่างที่ผมกำลังอึ้งกับการพยักหน้าของเขา สุภาพงษ์ก็ฉวยจังหวะจูงมือผมไปห้องน้ำ ให้ตายสิ นี่เขาอยากให้ผมอาบน้ำกับเขาจริงๆ เหรอเนี่ย
   ผมเงยหน้ามองเขา ขณะที่สุภาพงษ์ปิดประตูห้องน้ำดังกึก
   “โจ........” ผมเรียกชื่อเขา กะจะพูดอะไรซักอย่างเพื่อดึงตัวเองออกจากสภาพน่ากระอั่กกระอ่วนแบบนี้ แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นว่ากระดุมเสื้อของเขายังติดผิดอยู่เลย ตายล่ะ นี่ผมพาเขาออกไปทั้งๆ ที่ยังติดกระดุมผิดแบบนี้เหรอเนี่ย ผมนี่สะเพร่าจริงๆ เลย
   สุภาพงษ์สะดุ้งตัวหน่อยๆ ตอนที่ผมยื่นมือไปปลดกระดุมเสื้อ ผมเลยบอกเขาไป “ติดกระดุมผิดน่ะ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
   “อ้อ ครับ” เขาพูด แล้วหน้าแดงอีก ผมว่าคราวนี้เขาน่าจะอายมากกว่าไข้ล่ะมั้ง แน่ล่ะ ผมพาเขาออกไปเดินตะลอนๆ หาหมอ แล้วยังพาไปทานข้าว ทั้งๆ ที่ติดกระดุมผิดแบบนี้ เขาป่วยอาจจะไม่ทันสังเกต แต่ผมที่ปกติดี และสังเกตแล้วแต่ลืมบอกนี่สิ เฮ่อ... นึกแล้วอนาถตัวเองจริงๆ
   ผมปลดกระดุมเสื้อเขาด้วยความอายตัวเองมาจนถึงเม็ดสุดท้าย มือของสุภาพงษ์ก็เลื่อนมาจับมือผมเอาไว้ ยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดอะไรต่อ เขาก็จับมือผมให้ช่วยถอดเสื้อเขาออก
   โอ๊ย แย่แล้ว!!
   ผมแทบจะหน้ามืดลมจับ ตอนที่เห็นกล้ามอกกล้ามท้องของเขา แถมมือยังโดนผิวแน่นๆ ของเขาด้วย อันที่จริงหุ่นของสุภาพงษ์ก็ไม่ถึงขนาดมีกล้ามเป็นมัดๆ อย่างพวกนักเล่นกล้ามหรอก เขามีกล้ามเนื้อพอสวย น่ามองจริงๆ
   แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมามองร่างกายของเขานะ!!
   ผมบอกตัวเองให้ตั้งสติ แค่เผลอยอมเข้ามาห้องน้ำกับเขาก็แย่มากแล้ว เขาน่ะป่วย ส่วนผมปกติ ผมควรจะมีสติมากกว่านี้สิ แต่ขณะที่ผมกำลังตั้งสติอย่างเอาเป็นเอาตาย สุภาพงษ์ก็ยื่นมือเข้ามา ปลดกระดุมเสื้อผมออกบ้าง
   “!!” ผมสะดุ้งเฮือก พลอยทำเอาสุภาพงษ์ไปด้วย เราเงยขึ้นมองหน้ากัน ผมที่รู้สึกว่าตัวเองใกล้แย่เต็มที่แล้ว เลยรีบชิงพูดขึ้นก่อน “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพี่เช็ดตัวให้ดีกว่า”
   สุภาพงษ์ทำหน้าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็พยักหน้า แล้วก็ผละออกไป ผมเกือบจะถอนหายใจออกมาอยู่แล้ว แต่พอเห็นเขาหยิบผ้าเช็ดตัวมานุ่ง แล้วเริ่มถอดกางเกง หัวใจผมก็เต้นตุบๆ อย่างห้ามไม่อยู่
   นี่ถ้าเกิดเขานุ่งผ้าเช็ดตัวไม่แน่นล่ะก็.... ผมก็จะได้เห็นหมดเลยน่ะสิ!!
   ผมรีบหันหน้าหนีไปอีกทาง ก่อนจะตั้งสติไม่อยู่ไปมากกว่านี้ พอเห็นกระเบื้องห้องน้ำตรงผนังอีกด้านแล้วจิตใจพลอยสงบขึ้นมาหน่อย บอกตัวเองให้สูดหายใจลึกๆ เข้าไว้ มันก็ร่างกายคนเหมือนกันนั่นแหละ ของเขากับของผม มันก็ประเภทเดียวกัน เสียแต่ว่าผมไม่มีกล้ามเนื้อกับหน้าตาหล่อๆ ให้มองกระจกได้ทุกวันแบบเขา ก็แค่นั้นเอง
   ถ้าเขาเป็นผู้หญิงสิ ผมควรจะต้องคิดมาก แต่นี่เขาเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย เพราะอย่างนั้นแล้ว.....
   “พี่นิต”
   ผมที่ตั้งสติได้แล้ว หันกลับไปมองสุภาพงษ์ตามเสียงเรียก แล้วก็ได้เห็นเขากะพริบตาปริบๆ ทำหน้าลำบากใจพิกล “ผมรบกวนพี่มากรึเปล่า”
   “เปล่าๆ” ผมรีบตอบไป ที่จริงเขาก็ไม่ได้รบกวนอะไรผม แค่ทำให้ผมลำบากใจเท่านั้นแหละ ผมเบือนสายตาจากหุ่นสวยๆ ของเขา ไปที่อ่างอาบน้ำ แล้วพูดต่อ “โจนั่งที่ขอบอ่างก็ได้ พื้นจะได้ไม่เปียก”
   “ครับ..” สุภาพงษ์พยักหน้าอย่างว่าง่าย แล้วเดินไปนั่งตรงขอบอ่าง หย่อนขาลงไปด้านในแล้วหันหลังให้ผม เฮ่อ... หลังเขาขาวจัง ไม่ค่อยได้ทำอะไรตากแดดล่ะมั้งเนี่ย
   ผมเอื้อมมือหยิบผ้าผืนเดิมที่ตากอยู่ตรงราวพาดผ้าเช็ดตัว แล้วก็เอาอ่างรองน้ำมาวางใกล้ๆ จากนั้นก็เริ่มเช็ดตัวให้เขา สุภาพงษ์นั่งนิ่งๆ ให้ผมเช็ดตัว พอถึงตามข้อพับก็ยกแขนให้อย่างไม่ต้องบอก ในห้องเลยมีแต่เสียงผ้าจุ่มน้ำดังจ๋อมแจ๋ม จนผมรู้สึกว่าควรจะชวนคุยบ้าง เพราะบรรยากาศมันดูเงียบๆ ยังไงพิกล
   “โจไปติดหวัดมาจากไหนน่ะ?”
   “น้องที่ออฟฟิศมั้งครับ” สุภาพงษ์ตอบผม ผมพยักหน้า “อืม มันอยู่ในห้องแอร์นี่นะ เชื้อมันเลยแพร่กันได้ง่ายๆ”
   “ครับ ผมว่าจะติดเครื่องฟอกอากาศ”
   “ก็ดีนะ” ผมว่า และนึกถึงโฆษณาเครื่องฟอกอากาศในโทรทัศน์ “แต่ยังไงก็หันไปเปิดหน้าต่างบ้างดีกว่า ผมว่าธรรมชาติดีที่สุด”
   “ครับ” เขารับคำ แล้วเงียบไปพักหนึ่ง “ผมว่าบ้านแบบของพี่นิตสบาย”
   “อือ” ผมพยักหน้าเห็นด้วยทันที “แต่คนเดี๋ยวนี้ไม่อยู่บ้านสวนแล้ว หนีมาอยู่คอนโดกันหมด”
   “ก็เดี๋ยวนี้มันไม่มีที่แล้วนี่ครับ คนมันก็มากขึ้น”
   “เขาเลยมากว้านซื้อที่สวนไปสร้างคอนโดไง” ผมตอบไป ได้ยินเสียงสุภาพงษ์ถามขึ้น “มีใครจะไปซื้อที่บ้านพี่นิตหรือครับ?!”
   “ยัง แต่ถ้าประกาศขายคงมีคนรีบตะครุบหรอก” ผมว่า พลางถอนหายใจเฮือก “พูดไปแล้วก็เสียดายด้านไม้นะ”
   “พี่นิตจะขายบ้านหรือครับ?”
   “เปล่า แค่คิดว่าถ้าพี่ไม่อยู่แล้ว มันก็คงไม่เหลือน่ะ”
   “............”
   ผมนึกได้เลยพูดออกไปอีก “ช่างมันเถอะ พี่ก็คิดไปเรื่อยแหละ เริ่มอายุมากแล้วก็งี้ อย่าไปใส่ใจเลยนะ”
   สุภาพงษ์เงยหน้าขึ้นมามองผม ด้วยสายตาที่แสดงความรู้สึกอะไรบางอย่าง ผมขี้เกียจสบตาเขาเลยเปลี่ยนเรื่องพูด “ดีขึ้นหรือยังล่ะ?”
   “ครับ” เขาพยักหน้า แล้วทำท่าจะพูดอะไรต่อ ผมเลยชิงตัดหน้าก่อน “งั้นก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ จะได้พักผ่อนตามที่หมอบอก เดี๋ยวมันจะหายช้า”
   ผมพูด แล้วเอาอ่างใบเล็กกับผ้าไปล้าง สุภาพงษ์ลุกขึ้นจากขอบอ่าง แล้วเดินมาหาผม “ขอบคุณนะครับ แล้วพี่นิตล่ะครับ?”
   “พี่ว่าจะอาบน้ำสักหน่อย เธอเปลี่ยนเสื้อแล้วเข้านอนไปเลยก็ได้ พี่ไม่ขโมยหยิบอะไรหรอก”
   สุภาพงษ์เม้มปากนิดๆ แล้วพูดขึ้นอีก “พี่นิตจะค้างใช่ไหมครับ งั้นเดี๋ยวผมไปหยิบถุงเสื้อผ้าให้นะครับ”
   ผมชะงักไปหน่อยหนึ่ง เพราะนึกได้ว่าเมื่อเช้าเขานอนกอดถุงเสื้อผ้าถุงนั้นของผมไว้นี่ เขาจำได้รึเปล่านะ ขนาดผมเป็นคนเห็น ยังอายแทนเลย
   สุภาพงษ์พูดแล้วก็เดินออกไปจากห้องน้ำ ผมเลยหยิบไม้ถูพื้นที่แขวนอยู่มาเช็ดรอยน้ำหยดพลางๆ สักพักเขาก็กลับเข้ามาพร้อมถุงใส่เสื้อผ้าของผม ในสภาพสวมชุดนอนเรียบร้อย ผมก็จริงๆ เลย อดปากไม่ได้ ต้องพูดแซวเขาไป
   “โจ.. เมื่อเช้าโจกอดถุงเสื้อพี่แน่นเลยนะ รู้สึกตัวรึเปล่าน่ะ?”
   สุภาพงษ์ชะงักไปหน่อยหนึ่ง จากนั้นก็หน้าแดงขึ้นมาทันตาเห็น เออ เขาไม่รู้ตัวจริงๆ ด้วย
   “ขะ.. ขอโทษนะครับ” เขาพูดตะกุกตะกัก แล้วก็รีบหันหน้า เดินหนีเข้าห้องนอนไปเลย ผมเผลอยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้
   ทำตัวอย่างกับเด็กวัยรุ่นแอบชอบสาวที่ไหนแน่ะ อายุตั้งสามสิบสี่แล้วแท้ๆ
   แต่ผมก็ขำเขาได้แว้บเดียว เพราะนึกขึ้นมาได้อีกว่า เขาไม่ได้ไปแอบชอบสาวที่ไหนหรอก ที่เขาบอกชอบๆ อยู่ทุกวันนี้น่ะ....
   สงสัยมันจะเป็นโรคติดต่อ เพราะผมเองก็ต้องรีบหันหน้า เข้าห้องน้ำไปเหมือนกัน
------------------------------------------------
   ผมอาบน้ำเสร็จแล้วก็เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า แวะมาหวีผมที่หน้ากระจกหน่อยหนึ่ง แน่นอนว่าผมส่องกระจกไม่นาน เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีอะไรน่าดูสักอย่าง เห็นหน้าตัวเองในกระจกมาสี่สิบห้าปีแล้ว ผมขี้เกียจจะมองแล้วล่ะ เอาแค่ไปวัดแล้วพระไม่ไล่ ออกถนนแล้วคนไม่แตกตื่นก็พอแล้ว
   จัดการตัวเองเสร็จ ผมก็ออกมาจากห้องน้ำ เดินไปที่ประตูห้องนอนของสุภาพงษ์ กะจะไปดูว่าเขาหลับหรือยัง แล้วค่อยไปดูโทรทัศน์ต่อ เพราะมันเพิ่งสองทุ่ม ยังไม่ถึงเวลานอนผมเลย แต่พอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นสุภาพงษ์นั่งอยู่บนเตียงอีกฟากหนึ่ง ท่าทางเหมือนกำลังสัปหงกอยู่ ผมอดไม่ได้ต้องทักไปอีก “นี่ โจ... นอนได้แล้วล่ะ นั่งหลับอยู่ทำไมน่ะ”
   เขาสะดุ้งเฮือก ลืมตาขึ้นมาทันที พอหันมาเห็นผมก็หน้าแดงอีกแล้ว
   นี่เขาอายเพราะถูกผมทักเรื่องนั่งหลับเหรอเนี่ย
   “คะ.. ครับ” สุภาพงษ์ตะกุกตะกักพูดขึ้น แต่ก็ยังไม่ยอมนอนสักที ทำท่าอ้ำๆ อึ้งๆ เหมือนจะพูดอะไรอีก ตอนแรกผมก็เดาไม่ได้หรอกว่าเขาจะพูดอะไร แต่พอเห็นเขามองไปตรงที่ว่างอีกข้างซึ่งมีหมอนวางอยู่อีกใบก็พอจะเข้าใจได้
   “พี่นิต เข้านอนกันเถอะครับ”
   ผมน่ะ กำลังจะอ้าปากบอกเขาไปว่า เดี๋ยวผมจะออกไปนอนโซฟา เพราะเห็นแล้วว่าเขาเตรียมเตียงอีกฟากไว้ให้ เอ่อ... ไม่ใช่ว่าผมรังเกียจอะไรเขานะ แต่ผมกลัวใจตัวเองน่ะ
   กลัวว่าจะเป็นลมไปทั้งๆ ที่นอนอยู่ คราวนี้อะไรจะเกิดขึ้นบ้างก็ไม่รู้ สุภาพงษ์ก็ป่วย เขาจะพาผมไปโรงพยาบาลไหวไหมล่ะนั่น
   “พี่นิต...”
   แย่ล่ะสิผม จะพูดก็พูดไม่ทันเขา แถมพอเห็นตาเซื่องๆ ของเขาที่มองมาอย่างกับว่าถ้าผมปฏิเสธล่ะก็เขาคงร้องไห้ เล่นเอาผมพูดไม่ออกเลย พูดไม่ออกไม่ว่า... ขาผมดันก้าวไปที่เตียงโดยอัตโนมัติด้วยนี่สิ... เอาน่ะ เตียงเขาก็กว้าง ฟูกเขาก็ไม่ได้นิ่มมาก ดีกว่าผมไปนอนปวดเอวอยู่ตรงโฟซาเป็นไหนๆ อีกอย่างเขาก็ป่วยอยู่ คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก
   “ล็อกประตูเรียบร้อยดีหรือยังน่ะ” ผมถามด้วยความเคยชิน ขณะนั่งลงบนเตียง เตรียมจะนอนเป็นเพื่อนเขา เพราะก่อนนอนก็ต้องตรวจสอบความปลอดภัยภายในบ้านก่อน ขโมยขโจรเดี๋ยวนี้ชุมจะตายไป
   “ครับ ผมล็อกเรียบร้อยแล้วล่ะ” สุภาพงษ์ตอบแล้วเม้มปากนิดๆ หน้าแดงกว่าเดิมอีก เดี๋ยวก่อนสิ นี่ผมถามเขาเพราะห่วงเรื่องความปลอดภัยนะ เขาคิดอะไรของเขากันแน่เนี่ย
   ยังไม่ทันที่ผมจะได้อ้าปากพูดอะไร สุภาพงษ์ก็แย่งผมพูดอีกแล้ว “ราตรีสวัสดิ์ครับ พี่นิต”
   “เอ่อ... ราตรีสวัสดิ์” ผมที่ถูกแย่งพูด เจอประโยคนี้เข้าไปไม่รู้จะว่าไง เลยได้แต่ตอบกลับเขาไปตามมารยาท จากนั้นก็เห็นเขาเอื้อมมือไปปิดไฟ
   !!
   เอาล่ะ.. ผมไม่ได้กลัวความมืดหรือว่ากลัวนอนผิดที่ผิดทาง หรือผิดถิ่นหรอกนะ บ้านเพื่อนผมก็ไปค้างบ่อย นอนตัวติดกันคุยเรื่องเดิมๆ ประจำ แต่ว่า... ไม่เคยมีใครที่ปิดไฟแล้วยื่นมือมาคว้าเอวผมไว้แบบนี้หรอก
   แย่แล้ว!!
   ผมเกือบร้องออกมา ตอนที่สุภาพงษ์ยื่นมือมาคว้าเอว แล้วดึงตัวผมเข้าไปกอด หัวใจผมเต้นตึกๆ เลย ตอนที่เขาซุกหน้าลงตรงซอกคอผม ลมหายใจเขาอุ่นมาก อุ่นจนผมขนลุกไปทั้งตัว เขาคิดจะทำอะไรผมน่ะ ไม่สบายอยู่ไม่ใช่รึไง
   หัวใจผมเต้นจนแทบจะหลุดออกมา จะผลักเขาออกตัวมันก็แข็งไปหมด ขนาดจะพูดยังพูดไม่ออกเลย ได้แต่นอนนิ่งๆ ให้เขากอดไว้ ภาวนาไม่ให้ตัวเองเป็นลมเป็นแล้งหรือหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน ผมยังมีต้นไม้ต้องกลับไปรดน้ำ ยังมีพล็อตนิยายที่ยังไม่ได้เขียนอีกหลายเรื่อง ยังไม่ได้เห็นหน้าหลานตอนรับปริญญาเลย หลานผมเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยได้แท้ๆ
   ผมยังไม่อยากตาย เพราะถูกบรรณาธิการตัวเองกอดแล้วทำอะไรบนเตียงหรอกนะ แค่คิดก็อายจนแทบจะมุดหน้าลงท่อระบายน้ำแล้ว
   เสียแต่ท่อระบายน้ำที่อยู่ใกล้ๆ มันยังห่างเตียงไปอีกหลายเมตร แล้วผมเป็นคนธรรมดา คงมุดท่อไม่ไหวหรอก ผมจึงเร่งบอกตัวเองให้ตั้งสติ บางทีผมอาจจะคิดมากไปเองก็ใจ
   ใจเย็นๆ ไว้พนิต อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้สิ.. เขายังไม่ได้ทำอะไรนอกลู่นอกทางเสียหน่อย
   พอใจเริ่มสงบ ผมก็ได้เห็นว่า สุภาพงษ์ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการกอดผม เขากอดผมไว้เฉยๆ แล้วก็แค่เอาหน้ามาซุกคอผมไว้ มันก็แค่กอดธรรมดานั่นแหละ ทำเอาผมใจหายใจคว่ำหมดเลย
   คิดได้แบบนั้นแล้ว ผมก็หายเกร็ง เลิกจิตตก เข้าใจแล้วว่าสุภาพงค์คงแค่อยากกอดผม ทำนองเดียวกับเด็กที่ไม่สบายคนอื่นๆ นั่นแหละ แต่ผิดที่เขาเป็นเด็กอายุสามสิบสี่แล้ว ถึงอย่างนั้นก็คงอยากมีคนอยู่ใกล้ๆ เวลาไม่สบายไม่ต่างกันล่ะมั้ง ผมถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งอก แล้วยกมือขึ้นลูบหลังเขาเบาๆ
   “นอนเถอะนะ จะได้หายไวๆ”
   สุภาพงษ์กอดผมแน่นกว่าเดิม ก่อนจะได้ยินเสียงเขากระซิบ “ครับ”
---------------------------------------------

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   อย่างที่บอกไปแล้วว่าผมไม่เคยใช้ชีวิตคู่ แน่นอนว่าตอนเด็กๆ ผมกับน้องสาวไม่เคยนอนกอดกัน แล้วโตมาจนถึงอายุสี่สิบห้า ผมก็ไม่เคยนอนกอดใครมาก่อน กระทั่งหลานตัวเอง ถึงผมจะเคยเลี้ยงเธอตอนเด็กๆ ก็ตาม
   เพราะงั้น การให้สุภาพงษ์กอดนอนแบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ผมเคยชินแน่ๆ เวลาผ่านไปสักพัก ผมชักรู้สึกอึดอัด คิดไปเรื่อยว่าจะติดหวัดเขารึเปล่านะ คิดกระทั่งว่าถ้าเผลอหลับไปแบบนี้ ผมจะปวดเอวมั้ย จะหายใจออกมั้ย
   นอนคิดไปได้สักพักชักจะเมื่อย ไอ้แขนที่โอบหลังเขาเมื่อตะกี้นั่นแหละ ตัวเขาเล็กๆ เสียที่ไหน โอบนานๆ เหน็บมันชักจะกินแขนผมเหมือนกัน ผมเลยดึงแขนกลับเบาๆ แล้วเอามาซุกไว้ตรงอกแทน
   ตัวเขาอุ่น แขนเขาก็หนัก ผมนอนไม่สบายหรอก ไม่สบายสักนิดเลย....

   “......................”
   ผมขยับตัว เพราะรู้สึกจั๊กจี๋ เหมือนมีใครเอาอะไรมาดุนตรงแก้ม พลางคิดว่า แมวตัวไหนหลุดเข้ามาในห้องผมกันนะ แต่ผมทำห้องนอนใหม่มาตั้งหลายสิบปีแล้ว ประตูก็ปิดมิดชิดดีทุกคืน ไม่น่าจะมีแมวที่ไหนหลุดเข้ามาแล้วล่ะ
   “?!”
   อะไรบางอย่างยังดุนแก้มผมไม่เลิก รู้สึกว่าไม่น่าจะใช่แมวแล้วล่ะ เพราะที่โดนแก้มผมไม่ใช่ขนนิ่มๆ แต่ก็ไม่แข็งมาก บอกไม่ถูกว่าเป็นอะไร แต่คงเป็นสิ่งมีชีวิตนี่ล่ะ เพราะอุ่นๆ ด้วย ผมขยับหนีอย่างไม่ค่อยจะได้สตินัก เพราะมันเริ่มไถลมาใกล้ๆ หูผม จั๊กจี๋น่ะ มีอะไรไม่รู้มาคลอไปเคลียมาอยู่ตรงหน้าตรงหูแบบนี้
   ตัวอะไรก็ไม่รู้นะเนี่ย ซนชะมัดเลย
   พอผมหันหน้าหนี ความรู้สึกนั้นก็หายไปพักหนึ่ง จากนั้นผมก็รู้สึกหนักๆ ที่ตัว เหมือนมีใครมาทับไว้
   อืม... ผมโดนผีอำหรือไงนะ
   แต่ถ้าเป็นผีอำ ก็คงไม่อำแรงมาก เพราะผมแค่รู้สึกหนักๆ ไม่ได้ถึงขั้นหายใจไม่ออกอะไร สักพักผมก็รู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างเลื่อนเข้าไปใต้เสื้อ
   งูเข้ามาในห้องผมหรือไงนะ?!
   ผมไม่เคยถูกงูเลื้อยผ่านตัว แต่ก็คิดว่าถ้าเป็นงูจริงๆ มันควรจะให้ความรู้สึกสาก แล้วก็เย็นกว่านี้ เพราะมันเป็นสัตว์เลือดเย็นนี่ แต่ที่ผมรู้สึกกลับอุ่นๆ แถมไม่สากสักนิด
   ตัวอะไรกันนะเนี่ย....
   อะไรบางอย่างนั้นเลื้อยขึ้นมาตามท้อง เลยขึ้นมาถึงหน้าอกผม เลื้อยได้น่าเกลียดจริงๆ เล่นเอาผมขนลุกขนพองไปหมดเลย นี่ถ้าเป็นผู้หญิงคงคิดว่าโดนลวนลามแล้วล่ะ เพราะเลื้อยวนอยู่แถวหน้าอกผมอยู่ได้ เห็นเป็นที่เลื้อยเล่นหรือไง
   ปล่อยให้เลื้อยไปนานๆ ผมชักเสียว ก็มันอุ่นๆ แถมเลื้อยแปลกๆ เลื้อยขึ้นเลี้อยลงแบบนี้ ไม่น่าใช่งู แต่ไม่รู้ตัวอะไรเหมือนกัน ผมเลยขยับตัวหนี แล้วตัวอะไรก่อนหน้านี้ก็มาดุนแถวแก้มผมอีก
   เอ๊ะ นี่มันตัวอะไรกันนะเนี่ย
   ผมยังไม่ทันรื้อข้อมูลเก่าๆ ในหัวออกมาประเมินว่าไอ้ตัวที่ทั้งเลื้อยทั้งดุนแก้มผมอยู่ มันคือตัวอะไรกันแน่ ท้องน้อยผมก็ร้อนวูบ
   เอาแล้วไง! ผมดันมาตื่นเต้นเพราะตัวประหลาดในฝัน แถมดันเป็นตอนอายุสี่สิบห้าเหรอเนี่ย รู้ถึงไหนอายถึงนั่นแน่ๆ
   สรุปแล้วผมก็ไม่ได้นึกว่าตัวอะไร เพราะมันทั้งดุนแก้ม ทั้งเลื้อยไปคลอเคลียที่หว่างขาผมจนสมองผมหยุดทำงานไปเลย รู้แต่ตัวเบาจนเหมือนขึ้นสวรรค์ จากนั้นก็เหมือนมีอะไรมาดุนที่ปาก
   นี่ผมฝันอะไรของผมกันแน่นะ......?
---------------------------------
   ...................
   ผมปรือตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก พอปรับสายตาได้ก็เพิ่งเห็นว่ามีใครนอนอยู่ข้างๆ ทำเอาผมสะดุ้งเฮือก แทบจะร้องออกมาเลยทีเดียว
   นี่ใครมานอนในห้องผมเนี่ย?!
   ด้วยความตกใจ ผมเอื้อมมือไปควานหาไม้ตะพดที่ซ่อนไว้ตรงตู้หัวเตียง กะเอามาฟาดเพื่อป้องกันตัว แต่พอเอื้อมไปเจอหัวเตียงที่เป็นเบาะหนังนิ่มๆ ผมถึงระลึกได้ว่า เมื่อวานผมไม่ได้นอนที่ห้องตัวเอง แต่มานอนเฝ้าไข้สุภาพงษ์ที่ห้องต่างหาก แล้วที่นอนอยู่ข้างๆ ผมนี่....
   สุภาพงษ์นอนอยู่ข้างๆ ผม ก่ายมือข้างหนึ่งมากอดเอวผมไว้หลวมๆ คับคล้ายคับคลาเหมือนกันว่าเมื่อคืนเขากอดผมนอนทั้งอย่างนี้ ท่าทางจะหลับสนิทเลย คงเพราะพิษไข้ล่ะมั้ง เขาไม่สบายอยู่นี่นา
   ผมยกมือขึ้นแตะหน้าผากเขา พบว่าไข้ลดแล้ว เลยเสยผมที่ปรกหน้าอยู่ออกให้เขาหน่อย หน้าเขาได้รูปดีจริงๆ ขนานนอนจมหมอนอยู่ครึ่งหนึ่ง แค่แพขนตากับจมูกโด่งเป็นสันยังดูดีเลย
   ผมมองซะจนอิ่ม นี่ถ้าผมเป็นจิตรกรคงขอเขาเป็นแบบวาดรูปแน่ แต่ผมดันเป็นนักประพันธ์ ไม่เอาอ่าวด้านวาดรูปเสียเลย แล้วผมก็ไม่กล้าจะเขียนเรื่องเขาด้วย อายน่ะ กลัวว่าจะเข้าตัว
   ก็นะ... ถ้าเขียนเขาเป็นพระเอก ผมไม่รู้ว่าจะให้ใครเป็นนางเอกดีนี่นา ยังไม่รู้เลยว่านางเอกแบบไหนที่จะเหมาะกับพระเอกอย่างเขา
   ยิ่งถ้าให้เขาเลือกเอง ยิ่งลืมไปได้เลย ผมว่านางเอกที่เขาเลือกไม่เหมาะกับเรื่องเขาแน่ๆ
   สุดท้ายผมก็คิดได้ว่า ควรจะระดมสมองไปกับการคิดเรื่องพ่อกระแตดีกว่า เพราะชักจะเขียนส่งไม่ทันทุกทีทุกที แต่เอาน่ะ ยังมีพล็อตค้างอยู่หน่อยหนึ่ง กลับบ้านไปพิมพ์ต๊อกๆ แต๊กๆ สักสองสามวัน คงทันส่งแหละ ที่สำคัญบรรณาธิการผมป่วยอยู่ ไม่แน่นะ เขาอาจจะต้องเลื่อนพิมพ์นิยายผมไปเป็นฉบับหน้าก็ได้ ยกเว้นเสียแต่เขาจะใช้รองบรรณาธิการช่วยตรวจแทน
   ผมนั่งคิดอะไรเพลินๆ ตาก็มองสำรวจห้องเขาไปทั่วตามประสาคนว่าง ห้องนอนเขาก็มีตู้เก็บหนังสือเหมือนกัน คราวนี้ไม่ใช่นิตยาสารในเครือเขาแล้วล่ะ แต่เห็นหนังสือ มีทั้งเล่มใหญ่เล่มเล็ก หนาบ้างบางบ้าง บางเล่มก็เป็นปกแข็งหุ้มกระดาษจั่วปัง สภาพดูเก่าพอสมควร ผมมองๆ ไปแล้วก็สะดุดอยู่ตรงสันหนังสือชุดหนึ่ง ที่เขาเก็บเอาไว้ตรงตู้ใกล้ๆ หัวนอน เป็นตู้กระจก อยู่ชั้นกลางๆ ล่ะ สันดูคุ้นตาผม.. พอจ้องดีๆ ถึงจะนึกออก นั่นมันรวมเล่มผมนี่นา เขาซื้อไว้เยอะขนาดนี้เลยหรือเนี่ย?
   อย่างที่เคยเล่าไปแล้วว่าผมมีรวมเล่มไม่มาก แถมออกกับหลายสำนักพิมพ์ เล่มแรกออกเมื่อยี่สิบปีก่อนเห็นจะได้ แต่ดูจากสันหนังสือพวกนั้น ผมว่าเขามีตั้งแต่เล่มแรกที่ผมออกเลยล่ะ
   ใจผมเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ไม่รู้ว่าเขาเพิ่งซื้อหนังสือพวกนี้มาดูงานผม หรือว่าซื้อมาแต่แรกเลยนะ ด้วยความสงสัย ผมเลยค่อยๆ ดึงแขนเขาออก แล้วไถลตัวลงจากเตียง ไปดูหนังสือพวกนั้นให้ชัดๆ ถือวิสาสะขนาดเปิดตู้หนังสือเขาออก แล้วเปิดเล่มดูเลยล่ะ
   ดีนะที่เขายังหลับอยู่...
   ผมรู้หรอกว่าเปิดตู้หนังสือในห้องนอนคนอื่นมันน่าเกลียด แต่ผมอยากรู้นี่นา... พอเปิดมาหน้าแรก ก็เห็นลายมือเขียนชื่อสุภาพงษ์เอาไว้ แล้วลงวันที่ด้านล่าง.... ดูจากปีแล้วน่าจะเป็นช่วงที่ผมออกรวมเล่มครั้งแรก พอพลิกหน้าต่อไปดูครั้งที่พิมพ์ก็พบว่าเป็นครั้งแรกจริงๆ
   งั้นเขาก็ตามงานผมมานานแล้วน่ะสิ....
   ผมเกิดนึกเขินขึ้นมา อย่างที่คนอายุสี่สิบห้าไม่ควรเป็น ไม่รู้สิ จู่ๆ ได้มารู้ว่าบรรณาธิการตัวเอง เคยเป็นเด็กที่อยู่ใกล้บ้านกันมาก่อน แถมเคยมาฟังผมเล่านั่นเล่านี่ตั้งแต่ผมกระแดะจะเป็นนักเขียนใหม่ๆ เขาคงจำความบ้าๆ บอๆ ของผมสมัยนั้นได้บ้างหรอกมั้ง พอมานึกว่าเขามาขอผมเขียนเรื่องทั้งๆ ที่มีข้อมูลแบบนี้อยู่ในหัว ผมไม่เขินเลยก็บ้าแล้วล่ะ
   ถึงสุภาพงษ์จะยังหลับอยู่ แต่ผมไม่กล้าหยิบเล่มอื่นออกมาดูอีก กลัวเขาตื่นมาแล้วเห็นผมยิ้มหน้าบานอยู่หน้าตู้หนังสือเขา แล้วถือรวมเล่มตัวเองอยู่ในมือ คราวนี้ต่อให้เป็นอุโมงค์ระบายน้ำของกทม. คงไม่พอให้ผมเอาหน้ามุดแล้ว
   ผมรีบเก็บหนังสือ ปิดตู้ เตรียมจะหาอย่างอื่นทำ แต่พอหันมาก็เห็นสุภาพงษ์ลุกขึ้นนั่งแล้ว แถมกำลังมองมาทางผมด้วยสีหน้าที่ถ้าเห็นบ่อยๆ ก็คงรู้ว่าเขายิ้มอยู่
   “..................”
   ต่อให้เป็นสุดยอดนักแต่งเรื่อง เจอแบบนี้ผมว่าใครคงนึกคำแก้ตัวไม่ทันหรอก เพราะงั้น สิ่งที่ผมทำคือ เดินทื่อๆ หนีเข้าห้องน้ำไปเลย
   ขอผมใช้ห้องน้ำเป็นที่กบดานแทนอุโมงค์กทม.สักพักเถอะ

   พอปิดประตูห้องน้ำได้ ผมต้องใช้เวลาอีกพักเพื่อให้หัวใจกลับมาเต้นในจังหวะปกติ ก่อนจะคว้าแปรงกับยาสีฟันมาจัดการแปรงฟันเสีย เพื่อไม่ให้เขารู้ว่าผมเดินหนี... เอาน่า เขาคงรู้หรอก แต่ให้ผมยืนเฉยๆ เดี๋ยวมันจะยิ่งคิดมากกว่าเดิมน่ะสิ
   คราวนี้เกิดเป็นลมเป็นแล้งคนเดียวในห้องน้ำเพราะถูกเขาจับได้ว่าแอบปลื้มที่เขาซื้องานผมอ่าน ผมไม่รู้ว่าต่อไปนี้ผมจะสู้หน้าเขายังไงดี
   เพราะงั้น สู้ทำเป็นลืมๆ ไปซะ แปรงฟัน อาบน้ำแล้วออกไปตีหน้าปกติกับเขาดีกว่า
   ผมแปรงฟันเสร็จ ก็รีบไปอาบน้ำ ล้างหัวให้มันโล่งๆ แล้วก็มายืนหน้ากระจก พยายามจะสะกดจิตตัวเองว่าให้ทำหน้านิ่งๆ ไว้ ตอนออกจากห้องน้ำไป ทำว่าเราไม่รู้สึกอะไร ไม่ได้อะไรกับเขาเลยสักนิด
   แต่ให้ตายสิ ทำไมผมถึงหลบสายตาตัวเองในกระจกบ่อยนักก็ไม่รู้
   สุดท้าย พอเห็นว่าแผนบังคับให้ตัวเองตีสีหน้านิ่งๆ ท่าทางจะไม่ได้ผล ผมเลยคิดว่า ถ้าออกไปแล้วจะชวนเขาคุยนั่นคุยนี่ เอาให้เขาลืมเรื่องที่เห็นตะกี้ไปเลย ช่วยไม่ได้นี่ ผมไม่ใช่คนหน้านิ่งอย่างเขาสักหน่อย เอาวิธีที่ผมถนัดนี่แหละ คงพอกู้หน้ากลับมาได้บ้างหรอก
   คิดได้แล้วผมก็จัดการเปลี่ยนเสื้อเป็นชุดของเมื่อวาน แล้วเอาชุดนอนกับผ้าเช็ดตัวเก็บใส่ถุง เตรียมจะเอากลับไปซักที่บ้าน จากนั้นก็เดินออกมา เตรียมหาเรื่องชวนคุยกับเขาเต็มที่ พอเห็นว่าเขายังนั่งอยู่ที่เตียง ผมเลยรีบทักไป
   “ดีขึ้นมั้ย?”
   “ครับ” สุภาพงษ์พยักหน้า แล้วเม้มปากนิดๆ เอาล่ะ คราวผมไม่ชะงักกับรอยยิ้มแบบสังเกตยากของเขาหรอก เขาอย่ามาแย่งผมพูดก็พอ
   “อืม.... งั้นก็ดีแล้วล่ะ เห็นเมื่อเช้าหลับสนิทเลย เมื่อคืนไข้ขึ้นสูงนี่นะ”
   “ครับ”
   “ถ้าดีขึ้นแล้ว ก็ไปอาบน้ำอาบท่าเถอะ เดี๋ยวพี่ทำมื้อเช้าให้”
   “ครับ..” สุภาพงษ์พยักหน้า เก็บที่นอน แล้วเดินไปห้องน้ำอย่างว่าง่าย ผมเพิ่งเห็นข้อดีเรื่องพูดน้อยของเขาก็วันนี้นี่แหละ ดีแล้วที่เขาไม่พูดอะไรออกมา ไม่งั้นนะ... ผมได้ไปทำหน้าใหม่แน่ๆ
   ผมเปิดตู้เย็น มองหาของที่จะมาทำเป็นมื้อเช้า สุดท้ายก็ตกลงกับตัวเองว่าจะทำข้าวผัด เพราะมีแฮมกับไข่อยู่ แล้วก็จะใช้ฟักที่ยังเหลืออีกครึ่งลูกทำแกงจืดเอาไว้กินแกล้ม ต้มกับซีอิ้วเปล่าๆ ไม่มีกระดูกหมูก็คงพอไหว ผมเลยจัดการหุงข้าว หั่นเครื่องปรุงและต้มน้ำรอไว้ ต้มแกงจืดก่อนแล้วค่อยผัดข้าวตามทีเดียว
   สุภาพงษ์ออกมาจากห้องน้ำหลังจากนั้นสักพัก เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว หน้าตาดูสดใสกว่าเมื่อวานเยอะเลย
   “พี่นิต...” เขาเรียกชื่อผม แล้วเดินเข้ามาใกล้ ผมเลยต้องหาเรื่องคุยทันที “พี่จะทำข้าวผัดแฮมกับแกงจืดไข้น้ำให้ทานแล้วกันนะ”
   “ครับ” เขาว่า แล้วก็ยื่นมือมากอดเอวผมเอาไว้อีก เออ... ผมลืมไป เขาไม่ค่อยพูดหรอก แต่ชอบใช้ภาษากายมากกว่า ทำไงดีล่ะผม...
   “เมื่อคืนพี่นิตหลับสบายรึเปล่าครับ” ระหว่างที่ผมกำลังชะงักเพราะการกอดอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ของเขา สุภาพงษ์ก็อ้าปากขึ้นมาจนได้ ดีแล้วที่เป็นคำถามธรรมดา ผมเลยตอบไปอย่างสะดวกใจ “อืม ก็พอจะหลับอยู่นะ ถึงจะฝันแปลกๆ ไปหน่อยก็เถอะ”
   อันที่จริงผมก็จำไม่ได้ว่าฝันอะไร รู้แต่ว่าแปลกแล้วก็รู้สึกดีพิลึก ตื่นมาตัวเบาๆ หัวโล่งๆ จนมาโดนเขาจับได้ตรงอ่านหนังสือนั่นแหละ สุภาพงษ์เงียบไปพักหนึ่ง แล้วก้มหน้ามาใกล้ๆ หูผม “พี่นิต อย่าไปนอนค้างเตียงเดียวกับใครอีกนะครับ ผมเป็นห่วง”
   “ห่วงอะไรเล่า พี่ไปค้างออกบ่อยไป” ผมตอบอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะรู้สึกบางสิ่งบางอย่างขึ้นมา ไอ้มือเขาที่กอดเอวผมอยู่น่ะ มันรู้สึกคุ้นๆ อย่างกับเคยลูบตัวผมด้วยเลย..
   หรือว่า.......!!
   ผมรีบหันกลับไปมองหน้าเขา เห็นสุภาพงษ์เม้มปากอีกแล้ว เขาเม้มปากนิดๆ แก้มแดงแจ๋ จากนั้นก็ยื่นหน้ามาใกล้ หอมแก้มผมดังฟอด
   ผมเพิ่งมาเข้าใจอาการพูดไม่ออกก็คราวนี้แหละ!!
--------------------------------------------
** อยากบอกว่า เขียนเรื่องนี้ทีไร มัน......... :haun4: ทั้งๆ ที่เรื่องมันไม่ได้มีฉากหวือหวาอะไรเลยแท้ๆ แต่ว่าความดันมันจะขึ้น (โอ๊ย เป็นลมตามคุณพนิต)

บางทีก็รู้สึกว่าโจติงต๊อง บางทีก็รู้สึกว่าคุณพนิตติงต๊อง สรุปแล้วคนเขียนติงต๊องแน่ๆ (โอ๊ยยย แอบเครียดนิดๆ ที่เขียนคนอายุ30-40ออกมาเป็นเด็กแรกรัก แต่ว่า... ฉากมันชวนให้ความดันขึ้นนนน ไม่รู้จะทำไง แต่ถ้ามันติงต๊องขนาดรับไม่ได้ขอให้บอกนะคะ เพราะคนเขียนอายุยังไม่ถึง เขียนไปตามที่นึกได้เอาเอง..)

แต่มัน......... :haun4: จริงๆ นะเนี่ย

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
คุณพนิตถึงขนาดมีไม้ตะพดอยู่ใต้เตียงเลยเรอะ ทำตัวแก่สุดๆเลยอ่ะลุง555

ปล.คุณjuonเขียนแนวแก่ๆขึ้นนะเนี่ย แก่ทีไร แฟนคลับตรึม555

ออฟไลน์ misso

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
อ่านแล้วเขินนน หน้าแดงหูเหอแดงหมด

โจ พี่นิต ทำอะไรก๊านนนน อ๊ายยยย :m25:

แต่ฮาพี่นิต เอะอะก็จะเป็นลม ต้องหัดไว้นะ ต่อไปจะได้ชิน  o18

ขอบคุณค่ะ เรื่องนี้เรื่อยๆเฉื่อยๆ แต่มีความสุขนะ  :กอด1:


ออฟไลน์ akiko

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
ตามอ่านคุณพนิตตลอดแต่ไม่ค่อยได้มาเม้นท์ให้ ไม่โกรธกันนะ :z6:
 อ่านแล้วหัวใจจะหยุดเต้นไม่กล้่าอ่านบรรทัดต่อไป ก้อมันเขินแทนคุณพนิตนิ  สงสัยจะรู้แล้วว่าเมื่อคืนถูกโจลวนลาม :a5:
ตอนหน้าจะเป็นไง อยากรู้จัง ต่อไวๆๆนะ รออยู่จร้า o13

ออฟไลน์ ooopimmyooo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
อ๊ายยย  เขิล ><'
ชอบเรื่องนี้จัง หวานๆเรื่อยๆ
โจนี่แอบร้ายนะ :haun4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






yayee2

  • บุคคลทั่วไป
หึ หึ คุณพนิตอายุสี่สิบอัพยังขี้เซาขนาดที่ "ฝันแปล๊กแปลก" จน "โจเป็นห่วง"
คุณjuonคะ ถึงจะอายุ30-40อัพ แต่ถ้าเกิดมีดอกรักบานในหัวใจล่ะก็
(ยิ่งถ้าไม่เคยรู้สึกรักใคร่แบบจริงๆจังๆกับใครมาก่อนด้วย)
จะมีอาการไม่แตกต่างจากวัยรุ่นริแรกรักเหมือนกันนะคะ คอนเฟิร์ม

pmnet

  • บุคคลทั่วไป
ขำพี่นิต จะเป็นลมท่าเดียว ฮ่าๆ

ออฟไลน์ Heisei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
โอ้ย ขำ  :laugh: ถ้าถึงฉากนั้นจริง ๆ คุณพนิตจะเป็นลมเอากลางคันมั้ยน๊อ น้องโจเตรียมหาวิธีแก้ไว้ด้วยนะจ๊ะ อิอิ

RanJeri

  • บุคคลทั่วไป
 :haun4: โอ๊ยยยยยย คุณพินิตโดนน้องโจจัดการแล้ว

ออฟไลน์ powvera

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-3
อ่านเรื่องนี้แล้วมันเขินๆ  บางที่ก็มียิ้มแก้มปริ  หุบไม่ลงบ้างอ่ะ 

ทั้งๆ ที่เรื่องมันก็ไม่ได้มีอะไรที่ชวนให้เสียเลือด  แต่ว่ามันทำให้ความดันขึ้นมาง่ายๆเลย

เลยทำให้มีอาการเป็นลมหน้ามืดตามคุณพนิตเลยอ่ะ 

เขินอ่ะ  ที่พี่นิตโดนลักหลับ  คุณ บ.ก. ก็ร้ายเหมือนกันนะ 

เริ่มกล้าที่จะจับมือ  จูงมือ  โอบกอด และหอมแก้ม  อร๊ายยยยยยย   :-[   :-[   :-[ 

ชอบคนเขียนเรื่องนี้อ่ะ กดเป็ดให้ทุกตอนเลย   :กอด1:    :กอด1:   :กอด1:

- คราส -

  • บุคคลทั่วไป
นี่ถ้าเกิดเขานุ่งผ้าเช็ดตัวไม่แน่นล่ะก็.... ผมก็จะได้เห็นหมดเลยน่ะสิ!!
พี่นิตคิดอะไร  :m20:

เรื่องนี้ทำให้ขำและเขินได้ตลอด
พี่นิตคิดเยอะมาก แล้วดูคุณพี่เขาสังเกตโจแต่ละอย่าง  :z1:  :o8:
เชียร์โจให้รุกอีก ดูท่าทางลุ้นฝั่งพี่นิตจะไม่ไหว กลัวพี่แกเป็นลมตาย
พี่นิตฝันแปลกจริงๆ อย่าไปฝันอย่างนี้ตอนไปค้างกับคนอื่นล่ะ

ขอบคุณและรอติดตามจ้า

ออฟไลน์ Allure-Q

  • Just the way you are
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ท่าทางคุณ JuoN จะชอบคู่ที่อายุต่างกันเยอะๆแฮะ  แบบ..สิบปีขึ้นไปไรเงี้ย 5555

และดูจะเป็นนายเอกแก่กว่าซะด้วย 
ตั้งแต่คงฉ่วย  คุณไพฑูรย์  ลุงนิตอีก พี่ฟ้าด้วยมั้ยเนี่ย..55
แต่ก็ยังสู้เรเธียร์ไม่ได้เนอะ  แก่กว่า สองพันแปดร้อย นี่...เป็นอะไรที่สุดยอดมั่กๆ

ยังไงก็ยังมีคู่ที่ไล่เลี่ยกันอยุนาา  เนอะ  หุหุ

+1 ให้ตามที่บอกไว้แล้วนะคะ

กดไลท์แรงๆตรง "สู้เรเธียร์ไม่ได้เนอะ" คู่นี้เค้าน่ารักเนอะ :o8:

(เอ๊ะ ผิดประเด็นไปหน่อย จะเม้นคู่ลุงนิตต่างหาก)
เหมือนลุงนิตจะแอบคิดมาก...โธ่น้องโจก็ขี้อาย(?) อยากรู็อะไรลุงนิตก็ถามน้องสิคะ..อย่าคิดเอง

ปล. โจตกลงลักหลับลุงไปแล้วใช้ม๊า  แอร๊ยยยย (จิ้นไปดาวอังคาร)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-11-2011 18:28:10 โดย Allure-Q »

ออฟไลน์ Anonymus

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-1
โจเอ๊ย คราวหน้า แนะนำให้ลักหลับไปเลย ท่าทางขี้เซาขนาดนี้ ไม่มีทางรู้ตัวง่ายๆหรอก

กดแล้วค่อยขอแต่งทีหลังก็ได้นะ อิอิ

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด