หวัดดีปีใหม่แทน staying power ด้วยนะครับ ช่วงนี้คงยุ่งๆอยู่อ่ะครับ
เอาของขวัญปีใหม่มาให้ด้วยครับ
****************************************************************************************
“โค้ก … ปลายปีไปเชียงใหม่ด้วยกันนะ”
ผมนอนเอามือก่ายหน้าผากมีนหัวตึบ ทำไมตอนนั้นถึงพลั้งปากไปชวนไอ้โค้กไปด้วยนะ
ไม่น่าเลยจริงๆ เมื่อรู้สึกสัมผัสได้ถึงความยุ่งยากที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้
ผมพึ่งนึกขึ้นได้ว่า โค้กรู้เพียงว่าผมกะโอ้ตมีความสัมพันธ์เป็นเสมือนญาติอยู่บ้านเดียวกันเท่านั้น
เพราะตั้งแต่เริ่มคบกัน โค้กมันไม่เคยถามเรื่องแฟนเก่า รักครั้งแรก หรือว่าอะไรก็ตามที่ทำนองนี้
กับผมซักครั้ง
แต่….. มันจะเป็นอะไรไปล่ะ ในเมื่อตอนนี้ผมกะโอ้ตก็ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วนี่นา ผมจะไปกังวล
ทำบ้าอะไรกับเรื่องนี้
ใช่ ตูจะกังวลไปทำไม จะตีตนไปก่อนไข้ทำไม ดีซะอีก มีไอ้โค้กไปด้วย จะได้ไม่ต้องเซ็ง เวลาที่
ต้องเจอกะโอ้ต แล้วก็แฟนมัน อีกอย่าง ถ้าถึงเวลาที่โค้กมันจะรู้จริงๆเรื่องอดีตความรักของผม
มันก็คงจะเข้าใจแล้วก็เชื่อใจผมล่ะมั้ง ว่าถึงตอนนี้ ไม่มีทางที่จะหวนกลับไปเป็นแบบเก่าได้อีกแล้ว
“จัดข้าวของเรียบร้อยแล้วเหรอยังปริ้น” เสียงแม่กรอกมาตามสายโทรศัพท์คืนก่อนวันเดินทาง
“เรียบร้อยแล้วค๊าบ” ผมบอก แต่จริงๆคือยังไม่ได้แม้แต่เอาเป้ออกมาปัดฝุ่น
“แล้วคิดยังไงล่ะจะไปรถไฟ ลำบากลำบน ไม่ยอมนั่งเครื่อง ”
“ก็อยากจะนั่งไรแปลกๆดูบ้างอ่ะ” ผมบอกไป ทั้งที่ใจจริงอยากไปเครื่องบินมากกกก แต่เพราะ
ต้องไปกะไอ้โค้กไง เลยต้องประหยัดๆ
“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงก็ยังเป็นตู้นอน คงไม่ลำบากอะไรมากหรอกครับ” แต่ความจริงคือ ได้ที่นั่งแบบ
เบาะเอนได้ เพราะตู้นอนเต็ม
“แล้วนี่โทรบอกโอ้ตเค้ายังว่า จะมีเพื่อนไปด้วยน่ะ ”
“บอกแล้วครับ” แต่จริงๆคือไม่ได้บอก ว้อย ตายไปตูตกนรกแน่ๆ พูดความจริง 1 ตอแหลซะ 9
“ยังไงพวกแม่ก็รีบตามขึ้นไปเร็วๆล่ะกัน - - ได้ข่าวว่าเห่ออยากรับบัณฑิตใหม่กันจะแย่อยู่แล้วนี่นา”
“ย่ะ แล้วก็รีบๆเข้านอนแล้วกัน อย่าตื่นสายล่ะ”
“ครับ แต่สายหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก รถออกตั้งบ่ายสามนะ ”
รุ่งขึ้นผมตื่นเช้ากว่าปกติ (สิบเอ็ดโมง) เพราะต้องรีบจัดของใส่กระเป๋า ค้นตู้ไปมา ปรากฏว่า
เสื้อกันหนาวที่กะว่าจะใส่ไปดันตะเข็บขาดซะงั้น เลยต้องเขวี้ยงใส่ตู้กลับ เอาไงดีวะ แต่ช่วงนี้
ก็ไม่เห็นจะหนาวเท่าไร ไปที่โน่นก็คงไม่หนาวไรมากมั้ง เอาแค่เสื้อแขนยาวไปก็พอ
เกือบบ่ายสามผมก็มายืนรอไอ้โค้กอยู่ที่หน้าหัวลำโพง ที่ไม่อยู่รอมันมาพร้อมกันเพราะว่าโค้กมัน
มีเรียนช่วงเช้า แล้วผมก็ไม่อยากไปรอมันในมหาลัยด้วย ขี้เกียจแก้ตัวกับเพื่อนเรื่องที่จะไม่มาเรียน
เกือบสัปดาห์ ผมยกนาฬิกาขึ้นมาดู พร้อมๆกับปาดเหงื่อที่ไหลย้อยข้างแก้ม
คิดถูกแล้วที่ไม่ขนเสื้อกันหนาวมาด้วย
“ร้อนเหรอ …กินโค้กมั้ย”
“เฮ้ยยย … มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
“เมื่อกี้”
“ชอบโผล่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงนะมึงเนี่ย - - ว่าแต่ไหนอ่ะโค้ก” ผมถาม เพราะเห็นไอ้ตัวดี
แบกแต่เป้ใบใหญ่มาเท่านั้น
“นี่ไง” มันพูดเสร็จก็จับมือผมข้างนึงไปทำเป็นวางไว้ที่หน้าขามัน
“ดูดเบาๆนะคับ รับรองหวานอร่อย ” มันพูดแล้วก็ยิ้มหน้าทะเล้น แต่ผมนี่ดิ ไอ้สาดดด คิดได้ไง
ไอ้ทะลึ่งบ่อง ว่าแล้วก็เลยเอามือข้างนั้นกระแทกไปที่เป้ามันทีนึง
“อุ๊กกกก …”มันร้องเสียงหลง
“ดี .. สม”
พอรถไฟมาจอดเทียบชานชรา ผมสองคนก็ค่อยๆเดินหาตู้ไปเรื่อยๆ แบบว่าชีวิตนี้ไม่เคยขึ้น
รถไฟสายยาวแบบนี้มาก่อน กว่าจะหาตู้ได้ก็ล่อไปเกือบท้ายสุด เปิดไปก็มีคนนั่งกันเต็มอยู่
แล้ว แต่ก็แปลกที่มีแต่แถวที่ผมกะโค้กนั่งว่างอยู่แถวเดียว (แถวหนึ่งมีเก้าอี้ 4 ตัว)
“ปริ้นที่นั่งเบอร์ไร”
“นั่นไง ที่ว่างอยู่นั่นอ่ะ ” ผมชี้บอก “- - ว่าแต่ไมคนมันเยอะแบบนี้วะ อุตสาห์มาวันธรรมดา
แล้วนะ”
“สิ้นปีก็งี้แหละ ” มันพูดเสร็จก็ลงไปนั่งรีบปรับเบาะเอนนอนทันที
“ง่วงมาจากไหนเนี่ย”
“วันนี้มีเทส เมื่อคืนอ่านหนังสือทั้งคืน ไม่ได้นอนเลยคับ - - ว่าแต่ปริ้นเอาของมาแค่นี้เองเหรอ ? ”
มันถามเมื่อเห็นเป้ผมชัดๆ
“อือ ”
“ผ้าห่มไม่ได้เอามาเหรอ”
“อ้าว บนรถไม่ได้มีผ้าห่มให้เหรอ ? ”
“ไม่มี ไม่ใช่ตู้นอนหนิ”
“เออ … ไม่เป็นไรมั้ง คงไม่หนาวหรอก ร้อนตับแทบแตก” ผมว่า
“ถ้าหนาวก็มาห่มกับผมก็ได้” มันพูดยิ้มแฉ่ง
“ไม่เป็นไรวะ กูแข็งแรง” ผมพูดเสร็จก็นั่งลงข้างๆ มัน
“สวัสดีครับ ไปเที่ยวเชียงใหม่เหรอครับ” มีเสียงทักมาจากเบาะอีกด้าน จนต้องเหลียวไปหา
ก็เจอน้องผู้ชายคนนึง ดูท่ายังเรียนมัธยมอยู่เลย หน้าตาน่ารักใช่ได้ (ต่อมรักเด็กกำเริบ)
ว่าแต่มันมาตั้งกะม่ะไรวะ ?
“อ่อ ครับ ไปงานรับปริญญาพี่นะครับ” ผมตอบแบบงงๆนิดหน่อย ที่อยู่ดีๆก็มีคนมาทักเฉยเลย
“พี่ของพี่เรียนมช เหรอครับ”
“ใช่ครับ - - แล้วน้องกลับบ้านที่เชียงใหม่เหรอ”
“ครับ ผมเกิดที่เชียงใหม่น่ะครับ - - แต่กลับคราวนี้ไม่มีเพื่อนกลับด้วยเลย”
“อ่อ ฮะ” ผมยิ้มแห้งๆกลับไป
ปู้นนนนนนนนน
เสียงหวูดรถไฟเป็นสัญญาณให้รับทราบว่า รถกำลังจะเคลื่อนตัวในไม่ช้า ตัวขบวนเริ่ม
ส่งเสียงกึกกัก
“มากับเพื่อนเหรอครับ”
“อ่อ ฮะ” ผมหันไปทางไอ้โค้กซึ่งตอนนี้นอนหลับอุตุไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ไอ้เด็กคนนี้ยิ้มแปลกๆ แล้วก็ชวนผมคุยโน่นนี่ไปเรื่อย แปลกแฮะ ทำไมผมถึงรู้สึกไม่รู้สึก
อึดอัด หรือว่าตะขิดตะขวงใจที่ได้คุยกับน้องเค้าเลย ทั้งที่พึ่งได้รู้จักกันเมื่อตะกี้นี้เอง
“ปกติกลับบ้านคนเดียวบ่อยเหรอครับ” ผมถามต่อ
“ไม่หรอกครับ จริงๆผมไม่ค่อยได้ไปเชียงใหม่หรอกครับ - - ครั้งก่อนก็มีเพื่อนไปด้วย
เหมือนกับพี่นี่แหละ ” น้องน่ารักบอก
ผมกะน้องเค้าคุยเรื่อยเปื่อยทั้งเรื่องเรียน เรื่องอะไรต่ออะไรจิปาถะ จนลืมเวลาไปเลยคับ
รู้ตัวอีกที ก็ได้ยินเสียงไอ้โค้กคราง อือ อ่า แล้วก็บิดขี้เกียจ แสดงว่าไอ้ตัวขี้เซาได้เวลา
ตื่นนอนแล้ว
“ไงมึง หัวถึงหมอนก็หลับเลยนะ ” ผมหันไปกัดมันเล็กน้อย
“เงอ …. กี่โมงแล้วอ่ะ”
“เกือบจะหกโมงแล้วอ่ะ หิวป่าว ” ผมถามมันเพราะว่าจะได้เอาข้าวกล่องที่ซื้อไว้มาแกะ
“อือ … ก็ดีอ่า” แล้วมันก็ปรับเบาะ บิดขี้เกียจอีกรอบ - - มืดเร็ววะ พึ่งจะหกโมงเอง มันว่า
แล้วก็รับข้าวกล่องไปสวาปาม
“เออ ใช่เกือบลืม - - ” ผมหันมาคุยกะไอ้โค้กเพลินจนลืมน้องเค้าไปเลย แต่พอหันกลับมาอีกที
ก็ไม่เห็นซะแล้ว ไปไหนหว่า ?
ผมเกาหัวแกร่กๆ
“ลืมไรเหรอ” ไอ้โค้กเคี้ยวข้าวทำหน้าสงสัย
“ม่ะกี้มีน้องเค้ามาชวนคุยด้วยอ่ะ ตอนที่มึงหลับอยู่ไง - - คุยหนุกดีนะ แถมน่ารักด้วย” ผมชื่นชม
จนไม่ทันได้มองสีหน้าไอ้โค้ก
“อะไร คุยกะใคร ”
“อ๋า … ทำไมต้องทำเสียงงั้นด้วยฟ่ะ”
“ก็ไมล่ะ แค่ผมหลับไปแป็บเดียว แอบไปคุยกะใครวะ” มันทำท่าวางช้อนแล้วก็ปิดกล่องข้าว
ทำเป็นงอนซะงั้น
“เฮ้ย … บ้าเป่า คิดไรเนี่ย เด็กนะเมิง” ผมชักจะฉุน
“ไม่รู้ว้อย หึง เข้าใจเปล่า หวงด้วย” มันไม่พูดเปล่า แม่ม เอามือมาจับหน้าให้หันไปหามันด้วย
“ถ้าปริ้นทำให้ผมเสียใจนะ ผมจะไปบวชไม่สึกเลยจริงๆด้วย” มันว่า เฮ้ยๆ อยากเลียนแบบใคร
เป่าวะ
“เอ้ย ..กูเจ็บ - - มึงพูดเบาๆได้เป่า” ผมชักเริ่มเห็นคนด้านหน้าๆหันมามองคนสองคน
“เดี๋ยวให้ถึงก่อนเหอะ คิดบัญชีแน่” มันพูดเสียงโหด แม่ง ช่วงหลังๆนี่ลมเพชรหึงพัดผ่านบ่อย
เหลือเกินนะวะ จะคุยนิดคุยหน่อยกะใคร ก็ไม่ได้ พ่อหวงไปหมด หลังจากที่ยอมคบกับมัน
เป็นแฟนจริงๆจังๆเนี่ย ปีกว่าผมแทบกระดิกไปไหนมาไหนไม่ได้เลย
“ปริ้นเจ้าชู้ ปล่อยไม่ได้หรอก”
นี่คือคำที่มันว่าผม จนทำเอาตูโมโหไปพักใหญ่เลยทีเดียว แต่คิดไปคิดมา อืม ก็เจงของมันวะ
ยิ่งพักหลังๆ พอรู้ตัวว่าเริ่มแก่ ต่อมหื่นก็เหมือนจะเริ่มทำงานหนัก
“ตกลงจะเป็นพ่อกูเลยใช่ม่ะ ” ผมพูดประชด
“เออ เป็นแน่ …” ดูมันตอบ
หลังจากนั้นตลอดเวลาที่รถไฟค่อยๆเคลื่อนขบวนไปเรื่อย ผมก็ไม่เจอไอ้เด็กนั่นเลย แถมไอ้ที่นั่ง
ข้างๆที่คิดว่าเป็นน้องนั่น ก็เป็นที่ของคนอื่นที่จองไว้แล้ว สงสัยมันอยู่ตู้อื่นมั้ง แต่จะว่าไปการนั่ง
รถไฟแบบไม่ได้เป็นตู้นอนแบบนี้ ทรมานโคตรๆ ทั้งเมื่อย ทั้งเหม็นห้องน้ำ คนนอนกรนอีก
ตะหาก
“อยู่กับคนหมู่มากก็เงี้ยแหละ ขี้บ่นจัง ” ดูมันว่าผม แทนที่จะเข้าข้าง เดี๋ยวนี้ไม่มีอ่ะ
พอผ่านเที่ยงคืนไปได้ไม่เท่าไร ลมหนาวก็เลยโชยมาแล้วครับ เออ ไม่ใช่โชยซิ พัดเข้ามาแบบ
กระพรืดกระพรือเลยล่ะ ผมถึงกะตัวสั่นระริก หันไปมองทางไอ้โค้ก แม่ม นอนห่มผ้าสบายใจ
เฉิบเชียว พอมันเห็นผมมองมันก็หลิ่วตาเป็นเชิงประมาณว่า ไง แข็งแรงม่ะใช่เหรอ ?
ผมนึกได้ว่า ยังพอมีเสื้อแขนยาวอยู่ในเป้นี่หว่า ก็เลยรีบคว้ามาใส่ทับโดยพลัน พอเหลือบไปมอง
ด้านหน้าๆ ก็พบว่า แต่ละคนก็มีผ้าห่มเป็นของตัวเองทั้งนั้น พอสวมเสร็จก็พออุ่นขึ้นมาได้หน่อย
มองเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว ชักจะเริ่มง่วงแล้วดิ ตาผมค่อยปรือแล้วก็ปิดลงไปอย่างช้าๆ ท่ามกลาง
แสงไฟสีขาวที่เปิดจ้าอยู่บนขบวนรถไฟ
คึกคึกกก - - - -
“อึก”
คึก คึกกกกก คึกกก คึกก - - - -
ผมรู้สึกว่าขบวนรถไฟค่อยแล่นช้าลงเรื่อยๆ จนกระทั่งจอดสงบนิ่งลง แต่ดูท่าทางจะจอดนาน
ผิดสังเกต เสียงคนในขบวนเริ่มพูดคุยกันไปมา จนน่ารำคาญนอนต่อไปไม่ได้แล้วว้อยย
“ตื่นแล้วเหรอ” ไอ้โค้กถามผม ตัวยังคลุมผ้าห่มอยู่
“อือ ทำไมรถหยุดอ่ะ”
“เห็นเค้าบอกว่าหัวรถจักรเสียอ่ะ ตอนนี้กะลังลงไปซ่อมอยู่
“ห่ะ เสียกลางป่าแบบนี้เนี่ยนะ” ผมสบถพร้อมๆกับเห็นควันออกจากปากบางๆ พร้อมกับยกมือ
ดูนาฬิกา ตีสามแล้ว จริงๆต้องถึงสถานีตีห้าครึ่งนะเนี่ย
“สงสัยรถเลทแน่เลย ” มันว่า
อากาศภายในตู้รถไฟหนาวเย็นอย่างที่ผมไม่เคยพบมาก่อนในชีวิต ดูเหมือนว่ารถไฟจะมาจอดอยู่
ที่แถวๆสถานีในจังหวัดลำปางซักอย่าง ตอนนี้ปากผมสั่นจนฟันขบกันแล้วล่ะ หนาวทั้งมือทั้งเท้าเลย
“ร่างกายแข็งแรง…” เสียงไอ้โค้กลอยมาเบาๆตามลม ผมหันหน้าสั่นๆไปหามันทำตาขวาง
“ไหนมาใกล้ๆดิ๊ ” มันว่า
“ไรเมิง” ผมยังทำปากแข็งทั้งที่ตัวแข็งไปทั้งตัวแย้ว
“มาเหอะน่า” มันเห็นว่าผมยังไม่ยอมเลยยื่นมือมาดึงแขนเข้าไป แล้วก็เอามืออุ่นๆมากุมมือผมไว้
“โห มือโคตรเย็น” มันพูดไป นิ้วมันก็ไล้มือผมไป ทำเอาสยิวกิ้ว
“ตกลงจาห่มผ้าห่มมั้ย” มันพูดยั่ว
ผมพยักหน้าเล็กๆแทนคำตอบ
“อะไรนะ”
“เอา ”
“ไรนะ” มันทำยื่นหูมาใกล้ๆ
“มึงเอาผ้ามานี่เลยม่ะ” ผมว่าพลางกระชากมาทั้งผืน แล้วก็เอามาห่มคนเดียวเลย แกล้งกูดีนัก
“เฮ้ย เล่นงี้เลยเหรอ” มันพูดเสร็จ ก็โถมตัวเข้ามากอดกูซะงั้น ไอ้หน้าด้านคนอยู่เยอะแยะ
“โค้กมึงเล่นไรวะ ไม่ใช่เด็กๆแล้วน่ะ”
“ก็ชอบเด็กๆไม่ใช่เหรอไงฮะ - - ผมจะเป็นเด็กให้ไง ”
“หึหึ ไอ้เด็กโข่ง ” ผมพูดเสร็จ ก็แบ่งผ้าให้มันครึ่งหนึ่ง ภายใต้ผ้าผมนอนตะแคงหันหลังให้
ไอ้โค้กกอด ความหนาวเย็นที่มีเมื่อกี้ค่อยผ่อนคลายลงไปได้บ้าง
“แล้วนี่เมื่อไรเค้าจะซ่อมเสร็จวะ”
“เอาน่า คงไม่ถึงเช้าหรอก ” โค้กพึมพำแล้วก็เอาหัวมุดลงไปใต้ผ้า ผมรู้สึกว่ามันเอาหน้ามา
ซบที่หลัง เอ้ย… รู้สึกว่าใช่แค่หน้านี่นา มือมันค่อยๆเลื้อยสอดผ่านเสื้อเข้ามาจากด้านหลัง
“ม.. มึงจะทำไรอ่ะ” ผมหันคอไปว่ามันเสียงสั่น ไอ้โค้กมันอู้อี้อยู่ใต้ผ้าอยู่อย่างงั้น แล้วผมก็รู้สึก
ว่ามันเอามือลูบผ่านหน้าอก
“ไอ้เชี่ยย” ผมแอ่นตัวหลบมัน ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคัก
“เสียวเหรอ …” มันโผล่หน้าออกมา แต่มือมันยังเลื้อยอยู่ใต้ผ้า
“มึงโรคจิตป่ะเนี่ย .. ”
“ไม่รู้จักผีผ้าห่มเหรอ หุหุ” มันพูดเสร็จก็เปลี่ยนมากอดผมใต้ร่มผ้า แล้วก็เอาหน้ามาซบที่ไหล่
“นอนเถอะปริ้น เดี๋ยวจะตื่นไม่ไหว”
“อือ”
ตอนนี้ผมรู้สึกว่า คิดไม่ผิดจริงๆ ที่ชวนมันมาด้วย อ่า… โค้ก กูรักมึงจัง
ผมรู้สึกตัวตื่นมาอีกที รถไฟก็วิ่งฉึกฉักเป็นปกติแล้ว เริ่มได้ยินเสียงคนคุยกันจ้อกแจ้กจอแจ
มองไปนอกหน้าต่างก็พบว่าเริ่มมีแสงอาทิตย์ส่องผ่านมาแล้ว ไหล่ข้างที่โค้กมันซบหลับอยู่
เปียกชื้น
“ไอ้ห่า นอนน้ำลายไหลอีกแล้วนะมึง ” แล้วก็จัดแจงล้วงไปหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับปากมัน แล้วก็
ยกหัวไปพิงไว้กับพนัก กูปวดฉี่ว้อย
อุ๊บ แค่เปิดประตูเข้าไป แทบเป็นลม เหม็นชิบหายยยยยยยยยย….. กลั้นหายใจปั๊บ
ล้วงหนอนชาเขียวออกมาพ่นปุ๊บ เผ่นออกมาปั๊บ โหยยย กูหายง่วงเลย
“มาฉี่เหรอพี่ ”
“คับ” ผมยิ้มให้เมื่อได้เจอน้องที่ได้คุยเมื่อเย็นที่หน้าห้องน้ำพอดี
“ห้องน้ำเหม็นชิบเป๋งเลยวะ เข้าดีๆนะ” ผมเตือนแล้วก็ทำท่าจะเดินกลับไปนั่งที่ แต่ก็นึกอะไรได้
เลยยืนรอน้องเค้าแถวนั้นก่อน
“อ้าว… พี่รอผมเหรอ”
“อะครับ คือพี่ลืมแนะนำตัวไปเลย คุยกันตั้งนาน” ผมยิ้มเขินๆ “- - พี่ชื่อปริ้นนะครับ ส่วนเพื่อนที่
มาด้วยชื่อโค้ก ถ้าได้เจอกันอีกก็ทักได้นะ”
“ครับพี่ เราคงได้เจอกันอีกล่ะ” มันว่า
“- - ผมปิงครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
น้องปิงยิ้มให้ผมก่อนที่จะค่อยๆเดินข้ามตู้ไปอีกตู้นึง ทิ้งความรู้สึกสงสัยบางๆที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
ไว้ที่ส่วนลึกในใจ
“เอ… อืมมมม…. ทำไมมันคุ้นๆ น้า แต่นึกไงก็นึกไม่ออก”
.
.
.
.
.
โปรดติดตาม บ้านพักอลเวง(ภาคพิเศษ) – HolyNight
ตอนต่อไป -------------------------------------------------------------------------------------->
http://stpstory.exteen.com/โดย staying power