อิอิ อ่านไวเจงๆ ระวังจะลืมเนื้อหาตกหล่นน้า เพราะภาค5 นี่มันหยดติ๋งๆ
[wma=300,50]http://mywebpage.netscape.com/stayingpowersea/sad10.wma[/wma]
.
.
จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ ....... จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ
เสียงนกที่ร้องเซ็งแซ่อยู่ภายนอกหน้าต่างทำให้ผมเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา แต่ตัวก็ยังคงนอนขด
อยู่ในผ้าห่มผืนหนา หน้าหนาวต่างจังหวัดไม่ได้เหมือนในกรุงเทพตรงที่อากาศจะหนาวเย็น
จนไม่อยากจะลุกออกไปไหน ยิ่งโดยเฉพาะช่วงปลายปีแบบนี้ด้วยแล้ว ไม่ต้องพูดถึง
ก๊อก ก๊อก ......
ผมยังไม่มีปฏิกิริยาขานรับเสียงเคาะประตู
“ปริ้น ตื่นยังลูก เจ้าปริ้น ....” เสียงแม่ผมนั่นเองที่เคาะเรียกอยู่หน้าห้อง ผมเปิดผ้าห่มแค่หัว
แล้วก็จ้องที่ไปที่นาฬิกา โห พึ่งจะเจ็ดโมงเช้า รีบปลุกไปทำไมเนี่ย ไม่ได้อยู่ม.ปลายแล้วนะ
เสียงแม่เปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมๆกับที่ผมรีบดึงผ้าห่มขึ้นไปคลุมโปงอีกรอบ
“ปริ้น กับข้าววางอยู่บนโต๊ะนะ แม่ไปทำงานก่อน” แม่บอกพลางสะกิดตัวผมจากนอกผ้าห่ม
“อือออ .... ”
“วันนี้อย่าลืมซักผ้า แล้วก็ขนเอาหนังสือของโอ้ตเค้าไปไว้ที่บ้านป้าเล็กด้วย เข้าใจมั้ย ”
แม่ผมสั่งพร้อมกับดึงผ้าห่มออกมาให้เห็นหน้า
“อืออออ ... ” ผมรับปาก แล้วก็ดึงผ้ามาคลุมโปงอีกรอบ
“ทำเป็นเด็กไปได้ โตแล้วนะ ” แม่บ่นก่อนจะรีบเดินออกจากห้องปิดประตูไป ซักพักก็ได้ยินเสียง
สตาร์ตเครื่องรถยนต์
“เอ้ย !! ” แม่จาเอารถไปใช้เหรอเนี่ย คิดได้ดังนั้นผมรีบกระโดดขึ้นมาจากเตียง เผ่นออกไปนอกบ้าน
เห็นแม่กำลังจะขับรถออกไปนอกประตู
“แม่ ....!! ” ผมตะโกนเรียก แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว แม่ขับรถของผมไปทำงานซะงั้น ตกลงวันนี้ต้องนั่ง
รถประจำทางจากชะอำไปในเมืองอีกแล้ว
“เอ้า ปริ้น ตื่นเช้าเชียว” เสียงยายดังมาจากบนเรือนใหญ่
“อ่อ ... คับ” ผมไม่รู้จะพูดอะไร เลยได้แต่เออออไปแก้เก้อ
“ยายคับ เด๋วกลางวันๆ ปริ้นจะออกไปโรงเรียนหน่อยนะ”
“ไปทำไมล่ะ”
“ว่าจะไปเยี่ยมอาจารย์หน่อยอ่ะคับ ไม่ได้เจอนานแล้ว” ผมว่าแล้วก็รีบเดินกลับเข้าไปในบ้านตัวสั่น
ถึงแม้จะใส่เสื้อกันหนาวอยู่ก็เหอะ แต่ส่วนล่างผมใส่แค่บ็อกเซอร์นี่หว่า หนาวชิบ
ประมาณเที่ยงๆ ผมก็นั่งรถประจำทางมาลงที่หน้าโรงเรียน ระหว่างกำลังจะเดินเข้าไปในโรงเรียน
ก็รู้สึกเขินๆนิดหน่อย เพราะก็เห็นมีน้องๆที่เดินสวนไปมาชำเลืองมองอยู่บ้าง ไม่ได้มาโรงเรียนแค่
เกือบ 6 เดือน แม่ง รู้สึกแก่ลงไปในทันใด
“หวัดดีคับ จารย์” ผมเดินขึ้นตึก 2 ไปที่ห้องพักครูอังกฤษ ไปหาครูสาวที่ปรึกษาตอนม.6 จริงๆ
เรื่องของห้องผมกับอาจารย์คนนี้มีเยอะแยะมากมาย แล้วก็เป็นครูที่ผมสนิทที่สุดตอนเรียน
“อ้าวบวรภักษ์ มาได้ไงเนี่ย นึกว่าจะมาวันงานซะอีก” คุณครูทักผม ดูท่าทางพึ่งจะสอนเสร็จมา
“แล้วตาเธอไปโดนอะไรมาเนี่ย บวมเชียว” ครูสาวสังเกตเห็นดวงตาที่ออกอาการเหมือนบวมของผม
(ก็น้ำตาไหลแทบทั้งคืนหลังอ่านไดอารี่จบ)
“แหม่ ช่างสังเกตเหมือนเดิมนะ - - ก็คิดถึงจารย์อ่ะ เลยรีบมา” ผมสะตอตอบไป
“เด๋ววันที่เพื่อนกลับมากันก็ไม่มีเวลาให้ผมอ่ะ”
“ชั้นอยากจะอ๊วก - - แล้วนี่เรียนที่ไหนเนี่ย” ครูถามผม ไม่รู้เป็นโรคอะไร พวกครูอาจารย์เห็นหน้าเด็ก
จบไปไม่ได้ ต้องถามทุกทีซิ
“รามคับ ”ผมตอบ
“อือ .. แล้วเป็นไงบ้าง ได้ไปเรียนมั่งเหรอเปล่า ”
“โห ไปดิ เนี่ย ได้ g มาตัวนึง”
“ต๊าย เก่งนะ”
“ลูกศิษย์ใครล่ะจารย์” ผมแซว
“เออ เมื่อกี้ก็เห็นเจ้ากรณ์ โฉบไปโฉบมาอยู่เหมือนกัน นี่มาด้วยกันซิเนี่ย ”
“เหรอคับ ? ผมไม่ได้มากะมันนะ แล้วจารย์เห็นมันที่ไหนอ่ะ”
“เห็นเดินไปทางประชาสัมพันธ์นะ ครูไม่รู้ว่าออกไปเหรอยัง”
“อ่อๆ งั้นเด๋วผมไปหาไอ้อั้มก่อนนะคับ แล้วผมมาหาจารย์อีกทีวันพฤหัสฯนะคับ” ผมพูดพร้อมยกมือไหว้ลา
ครูผมยกมือรับไหว้ แต่ก็ไม่วายกัด
“แล้วเมื่อกี้บอกว่าจะมาคุยกับชั้นนะ เจ้านี่”
.
.
< - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - >
.
.
ผมเดินลงมาแล้วก็ตรงไปแถวประชาสัมพันธ์ เพื่อหาไอ้กรณ์ คือมันเป็นเพื่อนที่อยู่ห้องเดียวกับผม
แหละ ตั้งแต่จบกันไปก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย (ผมเป็นฝ่ายหายไปจากสารบบของเพื่อนๆเอง เหะๆ)
ไอ้กรณ์นี่มันก็เป็นเกย์คับ แต่ท่าทางดูออกมากมาย ฮาๆ
-เหรอว่ากลับไปแล้วฟ่ะ – ผมคิด เมื่อเดินมาถึงประชาสัมพันธ์แล้วก็ไม่เจอใคร สายตาก็เหลือบไป
ที่สนามบาสที่อยู่ข้างๆ ทำเอาผมเกือบตาค้าง เมื่อเห็นใครคนนึงกำลังวิ่งเลี้ยงบาสอยู่ในสนามกับ
เพื่อนอีก 2 -3 คน
ผมเลยเดินเลยเข้าไปดูใกล้ๆเพื่อความแน่ใจ ใช่ไอ้โค้กจริงๆด้วยอ่ะ ที่วิ่งอยู่ในสนามเล่นบาสอยู่
แล้วด้วยความที่ผมแต่งตัวเด่นอยู่คนเดียวแถวนั้น (คนอื่นๆก็ใส่ชุดนร.กันหมด) ไอ้โค้กก็หันมา
เจอพอดี
“เอ้า พี่ปริ้น ”โค้กมันดูแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นผมมาอยู่โรงเรียนในวันนี้
“โค้ก ไอ้เหี้ย ระวังลูก ! ” เสียงเพื่อนที่เล่นด้วยกันกับมันตะโกนโหวกเหวก
พลั๊ก ! ลูกบาสซัดเข้าที่หัวไอ้โค้กเต็มๆ ทำเอาหน้ามันเกือบคว่ำแน่ะ
“เป็นไงมากเป่าวะ” ผมเดินไปพยุงไอ้โค้กที่เห็นท่าทางดูมันมึนตึ้บเล็กน้อย ให้มานั่งพักตรงศาลา
ใกล้ๆกับสนาม
“เจ็บซิ ถามได้ อยู่ๆก็โผล่มา ตกใจหมด” มันบอกพลางนวดหัวตัวเอง
“ผิดอีกกู - - เออ ว่าแต่ ขาหายแล้วเหรอ” ผมเอามือไปจับที่ขาข้างที่เคยเจ็บของมัน เมื่อคราวที่แล้วที่เจอ
มันที่กรุงเทพ ยังเห็นว่าบางทีมันยังเดินกระเผลกๆอยู่เลยนี่หว่า
“ก็พอไหวพี่ หมอที่รักษาเค้าบอกว่า หายเร็วกว่าที่คิดไว้เยอะ” มันบอกแล้วก็ยิ้มดีใจ แต่ผมรู้สึกว่าหน้า
ตัวเองบึ้งนิดหน่อย
“เออ ก็ดี ” ผมบอก
“ไมพี่ทำหน้างั้นล่ะ - -” มันคงดูท่าทางผมออก
“- - โกรธผมเหรอ” มันถามต่อ
ผมตอบแบบไม่ยอมมองหน้ามัน
“เป่า โกรธทำไม ! ” แต่ในใจกุโกรธแฮะ
“เฮ้ย พี่ปริ้น อย่าโกรธผมเลยน้า ... ผมไม่คิดว่าพี่ปริ้นจะ - -” แล้วมันก็เหมือนจะไม่กล้าพูดต่อ
“คือ ผมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่อ่ะครับ ก็เลยไม่ได้บอก ” มันตอบเสียงหงอย
“ช่างมานเหอะ แต่ก็รู้บ้างล่ะกาน ว่ามีคนเป็นห่วง” ผมบอกมันแต่หน้าก็ยังฉุนๆอยู่
“ครับพี่” เสียงมันดูสดชื่นขึ้นมาหน่อยนึง
“ว่าแต่เห็นไอ้กรณ์เดินมาแถวนี้มั่งเป่าวะ หามันไม่เจอ”
“อ่อ เห็นคับ ม่ะกี้ยังแวะทักผมอยู่เลย” แหม เพื่อนกูแอบแรดนะ มาทักไอ้โค้กด้วย
“พี่เค้าบอกว่าจะไปหาไรกินที่โรงอาหาร”
“งั้นพี่ไปหาเพื่อนก่อนนะ ” ผมบอก
“เดี๋ยวพี่ปริ้น ผมไปด้วย” ไอ้โค้กบอก แล้วก็วิ่งแจ้นไปหยิบกระเป๋าที่วางอยู่ข้างสนาม
มีสายตาเพื่อนไอ้โค้กมองตามมา
“แล้วเลิกเล่น ปล่อยเพื่อนไว้งั้นอ่ะนะ”
“ช่างมันเหอะพี่ ผมหิวแล้ว ”
“แล้วมาบอกไร ? ”
“พี่ปริ้นกินข้าวกลางวันยังล่ะ ”
“ยังอ่ะ”
“งั้นก็ไปหาพี่กรณ์แล้วก็ไปกินข้าวกลางวันด้วยเลยดิ”
“อ้าว แล้วเพื่อนเอ็งไม่มีเหรอไง ต้องมากินกับพี่”
“น่า นานๆที” พูดเสร็จมันก็ผลักหลังผมให้เดินนำมันไปเป็นเด็กๆ รู้มั้ยว่ากูอายนะเนี่ย
มึงก็ม่ะใช่ตัวเล็กๆ
เดินเข้ามาในโรงอาหาร ผู้คนแน่นเอียดอยู่เหมือนเดิม ผมชะเง้อคอหาไอ้กรณ์ก็เห็นมัน
นั่งหัวโด่กินข้าวอยู่กับเด็กมัน (ไอ้นี่ริอาจกินหญ้าอ่อน)
“เฮ้ย .. ” ผมเอามือไปแตะหัวตักมันเบาๆ เล่นมากไม่ได้เพราะกลัวมันวีนแตกกลางโรงอาหาร
“เชี่ย กูนึกว่าใครมาลูบหัว” มันบอกแล้วก็เลื่อนของให้นั่ง ผมหันกลับไปก็ไม่เห็นไอ้โค้กอยู่
ข้างหลัง ไปไหนของมันวะ เร็วจัง
“หายหน้าหายตาไปเลยนะคุณปริ้น” มันพูดกระแนะกระแหนตามสไตล์ของมัน
“เออนะ เรียนหนัก” ผมบอก แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีเด็กมันที่สงสัยจะไม่เกินม.3 นั่งอยู่ตรงกันข้ามด้วย
ผมเลยยิ้มให้ มันก็ยิ้มตอบกลับทำหน้าเจือนๆ
“กูเป็น กขค เป่านี่” ผมกระซิบถาม
“พึ่งรู้ตัวเหรอ ? ”
“เอ้า !! งั้นกูไปก็ด่ะ” ผมว่าพลางทำท่าจะลุก แต่ไอ้กรณ์ก็จับไหล่ผมดึงกลับมาจนก้นกระแทกม้านั่ง
ระหว่างนั้นมันก็ชวนคุยโน่นคุยนี่ ผมก็ถามข่าวค(ร)าวเพื่อนในห้อง รวมถึงคนที่รู้จักอีกหลายคน
เพราะว่าตั้งแต่ไปเรียนรามมาเนี่ย เพื่อน ม. ปลายที่ติดต่อกัน ก็มีไอ้คิวกะซัง 2 คนเท่านั้น
“ซังมันคบกันยืดดีหว่ะ” ไอ้กรณ์ออกปากชม เมื่อผมเล่าให้ฟังว่าไปลอยกระทงกะไอ้สองคนนั่นมา
“อ้าว รู้เหรอว่ามันสองคนคบกัน นึกว่ากูรู้อยู่คนเดียวซะอีก” ผมบอกด้วยความแปลกใจ เพราะตอน
ที่เรียนอยู่ เชื่อได้ว่าแทบไม่มีใครสังเกต หรือว่ารับรู้ว่า ทั้งซังกะไอ้คิวคบกันฉันท์ผัวเมีย
ไอ้กรณ์มองตาผมแว่บนึงเป็นเชิงประมาณว่า รู้แม่ะว่ากูเป็นใคร
“แหม ไม่รู้ซะแล้วว่าคุยอยู่กะคราย กูอ่ะเจ้าแม่กรมประชาสัมพันธ์นะ” มันพูดพลางกระบิดกระบวย
ความสาวสะพรั่งค่อยๆเล็ดออกมาทีละหน่อย (แต่ผมชินแล้ว)
“อยู่ที่ว่า จะพูดเหรอไม่พูดเท่านั้นแหละ คุณปริ้นนนน” มันพูดแล้วก็ส่งสายตามาให้ผม
“ถามได้ตอบได้... ว่างั้น”
“ แหม อีนี่ กูก็ไม่ใช่อับดุลนะ” มันส่งค้อนให้ผมทีนึง
“พี่กรณ์ ผมไปเรียนก่อนนะ เข้าคาบแล้ว ” ไอ้เด็กม. 3 ที่นั่งตรงข้ามขออนุญาตก่อนที่จะเดินหิ้วกระเป๋า
ออกไป ดูๆก็น่ารักดีเหะ
“เด๋วนี้เปลี่ยนรสนิยมมากินเด็กแล้วเหรอ ”
ไอ้กรณ์ฟาดผมซะทีนึง ก่อนจะทำท่าถอนหายใจ
“เป็นไรวะ พูดแทงใจดำแค่นี้ ถึงกะถอนใจ” ผมว่า
“ไม่ช่าย .... เรื่องอื่นต่างหาก นึกแล้วกูไม่อยากเซด” มันว่า แล้วก็หยิบแก้วน้ำมาดูดด้วยหลอดสีชมพู
“เรื่องไรวะ ”
มันมองหน้าผม แล้วก็ถอนหายใจอีกรอบ ดูท่าทางจะมีปัญหาจริงๆด้วยแฮะ
“เนี่ย กูยังไม่ได้บอกใครเลยนะ แต่จะบอกคุณปริ้นคนแรก”
“ดีใจมากมาย ” ผมบอก
“มีสองเรื่องอ่ะ จะเอาเรื่องดีหรือเรื่องไม่ดีก่อนล่ะ ” ไอ้ห่า มึงจะบอกก็บอกม้าาาาาา ยักท่าอยู่นั่งแหละ ผมคิด
“เอาเรื่องไม่ดีก่อนล่ะกัน ”
“จำไอ้โสได้เหรอเปล่า” กรณ์ถาม ผมก็พยักหน้า ไอ้โสเป็นเพื่อนห้องเดียวกับผม แล้วก็เป็นนักกีฬาวิ่ง
ให้กับโรงเรียนตอนที่เรียนอยู่ด้วย ถึงแม้จะไม่ค่อยสนิทไรกันมากมาย แต่ช่วงที่กีฬาสีตอนม.6 มัน
ก็ช่วยอะไรผมหลายอย่าง (กีฬาสีม.6 ผมไม่ได้เขียน)
“ไมเหรอ”
แกร๊กกก เคร้งงง
ไอ้โค้กเดินมาจากทิศใดไม่ทราบ วางจานข้าวมาที่หน้าผมนึงจาน แล้วก็ของมันอีกนึงจาน แล้วก็มี
พวกกับข้าว ผัดผัก ไข่เจียวอีกอย่างละจาน ผมมองหน้ามันประหนึ่งว่ามันขนมาได้ไง
“ไรเนี่ย”
“ข้าวกลางวันไง” มันตอบเรียบๆ พลางนั่งลงกับม้านั่งตรงข้ามผม กรณ์มองโค้กที แล้วก็มองผมที
แล้วก็ดูเหมือนยิ้มๆ
“พี่กรณ์กินด้วยกันมั้ยคับ” โค้กหันไปชวนกรณ์ที่นั่งอยู่ด้านเดียวกับผม
ไอ้กรณ์ยิ้มหวานประหนึ่งจะกินไอ้โค้ก
“อุ้ย .. ไม่ล่ะน้อง พี่ไม่อยากเป็น กขค ” มันพูดเสร็จ ก็ส่งค้อนทางสายตาอีกวงใหญ่มาทางด้านข้างๆ
“คิดไร ไอ้บ้า - - เอ้า เล่าต่อดิ” ผมเปลี่ยนมาเข้าเรื่องเดิม แล้วก็กำลังจะตักผัดผักเข้าปาก
“คืออาทิตย์ที่แล้ว โทรไปหามัน บ้านมันอยู่ชุมพรใช่มั้ยล่ะ กะว่าจะถามเรื่องมันจะมางานโรงเรียนเปล่า แม่มันก็บอกว่า - -”
ไอ้กรณ์หยุดพูดนิดนึง ผมก็พอรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ลางไม่ดีชอบกล แต่ก็ตักข้าวใส่ปากไปแล้วล่ะ กำลังจะเคี้ยวเลย
“มันตายแล้ว”
“อุ๊ก ๆๆๆ” ผมเกือบสำลักได้ยินแค่นั้น ทำเอาหน้าชา ปากชา ขาช้า ไอ้นั่นก็ชา กันเลยทีเดียว กินข้าวไม่ลงแล้วกู
รู้สึกกว่าจะกลืนลงคอไปได้ ก็แทบขาดใจ
“ป .. เป็นอะไรอ่ะ ม... เจอมันยังเห็นสบายดีอยู่เลย ” ผมพูดตะกุกตะกัก ไอ้โค้กส่งน้ำมาให้ผมดูด ไม่ให้ติดคอ
ไปมากกว่านี้
“มึงเจอมันตอนไหน ที่ว่าล่าสุด ” กรณ์ถาม
“ก็ตอนรับผลสอบ ” ผมว่า
“นั่นมัน 6 เดือนที่แล้วนะมึง - - แม่มันบอกว่ามันฆ่าตัวตาย” คราวนี้ผมสำลักน้ำแทน
“เป็นเหี้ยไรวะ ถึงทำแบบนั้นอ่ะ”
“กูก็ไม่รู้ อยากรู้จุดธูปถามมันดู ” ไอ้กรณ์ตอบหน้าเมื่อย
เราสามคนนั่งอยู่เฉยๆซักพัก มีแต่ไอ้โค้กแหละที่พอจะกินอะไรได้อยู่ เพราะว่ามันก็ไม่ค่อยรู้จักเพื่อนผม
ซักเท่าไร
“เออ ... แล้วข่าวดีอ่ะ” ผมหันไปเปลี่ยนเรื่องถามบ้าง เผื่อไอ้กรณ์จะเล่นมุกว่า ที่กูพูดว่าคือโกหก
“ข่าวดีเหรอ ... ”
“อืม”
ไอ้กรณ์หน้าเจือนลงอีกเล็กน้อยถึงปานกลาง
“พอเรียนจบ กูคงจะแต่งงาน มึงเตรียมตัวด้วยนะ ” มันบอกเสียงเรียบ
“55 แล้วมึงจะมีลูกได้ไงวะ ไอ้กรณ์ ” ผมเค้นหัวเราะเพราะนึกว่ามันพูดเล่น แต่พอเห็นหน้าเอาจริงเอาจัง
ของมันแล้ว ถึงกับพูดไรไม่ออก
“เฮ้ย จริงดิ”
“มึงจะแต่งกะใคร ยังไง แล้วผู้หญิงหรือผู้ชายวะ งงวะ”
“อีนี่ ก็ต้องกะผู้หญิงดิ ที่บ้านกูคงจะยอมรับได้หรอกให้แต่งกะผู้ชาย พ่อแม่ยังไม่รู้เลยว่ากูแอ๊บอยู่เนี่ย”
มันพ่นให้ฟัง
“ผู้หญิงที่ไหน”
“ก็แถวบ้านแหละ ” ไอ้กรณ์บ้านมันไม่ได้อยู่เพชรคับ บ้านมันอยู่ประจวบ ตอนนี้มันเรียนอยู่มกท.
“เฮ้ย ....บ้า”
“เออ กูก็คิดงั้น บ้าชิบ” มันพูดเหมือนจะร้องไห้
“ถ้าเป็นมึง มึงจะไฟท์มั้ย มีงจะสู้กะที่บ้านป่ะไอ้คุณปริ้น” ไอ้กรณ์ถาม ทำเอาผมอึ้ง
“เอ๋ !? ”
“มึงอย่ามาทำอึ้ง ห่า กูรู้หรอกว่ามึงเป็นยังไงอะไร ผีมันเห็นผีวุ้ย”
“อ่อ - - เออ - - อ่า - - คือ” ผมถึงกับพูดไม่ออก
“กูว่าเรียนจบแล้วคงจะออกจากบ้านล่ะ จะให้กูแต่งกะผู้หญิงได้ไง” มันบอกทำท่าทางขนลุก
“ไม่ลองคุยกะพ่อแม่ดูก่อนล่ะ” ผมให้ไอเดีย
“คุณปริ้น ไม่รู้หรอกว่า ที่บ้านกูเป็นยังไง กูลูกผู้ชายคนเดียวด้วย” มันถอนหายใจ
“- - แต่ช่างมันเถอะ ยังไงก็เหลือเวลาให้ไฟท์อีกตั้ง 3 - 4 ปี” มันว่า
“แต่ถ้าถึงเวลานั้นจริงๆ อย่าลืมไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้กูนะ ” มันพูดติดตลก
“ใครจะสวยกว่ากันละทีนี้”
“ถ้ามันสวยกว่ากูอะนะ กูจะกรี้ดใส่ ให้ดังไปทั่วประจวบเลย คอยดู ” มันพูดขำๆ เออ มันเครียดได้แป็บเดียว
จริงๆด้วยแฮะ
“ว่าแต่น้องโค้กนั่งกินข้าวเงียบเลย เมื่อกี้เล่นบาสมาเหนื่อยเปล่าจ๊ะ ”คราวนี้มันหันไปเปราะกะไอ้โค้กแทน
“เฮ้อ - - คนเรา จะรออะไรก็ไม่ได้เลยนะ จะตายวันตายพรุ่ง ก็ไม่รู้ ” มันพูดซะคนแก่เชียว สายตาก็ยังไม่ละจาก
น้องตาหวานที่นั่งอยู่คำหน้ามัน
“คับ” ไอ้โค้กพยักหน้าตอบแบบเกรงๆ เมื่อเห็นสายตากรุ้มกริ่มที่ส่งมาโดยรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม
“เมื่อกี้ พี่ก็ชวนมากินข้าวไม่เห็นจะมาเลยน้า - - พอเจอพี่ปริ้นล่ะก็ ....อี๊ ” ผมแอบเอามือไปหยิก
ต้นขามันถึงกะร้องเสียงหลง
“แล้วนี่พักอยู่ไหนอ่ะ สองสามวันเนี้ย”
“อยู่หอกะไอ้มิกส์ อู้ย หยิกมาได้” มันบอกแล้วก็เอามือไปลูบที่โดนหยิก อ่อ ไอ้น้องนั่นชื่อมิกส์นั่นเอง
“งั้นมึงกินข้าวไปล่ะกัน เดี๋ยวกูกลับแล้ว” ไอ้กรณ์บอกพลางลุกขึ้นจากม้านั่ง
“- - แล้วไงเจอกันวันงานนะคุณปริ้น”
“เออ .. เจอกาน”
“แล้วเจอกันนะ น้องโค้ก” มันไม่พูดเปล่า แต่เอื้อมมือไปหยิกเบาๆที่แก้มไอ้โค้กอีกตะหาก ดูมันแฟนมัน
ก็พึ่งเดินจากไปไม่กี่นาที ยังมายุ่งย่ามอะไรกะโค้กอีก เห็นแล้วหงุดหงิด
“ว่าแต่เค้า อิเหนาเป็นเองนะ คุณ” ไอ้กรณ์บอกส่งท้ายก่อนที่จะเดินฉุยฉายออกไปจากโรงอาหาร
“อิเหนาห่าไรวะ” ผมพูดกับตัวเองงงๆ แต่ไอ้โค้กกลับขำซะงั้น
“ขำไรมึง กินปาย - - จะกินมั้ย ไข่เนี่ย - - ผักเนี่ย” ผมว่าพลางเอาช้อนตักกับให้มันซะเต็มชาม
“อะโหย ตักมาให้อะไรเยอะแยะ ไม่กินเองมั่งง่ะ” มันถาม
“ไม่กินแล้ว กินไม่ลง ผมบอก เจอไอ้กรณ์ฝากข่าวมาให้นี่ ถึงกับเซ็งโลกไปเลย เฮ้อ (ถอนหายใจ)
“เอาน่า อย่าคิดมากคับ - - ธรรมดาของโลกแหละ
“พูดซะเป็นคนแก่เลยนะมึง”
“555”
“ผมว่าจะถามพี่ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว เห็นคุยอยู่” โค้กบอก
“ไร ? ”
“เมื่อคืนนอนร้องไห้เหรอ”
“ใครบอก !? ”
“เห็นตาบวมๆ”
“ร้องไห้ทำให้ตาบวมได้อย่างเดียวเหรอไง ไอ้นี่”
“งั้นก็แปลว่าไม่ได้ร้อง”
“เออดิ ” ผมปด “- - แค่นอนอ่านอะไรดึกไปหน่อยแค่นั้นเอง”
“หนังสือโป๊อะดิ กามชะมัด”
ตั้บบบ !!!
“ไอ้บ้า โป๊บ้านเอ็งดิ” ผมเอามือไปตบหัวมันยิ้มๆ เฮ้อ อยู่กะไอ้โค้กนี่ ไม่เคยจะต้องเศร้านานๆซักที
ทำไมนะ !? ยิ่งนับวันความรู้สึกที่มีต่อไอ้เด็กตาหวานคนนี้ มันชักจะมีมากขึ้นทุกที แต่ผมก็บอกกับตัวเอง
ไม่ได้ว่ามันคืออะไร ?
ต่างกับความรู้สึกที่มีให้อีกใครคนนึงที่อยู่ซะห่างไกล แม้จะเรียกว่ายังรักอยู่ - - ไม่ดิ รักมาก จนแทบ
จะขาดใจตาย แต่ทำไมรู้สึกว่ามันห่างไกลขึ้นทุกทียิ่งพอได้อ่านเรื่องของเค้าเมื่อคืน ทำให้ยิ่งรู้สึกว่า - -
.
โอ้ตยิ่งอยู่ห่างไกลจนผมเอื้อมไปไม่ถึงอีกแล้ว ........ หรือว่า .... ตลอดเวลาที่รู้จักกันมา
ผมไม่เคยเอื้อมถึงโอ้ตเลยซักครั้ง ?
.
.