บ้านพักอลเวง
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: บ้านพักอลเวง  (อ่าน 362134 ครั้ง)

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #90 เมื่อ01-11-2006 13:30:45 »

ไม่ได้ใจง่ายนะมูมู่ ยังงัยก๋มีที่ละคนค้าบบบ

แต่ตอนนี้เลือกไม่ถูกอะว่า จะโย หรือจะเรย์ดี








ปล.

เฮ้อ  :confuse:

เลือกไม่ถูกเจงๆ  :serius2:

สงสัยพูห์จาเปงวันทองกลับชาติมาเกิด  :kikkik:

พูห์

ออฟไลน์ no-reply

  • เซียนเป็ด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-2
    • blog พันทิป
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #91 เมื่อ02-11-2006 00:19:07 »

หมูพูห์  นู้นตามมาละ เรย์ไม่อยากโดนปาดคอน้า  เรย์ไม่เกี่ยว(ทำหน้าจ๋อง) :pigscare2:

มูมู่น้อย  เหอๆ ยอมรับแล้วหรือว่าชอบคนเลว  อย่าไปหักอกใครเลยน้า สงสารเขา  :monkeysad:







..*********************************************************************************************
.

.

.

ผมวิ่งใส่เกียร์หมามาถึงตึก 1 เห็นห้อง 111 เปิดแง้มเอาไว้อยู่จึงคิดจะเข้าไปแอบไอ้โค้กมันก่อน
แต่ปรากฏว่าพอก้าวเข้าไปในห้องได้ไม่กี่ก้าว ก็รู้สึกถึงแรงมหาศาลที่พุ่งเข้ามาอัดกลางหลัง จน
หน้าคะมำไปข้างหน้า โค้กวิ่งมาทันแล้วก็พุ่งเข้ามารวบตัวผมเอาไว้ได้


โครมมมมมม !!!!!!


“แอ๊กกกก ........” ตัวผมล้มลงไปกองกับพื้นห้อง รู้สึกได้ว่ามีตัวหนักๆของไอ้โค้กทับอยู่ ในห้องรู้สึก
ว่าจะไม่มีใครคับ สงสัยคงมีคนเปิดไว้ให้สำหรับเก็บของ


“พี่ปริ้น ... หนีผมทำไม ? ” โค้กพูดทั้งๆที่นอนทับอยู่บนตัวผม แทนที่จะลุกให้กูก่อนก็ไม่ได้
เสียงที่มันพูดใกล้หูมากจนขนลุก


“โค้ก .. ป ปล่อยพี่ก่อน” ผมพูดเสียงหอบ เพราะวิ่งมาก็ไกลโข


โค้กมันเงียบไม่ยอมพูดอะไรต่อ ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะทำอะไรเพราะว่าโดนรวบตัวนอนคว่ำอยู่
ได้แต่นอนรอเงียบๆ จนรู้สึกว่าไอ้คนที่อยู่บนตัวผมค่อยๆเอาหน้าเลื่อนมาซุกที่ต้นคอ


อ๊ากกก เสียวววววว ....


“ค โค้กก ปล่อยพี่ - -” ยิ่งผมห้ามเหมือนยิ่งยุ ไอ้โค้กยิ่งรัดตัวผมแน่นเข้าไปอีก ทั้งๆที่นอนกอง
อยู่บนพื้นห้องเนี่ยนะ


“ถ.ถ้าไม่ปล่อย พี่จะไม่เกรงใจแล้วนะ !! ” ผมขู่มัน แล้วก็พยายามดิ้นขลุกขลัก


“พี่ปริ้นจะทำอะไรผมเหรอ ? ” โค้กมันย้อน แถมยังยื่นหน้ามาเกือบชิดแก้มผม มึงทำแบบนี้ เด๋ว
เจอกันคืนนี้เลยดีก่า (ปากดี)


“พี่ปริ้น.. ผ ผมอ่ะ - - ไม่อยากทำหยั่งงี้เลยนะ - - ผมแค่อยาก แค่อยากรู้ว่าพี่คิดยังไงกับผม
จะให้โอกาสบ้างมั้ย - - ผมจะมีโอกาสบ้างมั้ยพี่ ? ”


โค้กมันพูดยิ่งทำให้ผมกดดันเข้าไปใหญ่


“- - ยิ่งพี่วิ่งหนี ผมก็ยิ่งต้องวิ่งตามพี่ - - พี่จำได้มั้ย พี่บอกว่า พี่จะไม่วิ่งตามใครอีก พี่จะเป็นฝ่ายให้
คนอื่นตามบ้าง - - ละ แล้ว ผมก็วิ่งตามพี่มาตะ ตลอด ฮะ ฮึกก - - วิ่งตามเงาพี่มาตลอด” โค้กมันหยุด
พูดแต่เพียงเท่านี้ แล้วก็เลื่อนหน้าซบที่หลังคอผมอีกครั้ง แต่คราวนี้สัมผัสได้ว่า มีน้ำอะไรบางอย่าง
หยดลงมาที่คอผมด้วย ทำเอาใจเสียเลย


“พี่ขอโทษ ... - - ป ปล่อยพี่ก่อนเถอะ ร เรามาคุยดีๆกันดีกว่า ” ผมบอกเสียงเบา เพราะดูรูปการณ์แล้ว
โค้กมันคงแค่อยากจะรู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับมันเท่านั้นล่ะมั้ง


“อย่าหนีผมไปอีกนะ ” มันว่า


“อือ” ผมพยักหน้ารับคำ แล้วมันก็ค่อยๆปล่อยวงแขนออก ผมรู้ว่ามันก็เจ็บเหมือนกัน เพราะมันทำแบบนี้
แขนมันก็ถูไปกับพื้นด้วย ผมยันตัวค่อยๆกลับลุกขึ้นมานั่ง ก็เห็นโค้กนั่งขัดสมาธิประจันหน้าอยู่
ห้องค่อนข้างจะมืดพอสมควร มีแต่เพียงแสงแดดตอนบ่ายๆรอดเข้ามาได้เท่านั้น


สายตากลมโตหวานจ๋อยของมันจับจ้องมาที่ตัวผม


“ยะ อย่ามองแบบนั้นดิ” ผมบอกมันพลางหลบสายตา


ไอ้โค้กยิ้มเจือนๆ


“ผมก็มองพี่แบบนี้มาตลอด .. ”


ผมจำเป็นต้องสบตามองโค้กอีกครั้งนึง มันยากชิบหายเลยที่จะต้องบอกความรู้สึกสับสนของตัวเอง
ต้องมาอธิบายไม่ให้มันเข้าใจผิดว่าผมเกลียดมัน แล้วก็ไม่อยากให้มันเข้าใจว่าผมชอบมัน ถึงแม้โค้ก
มันจะทำให้ผมหวั่นไหวอยู่บ่อยๆ ผมรู้สึกมาตลอดว่า โค้กยืนอยู่ข้างผมในฐานะน้องชาย แต่กลับไม่
เคยคิดว่ามันจะมายืนข้างๆในตำแหน่งแฟนมาก่อน ผมนึกภาพนั่นกับไอ้โค้กไม่ออกจริงๆ


“โค้ก - - ถามจิงดิ”


มันพยักหน้า


“ทำไมถึงชอบพี่ มึงเป็นเกย์ตั้งแต่ม่ะไหร่ ” ผมถามอะไรแปลกๆออกไป จำได้คล้ายๆกับมันเคยบอก
ว่าไม่ชอบผู้ชายไม่ใช่เหรอไง


โค้กหลบสายตาผมไป


“ผมก็ไม่รู้ - - รู้แต่ว่าอยากคุยกับพี่ อยากอยู่ใกล้ๆพี่ อยากทำอะไรกับพี่” มันก้มพูดหน้าแดง


หงิ ทำอะไรกะกูนี่หมายถึงเรื่องพรรณนั้นด้วยอะเป่าวะ ผมคิดในใจ


“เอาเป็นว่าผมแน่ใจล่ะกัน ว่าผมชอบพี่ - - แต่จะเป็นเกย์เหรอเปล่าผมไม่รู้ แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย”
มันว่าเสียงหนักแน่น


“ทีนี้ - - พี่ปริ้นก็ตอบคำถามผมได้แล้ว ”


“เออ - - ....พ พี่ก็ชอบโค้ก แต่ - - ”


“พี่อย่าสงสารผม ถึงพูดแบบนี้นะ ”


“เออ .. ไม่ได้สงสาร แต่ - - ”


“พี่ไม่ต้องมาเห็นใจผมนะ”


“เออ .. ไม่ได้เห็นใจ แต่ - - ”


“แต่อะไรครับ !! ” มันขึ้นเสียง ว้อยย มึงเป็นไอ้นิคเหรอไง มาขึ้นเสียงเนี่ย


“พี่ไม่เคยคิดกับโค้กในฐานะ เออ ... แฟนมาก่อน” ผมตอบแบบกล้าๆกลัวๆ


“พี่รู้สึกดีนะ - - มากๆเลยที่ได้อยู่กับโค้ก อืออ .... ” ผมพูดอะไรไม่ออก บางทีความรู้สึกมันก็
ถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ใช่มั้ยครับ


“พี่ พี่ปริ้น อย่าร้องไห้ดิ” มันขยับเข้ามาเมื่อเห็นว่าผมเครียดจัด “- - ผมขอโทษนะพี่ ผมขอโทษ ”


มันว่าแล้วก็คุกเข่าจับตัวผมไปกอดไว้ ทำให้ตำแหน่งหน้าของผมไปซบอยู่ที่อกมันพอดี


“ผ ผม - - จริงๆแล้ว ผมก็ไม่ได้อยากจะให้พี่มาเป็นแฟนผมหรอก ฮะ ฮึกกก ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
ว่าทำไมต้องรู้สึกแบบนี้ด้วย ฮืออ ผมกลัวครับพี่ ผมกลัว - -” ทั้งๆที่มันเป็นคนบอกให้ผมไม่ร้องไห้
แต่มันกลับเป็นฝ่ายร้องเองซะนี่


“ฮะ - - เฮ้ย อย่าร้องอย่าร้อง” ผมเอามือเอื้อมไปตบหลังมันเบาๆ แล้วก็กอดมันกลับ ผมพอจะเข้าใจดี
ความรู้สึกสับสน รู้สึกว่าไม่เป็นตัวของตัวเอง จนทำให้เราแทบจะบ้า... โค้ก แล้วมึงจะผ่านไปได้


“พ พี่ปริ้น กอดผมแน่นๆได้มั้ย” เสียงโค้กมันพูดอยู่บนหัวผม


“อือ ”


ผมกะมันนั่งกอดกันท่าแปลกๆอยู่ในห้องสลัวนั้นอยู่ซักพักนึง เหมือนกาลเวลาจะหยุดหมุน คนนึงกลัว
กับความรู้สึกของตัวเอง อีกคนนึงกลัวที่จะต้องเจ็บเพราะความรักอีก

.

ไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันแบบไหน


ไม่อาจหาคำๆไหนมาเพื่ออธิบาย


ไม่ต้องรักเหมือนคนรักก็สุขหัวใจ


เพียงแค่เราเข้าใจ ... เหนือคำอื่นใดในโลกนี้

.

^
^
ตอนนั้นยังไม่มีเพลงนี้ แต่ก็โดนโคดๆ


โค้กค่อยๆคลายวงแขนออก แล้วก็ลุกขึ้นยืน มันยื่นมือฉุดผมให้ลุกขึ้นตามด้วย


“พี่ปริ้น - - ผมขออะไรพี่ 2 อย่างซิ” โค้กบอก


“อืม .. ”


“หลังจากนี้ ... ผมไม่อยากให้พี่มองผมเป็นน้องชาย - - แต่มองในฐานะผู้ชายคนนึง ได้มั้ยคับ” มันพูดเขินๆ


“เอ๊ะ ? ”


“ถ้าพี่คิดว่าผมเป็นน้อง ผมก็คงจะเป็นน้องพี่อยู่วันยังค่ำ”


“ก...ก็ได้มั้ง !? แต่ถ้ามีเรื่องอะไรให้ช่วย ก็ม่ะต้องมาบอกแล้วนะ ม่ะใช่น้องกูแล้วหนิ” ผมหยอก


“โห ผมก็ไม่ได้หมายถึงแบบนั้น ”


ผมหัวเราะขำท่าทางมัน


“เออน่า พูดเล่น ว่าแต่ ออกไปกันเหอะ ป่านนี้เค้าจัดซุ้มกันเสร็จแล้วมั้ง หิว” ผมว่าพลางดูนาฬิกา
เกือบจะสี่โมงเย็นอยู่แล้ว แต่ไอ้โค้กยึดมือผมไว้ไม่ให้ไป


“เดี๋ยวซิ อีกข้อนึง ยังไม่ได้ขอเลย”


“กูม่ะใช่ยักษ์ในตะเกียงนะ จะมาขออะไรมากมาย” ผมว่าฉุนๆ


“หึหึ ” มันหัวเราะ “- - หลับตาก่อนดิคับ”


“ไม่หลับ ... ”


“เอ๊ะ ทำไมพี่ดื้อแบบนี้เนี่ย” มันพูดโกรธๆ


“มึงอย่ามาน้ำเน่า ไอ้โค้ก มึงจะให้หลับตา แล้วจะจูบอะดิ” ผมบอกอย่างรู้ทัน


“ทำไมผมต้องจูบพี่ด้วยล่ะ ? - - ผมไม่ใช่เกย์นะ” ดูมันพูดเข้า เอออออ... ไอ้ไม่เกย์


“ง่ะ ... แล้วจะให้หลับทำไมวะ” ผมเกาหัวแกร่กๆ


“จะขออะไรก็บอกมาระ - -” ผมพูดยังไม่ทันจบโค้กมันก็อาศัยจังหว่ะที่ไม่ทันระวังตัว
ดึงผมมากอดอีกครั้ง ไออุ่นจากตัวมัน ทำให้ผมรู้สึกว่า มันไม่ใช่น้องชายตัวกระเปี้ยกจริงๆด้วย


“ปริ้นครับ” โค้กยื่นหน้ามาใกล้จนเกือบจะชิด “- - ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ อย่ามองว่าผมเป็นเด็กกว่า
ไม่งั้นจะเสียใจ”


“อะ เออ ม่ะเด็ก ก็ม่ะเด็ก แต่ปล่อยก่อน” ผมบอกมัน ว่าแต่ทำไมมันเรียกชื่อเฉยๆล่ะ อึกก


ผมรู้สึกว่าตัวเองแข็งทื่อ เมื่อโดนไอ้โค้กค่อยๆประกบริมฝีปากอย่างแผ่วเบา อืมมม รสจูบเด็กมัธยม
มันเป็นแบบนี้นี่เอง .... อ่าส์ เอ้ย ทำไมกูเคลิ้มไปได้วะ แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ เพราะว่ามัน
ดันตัวผมไปติดกับหน้าต่าง ปากมันก็ไม่ยอมผล่ะออกจากปากผมง่ายๆเลย ลิ้นไอ้โค้กค่อยๆสอด
เข้ามาควานหาอะไรบางอย่าง (บรรยายได้หยะแหยงมั้ย hehe) ผมก็แปลก ใจก็บอก ไม่ ไม่ แต่ปาก
ดันเปิดรับซะงั้น แบบนี้ใช่มั้ยที่เค้าว่า ปากอย่างใจอย่าง


อยู่ๆ มันก็ถอนปากออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่มือมันก็ยังกอดไม่ยอมปล่อยซะที ผมไม่รู้ว่าหน้าตัวเอง
แดงแค่ไหน แต่เห็นได้จากหน้าตาโค้กที่ดูจะกระหยิ่มยิ้มย่อง ก็พอจะคาดเดาได้


“ยะ - - ยิ้มอะไร”


“เปล่านี่ครับ” พูดเสร็จมันก็ปล่อยผมออกจากอ้อมกอด ทำเอาผมเซแซ่ดๆ อะไรวะ โดนเด็กจูบแค่นี้ทำเอา
งงโลกเลยเหรอกู


“ไปเถอะครับ ถ้าอยู่นานกว่านี้ เดี๋ยวผมจะอดใจไม่ไหว” มันว่าแล้วก็รีบเดินไปหยิบกีต้าร์ที่วาง(หรือโยน)ไว้ที่
หน้าห้อง

.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-11-2006 00:49:59 โดย ปลายยอดไผ่ »

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #92 เมื่อ02-11-2006 11:18:40 »

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  :serius2:

ตอนนี้ได้ใจโครตตต  น่าร๊ากกกกกก  โอย อยากอ่านต่อแล้วหง่ะ เรย์  มาต่อเลย  นะนะ  เค้ากำลังลงแดงอยู่   :impress:

ปล. เรย์ เราไม่ได้ชอบคนเลวจ๊ะ  เค้าก็ชอบคนดีนะตะเอง  อย่าเข้าใจเค้าผิดไป 
     นี่หมูพูห์รับรักโยแล้วเหรอ  อิอิ  ดีใจด้วย  :kikkik:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #93 เมื่อ02-11-2006 14:30:36 »

เหอเหอ

ลุ้นโคด :serius2:




ปล.

บลูคับ

คราหน้าเปลี่ยนชื่อตัวละครดีกว่านะ

ชเาน

จากปริ้นเป็นพูห์

โค้กเป็นโย

นิคเป็นบลู

ดีมั้ยครับ

ฮากริ๊กกริ๊ก  :pigha2:

พูห์


ออฟไลน์ no-reply

  • เซียนเป็ด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-2
    • blog พันทิป
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #94 เมื่อ03-11-2006 00:31:41 »

ขอ 10 คอมเมนต์นะครับแล้วผมจะมาโพสตอนต่อไป
เด่วเพื่อนๆอ่านกันไม่ทัน แหะๆ

มูมู่น้อย  อ่าระวังน้าจะตกหลุมรักโค้ก ดีจนอยากเอามาไว้ข้างกาย

หมูพูห์ ผมชอบนิคมากๆเลยครับ เชียร์อยู่เนี่ยะ

เตรียมตัวเตรียมใจหน่อยนะครับตอนนี้

***************************************************************

.

“หายกันไปนานเลยนะพวกมึง - - ไปทำไรกันมาวะ” ไอ้คิวถามแถมหลิ่วตาให้อีกตะหาก


“คุยกันไม่ได้เหรอ” ผมเถียง


“ปริ้น แล้วของที่จะเอามาให้’จารย์อ่ะ ว่าจะทักตั้งแต่ที่เจอม่ะกี้แล้ว ”ซังถามถึงของที่เตรียม
ไว้แจกเพื่อนๆที่มาเก็บไว้


ผมเกาหัวแกร่กๆ “เออหว่ะ ทิ้งไว้ที่ห้องอ่ะ”


“ห้องไหน”


“ห้องที่บ้าน ”


“โห งั้นรีบกลับไปเอาเลย นี่พึ่งสี่โมงเอง ยังทัน” ซังว่า


“งั้นไปเป็นเพื่อนหน่อยดิ รถจอดไว้นอกโรงเรียนอ่ะ” ผมว่าพลางชวนซังไปด้วย ซังหันไปหาไอ้คิว
ก่อนที่จะเดินตามผมออกจากโรงเรียนไป


“เป็นไงบ้าง” ซังถาม


“อะไรเป็นไง ? ”


“เอ้า - - ก็กะไอ้โค้กไง ตกลงคบกันยังวะ”


“ไอ้นี่พูดเป็นซื้อผักซื้อปลา เรื่องพรรณนี้ม่ะใช่อยากจะเป็นก็เป็นกันได้นะเว้ย ”


“คิดไรมากว้า” ซังพูดแล้วตบหัวผมเบาๆ เฮ้ย เด๋วกูฉี่รดที่นอน -*-


ผมเหยียบประมาณ 120 แป็บเดียวก็ถึงบ้าน


“จะเข้าไปด้วยกันเป่า ” ผมหันไปถามซังพลางถอดเบลล์ออก


“เอาดิ ไม่ได้เจอยายปริ้นตั้งนาน ”


“โหย เป็นเด็กดีนะเนี่ย ”


“- - แล้วนี่พี่โอ้ตอยู่บ้านเปล่าฟ่ะ ”


“ไม่รู้ดิ เมื่อเช้าก็ไม่เห็นแล้ว สงสัยพาเพื่อนเที่ยวอยู่มั้ง” ผมตอบพยายามทำเสียงเป็นปกติสุด
แต่พอเดินเข้ามาในบ้านก็ต้องผิดหวัง เพราะว่าเห็นรถกระบะบ้านไอ้โอ้ตจอดอยู่แสดงว่า
คงกลับมากันแล้ว


“สงสัยกลับมากันแล้วหว่ะ จะไปทักมั้ยล่ะ ไม่ได้เจอกันนานนิ” ผมพูดประชดซัง จนมันหัน
มามองก็เห็นมันส่ายหน้าเลิกลั่ก


“แหม ประชดเจง” มันว่า ผมกะซังก็เลยเดินเลี่ยงๆเข้าบ้าน เพราะรู้สึกว่าได้ยินเสียงเอะอะ
กันอยู่บนเรือนใหญ่ โชคดีอีกอย่างว่าแม่ผมยังไม่ได้กลับ อีกซักพักลุงสนคงเอารถกระบะ
ออกไปรับมั้ง พอหยิบเอาถุงใส่ของมาได้ ผมก็รีบเผ่นออกมา


“ค่อยมาไหว้ยายวันหลังล่ะกัน” ผมบอกซัง มันก็พยักหน้า


“ปริ้น แล้วจะหลบหน้าพี่โอ้ตแบบนี้ต่อไปเหรอวะ”


“ไม่รู้ซิ - - แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้หลบนี่นา” ผมบอก


“นี่ขนาดไม่ได้หลบนะเนี่ย ”


“เออ เอาน่า .... ขอเวลาหน่อยดิ” ผมบอกซัง จะว่าไปนี่กูก็ขอจังไอ้เวลาเนี่ย เหอๆ


“นั่นปริ้นเหรอเปล่า” เสียงตะโกนเรียกชื่อผมจนสะดุ้งโหยง


“โหย ลุง ตะโกนซะดัง ตกใจหมด” ผมเอามือลูบอกตัวเอง


“ก็เมื่อกี้ลุงเรียกแล้ว เห็นไม่ได้ยิน” ลุงแกบอกแล้วก็เดินมาหา ซังเห็นก็ไหว้ตามประสา


“จะไปรับแม่เหรอคับ” ผมถาม ลุงสนพยักหน้า แล้วก็ส่งขวดยาให้ ผมรับไว้ทำหน้าสงสัย


“เพื่อนโอ้ตเค้าลืมไว้น่ะ เห็นตกอยู่ในรถ ลุงฝากเอาไปให้โอ้ตมันที” ลุงสนมาใช้อะไรผมนี่
ยิ่งไม่ค่อยอยากเจอหน้ามันอยู่ด้วย แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร แกก็เดินกลับเข้ารถแล้วก็ขับ
ออกไป


“ซังเอาไปให้ทีเด๊ะ” ผมยื่นให้เพื่อนรัก


“อาไร ไม่เอา - - ไหนว่าไม่ได้หลบหน้าไง ก็เอาไปให้ซิ” ซังโบ้ยกลับ ผมทำตาดูหมิ่นมันเล็กน้อย
ในฐานะไม่ช่วยกูเลย


“งั้นเอาไปวางไว้ที่ห้องมันก็ด่ะ” ผมบอกเพราะคิดว่ามันคงอยู่กันบนเรือนใหญ่


“แล้วของใครอ่ะ รู้แล้วเหรอ” ซังถาม


“ไม่รู้ดิ .. เด๋วโอ้ตมันคงไปหาเจ้าของเองล่ะ” ผมว่าแล้วก็มองดูขวดยาเขียนไว้ว่า Mercaptopurine
แล้วก็มีภาษาอังกฤษเขียนไว้อื้อเลย ขี้เกียจอ่าน เลยโยนให้ซังถือไว้ แล้วผมก็เดินนำมันไป กะลังจะเดิน
เข้าไปในบ้านมัน ก็ปรากฏว่าได้ยินเสียงคนทะเลาะกันดังแว่วๆ ออกมาจากห้องนอน


เท้าผมหยุดกึก จำได้ว่าเป็นเสียงโอ้ต


“ทำไรปริ้น” ซังถามเมื่อเห็นผมหยุดเดิน


“โอ้ตมันอยู่ในห้องอ่ะ” ผมบอก แล้วก็กวักมือเรียกให้ซังมันหยุดเดินก่อน


“แล้วมาแอบฟังไรเค้าทะเลาะกันล่ะ” มันว่าผม


“ไม่ได้แอบฟัง - - แค่รอจังหวะให้มันออกจากบ้านไปก่อนตะหาก” ผมว่าหน้าแดงๆ


“แถวบ้านตูเรียกว่าแอบฟัง” มันว่า แต่ก็มานั่งฟังกับผมด้วย ไอ้เวน


“กูบอกแล้วไม่อยากให้มึงมา มึงก็ดื้อมา” เสียงโอ้ตแสดงให้เห็นว่าอารมณ์เสียมาก


“- - แล้วเป็นไงต้องมานอนแผ่อยู่แต่ในห้องแบบนี้”


“เออ กูขอโทษ” เสียงคล้ายๆกับว่าเป็นพี่เต เพราะว่าเค้าพูดเบามากเหมือนไม่มีแรงงั้นแหละ


“- - บ้านกูไม่มีทะเลนี่นา กูอยากมาเที่ยวบ้าง ”


ผมค่อยๆลุกขึ้นยืน เพื่อที่จะมองเห็นคนที่เค้าคุยกันอยู่ข้างใน แบบนี้คงเรียกว่าเป็นพวกถ้ำมอง
เต็มรูปแบบ


ที่บนเตียงพี่เตนอนอยู่ มีโอ้ตนั่งอยู่ข้างล่าง ไม่รู้เป็นไรผมเห็นภาพนั้นแล้วจี้ดขึ้นมาทันที
จะเรียกว่าอิจฉาหรือเปล่านะ


“ค่อก ค่อก .. .. ค่อกกกก” พี่เตไอออกมารุนแรงพอควรถึงกับตัวโยน โอ้ตรีบลุกขึ้นหยิบแก้วน้ำ
ส่งให้


หนอยย ดูแลกันดีเหลือเกิน ผมคิดในใจ


“เป็นไรมากเปล่าวะเต” เสียงโอ้ตดูจะกลุ้มใจ แต่คนที่นอนอยู่บนเตียงก็ยังยิ้มได้


“กูขอโทษนะ ที่ทำให้เป็นแบบนี้ ไม่งั้นก็ไม่ต้องรีบกลับกันมาแบบนี้หรอก แค่กก ... ” พี่เตพูดเสียงหอบ


“ไอ้พวกนั้นมันไม่ได้ว่าอะไรหรอก มึงเป็นแบบนี้ พวกมันก็ห่วงมึงจะแย่ มึงนอนพักเหอะ” โอ้ตบอก พลาง
ดึงผ้าห่มมาห่มถึงหน้าอก แล้วทำท่าจะลุกขึ้น


“มึงจะไปไหน ... ” พี่เตดึงข้อมือโอ้ตไว้


“จะไปยกข้าวมาให้ ป่านนี้พวกนั้นมันคงต้มข้าวเสร็จแล้วล่ะ - - เออ แล้วนี่มึงกินยายัง”


พี่เตส่ายหน้า


“สงสัยลืมไว้ในรถหว่ะ ไม่เป็นไรในกระเป๋ายังมีอีกขวด” พี่เตว่าพลางทำท่าจะลุกขึ้นไปหยิบ แต่โอ้ตกลับ
เดินมาดึงให้พี่เตนอนลง


“มึงนอนเฉยๆเหอะ เดี๋ยวกูหยิบให้เอง” โอ้ตว่าแล้วก็เดินไปหยิบขวดยาที่เป็นชนิดเดียวกันกับที่
ซังนั่งถืออยู่


“กินซะ - - เดี๋ยวจะไปยกข้าวมาให้” โอ้ตบอก


“โอ้ต กูขอบใจนะ ” พี่เตพูดเสียงสั่นๆ


“ขอบใจเรื่องไร ”


“ขอบใจที่คอยดูแลกูไง” พี่เตพูด มีน้ำใสๆไหลออกจากปลายหางตา ดูแล้วน่าสงสารชะมัด


โอ้ตค่อยๆเดินมาหาพี่เตอีกครั้ง แล้วก็เอื้อมมือไปจับมือพี่เตเอาไว้ ภาพนี้ทำเอาผมต้องเบือนหน้าหนี
ตัวสั่นระริก หัวใจเต้นเหมือนจะหลุดออกมา ผมไม่รู้หรอกว่า มือตัวเองกำแน่นแค่ไหน


“กูบอกแล้ว ว่าจะดูแลมึง - - อย่าร้องไห้ดิวะ” เสียงโอ้ตพูด ผมกลับไปมองพวกเค้าอีกครั้ง โอ้ตกำลัง
เช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาของพี่เต แต่ ... แต่ทำไมแก้มยังรู้สึกเปียกอยู่อ่ะ ? น้ำตาที่ใบหน้าพี่เตถูกเช็ด
ออกหมดแล้ว แต่น้ำตากลับไหลออกมาจากตัวผมแทน


“ป ปริ้น ... ” ซังเห็นผม พลางกระตุกมือให้ออกจากแถวนั้น แต่ผมกลับสะบัดมือออก


“เดี๋ยวไปเอาข้าวมาให้นะ รอแป็บ” โอ้ตว่าแล้วก็เดินออกจากห้องไป ผมรอจนได้ยินเสียงประตูบ้านปิด
แล้วก็เห็นโอ้ตมันเดินลับไป ก็ยกมือปาดน้ำตาออกให้หมด


“ซัง ขอขวดยา ” ผมบอก


ไอ้ซังลุกขึ้นมองผมแบบงงๆ “จะเอาไปทำไรวะ”


“บอกให้เอามาไง” ผมฉวยขวดยาออกมาจากมือซัง พร้อมกับย่างสามขุมเข้าไปในบ้านโอ้ต ซังมันจะจับ
ตัวผมไว้แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว


แอ๊ดดดด .....


“ทำไมมึงมาเร็วจัง .. - -” พี่ซังหันมาพูดนึกว่าเป็นโอ้ตเดินเข้ามา


“น น้องปริ้น” พี่เตดูจะตกใจที่เห็นว่าเป็นผม ไม่รู้เค้าจะคิดว่าผมแอบได้ยินที่พูดกันเหรอเปล่า ถึงได้ดูตกใจ
แบบนี้


“พี่เตไม่สบายเหรอครับ” ผมปิดประตูเดินเข้าไปในห้อง มือยังกำขวดยาแน่น


“อะ ครับ ปวดหัวนิดหน่อย” พี่เตพูดแล้วก็ค่อยๆยันตัวขึ้นมานั่ง


“พี่นอนเฉยๆเหอะครับ เดี๋ยวผมเดินไปหาเอง” ผมพูดเหมือนกับที่โอ้ตพูดเมื่อกี้นี้ ไม่รู้ว่าพี่เตจะรู้สึกได้
เหรอปล่าว แต่คาดว่าน่าจะรู้แหละ ถึงกับหน้าถอดสีเลยทีเดียว เค้าคิดว่าผมเป็นน้องโอ้ตจริงๆ แล้วคง
จะได้ยินที่พูดกันเมื่อกี้ แล้วจะรู้ว่าเค้าคบเป็นแฟนกันเหรอเปล่านะ


“มะ ไม่เป็นไรครับ พี่ค.. แค่ก แค่ก ค่อย ยังชั่วแล้ว” พี่เตพูดแต่ก็ไม่วายไอออกมา นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่
นี่ ผมกำลังจะแกล้งคนที่นอนป่วยอยู่เหรอ


“นี่ยาพี่เตเหรอปล่าว ตกอยู่รถนะครับ ลุงสนให้เอามาให้” ผมว่าแล้วก็ยื่นให้


พี่เตเห็นแล้วก็ยิ้มแห้งๆให้ผม


“อืม ของพี่เอง” เค้าบอกแล้วก็ยื่นมือมารับขวดยา แต่ผมกลับเดินเอาไปตั้งบนโต๊ะแทน พี่เตหน้าเสียเล็กน้อย


“พี่ไม่สบายเป็นอะไรเหรอครับ ? ” ผมถามออกไปโดยไม่ได้นึกถึงมารยาทที่ควรจะมี ตอนนั้นผมไม่รู้แล้วก็
ไม่แคร์ด้วยว่าพี่เค้าจะป่วยเป็นอะไร แต่ผมรู้สึกเหมือนกับว่า เค้าเอาอาการป่วยมาทำให้โอ้ตเป็นหยั่งงี้เหรอ


“เออคือ ... ”


“พี่เป็นอะไรเหรอครับ ? ” ผมถามกลับอีกครั้งนึงโดยที่ไม่มองหน้าพี่เตเลยแม้แต่นิด


“ค คือ.. เป็นไข้หวัดเรื้อรังนิดหน่อยน่ะครับ” พี่เตตอบแบบอ้อมแอ้ม ไข้หวัดเรื้อรัง มีโรคนี้ด้วยเหรอไงวะ
กูอยากจะขำให้ดิ้นตาย


“อ่อ เป็นหวัดแล้วถึงกับต้องให้มีคนดูแลเลยเหรอ” ผมถามออกไปตรงๆ


“คะ คือ พี่ม .. ไม่ได้ - -” พี่เตพูดตะกุกตะกัก แถมพูดไม่ออกอีกตะหาก ผมหันหน้าไปหาพี่เตที่ดูหน้าซีด
เซียวลงเรื่อยๆ


“พี่ลุกขึ้นมาทำไมครับ นอนลงไปดิ๊” ผมว่าแล้วก็เดินเข้าไปผลักจนพี่เตล้มหงายไปบนเตียงอีกครั้ง โหย
ทำไมกูเป็นมารร้ายแบบนี้เนี่ย พี่เตล้มตัวลงไป ผมก็เข้าไปนั่งบนเตียง แล้วก็เอามือดันหน้าอกพี่เตไว้
ไม่ให้เค้าลุกขึ้นมา ตัวพี่เค้าดูจะอ่อนแอกว่าที่ผมคาดเอาไว้ซะอีก


“พี่กับพี่โอ้ตคบกันอยู่เหรอ ? ” ผมถามออกไปแบบเลือดเย็น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพี่เตได้ยินเข้า
ถึงกับพูดไม่ออกได้แต่อึกอัก หน้าพี่เตตอนนี้น่าสงสารมาก แต่ผมกลับควบคุมตัวเองไว้ไม่ได้
ผมกำลังรังแกคนป่วย กำลังทำให้เค้าจนมุม


“พี่กับพี่โอ้ตเป็นเกย์เหรอ ? ”


“พ พี่ไม่ได้ - - ฮึก” พี่เตพยายามจะลุกขึ้นมานั่งแต่ผมดันเอาไว้ไม่ให้ลุกไปไหน


“พี่สองคนเป็นเกย์เหรอ” ผมกระชากเสียงถาม ตัวพี่เตสั่นระริก ไม่รู้ว่ากลัวหรือว่าอะไร


“ไอ้ปริ้น มึงพอได้แล้ว” ซังวิ่งเปิดประตูเข้ามาดึงตัวผมออกจากเตียง พี่เตยันตัวลุกขึ้นมา
ได้ถึงกับไอตัวโยน ดูท่าจะตกใจกว่าเมื่อกี้ เมื่อเห็นว่าใครก็ไม่รู้เข้ามาอยู่ในห้องอีกคน


“ปริ้น มึงทำเหี้ยอะไร ใจเย็นๆดิ” ซังพูดแล้วก็รั้งตัวผมไว้


“ซัง ปล่อยกูนะ มึงดูมันดิ ทำเป็นแกล้งป่วยแบบเนี้ย - - ทำให้ไอ้โอ้ตต้องไปดูแลมันแบบนี้อ่ะ
ฮึก .... ” ผมพูดแบบไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ดีนะที่ซังมันแรงดีกว่าผม เลยฉุดตัวไว้ได้


“ไอ้ปริ้น - - พี่เค้าไม่ได้แกล้งป่วยนะ - - โอ้ย มึงหยุดก่อน” ผมใช้แรงทั้งหมดสะบัดตัวจนเป็นอิสระ
เดินเข้าไปหาพี่เตโดยไม่รู้ตัว เหตุผลทุกอย่างผมโยนทิ้งออกไปหมดแล้ว รู้แต่ว่ากูเกลียดเมิงงงงงงง


ปั้งงงงง เสียงประตูกระแทกเปิดออกมาอีกครั้ง เป็นไอ้โอ้ตวิ่งเข้ามากระชากเสื้อผมจนตัวเซ แล้วก็ประเคน
หมัดใส่ผมนึงดอก


พลั๊กกก ....


“อุ๊บบ” โดนหมัดนี้เข้าไปถึงแม้ว่าจะรู้ว่าไม่เต็มแรง แต่ก็ทำเอาตัวผมเกือบล้มลงไปกองกับพื้น ดีที่ซังมัน
เข้ามาประคองตัวไว้ทัน


“ปริ้น ทำอะไรน่ะ” โอ้ตตะโกนใส่พร้อมกับเดินเข้ามาหาผมอีกรอบ


“ปริ้นจะทำอะไรไอ้เตมัน ฮ้าาาาาา - - ไม่เห็นเหรอ ไม่เห็นเหรอว่ามันเจ็บจะตายอยู่แล้ว” โอ้ตเดินเข้ามา
กระชากคอเสื้อผมไปมา


“ผมไม่แคร์ ”


โอ้ตได้ยินดังนั้น ถึงกับเลือดขึ้นหน้า


“พ พี่โอ้ต เบาๆ เฮ้ย - -” ซังจับมือโอ้ตให้เพลาๆกับตัวผมหน่อย


“อ โอ้ต มึงหยุดก่อน - -” เสียงพี่เตห้ามไว้ แต่ดูจะอ่อนแรงเหลือเกิน


“ปริ้นอยากรู้เหรอ ว่าไอ้เตมันเป็นอะไร - - อยากรู้เหรอ อยากรู้มากใช่มั้ยยยย” โอ้ตตะโกน
ใส่หน้าผมทั้งๆที่มือก็จับคอเสื้อไว้ไม่ยอมปล่อย สายตาผมประจันหน้ากับตาโอ้ตอย่างท้าทาย รสเลือด
ที่รับรู้ได้ตรงริมฝีปากทำให้จิตใจผมค่อยๆเข้าสู่ภาวะปกติสภาพที่


ในห้องขณะนั้น ทุกสิ่งที่อย่างค่อยๆสงบเงียบลง เหมือนพายุฝนไล่ช้างที่มาเร็ว แล้วก็หายไปเร็ว
ขวดยาที่โดนปัดตกลงมาจากโต๊ะค่อยๆกลิ้งมาหยุดที่ปลายเท้าผม ข้างๆขวดยาเขียนชื่อกำกับไว้ว่า Mercaptopurine เป็นยาในกลุ่ม Antimetabolites เพื่อลดอันตรายในการรักษามะเร็ง
บางอวัยวะ และหนึ่งในนั้น เป็นมะเร็งเม็ดโลหิตขาว ที่พี่เตกำลังเป็นอยู่...


.

.

.

.

.

.



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-11-2006 08:37:12 โดย ปลายยอดไผ่ »

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #95 เมื่อ03-11-2006 10:17:54 »

ฮือๆๆๆๆ

บีบหัวใจเหลือเกินบลู

ไม่หวายแล้น







ปล.

วันนี้วันศุกร์นะค้าบบบบ

อย่าใจร้ายกันนักเลย

พูห์

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #96 เมื่อ04-11-2006 09:03:32 »

หง่ะ  ตอนนี้ปริ้นโหดเนอะ  เค้ามาอ่านแล้วน้า  มาต่อให้เค้าด้วย  นะนะ  นึกว่าเรย์จะมาต่อยาว ๆแล้วซะอีกอะ  ฮือ ฮือ  :monkeysad:

ต้องรอให้คนโพสสิบเลยเหรอ  โห... ใจร้ายอะ  แล้วเค้าจาได้อ่านเมื่อไหร่อะ  ถ้าคนโพสไม่ครบเดี่ยวเรามาโพสต่อให้เป็นสิบเมนต์เรยดีมะ  อิอิ   :laugh:

ปล ที่จริงเรื่องอื่นเราก็กำลังว่าจะตามอ่านอยู่น้า  เราอ่านเร็วนะ  คนอื่นๆ มะรู้  เรย์จะหยุดโพสเรื่องอื่นเลยเหรอ  ตามใจแล้วกันจ้า  มาโพสเมื่อไหร่ก็ตามอ่านอยู่อะนะ  เป็นกำลังใจให้คะ

ออฟไลน์ GoneOn

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #97 เมื่อ04-11-2006 10:00:36 »

มาช่วยให้ครบสิบไวไว  (ไม่ต้องครบไม่ได้เหรอ เอาแค่ 5 ได้ป่ะ อยากอ่านอ่ะ)

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #98 เมื่อ05-11-2006 02:15:08 »

ต่อให้ก่อนละกัน
เพราะเรื่องนี้คงจะอ่านตามทันกันยาก
เอิ้กๆ ลงไว้เยอะเกิน

มูมู่น้อย คงจะเป็นอะไรที่เก็บไว้นาน ถ้าคุยกันบ้างเรื่องคงอาจจะเบาลง พอมันระเบิดมันเลยแรงครับ

หมูพูส์ ใครบีบหัวจายพูส์กันอยู่นะตอนนี้ คิกคิก เรื่องเบาลงแล้วหล่ะครับ
*********************************************

 
.

.

.

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบสงบ มีแต่เพียงเสียงลมหายใจของคนทั้งสี่เท่านั้น
ผมค่อยๆยกมือขึ้นปาดเลือดที่ยังไหลซึมอยู่ที่ริมฝีปากออก


“ซัง กลับโรงเรียนเหอะ” ผมหันไปบอกเพื่อน ก่อนที่จะหันไปหาพี่เต


“ขอโทษครับ” ผมกล่าวคำขอโทษเสียงอ่อยพร้อมกับก้มหัวลงเล็กน้อย แล้วจึงค่อยเดินออก
จากห้องไป


“ง งั้นผมไปก่อนนะ” เสียงซังบอกโอ้ต


“ซัง ฝากปริ้นทีนะ ” โอ้ตเอามือจับบ่าซัง แต่มันกลับค่อยๆยกมือโอ้ตออก


“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ... ปริ้นเป็นเพื่อนผม บางทีก็คิดว่าอาจจะดูแลมันได้ดีกว่าแฟนมันอีกครับ”


ซังพูดพลางจ้องหน้าโอ้ต แล้วก็เดินออกมาหาผม


“เจ็บมากเปล่าวะ ” ซังเอามือมาจับที่แผล


“โอ้ยย ... จับทำไมเนี่ย ”


“เจ็บเป็นด้วยเหรอ ? ”


ผมปัดมือมันออกมองหน้ามัน ไอ้นี่วอนซะแล้น


“ไปเหอะ ”


“เออ แต่ซังขับเองนะ ยังไม่อยากตาย” มันว่า แล้วก็ขอกุญแจจากผม

.

.


< - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - >
.

.

กลับมาถึงโรงเรียนก็หกโมงกว่าแล้ว เพราะไอ้ซังมันขับช้าคับ พอมาถึงเพื่อนๆก็มากันเกือบ
ครบแล้ว แต่ผมกลับรู้สึกไม่สนุกเลยซักนิด


“ทำตัวสนุกสนานหน่อยซิฟ่ะ อย่ามัวซังกะตายอยู่” ซังกระแทกตัวผม


“อือ ... ”


“ซัง .... ”


“ว่าไง”


“อยากกินเหล้าหว่ะ”


“คออ่อนจะตายห่ายังจะกินอีก - - ไม่ต้องเลย” มันปราม ผมเลยเดินไปหาไอ้คิวแทน


“คิว กูอยากแดกเหล้า” ผมบอกเห็นมันทำหน้างงๆเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ได้ขัดอะไรตาม
สันดานมัน


“เอาดิ เด๋วป๋าจัดห้ายย” มันพูดโดยไม่มองสายตาไอ้ซังที่ดูไม่พอใจอยู่ข้างๆ


หลังจากงานผ่านไปจนเกือบสามทุ่ม ผม กับไอ้คิวก็กะว่าจะออกไปหาเหล้ากินกันนิดหน่อย
โดยให้มันไปที่ร้านประจำของมัน ซังมันไม่ยอมพูดอะไรกับผมอีกเลย แต่ก็ยังตามติดอยู่
ตลอด


“เอ้ย โค้ก ไปแดกเหล้ากัน” ไอ้คิวเห็นโค้กเดินมาเลยชวนซะเลย


“ไปร้านไหนอ่ะพี่คิว แต่ผมต้องกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อก่อนนะ - - ”โค้กบอก เพราะมันยังแต่งชุดนักเรียน
อยู่เลย


“ไปร้าน xxx อ่ะ”


“งั้นปริ้นเมิงเอารถไปจอดไว้ที่บ้านกรูก่อน แล้วเด๋วไปรถไอ้ซัง”


“ใครให้ใช้รถกูไม่ทราบ” ซังบอกฉุนๆ


“ตกลงเมิงไม่ไปใช่ม่ะ กรูจะได้ขี่มอไซต์ไปกะไอ้ปริ้น” คิวมองแฟนตัวเอง ไอ้ซังทำหน้าหงุดหงิด
ใส่ แต่ก็ต้องยอม เพราะมันคงไม่ปล่อยให้ขี่มอไซต์ไปแดกเหล้ากันแน่นอน อาจคว่ำตายกันได้
พอไปถึงร้านปั๊บคนค่อนข้างแน่นอยู่พอสมควร แต่ก็พอจะหาที่สำหรับคนสี่คนได้ ทันทีที่นั่ง
โต๊ะ คิวมันก็จัดแจงสั่งโน่นสั่งนี่


“ซังเมิงไม่ต้องแดกเยอะนะ เด๋วขับรถกลับไม่ไหว” ไอ้คิวสั่ง


“เออ กูเคยแดกให้เมาเหรอไง ”


“ส่วนเมิง ปริ้น ... อยากเมาแค่ไหนวะ ”


“ให้เมาเหมือนหมาไปเลย” ผมพูดจนซังมันหันมามองแล้วก็ถอนหายใจ งานนี่ไอ้คิวก็ยิ้มซิคับ
เลยชงมาให้กูซะเข้มเลย กินไปแก้วแรกแทบจะอ๊วก มันอร่อยตรงไหนวะ กินมาเป็นรอบที่
สองแล้ว ก็ยังเหมือนเดิม แต่ถ้าไม่กิน กูก็ไม่เมาดิ งั้นซัดไป ...


“เอื้อกๆๆๆๆๆ ”


“โห ซัดทีเดียวหมดเลยเว้ย งั้นเอาอีกๆ” มันพูดพลางประเคนมาให้ผมอีก


“พี่ปริ้นค่อยๆกินก็ได้ เดี๋ยวจะแย่นะ ” โค้กมันบอกพลางเอามือจับแก้วที่ผมกำลังจะหยิบกิน


ผมมองหน้ามันอย่างยั้วะๆ (เริ่มเมาแล้วดิ)


“อย่ายุ่งดิ จาแดรก ” ผมว่าแล้วก็ปัดมือมันออก ซัดไปอีกจนหมดแก้ว


“เฮ้ย คนมันจะอยากเมา ก็ปล่อยมานๆ ” ไอ้คิวไม่เคยคิดจะห้ามเพื่อน อยากได้มันจัดให้ตลอด


ติ้ดด ..... ติ้ดด ..... ติ้ดด .....ติ้ดด .....ติ้ดด .....


“ครายโทรมาว้า ... ” ผมหยิบขึ้นมาดูขึ้นชื่อโอ้ต ..


“ฮึ .. โทรมาทำบ้าไร”


กริ้ก .. ผมกดตัดสายไปแล้วก็นั่งกินต่อกะไอ้คิว โดยมีโค้กกะซังนั่งมองกินกับแกล้มอยู่
ห่างๆอย่างห่วงๆ(มั้ง)


ติ้ดด ..... ติ้ดด ..... ติ้ดด .....ติ้ดด .....ติ้ดด .....


มันยังโทรมาไม่ยอมหยุด ผมเลยจัดการถอดแบตออกมาซะเลย


“ปริ้นนน กรูถามเมิงเจงๆ เหอะ - - เมิงเป็นรายว้า” แดรกเหล้าเหมือนแดรกน้ำ
ไหนเมิงว่า ไม่ชอบกินงายยย คิวถามผมแต่มือมันก็ยังส่งมาให้เรื่อยๆนะ


“อืออ .. ” ผมชักมึน เพราะกินติดต่อกันไปหกเจ็ดแก้วแล้วมั้ง ในชีวิตยังไม่เคยกินเยอะ
ขนาดนี้มาก่อน ผ่านไปเกือบ 5 ทุ่ม พูดตามตรงว่าตอนนี้ตัวผมแดงไปหมด เพราะ
ฤทธิ์แอลกอฮอร์


“ปริ้น แมร่ง คอแข็งเหมือนกันนี่หว่า ” ไอ้คิวดูเหมือนจะมึนพอควรพูดขึ้นมา หารู้ไม่
ว่าสติผมหลุดไปตั้งชาติกว่าแล้ว ร่างที่นั่งอยู่นี่เหมือนกับคนไร้วิญญาณประมาณนั้น
ก่อนที่ผมจะซดไปอีกแก้วนึง ไอ้โค้กมันก็คว้ามือผมไว้


“แก้วสุดท้ายนะพี่”


ผมหันไปมองมัน แต่ก็ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ไปหมดแก้วเท่านั้นแหละคับ ก็รู้สึกว่า
ตัวเบาโหวง แล้วก็ล้มพับตกเก้าอี้ลงไปนอนกองกับพื้น


“ปริ้น”


“พ พี่ปริ้น”


ซังกะโค้กพูดแทบพร้อมกัน เมื่อเห็นผมตกเก้าอี้ลงไป รีบพยุงให้ขึ้นมาอย่างไว


“ได้เวลากลับแล้วมึง” ไอ้ซังสะกิดแฟน


“ยางงงไม่อยากกกกลับบบ ” ไอ้คิวส่ายหัวไปมาเหมือนเด็ก


“เออ งั้นกูปล่อยมึงไว้ที่นี่นะ พวกกูกลับแล้ว หาทางกลับเองล่ะกัน” ซังว่าพลางหิ้วปีกกะโค้กคนละข้าง
ไอ้คิวเลยต้องจำใจเดินเซแซ่ดๆตามมา ดูมันจะเมาไม่ใช่น้อยเหมือนกัน


“เมาเป็นหมาสมใจแล้วดิมึง” ไอ้ซังพูดข้างๆหูผม แต่ตอนนั้นตัวเองแทบจะไม่รับรู้อะไรแล้วล่ะ


พอขึ้นรถปั๊บ ได้ยินซังมันบอกให้ไอ้โค้กขี่รถตามรถมันไปบ้านไอ้คิว มันบอกว่า กูรับภาระคนเมาสอง
คนไม่ไหวแน่ แล้วก็จัดการโทรไปที่บ้านผมบอกแม่ว่าผมจะไปค้างบ้านมัน ไม่ต้องเป็นห่วง เออ มัน
รอบคอบดี


ถึงบ้านคิวปุ๊บ แรงยืนผมก็แทบจะไม่มี ต้องให้โค้กมันคอยพยุงผมอยู่ตลอด


“พาไอ้ปริ้นขึ้นไปนอนบนห้องไอ้คิวแล้วกัน ขึ้นไปแล้วเลี้ยวซ้ายนะ ” ซังว่าไปพยุงไอ้คิวไป


“อ้าว แล้วพี่คิวอ่ะ”


“เดี๋ยวให้จัดการให้มันนอนที่โซฟาข้างล่างนี่ล่ะ” ซังว่า แล้วก็ทิ้งร่างแฟนตัวเองไว้ที่โซฟา


“ฝากด้วยหว่ะ เหนื่อยชิบ” มันว่าพลางปาดเหงื่อ


“ได้คับ” โค้กรับคำ แล้วก็ค่อยเดินพยุงตัวผมขึ้นบันไดอย่างยากลำบาก เปิดห้องเข้าไปได้
มันก็โยนตัวผมลงบนเตียง ทำไมรู้สึกว่าตัวเองร้อนเป็นไฟขนาดนี้วะ ร้อนไปทั้งตัวเลย



“อือ อืออออ ... ” ผมครวญคราง กินเหล้ามันทรมานแบบนี้นี่เอง โอ้ย อกหัก เครียด กินเหล้า
แถมด้วยปวดหัวอีกตะหาก หัวแทบระเบิด ...


“ฮือออ อือออ.... ”


“ผมบอกแล้ว ว่าอย่ากินเยอะ” โค้กพูดพอจับใจความได้ แล้วผมก็รู้สึกถึงความเย็นเจี้ยบที่มา
สัมผัสที่ใบหน้า จนต้องเอามือผลักออกไป แต่มือคนเมาเหรอจะสู้ได้


“อย่าดื้อซิคับ เดี๋ยวผมเช็ดตัวให้นะ - - รู้มั้ย ตัวปริ้นเหม็นเหล้ามากเลย” ไอ้โค้กอธิบาย
อยู่ต่อหน้าคนอื่นมันเรียกผมว่าพี่ แต่พออยู่กันสองต่อสองมันถือวิสาสะเรียกชื่อผมอย่าง
เดียวตั้งแต่เมื่อไรกันนะ


“อื้ออ เย็นนนนนน ม่าย เช็ดด ฮือออ....” มือผมก็ปัดป้องไปเรื่อย แต่ก็ไม่เป็นผลหรอก
รู้สึกได้ว่า ผ้าชุบน้ำเย็นสัมผัสทั่วใบหน้า ไปจนถึงใบหู ซอกคอ รู้สึกดีขึ้นบ้างนิดหน่อย
ต .. แต่ ......


“บอกว่าอย่าขยับไง นอนเฉยๆ ผมเช็ดลำบากนะ” โค้กมันว่าเมื่อเห็นผมพยายามจะพยุงตัว
ขึ้นมา อุ อุ อุ ...


ผมรู้สึกถึงความร้อนบางอย่างค่อยๆทยอยกรูกันขึ้นมาจากท้องเรื่อยขึ้นมาผ่านหลอดอาหาร
แล้วก็มาถึงที่คอ แล้วก็ .....


“อู้แหวะ !!!! โอ๊กกกกก......”


ทั้งหมดทั้งมวลที่กินเมื่อตอนเย็น แล้วก็เมื่อตอนค่ำๆ ทยอยไหลออกมาจากปากผมเป็นสาย
ลงบนตัวไอ้โค้กโดยที่มันไม่สามารถจะหลบทัน (สมน้ำหน้าไม่อยากให้ลุกดีนัก)


“ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกส์ ......... ”


“เอ้ยยย เกิดไรขึ้นวะ” ไอ้ซังรีบวิ่งขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงกู่ร้องของโค้ก


“เออ ... คือ พี่ปริ้นอ๊วกใส่ผมอ่ะ” มันบอกให้เห็นสภาพทั้งตัวผมทั้งตัวมันเละไปด้วย
อ๊วก โชคดีที่นอนไอ้คิวไม่เปื้อนมาก แต่ก็ต้องเปลี่ยนผ้าปูอยู่ดี


“กำเวน ..... ช่วยกันยกมันไปห้องน้ำก่อน” ซังบอก แล้วก็พยุงปีกกันคนละข้างกะโค้ก
โชคดีที่ในห้องมันมีห้องน้ำในตัวด้วย


“ถอดเสื้อมันก่อน” ซังว่า แล้วก็ดึงพลวดเดียวออกเลยคับ แคว่กกกกก ... โห เสื้อกูขาดยับ
แต่มันก็ทำให้ดึงออกอย่างรวดเร็ว


“ซางงงงงง..... เมิงปายยยไหน เมิงงหนีกรูปายยยยหนายยยยยยย” เสียงแว่วๆของไอ้คิว
ตะโกนโหวกเหวกอยู่ข้างล่างจนโค้กหันมามองหน้า ไอ้ซังดูเหมือนจะอายๆนิดหน่อยล่ะ
เพราะปกติไอ้คู่นี้มันไม่เปิดเผยต่อหน้าใครอยู่แล้ว มาเจอไอ้คิวตะโกนเรียกแบบนี้ คงไม่รู้
จะเอาหน้าไปไว้ไหน


“ที่ร๊ากกกก ... ”.


“เออ. โค้กช่วยจัดการไอ้ปริ้นทีนะ เดี๋ยวพี่ไปดูไอ้เหี้ยข้างล่างก่อน” มันพูดหน้าแดงก่ำ


“ครับพี่ ไม่เป็นไร ”


ได้ยินดังนั้นซังก็เผ่นแผล่วลงไปข้างล่างทันที ได้ยินเสียงตุ๊บตับเล็กน้อย ก่อนที่เสียงไอ้คิว
จะเงียบหายไป


“อืออออ ....... อึกกก.... อ๋อย มานจามาอีกแหล่วววววว ” ผมรู้สึกได้ถึงข้าศึกระลอก 2
กำลังจะทลายด่าน เลยรีบคลานไปที่โถส้วม


“โอ๊กกกกกกกกก .......... ”


พอระลอกสองหมดเท่านั้นแหละ ผมแทบจะไม่มีแรงทำอะไรทั้งนั้น ได้แต่นอนก่ายโถ
เอาไว้เฉยๆอย่างหมดท่า จนโค้กมันต้อง พยุงตัวผมให้นั่งดีๆ แล้วก็ไปหยิบฝักบัวมา


“จาทำอารายยย .. ”.ผมค่อยๆแหงนมองขึ้นไป ก็ปรากฏว่าไอ้โค้กมันดันเปิดน้ำมาพอดี สาดด
เข้ามาเข้าตากูหมด


“อ๊ออกกก .... ” ผมค่อยๆเอามือลูบหน้าลูบตาไม่ให้น้ำเข้าปากเข้าจมูก ตัวเปียกไปทั้งตัว โดย
เฉพาะกางเกงยีนที่ใส่อยู่ อุ้มน้ำทำให้น้ำหนักขึ้นไปหลายกิโล


“อืออออ ..... อึก อึก ห หนาวว พอก่อน หน~าววว ว้อยยย” ผมเอื้อมไปจับขามันเขย่าๆให้
ปิดน้ำซะที ไอ้โค้กเปลี่ยนจากยืนฉีดน้ำเป็นนั่งยองๆแทน


“ทนหน่อยนะ - - เดี๋ยวผมล้างตัวให้ ” มันไม่พูดเปล่า ค่อยๆเอามือมาลูบไล้ตัวผมไปทั่วตั้งแต่หัว
จนถึงพุง (ล่างกว่านั้นไม่ได้เพราะไม่ได้ถอดกางเกง หุหุ) ตัวมันจึงเปียกปอนไปด้วย


“ปริ้นถอดกางเกงดิ” มันว่า


ผมหันไปมอง แล้วก็ทำสายตาไม่เห็นด้วย


“ม่ายถอดดดดด แค่นี้แลลลล” ผมว่าพลางค่อยๆพยุงตัวให้ลุกขึ้นกลับเข้าห้องนอน แต่ไอ้โค้กก็ฉุดเอาไว้


“ไม่ต้องอายผมหรอกน่า - - เหม็นขนาดนี้ ไม่มีอารมณ์หรอก” มันบอก แล้วก็เอื้อมมือ
มาปลดกระดุมกางเกง


“เฮ้ย ... ”


“อย่าดิ้นซิ”


“ถอดเองงงงด้ายยย”


“มีแรงถอดเหรอ ? ”


“อือออออ” ผมค่อยๆยกตัวขึ้นเพื่อจะถอดกางเกงด้วยตัวเอง แต่แล้วก็รู้สึกเหมือนรอบๆข้างจะมืดลง
ไปชั่วขณะ


“เอ้ย .... ” ผมทรุดลงมานั่งอีกรอบ แล้วคราวนี้รอบๆข้างก็มืดสนิทเป็นการถาวร ...

.

.

< - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - >
.

.
ผมมารู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนที่นอนนุ่มๆแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกอ่อนเพลียอยู่มากมาย
จนไม่มีแรงจะขยับ ได้แต่ค่อยๆลืมตา เห็นไฟห้องน้ำเปิดอยู่พร้อมกับเสียงใครบางคนกำลัง
อาบน้ำ สงสัยจะเป็นโค้กล่ะมั้ง ขนาดอาบน้ำแล้ว ผมยังรู้สึกว่า ยังได้กลิ่นเหล้าอยู่เลย ...
รู้งี้ไม่น่ากระซวกไปมากเลย


ว ว่าแต่ .... ผมค่อยๆเลื่อนมือสัมผัสตามส่วนต่างๆของร่างกายปรากฏว่าน่าจะอยู่ในชุดนอน
ชุดใหม่แล้ว


เออ คือ ... ไอ้โค้กเปลี่ยนให้กูเหรอวะ งี้มันก็เห็นอะไรถึงไหนต่อไหนแล้วซิ หมดกัน


แอ๊ดดด .... เสียงเปิดประตูห้องน้ำพร้อมกับไฟที่ดับลง ตอนนี้ภายในห้องกลับมืดมิด จนแทบ
จะมองไม่เห็นอะไร เห็นแต่เงาดำตะคุ่มๆ เช็ดตัวอยู่ จิ๊... งี้กูก็เสียเปรียบดิ ไม่ได้ดูของมัน
ซักพักก็เห็นมันใส่เสื้อผ้า ซึ่งก็เป็นของไอ้คิวนั่นแหละ (ก็บ้านมันนิ) กว่าสายตาผมจะปรับ
สภาพได้ มันก็ใส่เสร็จพอดี ..... จิ๊


ว ว่าแต่ ... ป่านนี้พี่เตจะเป็นยังไงบ้างนะ ทำไมกูรู้สึกผิดจังที่ทำเค้าไปแบบนั้น ทั้งๆที่เห็นอยู่
ชัดๆแล้วว่าเค้าไม่ได้แกล้งป่วย .. แต่ผมก็ไม่คิดถึงกับว่าเค้าเป็นมะเร็งนี่นา


เป็นมะเร็งนี่ต้องตายทุกคนมั้ย .... ถ้าพึ่งเป็นก็คงรักษาให้หายขาดได้ แต่มะเร็งเม็ดเลือดขาวนี่
มันรักษาให้หายขาดได้เหรอเปล่า ? ... แล้วทำไมไอ้โอ้ตต้องไปคอยดูแลเค้า จนถึงขนาดต้อง
ทิ้งเราไปคบกะไอ้พี่เตเลยเหรอ


ไอ้โอ้ตมันทำไปเพราะสงสารพี่เต หรือเป็นเพราะว่า เค้ารักของเค้านะ - - แล้วทำไมมันต้อง
ปิดบังเรื่องพี่เตเป็นอะไรไมให้เรารู้ด้วยวะ ..... มึงคิดอะไรของมึงอยู่นะไอ้โอ้ต กูไม่เข้าใจ
เลย .... ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ไม่เข้าใจด้วยว่า ทำไมมึงต้องมาต่อยกูด้วยนะ กูเจ็บนะสาดดด


ผมคิดไปพลางเลื่อนมือมาจับที่ริมฝีปาก ป่านนี้คงช้ำเป็นสีม่วงแล้วมั้ง เฮ้อ หน้ากูยิ่งไม่ดีอยู่แล้ว
หลังจากนี้คงอับเฉาลงกว่าเดิมแน่ๆ คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนรู้สึกว่ามีที่นอนข้างๆมันยุบตัวลงไป
แต่มันไม่ได้เป็นในลักษณะของนอนหงาย แต่มันดันเป็นนอนตะแคงแล้วก็เอาแขนยันหัวแทน ผม
รีบหลับตาแทบไม่ทัน กลัวมันรู้ว่าผมตื่นอยู่


มึงมองกูอยู่เหรอเป่าวะ ไอ้โค้ก ผมคิดในใจแต่ก็ไม่กล้าจะลืมตามอง


ในระหว่างที่หลับตาอยู่นั้น ก็รู้สึกว่าขนลุกเหมือนมีใครเอาหน้ามาไว้ใกล้ๆ แล้วสัมผัสของปาก
ไอ้โค้กก็เลื่อนมาจุ๊บเข้าที่แก้มซ้าย


สาดดด มึงทำไรเนี่ย เด๋วค่อยดูพรุ่งนี้จะซัดให้ ผมคิดในใจ แต่มันก็ทำแค่นั้นแล้วก็ล้มตัวลงนอน
แล้วก็กลิ้งกลับมาเอามือกอดตัวผมไว้ซะงั้น ไอ้โค้กเอาหน้ามาซุกใกล้ๆหน้าผม จนสัมผัสได้ถึง
ลมหายใจ


“ไม่เคยคิดเลยนะ ว่าจะได้มีโอกาสนอนกอดกับปริ้นแบบนี้ ” อยู่ๆมันก็พูดกับตัวเองขึ้นมาเบาๆ
หรือว่ามันรู้ว่าผมตื่นแล้ววะ แต่กูเนียนทำหลับไปก่อน


“ผมเรียกปริ้นเฉยๆ ไม่ได้เรียกพี่เหมือนเดิม โกรธมั้ย ? ” มันพูดกับตัวเองอีกรอบ มึงบ้าเป่า


“- - แต่ถึงโกรธ ผมก็จะเรียกปริ้นเฉยๆ” มันว่าแบบเออออไปเอง


อืออออ ควับบบ


มันค่อยๆกอดผมแน่นขึ้นจนหน้ามันมาชิดกับซอกคอผม แล้วก็เอาผ้าห่มขึ้นมาห่มเราสองคน

“หน้าหนาวปีนี้ทำไมถึงผ่านไปช้านักนะ - - ผมไม่ชอบหน้าหนาวเลย” มันพูดต่อ


“ปริ้นรู้มั้ย .... ว่าวันนี้ปริ้นไม่เป็นตัวของตัวเองเลย - - ใครทำให้ปริ้นเป็นแบบนี้ไปได้นะ” เหอๆ ถ้ามึง
รู้แล้วจะหนาว


“ปริ้น - - แค่ผมได้กอดปริ้นแค่นี้ ก็ทำให้ผมไม่อยากจะได้อะไรจากปริ้นมากไปกว่านี้แล้ว - -
ผมรู้ว่าทำตัวให้ปริ้นลำบากใจ ... แต่ที่ผมทำไป เพราะว่าผมรักปริ้นนะ ผมรักปริ้น ได้ยินมั้ย...
ได้ยินมั้ย รักปริ้นมากเลยนะ - - ได้ยิน ... ได้ยิ ...ด้ายย ........ Zzzzzz Zzzzzzz”


มันพูดวนไปวนมาจนผล็อยหลับไปทั้งๆที่กอดผมอยู่ในลักษณะที่ผมนอนหงาย แล้วมันก็นอนตะแคง
หันมากอดอยู่ ผมรู้สึกถึงความร้อนที่เกิดขึ้นจากร่างกาย แต่คราวนี้มันไม่ได้มาจากตรงท้องหรอก แต่
มันร้อนผะผ่าวที่ขอบตาต่างหาก แล้วซักพักมันก็ค่อยๆไหลออกมา คงมีบางส่วนล่ะ ที่ไหลตกลงไป
ที่หน้าผากของโค้ก แต่มันคงจะไม่รู้สึกหรอก เพราะว่ามันหลับฝันดีไปแล้วนี่นา ....


ผมค่อยๆ ขยับตัวอย่างแผ่วเบา แล้วกลับเป็นฝ่ายเอามือทั้งสองข้างโอบกอดตัวไอ้โค้กแทน...


.

ชอบอะไรก็ไม่รู้ .... ไม่รู้ใจตัวเอง


เลือกอะไรก็ไม่รู้ .... หลงทางไปจนไกล


พึ่งเข้าใจพึ่งจะรู้ ... เมื่อมีเธออยู่ข้างกาย .... ขอเดินไปสู่จุดหมายกับเธอ

.

.

.


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2007 20:21:11 โดย b|ueBoYhUb »

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #99 เมื่อ05-11-2006 17:08:22 »

อูยยยย  ชอบ ชอบตอนนี้อีกแระ  ถึงมันจะดูเหงา ๆ เศร้า  แต่เราก็ชอบอะ   ชอบโค้กอีกแล้วววววววววววว
โอยย  ไม่ไหว  โค้กน่ารัก  ปริ้นก็น่ารัก  ซังกับคิวก็น่ารัก   ชอบเรื่องนี้จังอะ  ชอบจริง ๆ นะ  ขอบคุณนะเรย์ที่เอามาให้อ่าน   :angellaugh2:

ว่าแล้วมาต่อเรยยแล้วกัน   อย่ามัวแต่ไปลอยกระทงกับใครเพลินนะ  เสน่ห์แรงเกินละ   :try2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
« ตอบ #99 เมื่อ: 05-11-2006 17:08:22 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #100 เมื่อ05-11-2006 18:55:17 »

เหอเหอ

เศร้าจางงงงงง :impress:

ขอบคุณนะบลูที่เอามาลงต่อให้ :3123:





ปล.



ว่าแต่ บลูเปงรายมากป่าว


พูห์เปงห่วงนะ


พูห์

FlukeHub

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #101 เมื่อ05-11-2006 20:36:57 »

โอย...ตาลาย อ่านรวดเดียวตั้งแต่ต้น

สนุกฮับ  ตั้งแต่อ่านมารู้สึกว่าซังกับคิวจะเป็นอะไรที่สมหวังที่สุดแล้วนะเนี่ย

เหอๆๆๆๆ

โค้กน่ารักจัง  ตกลงปริ้นท์เริ่มชอบโค้กแล้วใช่มะเนี่ย  หุหุหุ

ต่ออย่างด่วน อยากอ่านมากๆๆ

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #102 เมื่อ06-11-2006 06:53:29 »

มูมู่น้อย  อ่าว ทำไมน่ารักไปหมดเลยหล่ะ เหลืออีกคนนะที่น่ารักกว่า แหะๆ ผมชอบคนนี้มากๆหง่ะ  :myeye:

หมูพูห์  คิกคิก สบายดีครับ แต่คงสู้คนที่โทรศัพท์หาแฟนทุกวันไม่ได้หรอก ช่ายม้า คิกคิก  :angellaugh2:

FlukeHub  เย้ๆๆ ในที่สุดก็มีเพื่อนเราอ่านตามทันอีกคน เอิ้กๆ เก่งมากๆ  :really2:

ว้า goneon หนีไปแล้วหรือ  :monkeysad:
***************************************************************************




.
.

.

.

รอบๆตัวของผมมีแต่ความมืดที่โอบล้อมอยู่ ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็แล้วแต่
ทุกๆที่ล้วนมืดสนิท ไม่มีแม้แต่กระทั่งแสงไฟ ความรู้สึกที่อ้างว้างเปล่าเปลี่ยว
แล้วอยู่ๆก็มีเสียงที่คุ้นเคยเอ่ยขึ้นมา


- เป็นไงมึง ... ยังไม่เข็ดอีกเหรอไง - ร่างที่อยู่ด้านข้างเปล่งเสียงออกมา เมื่อ
หันไปมองก็ปรากฏว่าเป็นตัวผมอีกคนนึงนั่งกอดเข่าอยู่


- เข็ดเรื่องอะไรวะ - ผมถามตัวเอง


ตัวผมเองที่นั่งอยู่เงยหน้าขึ้นมามอง แล้วก็ยิ้มเป็นเชิงดูถูก


- อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะ ... ว่าตอนนี้มึงคิดอะไรอยู่ -


- กูไม่ได้คิดอะไร - ผมเถียง


- มึงจะโกหกใครก็โกหกได้ - - แต่มึงอย่ามาโกหกตัวเอง - ร่างที่นั่งอยู่ตะโกนกลับมา


- แน่ใจแล้วเหรอ ? ว่าชอบไอ้โค้กจริงๆ - ร่างนั้นถามตรงประเด็น


- แต่มันชอบกู ! -


- มึงตอบไม่ตรงคำถาม - ร่างนั้นพูดแบบเบื่อหน่าย สองมือยังคงนั่งกอดเข่าอยู่เช่นเดิม
ผมสะบัดหน้าหันหลังให้กลับร่างตัวเอง


- มันจำเป็นด้วยเหรอไง ! ผิดด้วยเหรอ ที่จะเลือกคนที่เค้ารักกู - ผมตะโกนตอบร่างที่นั่ง
อยู่ด้านหลัง


- ปริ้น - - มึงไม่ได้รักไอ้โค้ก -


- กูรัก.. -


- มึงแค่อยากหาคนมาปลอบใจตัวเอง เพราะว่าโดนไอ้โอ้ตทิ้งก็แค่นั้น -


- หุบปาก !! มึงจะมารู้ดีกว่าได้ยังไง - ผมหมดความอดทนหันกลับไปทำท่าจะเตะร่างที่นั่ง
อยู่ แต่ก็พบแต่ความว่างเปล่า ผมหันรีหันขวางไปรอบตัว ก็ไม่พบร่างๆนั้น ได้ยินแต่
เสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาจนมาหยุดยืนอยู่ที่ด้านหลัง


- ทำไมจะไม่รู้ - - เพราะว่ากูคือมึงไง ปริ้น - ผมได้ยินเสียงของตัวเองจากที่ด้านหลังจนต้องรีบ
หันกลับไปหา ก็พบว่าตัวผมอีกคนนึงยืนอยู่เบื้องหน้า น้ำตาที่ไหลอาบแก้มอยู่ไหลเป็นทางยาว


- มึงเจ็บ - - กูก็เจ็บ - ร่างที่กำลังร้องไห้อยู่พูด พร้อมกับค่อยๆก้าวเข้ามาใกล้ จนในที่สุด ก็เดินมา
โอบกอดตัวผมเองที่กำลังยืนนิ่งอึ้ง


- ปริ้น ... อย่าทำร้ายกูไปมากกว่านี้เลยนะ - - ฮ ฮึกก ...- - - ร่างนั้นกอดผมแน่นพลางสะอึกสะอื้น


- - - ห..ให้เวลา กูหน่อย ... ทั้งกู ทั้งมึงเองด้วย ..... -


.


ติ้ดดด ติ้ดดดดดด ติ้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด


ผมสะดุ้งลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยเสียงนาฬิกาปลุกของไอ้คิวที่อยู่บนหัวนอน กว่าจะควานหา
แล้วก็กดปิดสวิตซ์ได้ก็นานโขอยู่ เมื่อมองไปรอบๆห้องก็เห็นว่าไอ้โค้กนอนขดตัวเอง
อยู่อีกด้านนึงของเตียง ผ้าห่มทั้งผืนคลุมอยู่ที่ร่างของผมคนเดียว


ผมยันตัวลุกขึ้นมานั่งแบบง่วงๆอยู่บนเตียงนอน พลางนึกลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เมื่อคืนวานแล้วก็รู้สึกสมเพชตัวเองที่ปล่อยให้เมาได้ขนาดนั้น พลอยทำให้คนอื่น
ต้องเดือดร้อนไปด้วย พอจะลุกขึ้นยืน ก็ทำให้รู้ว่าตัวเองยังคงแฮ้งๆอยู่ ทำให้นึก
ถึงวิธีแก้ที่ไอ้นิคเคยให้ผมกินกาแฟขมจัดเมื่อคราวก่อน


- เฮ้อ ... ทำไมกูนึกถึงมึงได้วะ สัด ... - ผมคิดแล้วก็สั่นหัวปัดเอาความฟุ้งซ่านออกไป
ให้หมด แล้วก็พยุงตัวเองค่อยๆเดินไปที่ประตูห้อง แต่ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ก่อน จึง
เดินกลับไปที่เตียง แล้วก็ยกเอาผ้าห่มไปห่มที่ตัวไอ้โค้ก


“ขอบใจมากนะเว้ย ...” ผมกระซิบบอกแล้วก็ลูบหัวมันเบาๆ

.

.


< - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - >
.

.

“อ้าว ตื่นเร็วจริง ... ” ซังทักเมื่อเห็นผมเดินลงบันไดมา “- - นึกว่าจะตื่นซะเที่ยง เมื่อคืน
โคตรเมาเลยรู้ตัวเหรอเปล่าฟ่ะ”


“พอจะรู้อยู่บ้าง” ผมตอบ “- - ซังขอกาแฟแก้วดิ ยังแฮ้งๆอยู่เลยวะ”


“เออ รอแป็บ”


“แล้วไอ้คิวอ่ะ” ผมถาม


“นอนอยู่ห้องพ่อมันโน่น โชคดีนะเมื่อคืนพ่อมันไม่อยู่บ้าน ไม่งั้นมีคดีอีกยาว ” ซังว่า
แล้วก็เดินเข้าไปในครัว ครู่นึงมันก็เดินถือกาแฟมาสองแก้ว


“- - โค้กนี่มันก็ดีนะ” มันพูดแล้วก็ส่งแก้วกาแฟมาให้ผม


“อะไรดี ? ”


ซังเหลือบมามองผมนิดนึง


“มันอุตสาห์ดูแลปริ้นทั้งคืน ไม่รู้เหรอไง” ซังว่าพลางกระแทกสีข้างผมเบาๆ


“อือ มีน้องดีก็เงี้ย” ผมว่าพลางจิบกาแฟ


ผมได้ยินเสียงซังถอนหายใจ


“มึงนี่ก็ใจแข็งนะ - - ไอ้โค้กมันออกจะดีแสนดีขนาดนี้ ” มันว่าปลงๆ


“กูคงโง่มั่ง ผมบอกพลางก้มหน้า จนไอ้ซังเห็นท่าไม่ดีเลยเดินมาตบบ่า


“ไม่ได้หมายความว่างั้น - - ใจคนเราอ่ะ มันบังคับให้รักใครได้ซะที่ไหนล่ะ” ซังบอกผม
“- - แล้วถ้าคนเรามันรักกันได้ง่ายๆ โลกนี้ก็คงไม่มีคนอกหักดิวะ”


ผมได้แต่ยืนซดกาแฟอยู่เงียบๆ


“ซัง บอกกูหน่อยดิ - - ทำไงกูถึงจะรักไอ้โค้กได้”


“ตอนนี้มึงก็รักมันไม่ใช่เหรอ ? ”


“แต่กูไม่ได้รักมันแบบ บ..แบบ”


“แฟน ? ”


“เออ แฟน ” ผมพูดเขินๆ


ผมได้ยินเสียงมันถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆอีกทีนึง


“ถามไรบ้าๆ ... ถ้าคนเรามันบังคับหัวใจให้รักกันได้ มันจะเรียกว่าความรักเหรอวะ - - รักมันต้องออกมาจาก
หัวใจซิ ปล่อยให้มันเป็นตามธรรมชาติเหอะปริ้น - - ถ้าไม่รัก ก็คือไม่รัก แต่ถ้าเกิดมาคู่กันจริงๆ จะหนีกัน
ยังไง มันก็ไม่พบหรอก”


“เชื่อเรื่องพรหมลิขิตว่างั้น ? ”


“ไม่รู้ซิ .. แต่ไม่แปลกใจเหรอไง ? - - บนโลกมีคนเป็นหมื่นล้านคน แล้วทำไมคนสองคนถึงมารักกันได้ล่ะ”


“เหรอ ... แล้วทำไมซังกะคิวถึงมารักกันได้ล่ะ” ผมแซวมัน


“จะรู้ไปทำแมวอะไรวะ วู้ กะลังซึ้งๆ มาทำตลกแดกซะงั้น” มันพูดแล้วก็เอามือจุ่มกาแฟดีดมาทางผมให้
เปื้อนเล่นๆซะงั้น


“เฮ้อ ... กูจะผิดมั้ย ถ้าจะไม่คบกับมันตอนนี้” ผมหันหน้าไปถามแบบไม่แน่ใจ


“ถ้าจะผิด ก็ผิดตั้งแต่ตอนที่แม่มึงให้เกิดมาแล้วล่ะ ” มันว่าอย่างเจ็บ จนผมต้องเอามือไปโบ้กบาลมันตอบแทน
แล้วก็เดินไปเก็บเสื้อผ้าตัวเองเมื่อคืน


“จะกลับแล้วเหรอ ? ”


“เออ เกรงใจเจ้าของบ้าน อ ผมบอกไปงั้นแหละ เพราะไอ้เจ้าของบ้านยังนอนแผ่อยู่ในห้องอยู่เลย


“ไม่รอไอ้โค้กตื่นก่อนล่ะ”


ผมสั่นหน้า


“บอกมันด้วยล่ะกัน ว่าขอบใจมากสำหรับเมื่อคืน”


“ว่าแต่ กลับบ้านไป ก็ใจเย็นๆหน่อยล่ะกัน - - ร เรื่องพี่โอ้ต กับเพื่อนเค้าน่ะ” ซังมันเลี่ยงที่จะ
เรียกพี่เตว่าแฟน


“อืม .. ไม่เป็นไรแล้วล่ะ อีกอย่างปริ้นก็ไม่อยากโดนต่อยอีก ดูเด๊ะ ยังช้ำอยู่เลย ”

.

.


< - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - >
.

.


ผมใช้เวลาสี่สิบห้านาทีในการขับรถกลับบ้านในเช้าวันนี้ ใจนึงก็อยากจะให้มันถึงช้าๆ
เหลือเกิน รู้สึกตัวอีกทีก็ขับมาถึงประตูบ้านตัวเองแล้ว (โชคดีไม่ขับตกถนน)


“เป็นไงยะ ไม่กลับบ้านกลับช่องเลยนะ งานโรงเรียนสนุกมากล่ะซิ” แม่ผมเหน็บทันที
เมื่อย่างเท้าเข้าบ้านไป


“นิดหน่อยเองอ่า นานๆที - - ก็โทรบอกแม่แล้วหนิ” ผมแก้ตัว


“ให้เพื่อนโทรมาให้เนี่ยนะ”


“ก็ยังดีกว่าไม่บอกเลยล่ะน่า ... จาปีใหม่อยู่แระ บ่นน้อยๆลงหน่อยดิ”


“นี่แม่แกนะ ”


“ก็รู้ว่าแม่ - - ม่ะใช่ป้าข้างบ้าน” พูดเสร็จผมก็รีบหลุบเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับ
ได้ยินเสียงด่ามาอีกเป็นชุดๆ ตามหลังมา


“โอ้ตเค้าจะกลับวันนี้นะ จะไปส่งเค้าเหรอเปล่า” แม่ผมตะโกนผ่านประตูเข้ามา


“อ้าว ไหนว่าจะอยู่ถึงปีใหม่ไง” ผมตะโกนถาม


“ไม่รู้ซิ แต่เห็นเพื่อนเค้าไม่ค่อยสบายนี่นา เลยต้องรีบกลับ” แม่บอก


“เออแม่ ถามไรหน่อยดิ ” ผมตะโกนไปอีก


“แกจะโผล่หัวออกมาจากห้องได้มั้ย ชั้นขี้เกียจตะโกน ” แม่ว่า


“เออ แม่ ... มะเร็งอ่ะ - -” ผมตัดสินใจถามโดยลืมนึกไปว่า ป๊าก็เป็นมะเร็งตับตาย


“ว่าไง”


“มะเร็งนี่เค้ารักษาให้หายได้ป่ะ”


“อยู่ๆถามเรื่องนี้ มีอะไรเหรอ” แม่พูดเหมือนจะผิดสังเกต


“เพื่อนคนนึงเค้าเป็นอยู่อ่ะ - - แต่พึ่งเริ่มเป็น เห็นบอกว่าเป็นเกี่ยวกะเม็ดเลือดขาวนี่ล่ะ” ผมปด


“ถ้าเป็นเม็ดเลือดขาว ก็คงรักษาได้ล่ะมั้ง - - แต่คงต้องใช้เวลา แต่ถ้าเป็นมานานแล้วก็เรื้อรัง
ก็คงยากอยู่” แม่ตอบ


“เหรอ ? ”


“แล้วโอ้ตมันจะ เอ้ย แล้วพี่โอ้ตจะไปกี่โมงล่ะ”


“บ่ายๆล่ะ”


“ตอนนี้เค้าอยู่บนเรือนใหญ่กันใช่ม่ะ” ผมถาม แล้วก็เปิดประตูเดินออกไปจนถึงเรือนใหญ่ ชะเง้อ
คอไปมา ก็ไม่เห็นพี่เตอยู่ด้วยนี่หว่า เหรอว่ายังนอนอยู่ที่ห้องโอ้ตนะ คิดได้แบบนั้นก็เลยเดิน
ย้อนกลับไปดูที่บ้านโอ้ต ก็จริงอย่างที่คิด เมื่อเห็นพี่เตนอนแบ็บอยู่ สงสัยจะป่วยหนักแฮะ..


ผมตัดสินใจเดินเข้าบ้านโอ้ตไปอีกที


“อ้าวปริ้น” ป้าเล็กทักจนผมสะดุ้ง ตกใจหมดนึกว่าไอ้โอ้ต


“เจ้าโอ้ตเค้าอยู่บนเรือนใหญ่นะ” ป้าเล็กบอก


“อ่อ รู้แล้วคับ - - ค คือ ผมมาคุยกับพี่เตอ่ะ” ผมอ้อมแอ้มตอบ


“อื้อ .... ยังไงก็ดูก่อนนะว่าพี่เค้าหลับอยู่เหรอเปล่า ดูท่าทางจะป่วยหนักอยู่เหมือนกัน” ป้าเล็กบอก
ผมด้วยสีหน้าเป็นกังวล (แหม เป็นห่วงลูกสะใภ้เหรอป้า)


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


ผมทำใจ กลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ก่อนจะเคาะประตู


“ไม่ได้ล็อกห้องคับ เข้ามาได้เลยครับ” เสียงพี่เตบอกเซือยๆ แต่ก็ดูเกรงใจอยู่ในที


ผมกลืนน้ำลายอีกเอื๊อกหนึง แล้วก็ค่อยๆเปิดประตูเข้าไปเบาๆ พอพี่เตเห็นว่าเป็นผม
เดินเข้าไป ถึงกะหน้าซีดเผือด ไม่ต้องห่วงหรอกคับ วันนี้ผมไม่ได้มาฆ่าพี่ -*-
(เน้นว่า วันนี้)


“หวัดดีคับพี่” ผมก้มหน้าทักทายพี่เค้าไป


“ครับ สวัสดีครับ น้อง ป ปริ้น...” พี่เตพูดตะกุกตะกักเล็กน้อย พลางกุลีกุจอจะลุกขึ้น


“เออ พี่นอนก็ได้ครับ ไม่ต้องลำบากลุกหรอก” ผมพูดเสียงอ่อน เพราะกลัวว่าพี่เค้าจะ
เข้าใจผิด


“ม.. ไม่เป็นไรครับ พี่พอลุกไหวอ่ะ ” พี่เตบอก แล้วก็ยิ้มแห้งๆให้ผม โห วันก่อนกูทำ
ลงไปได้ยังไงกันนะ ผมเปลี่ยนเดินมานั่งตรงปลายเตียงแทน พี่เค้าจะได้ไม่ต้องลำบาก
ลุกขึ้นมายืนคุย


“ร เรื่องเมื่อวาน ... ผมขอโทษจริงๆนะครับ” ผมยกมือไหว้ด้วยใจจริง เห็นพี่เตรับไหว้
แทบไม่ทัน


“ไม่เป็นไรครับ พ พี่พอจะเข้าใจ ” พี่เตว่า


“เข้าใจว่าอะไรเหรอครับ”


พี่เตดูจะอ้ำอึ้ง แล้วก็ลำบากใจที่จะตอบ แต่ดูเหมือนหน้าผมจะคาดคั้นมั้ง


“ก ... ก็เรื่องที่ เออ โอ้ตกับพี่เป็น เออ .... ”


“ครับ ... ” ผมพูดตัดบท


“พี่คิดว่า คนที่เป็นน้องก...ก็คงไม่พอใจที่เห็น พี่ตัวเองคบ เออ .. คบกับ กับ - - ”


“ผู้ชาย” ผมตอบแทน


“อือ ทำนองนั้นล่ะ”


พี่เตบอกผมเสียงไม่ค่อยดี แต่ดูเหมือนว่าโอ้ตจะไม่บอกว่าผมเคยเป็นแฟนกับมันมาก่อน
แล้วก็ไม่ได้บอกว่าที่ผมบุกมาเมื่อวานนั้นเป็นเพราะอะไร ซึ่งก็คงจะดีกว่าล่ะมั้ง


“ผมก็ตกใจนิดหน่อยครับ ก็เลยลืมตัวไป” ผมเสแสร้งพูดไปตามความเข้าใจของพี่เต


“..............................”



“..............................”


เงียบกันไปพักใหญ่


“เออ .. ผมขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย”


“ครับ” พี่เตรับคำ


“ดูเหมือนพี่โอ้ตจะรักพี่เตมากเลยเนอะ ” หน้าตาผมตอนนี้คงจะเรียกได้ว่าเป็นนักแสดงตุ๊กตุ่นทองได้เลย
ล่ะมั้ง เพราะรู้สึกว่าถามได้เรียบเฉยมาก ต่างจากในใจนี่โคตรร้อนรุ่มเลย ผมเห็นพี่เตนั่งก้มหน้าไม่พูด
ไม่จา


แล้วก็หันมายิ้มน้อยๆให้ผมแทนคำตอบ


“พี่ขอไม่ตอบได้มั้ยครับ น้องปริ้น - - พี่รู้แต่ว่า ... พี่รักโอ้ตมากครับ”


ตึกตึก ตึกตึก ....


ผมรู้สึกว่าหัวใจเต้นถี่ระรัว รู้สึกเจ็บจี้ดๆ แต่ก็ไม่เท่ากับเมื่อวาน หมายความว่ายังไง ตัวเองรักโอ้ตมาก แต่
ไม่รู้เหรอว่าโอ้ตรักตัวเองแค่ไหน


“ขอโทษครับน้องปริ้น - - เพียงแต่พี่ไม่รู้ว่า โอ้ตเค้ารักพี่เหมือนกับที่พี่รักเค้าเหรอเปล่า..เท่านั้นเอง ”
อยู่ๆพี่เตก็บอกออกมา


“ม..หมายความว่าไงครับ - - ผมไม่เข้าใจ” แต่พี่เตก็สั่นหน้าเหมือนกัน เลยไม่อยากจะเซ้าซี้ต่อ เพราะ
ดูท่าทางพี่เค้าก็อัดอั้นเหมือนกัน ตอนนี้กลับกลายเป็นว่า ผมชักจะฉุนไอ้โอ้ตขึ้นมาแทนแล้ว


“ง..งั้นผมไม่กวนพี่แล้วล่ะครับ พักผ่อนล่ะกัน - - เออ ผมขอโทษนะครับ” ผมว่าพลางจะลุก
จากเตียง แต่พี่เตก็คว้าข้อมือผมไว้ก่อน


“น้องปริ้น ค คือ... ขอโทษนะครับ ที่ทำให้ต้องลำบากใจ ร เรื่อง.... - - ”พี่เตว่าไม่ทันจบ
ผมก็เอามืออีกข้างจับมือพี่เตไว้เบาๆ (นุ้มนุ่ม)


“ไม่เป็นไรครับพี่ .... ” ผมยิ้มให้พี่เต และพี่เตก็ส่งยิ้มให้เช่นกัน


พอคุยกับพี่เตเสร็จ พึ่งจะปิดประตูห้องคล้อยหลังไปได้ไม่ทันไร ไอ้โอ้ตก็เปิดประตูบ้านเข้ามา
ซะนี่ ประจวบเหมาะจริงๆ ดูมันตกตะลึงเหมือนกันที่เห็นผมพึ่งออกมาจากห้องนอนที่พี่เต
นอนอยู่


“ปริ้น ... ”


“..........”


“ข..เข้าไปที่ห้องโอ้ตได้ไง”


“ถามแปลก ก็เดินเข้าไปดิครับ จะให้เข้าไปยังไง” ผมกวนตีนกลับไป


“ปริ้น” มันเรียกผมแล้วก็ย่างเท้าเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว มันจะต่อยผมทั้งๆที่จะไม่ถามซักคำเหรอว่า
เข้าไปทำอะไรในห้องอ่ะ ผมหลับตาปี๋เมื่อเห็นมือมันพุ่งเข้ามา


- เอ๊ะ ทำไมยังไม่ต่อยซะทีวะ - ผมค่อยๆแอบลืมตาทีละนิด ปรากฏว่ามันเอามือมาจับที่บริเวณปากที่เป็น
แผลอยู่ ทำเอาต้องรีบสะบัดหน้าหนีกันไม่ทันเลยทีเดียว


“ท..ทำอะไรอ่ะ ” ผมพูดเสียงตะกุกตะกัก


“ขอโทษนะ” มันว่าพลางจะเอามือมาจับอีก


“ไม่จำเป็น ... ” ผมสวมบทนางเอกสุดริดปัดมือมันไปอีกทีนึง นี่กูต้องลงไปนอนกลิ้งร้องไห้อยู่กับพื้น
ด้วยม่ะนี่


“ปริ้น ... ”โอ้ตเรียกชื่อเสียงอ่อย


“รู้แล้วๆ - - แค่เข้าไปขอโทษพี่เตเค้านิดหน่อย พอใจเหรอยัง” ผมตอบแบบกวนโอ้ย ขอไปที


ปั้งงงงงงงงง .....


ไอ้โอ้ตมันเอาสองมือตบไปที่ผนังเสียงดังลั่น โดยมีตัวผมยืนคั่นกลางระหว่างสองมือมัน โอ้ย กูตกใจ
หมดเลย


“เป็นเหี้ยอะไรขึ้นมาอีก ” ผมถามไปด้วยความตกใจปนโกรธ


มันจ้องตามาที่ผมเขม็ง ไม่ยอมพูดอะไร ผมอ่านสายตามันไม่ออกจริงว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่


“โอ้ต - -” ผมพยายามข่มอารมณ์ให้เย็นลง


“โอ้ตรักพี่เตเหรอเปล่า .... ” ผมกลั้นใจถามคำถามเดียวกับที่ถามพี่เตเมื่อกี้ ผมกำลังพยายามตัดใจ
ถ้าโอ้ตบอกว่ารัก ผมก็พร้อมจะจบมันลงตรงนี้ พอกันทีกับสิ่งที่พันธนาการความรู้สึกของผม
อยู่ตอนนี้


“บอกมา ..... - -” ผมทวนคำถาม ความรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างขึ้นมาจุกอยู่ที่คอ


ไอ้โอ้ตยังคงยืนเอามือพิงผนังคล่อมตัวผมเงียบงัน มีแต่เพียงสายตาที่พยายามจะบอกอะไรบางอย่าง
ให้กับผมรู้เท่านั้น ....... แต่เข้าใจมั้ย กูไม่รู้ กูไม่รู้ ทำไมมึงมีอะไรไม่พูด ....


“บอกมา - - -” ผมเอามือไปคว้าคอเสื้อมัน


“บอกมา - - - บอกมา - - บอกมาเซ่ - - ฮืออ บอกมา มึงพูดอะไรออกมามั่ง ฮะ ฮึก บอกกูมา ไอ้โอ้ต - - ”
ผมกระชากคอเสื้อมันเหวี่ยงไปมาพยายามจะกลั้นน้ำตาไม่ให้มันไหลกับเรื่องนี้อีก แต่มันก็ทนไม่ได้
เจ็บใจมากกว่า ว่ามันจะทำอะไรของมัน .... ทั้งๆที่ผมกระชากคอเสื้อมัน แต่มันก็ปล่อยให้ผมทำอยู่นั่นแหละ
เอาแต่เงียบไม่พูดห่าอะไรออกมาซักนิด (มึงเป็นใบ้เหรองายยยยย) จนผมรู้สึกเหนื่อย


“แฮ่ก แฮก .... ”


มันได้แต่มองผมอยู่อย่างงั้น แล้วก็เงียบ เงียบ เงียบ


“มึงเห็นแก่ตัวมากนะ ไอ้โอ้ต” ผมด่ามัน แล้วก็เดินไปดึงคอเสื้อมันอีกรอบ ให้เข้ามาใกล้ตัวผมมากที่สุด


“- - ฟังนะ ..... ทำแบบนี้ คิดว่ามันจะมีอะไรดีขึ้นมาเหรอไง - - ทำแบบนี้ มึงมีความสุ - - ” ผมพูดไม่
ทันจบ ไอ้โอ้ตก็ดึงตัวผมไปกอดไว้


“ปล่อย - - ปล่อยยย ” ผมทั้งเหวี่ยงหมัด ทั้งเตะมันให้หลุดจากอ้อมกอดของมันให้ได้ แต่ก็เปล่า
ประโยชน์ ตัวมันใหญ่ขึ้นเยอะ แรงมันก็เยอะขึ้น แต่ผมก็ยังไม่ยอมแพ้...


“ปล่อยยย - - ปล่อยกูนะ มึงจะทำแบบนี้กะกูไม่ได้นะ - - ฮึก ฮึกก - - ม..มึงจะทำแบบนี้ ม..
ไม่ได้ ไม่ได้นะ ........ ” แล้วในที่สุดความพยายามของผมก็เป็นผลสำเร็จ เมื่อใช้แรงเฮือกสุดท้าย
ดันตัวมันออก แล้วก็ประเคนหมัดเข้าไปที่ท้องมันอย่างเต็มแรง


“อั๊ก ...... ” ได้ผลคับ มันทรุดลงไปกองกับพื้น


ผมเอามือปาดน้ำตาให้ออกไป แล้วก็ดึงไอ้โอ้ตขึ้นมาอีกทีนึง แล้วก็จ้องหน้ามันเขม็ง


“ต่อไปนี้ เรื่องของเรามันจบแล้ว มันจบแล้ว ได้ยินมั้ยยย - -
ดูแลคนที่มึงสัญญาว่าจะดูแลเค้าให้ดี เข้าใจมั้ยยยยยย ”


ผมตะโกนใส่หน้าไอ้โอ้ต แล้วก็ผลักมันล้มลงไปกองอยู่กับพื้นอย่างง่ายดาย(สงสัยยังจุกอยู่)
แล้วก็รีบก้าวเท้าออกไปจากบ้านทันที ในระหว่างนั้นภาพแต่ละภาพที่เคยคบกับไอ้โอ้ตมัน
ค่อยๆผุดขึ้นมาเรื่อยๆ


ภาพที่มันยื่นเสื้อนักเรียนที่พึ่งปักเสร็จสดๆร้อนๆให้กับมือ


ภาพที่มันงอนผมที่ไปนอนค้างบ้านไอ้คิวโดยที่ไม่บอก


ภาพที่มันติวเลขให้กับผม


ภาพจูบแรกของเราสองคนบนเตียงนอน


ภาพที่เล่นน้ำทะเลกันบนเกาะพะงัน


แล้วก็ภาพสุดท้าย ...............


ครึกกก โครมมมมม


ล้อรถที่หมุนคว้างบนถนนเมื่อสองสามปีที่แล้ว ที่โอ้ตมันขับรถไปคว่ำบนถนนเพชรเกษม


“โอ้ตนี่เป็นคนดีจังน้า”


“ฮื้มม ดียังไง ” โอ้ตถาม


“ โอ้ตมันคงจะหักหลบคนซินะ ทั้งๆที่สถานการณ์แบบนี้ คนบ้าวิ่งตัดหน้าแบบนี้ ….
มันยังยอมเลือกให้ตัวเองเจ็บ”


ทำไมมึงต้องยอมให้ตัวเองต้องเจ็บด้วยวะ ทำไมมึงต้องไปแคร์คนอื่นเค้ามากขนาดนี้ด้วย ไอ้โอ้ต


ผมปิดประตูบ้านเสียงดังสนั่น ยืนหอบแฮ่กๆ อยู่หน้าบ้าน พลางปาดน้ำตาออกให้ไม่เหลือคราบ


- พ..พอกันที - - ในเมื่อรักแล้วมันทำให้เจ็บปวดแบบนี้ กูก็จะไม่รักใครอีกแล้ว !! - ผมคิดกับตัวเอง


- เออก็ดี .. กูถึงได้บอกไง มึงเจ็บ - - กูก็เจ็บ - เสียงใครบางคนเปล่งออกมาจากจิตใต้สำนึกของผม


.

.


ติ้ดดด ติ้ดดดดดด ติ้ดดติ้ดดด ติ้ดดดดดด ติ้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด


- สัด ใครโทรมาตอนนี้วะ ไม่รู้จักเวล่ำเวลา -


“โหล”


“เป็นเหี้ยไร รับโทรสับช้าชิบหาย” เสียงไอ้นิคดังมาจากปลายทาง โอ้ย กูปวดหัว...


.

.

.

.

.

.


ออฟไลน์ GoneOn

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #103 เมื่อ06-11-2006 10:27:31 »

ไม่ได้หนีไปไหนหรอกค่ะคุณ blue คือว่าแอบอ่านอยู่ที่ทำงานอ่ะค่ะ  :-[

แล้วก้อหยุดวันอาทิตย์ไป ก้อเลยไม่ได้อ่านต่อ แต่พอเช้ามา ก้อรีบมาตามต่อเลยนะเนี่ย

ยังไงก้อรีบมาลงต่อนะค่ะ  :yeb:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #104 เมื่อ06-11-2006 10:49:05 »

โดน โคดๆๆๆ

ถ้าคนเรามันบังคับหัวใจให้รักกันได้ มันจะเรียกว่าความรักเหรอวะ - - รักมันต้องออกมาจาก
หัวใจซิ ปล่อยให้มันเป็นตามธรรมชาติเหอะปริ้น - - ถ้าไม่รัก ก็คือไม่รัก แต่ถ้าเกิดมาคู่กันจริงๆ จะหนีกันยังไง มันก็ไม่พบหรอก”



ชอบประโยคนี้ โคดๆๆ

ขอบคุณนะครับ บลู
 :-[









ปล.

มูมู่น้อย  อ่าว ทำไมน่ารักไปหมดเลยหล่ะ เหลืออีกคนนะที่น่ารักกว่า แหะๆ ผมชอบคนนี้มากๆหง่ะ  :myeye:

หมูพูห์  คิกคิก สบายดีครับ แต่คงสู้คนที่โทรศัพท์หาแฟนทุกวันไม่ได้หรอก ช่ายม้า คิกคิก   :angellaugh2:

บลูก้อ.... จะบอกว่าชอบพูห์ก็บอกมาตรงๆ เหอะครับ

ว่าแต่ อย่าไปบอกเขาสิครับ ว่าโทรหาทุกวัน เค้าเขินลลลลน่ะ :-[


พูห์

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #105 เมื่อ06-11-2006 12:36:09 »

กำ ผมมะเกี่ยวน้า เคลียร์กันเอง ชะแว๊บๆ
 :pigscare2:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #106 เมื่อ06-11-2006 12:39:35 »

เอาเหอะน้า

ร้ายก็รักครับ :kikkik:


ปล.


บอกแล้นว่าเลือกไม่ถูกเจงๆๆ :untrust:


พูห์

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #107 เมื่อ06-11-2006 13:21:53 »

หึหึ  เล่นกันน่ารักดีเนอะ  สามคนเนี่ย  สามคนนี่หมายถึงหมูพูห์ โย เรย์นะ  เล่นไรกันอะ  เล่นด้วยดิ  :untrust:

ตอนนี้ก็ยังสงสารน้องโค้กกกกกก  ไม่อาววววว  ฮือ ฮือ  สงสัยจะเป็นนิครึเปล่า  ที่มาทำให้ปริ้นหวั่นไหวอีกทีอะ  นิคปะที่เรย์บอกว่าน่ารักกว่าอะ   ตอนนี้ยังเฉย ๆ กับนิคอยู่  ต้องอ่านเพิ่มก่อน    มาต่อเลยคะ  อยากอ่านแล้วววววว  ลงแดงง   :serius2:

ปล  สุขสันต์วันลอยกระทงค่ะ 

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #108 เมื่อ06-11-2006 15:15:22 »

GoneOn  อ่าดีนะที่อ่านเรื่องนี้ ถ้าไปอ่านเรื่องอื่นระวังน้ำตาร่วงให้คนอื่นๆเห็นน้า คิกคิก  :angellaugh2:

หมูพูห์  ถ้าคนเรามันบังคับหัวใจให้รักกันได้ มันจะเรียกว่าความรักเหรอวะ - - รักมันต้องออกมาจาก
หัวใจซิ
โดนด้วยครับ รักมันไม่มีเหตุผลอ่ะครับ   :impress:

ไม่รู้มันเริ่มจากตรงไหน และไม่รู้ว่าจะจบลงเช่นไร

YO_OY อย่างที่ผมบอกครับ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์  อย่าเครียดไปครับ ขำๆ  :yeb:

หมูพูห์ ถึงขนาดเลือกไม่ถูกเลยหรือครับ ใช้หัวใจเลือกสิครับ  :love2:


มูมู่น้อย  ครับถ้าอ่านเรื่องราวอย่างละเอียดในภาค5 จะบอกว่าไม่รู้จักนิคเลยเป็นไปไม่ได้ครับ
ผมชอบนิคเพราะมันออกมาจากหัวใจครับ  อันแน่แอบไปลอยกระทงกับใครมาหนอ พึ่งมาอ่าน
เพื่อนๆรออยู่น้า คิกคิก อย่าไปเป็น กขค พวกเขาเลยครับ มาเล่นกันสองคนก่อนละกัน เอิ้กๆ
(โป๊ก เคยตัว ว่าจะไม่หยอดใครแล้วเชียว คิกคิก)
 :00210030:

***********************************************************************************
Title: ไม่เสียใจที่รักเธอ
Artist: สุเมธ แอนด์ เดอะปั๋ง
Album: กาลครั้งหนึ่ง... ความรัก
Label: Genie Records
Words: ปิติ ลิ้มเจริญ
Music: ปิติ ลิ้มเจริญ

[wma=300,50]http://www.switchpod.com/users/keepidea/ไม่เสียใจที่รักเธอ.MP3[/wma]

อาจจะไม่มีเหตุผลใด จะอธิบายบางเรื่องราว
เช่นเมื่อหลับตาก่อนนอนทุกคราว เหตุใดยังคอยคิดถึงเธอ

* ทั้งที่ก็รู้ว่าเธอมีใครอยู่ รู้ทั้งรู้ไม่ควรรักเธอ
เฝ้าบอกกับตัวเองห้ามใจอยู่เสมอ แต่แล้วก็ยังต้องปล่อยให้มันเป็นไป

** ไม่รู้มันเริ่มจากตรงไหน และไม่รู้ว่าจะจบลงเช่นไร
แต่สิ่งที่รู้คือวันนี้ หมดทั้งหัวใจ ฉันมีเพียงแต่เธอ (เท่านั้น)

แค่อยากจะคอยอยู่ใกล้ๆเธอ และอยากให้เธอสบตาฉันบ้าง
แค่อยากให้รู้ว่ามีคนข้างๆ ที่ยังเฝ้าคอยรักเธออยู่อีกคน

(ซ้ำ * / **)

(ซ้ำ ** / **)

ฉันอาจจะต้องเจ็บปวดถ้ารักเธอต่อไป

แต่ไม่เสียใจที่ได้รักเธอ

ขอบคุณ warpboyza สำหรับเพลงดีๆแบบนี้ด้วยนะครับ  :myeye:
http://thaiboylovestory.ueuo.com/webboard/index.php?topic=441.0





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-11-2006 15:26:48 โดย b|ue B[o]Y hUb »

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #109 เมื่อ06-11-2006 15:21:04 »

.คราวหน้าจะเป็นตอนจบของเรื่องแล้วนะครับ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาตลอด
ผมขอโทษคุณ staying power ด้วยนะครับ
ที่รีบลงเรื่องไปเพราะมีบางคนเคยอ่านภาค4 มาแล้วอยากอ่านภาค5 ต่อเลยอ่ะครับ
เพื่อนๆคงอ่านตามกันไม่ทัน
เลยไม่ค่อยได้คอมเม้นต์
ผมรู้สึกผิดมากที่เอาเรื่องราวดีๆมาลงให้
แต่ทำได้ไม่ดีพอ เพื่อนๆจึงยังตามอ่านกันไม่ทัน
ขอบคุณนะครับ สำหรับเรื่องราวดีๆ

อยากให้เพื่อนๆคอมเม้นต์ถึงคนเขียนด้วยนะครับ
ใกล้จะจบแล้ว
******************************************************************************************************************

.
ท้องฟ้าสีครามตัดกับผืนทะเลที่เห็นเป็นเกลียวคลื่นสีขาวซัดอยู่ไกลๆ ชวนมองให้รู้สึกผ่อนคลาย
อย่างบอกไม่ถูก ผมค่อยๆเดินเลียบริมชายหาดมาเรื่อยเปื่อย สายลมที่พัดโกรกมาทำให้รู้สึกว่า
ตัวเองอารมณ์เย็นลงอีกเยอะ


ถ้าไม่อยากจะเจ็บ ก็อย่าริรัก - - ยิ่งคิด ผมก็ยิ่งหดหู่ ที่ผมรู้สึกแย่ในตอนนี้ ไม่ได้เป็นเพราะเจ็บ
เพราะความรัก แต่แย่เพราะสิ่งที่ผมคิดอยู่ต่างหาก .... คนเรา จะรักกันไปทำไม เมื่อสุดท้ายแล้ว
มันก็ต้องจบด้วยการจากลา ไม่วันใดก็วันนึง


- อยู่คนเดียวไม่ดีกว่าเหรอไง -


ติ้ดด .........ติ้ดดด ติ้ดดดดดดดดด ติ้ดดดดด


- สัด ใครโทรมาวะ ไม่รู้จักเวล่ำเวลา -


“โหล”


“เป็นเหี้ยไร รับโทรสับช้าชิบหาย” เสียงไอ้นิคดังมาจากปลายสาย มึงทักทายเพื่อนแบบนี้เหรอ


“มีอะไร ? ”


“น...นี่ คนเค้าโทรมานี่ มึงถามแบบนี้ได้ไงเนี่ย” มันต่อว่า


“กูอารมณ์เสียอยู่ - - มีไรเป่า” ผมบอกมันพลางทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นทรายแถวๆนั้น


“เสียงมึงไม่ค่อยชัดเลย อยู่ไหน”


“อยู่ริมทะเล ลมมันตีมั้ง” ผมว่า


“มึงจะกลับมาเมื่อไร ” มันถาม


“บอกแล้วไง คงหลังปีใหม่” ผมตอบพลางเอานิ้วเขี่ยทรายเล่น


“เป็นไรเปล่าวะ - - ไม่ค่อยพูดค่อยจา” มันถาม


“ไม่เป็นไรหรอก” ผมพูดพลางเงยหน้ามองทะเล แสงแดดยามบ่ายแผดเผาจนคนไม่กล้า
จะลงไปเล่นน้ำ ผืนทะเลจึงดูโล่งผิดหูผิดตา


“เออ .. ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก - - ไงอีกสองสามวันเจอกันล่ะกัน” มันพูดเสียงเบาลง


“นิค - -”


“ฮืม .. ”


“มึงหายงอนกูแล้วเหรอ”


มันเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะตอบกลับมา


“ไอ้ควาย!! ใครงอนมึง ทำไมกูต้องทำแบบนั้นด้วยวะ - - อย่าสำคัญตัวมึงผิดเซ่” มันละล่ำละลักตอบ
กลับมาจนทำเอาผมยิ้มที่มุมปาก


“เหอะ เหอะ - -” กูนึกว่างอน


“เหี้ย .. กูไม่ใช่เกย์นะ ทำไมต้องมางอนมึง” มันพูดย้ำแล้วย้ำอีก


“อ่ะ ไม่งอนก็ดีแล้ว เปิดเรียนมึงอย่าโดดล่ะกัน แค่นี้แหละ” ผมพูดเสร็จก็วางสายมันไป แล้วก็นั่งทอด
หุ่ยอยู่แถวนั้นซักพัก รอให้ใจสงบซักพัก


- นิก มึงไม่ใช่จริงๆเหรอวะ - - ทำไมกูถึงสัมผัสรังสีม่วงเกย์ม่าออกจากตัวมึงได้ชัดขนาดนี้อ่ะ


ผมคิดในใจแล้วก็อดขำไม่ได้ ในเมื่อมันบอกไม่ใช่ก็ไม่ใช่ดิวะ แต่สิ่งที่มันทำอะไรให้ผมอยู่แบบนี้
ก็ทำให้ใจหวิวๆได้เหมือนกันนะ


“แม่ พวกนั้นกลับกันหมดแล้วเหรอ .... ” ผมทักแม่เมื่อเข้ามาในบ้าน แถมยังแปลกใจหน่อยๆว่า
แม่กลับมาเร็วจังวะ ... แต่พอเหลือบดูเวลา ก็ปาเข้าไปเกือบสี่โมงครึ่งแล้ว กูเดินใจลอยได้นาน
ขนาดนั้นเชียว


“อืม .. ไปก่อนจะกลับมาอีก” แม่ผมบอกแล้วก็เดินไปหยิบอะไรบางอย่างมาให้


“ป้าเล็กเค้าฝากมาให้แหน่ะ บอกว่าเจ้าโอ้ตเค้าฝากไว้ให้ก่อนจะไป” แม่ผมบอกแล้วก็ยัดสมุดเล่มนึง
ให้ผมไว้


“รู้สึกว่าเที่ยวนี้เจ้าโอ้ตเค้าจะไปนานเลยนะ เห็นป้าเล็กบอกว่า จะกลับมาอีกทีก็เรียนจบโน่น” แม่ผม
ว่าพึมพำ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจฟังเพราะเมื่อเปิดไปในสมุดที่ไอ้โอ้ตฝากไว้ให้กับผม ก็มีเศษกระดาษ
โน้ตร่วงลงพื้น


- ฝากปริ้นเก็บไดอะรี่เล่มนี้ไว้ก่อนนะ ... จะกลับมาเอาคืนตอนเรียนจบ ........ -
- โอ้ต -


ผมอ่านข้อความแล้วก็ได้แต่สั่นหัว .. รู้สึกมึนตึบ เฮ้อ.. จะมาเอาอะไรกะกูอีกวะโอ้ต มึงไม่ยอมปลด
โซ่ตรวนที่มึงทำกะกูไว้เมื่อปีก่อนอีกเหรอไง มึงคงเห็นว่ากูยังรักมึงอยู่อะดิ มึงถึงทิ้งไพ่ตายเป็นไดอะรี่
เน่าๆ (แถมไม่ได้เขียนถึงกูไว้อีกตะหาก) ให้เก็บไว้เนี่ย ฝันไปอ่ะเป่า ...?


“เอ้า ยืนทื่ออะไรอยู่นั่นแหละ มาช่วยขนกับข้าวในรถมาหน่อยซิ ” แม่ผมเอ็ดจนสะดุ้ง


“รู้แล้วน่า ... ” ผมว่าแล้วก็หลิ่วตาให้ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอน แล้วก็จัดการสอดไดอะรี่เน่าๆของ
ไอ้โอ้ตที่ชั้นหนังสือ แล้วก็รีบเผ่นแหล่วไปขนกับข้าวกับปลาในรถมาก่อนจะโดนท่านแม่เอาแส้เฆี่ยน
จนได้


- หวังว่าตอนที่มึงมาเอาคืน ... กูคงไม่ลืมไปก่อนนะว่าเก็บไว้ที่ไหน -

.

.


< - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - >
.

.

00.0 น. คืนวันจันทร์ที่ 1 มกราคม 2001


วันนี้ดิ ถึงจะเป็นวันฉลองครบรอบสหัสวรรษที่แท้จริง คืนนั้นผมได้รับทั้งข้อความ ทั้งสายโทรสับ
มากมายตามธรรมเนียมปฏิบัติ(เหรอเปล่า)


“เป็นไง สวัสดีปีใหม่โค้ก ... ” มันเป็นสายแรกแล้วก็สายเดียวที่ผมเป็นฝ่ายโทรออก(ได้)ไปหา


“หวัดดีปีใหม่พี่ปริ้น” เสียงมันทักด้วยความดีใจ


“55 เอาไงแน่วะ เด๋วมีพี่ไม่มีพี่ กูงงนะเนี่ย” ผมแซว ก็ได้ยินเสียงมันหัวเราะแห้งๆกลับมา


“ก็.... ผมไว้รอให้พี่ปริ้นอยากให้ผมเป็นมากกว่าน้องก่อนล่ะกันครับ ถึงตอนนั้น - - อืม... แต่ว่า
ถึงจะเรียกยังไงผมก็ยังรู้สึกแบบเดิมกับพี่นะ ”


“เฮ้ออ มึงนะไอ้โค้ก .. จามาจมปลักอะไรกะคนโง่ๆแบบนี้ว้า” ผมว่ามัน


“55 อืมมมม...... ผมก็คงโง่เหมือนพี่ล่ะคับ ที่ไม่ยอมไปชอบคนอื่น ”


ไอ้โค้กตอบกลับมาด้วยเสียงแจ่มใส

“ขอบใจนะ”


“ไม่เป็นไรครับ - - ว..ว่าแต่ ให้พรผมหน่อยดิ ปีใหม่ทั้งที”


“เอ่อเว้ย กูม่ะใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์นะ มาขอพรส่งเดช” ผมด่ามันไป


“คิคิ ...คับ พรจากคนที่ผมรักยังไงก็ศักดิ์สิทธิ์อ่า” มันพูดแล้วก็หัวเราะร่วน


“อุแหวะ ... เด๋วได้อ๊วกรดอีกรอบหรอกไอ้โค้ก เด๋วนี้ช่างหยอดนะเนี่ย” ผมด่ามันไปอีกรอบ


“ก็หยอดจนกว่าจะใจอ่อนล่ะครับ เสียงมันทีเล่นทีจริง


“เออๆๆ ยังไงก็ตั้งใจเรียนนะ ตั้งใจเอนฯด้วย แล้วก็หายไว้ๆนะ ขาอ่ะ - - ล..แล้วก็ เจอคนที่
เป็นเนื้อคู่ซะทีนะ


“ข้อนั้นไม่ต้องให้หรอกครับ ผมเจอแล้ว - - แต่เค้าเล่นตัว ดูมันพูดกระแนะกระแหน่


“งั้นแค่นี้นะ กวนประสาทกูเจง” ผมพูดทำท่าจะวาง


“เฮ้ยๆ เดี๋ยวซิ - - นานๆโทรมาที ไม่ต้องรีบโทรไปหาคนอื่นหรอกน่า” มันว่า


“ไม่โทรเว้ย - - ก็โทรหามึงนี่ล่ะคนแรก ”


“จริงดิ ... - - แบบนี้แสดงว่าพี่ปริ้นก็เริ่มชอบผมแล้วดิ” ดูมันพูดเข้าข้างตัวเอง


“เออ คงงั้นมั้ง”


“เอ้ย เอาเจง ”


“กูพูดเล่น”


“แป่วว ซะงั้นอ่ะ ”


ผมกะมันคุยกันจนโทรสับแบตหมด คืนนั้นปรากฏว่าค่าโทรสับผมบานเลย -_-‘’ ตื่นเช้ามาพอเปิดโทรสับ
มาปุ๊บ ข้อความอีกเพียบที่ส่งค้างไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ในนั้นก็มีทั้งของไอ้โอ้ต แล้วก็ไอ้นิค


- สัด กูโทรหาไม่ติด เวิร์ดเทรดปีนี้มันส์โคด เสียใจด้วยที่มึงไม่มา สมน้ำหน้า :p -


ผมอ่านข้อความมันไปก็อมยิ้มไป แล้วก็ส่งกลับไปหามัน


- กลับไปคราวนี้มึงเตรียมตัวเป็นเมียกูให้ดีรับปีใหม่เหอะ อิ_อิ –


ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา ก็มีข้อความส่งถึงผม (คาดว่าที่ไม่ส่งทันทีเพราะว่ามันยังไม่ตื่น)


- Kเหอะ กูไม่ใช่เกย์ แสดด –

.

.


< - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - >
.

.

“เฮ้ย ปริ้น ... พี่ว่าพอหมดเทอมนี้แล้ว จะย้ายหอไปแถวๆ มอ.อ่ะ จะย้ายไปด้วยกันเปล่า”
พี่ท็อปถามผมหลังจากกลับมาถึงหอได้ซักพัก


“อ้าวเหรอพี่ - - เออ เอาไงดีวะ”


“ไม่ต้องรีบคิดก็ได้ บอกไว้ก่อนอ่ะ” พี่ท็อปว่า แล้วก็จัดข้าวของเข้าที่เข้าทาง ดูเหมือนว่าจะกลับ
มาถึงก่อนผมไม่กี่ชั่วโมง


“พี่ท็อปจะย้ายช่วงเดือนไหนอ่ะ”


“พฤษภาโน่นหว่ะ อีกนาน ”


“อ่อ งั้นก็ดีคับ เพราะกะว่าจะเอนฯใหม่พอดี”


“เหรอ - - จะเรียนไรล่ะ”


“คงพวกคอมๆไรเทือกนี้แหละ”


“ก็ดีๆ เข้าที่ xxx ก็ดีเหมือนกันนะ” พี่ท็อปเสนอ


“ก็คิดว่าจะลองที่นี่เหมือนกันล่ะพี่ - - แต่คะแนนผมยังขาดอยู่อีกนิดหน่อย สงสัยต้อง
เอนฯรอบสองเพิ่มคะแนนอีกทีอ่ะ”


“ก็พยายามอ่านหนังสือเข้าล่ะกัน มึงก็ไม่ได้โง่มากมายไร” พี่ท็อปตบหัวให้กำลังใจผมทีนึง


“แล้วที่รามล่ะ จะเลิกเรียนเหรอ”


“ดูก่อนพี่ ถ้าเอนฯติดก็อาจจะ - - แต่ถ้าเรียนไหวทั้งสองที่ก็เรียนคับ”


“เหอะๆ จับปลาสองมือระวังจะไม่ได้ซักตัวนาเว้ย”


“ค๊าบพ่อ ... ” ผมยกมือไหว้พี่ท็อปทีนึง แล้วก็รีบหลบลูกเตะไปทั่วห้อง พี่แกตีนไวจริงๆ


วันรุ่งขึ้นผมก็เป็นวันเปิดเรียนวันแรกหลังจากหยุดยาวปีใหม่ อะไรๆก็ดูเหมือนเดิม เว้นแต่ ....ผม
ต้องนั่งรถเมล์มาเรียนเอง จากหอพี่ท็อปมาราม 2 แทบจะต้องตื่นตั้งแต่ตี 5


“หวัดดีปริ้น” โบเพื่อนสาวทัก หลังจากไม่ได้เจอหน้ากันสัปดาห์กว่าๆ ผมลงจากรถมาเจอมันพอดี


“อ้าว ไม่ได้เอารถมาเหรอ” โบถาม


ผมสั่นหน้า


“เอาไว้ให้แม่ใช้อ่ะ ไปมาลำบาก อยู่ต่างจังหวัด ” แหม ได้เครดิตลูกกตัญญูไปอื้อแน่กู หลังจากที่
โดนค่อนขอดมานาน


พอเดินมาได้ซักพัก ก็มาเจอไอ้กอร์ฟเตี้ย โดยปกติไอ้นี่มักจะมาเช้าตรู่อยู่แล้ว ทั้งที่มีเรียนตั้งเก้าโมง
พอใกล้เวลาเรียน ผมก็เห็นกลุ่มไอ้นิคกำลังจะเดินเข้าชั้น


“นิคอ่ะ ? ” ผมเดินไปถามเพื่อนมันคนนึง (จริงๆก็เป็นเพื่อนผมด้วยล่ะ)


“ยังไม่เห็นหัวเลยหว่ะ สงสัยไม่มามั้ง ” เพื่อนมันว่า


ผมเกาหัวแกร่กๆ


สงสัยมันคิดว่าผมจะเอารถไปรับมันเป่าวะ ผมก็ลืมบอกมันไปด้วยว่าไม่ได้ใช้รถแล้ว
เลยกดโทรสับหามัน


“ท่านกำลังเข้าสู่บริการฝากข้อ - - - ”


ปิดเครื่องอีก ... เหรอว่ายังไม่ตื่นฟ่ะ ผมคิด แล้วก็เดินเข้าชั้นเรียนไปกะพวกเพื่อนๆ
แต่พอชั่วโมงบ่าย ก็ยังไม่เห็นหัวมันอีก พอโทรหาก็ปิดเครื่องเหมือนเดิม


“ไอ้นิคมันเป็นไรเป่าวะ” ผมพูดขึ้นกลางวงซึ่งกำลังจะกลับบ้านกัน ไอ้พวกนั้นมองหน้าผม
แบบสงสัย เพราะนึกว่าผมกะมันไม่ถูกขี้หน้ากัน


“เป็นห่วงไรนิคมันนักหนาวะ วันนี้เห็นถามถึงมันตลอด” ไอ้กอร์ฟดันสงสัยขึ้นมา


“ห่วงไร ไม่ได้ห่วง” ผมบอกปัด


“แต่วันนี้เห็นแกพูดถึงนิคเค้าตลอดทั้งวันเลยนี่นะ” คราวนี้เป็นไอ้กิ๊ฟเสริม


“จริงดิ .. ” ผมหันไปถาม


“เออ ... ” เสียงพวกมันประสานเสียงรับพร้อมกันดังหมาหอนเป็นทอดๆ


“แยกพงเพชรคับ” ผมบอกพลางหยิบแบ็งยี่สิบให้กับกระเป๋ารถเมล์ หลังจากที่แยกย้าย
กับเพื่อนที่เสารีย์แล้ว รถออกไปได้ซักพักนึง อยู่ๆก็นึกขึ้นมาได้ว่า ไปดูไอ้นิคที่บ้าน
มันหน่อยดีกว่า ไหนๆก็เป็นทางผ่านอยู่แล้ว (ข้ออ้าง) แต่ดูเหมือนผมจะคิดผิดถนัด
เพราะว่าตอนที่ผมมาบ้านมันนั้น ขับรถยนต์มานี่หว่า แต่คราวนี้ผมต้องเดินเข้าหมู่บ้าน
มาไกลชิบหาย กว่าจะเดินถึงบ้านมันได้เล่นเอาหอบแฮ่ก ...


ผมกดโทรสับหามันอีกที ก็ยังปิดเครื่องอยู่ เลยชะโงกผ่านประตูรั้วบ้าน มองไปทาง
ห้องมัน ก็เห็นอะไรแว่บๆ เหมือนเปิดทีวีอยู่


อ้าว ก็อยู่บ้านนี่หว่า แล้วแม่งไม่ไปโรงเรียนวะ ผมสงสัย เลยกดออดหน้าบ้านมัน
ผ่านไป 5 นาที ยังไม่มีใครเดินมาเปิดประตูบ้าน ผมเลยสนอง need กดไปรัวๆอีกสิบกว่าที
ปรากฏว่าไม่มีใครเดินออกมาด่าซักคน พ่อแม่ พี่มันไปไหนหมดวะ ... ตอนนั้นผมชักอารมณ์
เสียแล้ว กูอุตสาห์มาหาถึงบ้าน ไม่ยอมลงมาเปิดประตูให้ซะที ที่ผมแน่ใจหยั่งงั้นเพราะว่าใน
ห้องไอ้นิคมันต้องมีคนอยู่แน่ๆ


ฟ้าเริ่มมืดลงอย่างรวดเร็วเพราะเป็นช่วงหน้าหนาว ผมหันหลังมองไปยังทิศที่จะต้องเดินกลับ
แล้วก็ไตร่ตรองอยู่แป็บนึง


เอาวะ ... อย่างน้อยก็ต้องให้มันขี่มอไซต์ไปส่งป้ายรถเมล์ให้ได้ กูไม่ยอมเดินกลับหรอก !


ผมหันซ้าย หันขวาที แล้วก็ยกมือประนมไหว้ สะพายเป้แนบตัว แล้วก็จัดการกระโดดขึ้นไป
บนกำแพง แล้วก็ปีนรั้วสแตนเลสข้ามลงไปอย่างสวยงาม (คุก..) ผมค่อยๆเดินย่องเข้าไปใน
บ้านมัน สังเกตุเห็นว่ารถยนต์ที่บ้านมันไม่อยู่ พอเอื้อมไปบิดลูกบิดประตูเท่านั้นแหละ ทำให้
นึกได้ว่า ถึงจะเข้ามาในบ้านมันได้แล้วแต่ประตูมันล็อกอยู่ กูจะทำยังไงล่ะโว้ย ... แต่สายตา
ผมก็เหลือบไปที่ห้องไอ้นิค ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นห้องนั้น .... ข้างๆห้องมีต้นม่ะม่วงสูงชะลูดอยู่


ปิ้งงง .... !!!!


ผมมองสำรวจที่ม่ะม่วงต้นนั้น พอเห็นว่ากิ่งมันไม่เล็กจนเกินไป ก็จัดการโหนตัว แล้วก็ค่อยๆ
ปีนขึ้นไปช้าๆ พลางคิดในใจว่า กูกำลังทำอะไรอยู่นี่ - - ใครมาเห็นเข้านี่ขโมยชัดๆ แต่มือ
กับเท้าผมก็พาตัวเองกระโดดลงมาที่ระเบียงห้องไอ้นิคได้แล้วล่ะ


ผมค่อยๆเดินแล้วก็ชะเง้อว่ามีคนอยู่ในห้องเหรอเปล่าผ่านทางหน้าต่าง ก็เห็นไอ้นิคนอน
ห่มผ้าอยู่บนเตียง อ่า ... รอดตายแล้ว มึงไปส่งกูซะดีๆ


ก๊อก ก๊อก ก๊อก .....


ไอ้นิคยังนอนนิ่งเงียบ


ก๊อก ก๊อก ก๊อก .....


ไม่ไหวติง


โครม โครม โครม


ผมเอาตีนกระแทกที่ประตูห้องฝั่งระเบียงมันเต็มแรง ได้ผลคับ มันสะลึมสลือลุกขึ้นมา ทำหน้า
งงๆนิดหน่อย


“นิค - - กูอยู่นี่ เปิดประตูให้กูหน่อย” ผมตะโกนเรียกมันผ่านหน้าต่าง หน้ามันตอนนี้ยิ่งงงเป็นไก่
ตาแตกเข้าไปอีก แต่ก็เห็นมันค่อยๆลุกขึ้นมาแล้วก็เดินมาเปิดประตูระเบียงให้ผม แมม่ ช้าอิ๊บอ๋าย


“มึงมาอยู่ตรงนี้ได้ไง แค๊กๆ” เสียงมันดูเป็นหวัด แต่เหมือนงงมากกว่า


ผมดันตัวมันให้เข้ามาในห้องก่อนที่จะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังว่าทำไมถึงมาโผล่ที่ระเบียงมันได้
เห็นมันยิ้มชอบใจอยู่หน่อยๆ


“ยิ้มเหี้ยไร ... นอนอยู่นั่นแหละ กูกดออดไม่ได้ยินเลย” ผมด่ามัน


“ไม่ได้ยินเจงๆ” มันพูดเหนื่อยๆ แล้วก็เดินล้มตัวลงไปนอนอีกรอบ


“หยิบผ้าห่มให้หน่อย” มันบอกเพราะว่าผมนั่งทับผ้าห่มมันอยู่


“สำออยๆ ไปส่งกูก่อน แล้วค่อยนอน” ผมว่ามันอีก แล้วก็ลุกขึ้นสะบัดผ้าห่มแต่ยังไม่โยนให้มัน


“มาเองก็กลับเองเด๊ะ ค๊อก ค๊อก ... - - กูไม่สบายเจงๆ” มันว่าเสียงอ่อย


“โหย กว่าจะเดินมาบ้านมึงได้เนี่ย ขาลากเลยนะ ไปส่งกูหน่อยดิ นะ นะ” ผมพยายามพูดดีกะมันสุดริด


“เดินไม่ไหว มึงก็ค้างที่นี่ล่ะกัน - - คืนนี้บ้านกูไม่มีคนอยู่หรอก แค๊ก .. ” มันว่า แล้วก็ก่อนที่ผมจะอ้าปาก
พูดอะไรออกไป มันก็รีบออกตัวก่อน


“- - ไม่ต้องมาทำสะดิ้งหรอก กูไม่มีแรงทำไรมึงหรอก แล้วถึงมีก็ไม่ทำด้วย กูไม่ได้เป็นเกย์ ” ดูมันร้อนตัว
พูดขึ้นมา


“ขอผ้าห่มหน่อย กูหนาวจริงๆนะเนี่ย” มันว่า แล้วก็ลุกขึ้นมาแย่งผ้าจากผม แต่ดูมันเหมือนไม่ค่อยมีแรงจริงๆ
ก็เลยแย่งไปไม่ได้ซะที (ถ้าปกติมันคงกระชากจนล้มไปแล้วมั้ง)


“ไปส่งกูก่อน” ผมยังยื้อผ้าไว้


“ไอ้ปริ้น กูไม่สบายจริงๆ เนี่ย ... - -” มันพูดไม่จบ แล้วก็ล้มตัวลงไปนอนคุดคู่อยู่บนเตียงแทน


“แล้วนี่บ้านมึงรู้เป่าเนี่ย ว่าไม่สบายขนาดนี้” ผมว่าพลางเลิกแกล้งมัน แล้วก็เอาผ้าห่มไปคลุมตัวมันไว้


มันทำพยักหน้าทั้งๆที่หันหลังให้ผม โห น่ารักตายห่า


“แล้วนี่มึงได้กินข้าวกินปลามั่งเป่าเนี่ย” ผมถามมันอีก


ผมเห็นมันส่ายหัว


“เอ้า ไม่แดกข้าว แล้วจะแดกยาได้ไง”


มันส่ายหัวอีก ดื้อชิบหาย


“นิค มึงหันหน้ามาคุยกะกูดีๆได้ม่ะ - - แล้วมึงก็ไปหาข้าวแดกก่อน ไม่งั้นจะหายได้ไงวะ”
ผมว่ามัน แต่มันก็ยังหันหลังให้นอนนิ่งเงียบ


เห็นแบบนั้นผมก็ชักฉุน มันไม่สบายแล้วของขึ้นเหรอไงฟ่ะ เออ ไม่ยุ่งก็ไม่ยุ่งวะ แม่งงง


“เออ กูกลับเองก็ได้ ... ” ผมกระแทกเสียงใส่ แล้วก็เดินออกจากห้องมันมาเลย กูอุตสาห์มา
หามึงเพราะเป็นห่วงนะเนี่ย แล้วมาทำง้องแง้งใส่อีก ปัญญาอ่อนเป่าวะ ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ
พอผมเดินลงมาชั้นล่างก็พบว่า ด้านล่างมืดไปหมดแล้ว


เงียบจังเว้ย ผมคิด แล้วก็มองไปด้านบนที่ห้องไอ้นิค


อยู่คนเดียวหยั่งงี้มากี่วันแล้วนะ - - แถมยังไม่สบายอีก คิดแล้วอดเป็นห่วงมันไม่ได้แฮะ
จำได้ว่าก่อนปีใหม่ที่ผมจะกลับบ้าน มันเหมือนจะพูดชวนผมอะไรซักอย่าง แต่มันก็ไม่ได้
พูด ....


“อืม .... ช่วยไม่ได้” ผมว่าพลางถอนหายใจ แล้วก็ค่อยๆคลำหาสวิตซ์ไฟไปเรื่อยๆ
.

.


< - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - >
.

.

“นิค ... นิค ”


ผมค่อยๆ เขย่าตัวมันเบาๆ หลังจากจัดการกับอะไรบางอย่างเรียบร้อยแล้ว พอขึ้นมา
ก็ยังเห็นมันนอนคุดคู้อยู่ในโปงผ้าห่มเหมือนเดิม


“นิค .. ตื่นเร็ว ” คราวนี้ผมค่อยๆพลิกตัวมันให้นอนหงาย


“อือออ...” มันค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา ผมว่าผมเห็นรอบคราบน้ำตาอยู่ที่หางตามันแว่บๆนะ


“มึงร้องไห้เหรอ ? ”


ผมรู้สึกว่ามันสะดุ้งตัวเล็กๆ ก่อนจะพลิกตัวหันกลับไปจะนอนต่อ


“เพ้อเจ้อ.. มึงจะกลับก็กลับไปดิ รออยู่หาไร - - บอกแล้วจะนอน แค่ก ”


“เน่ ... มึงเลิกเล่นตัว แล้วก็หันมาได้แล้ว” ผมไม่ว่าเปล่า จับไปที่หัวมันให้หันมาด้วย พูดดีๆ
ไม่ชอบต้องใช้กำลัง


“- - แล้วก็เชิญลุกขึ้นด้วย มึงจะนอนไปอีกกี่ปีแสง ลุกกก” ผมว่าพลางดึงตัวมันให้ลุกให้ได้
จนมันบ่นกระปอดกระแปด


“อ่ะ แดกซะ ผมกางโต๊ะพับได้ในห้องมันออก แล้วก็จัดการยกข้าวต้มแล้วก็กับอีกสองสามอย่าง
วางให้มัน ผมเห็นมันมองหน้าแปลกๆ


“ทำไม - - จะให้กูพูดว่า รับประทานเหรอ ถึงจะกินได้ - - กินซะ จะได้กินยา ผมว่าพลางเลื่อน
ชามข้าวให้ใกล้กว่าเดิม


“ท..ทำเองเหรอ” มันถามเสียงไม่ค่อยแน่ใจ


“เออ ทนกินไปก่อนเหอะ ความอร่อยไว้ค่อยหาทีหลังถ้ายังไม่ตาย” ผมว่าพลางส่งช้อนให้ มันรับไว้
แล้วก็ค่อยๆตักข้าวต้มอุ่นๆ ใส่ปาก


ผมนั่งมองมันกินข้าวทีละคำทีละคำ โดยที่มันก็ไม่ยอมพูดอะไร หรือวิจารณ์อะไรใดๆในฝีมือ
ทำกับข้าวของผม พอมันกินหมด ผมก็จัดการยกของลงไปวางไว้ข้างล่าง แล้วก็เดินไปหยิบยา
แก้ไข้ แก้หวัดอะไรของมันที่อยู่ในถุงยายื่นให้


“กินซะ จะได้ไปเรียนได้ซะที จะสอบอยู่แล้ว” ผมว่า นึกสงสัยอยู่เหมือนกัน ว่าทำไมกูต้องมาทำ
อะไรเพื่อมันขนาดนี้นะ เอาเป็นว่า กูทำทดแทนกับที่มึงเคยพากูมานอนตอนเมาคราวก่อนล่ะกัน
(ข้ออ้าง)


“หมดหน้าที่กูแล้ว งั้นกลับก่อนนะ” ผมว่าพลางจะลุกขึ้นกลับบ้าน เอาวะ เดินก็เดิน


“เดี๋ยว - - ”ไอ้นิคคว้าข้อมือผมไว้


“ฮืมม .. ”


“ข.. ขอบใจนะ ”


“ว่าไรนะ กูไม่ได้ยิน” ผมทำเป็นแกล้งมัน


“กูบอกว่าขอบใจ โขลก โขลกก” มันตะโกนจนไอมาเลย


“เออ ไม่เป็นไร มึงรีบนอนเหอะ .. ” ผมว่า แต่ก็ยังเดินไปไหนไม่ได้อยู่ดี เพราะมันยังไม่
ยอมปล่อยมือ ทั้งห้องอยู่ในความเงียบสงัด


“มึงทำดีแบบนี้กับทุกคนเปล่าวะ ” ไอ้นิคถามขึ้นมา


“เอ๋ ... ”


“มึงชอบกูใช่ป่ะปริ้น - - ถึงทำแบบนี้กะกู”


ผมทำหน้าตาแบบปลงๆ ที่ได้ยินมันพูดแบบนั้น พลางยิ้มส่ายหัวไปมา


“เออ.. กูชอบมึง - - มึงก็เพื่อนกูคนนึง ถ้ากูไม่ชอบก็คงไม่ทำดีกับมึงหรอก - - พอใจอะยัง” ผมอธิบาย


ไอ้นิคนั่งเงียบ แต่ก็ยังยึดมือผมไว้ จนรู้สึกว่าเริ่มจะชื้นๆแล้ว


“เหรอ ... มึงทำดีแบบนี้กับเพื่อนทุกคนเลยเหรอ” มันยังไม่เปลี่ยนเรื่อง


“อือ - - ถ้าทำได้”


“งั้น กูขอไรอย่างนึงดิ” ดูมันพูดเอานิสัยไอ้โค้กมาใช้เหรอเปล่าเนี่ย


“เออ .. ” ผมรับปาก แล้วไอ้นิคก็ปล่อยมือผมเป็นอิสระ


“กอดกูหน่อยซิ”


“เอ๋ ... ” ผมงงกับที่มันพูด แล้วก็ทำท่าชี้ไปทางมัน แล้วก็ชี้มาทางตัวผม มันหมายความ
ว่าให้ผมไปกอดมันเนี่ยนะ


“มึงไข้ขึ้นเป่าเนี่ย” ผมเอามือไปแตะหน้าผากมัน เออ ตัวแม่งร้อนจริง


“ไปอาบน้ำแล้วไข้ลดแทนที่จะมากอดกูจะดีกว่ามั้ย” ผมก้มหน้าลงไปพูดกับมันที่นั่งอยู่ปลายเตียง
ไอ้นิคก็เงยหน้าขึ้นมาจ้องตาผม โอ้ว ชิบหาย สายตาเชื่อมมากมึง ไข้มึงคงสูงปรี้ดดดดด ...


มันไม่ยอมพูดอะไรอีก ผมมองหน้ามันอีกทีนึง ประมาณว่าเอาจริงอ่ะ ! เอาวะ เปลืองตัวนิดๆหน่อยๆ
คงไม่เป็นไร คนไม่สบายอยู่ อีกอย่างก็เพื่อนกันทั้งๆนั้น ผมคิด แล้วก็ค่อยๆนั่งคุกเข่า ซึ่งท่านี้ทำให้ตัว
ผมอยู่ต่ำกว่าตัวมันที่นั่งอยู่บนเตียงเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อยๆสวมกอดมันค่อยๆ หน้าผมตอนนี้เลยแนบชิด
อยู่กับหน้าอกพอดี ทันทีที่สัมผัสตัวมันเต็มพื้นที่ก็รู้สึกถึงความร้อนจากพิษไข้ได้เป็นอย่างดี ตัวมันร้อน
อย่างกับไฟเลยทีเดียว


ไอ้นิคค่อยๆเอามือโอบผมจากด้านหลัง


“ปริ้น.. ตัวมึงอุ่นจัง” มันว่าพลางคลอเคลีย


“ตัวกูไม่ใช่ฮีตเตอร์นะ” ผมบอกจนได้ยินเสียงมันหัวเราะเบาๆข้างหู


“มึงไม่เหม็นตัวกูบ้างเหรอ เรียนมาทั้งวัน” ผมหันไปถาม มันก็ส่ายหัว


“มึงกอดกะกูแบบนี้ ไม่กลัวกูเหรอ กูเป็นเกย์นะ ” ผมค่อยๆหาทางพูดไซโคมันไปเรื่อยๆ


“ห่ะ ห่ะ - - สงสัยกูคงเป็นไปแล้วแน่เลยหว่ะ” มันพูด


“55 ไอ้บ้า พูดบ้าๆ สมาคมเกย์แห่งประเทศไทยไม่ต้อนรับมึง”


“ปริ้น ... ”


“ฮืมมม ? ”


“มึงจะเอนฯใหม่จริงๆเหรอ ? ” มันถาม


“อือ ก็ว่าอยู่ ” ผมพูดเสร็จ ก็รู้สึกถึงแรงกอดที่แน่นขึ้น


“มึงไม่ชอบที่นี่เหรอไง ”


“เปล่า ไม่ใช่ว่ากูไม่ชอบ ไม่ได้เอนฯติดแล้ว จะเลิกเรียนที่นี่ซะหน่อย”


“แต่มึงก็จะเอนฯใหม่อยู่ดี” มันยังตื้อถาม จนผมถอนหายใจเฮือกใหญ่


“นิค ฟังนะเว้ย .. กูเคยตัดสินใจอะไรบางอย่างผิดไป กูเลือกในสิ่งที่กูไม่ได้ชอบ
แต่ดันเลือกไปเพราะเหตุผลอื่น - - แต่คราวนี้กูจะขอลองใหม่อีกที”


ไอ้นิคฟังผมเงียบ ได้ยินแต่เสียงลมหายใจที่เป่ามาแผ่วเบา


“แล้ว...ถ้าเอนฯติด มึงจะหายไปเหรอเปล่าวะ ? ”


ผมหัวเราะหึหึ เมื่อได้ยินมันพูดแบบนั้น แล้วก็ตบหลังเป็นเชิงปลอบใจ


“มึงเหงาอะดิ ไม่รู้จะทะเลาะกะใครใช่ม่ะ”


“มึงก็คิดแต่แบบนั้น” ไอ้นิคว่า


“คนเรา พอไม่ได้เจอกันบ่อยๆ พอห่างกันออกไป มันเปลี่ยนไปทุกคนนั่นล่ะ” ไอ้นิคพูดเสียงเศร้าๆ
คำๆนี้ของมันทำเอาผมสะอึก


“เวลาเปลี่ยน ใจคนเราก็เปลี่ยน - - มึงว่างั้นมั้ย ปริ้น” ผมรู้สึกว่า มันค่อยๆเอามือมาเสยที่ผมเบาๆ
แล้วก็ลูบไปมา


มึงอย่าทำแบบนี้ดิไอ้นิค มึงอย่าทำแบบนี้เหมือนไอ้โอ้ตได้มั้ย .... ผมคิดไปพลางน้ำตาปริ่มๆ
แต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไรปล่อยให้มันทำไปเรื่อยๆ


“- - กูไม่มีวันเป็นคนแบบนั้น - - ไม่มีวันเป็นแบบนั้นหรอก” ผมบอกกับไอ้นิคเสียงแผ่ว จนเหมือนกับ
พูดอยู่กับตัวเอง เวลาไม่ได้เปลี่ยนใครหรอก แต่ใจคนต่างหากที่มันเปลี่ยน


.

.

.

.

.

.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-11-2006 15:44:16 โดย b|ue B[o]Y hUb »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
« ตอบ #109 เมื่อ: 06-11-2006 15:21:04 »





ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #110 เมื่อ06-11-2006 16:00:15 »

ขอบคุณครับบลู

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สองที่ทำให้ผมร้องไห้

เรื่องแรก ก็เรื่องเป็ดพันอ้อย

ขอบคุณ St.Power สำหรับความรู้สึกดีๆ ที่ถ่ายทอดผ่านปริ้น และคนอื่นๆ

ขอบคุณบลูที่เสียสละเวลามาโป้ดให้

ขอบคุณเล้าแห่งนี้ ที่ทำให้ทุกวันของผมมีความสุขครับ


ขอบคุณที่รัก ที่อยู่ข้างๆผมตลอด


เฮ้อ... ไม่อยากให้ถึงตอนจบเลยครับ


ทำงัยดี  แงแง :sad5:





ปล.

เพิ่งรู้นะเนี้ยะ ว่าบลูชอบเถื่อนๆ

เตรียมเชือก เตรียมเข็มขัด

เตรียมเทียน บลาบลา


 :fire:

พูห์

ออฟไลน์ GoneOn

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #111 เมื่อ06-11-2006 16:33:57 »

คุณ blue  จิงๆ แล้ว อ่านเรื่องนี้ก้อมีน้ำตาซึมๆอยู่เหมือนกันนะ  มันจี๊ด จี๊ด ที่หัวใจยังไงไม่รู้อ่ะ

อ่านไปอ่านมา เอ.... มันมีตอนที่โอ๊ดขับรถแล้วเกิดอุบัติเหตุด้วยเหรอ  :confuse:   อ่านยังไงเนี่ยช้านนน :serius2:

สงสัยคงต้องหาเวลาย้อนกลับไปอ่านอีกแล้วล่ะค่ะ  แต่ว่ายังไง ก้อยังอยากรู้เรื่องต่อมากกว่า

อย่าลืมมาลงต่อด้วยนะ  :myeye:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #112 เมื่อ06-11-2006 17:35:39 »

วันนี้เรย์มาต่อเร็วได้ใจ  ดีมาก ดีมาก  คิก คิก  มาต่อได้เรยยยได้ปะ  เค้าจาได้รอ  ยังไม่นอนอะ  มันใกล้ได้เวลานอนแล้วอะ  อยากอ่านนนนนนนนนนนนน  ลงแดงงงงงงงงง  อีกแร้วววววววววว  :serius2:

ไม่ใช่ว่าจำนิคไม่ได้นา  จำได้อยู่  เพียงแต่ว่ายังไม่ได้รู้สึกกับคนนี้จากการอ่านมากเมื่อเทียบกับคนอื่นแค่นั้นเอง  แต่ตอนต่อไปไม่แน่  อาจจะเริ่มชอบขึ้นเรื่อย ๆ อิอิ 

อยากบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่านแล้วชอบจริง ๆ เลยคะ  ตอนแรกกะว่าจะเข้ามาอ่านเล่น ๆ เฉย ๆ ดูว่าพวกนิยายแบบชายรักชายเป็นยังไงนอกจากเรื่องเป็ดกับอ้อย  นี่เป็นเรื่องแรกเลยคะที่อ่านจริง ๆ จัง ๆ  แล้วมันก็ทำให้เราเริ่มวายไปเรยยย 5555  ชอบมากกกกคะ   ชอบการบรรยายเรื่องราว  คำพูดบรรยายความรู้สึกของตัวละคร  แล้วเนื้อเรื่องก็ดูไม่นิยายมากจนเกินไป  ดีมาก ๆ เลยคะ   แล้วก็เพราะว่าเรื่องนี้ทำให้เราเริ่มอ่านนิยายที่เรย์เอามาโพส  เพราะว่าเราก็ชอบซาดิสต์เหมือนกัน  55555 

ยังไงก็ขอบคุณคุณ stay power คะ  แต่งได้ดีมาก ๆ เลยละ  มืออาชีพนะเนี่ย  แล้วก็ขอบคุณเรย์คะ  ที่เอามาลงให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกัน  ขอบคุณมาก ๆ น่ารักจัง  อิอิ   :-[

FlukeHub

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #113 เมื่อ06-11-2006 20:58:43 »

หุหุหุ...คุณบลูต่ออย่างด่วนครับ

คุณGoneOn  ผมก็อ่านๆอยู่นะ  รู้สึกว่าเนื้อเรื่องจะหายไปช่วงหนึ่งเหมือนกัน

โผล่มาทีโอ๊ตก็ไปอยู่โรง'บาลแล้ว

เรื่องนี้สงสารปริ้นท์ที่สุด  เศร้าอนาถหมดเรื่อง

ตกลงนิคหรือโค้กจะมาแทนที่โอ๊ตในใจปริ้นท์หนอ 

หรือปริ้นท์กะโอ๊ตจะมีภาครีเทิร์น  โอ๊ย!  ยิ่งอ่านยิ่งงง

เป็นกำลังใจให้คนแต่งและคนลงครับ  ใกล้จบแล้ว  ต่อไวๆนะ


ปล.รุสึกข้างบนจะมีหยอดหวานกันเล็กน้อย  ช่างไม่เข้ากะกระทู้ -*-

abcd

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #114 เมื่อ07-11-2006 01:52:47 »

 :myeye: ขอสารภาพตามตรงนะ แหะ แหะ เรื่องนี้ยังมะได้อ่านเรยซักจิ๊ด แต่ดูจากกองเชียร์น่าจะสนุก

เด๋วว่างกว่านี้(ว่างยาวๆๆๆๆๆ) จะตามอ่านนะคุณบลู แปะโป้งไว้ก่อง  :yeb:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #115 เมื่อ07-11-2006 06:55:01 »

คุณ Gone on กับ Flukehub
ช่วงไหนครับที่รู้สึกหายไป ช่วยก๊อบมาให้ดูหน่อยนะครับ
แล้วบอกด้วยนะครับว่าหน้าไหน และ ความเห็นไหน

ใช่อันนี้หรือปล่าวครับ

ในห้องเรียน ผมก็สนิทอยู่ไม่กี่กลุ่ม แต่จะสนิทมากๆอยู่แค่ 2 คน คือ ไอ้ซังกะไอ้คิว เรียกว่าไปไหน
มาไหนก็ไปกัน 3 คนอยู่บ่อยๆ แล้วก็จะมีกะไอ้โค้กนี่ล่ะครับ ที่มักจะหาเวลาไปไหนมาไหนกะพวก
ผมอยู่เรื่อยๆ มาพักหลังๆ มันก็ไม่ค่อยมีเวลามาสุงสิงกะพวกผมบ่อยๆ เพราะว่า ตัวมันติดเป็นนักกีฬา
บาสฯระดับจังหวัดเลย เจ๋งจริงๆ มันก็ไปแข่งงานโน้นงานนี้ แถมสาวๆ และไม่สาวก็ติดมันตรึม


แต่ ... มีอยู่วันนึง ในเดือนพฤศจิกายน มันก็บอกว่า จะต้องไปแข่งกะทีมจังหวัดใกล้ๆนี่ล่ะครับ วันนั้น
ผมก้มาเรียนตามปกติ ตอนบ่ายแก่ๆ ก็ได้ข่าวว่า ไอ้โค้กมันประสบอุบัติเหตุตอนแข่งอ่ะ ขามันเหมือน
จะหัก


ผมก็ตกใจดิ เพราะว่า มันเป็นคนเล่นกีฬา แล้วก็มีสิทธิที่จะเข้ามหาลัยโดยใช้โควตานักกีศาได้อยู่แล้ว
พอตอนเย็นผมก็เลยรีบไปเยี่ยมมันที่โรงพยาบาลกะซัง ไปถึงก็เห็นมันนอนหลับอยู่ ไปเจอแต่พี่เลี้ยง
มันเฝ้าอยู่ (บ้านมันออกจะไฮโซหน่อย ไม่สมกะหน้าตามัน) พี่เลี้ยงมันก็ส่งซิกให้ผมกะซังออกมา
ข้างนอกก่อน แล้วพี่เค้าก็บอกว่า มันม่ะได้แค่กระดูกหักอย่างเดียว แต่มันมีปัญหาถึงเอ็นขาด้วย ไม่รู้
ว่าไปโดนอะไรมาแรงขนาดนี้ คือ สรุปง่ายๆ มันจะไปลงแข่งอะไรแบบนี้ม่ะได้แล้วอ่ะคับ แต่ตอนนี้
มันยังม่ะรู้หรอก ม่ะมีใครกล้าบอก แล้วพี่เค้าก็ขอร้องอย่าให้พวกผมบอกมันตอนนี้ เด๋วมันจะยิ่งแย่ .


หน้า 5 ความเห็นที่ 44
http://thaiboylovestory.ueuo.com/webboard/index.php?topic=291.msg2690#msg2690

ผมเช็คแล้วไม่ตกนะ ถ้าตอนนี้

หมูพูห์ จบได้ก็อ่านอีกรอบได้ครับ คิกคิก ชอบเถื่อนๆไม่ได้ชอบซาดิสเฟ้ย
ผมก็งงตัวเองนะ เวลาผมเจอใครเถื่อน เงียบๆขรึมผมจะหลังรักเข้าไปเต็มเปาเลยครับ
ทั้งๆที่จริงๆก็ชอบคนคุยเก่ง สบายใจมากกว่าที่ได้อยู่กับคนที่มีอะไรแล้วพูด
อ่านแล้วงงไหมครับ ผมยังงงตัวเองเลย คิกคิก

Yาย_โO  คิกคิก  เป็นลี้คิมฮวงก็ไม่บอก

มูมู่น้อย  อ่าวไม่เคยอ่านนิยาย y หรืออ่านได้ขนาดนี้ก็เก่งมากๆเลย ความยอดเยี่ยมของเรื่องนี้ที่ผมชอบคือภาค2 ครับ
โอ๊ตกับปิง มีบรรยากาศแห่งความรัก ความฝันอยู่เต็มเรื่องเลยครับ    :monkeysad:

(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว)  ให้ว่องเลยนะครับ อ่านให้ถึงภาคสองแล้วมาคอมเม้นต์เลยก็ได้ครับ คิกคิก

*****************************************************************************************************
Stp. ช่วงพร่ำเพ้อ

เมื่อคืน ผมฝัน ...... ผมรู้สึกตัวว่าตัวเองลอยคออยู่บนผิวน้ำ รอบๆข้างเหมือนจะเป็นคลอง
อะไรซักอย่าง มีผู้คนลงเล่นน้ำอยู่มากมาย บางคนก็นอน วิ่งเล่น อยู่ริมคลอง แล้วอยู่ๆ ไอ้หมอนั่น
ก็เอื้อมมือมาดึงผมให้ขึ้นจากผิวน้ำ

เราคุยกันซักพัก ผมก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าคุยอะไร แล้วอยู่ๆเค้าก็ก้มตัวลงมานอนที่ตัก ผมรู้สึก
ว่าโคตรจะเขินเลย แต่ดูเหมือนว่าคนรอบข้างจะไม่ได้สนใจอะไร ไอ้หมอนั่นนอนอยู่บนตักผม
แล้วก็ยิ้มให้ ตอนนี้ทั้งผมแล้วก็เค้าอยู่ในชุดนักเรียน (ย้ำว่าชุดนักเรียน) ที่เปียกปอนไปหมด
ผมค่อยคลายความเขิน แล้วก็เอามือไปเสียผมที่เปียกปอนของไอ้หมอนั่นจนผมตั้งชัน จนเค้า
ยิ้มชอบใจ.......... ผมมีความสุขแปลกๆ แล้ว - - ผมก็ตื่น - -‘’

ไม่กี่ครั้งหรอกที่ฝันแล้วผมไม่คิดอยากจะตื่นขึ้นมาอีก ความฝันเมื่อคืนทำเอาใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
วันนี้ทั้งวันเลยครับ รู้สึกมันลอยๆแปลกๆ แต่พอคิดถึงภาพนั้นทีไร หัวใจก็พองโตทุกที แล้วทุกครั้ง
ที่คิดถึงไอ้หมอนั่น ผมก็ยิ่งคุ้นตา เหมือนกับเคยเจอกันมานาน เหมือนเป็นคนใกล้ๆตัว ผมไม่สามารถ
บรรยายลักษณะของไอ้หมอนั่นออกมาเป็นคำพูดได้ แต่ภาพไอ้หมอนั่นที่มันนอนหนุนที่ตักผม
ยังติดตาจนถึงตอนที่ผมนั่งพิมพ์อยู่ตอนนี้ .....

ปัญหาทั้งหมดทั้งมวลคือ ... พอผมตื่นขึ้นมา แม้ว่าภาพไอ้หมอนั่นมันดูเลื่อนลาง แต่มันก็ชัดเจน
ในความรู้สึกของผม แต่คิดไปคิดมา ผมไม่รู้จักไอ้หมอนั่นมาก่อนในชีวิตคับ ไม่เคยเห็นแม้แต่
หน้าตา(ในชีวิตจริงมาก่อน) แต่ทำไมผมรู้สึกคุ้นเคยกับมันจัง ...... พระเจ้าคับ ผมไม่เคยฝันอะไร
แบบนี้มาก่อนเลย เฮ้อออ ผมตกหลุมรักไอ้หมอนั่น เข้าไปเต็มๆเลยซิเนี่ย T_T

มันมีสิทธิ์อะไรที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้วะ ไอ้แสดดด !!!!
 
โดย staying power


















ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #116 เมื่อ07-11-2006 06:59:21 »

.
.

.


คลืนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ........


ผมเงยหน้ามองไปบนท้องฟ้าในทิศที่ได้ยินเสียงที่ดังก้องเหมือนมีอะไรบินแหวกอยู่บน
อากาศ ถึงได้พบว่าตัวเองเดินมาที่แปลกๆอีกแล้ว รอบข้างมีตึกและอาคารเรียนไม่คุ้นตา
ตั้งตระหง่านอยู่ ต้นไม้ใบหญ้ารอบข้างต่างปลิวพลิ้วไหวไปมาเมื่อมีลมพัดผ่าน เบื้องหน้า
ที่เห็นอยู่ไกลๆ เป็นแผ่นกระดานติดประกาศอะไรซักอย่างตั้งวางเรียงรายกัน


ผู้คนมากมายกำลังมุงดูแผ่นป้ายกระดานเหล่านั้น ผมเดินแหวกฝูงชนเหล่านั้นอย่างยาก
ลำบากจนมาถึงด้านหน้าสุด ใครคนนึงใส่ชุดนักศึกษายืนหันหลังอ่านแผ่นกระดานอยู่
ข้างหน้าผม ยากที่จะรู้ได้ว่าเป็นใคร


จะว่าคุ้นก็ไม่ใช่ แต่จะบอกว่าไม่เคยเจอก็ไม่เชิง .... แต่ที่แน่ๆมันยืนบังแผ่นกระดานที่ผม
ต้องการจะดูอยู่


“นาย - - ขยับไปหน่อยดิ” ผมพูดให้กับคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้า แต่เค้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะขยับหลีก


“เฮ้ย ..ได้ยินเป่า” ผมเอื้อมมือไปจับที่ไหล่เค้าเบาๆ ให้ช่วยหลบไปหน่อย ได้ผล .. เค้าคนนั้นมองมาที่
มือที่จับไหล่เค้าอยู่พร้อมกับค่อยๆหันมาทางผม- -


โครมมมมม ....


“อ๊อกกก”


ผมรู้สึกว่าร่างตัวเองหล่นจากเบื้องสูง ลงมากระแทกอยู่ที่พื้นด้านล่างอย่างจังด้านตีนใครบางคน
ที่อยู่บนเตียง ผมพยุงร่างตัวเองขึ้นมานั่งงงๆ แล้วก็หันไปหาไอ้บ้าที่นอนดิ้นอย่างเหี้ยบนเตียง
สบายใจเฉิบอย่างโมโห


“มีแรงถีบกูได้นี่ แสดงว่ามึงหายแล้วดิ” ผมบ่นกับตัวเองเบาๆพลางนวดบั้นเอวที่ดูเหมือนจะเป็น
ส่วนที่เจ็บที่สุด (ตกเตียงม่ะได้ทำอย่างอื่นเฟ้ย) แล้วก็ด้วยเหตุที่ไอ้นิคปลุกด้วยวิธีแปลกๆนี้เอง
ทำให้เช้านี้ผมตื่นเร็วเป็นพิเศษ


“มึงนอนดิ้นนะ รู้ตัวเป่า” ผมบอกมันพลางจิบกาแฟบนโต๊ะอาหาร


“กูเนี่ยนะ นอนดิ้น ... มึงละเมอตกเตียงเองอะซิ” มันเถียงพลางกัดขนมปังแทนข้าวเช้า


ผมมองหน้ามันเคืองๆ


“ละเมอห่าไร ตีนมึงอย่างหมีควาย ทำไมกูจะไม่รู้สึกวะ - - แม่ง เกือบแล้วเชียว”


“เกือบไรวะ ? ” มันถาม


“เป่า..”


“เอ๊ะ มึงนี่ยังไงนะ จะพูดไรก็ไม่พูด ” ไอ้นิคว่าพลางส่ายหัว แล้วก็ทำท่าเหมือนจะพูดอะไร
บางอย่าง


“มึงก็เหมือนกันล่ะ ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรล่ะ” ผมว่ามันกลับเมื่อเห็นท่าทาง


“ทำมารู้ดี - - กูจะบอกว่า เรื่องเมื่อคืนอ่ะ” มันอ้อมแอ้มดูไม่สมกับความเถื่อนของมัน


“อือ เมื่อคืน ” ผมทำท่าจิบกาแฟต่อ แต่หูก็ตั้งใจฟังมันเต็มเหนี่ยว


“.. ค..คือ กูทำให้มึงลำบากใจเหรอเปล่า ”มันว่าพลางมองผม


ผมมองหน้ามันอย่างมีเลศนัย


“ยังไง ? ”


“ท..ที่ทำไปเมื่อคืนน่ะ ค..คือ กูไม่ได้คิดไรกะมึงแบบนั้นนะ ” ไอ้นิคดูท่าจะซีเรียสผิดวิสัย สังเกตได้จาก
มือมันที่วางอยู่บนโต๊ะเริ่มจะกระดิกเคาะโต๊ะ


“กูกลัวว่ามึงจะคิดว่ากูชอบมึงอ่ะ ปริ้น”


ถึงแม้ว่าจะพอรู้ในสิ่งที่มันพูดออกมาอยู่บ้าง แต่มันก็ทำให้ผมหน้าชาอยู่หน่อยๆ อาจเป็นเพราะว่าผมอาจ
จะหวังอะไรนิดๆหน่อยๆในตัวมันก็ได้มั้ง (พึ่งรู้สึก) แต่ไอ้นิคกลับทำให้ผมรู้สึกว่ามันน่ารักก็คราวนี้แหละ
เพราะท่าทางที่มันแก้ตัวดูออกจะขัดเขินไม่ใช่หน้า หน้าดำๆ (555) ของมันดูจะแดงขึ้นมาก็คราวนี้นี่เองงง..


“เออ ... เหรอ กูนึกว่ามึงจะ - -” ผมแกล้งทำหน้าผิดหวัง


“ไม่ ... กูไม่ได้ชอบมึงนะ ” มันรีบชิงตอบก่อน เฮ้อ .. อย่าร้อนตัวถ้าไม่ได้ทำ ถ้าเธอไม่คิดอารายยยย อิอิ
ยิ่งมันทำท่าลุกลี้ลุกลน ยิ่งทำให้ผมนึกอยากแกล้งมันขึ้นเป็นเท่าตัว ผมนั่งนิ่งเงียบทำหน้าเศร้า(ตอแหล)
ในที มือสั่นระริก(กาแฟมันร้อน)


“แล้วเมื่อคืน มึงทำแบบนั้นกับกูทำไม .... ” ผมแสร้งตีสีหน้าเศร้าก้มหน้าลงกับพื้น


“ป..ปริ้น ค..คือกูไม่ได้ตั้งใจ ค...คือ - -” มันเสียงสั่น


“มึงจะบอกว่าที่ทำเมื่อคืนมึงเมายาแก้หวัดเหรอ” ผมพยายามข่มน้ำเสียงให้เศร้าปกติ ทั้งที่ในใจรู้สึก
อยากจะหลุดก๊ากออกมาเต็มที เย็นไว้โยม


“- - ที่มึงทำไปอ่ะ เพราะว่ามึงเห็นว่ากูเป็นแค่ของเล่น แค่นั้นใช่มั้ย นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ
นึกอยากจะสั่งอะไรก็สั่ง - - มึงคิดว่ากูไม่มีหัวใจเหรอไง” ผมยังก้มหน้าว่ามัน แต่.. เอ ... รู้สึกว่า
ท่อนหลังๆนี่จะแอบเอาอารมณ์จริงใส่เข้าไปด้วย


“ไม่ใช่นะ - - ที่ทำไปนะ ค..คือ เพราะเป็นมึงหรอก ถึงทำ เพราะว่ากูอยากทำ กูทำแล้วรู้สึกดี
ทำแล้วกูอบอุ่น สบายใจยังไงก็ไม่รู้ ว้อยยยยยยยย .. ” พูดเสร็จมันก็ทุบโต๊ะเปรี้ยง


“กูไม่เคยคิดว่ามึงเป็นของเล่นอะไรเลยนะ - - ที่กูกอดมึงอ่ะ ก็เพราะว่ากูชอบจริงๆ” มันว่าพลาง
เอามือกุมหัวแบบคิดไรไม่ออก คราวนี้ผมเลิกก้มหน้าแล้วครับ ต้องเลิกแกล้งมันแล้วล่ะ
เห็นมันซีเรียสจัดขนาดนี้คงต้องสร้างภูมิคุ้มกันอะไรบางอย่างระหว่างผมกับมันซะแล้ว
อะไรบางอย่างที่ทำให้ผมกับมันต้องเดินอยู่บนเส้นทางของแต่ละคน ไม่ให้แต่ละคนก้าวข้าม
เส้นนั้น


ผมเอื้อมมือไปจับมือมัน


“นิค ... มึงสับสันเหรอ” ผมถามนิคที่ตอนนี้ก้มเอามือข้างนึงกุมขมับไว้ มันพยักหน้าน้อยๆ
ผมถอนหายใจ .. เอาแล้วไง


“มึงอยู่ใกล้ผู้หญิง มึงรู้สึกยังไงอ่ะ ? ”


“ชอบ...” มันก้มหน้าพูดอุบอิบ


“แล้วผู้ชายอ่ะ ? ”


“เฉยๆ .. ”. มันบอกเสียงเบา


“ล...แล้วกะกูอ่ะ”


“ม..ไม่รู้ ” มันตอบ


“อ้าว ... แล้วตอนแรกมึงบอกว่ากะผู้ชาย มึงเฉยๆ ไงล่ะ - - แล้วทำไมพอเป็นกูถึงไม่รู้..” ผมว่า มันเงย
หน้าขึ้นมา


“ก็มึงไม่ใช่ผู้ชายนี่นา - - มึงเป็นเกย์ ” มันตอบหน้าตาย


“Kเหอะ ... ” ผมยกมือข้างที่จับมือตบหัวมันทีนึง


“มึงอย่าด่ากูได้มั้ย - - ก็กูไม่รู้จริงๆนี่นา” มันตอบแล้วก็ก้มหน้าไปกุมหัวเหมือนเดิม
จนผมชักเอือม


“............... เงียบ ................. ”


“เหรอว่ากูจะชอบมึงแบบนั้นแล้วจริงๆวะ ” มันเงยหน้าขึ้นพูดเสียงเครียด หน้าตาดูยุ่งเหยิง
ผมล่ะเบื่อพวกสับสนทางเพศจริงๆ จะผู้ชายก็ไม่ผู้ชาย จะเกย์ก็ไม่เกย์ ไอ้บ้า ..


“งั้น กูพิสูจน์ให้” ผมว่าเสร็จก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปหามัน แล้วก็ยื่นมือไปยันพยักพิงมันไว้ทั้งสอง
ข้าง ตอนนี้เท่ากับว่ามันนั่งอยู่บนเก้าอี้โดยมีผมยืนคล่อมมันอยู่


“จ..จะทำอะไรไอ้ปริ้น” มันทำเสียงตกใจ


“ถ้ามึงชอบกู มึงก็ไม่รังเกียจที่จะต้องจูบกูดิ ... ” ผมมองมัน พยายามทำตาให้เชื่อมที่สุด


“มึงจะบ้าเหรอ กูไม่ทำหรอก !!! ” มันว่าเสียงแข็ง


“อ้าว มึงจะค้นพบทางสว่างซะทีไง ว่าชอบหรือเปล่า” ผมพูดพลางก้มหน้าเลื่อนไปหามัน


“ส..สว่างเหี้ยไร ก..กูไม่ชะ - - -” มันพูดได้แค่นั้นแล้วก็หยุดพูด เมื่อผมเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้
จนเราทั้งสองคนรู้สึกถึงลมหายใจของกันและกัน (แปลว่าใกล้มากๆ) ผมเห็นมันหลับตาปี๋แล้ว
ก็นึกขำ เลยหยุดหน้าค้างไว้อย่างงั้นก่อน จนไอ้นิคค่อยๆลืมตาขึ้นมาอีกที


“มึงหลับตาทำบ้าไร .. จูบนะมึง ไม่ได้เอาปากมากระแทกกันก็จบซะหน่อย” ผมว่า


“กูไม่ได้อยากเอาปากกระแทกกับมึงเลยซักนิด” มันเหมือนได้สติพูดขึ้น แล้วก็เอามือผลักไหล่
ผมออกไป


“อ่าส์.... นิค มึงไม่อยากจูบกูจริงๆง่ะ ” ผมพูดเสียงกระเส่าเร้าอารมณ์ หุหุ ... ไอ้นิคทำหน้าแหย่งๆ


“ถ้าแค่ทางร่างกายน่ะ กูว่า ... ผู้ชายกะผู้ชาย หลับๆตากัน มันยังเอากันได้เลย แค่นี้มันบอก
อะไรไม่ได้หรอก” มันว่า ซึ่งก็คงจะจริงของมันล่ะมั้ง


“เฮ้อออออ ...... ”. ผมถอนหายใจ พลางควักบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง


“งั้นเอางี้ ... ” ผมมองหน้ามัน แล้วก็ชูเหรียญบาทขึ้นมา


“ถ้าออกหัวแปลว่าไม่ - - แต่ถ้าออกก้อยแปลว่าชอบ ”


ผมมองมันก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็เลยจัดการดีดขึ้นไปด้วยนิ้วโป้ง เหรียญหมุนคว้างกลางอากาศ
ก่อนที่จะตกลงมาเบื้องล่าง


จ๋อมมม ....


เหรียญที่ดีดขึ้นไปเมื่อกี้หล่นลงใส่ถ้วยกาแฟของผมจนกาแฟกระฉอกออกมาเล็กน้อย


“มึงเล่นเหี้ยไรเนี่ย - - ห่วยแตก” มันว่าพลางเก็บถ้วยกาแฟของผม แล้วก็ยกถุงขนมปังไปเก็บที่
แล้วก็วางถ้วยกาแฟทั้งหลายแหล่ในอ่างล้างชาม


ผมได้ยินเสียงถ้วยแก้วกระทบกับจานดังกรุ้งกริ้ง จนอดไม่ได้ที่จะเดินไปชะเง้อ


“หัวเหรอก้อย.... ” ผมถามแล้วก็มองหน้าไอ้นิค เห็นมันยืนยิ้มไปล้างไป - - เฮ้ย บอกมาเร็วๆเด๊ะ
กูอยากรู้ ผมว่าพลางจี้เอวมัน แต่มันเสือกไม่บ้าจี้ ได้แต่หัวเราะหึหึ


“เห้ยยย ทำแบบนี้กูยิ่งอยากรู้นะวะสาดดด เด๋วกูเอาเหรียญยัดปากซะเลยนี่มึง กวนตีนจริงๆนะ”


ผมว่ามันพลางเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ แล้วก็ต้องตกตะลึง รีบตะโกนเรียกไอ้นิค


“โอ้ย หูแทบแตก” มึงตะโกนทำไมเนี่ย มันหันไปดูทิศทางที่ผมตะโกนออกมา


“เฮ้ยยยยยย.... จะเก้าโมงแล้ว เหี้ยยยยยยย ..... สายแล้วววววว”


ไอ้นิคตะโกนดังกว่าผมอีก ก่อนจะรีบต่างคนต่างกระโจนกันออกจากบ้านกันแทบไม่ทัน
สรุปวันนั้นก็ไปไม่ทันเรียบคาบเช้าซะงั้น

.

.


< - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - >
.

.

เมื่อผ่านเดือนมกราคมไปดูทุกอย่างจะเติบโตขึ้น รวมไปถึงอายุที่เพิ่มขึ้นอีก 1 ปีของผม
อากาศหนาวเย็นในกรุงเทพมหานครดูจะคลายลงไปมากจนดูเหมือนปีนี้จะเข้าหน้าร้อน
เร็วกว่าปกติ เมื่อข้ามผ่านมาจนถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ชีวิตของผมช่วงนี้ดูเหมือนจะ
จดจ่ออยู่กับตำราเรียนทั้งของมหาลัยเองที่ใกล้จะสอบปลายภาคเข้ามาเต็มทน แต่ดูเหมือน
ผมจะต้องอ่านหนักกว่าเพื่อนๆ อย่างไอ้กอร์ฟ กิ๊ฟ โบ จูน ซักหน่อย ตรงที่ต้องเพิ่มวิชา
บางวิชาที่จะต้องเตรียมตัวสอบเอนฯเพื่อเก็บคะแนนเพิ่มของเทอมนี้ด้วย


“กูว่ามึงอย่าเอนฯเลย เรียนนี่แหละ” ไอ้นิคออกความเห็นระหว่างรอรถเมล์เพื่อจะกลับบ้าน
พร้อมกัน (เพราะทางเดียวกันหรอกนะ)


“เฮ้อ มึงบอกกูมากี่ล้านรอบแล้ววะ” ผมถอนหายใจ


“ไม่รู้หว่ะ แต่ก็จะถามเรื่อยๆนี่ล่ะ ” มันว่าทำหน้าเชิดๆ


“แล้วมันออกหัวเหรอก้อยวะ” ผมหันไปถามบ้าง


“มึงยังไม่ลืมอีกเหรอเนี่ย” มันทำท่าแปลกใจ


“โด่ ...ไม่มีทาง กูเป็นคนลืมยากส์” ผมว่าพลางเติมเสียง s เข้าข้างท้ายเป็นการย้ำว่ากูลืมยากบวก s
พอผมถามคำถามนี้เมื่อไร ไอ้นิคก็จะอมยิ้ม แล้วก็หัวเราะ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน มันก็ยังไม่ยอมบอก
ผมซะที กะอีกแค่เหรียญแค่เนี้ยนะ


“กูจำเป็นต้องบอกมึงด้วยเหรอ ? ” มันพูดทำหน้ากวนตีน “- - แค่รู้คนเดียวก็พอแล้วนี่”


“เออ ไม่บอกกูก็จะถามมันอยู่นี่ล่ะวะ ” ผมว่าเคืองๆ แล้วก็กำลังจะยื่นมือไปโบกรถที่เห็นมาแต่ไกล
แต่ไอ้นิคก็จับมือผมไว้


“ไรของมึง รถมาแล้วนะ” ผมว่าพลางปัดมือออก


“เดี๋ยวดิไปหาไรกินกะกูก่อน หิว”


“พึ่งบ่ายสี่เองนะ รีบหิวไปไหน” ผมว่า แต่ก็เดินตามมันไปด้วย ไอ้นิคเดินนำไปจนมาถึง
สเวนเซ่น แล้วก็เดินเข้าไป


“โห ... หิวแต่อยากแดกไอติม” ผมคิดในใจแล้วก็เดินตามมันไปนั่ง รู้สึกแปลกๆอยู่เหมือนกัน
ผู้ชายสองคนมานั่งกินไอติมสเวนเซ่นกันสองต่อสอง


“เอาช็อกโกแล็ตซันเดย์ สองคับ” มันสั่ง แล้วก็ยื่นเมนูคืน


“กูไม่ชอบกินไอติมช็อกโกแล็ต” ผมว่ามัน


“เออ น่ากูเลี้ยงเอง แดกๆไปเหอะ” มันว่าแล้วก็หยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม ซักพักพนักงานก็เอาไอติม
มาเสิร์ฟคับ ผมก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทนกินของไม่ค่อยชอบไป ก็มันฟรีนี่นา


“เฮ้ย ปริ้น .. ”


ผมเงยหน้าระหว่างที่กำลังสาละวนกับไอติมที่อยู่ในถ้วย


“แฮปปี้วาเลนไทน์หว่ะ”


“อุ๊ปป ค๊อกก ค๊อกกกก” ผมถึงกับสำลักไอติม


“มึงไร้มารยาทจังหว่ะ แดกยังไงหน่ะ ” มันว่าผมแล้วก็ยื่นกระดาษทิชชู่ให้


“โห่ ไม่ให้กูสำลักได้ไงล่ะ - -”


“เหอะๆ ชอบอะดิ” มันว่า


“มึงทำแบบนี้ไปทำไมเนี่ย ? ”


“- - กูทำกะมึงไปก่อน ตอนนี้ไม่มีใครให้ทำด้วยนี่หว่า” มันแก้ตัว “- - อีกอย่างรู้สึกว่ามึงยังไม่ได้
ของจากใครเลยนี่หว่า กูเลยเลี้ยงปลอบจายยยย มึงไง ”


“อ่อออ เหรอออ กูล่ะดีจายยยยยยยย” ผมว่า


“แล้วมึงรู้ได้ไง..ว่ายังไม่มีใครให้ช็อกโกแล็ตกู หึหึ” ผมกระเซ้า เห็นมันทำหน้าเสียๆ แล้วก็นึกถึง
ช็อกโกแล็ตแท่งโตที่ถูกส่งมาให้เมื่อวานนี้ที่หอ เกือบเอาหลบพี่ท็อปแทบไม่ทันแหน่ะ ขืนพี่
แกเห็นเข้าคงได้ป่าวประกาศไปสามวันแปดวันเป็นแน่ พอแกะซองที่ใส่ออกมา ก็มีการ์ดแปะ
ไว้


- ทานให้อร่อยนะพี่ปริ้น .... -


ข้อความเขียนไว้เท่านี้โดยที่ไม่ได้ลงชื่อกำกับเอาไว้ อาจเป็นเพราะว่ากลัวใครเปิดมาเจอที่ไม่ใช่ผม
เข้าก็ได้ แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้วล่ะว่าใครส่งมาให้ สรุปแล้ว เช้าวันนี้ ก่อนออกจากหอ ผมก็บรรจง
กัดช็อกโกแล็ตที่ไอ้หมอนั่นส่งมาให้คำนึงก่อนออก เสียใจด้วยนะไอ้นิค ที่มึงม่ะได้เป็นคนแรก
ที่กูกินช็อกโกแล็ต หุหุ


“ปริ้น...”


“ห่ะ ”


“มึงว่า ถ้ากูจะเอนฯใหม่มั่ง มึงว่าดีเหรอเปล่าวะ ”


อยู่ๆไอ้นิคก็ถามผมขึ้นมา เล่นเอาอึ้งไปซักพัก หวังว่ามันคงไม่คิดที่จะมาเอนฯตามเหมือนกับที่ผมเคย
คิดที่จะตามไอ้โอ้ตไปเชียงใหม่หรอกนะ

.

.


< - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - >
.

.

ปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่แสนจะมีความสุขของเหล่าเด็กที่ไม่ได้อยู่ในช่วงสภาวะกดดัน
เหมือนพวกที่กำลังจะต้องไปสอบเอนฯในรอบ 2 ดูจะมีความสุขกันเหลือเกิน เพราะหลัง
จากที่สอบปลายภาคกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไอ้พวกไอ้กอร์ฟก็มีแพลนกันว่า จะไปเที่ยว
ทะเลกันเป็นอาทิตย์เลย แต่กูอดไป เพราะว่าต้องอยู่อ่านหนังสือ


“ไว้พวกกูจะเที่ยวเผื่อ” มันว่าหยั่งงั้น แม่งกูขอแช่งให้เรือล่ม คอยดู้ แต่สิ่งที่ดูน่าหดหู่สำหรับ
ผมมากไปกว่านั้นคือ ดูเหมือนว่าคำพูดที่ไอ้นิคว่าไว้เรื่องที่คิดจะเอนฯใหม่เหมือนกันดูจะเป็น
เรื่องจริงซะแล้ว เพราะช่วงหลังสอบเสร็จไม่กี่วัน มันโทรมาหา ผมโทรไปบ้าง ก็เห็นมันบอก
ว่ากำลังอ่านหนังสืออยู่งั้นงี้ ..... แต่ผมก็ยังไม่คิดเข้าข้างตัวเองหรอกนะ เพราะว่า ผมคงไม่ได้
สำคัญอะไรมากถึงขนาดที่จะทำให้มันต้องมาเปลี่ยนที่เรียนหรอก


ช่วงนี้ไอ้โค้กก็โทรมาหาบ้างครับ ดูเหมือนมันจะอ่านหนังสือหนักกว่าผมอีก เพราะว่าเห็น
คะแนนตอนเอนฯครั้งแรกดูเหมือนจะไม่ดีเท่าไร ผมก็ได้แต่ปลอบใจมันไปเท่านั้นล่ะ
โควตานักกีฬาที่ดูเหมือนจะมีหวัง หลังจากที่ขามันกลับมาฟิตแล้ว แต่ก็ไม่ต้องแห้วไป
ทางสุดท้ายก็คงจะต้องใช้ความสามารถสอบเอนฯให้ติดล่ะมั้ง


ก้าวเข้าสู่เดือนมีนาคม การสอบเอนทรานรอบที่ 3 ของผมก็เริ่มขึ้น โชคดีหน่อยที่ผมไม่
ต้องเลือกสอบทุกวิชาเหมือนน้องๆม.6 คงแต่เลือกสอบเฉพาะวิชาที่คะแนนน้อยเท่านั้น
(คิดๆดูแล้วก็เยอะแฮะ - -‘’) แต่กว่าจะผ่านสองวันที่ต้องสอบมาได้นี่ ไมเกรนขึ้นหัว
เหมือนกันเลยทีเดียว


“พี่ปริ้น ... เค้าส่งคะแนนมาให้ยังอ่ะ” ไอ้โค้กโทรมาหาผมในเช้าวันนึง


“ยางงงเรยอ่า ...- -” ผมงัวเงียลุกขึ้นมารับโทรสับ ตอนนี้ผมกลับมาอยู่บ้านที่ชะอำแล้วคับ
ที่เหลือก็รอให้เค้าส่งผลคะแนนมา แล้วก็จะได้เลือกคณะที่ต้องการได้ซะที


“- - เอ็งได้แล้วเหรอ ”


“ได้แล้วซิ พึ่งมาส่งเมื่อกี้เอง” มันว่าพลางตื่นเต้น


“แล้วแกะดูยังอ่ะ” ผมถามไปงัวเงียไป


“ดูแล้วครับ ก็พอไหวนะ ถ้าเลือกดีๆ ก็คงติดล่ะ” มันว่าเสียงมั่นใจ


“เออ ดีจายด้วย - - แต่ว่า...”


“ว่าไรครับ” มันถามเสียงใส


“กูขอนอนก่อนนะ ง่วงมากเลย” ผมว่าเสร็จก็กดวางไปแล้วก็นอนหลับต่อ ตื่นขึ้นมาอีกที
ก็เพราะว่าแม่เปิดประตูห้องโยนซองจดหมายประกาศคะแนนมาให้


โอ้ววว มายบุ๊ดด้า ... ทำไมคะแนนมันห่วยแตกแบบนี้วะ ผมคิดไปได้แต่ปลง แล้วก็ค่อยๆ
กาเลือกคณะที่อยากจะติดลงไป แล้วก็เขียนรายละเอียดทั้งหมด รอส่งให้เจ้าหน้าที่ทำการ
ตรวจเลือกว่าจะเอนฯได้เหรอเปล่า ผมตัดสินใจเลือกคณะไปคณะเดียวที่อยากเรียนจริงๆ
แบบวัดดวงกันไปเลย


ถ้าติดก็ติด ถ้าไม่ติดก็เรียนที่เก่าล่ะวะ ผมคิดในใจ


คืนที่ผมจัดการยื่นใบสมัครเอนฯ คนที่ไม่คิดว่าจะได้ยินเสียงอีก อย่างน้อยก็เป็นปีๆ ก็โทรมาหา
แบบไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัว


“หวัดดีปริ้น.... ”


“อือ ... - - สบายดีเหรอ” ผมถาม


“อือ เรื่อยๆอ่ะ เห็นแม่ปริ้นบอกว่า จะเอนฯใหม่เหรอ” เสียงโอ้ตกรอกมาตามสายโทรสับ


“อืม .. ” ผมตอบสั้นๆ เพราะรู้สึกว่า แค่ได้ยินเสียงมัน ความรู้สึกเก่าๆมันก็เริ่มจะทะลัก
เลยต้องเพลาๆ พูดให้น้อยๆไว้ก่อน


“พี่เต เป็นยังไงมั่งอ่ะ” ผมเปลี่ยนเรื่อง


“ก..ก็ดีขึ้นมากแล้วล่ะ ” โอ้ตตอบ


“ปิดเทอมนี้จะลงมาเหรอเปล่าล่ะ ” ผมอดที่จะถามไม่ได้


“............................ ก.. ก็คงไม่ล่ะ ” มันตอบกลับมาเสียงเศร้าๆ


“อืม ... ดีแล้วล่ะ” ผมว่าแต่ในใจกลับไม่รู้สึกแบบนั้นหน่อยๆแฮะ


“.....................


“อืม โอ้ต แค่นี้ก่อนนะ เราง่วงแล้ว” ผมพูดปด


“ปริ้น”


“.........................”


“คิดถึงนะ” มันพูดแค่สามประโยค แต่กลับทำให้ใจผมสั่นมากมาย เป็นเพราะเวลามันผ่านมา
นานแล้วเหรอ ผมถึงลืมสิ่งที่มันทำไว้กับผม มันเคยทิ้งผมไปจำได้มั้ย ผมเฝ้าแต่เตือนสติตัวเอง
ไม่ให้ล่องลอยไปกับคำพูดของมัน แล้วอยู่ๆข้อความที่มันเคยเขียนทิ้งไว้ให้ก็ผุดขึ้นมาในห้วง
ความคิด


- ฝากปริ้นเก็บไดอะรี่เล่มนี้ไว้ก่อนนะ ... จะกลับมาเอาคืนตอนเรียนจบ ........ -
- โอ้ต –


“.... อืม ” ผมตอบแล้วก็กดวางสายไป ด้วยหัวใจที่เต้นโครมๆ ไม่หยุด
.

.





ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #117 เมื่อ07-11-2006 07:00:54 »

< - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - >
.

.
คนเรา พอถึงช่วงเวลาที่ได้เลือกทำอะไรลงไปแล้ว ทุกคนนั่นละ คงอยากจะเห็นผลลัพธ์
ที่ตัวเองได้ตั้งใจทำเอาไว้ แล้วก็แน่นอน ร้อยทั้งร้อย อยากจะให้มันเป็นไปตามที่คาดหวัง
ใครที่หวังมาก ก็เจ็บมาก ใครที่หวังน้อย ก็เจ็บน้อยหน่อย แต่ทุกคนก็ต้องเจ็บ เมื่อมัน
ไม่ได้ดังหวัง ....... แต่อย่างน้อยความหวัง ก็ทำให้คนมีกำลังใจที่จะทำต่อไป ...


เมื่อปีก่อนผมเคยหวัง ผมมองเห็นตัวเองยืนกระโดดดีใจกับซังเพื่อนผมที่คาดว่าจะเอนฯ
ติดด้วยกัน ผมหวังที่จะไปฉลองกับป๊าแล้วก็แม่ที่ทะเล หวังว่าครอบครัวเราจะได้กลับ
มาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันซะที หลังจากที่ป๊ากับแม่ต้องไปทำงานที่จังหวัดอื่น
ทิ้งให้ผมอยู่กับยายสองปีเต็ม ผมหวังไว้ว่าคำสัญญากับคนที่ผมรัก มันจะไม่มีวันเปลี่ยน
แปลง เวลาไม่จะเปลี่ยนคนเราได้จริงเหรอ .... ผมไม่เคยเชื่อคำเหล่านั้น จนได้มาประสบ
กับตัวเองเข้าจังๆ


สุดท้ายแล้ว ปีที่ผ่านมา ความหวังแล้วก็ความฝันของผมกลับค่อยๆพังทลายลงอย่างช้าๆ
ทีละสิ่ง ทีละอย่าง ..... แต่ก็แปลก ที่ผมยังมีวันนี้ได้ ความรู้สึกคาดหวังที่มันได้หายไป
จากชีวิตมาพักใหญ่ ได้กลับมาหาอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้อาจจะรู้สึกแตกต่างกันออกไป
ครั้งนี้ เป็นครั้งที่ผมรู้สึกว่าตั้งใจทำเพราะความรู้สึกต้องการของตัวเองจริงๆเป็นครั้งแรก
ตลอดเวลาหลังจากส่งคะแนนเอนฯ ผมเอาเวลาหมดไปกับการไปเที่ยวโน่นเที่ยวนี่ ทั้งกับ
ไอ้ซัง ไอ้กอร์ฟ เหรอว่าไอ้นิคก็ตาม แล้วก็ดูเหมือนไอ้นิคจะเอนฯใหม่จริงๆด้วยครับ


“แต่กูว่า - - กูคงไม่ติดอีกเช่นเคยล่ะ” เห็นมันว่ากับผมแบบนั้นนะ แต่ผมก็รู้ดี ว่ามันไม่ได้โง่
เพียงแต่มันขี้เกียจเท่านั้นเอง


“วันนี้ประกาศผลเอนฯไม่ใช่เหรอ” เสียงแม่ผมทักตอนที่ผมพึ่งตื่นขึ้นมา


“อือ...”


“กี่โมงล่ะ ” แม่ถาม ผมก็พอมองออกมาคุณป้าที่อยู่ตรงหน้าผมก็ออกจะลุ้นลูกตัวเองอยู่เหมือนกัน
แต่แอบเก็บอาการ


“ถ้าติดที่เกษตรฯก็คงจะเย็นๆล่ะ แต่ถ้าเช็คทางเน็ต คงล่มอ่ะ - - คนเข้าเยอะแยะ” ผมว่าพลาง
หาวหวอด


“พรุ่งนี้เช้าค่อยขึ้นกรุงเทพไปดูที่เกษตรฯอ่ะ ตื่นเต้นดี ” ผมว่า


“ถ้าไม่ติดก็อย่าร้องไห้กลับมาบ้านแล้วกัน” แม่ผมว่า ไม่เคยจะให้กำลังใจลูกเลยจริงๆ พับผ่า
“- - แล้วไม่มีเพื่อนที่เอนฯใหม่บ้างเลยเหรอ จะได้ขึ้นไปพร้อมกันล่ะ”


ผมคิดถึงไอ้โค้ก แต่.. มันคงไม่ไปดูถึงกรุงเทพหรอกมั้ง คงรอส่งผลมาที่บ้านอ่ะ - - เอ แต่ว่า
ไม่ได้เจอตัวมันก็หลายเดือนแล้วนะเนี่ย ปิดเทอมก็ไม่ได้เจอกันเลย ป่านนี้จะเป็นไงบ้างวะ
มันจะเอนฯติดมั้ยน้อ มันจะเรียนที่ไหนวะ .... เฮ้อ กูไปกลุ้มอะไรแทนมัน แค่ตัวเองยังเอาตัว
ไม่รอดเลยวุ้ย


เช้าวันรุ่งขึ้น ผมก็ได้ทีจิกรถแม่ไปใช้ ตอนขับไปใจก็สั่นไปครับ ตื่นเต้นหว่ะ แม้ว่าจะพอทำใจ
ไว้บ้างก็เหอะ เพราะว่าคะแนนก็ไม่ได้ดีไปกว่าครั้งก่อนมากนัก แถมดันเลือกมหาลัยที่คนเลือก
ไว้เพียบแบบนั้นอีก


“ใจเย็นๆดิไอ้ปริ้น” ผมพูดกับตัวเองเป็นร้อยรอบก่อนที่จะเลี้ยวเข้าไปในมหาลัย และแล้ว บรรยากาศ
ที่มีรุ่นพี่มหาลัยนั่น มหาลัยโน้นมายืนรอรับน้องคณะตัวเอง มาแสดงความยินดี อ่า...มันช่างเหมือน
ภาพที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วจริงๆ


ผมวนหาที่จอดรถ แล้วก็เดินเลียบมาเรื่อยๆ เพื่อจะมาดูบอร์ดที่เค้าติดประกาศผลเอนฯ ตามรายทาง
ก็มีเด็กที่ทั้งสอบติดก็จับกลุ่มยิ้มแย้ม เล่นหัวกันสนุกสนาน บางคนก็มีกลุ่มรุ่นพี่ช่วยกันบูมรับขวัญ
บางกลุ่มก็มีรุ่นพี่สั่งให้เต้นแร้งเต้นกาตั้งแต่หัววัน ช่างแตกต่างกับเด็กบางคนที่ไม่มีชื่ออยู่บนบอร์ด
ได้แต่เดินกลับเงียบๆ บางคนก็ร้องไห้น้ำตาตก .... ภาพเช่นนี้ปรากฏให้เห็นได้ทุกปีเลยจริงๆ มัน
เป็นเสน่ห์ของที่นี่ไปแล้วกระมัง


คลืนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ........


ผมเงยหน้ามองไปบนท้องฟ้าในทิศที่ได้ยินเสียงที่ดังก้อง เห็นเครื่องบินทะยานขึ้นเหนือ
น่านฟ้า เครื่องบินลำนั่นจะบินไปเชียงใหม่เหรอเป่าวะ ? ผมคิดแล้วก็แอบตบหัวตัวเอง
ไม่ได้ นี่ม่ะใช่เวลาคิดถึงมันนี่หว่า !!!


ผมเดินมาจนถึงที่บริเวณที่เค้าติดประกาศผลคะแนนเอนฯ มีเด็กนักเรียนมากมายมารุมล้อม
ดูผลกันเป็นจำนวนมาก รวมถึงรุ่นพี่ที่ต่างชะเง้อดักรอน้องๆของคณะตัวเอง ทำให้บริเวณ
รอบๆเบียดเสียดกันพอดู เลยต้องใช้กำลังภายในฝ่าด่านซะหน่อย กว่าจะถึงบอร์ดที่ประกาศ
คณะแล้วก็มหาลัยที่เลือกเอาไว้ ก็แทบลมจับกันเลยทีเดียว ผมเบียดเสียดผู้คนจนมาถึงเกือบ
แถวหน้าจนได้


“กูรหัสไรวะ” ผมก้มหน้าหยิบเอาเลขสอบขึ้นมาดู แล้วก็ค่อยๆไล่ตามรายชื่อ ......


“งืมๆๆ .... ” ผมเอานิ้วไล่ไปเรื่อยๆตามตัวเลขที่เริ่มใกล้เลขตัวเองมาทีละนิด ทีละนิด


อ้าว ใครมายืนบังบอร์ดนี้อยู่วะเนี่ย ผมไล่มาจนถึงอีกบอร์ดนึงก็พบว่ามีไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้
มายืนบังอยู่พอดี ใครวะ ทำไมกูคุ้นๆ แต่ตอนนี้ช่างก่อน กูขอดูก่อนว่าจะติดมั้ย ผมคิดพลาง
ยื่นมือไปสะกิดที่ไหล่ไอ้หมอนั่น พอมันหันมาเท่านั่นล่ะ


“เอ้ยย .. !! ” ผมกะมันร้องผสานเสียงกัน


“มาได้ไงอ่ะ” ผมถามไอ้โค้ก


“ผมก็มาดูผลอะซิ” มันว่าแล้วก็เกาหัวแกร่กๆ แล้วก็ยิ้มแฉ่ง ถึงว่าซิ ทำไมผมถึงจำมันไม่ได้
ก็ไอ้โค้กตอนนี้มันผมยาวขึ้นมากเลยอ่ะ คาดว่าตลอดสามเดือนหลังจากปิดเทอมมานี่ เลี้ยง
ผมอย่างดีเลยซิมึง จากที่ไว้รองทรงมาตลอด


“ถึงว่าดิ เกือบจำไม่ได้เลยนะมึง” ผมแซวมัน


“ชมแบบนี้ผมไม่ปลื้มหรอกนะ” มันว่า แล้วก็ชี้ไปที่รหัสของมันที่ติดไว้ที่บอร์ด


“สาดดดดดด เจ๋งว้อยยย ติดด้วยยย” ผมยกมือขึ้นตบกับมือมันเสียงดัง ไอ้โค้กหัวเราะเริงร่า
เออ นะ มันเก่งใช้ได้เลยนะเนี่ย ไหนดูดิ๊ คณะไรวะ โหยยยยยย วิดวะ


“เฮ้ย ไหนมึงว่าคะแนนไม่ดีไง ... ติดวิดวะเนี่ยนะ” ผมด่ามัน แต่ก็อดปลื้มแทนมันไม่ได้เหมือนกัน


“555 แหม ตอนนั้นก็ต้องถ่อมตัวไว้บ้างดิ เผื่อไม่ติดจะได้มีคนมาสงสารไง” มันว่าพลางส่งสายตา
อย่างเคยมาให้


“อะนะ - -” ผมเห็นแบบนั้นเลยหันกลับมาสนใจของกูเองก่อนดีกว่า แต่ทำไมหาเท่าไรก็หาไม่เจอ
ซะทีวะ ฮือๆๆๆ


“พี่ปริ้นรหัสไร เดี๋ยวผมช่วยหา มันว่าพลางคว้าใบผมไป - - สายตายิ่งสั้นๆอยู่จะหาเจอม่ะเนี่ย
คนเรา” ดูมันว่าผม


“- - ไปรอข้างนอกก่อนล่ะกันพี่อ่ะ เดี๋ยวผมหาเอง” มันว่าเพราะว่าเห็นผมดูเหนื่อยมาก
เออดิ กว่าจะขับรถมาถึง ผมเลยค่อยๆเดินด้วยจิตหลุดออกมานั่งที่ร่มๆ มองดูกระแสคน
ที่เบียดเสียดกันเข้าไป จนซักพักก็เริ่มเบาบางลง แต่ไอ้โค้กก็ยังไม่กลับออกมาซะที


“เฮ้อออ ..... ” ผมถอนหายใจ เมื่อเห็นไอ้โค้กเดินหน้าเฉยกลับมา


“ไง เจอม่ะ ” ผมว่า ไอ้โค้กไม่ตอบอะไร แต่กลับมานั่งข้างๆผมแทน แล้วก็ค่อยๆเอามือมา
กอดไหล่ผมไว้เป็นเชิงปลอบใจ


“เฮ้ออออ ผมถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ .... ” เมื่อเห็นมันมาทำดีกับผมแบบนี้เหมือนจะปลอบใจ
ก็เริ่มรู้ชะตากรรมตัวเองแล้วล่ะ


“วิดยาฯมันติดยากนะพี่ - - เลือกไปได้ไงคะแนนห่วยป่านนั้น” มันว่าขึ้นมา ทำเอาผมฉุน
ซะไม่มีอะไรดี


“เออ... กูรู้น่าว่ากูห่วย ไม่ต้องพูดมากเลย - - แทนที่จะปลอบใจอ่ะ เอ๊ะ !! ” ผมว่ามันไปแป็บนึง
ก็คิดขึ้นมาได้ หันไปมองหน้ามัน


ผมยังไม่ได้บอกมันเลยนี่หว่า ว่าผมเลือกคณะอะไร แล้วทำไมมันเสือกรู้ได้หว่า ?


“มึงรู้ได้ไงอ่ะ ว่าพี่เลือกวิดยาฯวะ - - บอกไปเหรอ” ผมถามก็เห็นมันสั่นหน้า


“ก็มันติดไว้บนบอร์ดอ่ะ ไม่รู้ได้ไง” มันพูดเสียงเรียบ แล้วก็กอดคอผมโยกไปมา ทำเป็นเด็กไปได้
แต่ตอนนั้นผมรู้สึกเบลอๆชอบกล


“หมายถึงว่ามีรหัสกูติดอยู่บนบอร์ดอะนะ ? ” ผมทวนคำถาม


“ถูก..- -” มันว่า


“- - แหมๆ เลือกมหาลัยเดียวกันด้วยน้า ... จงใจอ่ะเปล่าเนี่ย ” ไอ้โค้กบอก


“เฮ้ย กูติดเจงๆอ่ะ ติดเจงๆอ่ะ ” ผมหันไปจับตัวมันเขย่าด้วยความดีใจ ป๊าคับ ผมทำได้แล้วอ่ะ ปริ้นทำ
ได้แล้ว ทำในสิ่งที่สัญญากับป๊าไว้ได้แล้วคับ ..... ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ไปทะเลด้วยกันอีกแล้ว - - แต่
ผมทำได้แล้วป๊า ได้ยินมั้ยยยยยยย ผมเขย่าตัวไอ้โค้กด้วยความดีใจไม่หยุด


“อ...เออ เจงๆ เอออ ปล่อยก่อน หยุดเขย่า มึนหัวว้อยย” มันว่าแล้วก็ขืนตัวมาจับไหล่ผมแทน
แล้วก็จ้องหน้าผม


“พี่ปริ้น .... - - เตรียมใจไว้เหอะครับ ผมยังไม่เลิกหวังหรอกนะครับ” มันว่า สายตากลมโตของ
มันดูจะบ้องแบ้วเป็นพิเศษในวันนี้


“- - ยิ่งได้มาเรียนที่เดียวกันแบบนี้ ถึงจะคนละคณะกันก็เหอะ” มันว่า


“ม่ะรู้ ม่ะสน” ผมว่าพลางยิ้มแป้นแล้นดีใจ


“น้องๆ สองคนนั่นอ่ะครับ ติดที่นี่เหรอเปล่า” อยู่ๆเหมือนรุ่นพี่จะมีเรดาห์จับอะไรบางอย่างได้
เดินยิ้มมาหาเราสองคนอย่างรวดเร็ว


“เออ... ”


“ไอ้นี่ติดวิดวะพี่” ผมรีบโบ้ยไปที่ไอ้โค้กเพราะเห็นว่าที่เสื้อพี่เค้าติดชื่อคณะไว้พอดี


“เฮ้ยยย ... เล่นงี้เลยเหรอ ” มันร้องเสียงหลง


“งั้นมาเลยน้อง มาเลย” ไอ้รุ่นพี่คนนั้นลากไอ้โค้กไปอย่างรวดเร็ว


“พี่ๆ ไอ้นั่นก็ติดวิดยาฯพี่ เอามันไปด้วย” ไอ้โค้กตะโกนมาทางผม


“หุหุ พี่เค้าอยู่วิดวะโว้ย เกี่ยวไรล่ะ ?” ผมว่า


“ม่ะเป็นไรคับน้อง เพื่อนพี่อยู่วิดยาเยอะแยะ - - มาม่ะ ”ไอ้รุ่นพี่อีกคนเดินตรงแหน่วมาที่ผม
แล้วก็ล็อกเอาไว้แน่นหนา


“เฮ้ย ๆ... ได้ไงอ่ะเนี่ย ”


ดูท่าทาง ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งใหม่ ดูจะไม่ง่ายแล้วก็โหดกว่าเดิมหลายเท่าตัวแน่ๆ ว่าแต่
กูคิดถูกคิดผิดวะเนี่ย ....

.

.

< - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - >
.

.
ตอนนี้ผมย้ายหอมาอยู่ใกล้ๆกับมหาวิทยาลัยแล้ว แต่ก็อย่างที่เคยบอกกับไอ้นิคไว้ ผมยังไม่เลิกเรียน
ที่รามฯ แต่คงต้องจัดสรรเวลาเรียนใหม่ซะก่อน แต่ก็เห็นมันบ่นอุบเหมือนกันว่า ต่อไปนี้ ใครจะให้
มันลอกข้อสอบล่ะ แหม .... ดูมันซิ แต่ผมกับมันก็เจอกันบ่อยกว่าเดิมอีก เพราะว่าหอผมกะบ้าน
มันอยู่ใกล้กันกว่าเดิมซะงั้น


ย่างเข้าสู่ต้นเดือนมิถุนายน กับการเปิดเทอมวันแรกในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งใหม่ ในฐานะเด็กซิ่วคนนึง
ผมในชุดนิสิตผูกไทสีเขียว ยืนอยู่หน้าประตูด้านฝั่งพหลโยธินรอใครบางคนอยู่



“เชื่อเรื่องพรหมลิขิตว่างั้น ? ”


“ไม่รู้ซิ .. แต่ไม่แปลกใจเหรอไง ? - - บนโลกมีคนเป็นหมื่นล้านคน แล้วทำไมคนสองคนถึงมา
เจอกันกันได้ล่ะแล้วทำไมถึงมารักกันได้ล่ะ”


“รักมันต้องออกมาจากหัวใจซิ ปล่อยให้มันเป็นตามธรรมชาติเหอะปริ้น - - ถ้าไม่รัก ก็คือไม่รัก
แต่ถ้าเกิดมาคู่กันจริงๆ จะหนีกันยังไง มันก็ไม่พ้นหรอก”


“ซัง ที่มึงพูดให้กูงงๆคราวก่อนโน่น ตอนนี้พอจะเข้าใจอะไรบ้างแล้วหว่ะ” ผมคิดพลางเหม่อมอง
เหล่าเฟรชชี่ ทั้งหลาย ต่างพากันเร่งรีบเดินผ่านหน้าไป ดูเหมือนว่าฤดูร้อนปีนี้จะยาวนานกว่าทุกปี
ที่ผ่านมาแฮะ ผมยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไหล่ผ่านแก้ม นี่ขนาดพึ่งจะสายๆเองนะเนี่ย ทำไมมันร้อน
ได้ร้อนดีจังวะ ผมเลยเปลี่ยนที่มายืนพิงใต้ต้นไม้แทน


“ไงคับ เฟรชชี่” เสียงไอ้โค้กทักมาข้างๆทำเอาตกกะใจ


“มึงมาตอนไหนวะเนี่ย ทำเป็นผีไปได้” ผมว่ามันพลางเอามือกุมหน้าอก เด๋วกูหลุดกีซขึ้นมาจะทำไง
เสียภาพพจน์หมด


“ทำเป็นขวัญอ่อนไปได้ พี่ปริ้น” มันว่าแล้วก็ทำเป็นจัดเนคไทให้ตรง


“ตรงยังอ่ะ ม่ะกี้ดูในกระจกรถเมล์มันเบี้ยวๆหว่ะ” มันบอก


“เออ ตรงแล้วน่า - - จะดูดีอะไรไปมากมาย” ผมว่า


“ค๊าบเพ่ ... งั้นป่ะ ไปเรียนเหอะ” มันบอก


“เออ ว่าแต่ - - ทำไมมึงต้องให้มารอด้วยเนี่ย เรียนคนละคณะกันอยู่แล้วอ่ะ” ผมถามมัน


“เอ้า ... ก็เดินสองคนยังดีกว่าเดินคนเดียวม่ะใช่เหรอไง” มันหันกลับมาบอก


“แค่นั้นเหรอ อืม - - เออ โค้ก”


“ครับ ? ”


“อ...อืมมม ยังไงดีล่ะ - -” ผมอ้อมแอ้ม “ไม่ต้องเรียกพี่ปริ้นแล้วก็ได้นะ ”


“เอ๋ ..... ” มันทำหน้างงนิดหน่อย ก่อนที่จะยิ้มแก้มแทบระเบิด แล้วก็วิ่งมายืนดักหน้า มองผมตาแป๋ว


“พ..พี่ เอ้ย ปริ้น ปริ้น ยอมรับผมแล้วเหรอ” มันเสียงใส แววลิงโลดมันชักจะออกเหมือนก่อน


“อ...เออ - - เอ้ย ไม่ใช่ !! ก็เรียนปีเดียวกันแล้ว จะมาเรียกพี่ได้ไงเล่า คนอื่นก็สงสัยตายชักเด๊ะ”
ผมตอบหน้าหุบเลย ไม่ยอมสบตามันด้วย แล้วก็รีบเดินจ้ำๆเลี่ยงมัน ไอ้โค้กก็ทำเป็นวิ่งเหยาะๆ
ตาม


“ปริ้น ... ให้ผมเรียกปริ้นแล้วม่ะใช่เหรอไง” มันทำเป็นซัก


“ปริ้น ... ต่อไปนี้ผมจะเรียกปริ้นได้เต็มปากเต็มคำซะที” มันยังพูดไม่เลิก


“ปริ้น .. ช่ายแล้ว อยู่ปีเดียวกันแล้วดิ ผมก็ไม่ใช่น้องปริ้นแล้วดิ” ดูมันยังพูดไม่เลิก


“เฮ้ยๆ ยังไงกูก็ยังเป็นพี่อยู่นะ - - เอ้ยย” ในระหว่างที่ผมไม่ทันได้ระวังตัวอยู่นั่น มันก็เอานิ้วมาปาด
เข้าที่ปากผมซะอย่างงั้น


“คราวหน้าม่ะได้แค่โดนนิ้วหรอกนะ”มันว่า แล้วก็รีบหันหลังวิ่งหนีไปตามถนนอย่างรวดเร็ว
โดยมีผมวิ่งไล่ตามเตะมันไปตลอดทางตามแนวอาคารแล้วก็ตึกเรียนที่ไม่คุ้นตา ต้นไม้ใบหญ้า
รอบข้างต่างปลิวพลิ้วไหวไปมาล้อกันกับสายลมที่พัดผ่านระลอกแล้วระลอกเล่า ...


ถ้าจะเปรียบฤดูกาลที่ผ่านมากับห้วงชีวิตของผม ที่มีทั้งสุขและทุกข์ สายฝนเย็นชุ่มฉ่ำที่ตกลงมาใน
ฤดูฝนทำให้จิตใจที่อ่อนแอกลับฟื้นขึ้นมีชีวิตชีวา ในฤดูหนาว ... ความเย็นยะเยือกของลมหนาว
ที่พัดผ่านทำให้รู้สึกถึงคุณค่าของความอบอุ่น และความสุขที่เหมือนกับแสงแดดที่สดใส
ชวนให้กระปรี้กระเปร่า เหมือนแสงแห่งความหวังที่สาดส่องในฤดูร้อน ....


กลางปี 2001 ดูเหมือนว่า ฤดูกาลที่ผันผ่านมานั้น ทำให้ได้รู้จัก ได้เรียนรู้อะไรต่างๆมากมาย
ชีวิตของผมยังคงดำเนินต่อไป ... ไม่มีมีใครรู้ ว่าเรื่องราวต่อไปมันจะจบยังไง ผมอาจยังมีคำถาม
ที่ยังติดค้างอยู่ในใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโอ้ต ไอ้นิค หรือแม้แต่ไอ้โค้กก็ตาม ตอนนี้ผมเรียนรู้
ว่า ในชีวิตจริงๆ บางทีคนเราคงไม่ต้องไปหาคำตอบของทุกคำถามหรอก เพียงแค่หาคำตอบที่อยู่
ในใจของตัวเองให้ได้ มันก็คุ้มค่ามากก็พอแล้ว ....


.

.

.

.


หากเปรียบกับชีวิตของคน
เมื่อยามสุขล้นจนใจมันยั้งไม่อยู่

ก็คงเปรียบได้กับฤดู

คงเป็นฤดูที่แสนสดใส

* (และ)แต่ถ้าวันหนึ่งวันไหน

ที่ใจเจ็บจนทุกข์

ดั่งพายุที่โหมเข้าใส่

บอกกับตัวเองเอาไว้

ความเจ็บต้องมีวันหาย

ไม่ต่างอะไรที่เราต้องเจอทุกฤดู

** อดทนเวลาที่ฝนพรำ

อย่างน้อยก็ทำให้เรา

ได้เห็นถึงความแตกต่าง

เมื่อวันเวลาที่ฝนจาง

ฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ

ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ

เมื่อวันที่ต้องเจ็บช้ำใจ

จากความผิดหวังจนใจมันรับไม่ทัน

เป็นธรรมดาที่เราต้องไหวหวั่น

กับวันที่อะไรมันเปลี่ยนไป

( ซ้ำ * , ** )

อย่าไปกลัวเวลาที่ฟ้าไม่เป็นไร

อย่าไปคิดว่ามันเป็นวันสุดท้าย

น้ำตาที่ไหลย่อมมีวันจางหาย

หากไม่รู้จักเจ็บปวด

ก็คงไม่ซึ้งถึงความสุขใจ
( ซ้ำ ** )
[wma=300,50]http://mywebpage.netscape.com/stayingpowersea/season.wma[/wma]

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #118 เมื่อ07-11-2006 07:03:29 »

Staying Power. – ขอบคุณทุกๆคนนะครับ ที่ติดตามมาตลอด ตั้งแต่ต้นจนจบ ขอบคุณจริงๆฮะ ^^
ช่วงนี้ไม่ได้หายไปไหน คงจาได้เจอเรื่อยๆในกระทู้เบื้องหลังนะคับ แล้วจาขอบคุณเพื่อนๆอย่างเป็นทาง
การอีกทีคับ รักษาสุขภาพน้อ..

ลป.ว่าแต่ตอนสุดท้ายแล้ว อยากให้เพื่อนๆช่วยกันคอมเม้นซักคนล่ะ 1 อันล่ะกานน้อ แบบแว่ ไม่เคยขอ
เลย แต่คราวนี้ขอซักครั้งงง ...อยากให้บอกความรู้สึกหน่อยอ่ะคับ ทั้งดีแล้วก็ไม่ดีได้หมดเลยนะคับ
แต่ถ้าติดแอดมินหรือม่ะสะดวกเจงๆ ก็ไม่เป็นไรน้าคับ


โดย
Staying Power.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-11-2006 07:06:16 โดย b|ue B[o]Y hUb »

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [story] บ้านพักอลเวง โดย staying power
«ตอบ #119 เมื่อ07-11-2006 07:10:05 »

ขอบคุณอีกครั้งเหมือนกันครับ สำหรับกำลังใจที่เพื่อนคอมเม้นต์ให้ผมและ staying power

ทำให้ผมมีแรงลงเรื่องได้จนจบ

เพื่อนๆที่อ่านจบช่วยคอมเม้นต์ไว้ด้วยนะครับ คุณ staying power เคยบอกไว้ว่าจะแวะเข้ามาทักทายทีหลังนะครับ

 :muplu:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด