บ้านพักอลเวง
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: บ้านพักอลเวง  (อ่าน 363829 ครั้ง)

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #60 เมื่อ24-10-2006 10:08:51 »

โอ้ยๆๆๆๆๆ รักบลูที่สุดในโลกเลยครับ มาขอจุ๊บหน่อย Joops! Joops!  :laugh2:

ยังไม่ได้อ่านเลยนะครับ เดี๋ยวว่างแล้วจะมาอ่านนะค้าบบบบบ  :5782:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #61 เมื่อ25-10-2006 13:33:27 »

อ่านจบแล้วครับบลู มาลงต่อเลยนะ

แงแงแง จาอ่านต่ออะ

 :o

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #62 เมื่อ25-10-2006 15:53:06 »





อิอิ อ่านไวเจงๆ ระวังจะลืมเนื้อหาตกหล่นน้า เพราะภาค5 นี่มันหยดติ๋งๆ   :like2:


[wma=300,50]http://mywebpage.netscape.com/stayingpowersea/sad10.wma[/wma]
.

.

จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ ....... จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ


เสียงนกที่ร้องเซ็งแซ่อยู่ภายนอกหน้าต่างทำให้ผมเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา แต่ตัวก็ยังคงนอนขด
อยู่ในผ้าห่มผืนหนา หน้าหนาวต่างจังหวัดไม่ได้เหมือนในกรุงเทพตรงที่อากาศจะหนาวเย็น
จนไม่อยากจะลุกออกไปไหน ยิ่งโดยเฉพาะช่วงปลายปีแบบนี้ด้วยแล้ว ไม่ต้องพูดถึง


ก๊อก ก๊อก ......


ผมยังไม่มีปฏิกิริยาขานรับเสียงเคาะประตู


“ปริ้น ตื่นยังลูก เจ้าปริ้น ....” เสียงแม่ผมนั่นเองที่เคาะเรียกอยู่หน้าห้อง ผมเปิดผ้าห่มแค่หัว
แล้วก็จ้องที่ไปที่นาฬิกา โห พึ่งจะเจ็ดโมงเช้า รีบปลุกไปทำไมเนี่ย ไม่ได้อยู่ม.ปลายแล้วนะ


เสียงแม่เปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมๆกับที่ผมรีบดึงผ้าห่มขึ้นไปคลุมโปงอีกรอบ


“ปริ้น กับข้าววางอยู่บนโต๊ะนะ แม่ไปทำงานก่อน” แม่บอกพลางสะกิดตัวผมจากนอกผ้าห่ม


“อือออ .... ”


“วันนี้อย่าลืมซักผ้า แล้วก็ขนเอาหนังสือของโอ้ตเค้าไปไว้ที่บ้านป้าเล็กด้วย เข้าใจมั้ย ”


แม่ผมสั่งพร้อมกับดึงผ้าห่มออกมาให้เห็นหน้า


“อืออออ ... ” ผมรับปาก แล้วก็ดึงผ้ามาคลุมโปงอีกรอบ


“ทำเป็นเด็กไปได้ โตแล้วนะ ” แม่บ่นก่อนจะรีบเดินออกจากห้องปิดประตูไป ซักพักก็ได้ยินเสียง
สตาร์ตเครื่องรถยนต์


“เอ้ย !! ” แม่จาเอารถไปใช้เหรอเนี่ย คิดได้ดังนั้นผมรีบกระโดดขึ้นมาจากเตียง เผ่นออกไปนอกบ้าน
เห็นแม่กำลังจะขับรถออกไปนอกประตู


“แม่ ....!! ” ผมตะโกนเรียก แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว แม่ขับรถของผมไปทำงานซะงั้น ตกลงวันนี้ต้องนั่ง
รถประจำทางจากชะอำไปในเมืองอีกแล้ว


“เอ้า ปริ้น ตื่นเช้าเชียว” เสียงยายดังมาจากบนเรือนใหญ่


“อ่อ ... คับ” ผมไม่รู้จะพูดอะไร เลยได้แต่เออออไปแก้เก้อ


“ยายคับ เด๋วกลางวันๆ ปริ้นจะออกไปโรงเรียนหน่อยนะ”


“ไปทำไมล่ะ”


“ว่าจะไปเยี่ยมอาจารย์หน่อยอ่ะคับ ไม่ได้เจอนานแล้ว” ผมว่าแล้วก็รีบเดินกลับเข้าไปในบ้านตัวสั่น
ถึงแม้จะใส่เสื้อกันหนาวอยู่ก็เหอะ แต่ส่วนล่างผมใส่แค่บ็อกเซอร์นี่หว่า หนาวชิบ


ประมาณเที่ยงๆ ผมก็นั่งรถประจำทางมาลงที่หน้าโรงเรียน ระหว่างกำลังจะเดินเข้าไปในโรงเรียน
ก็รู้สึกเขินๆนิดหน่อย เพราะก็เห็นมีน้องๆที่เดินสวนไปมาชำเลืองมองอยู่บ้าง ไม่ได้มาโรงเรียนแค่
เกือบ 6 เดือน แม่ง รู้สึกแก่ลงไปในทันใด


“หวัดดีคับ จารย์” ผมเดินขึ้นตึก 2 ไปที่ห้องพักครูอังกฤษ ไปหาครูสาวที่ปรึกษาตอนม.6 จริงๆ
เรื่องของห้องผมกับอาจารย์คนนี้มีเยอะแยะมากมาย แล้วก็เป็นครูที่ผมสนิทที่สุดตอนเรียน


“อ้าวบวรภักษ์ มาได้ไงเนี่ย นึกว่าจะมาวันงานซะอีก” คุณครูทักผม ดูท่าทางพึ่งจะสอนเสร็จมา


“แล้วตาเธอไปโดนอะไรมาเนี่ย บวมเชียว” ครูสาวสังเกตเห็นดวงตาที่ออกอาการเหมือนบวมของผม
(ก็น้ำตาไหลแทบทั้งคืนหลังอ่านไดอารี่จบ)


“แหม่ ช่างสังเกตเหมือนเดิมนะ - - ก็คิดถึงจารย์อ่ะ เลยรีบมา” ผมสะตอตอบไป


“เด๋ววันที่เพื่อนกลับมากันก็ไม่มีเวลาให้ผมอ่ะ”


“ชั้นอยากจะอ๊วก - - แล้วนี่เรียนที่ไหนเนี่ย” ครูถามผม ไม่รู้เป็นโรคอะไร พวกครูอาจารย์เห็นหน้าเด็ก
จบไปไม่ได้ ต้องถามทุกทีซิ


“รามคับ ”ผมตอบ


“อือ .. แล้วเป็นไงบ้าง ได้ไปเรียนมั่งเหรอเปล่า ”


“โห ไปดิ เนี่ย ได้ g มาตัวนึง”


“ต๊าย เก่งนะ”


“ลูกศิษย์ใครล่ะจารย์” ผมแซว


“เออ เมื่อกี้ก็เห็นเจ้ากรณ์ โฉบไปโฉบมาอยู่เหมือนกัน นี่มาด้วยกันซิเนี่ย ”


“เหรอคับ ? ผมไม่ได้มากะมันนะ แล้วจารย์เห็นมันที่ไหนอ่ะ”


“เห็นเดินไปทางประชาสัมพันธ์นะ ครูไม่รู้ว่าออกไปเหรอยัง”


“อ่อๆ งั้นเด๋วผมไปหาไอ้อั้มก่อนนะคับ แล้วผมมาหาจารย์อีกทีวันพฤหัสฯนะคับ” ผมพูดพร้อมยกมือไหว้ลา


ครูผมยกมือรับไหว้ แต่ก็ไม่วายกัด


“แล้วเมื่อกี้บอกว่าจะมาคุยกับชั้นนะ เจ้านี่”
.

.


< - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - >
.

.
ผมเดินลงมาแล้วก็ตรงไปแถวประชาสัมพันธ์ เพื่อหาไอ้กรณ์ คือมันเป็นเพื่อนที่อยู่ห้องเดียวกับผม
แหละ ตั้งแต่จบกันไปก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย (ผมเป็นฝ่ายหายไปจากสารบบของเพื่อนๆเอง เหะๆ)
ไอ้กรณ์นี่มันก็เป็นเกย์คับ แต่ท่าทางดูออกมากมาย ฮาๆ


-เหรอว่ากลับไปแล้วฟ่ะ – ผมคิด เมื่อเดินมาถึงประชาสัมพันธ์แล้วก็ไม่เจอใคร สายตาก็เหลือบไป
ที่สนามบาสที่อยู่ข้างๆ ทำเอาผมเกือบตาค้าง เมื่อเห็นใครคนนึงกำลังวิ่งเลี้ยงบาสอยู่ในสนามกับ
เพื่อนอีก 2 -3 คน


ผมเลยเดินเลยเข้าไปดูใกล้ๆเพื่อความแน่ใจ ใช่ไอ้โค้กจริงๆด้วยอ่ะ ที่วิ่งอยู่ในสนามเล่นบาสอยู่
แล้วด้วยความที่ผมแต่งตัวเด่นอยู่คนเดียวแถวนั้น (คนอื่นๆก็ใส่ชุดนร.กันหมด) ไอ้โค้กก็หันมา
เจอพอดี


“เอ้า พี่ปริ้น ”โค้กมันดูแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นผมมาอยู่โรงเรียนในวันนี้


“โค้ก ไอ้เหี้ย ระวังลูก ! ” เสียงเพื่อนที่เล่นด้วยกันกับมันตะโกนโหวกเหวก


พลั๊ก ! ลูกบาสซัดเข้าที่หัวไอ้โค้กเต็มๆ ทำเอาหน้ามันเกือบคว่ำแน่ะ


“เป็นไงมากเป่าวะ” ผมเดินไปพยุงไอ้โค้กที่เห็นท่าทางดูมันมึนตึ้บเล็กน้อย ให้มานั่งพักตรงศาลา
ใกล้ๆกับสนาม


“เจ็บซิ ถามได้ อยู่ๆก็โผล่มา ตกใจหมด” มันบอกพลางนวดหัวตัวเอง


“ผิดอีกกู - - เออ ว่าแต่ ขาหายแล้วเหรอ” ผมเอามือไปจับที่ขาข้างที่เคยเจ็บของมัน เมื่อคราวที่แล้วที่เจอ
มันที่กรุงเทพ ยังเห็นว่าบางทีมันยังเดินกระเผลกๆอยู่เลยนี่หว่า


“ก็พอไหวพี่ หมอที่รักษาเค้าบอกว่า หายเร็วกว่าที่คิดไว้เยอะ” มันบอกแล้วก็ยิ้มดีใจ แต่ผมรู้สึกว่าหน้า
ตัวเองบึ้งนิดหน่อย


“เออ ก็ดี ” ผมบอก


“ไมพี่ทำหน้างั้นล่ะ - -” มันคงดูท่าทางผมออก


“- - โกรธผมเหรอ” มันถามต่อ


ผมตอบแบบไม่ยอมมองหน้ามัน


“เป่า โกรธทำไม ! ” แต่ในใจกุโกรธแฮะ


“เฮ้ย พี่ปริ้น อย่าโกรธผมเลยน้า ... ผมไม่คิดว่าพี่ปริ้นจะ - -” แล้วมันก็เหมือนจะไม่กล้าพูดต่อ


“คือ ผมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่อ่ะครับ ก็เลยไม่ได้บอก ” มันตอบเสียงหงอย


“ช่างมานเหอะ แต่ก็รู้บ้างล่ะกาน ว่ามีคนเป็นห่วง” ผมบอกมันแต่หน้าก็ยังฉุนๆอยู่


“ครับพี่” เสียงมันดูสดชื่นขึ้นมาหน่อยนึง


“ว่าแต่เห็นไอ้กรณ์เดินมาแถวนี้มั่งเป่าวะ หามันไม่เจอ”


“อ่อ เห็นคับ ม่ะกี้ยังแวะทักผมอยู่เลย” แหม เพื่อนกูแอบแรดนะ มาทักไอ้โค้กด้วย


“พี่เค้าบอกว่าจะไปหาไรกินที่โรงอาหาร”


“งั้นพี่ไปหาเพื่อนก่อนนะ ” ผมบอก


“เดี๋ยวพี่ปริ้น ผมไปด้วย” ไอ้โค้กบอก แล้วก็วิ่งแจ้นไปหยิบกระเป๋าที่วางอยู่ข้างสนาม
มีสายตาเพื่อนไอ้โค้กมองตามมา


“แล้วเลิกเล่น ปล่อยเพื่อนไว้งั้นอ่ะนะ”


“ช่างมันเหอะพี่ ผมหิวแล้ว ”


“แล้วมาบอกไร ? ”


“พี่ปริ้นกินข้าวกลางวันยังล่ะ ”


“ยังอ่ะ”


“งั้นก็ไปหาพี่กรณ์แล้วก็ไปกินข้าวกลางวันด้วยเลยดิ”


“อ้าว แล้วเพื่อนเอ็งไม่มีเหรอไง ต้องมากินกับพี่”


“น่า นานๆที” พูดเสร็จมันก็ผลักหลังผมให้เดินนำมันไปเป็นเด็กๆ รู้มั้ยว่ากูอายนะเนี่ย
มึงก็ม่ะใช่ตัวเล็กๆ


เดินเข้ามาในโรงอาหาร ผู้คนแน่นเอียดอยู่เหมือนเดิม ผมชะเง้อคอหาไอ้กรณ์ก็เห็นมัน
นั่งหัวโด่กินข้าวอยู่กับเด็กมัน (ไอ้นี่ริอาจกินหญ้าอ่อน)


“เฮ้ย .. ” ผมเอามือไปแตะหัวตักมันเบาๆ เล่นมากไม่ได้เพราะกลัวมันวีนแตกกลางโรงอาหาร


“เชี่ย กูนึกว่าใครมาลูบหัว” มันบอกแล้วก็เลื่อนของให้นั่ง ผมหันกลับไปก็ไม่เห็นไอ้โค้กอยู่
ข้างหลัง ไปไหนของมันวะ เร็วจัง


“หายหน้าหายตาไปเลยนะคุณปริ้น” มันพูดกระแนะกระแหนตามสไตล์ของมัน


“เออนะ เรียนหนัก” ผมบอก แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีเด็กมันที่สงสัยจะไม่เกินม.3 นั่งอยู่ตรงกันข้ามด้วย
ผมเลยยิ้มให้ มันก็ยิ้มตอบกลับทำหน้าเจือนๆ


“กูเป็น กขค เป่านี่” ผมกระซิบถาม


“พึ่งรู้ตัวเหรอ ? ”


“เอ้า !! งั้นกูไปก็ด่ะ” ผมว่าพลางทำท่าจะลุก แต่ไอ้กรณ์ก็จับไหล่ผมดึงกลับมาจนก้นกระแทกม้านั่ง


ระหว่างนั้นมันก็ชวนคุยโน่นคุยนี่ ผมก็ถามข่าวค(ร)าวเพื่อนในห้อง รวมถึงคนที่รู้จักอีกหลายคน
เพราะว่าตั้งแต่ไปเรียนรามมาเนี่ย เพื่อน ม. ปลายที่ติดต่อกัน ก็มีไอ้คิวกะซัง 2 คนเท่านั้น


“ซังมันคบกันยืดดีหว่ะ” ไอ้กรณ์ออกปากชม เมื่อผมเล่าให้ฟังว่าไปลอยกระทงกะไอ้สองคนนั่นมา


“อ้าว รู้เหรอว่ามันสองคนคบกัน นึกว่ากูรู้อยู่คนเดียวซะอีก” ผมบอกด้วยความแปลกใจ เพราะตอน
ที่เรียนอยู่ เชื่อได้ว่าแทบไม่มีใครสังเกต หรือว่ารับรู้ว่า ทั้งซังกะไอ้คิวคบกันฉันท์ผัวเมีย


ไอ้กรณ์มองตาผมแว่บนึงเป็นเชิงประมาณว่า รู้แม่ะว่ากูเป็นใคร


“แหม ไม่รู้ซะแล้วว่าคุยอยู่กะคราย กูอ่ะเจ้าแม่กรมประชาสัมพันธ์นะ” มันพูดพลางกระบิดกระบวย
ความสาวสะพรั่งค่อยๆเล็ดออกมาทีละหน่อย (แต่ผมชินแล้ว)


“อยู่ที่ว่า จะพูดเหรอไม่พูดเท่านั้นแหละ คุณปริ้นนนน” มันพูดแล้วก็ส่งสายตามาให้ผม


“ถามได้ตอบได้... ว่างั้น”


“ แหม อีนี่ กูก็ไม่ใช่อับดุลนะ” มันส่งค้อนให้ผมทีนึง


“พี่กรณ์ ผมไปเรียนก่อนนะ เข้าคาบแล้ว ” ไอ้เด็กม. 3 ที่นั่งตรงข้ามขออนุญาตก่อนที่จะเดินหิ้วกระเป๋า
ออกไป ดูๆก็น่ารักดีเหะ


“เด๋วนี้เปลี่ยนรสนิยมมากินเด็กแล้วเหรอ ”


ไอ้กรณ์ฟาดผมซะทีนึง ก่อนจะทำท่าถอนหายใจ


“เป็นไรวะ พูดแทงใจดำแค่นี้ ถึงกะถอนใจ” ผมว่า


“ไม่ช่าย .... เรื่องอื่นต่างหาก นึกแล้วกูไม่อยากเซด” มันว่า แล้วก็หยิบแก้วน้ำมาดูดด้วยหลอดสีชมพู


“เรื่องไรวะ ”


มันมองหน้าผม แล้วก็ถอนหายใจอีกรอบ ดูท่าทางจะมีปัญหาจริงๆด้วยแฮะ


“เนี่ย กูยังไม่ได้บอกใครเลยนะ แต่จะบอกคุณปริ้นคนแรก”


“ดีใจมากมาย ” ผมบอก


“มีสองเรื่องอ่ะ จะเอาเรื่องดีหรือเรื่องไม่ดีก่อนล่ะ ” ไอ้ห่า มึงจะบอกก็บอกม้าาาาาา ยักท่าอยู่นั่งแหละ ผมคิด


“เอาเรื่องไม่ดีก่อนล่ะกัน ”


“จำไอ้โสได้เหรอเปล่า” กรณ์ถาม ผมก็พยักหน้า ไอ้โสเป็นเพื่อนห้องเดียวกับผม แล้วก็เป็นนักกีฬาวิ่ง
ให้กับโรงเรียนตอนที่เรียนอยู่ด้วย ถึงแม้จะไม่ค่อยสนิทไรกันมากมาย แต่ช่วงที่กีฬาสีตอนม.6 มัน
ก็ช่วยอะไรผมหลายอย่าง (กีฬาสีม.6 ผมไม่ได้เขียน)


“ไมเหรอ”


แกร๊กกก เคร้งงง


ไอ้โค้กเดินมาจากทิศใดไม่ทราบ วางจานข้าวมาที่หน้าผมนึงจาน แล้วก็ของมันอีกนึงจาน แล้วก็มี
พวกกับข้าว ผัดผัก ไข่เจียวอีกอย่างละจาน ผมมองหน้ามันประหนึ่งว่ามันขนมาได้ไง


“ไรเนี่ย”


“ข้าวกลางวันไง” มันตอบเรียบๆ พลางนั่งลงกับม้านั่งตรงข้ามผม กรณ์มองโค้กที แล้วก็มองผมที
แล้วก็ดูเหมือนยิ้มๆ


“พี่กรณ์กินด้วยกันมั้ยคับ” โค้กหันไปชวนกรณ์ที่นั่งอยู่ด้านเดียวกับผม


ไอ้กรณ์ยิ้มหวานประหนึ่งจะกินไอ้โค้ก


“อุ้ย .. ไม่ล่ะน้อง พี่ไม่อยากเป็น กขค ” มันพูดเสร็จ ก็ส่งค้อนทางสายตาอีกวงใหญ่มาทางด้านข้างๆ


“คิดไร ไอ้บ้า - - เอ้า เล่าต่อดิ” ผมเปลี่ยนมาเข้าเรื่องเดิม แล้วก็กำลังจะตักผัดผักเข้าปาก


“คืออาทิตย์ที่แล้ว โทรไปหามัน บ้านมันอยู่ชุมพรใช่มั้ยล่ะ กะว่าจะถามเรื่องมันจะมางานโรงเรียนเปล่า แม่มันก็บอกว่า - -”


ไอ้กรณ์หยุดพูดนิดนึง ผมก็พอรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ลางไม่ดีชอบกล แต่ก็ตักข้าวใส่ปากไปแล้วล่ะ กำลังจะเคี้ยวเลย


“มันตายแล้ว”


“อุ๊ก ๆๆๆ” ผมเกือบสำลักได้ยินแค่นั้น ทำเอาหน้าชา ปากชา ขาช้า ไอ้นั่นก็ชา กันเลยทีเดียว กินข้าวไม่ลงแล้วกู
รู้สึกกว่าจะกลืนลงคอไปได้ ก็แทบขาดใจ


“ป .. เป็นอะไรอ่ะ ม... เจอมันยังเห็นสบายดีอยู่เลย ” ผมพูดตะกุกตะกัก ไอ้โค้กส่งน้ำมาให้ผมดูด ไม่ให้ติดคอ
ไปมากกว่านี้


“มึงเจอมันตอนไหน ที่ว่าล่าสุด ” กรณ์ถาม


“ก็ตอนรับผลสอบ ” ผมว่า


“นั่นมัน 6 เดือนที่แล้วนะมึง - - แม่มันบอกว่ามันฆ่าตัวตาย” คราวนี้ผมสำลักน้ำแทน


“เป็นเหี้ยไรวะ ถึงทำแบบนั้นอ่ะ”


“กูก็ไม่รู้ อยากรู้จุดธูปถามมันดู ” ไอ้กรณ์ตอบหน้าเมื่อย


เราสามคนนั่งอยู่เฉยๆซักพัก มีแต่ไอ้โค้กแหละที่พอจะกินอะไรได้อยู่ เพราะว่ามันก็ไม่ค่อยรู้จักเพื่อนผม
ซักเท่าไร


“เออ ... แล้วข่าวดีอ่ะ” ผมหันไปเปลี่ยนเรื่องถามบ้าง เผื่อไอ้กรณ์จะเล่นมุกว่า ที่กูพูดว่าคือโกหก


“ข่าวดีเหรอ ... ”


“อืม”


ไอ้กรณ์หน้าเจือนลงอีกเล็กน้อยถึงปานกลาง


“พอเรียนจบ กูคงจะแต่งงาน มึงเตรียมตัวด้วยนะ ” มันบอกเสียงเรียบ


“55 แล้วมึงจะมีลูกได้ไงวะ ไอ้กรณ์ ” ผมเค้นหัวเราะเพราะนึกว่ามันพูดเล่น แต่พอเห็นหน้าเอาจริงเอาจัง
ของมันแล้ว ถึงกับพูดไรไม่ออก


“เฮ้ย จริงดิ”


“มึงจะแต่งกะใคร ยังไง แล้วผู้หญิงหรือผู้ชายวะ งงวะ”


“อีนี่ ก็ต้องกะผู้หญิงดิ ที่บ้านกูคงจะยอมรับได้หรอกให้แต่งกะผู้ชาย พ่อแม่ยังไม่รู้เลยว่ากูแอ๊บอยู่เนี่ย”
มันพ่นให้ฟัง


“ผู้หญิงที่ไหน”


“ก็แถวบ้านแหละ ” ไอ้กรณ์บ้านมันไม่ได้อยู่เพชรคับ บ้านมันอยู่ประจวบ ตอนนี้มันเรียนอยู่มกท.


“เฮ้ย ....บ้า”


“เออ กูก็คิดงั้น บ้าชิบ” มันพูดเหมือนจะร้องไห้


“ถ้าเป็นมึง มึงจะไฟท์มั้ย มีงจะสู้กะที่บ้านป่ะไอ้คุณปริ้น” ไอ้กรณ์ถาม ทำเอาผมอึ้ง


“เอ๋ !? ”


“มึงอย่ามาทำอึ้ง ห่า กูรู้หรอกว่ามึงเป็นยังไงอะไร ผีมันเห็นผีวุ้ย”


“อ่อ - - เออ - - อ่า - - คือ” ผมถึงกับพูดไม่ออก


“กูว่าเรียนจบแล้วคงจะออกจากบ้านล่ะ จะให้กูแต่งกะผู้หญิงได้ไง” มันบอกทำท่าทางขนลุก


“ไม่ลองคุยกะพ่อแม่ดูก่อนล่ะ” ผมให้ไอเดีย


“คุณปริ้น ไม่รู้หรอกว่า ที่บ้านกูเป็นยังไง กูลูกผู้ชายคนเดียวด้วย” มันถอนหายใจ


“- - แต่ช่างมันเถอะ ยังไงก็เหลือเวลาให้ไฟท์อีกตั้ง 3 - 4 ปี” มันว่า


“แต่ถ้าถึงเวลานั้นจริงๆ อย่าลืมไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้กูนะ ” มันพูดติดตลก


“ใครจะสวยกว่ากันละทีนี้”


“ถ้ามันสวยกว่ากูอะนะ กูจะกรี้ดใส่ ให้ดังไปทั่วประจวบเลย คอยดู ” มันพูดขำๆ เออ มันเครียดได้แป็บเดียว
จริงๆด้วยแฮะ


“ว่าแต่น้องโค้กนั่งกินข้าวเงียบเลย เมื่อกี้เล่นบาสมาเหนื่อยเปล่าจ๊ะ ”คราวนี้มันหันไปเปราะกะไอ้โค้กแทน

“เฮ้อ - - คนเรา จะรออะไรก็ไม่ได้เลยนะ จะตายวันตายพรุ่ง ก็ไม่รู้ ” มันพูดซะคนแก่เชียว สายตาก็ยังไม่ละจาก
น้องตาหวานที่นั่งอยู่คำหน้ามัน


“คับ” ไอ้โค้กพยักหน้าตอบแบบเกรงๆ เมื่อเห็นสายตากรุ้มกริ่มที่ส่งมาโดยรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม


“เมื่อกี้ พี่ก็ชวนมากินข้าวไม่เห็นจะมาเลยน้า - - พอเจอพี่ปริ้นล่ะก็ ....อี๊ ” ผมแอบเอามือไปหยิก
ต้นขามันถึงกะร้องเสียงหลง


“แล้วนี่พักอยู่ไหนอ่ะ สองสามวันเนี้ย”


“อยู่หอกะไอ้มิกส์ อู้ย หยิกมาได้” มันบอกแล้วก็เอามือไปลูบที่โดนหยิก อ่อ ไอ้น้องนั่นชื่อมิกส์นั่นเอง


“งั้นมึงกินข้าวไปล่ะกัน เดี๋ยวกูกลับแล้ว” ไอ้กรณ์บอกพลางลุกขึ้นจากม้านั่ง


“- - แล้วไงเจอกันวันงานนะคุณปริ้น”


“เออ .. เจอกาน”


“แล้วเจอกันนะ น้องโค้ก” มันไม่พูดเปล่า แต่เอื้อมมือไปหยิกเบาๆที่แก้มไอ้โค้กอีกตะหาก ดูมันแฟนมัน
ก็พึ่งเดินจากไปไม่กี่นาที ยังมายุ่งย่ามอะไรกะโค้กอีก เห็นแล้วหงุดหงิด


“ว่าแต่เค้า อิเหนาเป็นเองนะ คุณ” ไอ้กรณ์บอกส่งท้ายก่อนที่จะเดินฉุยฉายออกไปจากโรงอาหาร


“อิเหนาห่าไรวะ” ผมพูดกับตัวเองงงๆ แต่ไอ้โค้กกลับขำซะงั้น


“ขำไรมึง กินปาย - - จะกินมั้ย ไข่เนี่ย - - ผักเนี่ย” ผมว่าพลางเอาช้อนตักกับให้มันซะเต็มชาม


“อะโหย ตักมาให้อะไรเยอะแยะ ไม่กินเองมั่งง่ะ” มันถาม


“ไม่กินแล้ว กินไม่ลง ผมบอก เจอไอ้กรณ์ฝากข่าวมาให้นี่ ถึงกับเซ็งโลกไปเลย เฮ้อ (ถอนหายใจ)


“เอาน่า อย่าคิดมากคับ - - ธรรมดาของโลกแหละ


“พูดซะเป็นคนแก่เลยนะมึง”


“555”


“ผมว่าจะถามพี่ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว เห็นคุยอยู่” โค้กบอก


“ไร ? ”


“เมื่อคืนนอนร้องไห้เหรอ”


“ใครบอก !? ”


“เห็นตาบวมๆ”


“ร้องไห้ทำให้ตาบวมได้อย่างเดียวเหรอไง ไอ้นี่”


“งั้นก็แปลว่าไม่ได้ร้อง”


“เออดิ ” ผมปด “- - แค่นอนอ่านอะไรดึกไปหน่อยแค่นั้นเอง”


“หนังสือโป๊อะดิ กามชะมัด”


ตั้บบบ !!!


“ไอ้บ้า โป๊บ้านเอ็งดิ” ผมเอามือไปตบหัวมันยิ้มๆ เฮ้อ อยู่กะไอ้โค้กนี่ ไม่เคยจะต้องเศร้านานๆซักที
ทำไมนะ !? ยิ่งนับวันความรู้สึกที่มีต่อไอ้เด็กตาหวานคนนี้ มันชักจะมีมากขึ้นทุกที แต่ผมก็บอกกับตัวเอง
ไม่ได้ว่ามันคืออะไร ?


ต่างกับความรู้สึกที่มีให้อีกใครคนนึงที่อยู่ซะห่างไกล แม้จะเรียกว่ายังรักอยู่ - - ไม่ดิ รักมาก จนแทบ
จะขาดใจตาย แต่ทำไมรู้สึกว่ามันห่างไกลขึ้นทุกทียิ่งพอได้อ่านเรื่องของเค้าเมื่อคืน ทำให้ยิ่งรู้สึกว่า - -
.


โอ้ตยิ่งอยู่ห่างไกลจนผมเอื้อมไปไม่ถึงอีกแล้ว ........ หรือว่า .... ตลอดเวลาที่รู้จักกันมา
ผมไม่เคยเอื้อมถึงโอ้ตเลยซักครั้ง ?


.
.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-11-2006 11:04:56 โดย b|ue B[o]Y hUb »

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #63 เมื่อ25-10-2006 16:10:06 »

โฮ่.....บลูใจร้ายอะ :pigangry2:

ทำให้อยากแล้วจากไป :ped167:

อุตสาห์มาแอบอ่านตอนประชุมนะเนี้ยะ  :kikkik:









ปล. รูปปก น่ารักมั้กม้าก ชอบชอบ  :yeb:

ขอบคุณนะบลู


ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #64 เมื่อ26-10-2006 23:58:09 »

เอิ้กๆ ลงให้ตั้งเยอะแล้วน้า เด่วจะจับรายละเอียดความรู้สึกของปริ้นไม่ได้นะ
 แอบอ่านแล้วอย่าร้องไห้ให้ใครเห็นน้า เอิ้กๆแต่ตอนแรกของภาคยังไม่เศร้ามาก



.

“เออ เด๋วพี่กลับก่อนล่ะกัน ตอนเย็นๆขี้เกียจยืนเบียดบนรถ” ผมบอกโค้กหลังจากที่กินข้าวกลางวัน
กันเรียบร้อยแล้ว


“แล้วมาอีกทีวันพฤหัสฯเลยใช่ป่าว” มันถามพลางแกว่งกระเป๋าไปมา


“อืม .. ”


“มากลางวันๆดิพี่ ผมประกวดโฟล์คซองที่หอประชุมอ่ะ” ไอ้โค้กย้ำถึงเรื่องที่วงมันจะขึ้นไป
ประกวดร้องเพลง ที่มันเตือนผมเพราะรู้กันเป็นประเพณีครับ ว่าพวกศิษย์เก่าที่จะมาเนี่ย
ส่วนมากจะมางานตอนค่ำๆ กลางคืนกัน ประมาณว่ามากินตามซุ้มน้องอย่างเดียว แฮ่ๆ


“เอาดิ” ผมรับคำ แล้วก็แยกจากน้องตาหวานตรงหน้าโรงอาหาร เพราะมันก็ต้องรีบขึ้นไปเรียน
ทั้งๆที่เลยคาบมาประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว


- อี๊ ปวดเยี่ยวฟร่ะ ... -


หันซ้ายหันขวา ห้องน้ำข้างโรงอาหารเด็กใช้เยอะมาก ผมขี้เกียจเป็นเป้าสายตา เลยเดินตรงมาอีกหน่อย
เข้าห้องน้ำที่อยู่หลังอาคาร 1 พอเดินเข้ามายังไม่ทันไปที่โถเลย ก็ได้กลิ่นพร้อมควันแปลกๆ ลอยออกมา
จากประตูห้องน้ำห้องหนึ่ง


- แม่ง มาแอบสูบบุหรี่แหง่ม – ผมคิดในใจแล้วก็สูดหายใจออกลึกๆ


“เฮ้ย จารย์ xxx (หัวหน้าปกครองที่ขึ้นชื่อว่าเฮี้ยบที่สุด) มาโว้ยย” ผมตะโกนดังลั่นห้องน้ำ ไม่ทันขาดคำ
เสียงดังโครมครามในห้องน้ำ พร้อมกับเสียงประตูเปิดออกอย่างรวดเร็ว มีเด็กสองคนวิ่งแจ้นออกมานอกห้อง
แทบไม่ทัน เผ่นแผล่วไม่คิดชีวิต โดยไม่ทันสังเกตว่ามีผมยืนหัวเราะร่าอยู่ข้างๆ


- เห้อ สูบกันอยู่ได้ เหม็นจะตายห่า - ผมคิดพลางจ่อปริ้นน้อยลงโถฉี่

....

..

“เฮ้ย ใครดูดบุหรี่ในห้องน้ำ”

..

....


ผมย้อนกลับไปคิดถึงเทอมแรกที่ได้มาเรียนอยู่ที่นี่ แล้วก็นึกขำว่า ตัวเองก็เกือบโดน
ลากไปห้องปกครองทีหนึ่งแล้วเรื่องโดนจับได้เพราะลองดูดบุหรี่นี่แหละ ถึงขนาดจำเสียง
ของอาจารย์ที่ว่าได้อย่างแม่นยำ จำได้แม้กระทั่งหน้าโอ้ตตอนที่เปิดประตูมาเจอว่าเป็นผม
ดูดบุหรี่อยู่ ตอนนั้นหน้าผมคงซีดเป็นไก่ต้ม ทำไรไม่ถูกเลยล่ะมั้ง แต่โอ้ตมันก็ไม่เอาเรื่อง
ผม แถมยังไปเอามือถือที่โดนยึดมาคืนให้อีกตะหาก


โอ้ตยอมให้ผมมาตลอดทุกเรื่องเลย ...


ออกจากห้องน้ำแห่งความหลัง ก็เดินมาเรื่อยๆ ผ่านสระมรกต ผ่านอาคาร 5 ผมยิ่งเดินไปรอบโรงเรียน
ภาพความหลังมันก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น ทุกๆที่มันเหมือนประทับเอาความทรงจำดีๆไว้มากมาย แต่ก็
แปลกที่ว่า เรื่องราวที่ผุดมาทีละนิด มันไม่ได้ทำให้รู้สึกเศร้าเลยแม้แต่น้อย ยิ่งนึกถึง ก็ยิ่งมีความสุข


ผมไม่ได้รู้สึกอยากย้อนเวลากลับไปอีกหรอกนะ เพราะผมรู้สึกว่า ตอนที่ได้อยู่ที่แห่งนี้ ผมได้ทำทุกอย่าง
ในสิ่งที่อยากทำมาหมดแล้ว ได้มีทุกๆอย่างหมดแล้ว มีเพื่อนรัก แล้วก็คนรักที่ดีที่สุด ผมเดินไปก็ยิ้มไป
ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากเก็บความรู้สึกแบบนี้ไปนานๆจัง

.

.


< - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - >
.

.

“อ้าว ทำไมกลับมาไวจัง ยังไม่สี่โมงเย็นเลย” ผมกลับมาถึงก็เห็นแม่กำลังเปิดประตูจะเอารถเข้าบ้าน


“วันนี้มีประชุม แม่ก็เลยออกมาก่อน” แม่ตอบหน้าตาเฉย


“ไรเนี่ย โดดประชุมเหรอ เป็นครูนะเนี่ย” ผมว่าแล้วก็เดินไปช่วยเปิดประตูอีกด้านนึง


“ชั้นก็ขี้เกียจบ้างซิ - - ว่าแต่นี่ออกไปไหนมาล่ะ” แม่ถามโดยที่ไม่รอคำตอบ เข้าไปนั่งในรถแล้วก็ขับ
เข้าบ้านไป ปล่อยให้ผมยืนปิดประตูอยู่คนเดียว


“จะถามทำซอกตึกทำไมฟ่ะ” ผมบ่น หลังจากปิดประตูบ้านเสร็จ ก็รีบเดินเรื่อยๆเข้ามาถึงบ้าน ก็ได้ยิน
เสียงแม่โหวกเหวก


“นี่ บอกว่าให้จัดการขนของไปไว้บ้านเจ้าโอ้ต แล้วนี่ทำเหรอยังเนี่ย” แม่ผมแวดใส่


“เออน่า รู้แล้วน่า” ผมบอกแบบติดรำคาญหน่อยๆ เดินเลี่ยงเข้าประตูห้องไป ว่าจะกลับมานอนพักหน่อยตู
ต้องมาขนอะไรเนี่ย


หลังจากคิดว่า ถ้าไม่ทำตอนนี้คงไม่ได้กินข้าวเย็นแน่ๆ ก็เลยรีบจัดการยกกองหนังสือไปไว้บ้านโอ้ต


“ป้าเล็กคับ จะให้ยกไปวางไว้ไหนอ่ะ” ผมถามป้าที่เปิดประตูมารับ


“เอาไว้ในห้องโอ้ตก็ได้ลูก ขอบใจมากนะปริ้น” ป้าเล็กยิ้มให้ แล้วก็จัดการไปเปิดห้องโอ้ต
ผมยกอยู่ประมาณ 5-6 เที่ยวได้ ถึงกับหอบแฮ่ก


“ปริ้น เดี๋ยวรื้อพวกเสื้อผ้าในตู้ที่ไม่ได้ใช้แล้วออกมาให้แม่ด้วยนะ ที่โรงเรียนเค้าจะเอาไปบริจาคหน่ะ”
เสียงแม่ดังมาจากห้องครัวแต่ไกล


ผมยกมือปาดเหงื่อที่ไหลมาเป็นทาง นี่ขนาดหน้าหนาวนะเนี่ย ไม่เห็นจะหนาวเลยว้อย ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด
แต่ก็ขี้เกียจบ่นคับ เพราะบ่นกับแม่ ก็แพ้อยู่ดี เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องบ่น ผมก็จัดการรื้อพวกเสื้อผ้าเก่าๆ
ที่ไม่ได้ใช้บ้าง ไม่เคยใช้บ้าง ส่วนมากก็เป็นเสื้อนักเรียนอ่ะคับ


“เอ้า เสร็จเหรอยัง จะได้ขนไปใส่รถ ” แม่เปิดประตูห้องเข้ามาซัก


“นี่แม่ยังจะเอารถไปใช้พรุ่งนี้อีกเหรอเนี่ย !! ” ผมถามด้วยเสียงสูงเล็กน้อย


“ทำไมเหรอ ? ชั้นจะใช้บ้างไม่ได้เหรอ ? ” แม่ผมถามเสียงสูงกว่า


“เป่านี่ - - อ่ะ เสื้อ” ผมยกถุงเสื้อผ้าที่ใส่อย่างลวกๆให้ไป


“ยกไปใส่ท้ายรถซิยะ - - นี่แม่แกนะ” แม่เอ็ด


ผมทำหน้าตึงเล็กน้อย


“ค๊าบๆ”


“อ้าวแล้วตัวนั้นล่ะ ไม่เอาไปด้วยเหรอ” แม่ผมชี้ไปที่เสื้อนักเรียนเก่าๆตัวนึงที่วางแยกเอาไว้บนเตียง


ผมสั่นหน้า “ เก็บไว้เป็นที่ระลึก”


“ลูกคนนี้พิลึก” แม่บอก แล้วก็เดินไปเปิดกระโปรงหลังรถให้


“มีไรจะใช้อีกมั้ยคับคุณนาย” ผมพูดประชดแม่ไปนึงดอก แม่ก็ตีหลังผมดังตั้บ


“ไม่มีแล้วยะ - - พูดแบบนี้แม่ไม่ปลื้มนะ” แม่บอก


“อืม เมื่อกี้ว่าจะบอกอะไรนะ ดูซิลืมเลย” พูดพลางทำหน้าคิด


“งั้นแม่นึกได้แล้วตามไปบอกที่ห้องปริ้นนะ จะนอนซักงีบ” ผมบอกแล้วก็เดินย้อนกลับห้องไป


“นี่ เย็นแล้วยังจะนอนอะไรให้ตะวันทับตาอีก” เสียงแม่ตะโกนมาไวๆ แต่ผมก็ปิดประตูห้องไปเรียบร้อย แล้วก็เดิน

มาหยุดที่ที่เตียงนอนที่มีเสื้อนักเรียนวางแผ่อยู่ เสื้อตัวนี้เป็นตัวซื้อมาแล้วผมก็ได้ใส่แค่ครั้งเดียว เป็นตัวที่ใส่ไปโรงเรียนในวันแรก แล้วก็จัดการเก็บเข้าตู้ไปเลย เพราะอะไรอะเหรอ


ก็เพราะว่าอักษร พ.บ. ที่ปักอยู่ตรงหน้าอกเสื้อนั่นแหละ ดูก็รู้ว่าเป็นงานแฮนด์เมดที่ปักเสร็จภายในคืนเดียว
อย่างแน่นอน ผมเลื่อนมือไปลูบเส้นด้ายสีน้ำเงินที่ปักลงบนเสื้ออย่างหยาบๆ เหมือนจะรู้สึกได้ถึงความตั้งใจ
ของคนที่ทำให้ในคืนนั้น


บรื้นนนนน เสียงเปิดประตูหน้าบ้าน พร้อมกับเสียงรถกระบะของลุงสนขับเข้ามา ผมก็ชะโงกหน้าไปดูทาง
หน้าต่าง แต่ก็ไม่เห็นว่ามีใคร เลยกลับมาใส่ใจกับเสื้อต่อ ตอนนั้นไม่รู้อะไรดลใจก็ไม่ทราบ เลยค่อยๆแกะ
กระดุมเสื้อนักเรียน แล้วก็เอามาสวมเข้ากับตัว ผมเห็นตัวเองอยู่ในกระจกแล้วก็นึกขำ


-เฮ้อ หน้ากูไปแล้วซิเนี่ย ชุดนักเรียนยังไม่สามารถช่วยได้ - -‘’ เหอๆ - คิดไปคิดมา ก็ล้มตัวลงนอนทั้งชุดนั้น
เลย


- ขอหลับซักตื่นหนึ่งเหอะ ง่วง... –


.

.


ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #65 เมื่อ27-10-2006 12:06:26 »

ฮือ... บลูใจร้ายอีกแล้ะ  :serius2:

ทำไมมันเศร้าๆ นักก้ไม่รู้ ไหนบอกไม่เศร้างัยบูล  :pigangry2:

อืมมม  :confuse:

ัมันก็ไม่เศร้านะ แต่เหงามากกว่าอะ  :impress:

 
อยากกลับไปตอนเป็นเด็กอีกจัง


เฮ้อ คิดแล้ว...:seng2ped:


ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #66 เมื่อ27-10-2006 20:55:43 »

อืม  หลงเข้ามา  เพิ่งตามอ่านจบอะ  คนแต่งเก่งจัง  เขียนได้ดีเลยนะคะ  แต่บางตอนแบบ แฮะ แฮะ  ไม่คุ้นอะ มากเกินกว่าที่คิด หุหุ 
แต่อยากอ่านต่อแย้ววว  เรย์มาต่อให้หน่อยจิ   :impress:

ออฟไลน์ no-reply

  • เซียนเป็ด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-2
    • blog พันทิป
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #67 เมื่อ27-10-2006 23:01:33 »

ตกลงจะเศร้าหรือเหงาน้อ หมูพูห์ มาม๊ะ เด่วเรย์จะปลอบ  :give2:

ไอ้ตอนที่ว่า ชอบหรือไม่ชอบกันแน่ครับ  :kikkik:
ผมอ่านมาเป็นปีแล้วจำไม่ได้เหมือนกันว่าตรงไหนเอิ้กๆ  :angellaugh2:

แต่ทำจายดีๆนะครับ เรื่องกำลังเข้มขึ้นเรื่อยๆ   :impress3:










**********************************************************
ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆ


-โอ้ย ครายมาเคาะประตูว้า คนกะลังนอน- ผมคิดในใจ มือก็ควานหาผ้าห่ม ตอนนั้นนึกว่าตัวเอง


เข้านอนเรียบร้อยแล้วอีกตะหาก ทั้งๆที่นอนอยู่ในชุดนักเรียนแอ๊บแบ้ว


ก๊อกๆๆ


“อื้อออ ... ” ผมครางในลำคอ แต่ก็ไม่มีทีท่าจะลุกไปเปิด แต่ก็พอจะรู้ว่ามีคนเปิดประตูเข้ามาแล้ว


“อีก 5 นาทีน่าแม่” ผมบ่นเสียงอู้อี้ เพราะนึกว่าเช้าแล้ว


“ลุกไปกินข้าวได้แล้วปริ้น” อ้าวไม่ใช่เสียงแม่กูนี่หว่า


ผมผวาลุกขึ้นมาโดยอัตโนมัติ แต่เป็นเพราะว่าห้องมันยังไม่ได้เปิดไฟ ทำให้หัวยังหมุนติ้วๆ พอสายตา
เลยคุ้นชินกับสภาพห้องแล้วเท่านั้นแหละคับ ถึงกับช็อค


“อ..โอ้ต” ผมพูดแต่เหมือนกับเสียงมันออกมาแค่ลำคอ มันกลับมาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย หรือว่าที่ลุงสนกลับมา
เหมือนตอนเย็นคือไปรับโอ้ตจากกรุงเทพมาวะ แล้วทำไมปีนี้มันถึงกลับมาล่ะเนี่ย ทำมาย ทำมาย ในขณะ
ที่กำลังจับต้นชนปลายไม่ถูก โอ้ตมันก็เดินไปเปิดไฟให้สว่าง


คราวนี้ชัดเลย ไอ้โอ้ตชัดๆ ไม่ใช่ผี อย่างที่รู้ๆกันว่า ตั้งแต่งานศพพ่อผมตั้งแต่ตอนนั้นมาถึงตอนนี้ก็เกือบ
6 เดือนที่ไม่ได้เจอมัน หน้าใส หุ่นดีขึ้นเป็นกอง มาดเป็นเด็กเภสัชเด้งพลวดออกมาเลยทีเดียว พอเห็นผม
ทักด้วยเสียงแปลกๆ โอ้ตก็ยิ้มหน้าเจือนๆบอกไม่ถูก


“จะทุ่มหนึ่งแล้ว คุณยายท่านให้ตามไปกินข้าวเย็นที่เรือนใหญ่น่ะ” โอ้ตบอก บ้าชะมัด เวลา 6 เดือนที่ผ่านมา
มันแทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยเหรอไง พอมาเจอโอ้ตในตอนนี้ ผมแทบจะทำอะไรไม่ถูก เหมือนมีก้อน
สะอึกขนาดใหญ่มาขวางกลางลำคอยังไงยังงั้น พูดไม่ออก ทำตัวไม่ถูก (เคยเป็นกันมั้ยเวลาเจอแฟนเก่า หึหึ)


“อือ” ผมตอบได้แค่นั้น แล้วก็พยุงตัวลุกขึ้น


“เออ .. ”


“อะไร ? ” ผมมองหน้ามัน


“ไม่เปลี่ยนเสื้อเหรอ” มันมองมาด้วยสายตางงๆ ทำให้ผมรู้ตัวว่า ตอนนี้กูใส่อะไรอยู่เนี่ย อายชิบหาย กูทำอาราย
ไม่น่าเลย ฮื้อๆ


“อ่อ คือ - -” ผมรีบถอดเสื้อนักเรียนที่ใส่ออกอย่างรวดเร็ว ขว้างใส่ตู้เสื้อผ้าปิดดังปัง


“ไปก่อนเหอะ เด๋วขอล้างหน้าล้างตาก่อน ไม่ต้องคอยหรอก ” ผมบอกโอ้ต ที่จริงก็ไม่ได้ตั้งใจ แต่ดูเหมือนเสียง
ที่ผมพูดออกไปกลับฟังดูแข็งๆยังไงชอบกล จนโอ้ตมันดูหน้าเสีย แต่ก็หันหลังปิดประตูกลับไป


- เฮ้อ ... เอาไงดีวะกู ทำตัวไม่ถูกเลย- ผมคิดในใจ แล้วก็เดินไปล้างหน้า ไม่อยากให้มันเห็นเราในสภาพนี้
เลยพับผ่าซิ กลัวมันหัวเราะอยู่ในใจจัง คิดแล้วผมก็ถอนหายใจอีกที แต่ทำไมต้องไปแคร์ด้วยล่ะวะ


ประมาณ 10 นาทีได้ ก็เดินออกมาขึ้นเรือนใหญ่ ระหว่างขึ้นก็ได้ยินเสียงหัวเราะครึกครื้นเครง เหมือนมีคน
อยู่กันเยอะแยะไปหมด พอเดินขึ้นไป ก็พบคนที่ผมไม่ค่อยคุ้นหน้าอยู่ 3-4 คน นั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะกินข้าว
ยายกับแม่ผมก็นั่งร่วมวงกันอยู่ด้วย


“เอ้า ปริ้นมากินข้าวเร็ว พี่ๆเค้าแย่งกินกันจนจะหมดอยู่แล้ว” ยายยิ้มเรียกผมให้ไปนั่งที่โต๊ะ


“ - - วันนี้กินกันหลายคนหน่อยนะ เพื่อนเจ้าโอ้ตเค้าลงมาเที่ยวกัน ”


“เพื่อนพี่อยากมาเที่ยวทะเลอ่ะ อยู่เหนือไม่มีทะเล” เสียงโอ้ตบอกผมขำๆ แต่ผมไม่ขำด้วย


“- - นี่น้องเรา ชื่อปริ้น” โอ้ตแนะนำตัวผมในฐานะน้องชาย (?)ให้เพื่อนๆเค้ารู้จัก แล้วก็หันมาหาผม


“ปริ้นนี่พี่ฟาง” โอ้ตชี้ไปทางผู้หญิงที่ดูท่าทางเด็กเรียนเรียบร้อยคนนึง


“หวัดดีคับ” ผมยกมือไหว้


“สวัสดีคะ” พี่ฟางยิ้มให้


“พี่แนน ”


“หวัดดีคับ”


“ดีคะ ”


“นี่พี่น้อต” โอ้ตแนะนำให้รู้จักผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆพี่แนน


“คับ”


พี่น็อตยิ้มพยักหน้าให้ แล้วก็เหลือคนสุดท้ายที่ผมพอจะคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บ้างเล็กน้อย ทั้งๆที่
อยากจะลืมก็ตามที


“แล้วนี่พี่เต” โอ้ตบอก


“สวัสดีครับ” ผมเผลอพูดซึ่งดูออกจะเต็มยศต่างจากคนอื่นไปซักหน่อย


“สวัสดีคับ” พี่เตบอกแล้วก็ยิ้มให้


พอแนะนำตัวอะไรกันเสร็จ ผมก็เดินไปนั่งกินข้าว ยอมรับว่าเป็นมื้อที่กินแล้วอึดอัดที่สุดในชีวิต
ก็ว่าได้ ได้เจอโอ้ตก็ว่าตกใจแล้ว ไม่คิดว่ามันจะพาแฟนใหม่กลับมาด้วยนี่ซิ แล้วด้วยความซวย ทำไม
ไอ้เตนี่ต้องมานั่งข้างๆผมด้วยวะ


ผมกินข้าวไปได้แค่ครึ่งจานก็รู้สึกว่ากินไม่ลงแล้ว ผะอืดผะอมพิลึก เลยจัดการวางช้อนส้อม แล้วก็
ทำท่าจะกินน้ำ


“น้องปริ้นอิ่มแล้วเหรอครับ” พี่เตถาม เมื่อเห็นว่าผมจะเลิกกินแล้ว


“ครับ” ตอบเสร็จ ผมก็รีบเลื่อนเก้าอี้ แล้วก็เดินลงจากเรือนใหญ่ทันที จริงๆแล้วทั้งโอ้ต ทั้งเพื่อนๆเค้า
ก็กินกันตามปกตินั่นแหละ ไม่ได้มีทีท่าจะเอาอกเอาใจอะไรกันเป็นพิเศษ แต่บอกตามตรงว่าผมเห็น
สองคนนี้แล้ว ทำให้คิดถึงภาพที่ผมเห็นตอนที่เค้าเอาอกเอาใจกันที่เชียงใหม่คราวนั้นชัดเจน


ปั้งงง


ประตูห้องถูกผมปิดด้วยความแรง มันควบคุมอารมณ์ไม่อยู่จริงๆคับ มันอึดอัดจนอยากตะโกนออกมา
แต่ก็ไม่สามารถทำได้ สุดท้ายแล้วก็มีแต่เพียงหยดน้ำตาที่ค่อยไหลรินออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ผมทรุดตัว
ลงเบาๆกับพื้นห้อง ทั้งที่ผมคิดว่าพอเข้าใจโอ้ตแล้วแท้ๆ ตั้งแต่ผมได้อ่านไดอะรี่ของมัน ทำให้รู้ได้ว่า
ความรักที่โอ้ตมีให้กับปิง กับความรักที่มีโอ้ตมีให้กับผมมันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน ...อ่านจบ ผมร้องไห้
ให้กับความรักของเค้าทั้งสองคน โอ้ตกับปิงเป็นความรักที่สดใส บริสุทธิ์ เป็นตัวของตัวเอง แต่กับผม
มันช่างแตกต่างกันอย่างบอกไม่ถูก แล้วถ้าโอ้ตไปเจอคนที่คิดว่าใช่ที่โน่น คนที่มันจะได้แสดงตัวตน
ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ผมก็ไม่น่าจะต้องฉุดรั้งมันไว้เลยนี่นา ทั้งที่ผมคิดได้แล้ว แต่พอมาเจอเค้าทั้ง
2 คนอยู่ด้วยกัน ผมกลับทำใจไม่ได้


- เย็นไว้ ไอ้ปริ้น ฮะ ฮึกก ย ...เย็นไว้ - ผมนึกเตือนตัวเองในใจให้หยุดสะอึกสะอื้นซะที


- ก.. กลับไปคุยกะโอ้ตให้รู้เรื่องซะ - จิตใต้สำนึกผมเตือน - - จะได้ไม่ต้องมีอะไรค้างคาใจกันอีก


สมองสั่งให้ขาผมก้าวออกจากห้องนอนตัวเอง เป็นเวลาเดียวกันกับที่โอ้ตเดินเข้ามาในบ้านพอดี อะไรจะ
ประจวบเหมาะขนาดนั้น ดูเหมือนโอ้ตมันจะชะงักไปเหมือนกันที่เห็นผมเดินออกมาจากห้องพร้อมกับ
รอยคราบน้ำตา


“.. ปริ้น โอ้ตเดินเข้า”มาจับตัวผมไว้ แต่ผมก็ผละออกมา


“ว่างมั้ยโอ้ต” ผมถามพลางรีบปาดน้ำตา “- - ออกไปคุยอะไรกันข้างนอกบ้านหน่อยดิ อยู่ในนี้เด๋วแม่กลับมา
จะไม่สะดวก” ผมบอก แล้วก็เดินออกไปรอโอ้ตที่ม้านั่งนอกบ้าน ซักพักโอ้ตก็เดินมาหา แต่ก็ยังยืนนิ่ง
รอให้ผมพูด


“พี่เตน่ารักเนอะ ? ” กลับกลายเป็นว่าเหมือนผมพูดประชดไอ้โอ้ตซะอย่างงั้น ทั้งๆที่ตอนแรกไม่ได้คิด
จะพูดคำๆนี้ขึ้นมาเลย


โอ้ตหน้าเจือนขึ้นมาทันที แต่ก็พูดอะไรไม่ออก ค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ทีละน้อย แต่ก่อนที่มันจะเข้ามาถึงตัวผม


“โอ้ต ... - - ส..สัญญาที่เคยให้ไว้ ร....เราขอมันคืนได้มั้ย” ผมบอกเสียงค่อนข้างสั่น ไม่ใช่เพราะอากาศหนาว
ข้างนอกนี้ แต่มันสั่นออกมาจากข้างในต่างหาก


“อ...โอ้ตจะได้ไม่ต้องลำบากใจ เพราะ....เราอีก” ผมพูดไปอย่างยากลำบาก คำแต่ละคำที่ออกจากปากไปเหมือน
กับจะละลายหายไปกับอากาศ เมื่อโอ้ตเหมือนจะไม่สนใจฟังในสิ่งที่ผมพูด เมื่อมันเดินเข้ามาโอบกอดผมไว้
แน่น


“อย่าพูดแบบนี้ ปริ้น อย่าพูด.....โอ้ตไม่อยาก - - ฮึกฮืก” โอ้ตก้มหน้าซุกลงมาที่ไหล่ผม พลางสะอื้นเบาๆ
มันทำให้ผมเขื่อนแตกตามไปด้วย ทั้งหยั่งงั้น ผมก็เอามือลูบหลังโอ้ตเบาๆเหมือนจะปลอบ ทำไมผมต้อง
กลับกลายเป็นปลอบมันด้วยวะ ทั้งๆที่ตัวเองก็เศร้านะว้อย


“ มันอาจไม่ดีตั้งแต่แรกแล้วก็ได้ที่เราคบกัน ” ผมกระซิบที่ข้างหูโอ้ตเบาๆ สองมือกอดตัวโอ้ตไว้แน่น
ตัวมันใหญ่ขึ้น หนาขึ้น แล้วก็อบอุ่นขึ้นกว่าครั้งที่ผมกอดมันครั้งล่าสุด แต่ตอนนี้โอ้ตกลับตัวสั่นระริก


“- - ต... แต่ ปริ้นก็ไม่เคยเสียใจเลยนะ ฮึก อ .. โอ้ตทำให้เรารู้ว่า รักมันเป็นยังไง” ยิ่งผมพูด น้ำตามันก็ยิ่งไหล
มากกว่าเดิม แต่ทำยังไงได้ ....


“อะ.. โอ้ต รักปริ้นนะ” โอ้ตพูดเสียงอู้อี้อยู่ตรงข้างไหล่ผม สองมือกอดแน่นขึ้นจนรู้สึกเจ็บ


“- - ข ... ขอโทษนะ ปริ้น - - โอ้ต ฮึก อึก โอ้ต ขอโทษขอโทษที่รักษาสัญญาไม่ได้”


ผมค่อยๆเลื่อนตัวโอ้ตให้หันมามองหน้า พร้อมกับยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่หยดติ๋งๆไม่ขาดสาย


“ไม่เป็นไร.. จริงๆนะ ดีแล้ว ที่โอ้ตรู้ใจตัวเอง” ผมพูดไป ก็พยายามจะไม่น้ำตาไหลแข่งกับมันไป เฮ้อ
ลำบ้าก ลำบาก


“- - ยังไง ปริ้นก็เป็นน้องโอ้ตอยู่วันยังค่ำ” ผมค่อยๆเอามือลูบหัวมันเหมือนกับที่โอ้ตเคยปลอบ
ผมเวลาโยเย โอ้ตยิ้มให้ผมทั้งน้ำตา ดูท่ามันจะค่อยผ่อนคลายความตึงเครียดไปบ้าง สายตาที่
มันจ้องผ่านดวงตาของผมเหมือนจะค้นหาความในใจอะไรบางอย่าง พร้อมๆกับที่มันยกมือมาจับ
ที่หน้าผมไว้ แล้วก็ค่อยๆบรรจงแตะริมฝีปากกับปากผมอย่างแผ่วเบา แล้วก็ถอนออก


“ข.. ขอโทษ” มันว่าแล้วก็ค่อยๆดึงตัวออกไป


“กลับเข้าบ้านเถอะ” ผมบอกมัน เพราะนี่ก็คุยกันนานพอสมควรแล้ว “อีกอย่างพรุ่งนี้โอ้ตมันก็ต้อง
ขับรถพาเพื่อนไปเที่ยวโน่นเที่ยวนี่อีก”


พอผมแยกจากโอ้ตที่ก็กลับเข้าไปในบ้านมันแล้ว ก็เจอแม่นั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขก โชคดีไป
เพราะไม่งั้นต้องเห็นหน้าลูกชายเต็มไปด้วยคราบน้ำกาม เฮ้ย น้ำตาแน่ๆ


“หายไปไหนมาล่ะ”


“ออกไปนั่งคุยไรกะพี่โอ้ตนิดหน่อยอ่ะ ”


“แล้วพรุ่งนี้จะไปเที่ยวกับโอ้ตเค้าด้วยมั้ยล่ะ” แม่ถาม


“คงไม่ล่ะ อยากนอนมากกว่า” ผมบอกแล้วก็ขอตัวกลับเข้าห้องตัวเองไป พอเข้าห้องได้เท่านั้นล่ะ
ผมทรุดลงไปกองอีกรอบเลย ถึงจะพยายามทำตัวเข้มแข็ง พูดกับโอ้ตไปแบบนั้นก็เหอะ แต่ใจจริงๆ
ผมก็ยังคงรักมัน ขาดมันไม่ได้อยู่ดี สุดท้ายก็ได้แต่ต้องมานั่งร้องไห้คนเดียว เห้อ อนาถจังกู


ก๊อก ๆ ๆๆ


“ค๊าบ” ผมขาน เพราะนึกว่าแม่มาเคาะประตู แต่กลับเป็นไอ้โอ้ตคับที่มาเสนอหน้าอยู่


“อะไร ? ” ผมถามพลางหลบสายตา แบบว่าไม่อยากให้มันรู้ว่าผมมาฟูมฟายกะตัวเองอีกรอบ


“มาขอนอนด้วย” มันอ้อมแอ้มบอก


“ทำไมอ่ะ ? ”


“ที่บ้านโอ้ต พวกนั้นมันนอนกันเต็มแล้ว” มันว่า


“แล้วทำไมไม่นอนกับแฟนล่ะ” ว่าแต่ทำไมผมต้องพูดประชดด้วยวะ


“ไม่รู้ ” มันพูดแล้วก็เบียดตัวเองเข้ามาในห้องเลย “- - เฮ้ย ยังไม่ได้บอกให้เข้ามาเลย”


“เดี๋ยวนี้ต้องขออนุญาตเข้ามาแล้วเหรอ” มันพูดแล้วก็ยิ้มให้ ท่าทีเศร้าๆที่อยู่ข้างนอกหายไปไหนหมดวะ


“ก็ใช่ดิ ก็ตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว” ผมบอกมัน พลางจับแขนมันให้ออกไป แต่ด้วยความที่
มันตัวใหญ่กว่าอย่างเห็นได้ชัด กลับเป็นฝ่ายดึงตัวผมล้มลงไปบนที่นอนแทน แล้วมันก็เสือกขึ้นมา
นอนกอดตัวผมไว้


“ยังไง ปริ้นก็เป็นน้องชายสุดที่รักของโอ้ต ” มันพูดแล้วก็กอดผมแน่นยิ่งกว่าเดิม จนผมหมดแรงที่จะดิ้น
สาธุ ขอให้แฟนมึงเปิดมาเจอ


“อือมั้ง” ผมว่าทำเป็นไม่พอใจ


“อย่ามั้งซิ” มันว่าพลางเอามือมาจี้เอวผมซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์


“เฮ้ยยยย โอ้ยย โอ้ต ไอ้โอ้ต - - ”


มันจี้เสร็จก็รวบตัวผมไว้เหมือนเดิม แล้วก็หัวเราะ ก็เหมือนทุกที มันเอามือมาขยี้หัวผมตามแบบที่
มันชอบ


“ปริ้น ไม่เจอกันตั้งนาน รู้มั้ย ว่าน่ารักขึ้นมากเลย - - ไม่เกรียนเหมือนเมื่อก่อนแล้วด้วย” มันเอามือมาไถๆที่หัว


“พูดมากน่า - - จะนอนได้ยัง” ผมพูดกลบเกลื่อนความอาย


“อืม นอน” มันพูดเสร็จก็เอื้อมมือไปปิดสวิตไฟ


“ปริ้น ... ”


“ฮือ? ”


“ขอโทษนะ ... ” มันเอามือมาจับที่มือผมกำไว้


“อือ ... ” ผมบีบมือมันให้รู้ว่าเข้าใจ ซักพักนึงก็ได้ยินเสียงมันกรนเบาๆ อาจเป็นเพราะว่าเดินทางมาทั้งวัน
ก็ได้มั้งเลยหลับเร็ว จนผมแน่ใจว่ามันหลับสนิทแน่แล้ว ก็หันกลับไปหามัน แล้วก็เป็นฝ่ายซุกเข้าไปซบ
ที่หน้าอก


ลมหนาวที่พัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างทำให้ผมยิ่งต้องขยับตัวเข้าแนบชิดคนข้างๆมากขึ้น ไออุ่นจากตัวโอ้ต
ยังทำให้รู้สึกเชื่อมั่นว่า ยังไงโอ้ตก็ไม่มีวันที่จะทิ้งผมไปแน่


“อ..โอ้ต - - น้องชายคนนี้ก็รักพี่โอ้ตมากเหมือนกันนะ”
.

.

.

.

by staying power

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #68 เมื่อ28-10-2006 04:40:19 »

ซึ้งอะ  ว่าแต่เรื่องนี้มันจบไปแล้วใช่ปะ หรือว่ายังไม่จบอะคะ  ต่อเรยยยย  รออยู่  อิอิ  :impress:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #69 เมื่อ28-10-2006 10:19:05 »

เอ่อ... บลู มันจะหนักกว่านี้มั้ยอะ

แบบว่า...

บอกไม่ถูกอะ... :confuse:

เหมือนเคยเจอกะตัวเองยังงัยไม่รู้อะ

เหงาจางงงงงงงง  :onion_asleep:







มาต่อไวๆ นะคับ

ปล.

เพลงเพราะจัง เข้ากะบรรยากาศนะ ขอบคุณครับบลู

พูห์








ปล. อีกที

ลืมตอบ...

ชอบนะเรย์ ชอบมากครับ

พูห์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-10-2006 18:37:21 โดย หมูพูห์ »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
« ตอบ #69 เมื่อ: 28-10-2006 10:19:05 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






zsama

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #70 เมื่อ28-10-2006 12:19:00 »

อ่านรวดเดียวจนถึงตอนล่าสุด...ตาปูดแข่งกันปริ้นซ์เลย  แต่เพราะไม่ได้นอนง่ะ...ง่วง

ขอหมกเม็นต์ไว้รอตอนจบดีกว่า....จะได้รู้ว่าตัวเองจะยังนึกไม่ชอบโอ๊ตอยู่อีกหรือเปล่า....

 :impress: อ่ะแหม่...ไอ้เรามันก็คนชมรมรักพระรองอยู่ด้วย (โดยเฉพาะพระรองละครเกาหลี)

ออฟไลน์ no-reply

  • เซียนเป็ด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-2
    • blog พันทิป
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #71 เมื่อ28-10-2006 22:37:44 »

**************************************************************************************************


มูมู่น้อย  เรื่องยังไม่จบครับ ผมยังไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไปเลย คาดเดาไม่ได้  :really2:
หมูพูห์ เรื่องนี่ยังแค่พึ่งเริ่มต้นความเศร้าเองครับ รุนแรงกว่านี้หลายเท่าตัวครับ  :impress3:
คุณหลวงศรีฯ  ชอบใครหล่ะครับ ท่าทางจะมีพระรองหลายคน เรื่องยังไม่จบง่ายๆหรอกครับ ลองเดามาสิครับเพื่อจะตรงใจกับผม  :yeb:

.
.

ผมรู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีก็เป็นตอนสายแล้ว ที่นอนที่มีคนอยู่ข้างๆเมื่อคืนกลับว่างเปล่า
สงสัยจะตื่นไปเที่ยวกันแล้วมั้ง ผมคิดในใจพลางปิดขี้เกียจบนที่นอน กลิ่นโอ้ตยังติดอยู่
ที่หมอนบางๆ ทำเอาใจลอยไปไกล ก่อนที่จะต้องสลัดความคิดนั้นออกไป


“ปริ้น ....เจ้าปริ้นตื่นเหรอยังลูก?” เสียงป้าเล็กดังอยู่หลังประตู


“ตื่นแล้วป้า” ผมตะโกนตอบไป


“ป้าให้เจ้าโอ้ตไปซื้อปาท่องโก๋กับนมมา รีบขึ้นไปกินบนเรือนใหญ่นะจ๊ะ เดี๋ยวเค้าจะ
ออกไปกันแล้ว” ป้าเล็กเอิ้นบอกก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านตัวเองไป ป้าคงไม่รู้ว่าผม
ไม่ได้ไปเที่ยวกะเค้าด้วย


พอผมเดินขึ้นไปบนเรือนใหญ่ก็เจอพวกเพื่อนๆโอ้ต นั่งกินกันเอร็ดอร่อยกันเลยทีเดียว
เห็นโอ้ตกำลังเดินแจกปาท่องโก๋เพิ่มกันคนล่ะตัวสองตัว


“อ้าว ปริ้น มานั่งนี่มา รีบๆกินเดี๋ยวเหนียวหมด” โอ้ตบอกแล้วก็เลื่อนเก้าอี้ให้ ซึ่งก็ให้
นั่งตรงข้างๆพี่เตอีกแล้ว อะไรวะเนี่ย


“เอากี่ชิ้นดีครับ ” พี่เตถามผม เพราะว่าถุงปาท่องโก๋อีกถุงอยู่ใกล้ๆ เค้า ทำไมวันนี้ดูหน้าซีดๆ


“3 ตัวก็ได้ครับ - - ขอบคุณคับ” ผมบอกแล้วก็ไหว้ทีนึงหลังจากที่พี่เค้าหยิบมาใส่จานให้
แล้วก็ทำท่าจะหยิบน้ำเต้าหูมาใส่แก้วให้อีกตะหาก เป็นคนดีจริงนะ ! แต่ ...- -


“เต - - ปริ้นไม่กินน้ำเต้าหู้ ” เสียงโอ้ตบอกพี่เต ทำเอาชะงัก แล้วโอ้ตมันก็หยิบถุงโอวัลติน
ร้อนมาเทใส่แก้วให้แทน


“ขอบใจ”


“น้องปริ้นไม่กินน้ำเต้าหู้เหรอครับ อร่อยนะ มีประโยชน์ด้วย” พี่เตบอก ผมก็สั่นหน้า


“ไม่อ่ะคับ ผมเลือกกินของที่ชอบมากกว่าของที่มีประโยชน์มาก่อนอ่ะคับ ”


นิสัยเป็นงี้จริงๆ


ผมบอกเค้าแล้วก็รีบยัดๆของกินเข้าปาก อยากไปไหนก็ได้ไกลๆแถวนี้จังวะ หงุดหงิด
ยังไงก็ไม่รู้ที่ต้องมาคอยปั้นหน้าทำเป็นไม่รู้สึก ไม่รับรู้อะไร ทั้งๆที่ใจไม่ได้รู้สึกแบบนั้น
แล้วยิ่งพี่เตอะไรนี่มาคอยทำดีกับผม ยิ่งรู้สึกอึดอัดเข้าไปใหญ่


“กินเสร็จแล้วรีบไปแต่งตัวให้ไวเลยนะ ” โอ้ตบอก


“อะไร ? ”


“ก็เนี่ย เดี๋ยวพวกพี่ๆ เค้ากินกันเสร็จแล้ว ก็จะไปเที่ยวกันแล้ว ”


“แล้วไง ? ”


“แล้วปริ้นไม่ไปเหรอ” โอ้ตขมวดคิ้ว


“อืม ก็ไปเที่ยวกับเพื่อนๆเหอะ ขี้เกียจออกจากบ้าน” ผมว่า แล้วก็เดินลงมาจากเรือนใหญ่
มาเล่นกับหมาข้างล่างดีกว่า .... ( ผมคงไม่ได้บอกว่า ที่บ้านนี้เลี้ยงหมาไว้ประมาณ 4-5 ตัว
ได้ จากเดิมที่ยายเลี้ยงไว้ 3 ตัว แล้วตอนผมย้ายมาที่เพชรฯก็ขนหมามาด้วยอีก 2 ตัว)


“ซีซ่า ... ” ผมตะโกนเรียกไอ้หมาอ้วนพันธุ์โกลเดนรีทริปเวอร์ ซักพักมันก็วิ่งดุ๊กๆ มาเลียมือ
แล้วก็มาพันแข้งพันขา มันคงรู้แหละว่าอารมณ์ผมไม่ค่อยดี ด้วยสัญชาตญาณ


“หูย ไมอ้วนแบบนี้เนี่ย ... ลุงสนไม่พาไปวิ่งข้างนอกอะดิ โหย ไอ้อ้วน” ผมพูดพลางลูบไล้
ขนสีน้ำตาลออกแดงที่เป็นมันอย่างชื่นชม ถึงแม้จะอ้วน แต่ก็ดูดีมีชาติตระกูล


“เน่ ..ทำไมเมื่อวานคนที่มาๆกัน แกไม่กัดพวกนั้นมั่งวะ ”


“ปริ้น ไม่ไปแน่เหรอ ” เสียงโอ้ตตะโกนมาจากรถกระบะลุงสน


“เออ” ผมตอบกลับไปเชิงรำคาญ ไม่ไปก็ไม่ไปเซ่ !! ซักพัก ก็ได้ยินเสียงเปิดประตูแล้วก็เสียงรถ
ค่อยๆเคลื่อนออกไป เห้อ ออกไปได้ซะที่ กูจะได้กลับขึ้นไปกินต่อ ยังไม่อิ่มเลย คิดแล้วก็ละทิ้ง
หมาอ้วนเดินขึ้นไปบนเรือนใหญ่อีกครั้ง


“ยาย มีอะไรกินบ้างอ่ะ” ผมทัก


“เมื่อกี้ยังกินไม่อิ่มอีกเหรอ เห็นเดินลงไปก็นึกว่าอิ่มแล้ว” ยายบอก “- - เหลือแต่น้ำเต้าหู้ 2 ถุง”


“แหวะ - - งั้นไม่เอาอ่ะยาย เหม็นจาตาย กินแล้วอยากอ๊วก ” ผมว่าพลางทำท่าอาเจียน


“มาอ้งมาอ๊วกอะไรกัน ของดีๆมีประโยชน์” ยายผมว่า แล้วก็เทน้ำเต้าหูถุงนึงลงแก้วมาดื่มเอง


“แหม ยาย มันก็ใช่ว่ามีแค่น้ำเต้าหู้ที่มีประโยชน์อย่างเดียวนี่นา - - กินอย่างอื่นแทนบ้างก็ได้หรอก”


“ยะ .. ” ยายเชิดใส่ แล้วก็หันไปดื่มต่อโดยไม่สนใจ ผมรู้แล้วล่ะว่า แม่ติดคำๆนี้มาจากใคร

.


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2007 20:19:48 โดย b|ueBoYhUb »

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #72 เมื่อ29-10-2006 17:46:49 »

โห.. เอามาต่อกระปิดกระปรอย  ใจร้ายยยย   ต่อเลยน้า  อยากอ่านอะ นะนะ  :impress:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #73 เมื่อ30-10-2006 11:46:58 »

เหอ เหอ :untrust:

actboyz

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #74 เมื่อ30-10-2006 14:39:06 »

รีบ ๆ มาต่อนะ รออ่านอยู่
จะลงแดงอยู่แย้วอ่า... (เอ๊ะ ! อันนี้ดูเว่อร์ไปแฮะ เหอ ๆ แต่เอาเปงว่ารออ่านอยู่นะ ชอบมาก ๆ)
 :impress:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #75 เมื่อ30-10-2006 15:55:30 »

~YO_OY~ ผมชื่อเรย์อ่ะครับ หมูพูห์ก็ต้องคู่กับภูมิสิครับ ถ้าเป็นอย่างที่โยบอก งี้โยก็ต้องรอพี่โบ้แล้วหล่ะ  :pigha2:

มูมู่น้อย  แหงะก็เห็นอ่านกันไม่ทันนี่น่า รอให้ลงชื่อกันครบแล้วผมจะต่อนะครับ นี่เหลือขุนหลวงศรีอีกคนแหนะ แต่อ่ะๆต่อให้ก่อนก็ได้  เอิ้กๆ

หมูพูห์  งอนโยหรือ  :interest:

actboyz ยินดีได้รู้จักครับ ชื่อไรครับ อ่านทันแล้วหรือครับ
***********************************************

.

.

ติ้ดดด ติ้ดดดดดดด ติ้ดดดด


“ว่าไงซัง” ผมรับมือถือ


“กลับมาเพชรฯแล้วนา ” มันบอก


“เอ้า จิงดิ ไหนว่าจะมาวันพรุ่งนี้ไง” ผมถามแต่ในใจก็ดีใจอะนะ “- - แต่ช่างเหอะ ขับรถมารับ
ที่บ้านหน่อยเด๊ เซ็ง”


“เป็นไรเซ็ง ... ”


“เอาน่า เด๋วจะเล่าให้ฟัง” ผมบอกพลางเร่งให้มันขับรถที่บ้านมันจากในเมืองมาชะอำ ก็ประมาณ 30 นาที
ก็ถึงถ้าเป็นรถส่วนตัว


“ไอ้คิวอ่ะ ? ” ผมถามเมื่อเห็นซังวนรถเข้ามาจอดในบ้าน เห็นมันมาคนเดียว ปกติเห็นตัวติดกันตลอด


“วันนี้มันมีสอบมิดเทอมอีกตัว พรุ่งนี้แหละถึงมา - - ว่าแต่มีเรื่องไรเซ็ง ไหนบอกมาดิ๊” ไอ้ซังสมกะเป็น
เพื่อนซี้จริงๆ เห็นหน้าผมปราดเดียวก็รู้ เลยชวนมันเข้าไปนั่งคุยกันในบ้าน


“ซังอยากเห็นหน้าไอ้เตอะไรนี่จัง ” ซังพูดเสียงฉุนๆนิดหน่อย เห็นปกติเข้าข้างไอ้โอ้ตอยู่นิมึง


“เด๋วพรุ่งนี้ถ้าโอ้ตมันพาเพื่อนไปโรงเรียนก็คงได้เจอล่ะ” ผมว่า “- - วันนี้พวกเค้าไปเที่ยวกัน”


ซังเหลือบมามองผม แล้วก็เอามือมาตบบ่า


“เอาน่า ปริ้น - - ซังก็ผิดหวังในตัวพี่โอ้ตเหมือนกันหว่ะ - - ผู้ชาย(?)ไม่ได้มีคนเดียวในโลกเว้ย”


“อยากให้ไอ้คิวมันลองไปมีชู้ดูมั่งจัง จะพูดแบบนี้ได้เป่าน้า” ผมล้อ


“เหอๆ ลองดูซิ จะเขวี้ยงระเบิดให้บ้านบึ้มเลย ”


“โหดนะเนี่ย แต่เทรนดี้ดี ”


“แล้วนี่ให้ซังขับรถมาถึงนี่ คงไม่ใช่ว่าแค่มานั่งฟังอยู่แค่นี้หรอกนะ ” มันว่า


“เออ ... กลับมาบ้านยังไม่ได้ออกไปไหนเลย (นอกจากไปโรงเรียน) ไปเดินเล่นสวนสนฯกัน”
ผมว่า


“หาดชะอำใกล้ๆก็มี ทำไมไม่ไปเดินฟ่ะ ” ไอ้คิวบอกแล้วก็มองดูนาฬิกาข้อมือ “- - ไปเดินตอน
เที่ยงๆเนี่ยนะ ดำตายห่า”


“กลัวอะไรวะ กะอีแค่ดำ” ผมบอกมันพลางฉุดมือให้ลุกขึ้นไปที่รถ แต่ผมเป็นฝ่ายขับเอง เพราะ
มันไม่ค่อยคุ้นเส้นทาง ผมก็ขับไปตามเส้นทางสายเก่าคับ เส้นหัวหิน ไปเรื่อยๆ ก็คุยเรื่องที่
เจอไอ้กรณ์แล้วก็เล่าเรื่องที่มันเล่าวันก่อนให้ฟัง


“ซวยของไอ้กรณ์ มีที่บ้านแบบนี้ ” ซังบอกแล้วก็ส่ายหน้าเป็นเชิงไม่เห็นด้วย


“- - ซังยังนึกภาพไม่ออกเลย ว่าไปงานแต่งมันนี่จะดีใจหรือเสียใจกะมันดี เฮ้อออ”


ผมหัวเราะแบบฝืนๆ


ขับเรื่อยๆ ประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงครับ เนื่องจากวันนี้เป็นวันธรรมดาแถมเป็นหน้าหนาวอีกตะหาก
หาดทรายเบื้องหน้า แถมมีทิวต้นสนอยู่รอบๆ จึงดูว่างเปล่าจากผู้คน เหมือนเป็นชายหาดส่วนตัว


“หูย ลมแรงได้ใจ” ซังว่า แล้วก็รีบกลับไปหยิบเสื้อกันหนาวจากในรถมาสวม


“ไม่ใส่เสื้อ(กันหนาว)เหรอปริ้น เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก ลมแรงขนาดนี้ ”


“ไม่อ่ะ ” ผมบอก แล้วก็ทรุดตัวนั่งลงบนพื้นทราย แม้ว่าจะเป็นตอนกลางวัน แต่เนื่องจากยังเป็นฤดูหนาว
อยู่ จึงมีเพียงแต่ลมที่พัดตึงๆเข้าใส่ มองไปเบื้องหน้า ท้องทะเลที่คลื่นค่อนข้างจะสูงอยู่พอสมควร


“ห้าววว ... อากาศน่านอนชะมัด” ซังบอกผม แล้วก็ทรุดตัวลงนอนข้างๆ


“เมื่อคืนหนักไปหน่อยเหรอวะ” ผมแซว


“บ้าดิ แม่ง ปริ้นทะลึ่งหว่ะ ” ไอ้ซังคว้าใบสนยาวๆแถวนั้นได้มาตี (ชาตินี้มันจะเจ็บมั้ย)


ผมนั่งทอดอารมณ์ไปเรื่อยๆ คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย โดยมีซังนอนอยู่ข้างๆ ซักพัก ก็ได้ยินเสียง
กรน สงสัยเมื่อคืนจะหนักจริงแฮะ ผมยังคงนั่งมองทะเลเบื้องหน้าอยู่เงียบๆ คนเดียว จนรู้สึกว่า
ตัวเองก็ลุกขึ้นยืนทำไมไม่ทราบ สายตายังคงมองทอด(ใกล้ไหม้เต็มทน)ไปยังท้องทะเลเบื้องหน้า
ขาก็ค่อยๆก้าวไปข้างหน้าอย่างอ้อยสร้อย


พอขาข้างนึงโดนน้ำทะเล ก็รู้สึกความเย็นจัด แต่ก็ยังไม่หยุดก้าวเดินไป ในสมองผม
ดูเหมือนจะโล่งว่างไม่มีอะไรในหัว รู้สึกแต่เพียงว่า ต้องเดินไป เดินไป เดินไป จนระดับน้ำ
ค่อยๆท่วมสูงขึ้นมาถึงบริเวณหน้าอก คลื่นสูงระดับหัวพัดเข้ามาอย่างจัง ทำเอาสำลักน้ำทะเล


กึก ..


!?


ผมเริ่มรู้สึกตัวว่า ทำไมถึงเดินมาไกลถึงขนาดนี้ แต่ก็ดูเหมือนจะสายไปซะแล้ว คลื่นลูกต่อมา
ในระดับ 2 เมตรพัดข้ามหัวจนผมเห็นเป็นกำแพงน้ำมหึมาพัดเข้ามากระแทกตัวอย่างจัง


โครมมมมม


“แค่กกก แค่กกกก” คราวนี้รู้สึกว่าตัวเองถูกพัดให้ล้มลงจนทำให้จมลงไปอย่างช่วยไม่ได้ ผมพยายาม
ทะลึ่งตัวเองให้โผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำได้สองครั้ง ก็จมลงไปอีก เพราะว่าคลื่นแรงมาก


ซ่า .... ตู้มมมม


“อุ๊บบบ ค่อกกกก .....!!! ”


ผมโผล่หัวขึ้นมาได้อีกครั้ง มองไปที่ฝั่งก็พบว่า ทำไมโดนพัดออกมาไกลขนาดนี้ได้ คลื่นอีกลูกก็พัดเข้า
ใส่หน้าจนแสบตาไปหมด ตัวผมเหมือนโดนดูดลงไปสู่ก้นทะเล ...


-ไม่นะ ผมยังไม่อยากตาย...-


- ผมจะมาตายแบบนี้ได้ไง !? -


“แค่ก แค่กก แค่ก” คิดได้ดังนั้น ผมรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีกระชากตัวเองออกจากวังน้ำที่ดูดผมอย่าง
เอาเป็นเอาตายให้ลงไปยังเบื้องล่าง


“แค่ก ... ซ .. ซัง ช...ช่วย - -” โครมมมมม


โอ่ย ไม่สำเร็จ ! ผมเอาตัวเองขึ้นไปไม่ได้ - - จะมาตายแบบนี้ได้ไง (ผมเป็นพระเอกของเรื่องนะ
ถ้าตายไปแล้ว เรื่องก็ต้องจบนะเซ่ !? ม่าย... จบแบบนี้ไม่ปลื้ม !! )


จิตใต้สำนึกชักจะเลื่อนลางลงเต็มทน ในพะวังนั้น มีอีกหลายเรื่องที่ผมยังไม่ได้ทำ มีอีกหลายอย่าง
ที่ผมยังไม่ได้เริ่ม มีใครอีกหลายคนที่ผมรัก แล้วก็ยังไม่อยากจากพวกเค้าไป ก่อนที่สติของตัวเอง
จะหลุดลอยไปนั้น ก็รู้สึกว่ามีมือใครซักคนมาคว้าคอผมเอาไว้ แล้วดึงขึ้นไปเหนือผิวน้ำ


แค่ก แค่ก แค่กกกก


“ปริ้น ทำใจดีๆเอาไว้ ” อ่า เสียงไอ้ซังคับ กูนึกว่ามึงจะตื่นมาตอนขึ้นอืดซะแล้น แต่ตอนนั้นไม่มีอารมณ์
แล้วก็แรงจะพูดแบบนี้หรอก ไอ้ซังค่อยๆลากตัวผมขึ้นไปนอนกองอยู่ที่ชายหาด ลมพัดแรงมากขึ้นจน
ผมลืมตาไม่ขึ้น ได้แต่หายใจครืดคราด เหมือนน้ำจะเข้าไปท่วมปอดยังไงยังงั้น


เพี้ยะ ไอ้ซังตบหน้าผมเบาๆคับ แล้วก็เรียกชื่อตลอด แต่แรงที่จะพูดจะทำอะไรตอนนี้เหมือนโดนดูด
เข้าไปในทะเลหมดแล้ว


“ปริ้น ตื่นดิ ตื่น” มันเรียกนึกว่าผมสลบอยู่ กูตื่นนานแล้ว


“อ้ายปริ้น ตื่น”


เพี้ยะ ๆๆๆ มันยังตีเข้าที่แก้มผมไม่หยุด แล้วมันก็เอื้อมมือมาบีบจมูกไว้คับ ไม่พูดพล่าม
ทำเพลง เอาปากมันมันประกบปากผมทันที พ่นลมเข้ามาดัง พรื้ดดดด


“แค๊กกก แค่กกกกก อ๊อกกก ... ” ผมกระเด้งตัวขึ้นมาได้ไงก็ไม่รู้ ซังมันเห็นผมฟื้น(?) ขึ้นมาได้ก็โผเข้ามากอด
ทันที


“ไอ้บ้าเอ้ย นึกว่าจะตายห่าแล้วซะอีก - - ฮะ ฮือ - - ลงไปทำบ้าอะไรวะ ไอ้บ้าปริ้น” มันกอดไปร้องไห้ไปพลาง


“ฮ.. เฮ้ย เมิง จา ร้อง ไห้ ทาม ไม” ผมค่อยๆพูดทีละคำกอดมันตอบ


“- - ก็รู้สึกตัวขึ้นมา อีกที ก็เห็นแค่หัวลอยอยู่ในทะเลโน่นแล้ว ไอ้บ้า มึงจะตามไอ้โสไปอีกคนเหรอไง”
มันไม่พูดเปล่ากอดตัวผมซะแน่นเชียว


“แค่ อยาก ลง น้ำ แค่ น้าน เอง” ผมตบหลังเบาๆ


“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกเข้าใจมั้ยวะ” มันกลับมาจ้องตาเขม็ง


“ระ รู้แล้ว น่า ปริ้น ยาง ม่าย อยาก ตะ ตายหรอก - - แต่ ตอนนี้ โคด หนาว เลยวะ ” ผมพูดไปปากก็สั่นไป
เพราะว่าชุดตัวเองตอนนี้เปียกปอนไปหมด แถมลมก็พัดไม่หยุดหย่อน


“เออ ๆๆ กลับๆๆ” ซังบอกผม แล้วก็ค่อยพยุงตัวไปที่รถ


กลับมาถึงบ้านตอนเย็นๆ ผมถึงกับนอนซมกันเลยทีเดียว โชคดีแม่ยังไม่กลับจากโรงเรียน
ซังเดินไปหยิบยาให้ผม


“ขอบใจหว่ะ ”


“อย่าทำอะไรห่ามๆอีกนะ สติสตางค์อ่ะให้อยู่กับเนื้อกับตัวมั่ง”


“อืม ” ผมรับปากแล้วก็รับยากลืนลงคอไป “- - สอนยังกะเป็นพ่อเลย”


“ไงก็รีบๆนอนแล้วกัน เดี๋ยวซังกลับแล้ว ดูแลตัวเองดีๆนะ ” มันว่า


“เออ ไม่ต้องห่วงหรอก แล้วพรุ่งนี้เจอกันที่โรงเรียน”


“เป็นห่วงนะเว้ย” ซังยื่นหน้ามาบอกผมอีกรอบ


“อืม ”


แล้วเย็นนั้นผมก็หลับยาวเพราะว่าไข้ขึ้น จนไม่รู้สึกว่าไอ้โอ้ตมันกลับมาตอนไหน หรือว่าทำอะไร
บ้าง ดีจัง


.

.







ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #76 เมื่อ30-10-2006 16:26:43 »

เฮ้ออออออ   :confuse:

ชอบทำให้อยากแล้วจากไปนะเรย์ :serius2:

เชอะ  :laugh:



ปล. ไม่ต้องโบ้ยภูมิมาให้ผมเลยนะครับ

ผมไม่อยาก...

พูห์

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #77 เมื่อ30-10-2006 18:01:20 »

อีกแล้วววววว   ตกลงเรย์จะมาลงให้วันละตอนชิมะ  หลอกให้เราเข้าทู้นี่ทู๊กวันอะดิ   มาดูหมูพูห์ เรย์ แล้วก็โยโย่  ยัดเยียดอีตาภูมิให้กันอะ  หุหุ   :kikkik:

มาต่อเรยยยยยยยย  ให้ไว ให้ไว  แบบมันขาดตอนแล้วลืมอะ   ตอนเมื่อกี้ไม่อยากบอกว่านั่งนึกนะนั่นนะว่าซังนี่มันเป็นใครวะ ลืมซะงั้น  จำได้แต่น้องโค๊ก  เหมือนน่ารักดี   :give2:

zsama

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #78 เมื่อ31-10-2006 03:35:16 »

//กลับมาจากการอัพไฟล์โหลดไฟล์กระจุยกระจาย//

ฮัดเจ๊ยยยยย์....
' ใครนินทาวะ...'   หลวงศรีฯ คิดในใจ...และเมื่อมองขึ้นไปตรงข้อความเมื่อ: 30 ตุลาคม, 2006, 02:55:30 PM

เห็นคนคิดถึงจนทนไม่ไหว....คุณหลวงศรีฯ เลยแอบดีใจเล็กน้อยถึงปานกลางเนื่องจากกรงออกนอกหน้าไปเดี๋ยวเก๊กแตก....แล้วจึงเดินไปยืนเอามือไขว้หลังอมยิ้มมองดูอ่างบัวตรงบริเวณชานเรือน....


"คิดถึงก็บอกสิจ๊ะ....บลู...."

//ต้องหยอดนอกห้อง...หยอดในห้องที่จัดไวสีชมพูนั้น....มันไม่มันส์เฟร้ย//



"รักโอ๊ต...รักมว้ากกกกกกกกกกกเรยย์....."   สังเกตุได้จากไอค่อน >>

  "ทำปรินซ์เจ็บ...ระวังตัวไว้ดี ๆ นะยะ....."   คุณหลวงศรีฯ องก์ชะนีลงทรง  บอกทั้งบลูทั้งโอ๊ต 

"ระวังชั้นจะตามไปตบด้วยจูบ"   ..... :kikkik:



ปล.  ถ้าบลูอยากได้เพลงประกอบละคร...ลอง ๆ ถามมาได้เน้อ...เผื่อคุณหลวงมี....
ปล ของ ปล. (ใครมันพาเขียน ปล. แบบนี้เป็นคนแรกหว่า  :confuse:)  ระวังเน้อ....โพสต์ช้า ๆ เนี่ย....เดี๋ยวจะแต่งเรื่องมาแข่งซะ (ทั้งที่ชีวิตมันไม่เคยรักใคร(จริง) - ไม่เคยมีใครมารัก(จริง)เลย....เศร้าเนอะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-10-2006 03:45:42 โดย คุณหลวงศรีฯ »

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #79 เมื่อ31-10-2006 08:00:05 »

หมูพูห์  ป่าวนะถ้าอยากจริง เรย์รออยู่นะ กร๊ากกกกกกกกกก

มูมู่น้อย  คิกคิก งี้ต้องรอให้พิมพ์อ่านทวนอีกรอบก่อน เอิ้กๆ รู้ทันเราเลยแหะๆก็เค้าอยากเจอมูมู่ทุกวันนี่น่า

คุณหลวงศรีฯ  แหงะอ่านช้าแล้วมาโทษผมอีกเอิ้กๆ จะตบจูบผมผมชอบๆๆ แต่ต้องทนหน่อยนะ เพราะผมชอบตีเข่า เขย่าศอกเวลาเขิน
ขอเพลงประกอบซีรี่ส์เกาหลี when a man love a women หน่อยครับ
ที่เป็นเพลงช้า ตอนนางเอกสีแชลโล่อ่ะครับ ไม่รู้จักชื่อเพลง แหะๆ
ตอนนี้กำลังอิน หือหือ วันๆนั่งร้องไห้ตาบวม
http://thaiboylovestory.ueuo.com/webboard/index.php?topic=397.0

ลงให้แค่นี้ก่อนนะ รีบๆๆ

***********************************************************************************
 [wma=300,50]http://mywebpage.netscape.com/stayingpowersea/sad10.wma[/wma]

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-11-2006 22:58:22 โดย b|ue B[o]Y hUb »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
« ตอบ #79 เมื่อ: 31-10-2006 08:00:05 »





ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #80 เมื่อ31-10-2006 08:07:12 »

*******************************************************************************************************************

เช้าวันรุ่งขึ้น ผมตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่นอยากบอกไม่ถูก (หรือเป็นเพราะกินน้ำทะเลมากไป)


“อ้าว วันนี้ตื่นได้นะ ” แม่ทักเมื่อเห็นผมเดินออกมา “- - แล้วไข้ลดแล้วเหรอ”


“ดีขึ้นแล้วแม่ ไม่ตัวร้อนแล้วด้วย” ผมบอก แล้วก็เดินไปเปิดตู้เย็นหาไรกิน


“นี่ แม่ต้มโจ้กให้อยู่ในหม้อแล้ว” แม่ผมบอกอย่างรู้ทัน ว่าเมื่อคืนยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง


“ขอบคุณค๊าบ ร๊ากแม่เจงๆ” ผมว่าแล้วก็รีบเดินไปตักโจ้กใส่จาน


“แม่ๆ เด๋ววันนี้ปริ้นขับรถไปส่งแม่ที่โรงเรียนล่ะกัน” ผมว่า “- - จะได้เลยเข้าไปโรงเรียนด้วยเลย”


“ชั้นก็นึกว่าวันนี้จะทำตัวเป็นลูกที่ดี ที่แท้หวังผลจะเอารถไปใช้” แม่ค่อนขอด


“น่านะ แล้วถ้าเลิกเรียนแล้วก็โทรมาหาละกาน”


“กว่างานโรงเรียนเราจะเลิกก็กี่ทุ่มกี่ยามล่ะ แม่ให้ตาสนเค้าไปรับดีกว่า” แม่ผมบอกซึ่งผมก็เห็นด้วย
เป็นอย่างมาก


“ว่าแต่พวกโอ้ตเค้าจะไปงานโรงเรียนด้วยเหรอเปล่า ” แม่ถามพลางเดินขึ้นมานั่งข้างคนขับ


ผมสั่นหน้า


“ไม่รู้ดิ ไม่ได้ถามมัน เอ้ย พี่เค้าเหมือนกัน - - ถ้าไปก็คงไปเองล่ะ รถเค้าก็มีนิ”


ผมตอบแล้วก็สตาร์ตออกรถเข้าเมือง พอเข้าไปในโรงเรียน ซึ่งวันนี้มีซุ้มต่างๆมากมาย การแสดงเพียบ
(ตอนเช้ามีตักบาตรด้วย แต่มาม่ะทัน) ผมนัดกับเพื่อนไว้ตอน 10.00 โมง รู้สึกว่าจะมาก่อนเวลาอื้อเลย


ติ้ดด ติ้ดดด ติ้ดดดดดด


“ว่าไงพี่ปริ้น”


“อยู่ไหนอ่ะ นี่อยู่หน้าองค์พระ” ผมบอกไอ้โค้กให้มาหา เพราะตอนนี้ยืนอยู่โดดเดี่ยวโด่เด่มากๆ


“โทดทีพี่ แต่ตอนนี้ผมไปหาไม่ได้อ่ะครับ ตอนนี้วงมีปัญหาอยู่ ไอ้ต้าร์มันไม่สบาย” มันบอกเสียงเครียด


“อ้าวแล้วทำไงอ่ะ”


“ผมต้องร้องแทนอะซิ ” มันบอก


“ก็ดีอะซิ เกิดๆ”


“เกิดบ้าไร ผมยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย แถมเพลงที่เตรียมไว้ ผมก็ร้องเสียงไม่ถึงด้วย”
ไอ้โค้กโอดครวญ


“อืมๆ งั้นเด๋วพี่ไม่กวนล่ะกัน ไว้จะรอดูตอนแข่งเลย หุหุ” ผมแกล้งทำเสียงสะใจ


“ไม่มีเห็นใจกันมั่งล่ะ” มันพูดเชิงน้อยใจแล้วก็วางสายไป


ผมเลยต้องเดินๆ ไปดูซุ้มน้องๆแต่ละซุ้ม ซุ้มไหนที่พอรู้จักก็ได้กินฟรี สบายใจเฉิบ
ซักพักพวกซัง ไอ้คิว แล้วก็เพื่อนๆห้องผมก็มาถึงกัน เสียงโหวกเหวกโวยวายตาม
ประสาเพื่อนที่ไม่ได้รวมกลุ่มแล้วก็เจอกันมานาน บางคนก็คุยถึงที่เรียน คุยเรื่อง
รูปร่าง หน้าตาที่เปลี่ยนไปทั้งดีขึ้น และแย่ลง คุยกันจนผมเกือบลืมเวลา นี่ก็เที่ยวกว่าแล้ว


“ซังๆๆ ไปหอประชุมกัน” ผมว่า


“ไปไม ? ”


“ไอ้โค้กมันประกวดโฟร์คซอง ไปเชียร์มันหน่อย” ผมว่า


“อ่อออออออออ ” ซังมันทำหน้าแปลกๆ


“ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าไงวะ ? ”


“ไม่มีไร ไปดิ ไม่ได้เจอไอ้โค้กตั้งนาน” มันว่า แล้วก็ชวนไอ้คิวไปด้วย แต่มันไม่ยอมไป
เพราะมัวแต่คุยเรื่องบ้าบออะไรกันอยู่ไม่รู้ ผมเลยมาดูกับซังแล้วก็ไอ้กรณ์อีกคนนึง


“อุ้ยๆๆๆ ดูดิ น้องโค้กร้องด้วยอ่ะ ” ไอ้กรณ์ดูจะเป็นปลื้มจัด


“เอาดอกไม้ไปให้มันด้วยเลยดิ” ผมว่าพลางชี้ไปที่ตรงที่เค้าขายดอกกุหลาบ ไว้ให้วงที่ตัวเองชื่นชอบ


“ไม่ล่ะ เดี๋ยวน้องเค้าเขิน ร้องออกมาไม่ดี” มันพูดเสร็จพลางทำท่ากระบิดกระบวย


ผมยอมรับเลยว่า สิ่งที่โค้กมันกังวลตอนที่โทรคุยกับผมเมื่อเช้า แทบจะไม่ต้องห่วงเลย เพราะทุกเพลง
ที่มันร้อง มันบรรเลงนั้น มีแต่เสียงกรี๊ดกราด ด้วยที่ว่าหน้าตามันออกจะดูดีอยู่แล้ว แถมเสียงมันก็ใช่
ว่าจะห่วยซะที่ไหน ถึงแม้ว่าจะไม่ดีสู้วงอื่นที่เตรียมตัวพร้อมกว่าไม่ได้ แต่ก็นับว่ายอดเยี่ยมแล้วล่ะในสายตา
ผม


กูชื่นชมออกนอกหน้าไปมั้ย ? ผมคิด แล้วก็ชวนซังกะไอ้กรณ์โบกมือเหยงๆให้ มันก็มองมา
แล้วก็ยิ้มดีใจที่เห็นพวกผมมาเชียร์


“มาถึงเพลงสุดท้ายแล้วครับ - - เพลงนี้ ผมขอร้องให้กับคนๆนึง คนที่ผมชอบมาตลอด (พูดถึงตรงนี้มีเสียง
กรี้ดกราดประปราย) แต่ผมก็ไม่มีโอกาสได้บอกกับเค้าซะที - - ”


แล้วก็รู้สึกว่าเหมือนไอ้โค้กมันจะหันมามองทางพวกผม 3 คน ผมรู้สึกแปลกๆเลยหันไปหาว่าจะถามซัง
แต่ปรากฏว่า หันไปเจอซังมันอมยิ้มหันมาทางผมเช่นกัน


“ยิ้มไรวะ” ขนลุก


“ไม่รู้เหรอไง ว่าคนข้างบนนั่นพูดถึง” มันว่า แล้วก็เอามือมากอดไหล่


“ค... คิดไปเรื่อย”


“แหม คุณปริ้นนี่ เด๊ก เด็ก เนอะ ซัง” ไอ้กรณ์เสริม พลางเลียไอติมในมือ


“ไอ้คนที่ว่าคนอื่นเด็กนี่ ยังมีหน้ามายืนเลียไอติมอยู่เหรอไง ? ” ผมบ่นใส่ พอดีกับโค้กก็พูดต่อ


“วันนี้ เค้าอยู่ที่นี่ - - แต่ผมก็ไม่รู้ว่าเค้าจะรู้ตัวเหรอเปล่า - - ” มาถึงตอนนี้มือไอ้ซังที่กอดคอผมอยู่ตบที่ไหล่เบาๆ


“ไม่รู้จริงๆ หรือทำแกล้งไม่รู้ก็ไม่รู้นะ ”ไอ้กรณ์พึมพำ


“- - แต่ผมก็อยากจะบอกว่า ..... ” แล้วมันก็หยุดพูด พร้อมกับเสียงดนตรีจากกีต้าร์โปร่งก็บรรเลงขึ้นมา


“.. ปริ้น ตั้งใจฟังสิ่งที่โค้กมันอยากจะบอกมึงมาตลอดให้ดีๆนะ ” ซังกระซิบบอกขำๆ

.

.

.


“อาจยังไม่เห็น ว่ารักมากมาย

อาจยังสงสัย ผู้ชายคนนี้


อาจยังไม่เห็น สายตา แห่งความหวังดี


แต่เธอก็คงเข้าใจมันสักวัน


.


อาจมีใครๆ ที่เค้าดีกว่า


อาจจะมีคน ที่เธอใฝ่ฝัน


แต่จะมีใคร ให้เธอ หมดใจ ..อย่างฉัน


และมันจะมีให้เธอเพียงคนเดียว

.

.

อยู่มาจนวันนี้ เพื่อเจอ เธอ


จะอยู่เพื่อเธอตลอดไป


จะเอา ความรัก ที่มี เก็บไว้


เพื่อรอคอยวันที่เธอมองผ่านมา


อาจจะมีเวลาที่เธอต้องการ


.


อีกนานแค่ไหน รักนี้ ก็ยังอยู่


อยู่เป็นรักแท้ เพื่อเธอเท่านั้น


ด้วยใจที่พร้อม ให้เธอ จากคน อย่างฉัน


กับวันเวลาที่ยาวนาน .. คงจะพอให้รอเธอ


และคงจะทำให้เธอ ...ได้รู้”

.

.

.


เสียงปรบมือที่ดังกึกก้องทั่วหอประชุมนั้น ในความรู้สึกผมมันไม่ดังเท่ากับเสียงเพลงที่โค้กมันร้อง
เมื่อกี้นี้แม้แต่น้อย ความรู้สึกแปลกๆที่ผมเคยรู้สึกครั้งก่อน มันค่อยๆเริ่มก่อตัวขึ้นมาจนเป็นรูปเป็นร่าง
ผมพอจะเข้าใจแล้ว ว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไร


“นายคิมหันต์ นี่มันร้องเพลงซึ้งถึงขนาดทำน้ำตาหยดเลยนะปริ้น” ซังแซวเมื่อสังเกตเห็นตาผมชื้นๆ

หัวใจของผมที่ดูเหมือนโดนลมหนาวกรีดแทงจนชาด้านกลับอบอุ่นขึ้นมาได้ยังไงนะ ? รู้สึกเหมือนกับว่า
ฤดูร้อนที่ทำให้หัวใจคึกคักพองโต มันจะมาเร็วกว่าที่คาดไว้ซะอีก


ตอนนี้วงไอ้โค้กพากันเดินลงไปหลังเวทีแล้วคับ รอเวลาประกาศผล


ติ้ดดดดตี้ดิดิ้ดดด ตี้ดิดตี้ (เสียง sms) ใครส่งข้อความ
มาตอนนี้วะ ผมคิดแล้วก็เลยกดอ่าน


.

.





ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #81 เมื่อ31-10-2006 10:55:08 »

เรย์ค้าบบบ บีบหัวใจเหลือเกิน

มาต่อไวๆ นะค้าบบบบ :yeb:


ปล.

เหอเหอ

ทู้ข้างบน น่ากัวน๊อะเรย์ สงสัยเราคงจะเป็นกิ๊กต่อกันไม่ได้แล้นอะ :serius2:

พูห์

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #82 เมื่อ31-10-2006 13:04:35 »

อืมมมม ตอนนี้ได้ใจ  เราชอบน้องโค้กอะ  น่ารักกกกกกกกก  อิอิ  :impress2:

เรย์ ไม่อยากบอกเลยว่าเราอ่านสองรอบแล้ว ว้าฮ่าๆๆๆๆๆ  บ้าวะ  :laugh:

 งั้นก็มาต่อให้ไวเรยย  อย่ามัวแต่ไปเป็นกิ๊กกับหมูพูห์ละ  เดี๋ยวอิโยมันหึงนะ หุหุ  :kikkik:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #83 เมื่อ31-10-2006 13:27:39 »

 :oak:    <-------  ให้โย

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #84 เมื่อ31-10-2006 17:04:58 »

เหอๆ อ่านไปได้อย่างสองรอบ นักอ่านตัวยงเลยหรือพิมพ์  :pigscare2:

คิกคิก อ่านเรื่องรักๆไหงมาแย่งกันได้หวา หรือตาพูห์จะกลายเป็นปริ้นไปซะล่ะ  :untrust2:

เอิ้กๆ






ผมยืนตัวชาอ่าน sms ที่โค้กส่งมาให้หลังจากที่ลงไปหลังเวทีแล้ว ถึงแม้ว่าทั้งซัง ทั้งไอ้คิว
เคยจะบอกกลายๆอยู่แล้ว ว่าโค้กมันคิดกับผมยังไง ถึงหยั่งงั้นก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดี พฤติกรรม
ของมันตลอดมาดูเหมือนจะใช่ แต่พอเอาเข้าจริงๆ มันกลับไม่ใช่ .. แต่จนถึงเดี๋ยวนี้ มันชัดเจน
จนทำให้ผมรู้สึกกลัว


เจตนาของโค้กที่มาบอก ร้องเพลงให้ฟัง คือต้องการอะไร ? แค่อยากบอกความรู้สึกให้รู้
หรือว่ามันต้องการจะครอบครองตัวผมกัน ... ผมยอมรับว่ารู้สึกดีกับมันมาตลอด แล้วก็
เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆทุกครั้งที่มันทำอะไรให้ ทุกครั้งที่ได้อยู่ด้วยกัน ทุกครั้งที่มันดีใจ ผมก็
มีความสุขไปกับมัน ทุกครั้งที่มันเศร้า ผมก็เหงาหงอยเป็นห่วงมันเหลือเกิน


แต่ในทุกความรู้สึกนั้น ... ทุกครั้งผมก็คิดว่ามันเป็นน้องเสมอ ผมยอมรับว่ารู้สึกตื่นเต้น
ทุกครั้งที่มันพยายามจะบอกอะไรซักอย่าง และมันก็เต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ
ด้วย ... ผมกลัวว่ามันจะเปลี่ยนไป กลัวว่ามันบอกรักผมแล้ว มันจะไม่ใช่น้องชายคนเดิม
น้องที่ผมรู้สึกดีกับมันในทุกๆครั้งที่ได้อยู่ด้วยกัน


ที่สำคัญ .... ผมรู้สึกว่าตัวเองเริ่มเข็ดกับความรักที่มีแต่ความฉาบฉวยแบบคนรักกันเหลือเกิน


“ปริ้น ....” ผมรู้สึกว่าไหล่ตัวเองสั่น ซังเห็นผมยืนอึ้ง คิดอะไรอยู่นานสองนานจนผิดสังเกต


“เป็นไร” มันถาม


“ม...ไม่เป็นไรอ่ะ เด๋วขอออกไปข้างนอกก่อนนะ” ผมพลวดพลาดเดินออกจากหอประชุม
ด้วยความรวดเร็ว โดยที่ไม่ลืมยัดเอามือถือใส่กระเป๋ากางเกงด้วยความรวดเร็ว ซังกะกรณ์
มองตามด้วยความฉงนว่ามันเป็นอะไรของมัน


ในใจตอนนี้สับสนเหลือเกิน รู้สึกดีใจก็ดีใจอยู่หรอก แต่อีกความรู้สึกที่กลัวอะไรบางอย่าง
ก็อาบไปทั่วร่างเช่นกัน ผมเดินมาจนถึงลานน้ำตกหลังอาคาร 5 แถวนี้คนไม่ค่อยเยอะเท่าไร
จนพอมีที่ให้นั่งจุ้มปุกโดยไม่มีคนมาสนใจ


ผมหยิบเอามือถือออกมาเปิดข้อความดูอีกรอบ


อืม กูไม่ได้ตาฝาด อ่านแล้วตีความผิดจริงๆแฮะ เฮ้อ ..... ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่


“กินน้ำมั้ยพี่” เสียงที่ยังเหมือนไม่แตกเนื้อหนุ่มดีมาพูดอยู่ข้างๆ ผมหันกลับไปด้วยความแปลกใจ
ว่าใครมาทักวะ


“อ้าว มิกส์”


พอเห็นผมทักชื่อมันก็ยกมือขึ้นหวัดดี


“ขอนั่งด้วยคนนะคับ” มันว่าแล้วก็นั่ง พร้อมๆกับยกแก้วน้ำอัดลมที่พึ่งซื้อมาดื่ม


“ไม่ไปดูเพื่อนพี่แข่งร้องเพลงที่หอประชุมเหรอครับ มานั่งที่นี่คนเดียว” มันถามแปลกๆ เหมือนจะรู้
อะไรบางอย่าง


“อ่อ ไปดูมาแล้ว แต่มันร้อนหว่ะ คนเยอะ ผมตอบ - - ว่าแต่เราอ่ะ ไม่ไปหาไอ้ เอ้ย พี่กรณ์เหรอ”
ผมถามมันกลับ


“เจอแล้วครับ แต่ห้องผมขายของกินอยู่ตึกนี้เลยต้องอยู่เฝ้า ไปดูไรไม่ได้หรอก ” มันว่า เสียงเซ็งๆ


ผมก็นั่งแบบอึดอัดเงียบๆอยู่ซักพักนึง เพราะก็ไม่ได้รู้จักไอ้น้องมิกส์คนนี้เท่าไร เจอครั้งแรกก็ตอน
ที่มาโรงเรียนคราวที่แล้ว เลยไม่รู้จะชวนคุยไรดี แถมถ้าไอ้กรณ์มาเห็นกลัวจะหาว่ากูแย่งแฟนเด็ก
มันอีก


“ไม่สนุกเหรอครับ” อยู่ๆมันก็ถามทำลายความเงียบ


“เอ๋ ..!? ”


“ก็เห็นพี่ทำหน้าแบบนั้น ”


ผมยิ้มเจือนๆ แล้วจามายุ่งอะไรกะอวัยวะบนใบหน้ากูด้วยฟ้าาาาา


“มันร้อนอ่ะ ” ผมตอบด้วยมุกเดิม กูรีบเปลี่ยนเรื่องดีกว่า


“แล้วจบม.3 จะเรียนต่อม.ปลายเป่าล่ะ ”


เห็นมันสั่นหน้า


“เรียนไม่ไหวหรอกพี่ - - จบม.3 ก็ดีแล้ว ไปเรียนเทคนิคฯต่อดีกว่า”


“เออ เรียนช่างก็ดีเหมือนกัน มีงานทำเร็ว ”


“พอโตเป็นผู้ใหญ่นี่ก็แย่เนอะ” มันพูดขึ้นมาลอยๆ


“แย่ไง ? ” พอมันชวนผมคุยมากขึ้น ก็ชักจะตามน้ำไปได้แระ “- - มีแต่เด็กๆแม่งอยากโต
เป็นผู้ใหญ่เร็วๆทั้งนั้นที่พี่เห็น”


“ก็ผมเห็นผู้ใหญ่แต่ละคน เวลาจะทำอะไรทีนี่ ต้องคิดอะไรมากมายเหลือเกิน เอาตรรกะโน่นนี่
มาคิดให้ปวดหัวตัวเอง - - บางทีก็ไม่เป็นตัวของตัวเองยังไงไม่รู้” มันว่า


“อ้าว โตแล้วก็ต้องคิดให้มากขึ้นเด๊ะ” ผมสวนกลับ


“จริงง่ะ”


“เออดิ”


มิกส์เอามือประสานท้ายทอยเอนตัวไปข้างหลัง ทำท่าคิด


“เด็กแบบพวกผมไม่เห็นจะต้องไปคิดอะไรให้มันยุ่งยากแบบนั้นเลย อยากทำอะไรก็ทำตามใจ”
มันว่าทำหน้างงๆ


ผมสั่นหน้ายิ้มๆ เฮ้อ เด็กน้อเด็ก ช่างน่าเอ็นดู แต่ก็จริงอย่างที่มันพูดล่ะคนเรายิ่งโตขึ้นก็ทำอะไร
ไม่ได้ดั่งใจตัวเอง อยากจะทำอะไรตามใจตัวเองก็ไม่ได้ ต้องคิดแล้วคิดอีก บางทีก็ได้แต่คิด
แล้วก็ไม่ได้ทำซะที ทั้งๆที่ก็ไม่รู้ว่า ถ้าทำลงไปแล้ว ผลมันอาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดก็ได้


คิดแล้วกูอยากกลับไปเป็นเด็กจัง


มิกส์กระดกน้ำในแก้วจนเหลือแต่น้ำแข็ง แต่ดูเหมือนมันจะพูดมากไปหน่อย เลยทำท่าจะลุก
ไปเติมน้ำเปล่าจากที่กรองน้ำข้างๆตึก แต่ปรากฏว่ามันดันไปเปิดก๊อกน้ำข้างๆลงใส่แก้วแทน
แล้วก็ยกขึ้นมากินเฉยเลย


“กินมั้ยพี่” มันชวน หลังจากเติมน้ำมาจนเต็มแก้วอีก


ผมสั่นหน้า


“ไมไม่ใช่เครื่องกรองน้ำวะ เค้าอุตสาห์ซื้อมาให้ใช้”


“ทำไมต้องใช้ล่ะพี่” มันถาม


“อ้าว ถามแปลก เครื่องกรองน้ำก็มีไว้กรองน้ำไง น้ำจะได้สะอาดๆเวลาจะกิน” มันงงหรือผมมึน


“จะต้องกรองทำไมล่ะคับ ในเมื่อก็รู้อยู่แล้ว ว่าไอ้น้ำที่ออกจากก๊อกมันสะอาดอยู่แล้ว”


“รู้ได้ไงฟ่ะ”


“ก็กินมาตั้งสองสามปีแล้วนี่คับ - - อยู่ๆมันคงไม่เปลี่ยนเป็นน้ำเสียหรอกมั่งพี่” มันว่าขำๆ

“จะกินทีต้องมานั่งเปิดให้น้ำให้มันค่อยๆหยดผ่านรู กว่าจะได้กิน ม่ายไหวๆ” มิกส์ส่ายหัว
“- - แถมรสชาติก็แปร่งๆ สู้น้ำก๊อกก็ไม่ได้”


“5 5 ” ผมนึกเอ็นดูสิ่งที่มิกส์มันพูดไม่ได้จริงๆ (ไม่ได้จะดูเอ็นเลยนะ สาบาน!!)


“หัวเราะอะไรพี่ ”


“ก็ขำเราอะดิ เฮ้อ เป็นเด็กนี่ดีจางงงงง ” ผมว่า แล้วก็หยิบแก้วน้ำขึ้นมาเพ่งพินิจดูซักพัก
ก่อนที่จะยกขึ้นมากินบ้าง


“เหอๆ เป็นไง”


“ก็อร่อยดี”


“น้ำเปล่าจะอร่อยได้ไงเล่าพี่” มันหัวเราะในท่าทีของผม อืม จะว่าไป ผมกะไอ้โค้กก็รู้จักมักจี่
กันมาตั้งสองปีแล้วซินะ ไม่ใช่พึ่งจะมารู้จักกันแค่สองสามอาทิตย์นี่นา


“ก็กินมาตั้งสองสามปีแล้วนี่คับ - - อยู่ๆมันคงไม่เปลี่ยนเป็นน้ำเสียหรอกมั่งพี่” สิ่งที่มิกส์
พูดเมื่อตะกี้ก็ผุดขึ้นมาในหัวอย่างช่วยไม่ได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-11-2006 22:57:38 โดย b|ue B[o]Y hUb »

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #85 เมื่อ31-10-2006 17:31:03 »

น้ำเปล่า ไม่มีรสชาติ แต่ขาดไม่ได้ครับพี่บลู :yeb:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #86 เมื่อ31-10-2006 18:13:16 »

อืม  ความรู้สึกปริ้นนี้ก็ซับซ้อนเนอะ  ใจคนยากแท้หยั่งถึง... ที่จริงคนเราก็ชอบหรือหวั่นไหวไปกับใครได้เรื่อย ๆ แหละ  ถ้ามีคนมารัก มาเอาใจทำไมจะไม่ชอบละเนอะ  จนกว่าจะบอกใจให้หยุดกับใครซักคนนั่นแหละ  ถึงจะทำได้    แล้วปริ้นจะชอบโค้กเปล่าอะ  อยากให้ชอบจัง  เพราะเราชอบโค้กกกกกกก  อิอิ  :-[

เรย์ รออยู่น้า  อย่าให้เราอ่านเป็นรอบที่สามละ  หุหุ เดี๋ยวบ้า  :serius2:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #87 เมื่อ01-11-2006 06:39:35 »

ชีวิตจริงๆ มันยากที่จะบอกว่าขาวเป็นขาว ดำเป็นดำ บางทีแม้แต่ใจตัวเองก็ไม่รู้
ผมอยากจะเชียร์โค้กนะ แต่ไม่อยากจะเศร้าเลยเพราะ
คนเราชอบคนดี เป็นแฟนกับคนเลว และอยู่กับคนรวย
(จริงป่าวไม่รู้ แต่สังคมที่เติบโตมากับวัตถุนิยมนี่เนอะ)  :confuse:
กัวโดงพิมตืบ รีบเอามาให้อ่านโดยเร็ว เอิ้กๆ  :pigha2:

*************************************************************************************
 [wma=300,50]http://www.switchpod.com/users/keepidea/ไม่เสียใจที่รักเธอ.MP3[/wma]


ซักครู่ใหญ่ๆเหมือนกับว่าที่หอประชุมจะประกาศผลแข่งโฟร์คซองไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะเห็น
คนเริ่มทยอยเดินออกมาตามซุ้มต่างๆกัน บางพวกก็รีบเดินไปจับจองโต๊ะในโรงอาหาร เพื่อจะขนไป
ที่กลางสนามบอล เพื่อจะตั้งซุ้มห้องของแต่ละห้อง กินข้าวกันตอนเย็น ผมสงสัยว่าทำไมพวกซัง ถึงรู้
ว่าผมมานั่งอยู่แถวนี้ได้ไงนะ (พูดเหมือนโรงเรียนกว้างปาน 100 ไร่)


“อีคุณปริ้น มานั่งอยู่กับมิกส์ได้ไงฟ่ะ ” เสียงไอ้กรณ์ดังมาแต่ไกล ผมเชื่อว่ามันคงไม่ได้เคืองอะไร
ผมจริงๆจังๆหรอก ไม่งั้นมีตายแน่กู


ผมมองผ่านกรณ์ไป ก็เห็นซังกะไอ้คิวเดินมาด้วยกัน ด้านหลังก็เห็นไอ้เด็กตาหวานหอบกีต้าร์ไฟฟ้า
เดินตามมาต้อยๆ


5 นาทีต่อมา ทั้งหมดทั้งมวลที่พูดถึง ก็มานั่งล้อมวงกันที่โต๊ะหินโต๊ะเดียวกัน มิกส์ย้ายไปนั่งกะไอ้กรณ์
ฝั่งนึง ไอ้คิวกะซังก็นั่งข้างๆด้านนึง มันก็เหลืออีกคนนึงอะเด๊ะ ก็เลยต้องเขยิบให้มันนั่งด้วย ครบคู่เลย
กูทีนี้ - -‘’


มันก็คุยไรโน่นนี่กัน โดยที่ผมกะไอ้โค้กนั่งเงียบกริบ ส่วนใหญ่ก็คุยกันเรื่องผลที่พึ่งประกาศกันไปเมื่อตะกี้
นี่แหละ ก็เป็นอย่างที่คาด ว่าทีมที่ไม่ค่อยพร้อมอย่างไอ้โค้กก็ได้รางวัลชมเชยไปตามคาด (ถือว่าดีแล้วนะนี่)


“อุ้ย น้องโค้กถึงจะได้ชมเชย แต่ก็ได้ที่ 1 ในใจพี่นะ” ไอ้กรณ์พูดปลอบเสี่ยวๆ


“แล้วผมเป็นที่เท่าไรล่ะ ” ไอ้มิกส์แย้งขึ้นมาทำหน้าบูด แล้วก็ทำเป็นลุกเดินออกจากโต๊ะไปเลย สมน้ำหน้า
ไอ้กรณ์แรดนัก


“เออ เดี๋ยวกูไปง้อแฟนเด็กกูก่อนนะ แม่ง ขี้งอนเหี้ยๆ” มันว่าแล้วก็รีบหยิบกระเป๋าสะพายคู่ใจ รีบตามไป
อย่างด่วน


“..............................”


เงียบ ..


“.............................”


“เน่เมิงจะไม่พูดอะไรกันเลยเหรอเนี่ย” ไอ้คิวพูดทำลายความเงียบ แล้วก็จ้องมาที่ผมสองคนกะไอ้โค้ก


“ไรมึงๆ ” ผมถามมันเสียงแปลกๆ


“ซัง กรูชาตินี้กรูจะเห็นมันได้กันมั้ยเนี่ย” ไอ้คิวกระซิบซะเสียงดังเลยนะมึง ผมเห็นไอ้โค้กก้มหน้า
ดูท่าจะเขินจัด ซังมึงรีบหุบรูบนใบหน้าแฟนมึงเด๋วนี้เลยนะ ผมคิดในใจ อยากจะตะบันหน้ามันซะที


จากนั้นความเงียบก็เข้ามาครอบคลุมเราทั้งสี่ นึกบรรยากาศหน้าหนาว แล้วก็มีใบไม้ปลิวผ่านหน้าไป
สองสามใบ


ฟิ้วว ~ ฟิ้ว


ปิ้งงงง !!


“อ่อ กูเข้าใจรำไรและ” ซังว่าพลางเอามือเคาะโต๊ะ “- - แล้วกูกะมึงมานั่งทำซากอะไรอยู่ตรงนี้ฟ่ะ ”
มันหันหน้าไปพูดกะไอ้คิว


“เอ้า กรูอยากเห็นง่ะ”


“แล้วมันจะได้คุยกันมั้ยนี่ - - มึงมากะกูเลยไอ้คิว - - แล้วไงเจอกันที่สนามนะปริ้น” ซังคว้าคอ
เสื้อไอ้คิวจนยืดทำให้มันต้องรีบลุกขึ้นแต่โดยดี


“เมิงจะทำอะไรก็ทำกันนะ ไม่ต้องอาย คนอยู่กันเยอะแยะ” ไอ้คิวกวนตีน แล้วก็เดินตามซังไป


เห้อ กูปวดหัวกะเพื่อนกูเจงๆ ผมคิดแล้วก็หันหน้าเป็นเชิงจะดูอะไรรอบๆแก้เก้อ แต่พอหัน
ไปไอ้โค้กก็ยังนั่งเฉยอยู่ข้างๆผม ไม่เขยิบเปลี่ยนไปนั่งม้านั่งที่ว่างอยู่อีก 2 ตัวล่ะฟ่ะ


“อึ๊ก..”


“..............................”


เงียบ ..


“.............................”


ขวับ ... โค้กค่อยๆยกกีต้าร์ที่เมื่อกี้วางไว้ที่ตักของมัน ไปวางที่ม้านั่งข้างๆ แล้วก็อ้าแขน
ทั้งสองข้างออก ทำทีเป็นบิดขี้เกียจซะงั้น แขนข้างนึงก็พาดมาไว้ด้านหลังตัวผม ซึ่งดูเผินๆ
ก็เหมือนกับว่ามันนั่งโอบผมอยู่อะ เพียงแต่ที่มันพาดแขนไว้เป็นพนักของเก้าอี้


“เฮ้ออออ เมื่อย ” มันพูดขึ้นลอยๆ ทำหน้ามองไปมองมาไม่รู้ไม่ชี้ นี่ๆ มึงจะทำอะไรไว้หน้ากู
บ้างถึงจะจบไปแล้วก็เหอะ แต่ก็ยังมียางอยู่ เด็กบางคนก็มองแว่บนึง บางคนไม่คิดอะไรก็
เฉยๆ


“จะไม่พูดอะไรเลยเหรอ” โค้กถาม


“เออ - - อืม - - เออ ดีจายด้วยนะ ได้ชมเชยก็ยังดีฟ่ะ ” ผมรู้สึกตัวเองพูดอืดอาดขึ้นพิกล เหมือน
ไม่ใช่เสียงตัวเองงั้นล่ะ


“ผมทำให้พี่อึดอัดเหรอเปล่า ” โค้กมันดูกังวล


“ม..ไม่หรอก - - แค่รู้สึกแปลกๆ” ผมว่า แล้วก็หันไปมองมัน


“แปลกยังไงเหรอ” พร้อมๆกับขยับตัวให้เข้ามาชิดทำมายยย


“เออ - -” ผมจะขยับตัวออกห่าง เพราะคงจะดูไม่ดี นี่ในสถานศึกษา อย่ามานาบกัน


“รังเกียจผมเหรอ” เสียงโค้กเศร้าขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด


ผมสั่นหน้าละล่ำละลัก ไม่อยากให้มันเข้าใจผิด


“ม่ะช่าย จะเกียดทำไม ” (เพียงแต่กูทำตัวไม่ถูก)


“งั้นก็ - - แปลว่าชอบใช่มั้ยครับ” สีหน้ามันเปลี่ยนไปเป็นอีกแบบทันที ดวงตาที่ยิ้มได้ของมัน
นี่ทำเอาผมแทบละลาย


“มันก็ไม่ถึงขนาดนั้น” ผมว่าอ้อมแอ้ม เอานิ้วจิ้มกันเองระหว่างมือซ้ายมือขวา(ปัญญาอ่อน)


“แล้วตกลงว่ายังไงกันล่ะครับ” โค้กขยับตัวออกมา ทำเสียงงงๆ “- - ผมไม่เข้าใจ พี่ปริ้นรู้สึก
ยังไงกันแน่อ่ะ”


ผมมองหน้ามันแหยงๆ ตกลงว่ากูอยู่ตรงกลางไม่ได้ใช่มั้ย กูต้องเลือกข้างใช่เป่า สถานการณ์
ในขณะนี้ถ้าไม่เลือกข้าง กูจะต้องถูกหาว่าเป็นคนขายชาติหรอ < - - - ม่ะใช่แระ -_-*


“โค้ก ฟังพี่ก่อนนะ” ผมเปลี่ยนจากหน้าแหยงๆ มาเป็นหน้าคมเข้มทันที ให้รู้ว่ากำลังเอาจริง


“คับ ฟังอยู่” ดูมันจะตื่นเต้นไม่แพ้ผม


“โค้กคิดยังไงกับพี่กันแน่ - - พี่อยากฟังจากปากโค้ก ต...ตอนนี้” ผมตัดสินใจอยากฟังจาก
ปากมันเต็มๆ เพราะเท่าที่ผ่านมาดูมันจะบอกอ้อมไปอ้อมมามากกว่า ตอนนี้คือ now !!
รีบบอกมาก่อนที่กูจะเป็นนิ่ว


“อ..อะ คือ - -” ดูเหมือนคราวนี้มันจะเป็นฝ่ายสะอึกเองซะงั้น


“โค้ก เคยบอกกับพี่ไม่ใช่เหรอ ว่าเคยชอบใครอยู่คนนึง แต่โค้กก็ไม่ได้บอกว่าเค้าเป็นใคร” ผมรีบตอกย้ำ


“- - เคยบอกว่าให้พี่ช่วยวางแผนให้ ว่าจะไปสารภาพรักกับคนๆนั้น แต่ก็ไม่เคยบอกว่า เค้าเป็นใคร ” ตอกอีกดอก


“โค้กทำให้พี่สับสน ว่านายรู้สึกยังไงกับพี่กันแน่” ผมบอกมองหน้ามันเขม็ง (555 ตอนนี้เหมือนถือไพ่
เหนือกว่าอยู่นิดๆ)


ไอ้โค้กมันอึ้งคับ หน้าแดงซ่าน เหมือนกำลังจะตัดสินใจอะไรบางอย่างที่ยิ่งใหญ่เอามากๆ
กูแกล้งเด็กมันหนักไปเป่าวะ


โค้กมันหันเอามือทั้งสองมาจับไหล่ของผมไว้แน่น - - เฮ้ย จะทำอะไร


“พี่ปริ้น ฟังให้ดีๆนะ - - ผ... ผมจะพูดครั้งเดียว ค....แค่ครั้งเดียวนะ” มันกำบ่าผมแน่น หน้าตา
เอาจริงเอาจังมาก จนผมกลัวเล็กๆ ถ้าตอนนี้ให้บรรยายถึงสภาพใบหน้าโค้ก คงจะนึกถึงลูกตำลึง
สุกๆแดงก่ำลูกนึงแน่ๆ ผมไม่แน่ใจว่าเลือดในร่างกายมันสูบฉีดประดังเข้ามาที่หน้ามันหมด
เลยเหรอเปล่าวะ


“ผ...ผมรักพี่นะ ผมรักพี่ปริ้นนะ รัก รัก รัก รักพี่ปริ้น ต...ตั้งแต่ตอนกีฬาสีแล้ว ตั้งแต่ตอนที่เป็นลีด
ด้วยกันแล้วนะ ผมรักพี่นะ ผมไม่เคยรักใคร ... ไม่เคยนอกจากพี่คนเดียว”


ไอ้โค้กพ่นยาวออกมาเป็นชุดเลยคับ น้ำลายกระเด็นเต็มหน้ากูเลยสาดดด


คราวนี้ผมเองกลับเป็นฝ่ายได้อายแทนคับ เพราะมันไม่ได้พูดเบาๆให้ได้ยินกันสองคนซะม่ะไรล่ะ
ไอ้เด็กแถวนั้นประมาณการณ์ได้ว่าอยู่ที่ 20 กว่าคน หันหน้ามามองเป็นทางเดียวกันเลย


หน้าที่ผมคิดว่าตัวเองหนาแล้ว บัดนี้หดติ้วเหลือแค่ 2 เซนฯ อายทั้งคนที่อยู่รอบข้าง ทั้งคนที่อยู่ตรงหน้า
ไอ้โค้กดูไม่เหลือความอายแล้วมั่งนี่ (มึงยังต้องเรียนต่ออีกตั้ง 3 เดือนนะ!!!)


“แล้วพี่ปริน ....- - คิดยังไงกับผม ” มันถามกลับ


“เออ - - เฮ้ย มาถามอะไรตอนนี้”


“พ...พี่ปริ้น ไม่ต้องเกรงใจผมหรอก ไม่ต้องสงสารผมด้วย - - ผมแค่อยากรู้ ว่าพี่ .. พะ พี่”


บรรยากาศรอบตัวผมรู้สึกได้ถึงความมาคุขึ้นมาได้ทันที นอกจากสายตาของไอ้โค้กที่อยู่ข้างหน้าแล้ว
สายตาอีกนับยี่สิบคู่ก็เพ่งรอฟังคำตอบจากผมอยู่


- จะสนใจเรื่องของกูไรกันมากมาย- ผมคิดในใจ


“ข...ขอเวลาพี่อีกแป็บได้มั้ยอ่า” ผมพูดเสียงอ้อน เพราะตอนนี้บอกกับมันไม่ถูกจริงๆ


“มาขอเวลาผมทำมั้ย พี่ไม่รู้ใจตัวพี่เองเหรอ !!? ” มันพูดจนผมสะอึก


“แว๊กกกกกกก ..... อย่าพึ่งคาดคั้นนนนน” ผมรีบลุกเผ่นวิ่งแน่บออกจากตรงนั้นแบบไม่คิดชีวิต
ผมคิดอะไรไม่ออก แต่ก็จริงอย่างที่โค้กมันว่าอะล่ะ ทำไมตอนนี้ผมไม่รู้ใจตัวเองเหรอ ...


สองเท้าผมโกยแน่บแบบไม่ยอมให้ใครตามทัน ผมหันหลังกลับไปมองตาแทบถลนออกมา
เพราะเห็นไอ้เจ้าตัวการวิ่งตามผมมาติดๆ พร้อมกับแบกกีต้าร์มันมาด้วย


ห่า กูลืมไปว่ามันเป็นนักบาสฯ มึงไม่เจ็บขาแล้วเหรอ ??


“เฮ้ยยยย ... อย่าขี้โกงหนีมาเซซซซซซซซซซ่ กะแง่งงง !? ”


-โอ้ย กูจะโดนมันฆ่ามั้ยย-


.

.

.

.

.

.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-11-2006 07:44:02 โดย b|ue B[o]Y hUb »

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #88 เมื่อ01-11-2006 09:43:15 »

บลูค้าาาบบบบ ถ้าพูห์เป็นปริ้นท์ แล้วบลูจะเปงใครดีครับ :confuse:

แบ่งกันกะโยนะครับ อย่าแย่งกัน ได้ทั้งหมด :laugh:


ปล.

มาตอไวๆนะครับ รออยูค้าาาบ :o

พูห์

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #89 เมื่อ01-11-2006 13:22:08 »

ตอนนี้อึดอัดนิดหน่อย  ตกลงนี่ปริ้นไม่รู้ใจตัวเองว่างั้น  เฮ้อ... 

หมูพูห์เป็นปริ้น  ชิ ใจง่ายละซิ  :untrust:

เรย์พูดเหมือนโค้กไม่ใช่  ใช่ปะ  ฮือ ฮือ  จริงอะ  อีกอย่างไม่เข้าใจที่เรย์ตอบ ซะงั้น  "คนเราชอบคนดี เป็นแฟนกับคนเลว และอยู่กับคนรวย"  คือ ไอ้สามอย่างนี้มันไม่ได้ไปด้วยกันเลยนะ  หุหุ  ก็ถ้าชอบคนดี แล้วจะเป็นแฟนคนเลวได้ไง  แล้วคนรวยมาจากไหน  นั่นแหละ   แต่จริงแล้วคนเราชอบคนที่น่าค้นหามากกว่า  บางคนเลยชอบคนเลวไง  มันไม่จืดชืดนะ  อิอิ   

ไปละ  อย่าลืมมาต่อนะคะ  รออยู่  มาทุกวันเรยยยย  ติดแล้วงะ   :impress:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด