“ก็เออดิ ก็นอกจากเรากะนาย ขึ้นไปข้างบนเมื่อกี้ ก็ยังไม่มีใครกลับมาเลย …. มีไรเหรอ?” ไอ้น้ำบอกทำท่าสงสัย
“อ้าว….แล้วเมื่อกี้ …. …..ใคร??” ผมเริ่มสงสัย
“ใคร อะไรเหรอ?” คราวนี้เป็นพี่รัญถามผม
“ปะ ปล่าวคับพี่ ไม่มีไรหรอก งั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะคับ พี่ใช้เสร็จแล้วใช่ป่ะ” ผมเลี่ยงที่จะตอบ แล้วเดินขึ้นไปข้างบน แต่ก่อนจะเข้าห้อง ผมก็อดไม่ได้ที่จะมองห้องเจ้าปัญหาที่ผมได้ยินเสียง
“เฮ้ย !! คิดมากไปได้ ผีไม่มีในโลกนี้ ซะหน่อย ” ผมปลอบใจตัวเอง เพียงหวังว่าผมจะได้ไม่ต้องยุ่งยากที่จะต้องหาหอใหม่ซะตั้งแต่ยังไม่ได้เปิดเทอม เพราะโดนผีหลอก!!
สำหรับผมแล้ว น้ำนับเป็นเพื่อนคนแรกในการเข้ามาใช้ชีวิตใหม่ๆที่นี่ และเค้าก็ทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีพอสมควรทีเดียว นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ภาระของเค้าดูจะมีมากกว่าคนอื่น เรียกว่ารับผิดชอบหอทั้งหมดละกัน น้ำเป็นคนที่หน้าตาใช้ได้ทีเดียว ถึงแม้จะไม่เรียกว่าหล่อลากดินก็ตาม แต่ก็มีเสน่แปลกๆบอกไม่ถูก ตัวเค้าพอๆกับผม แต่สูงน้อยกว่า ทำให้ผมชอบแหย่มันโดนการขยี้หัวเล่นบ่อยๆ มันก็ตอบแทนผมด้วยการเอาของที่ผมเกลียดที่สุดใส่ลงในโจ้กมื้อเช้าในวันต่อมา นั่นทำให้ผมแทบอ้วกลงกลางโต๊ะ
“เฮ้ย !! ใครเอาผักชีมาใส่ในโจ้กฉันวะ” ผมถามไปงั้นแหละ เพราะคำตอบนั่นมีเพียงหนึ่งเดียว พลางมองไปหาตัวการ ที่ทำเป็นซดโจ้กซะดังจ๊วบ
“ผักมีประโยชน์นาเฟ้ย วิตามินสูง ฉันได้ข่าวว่านายชอบกินมากม่ะใช้เหรอ บาส” เด็กหนุ่มยิ้มชอบใจที่ได้แก้แค้นเพื่อน
“ผักอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ผักชี” ผมตอบพร้อมทั้งพยายามเลือกเอามันออกไป บอกตามตรงใครจะว่ามันอร่อย หอม มีประโยชน์แค่ไหน แต่สำหรับผม มันเหม็นที่สุดในโลกเลย กลิ่นฉุนๆของมันทำให้ผมอ้วกออกมาได้เลยนะ
วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของผม อันที่จริง รร ของผมก็อยู่ใกล้ๆ กับหอที่ผมอยู่นะแหละ เพียง 20 นาทีก็น่าจะถึง ถ้ากะตามระยะทาง แต่นั่นเป็นสิ่งที่คิดผิดอย่างแรง เพราะผมยังไม่ได้บวกเวลารถติดเข้าไปนะซิ อย่างว่าแหละ บ้านนอกที่ผมอยู่ รถมันไม่ติดบ้าพลังอย่างนี้นี่หว่า ?
สมาชิกอีกคนที่ยังไม่ได้แนะนำเรียนอยู่ รร เดียวกะผม ไอ้เป้ก ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าลูกคนจีนแน่นอน หรือว่าไง ?? เป้กอยู่ชั้น ม.5 แล้ว เป็นพี่ผมปีหนึ่ง แต่เค้าก็ไม่ได้ให้ผมเรียกพี่หรอก เหตุผลก็คือ มันทำให้เค้าดูแก่ เช้าวันแรกผมจึงไป รร พร้อมเค้านะแหละ
การเรียนในวันแรกของผมดูจะค่อนข้างต้องปรับตัวอีกเยอะ ทั้งในด้านวิชาการที่ดูว่ามันยากกว่าแต่ก่อนเหลือเกิน และในด้านสังคม ซึ่งที่นี่ดูจะห่างเหินกัน และเหมือนกับอยู่แบบตัวใครตัวมันมากกว่าที่ผมคาดไว้ แม้กระนั้นก็ยังมีนักเรียนหญิงบางคนแอบส่งสายตาให้ผมบ้างนะ บางคนถึงขนาดทิ้งผ้าเช็ดหน้าเพื่ออ่อยเหยื่อก็ตาม แต่ผมก็ยังเซ่อเดินไปเหยียบเข้าอะดิ
“เสน่ห์แรงไม่เบานี่น้องชาย ” เป้กกระเซ้าผม ระหว่างทางกลับหอ
“แต่ถ้าเป็นนาย ก็คงไม่เซ่อที่จะเหยียบผ้าเช็ดหน้าสาวเหมือนฉันใช่ป่ะ” ผมพูดเหมือนจะฉุนตัวเอง ทั้งที่ใจก็นึกขำ
“ก็คงงั้นแหละ ไม่ต้องรีบร้อนหรอก เรื่องพรรณเนี้ย แต่ถ้าฉันเป็นนายนะ ฉันคงรีบเก็บผ้าไปซัก แล้วก็รีบไปคืนที่บ้านเธออะ ถ้าโชคดีเจ้าหล่อนอาจได้แอ้มฉันก็เป็นได้ ” เป้กพูด เหมือนจะขำเลยนะมุขเนี้ย ผมคิดว่านี่นาจะเป็นข้อดีที่มีอยู่ไม่มากในตัวมันนะ เพราะมันช่างสรรหาเรื่องตลกๆ หรือถ้าอยู่ในสถานการณ์เครียด ไอ้เป้กนี่แหละที่เป็นตัวตลกให้หายเครียดได้เป็นอย่างดี ผมแน่ใจว่าผมยังไม่เคยเห็นมันเครียดจริงๆจังซะทีนะ!!
นั่นก็เป็นรายละเอียดคราวๆ ของสมาชิกร่วมหอของผม ต้องบอกว่าผมโชคดีมากๆ ที่ได้เจอกับคนที่ดีๆซึ่งมันคงมีไม่มากนักในเมืองกรุงแห่งนี้ แต่ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่ผมยังต้องกังวลเกี่ยวกับหอพักแห่งนี้ เรื่องที่ผมยังไม่เคยเอ่ยปากกับใคร เพราะผมก็ยังไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์นัก สิ่งนั้นคืออะไร ท่านผู้อ่านคงจะจำกันได้นะ เอ !! หรือว่าจำไม่ได้แล้ว เสียงลึกลับที่ผมได้ยิน ในวันแรกที่เข้ามาที่นี่ยังไงละ ผมมารู้ทีหลังว่าห้อง 206 เป็นห้องที่ไม่มีใครเช่าอยู่เลย
มันเป็นห้องว่างธรรมดาๆ แค่นั้นมันก็ทำให้ผมรู้สึกปอดๆขึ้นมาแล้ว เวลาที่ผมต้องอยู่บนชั้น 2 คนเดียว แต่ผมก็ไม่มีเวลามานั่งนอนกลัวอยู่ตลอดเวลาหรอก ช่วงใกล้สอบกลางภาคเป็นช่วงที่ผมต้องมีสมาธิในการอ่านหนังสือมากทีเดียว พี่รัญพอจะเป็นที่พึ่งของผมได้มากที่สุดในระยะนี้ ต่างจากไอ้เป้กที่วันๆเอาแต่เที่ยว เล่น กิน ดูหนัง (โดยเฉพาะหนัง x ) ผมยังสงสัยว่ามันรอดมาถึงป่านนี้ได้ยังไงว่ะ
และเรื่องเหลือเชื่อไม่ลง ก็เกิดขึ้นกะผมจนได้ !! คืนนั้นฝนตกค่อนข้างหนัก แต่ผมจำเป็นต้องอยู่อ่านหนังสือ เพราะวันรุ่งขึ้นจะสอบแล้ว ประมาณตี 3 ได้ ผมว่าทุกคนหลับกันหมดแล้วหล่ะ เกิดปวดห้องน้ำขึ้นมา เลยเดินลงไปเข้าห้องน้ำ แต่ขากลับนี่ซิ พอผมจะเดินเข้าห้อง
““วี้…………….วี้…………….” ส…เสียงนี้อีกแล้ว !! มันทำให้ผมนึกถึงวันที่ได้ยินเสียงครั้งแรก
“ม่ะ… ไม่มีใครอยู่ไม่ใช่หรอ แล้ว มันเสียงอะไรว่ะ” ผมคิดในใจ สัญชาติญาณบางอย่างบอกให้ผมกลับเข้าไปอ่านหนังสือต่อ แต่ ….. เหมือนมีอะไรบางอย่างฉุดให้ผมเดินไปใกล้ห้องนั้นมากยิ่งขึ้น รู้สึกตัวอีกที ผมก็มายืนอยู่ที่หน้าห้องแล้ว ถ้าผมสังเกตไม่ผิด บานประตูห้องแง้มเปิดอยู่เล็กๆ ทั้งๆที่วันก่อนมันปิดสนิท !! ผมมองลอดเข้าไปภายในห้อง มันมืดมาก แต่ผมก็ยังได้ยินเสียงปริศนาอยู่
“…อื้อ..อา ???” หัวใจผมแทบหยุดเต้น เสียงนี้อีกแล้ว เหมือนเด๊ะเลย!!! ผมตัดสินใจค่อยๆเปิดประตูเข้าไป ตอนนี้ผมกลัวว่าจะเป็นขโมยซะมากกว่าจะเป็นอย่างอื่น ผมค่อยๆย่องเข้าไป ได้จังหวะผมก็เปิดสวิตซ์ไฟทันที !!
--- ภาพที่ผมเห็นคือห้องโล่งๆ ไม่มีแม้แต่สิ่งมีชีวิตเล็กๆ หน้าต่างถูกปิดสนิท เหมือนกับว่าไม่มีคนอยู่ในห้องนี้มานาน ที่สำคัญ ไม่มีทีวี !! และดูเหมือนเสียงปริศนา ได้หยุดร้องไปแล้ว เหลือแต่เสียงฝนที่ตกกระหน่ำลงมาเหมือนจะหัวเราะเยาะ ตอนนี้ผมขนลึกซู่ ทันใดนั้น !!
เปรี้ยง !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เสียงฟ้าผ่าลงมา พร้อมๆกับไฟดับพรึ่บ
ตอนนี้ผมกลัวเกินกว่าจะก้าวขวาออก
“ ผีหลอกชัดๆ ”ผมคิดในใจ อยากจะตะโกนออกมาใจจะขาดแต่มันไม่มีอะไรจะออกมาจากปากผมเลย และท่ามกลางความมืดในห้องนั้น ผมเริ่มรู้สึกได้ว่า มีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ใช่มนุษย์กำลังใกล้เข้ามาหาผม….ใกล้เข้ามา…..มาถึงด้านหลัง…….และเสียงที่เหมือนจะกระซิบมาจากที่ไกลแสนไกล……………..!!!
“อยากลองดีกับฉันใช่ไหมมมมมมมมมมมม …..? ”
ถึงแม้จะเป็นเสียงผู้ชาย แต่เสียงนั้นเย็นยะเยือกถึงขั้วหัวใจเลย แล้วผมก็รู้สึกเหมือนมีมือมาลูบที่ต้นคอผม ตอนนี้ผมสุดที่จะทนทานต่อไปได้แล้วนะโว้ย !!!
“อะจ๊าาาาาาาาาากกกกกก ช่วยด้วย !!!!! ผีหลอกกกกกกกกกกก ” ตามมาด้วยอีกสารพัดเสียงที่ผมสามารถเปล่งออกมาได้ แน่นอน !! มันไม่ได้มีความหมายหรอกนะ แล้วขาผมก็ทำงานวิ่งออกจากห้องอาถรรพ์จนได้ เป็นเวลาที่ไฟมาพอดี ผมวิ่งไปที่ห้องพี่รัญ พร้อมเคาะประตู พี่รัญเปิดประตูออกมาท่าทางตกใจ ซึ่งดูจากลักษณะแล้วพี่เค้าคงตื่นเพราะเสียงผมนะเอง
“เอ้ย บาส เฮ้ย เกิดอะไรขึ้น เฮ้ย พูดเด้ อย่ามัวแต่ร้องไห้ ” ดูพี่เค้าตกใจมากกับสิ่งที่ผมเกิดขึ้น เพราะผมไม่เคยตกใจอะไรถึงขนาดต้องร้องห่มร้องไห้ออกมาขนาดนี้ และถึงตอนนี้ดูเหมือนน่าจะตื่นกันมาทั้งหอได้แล้ว แต่ทำไมไม่มีใครมาดูผมเลยว่ะ
“พี่ ผ…มันหลอ ผ…ผม” ผมพูดผิดพูดถูก
“ อะไร ใคร อะไรหลอ ว่ะ” เวลาแบบนี้ยังมาเล่นมุขอีก !!
“ผมโดนผีหลอก ผีมันหลอกผม ในห้องนั้นอะ” ผมบอกระล่ำระลัก พร้อมชี้ไปที่ห้องเกิดเหตุ ซึ่งตอนนี้มันปิดสนิทเหมือนเดิมแล้ว
“เฮ้ย ไม่ต้องกลัว ผี เผออะไร เฮ้ย ไม่ต้องกลัว พี่อยู่นี่แล้วเว้ย” พี่รัญปลอบผมพลางกอดผมซะแน่นเชียว ผมก็ต้องการแบบนั้นอยู่แล้วอะ ผมกลัวสุดขีดเลย !!
เหตุการณ์น่าจะสงบลงได้แล้ว ฉับพลัน ไฟก็ดับอีกครั้ง ทั้งๆที่พี่รัญยังกอดผมอยู่ !! แล้วสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดก็เกิดขึ้น ผมได้ยินพี่รัญพูด ซึ่งตอนนี้ไม่ได้เป็นเสียงพี่รัญคนเดิมแล้ว
“นายเป็นคนสอดเรื่องนี้เองนะ ดี!! รับรอง…ฉันไม่ทำให้ผิดหวังแน่ ฮ่า ฮ่า ฮ่าๆ ๆ ” เสียงพี่เค้ากลับกลายเป็นเสียงที่ผมได้ยินในห้องนั้น ตอนนี้ผมขวัญกระเจิงเรียบร้อยแล้ว ทั้งผลักทั้งดันให้หลุดจากมือพี่รัญ แต่ก็ไม่ได้ผลพี่เค้ากลับกอดแน่นเข้าไปอีก จนผมอึดอัดจะแย่แย้ว !!! พี่รัญที่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ก้มหน้ามาหาผม ใกล้เข้ามาทุกที ถึงจะมืดแต่ตอนนี้ผมสังเกตเห็นชัดเจน ดวงตาของพี่เค้า กลับกลายเป็นสีแดงวาวไปซะแหล่ววว!! และนั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมได้เห็นในคืนนั้น……………. (อา…ตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องผีแล้วเหรอว่ะเนี่ย)
แสงอาทิตย์อ่อนๆในยามเช้า ทั้งที่เมื่อคืนฝนตกหนักแท้ๆ ทำให้ผมเริ่มรู้สึกตัวขึ้น เหตุการณ์เมื่อคืน ทำให้ผมจับต้นชนปลายไม่ถูก และตอนนี้ผมก็ไม่ได้นอนอยู่ที่ห้องผมแน่นอน ผมพลิกตัวกลับไปก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นพี่รัญนอนอยู่ข้างๆ
“นี่มันห้องพี่รัญนี่หว่า” ตอนนี้ผมเริ่มนึกออกบ้างแล้ว รู้อีกอย่าง ตอนนี้ผมกลัวพี่รัญ !! เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับผม ตอนนี้ผมค่อยพยุงตัวลุกขึ้นจากเตียงให้เบาที่สุด แล้วค่อยๆย่องออกจากที่นี่โดยด่วน แต่พี่รัญรู้สึกตัวก่อน จับแขนผมไว้
“ตื่นแล้ว เหรอ จาไปไหน” พี่เค้าพูด แล้วค่อยๆลืมตาขึ้น ถึงตอนนี้ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าจะร้องเป็นภาษาอะไร ถ้าเห็นตาแดงวาวปรากฏอยู่เหมือนเมื่อคืน แต่ ! ผมก็โล่งอก เมื่อตอนนี้กลับกลายเป็นพี่รัญที่แสนดีเหมือนเก่าแล้ว
“เมื่อคืนเป็นไรไปอะไร แหกปากซะลั่นเชียว พี่เข้าไปนายก็ผลักอยู่นั่นแหละ จนนายสลบไป พี่ถึงแบกเราให้มานอนห้องพี่อะ ” พี่เค้า
อธิบายให้ผมเข้าใจกับเหตุการณ์เมื่อคืน
“ร …เหรอ แค่นั้นจริงๆเหรอคับ ” ผมพูดอย่างไม่แน่ใจ แล้วที่ผมเห็นละ!! มันคืออะไร ?
“แล้ว….มันจะแค่ไหนอีกหล่ะ ?” เค้าย้อนถามผม ซึ่งตอนนี้ผมมึนจนไม่รู้จะอธิบายอะไรให้เค้าเข้าใจหรอก!!
เมื่อผมเห็นว่าพี่รัญไม่ได้มีท่าทางแปลกแล้ว บวกกับที่ผมไม่สามารถอธิบายสาเหตุที่ผมลุกมาโวยวายยามดึกดื่นได้ ผมจึงทำได้แค่กลับเข้าไปห้องตัวเอง และถามตัวเอง
“เมื่อคืน หรอเราฝันไปวะ …. ” ผมคิด แล้วผมก็รู้สึกเจ็บตรงต้นแขน จึงเลิกแขนเสื้อขึ้นมาดู ปรากฏเป็นรอยช้ำเหมือนกับโดนบีบ
”เฮ้ย!! ทะทำไม ” เพียงเท่านี้ผมก็มีหลักฐานพอเพียงแล้ว สำหรับยืนยันได้ว่าเรื่องเมื่อคืน ผมไม่ได้ฝันไป และไม่ได้ละเมออย่างที่คิด ผมโดนผีหลอกจริงๆ!! แล้วไอ้ผีที่ว่ายังตามมาสิงพี่รัญอีก ใช่แน่ๆ
วันสอบวันแรกของผมผ่านไปอย่างไม่ราบรื่นเท่าที่ควร ความกลัวและกังวลเรื่องเมื่อคืนทำให้ผมไม่มีสมาธิในการทำข้อสอบเลยให้ตายซิ!!! ความกังวลนั้นยิ่งเพิ่มมากขึ้น ระหว่างเดินทางกลับหอพร้อมกับเพื่อนรุ่นพี่
”ไง ทำข้อสอบได้มั้ย ฉันว่าข้อสอบ ม.4 นะ หมูจาตายชัก….ตอนฉันเรียนอยู่นา ตกแค่ 2 วิชาเอง ” เป้กชวนผมคุย ตลอดทางผมไม่ได้คุยอะไรกะมันเลย ผมก็พยักหน้าเออออไปงั้นแหละ
”ทำไมดูนายเครียดๆจัง ทำไม่ได้เหรอ เฮ้ย ไม่ต้องกังวลหรอก แค่นี้เอง ฉันก็ทำไม่ได้เหมือนกัน ยังไม่เห็นเครียดเลย ดูเด๊ะ ” พูดพลางทำหน้าตาแป้นแล้น มันช่างเป็นวิธีการปลอบขวัญเพื่อนที่ห่วยจริงๆ ถ้าผมทำข้อสอบไม่ได้ แต่ความจริงผมไม่ได้เครียดเรื่องนั้นซะหน่อย ความจริงคือผมไม่อยากกลับไปเจอไอ้ผีบ้าบอที่อยู่ที่หอนั่นเลย !!!
แต่ผมก็คิดไม่ตกว่าจะทำยังไงดี ผมอยากจะบอกไอ้เป้กจริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ได้แค่คิด เพราะถ้าผมเล่าให้ฟัง
มันคงเอาเรื่องที่ผมเล่าไปโพทนาให้ชาวบ้านชาวช่องเค้ารู้แน่นอน มันช่างอึดอัดแน่แท้หนอ
ไม่กี่อึดใจ ผมก็เดินมาถึงหอจนได้ อะไรบางอย่างทำให้ผมเหลือบไปมองชั้น 2 และท่าตาไม่ฝาด ผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆหน้าต่างด้านบน มันไม่ใช่คนที่ผมรู้จักในหอเลย !! ฉับพลันก็มีมือมาจับที่ไหล่ผม ทำให้สะดุ้งสุดตัว !! หันไปถีบเต็มแรง
พลั๊ก !!!
“อั๊ก…….!!!” เมื่อหันกลับไปดู คือพี่โอลงไปนอนจุกอยู่บนพื้น ไอ้เป้กรีบวิ่งไปดูพี่เค้า แล้วหัวเราะอย่างขบขัน
“เฮ้ย !! มึงเตะกูทำไมว่ะ ไอ้บาส อู้ย!!!….” พี่โอว่า “มึงอีกตัวไอ้เป้ก หัวเราะอยู่ได้อยากโดนมั่งเหรอไง”
“พี่ อย่าไปว่ามันเลย มันกะลังเหม่อๆ เครียดๆเรื่องสอบไม่ได้อยู่อะพี่ เข้ามาเงียบๆก็ได้เรื่องดิ” ไอ้เป้กแก้ตัวให้ผม
“ผ..ผมขอโทษคับพี่” ผมพูดพลางพยุงตัวพี่โอขึ้นมา
“เออ ไม่เป็นไรมากหรอก ทีหลังจะถีบใคร ดูให้มันดีก่อนนาเว้ย” พี่โอพูดแบบหงุดหงิด แล้วเดินเข้าไป ผมก็นึกขึ้นได้ว่าเห็นใครอยู่ที่หน้าต่าง พลางมองขึ้นไปด้านบนอีก แต่………ไม่มีใครยืนอยู่แล้ว!! เท่านั้นแหละ ผมรีบวิ่งขึ้นไปดูให้แน่ใจ แต่ปรากฏพบแต่ความว่างเปล่า เป็นไปไม่ได้ที่ว่าจะเดินลงมาแล้ว เพราะบันไดมีอยู่ทางเดียว ถ้าใครเดินลงมา ผมต้องเห็นแน่นอน นั่นทำให้ตั้งแต่เย็นนั้น จนตลอดการสอบมิดเทอมเสร็จวันสุดท้าย ผมต้องคอยระแวงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อต้องกลับหอ ผมแทบจะเป็นบ้า เพียงแค่ได้ยินเสียงทีวีที่พี่เต้เปิดไว้ !!!
จนเมื่อวันสอบวันสุดท้ายเสร็จ มันทำให้ผมโล่งอกไปเปราะนึง ก็สอบเสร็จแล้วนี่นา วันนั้นผมกับเพื่อนๆพาไปเลี้ยงฉลองกันจนดึกเลย กว่าจะกลับหอก็เกือบ 4 ทุ่ม กลับมาถึงก็เข้าห้องหลับเป็นตาย
“วี้………….วี้”
“ตึก !!!”
เสียงนี้ทำให้ผมสะดุ้งตื่น ค่อยลืมตาขึ้นมา ผมหลับไปนานเท่าไรไม่รู้ ผมลืมตาจนพอสายตาชินกับความมืดมองเห็นสิ่งต่างๆรอบห้องได้พอควร แล้วว……..ผมเห็นร่างๆหนึ่ง จะเรียกว่างั้นก็ไม่ได้เพราะผมมองเห็นเพียงเงาดำๆเท่านั้น ตอนนี้ผมต้องตกใจกลัวอีกครั้ง เมื่อร่างนั้นค่อยๆก้าวสามขุมเข้ามาหาผม สาบานได้ ผมไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าที่มาจากร่างนั้นเลย ให้ตายซิ !!! ไอ้ผีตัวนั้นแน่ๆ มันจะจองเวรผมไปถึงไหนว่ะ
“ฮึ ฮึ ฮึ ” ร่างนั้นส่งเสียงที่เหมือนจะหัวเราะออกมา บัดนี้มันยืนอยู่ข้างเตียงผมแล้ว ทำให้ผมมองเห็นหน้าตาของไอ้ผีบ้านี่ได้ชัดขึ้น ร่างชายหนุ่มอายุประมาณไรเรื่ยกับผม มองมาที่ผม แววตาสีแดงวาวเหมือนกำลังโกรธจัด เพียงแต่หน้าตาไม่ได้แสดงท่าทางอย่างนั้น ตอนนี้ผมพยายามพยุงตัวขึ้นมาจากการนอน แต่…ผมขยับตัวไม่ได้เลย คล้ายกับโดนสะกดไว้ ร่างนั้นยิ้ม (จะเรียกว่าแสยะยิ้มดูเหมาะสมกว่า) เหมือนจะพอใจที่ผมไม่สามารถขัดขืนอะไรได้เลย ร่างนั้นค่อยขึ้นมาบนเตียงผม เพียงแต่เตียงนั้นแทบไม่ยุบลงไปเลย ทั้งๆที่ตัวมันก็ใช่จะเล็ก ตอนนี้มันขึ้นมาคร่อมตัวผมเรียบร้อยแล้ว ไม่รู้ว่าจะคร่อมทำไมทั้งๆที่ผมก็ขยับตัวไม่ได้ เว้นแต่ว่า……..เร็วเท่าความคิด ผมพยายามสะบัดข้อมือผมที่ถูกจับกดอยู่ แน่นอน มันหนักเหมือนโดนก้อนดัมเบล 10 กิโลฯ ทับไว้อยู่ ความกลัวของผมในตอนนี้สุดขีดแล้ว จนมันแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเกรี้ยวมาแทนที่
“เฮ้ย แกจะทำอะไรชั้น ปล่อยนะโว้ย ปล่อย!!!”พร้อมกับคำสบถชนิดที่ผมคาดไม่ถึงว่าจะได้ด่าใครขนาดนี้มาก่อน ร่างนั้นยิ้มเหมือนเย้ยหยันอีกครั้ง แล้วสิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น… มันค่อยปลดกระดุมเสื้อนอนผมออก มันทำให้ผมตกใจมากขึ้น ทีละเม็ด ทีละเม็ด แล้วเอามือเย็นยะเยียบของมันค่อยๆลูบไล้หน้าอกผม มันสยิวอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับโดนเอาน้ำแข็งมาลูบแบบนั้น จากนั้นร่างนั้นค่อยๆก้มหน้าลงมาช้าๆ นี่ถ้ามันเป็นผีผู้หญิง ผมจะไม่ขัดขืนเลยนะเนี่ย !!! ตอนนี้ผมกะลังโดนผีล่วงละเมิดทางเพศเหรอว่ะ คิดได้ดังนั้น ผมพยายามสลัดสะบัดหน้าผมไม่ให้มันทำสำเร็จ แต่มันก็ไม่เป็นผล ริมฝีปากที่แสนเย็นของมันประทับลงมาบนริมฝีปากผมเบาๆ มันช่างเป็นจูบแรกที่เย็นชืดอะไรปานนี้ มือมันก็ทำหน้าที่ได้อย่างดี ตอนนี้เหมือนจะค่อยๆล้วงเข้าไปในกางเกงผม
“ไม่น้าเว้ยยยยยยยย” ผมได้แต่คิด ตอนนี้ร่างของมันแนบทับมาบนตัวผมเต็มๆเลย จูบของมันเริ่มหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ จน…………..
แปร้บ!!.. ผมรู้สึกเหมือนไฟช็อตไปทั่ว ร่างผมกระตุกนิดหนึ่ง แล้วผมก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา!! เหงื่อแตกพลั่กเหมือนพึ่งอาบน้ำมาใหม่ๆ
“ฝ…ผันน่ากลัวชิบเป๋ง” ตอนนี้ผมยังตกใจไม่หายกับฝันนั้น มันช่างเหมือนจริงเหลือเกิน หลังจากพยายามนั่งทำใจอยู่นาน ผมก็เตรียมตัวจะไปอาบน้ำ ทำให้พึ่งสังเกตกับตัวเอง มันทำให้ความกลัวพุ่งเข้ามาหาผมอีกครั้ง เพราะตอนนี้กระดุมเสื้อของผมถูกปลดออกมาทุกเม็ดเลยอะดิ !!!!
“ไม่จริง” ผมพูดกะตัวเอง แทบอยากจะบ้า………………..
“เฮ้ย เป็นไรว่ะ หน้าซีดอีกแหละ ” ไอ้เป้กพูดขึ้นมาระหว่างกินข้าวเช้า มันนี่ช่างมายุ่งกะหน้าผมจริงๆ
“รู้สึกม่ะค่อยสบายว่ะ” ผมบอกไป
“ไม่สบายอีกแล้ว หน้าตาก็ไม่ได้ขี้โรคนี่หว่า” พี่รัญมาว่าอีก
“น้ำผักชีซักแก้วเป็นไง รับรองหาย” คราวนี้ไอ้น้ำ โอ้ย ไอ้พวกนี้มันยุ่งกะชีวิตกรูจริงๆ
“มึงพอเลยไอ้น้ำ ยิ่งปวดหัวอยู่นาเว้ย ไม่มีอารมณ์มากัดด้วยหรอกเว้ย” ผมบอกพวกมัน นี่ผมปวดหัวจริงๆนาเนี่ย ไอ้เพวกนี้ไม่ค่อยจะเชื่อกันเลย
“แล้วงี้จะไปเที่ยวได้เหรอ ไม่สบายเงี้ย สงสัยอยู่เฝ้าหอละกัน” พี่โอว่าพลางยกชามโจ้กซด (น่าเกลียดมากๆ) ใช่แล้วคับ วันนี้เป็นวันที่พวกเรา 5 คนได้หยุดเทอมตรงกันซะที เลยนัดกันจะไปเที่ยวกัน มันอาจทำให้ผมลืมเรื่องอุบาทย์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้มั่งแหละ ส่วนจะเที่ยวที่ไหนอะเหรอ …..
“ไรอะพี่ ไหวดิ โห… ไม่สบายเรื่องเล็ก เที่ยวเรื่องใหญ่นาพี่” แหม เล่นจะให้ผมนอนเฝ้าหออยู่คนเดียวอะเหรอ ไม่มีทางเด็ดขาด
“ไอ้บ้า เที่ยวดรีมเวิร์ลแค่เนี้ย ทำเป็นเหมือนได้ไปเมืองนอก อ้ายเว่อร์” พี่โอว่า “เออ …. แล้วใครมันคิดจะไปว่ะ ที่ให้เด็กเที่ยวพรรณนั้นอะ ไม่สร้างสรรค์เลยหว่ะ “
“ช่ายๆ ที่ไหนมันจะสร้างสรรค์เหมือนกับ ร้านรูท (ร้านสำหรับเด็กดีแถวๆอาร์ซีเอ) ของนายละ พี่รัญพูดงี้เล่นเอาพี่โอพูดไม่ออกอะ” ได้แต่ยิ้มกร่อยๆ จะว่าไปพี่รัญไม่ค่อยจะว่าใครหรอกนะ ยกเว้นแกอารมณ์ดี แถมพี่รัญเป็นคนเดียวอะ ที่ดูเหมือนพี่โอจะเกรงใจสุด ทั้งที่พี่รัญเป็นรุ่นน้องแท้ๆ ผมว่าเพราะบุคลิกพี่รัญเค้าขรึมด้วยแหละ 55 สมน้ำหน้า
“แล้วพี่เต้ไม่อยู่งี้ พี่โอจะเที่ยวสนุกเหรอคับ เห็นเป็นคู่ขากันอยู่นิ” ผมได้ทีแซวบ้างดิ ปกติ ถ้าพี่โอไปเที่ยวไหน ก็จะเห็นพี่เต้ที่นั่นแหละ เพียงแต่ปิดเทอมนี้พี่แกเกิดคิดถึงบ้านขึ้นก็เลยกลับต่างจังหวัด
“เฮ้ย อ้ายบาส กรูกับไอ้เต้ไม่ได้เป็นคู่ขากันนาเว้ย กรูไม่ได้เป็นเกย์เว้ย” แน่ะ กินปูนร้อนท้องอีก ผมยังไม่ได้หมายถึงขั้นนั้นซะหน่อย หลังจากกินกันอิ่มหน่ำสำราญก็ได้ฤกษ์ออกซะที เนื่องจากหอพวกเราอยู่แถวๆบางเขน ทำให้มาถึงรังสิต คลอง … (อะไรก็จำไม่ได้แล้ว) ไม่ยากนัก และตั้งแต่จำความได้ ผมไม่เคยได้มาเที่ยวอะไรแบบนี้มากนัก นอกจากมากลับครอบครัว ครั้งนี้จึงเป็นการเที่ยวเปิดซิงครั้งแรกกะเพื่อนๆ ระหว่างที่กะลังรอรถจากสวนสนุกมารับข้างหน้าทางเข้า เป็นไปไม่ได้ที่เราจะลืมกิจกรรมสุดฮิตของวัยรุ่น
“คุณคนสวยคร๊าบบบ ช่วยถ่ายรูปให้หน่อยดิคับ” พี่โอพูดพลางส่งกล้องให้กับสาวคนหนึ่ง ให้ถ่ายรูปให้ พร้อมกะไม่ทิ้งนิสัยหม้อสาวของเค้า
“เฮ้ย หัวบังหว่ะ”
“จายกนิ้วทำไมวะ มันจาทิ่มตาคนอื่นม่ะเห็นเหรอ”
“เอ้ย กรูเป็นพี่ใหญ่ต้องอยู่กลางดิว่ะ”
“ไม่เกี่ยวซะหน่อย ใครดีใครได้ดิ”
“ไอ้สาด จะเบียดหาหอกอะไรมึ๊ง”
“อาไร มันไม่ตรงเฟรมเห็นมั้ย”
ฯลฯ และอีกมากมาย นี่ถ้าติดว่ารถยังไม่มารับ ป่านนี้สงสัยจะได้ถ่ายกันอีกบานแหง่ม
“จะเล่นอะไรกันก่อนละ” พี่รัญเอ่ย คำถามนี้ทำให้คนทั้ง 5 คนต้องถกเถียงกันอีกรอบ ผมคิดว่ามันเหมือนเด็กกันจริงจริ๊ง อะไรมันจะดีไปกว่านั่งกระเช้าลอยฟ้าไปชมทัศนียภาพโดยรอบก่อนละฟ่ะ !! หลังจากที่ตกลงวางแผนการเล่นกันเรียบร้อยแล้ว บัดนี้พวกเราก็พร้อมออกศึกกันแหล่ว
ถ้าคุณเป็นพวกชอบความหวาดเสียวและระทึกใจ เราขอแนะนำให้เริ่มเล่นไอ้จานบิน ที่มันร่อนได้ก่อนเลย มันจะพาคุณหมุนๆๆๆๆๆ แล้วก็หมุน พร้อมกับโยกขึ้นโยกลง ด่านนี้แค่ออเดิร์ฟ ให้คุณเล่นพอหอมปากหอมคอ ซัก 2รอบ จากนั้นขอพามาด่านสองแนะนำไปที่รถไฟเหินเวหา ในตอนแรกๆ ถ้าลองมองดูจากข้างล่าง อาจจะรู้สึกเสียวๆ
แต่ขอแนะนำให้ขึ้นไปนั่งดูก่อน เมื่อรถค่อยๆเคลื่อนสู่เบื้องบน คุณจะมองเห็นทัศนียภาพรอบๆได้ดี แต่หลังจากตัวรถค่อยๆ พุ่งลงสู่เบื้องล่าง……..
“จ๊าาาาาาาาาาาาาก “
“ อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาก”
“กรี้ดดดดดดดดดด”
รอบแรกเลย คุณอาจจะรู้สึกเสียวและกลัวที่จะถูกเหวี่ยงออกไปนอกถนน แต่ถ้าคุณกล้านั่งรอบ 2 คุณจะรู้สึกว่ามันก็ไม่ได้สงได้เสียวอะไรหรอก แค่เด๊ะเด๊ะ สำหรับผมนะ อ้อ ด่านนี้ขอซัก 2 -3 รอบ ว่ากันที่ด่านที่ 3 สเปซเมาส์เทน (เขียนถูกปล่าววะ) อันนี้ก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรมากมาย เพียงแค่มืดๆหน่อยเดียวเอง (อันนี้พี่โอบอก) หลังจากที่ต้องต่อแถวยาวซักพัก พี่โอ เป้ก แล้วก็ไอ้น้ำ ได้ 3 ที่นั่งสุดท้ายพอดี ทำให้ผมกะพี่รัญต้องรอขบวนหน้า
“งั้นไม่ต้องเล่นก็ได้มั้ง เสียเวลาปล่าวๆ” พี่รัญบอกผม หลังจากขบวนรถวิ่งผ่านอุโมงค์เข้าไป
“โธ่พี่ มาถึงนี่แล้ว เดี๋ยวก็ได้ขึ้นแล้วเพ่” ผมอยากขึ้นจะตายชัก แล้วก็เหลือบไปมองหน้าพี่เค้า มันมืดๆมองไม่ชัด แต่ผมว่าพี่แกเริ่มเมาๆแล้วละมั้ง บุคลิกพี่แกไม่น่าจะมาเล่นไอ้พวกพรรณนี้หรอกผมว่า แต่ผมไม่สนใจหรอก ก็กรูอยากเล่นนี่หว่ะ ใครจะทำมาย
หลังจากรถขบวนต่อไปมาถึง ผมเลยจองที่หน้าสุดเลย ซึ่งมันจะทำให้มองเห็นอะไรได้ดีกว่าและเพิ่มความเสียวสยิวได้มากขึ้น (เล่นรถไฟเหาะนะไม่ได้ทำอย่างอื่น)
ครื้น เสียงรถค่อยๆเคลื่อนตัว มุดอุโมงค์เข้าไป แสงแวบวาบข้างๆหน้าตื่นใจพอควรสำหรับคนที่มาครั้งแรก
“5 4 3 2 1 …………….”
รถก็ค่อยๆพุ่งลงด้านล่างอย่างรวดเร็ว พร้อมแรงกระแทกที่มากกว่าเล่นรถไฟเหินเวหาอีก ด่านนี้แนะนำให้เพื่อนๆลืมตานะคับ จะเห็นอะไรซวยๆ เอ้ย สวยๆมากมาย อย่าเหมือนกะพี่รัญนะคับ ผมเห็นพี่แกนั่งก้มหน้าหลับตาปี้เชียว 555 วันนี้พี่แกเก็กแตกหว่ะ หลังจากออกมาด้านนอกซึ่งพวกก็รอผมกะพี่รัญเตรียมจะเล่นอย่างอื่นอยู่เรียบร้อย พี่รัญสุดหล่อของผมดูจะเดินเป๋ๆไปเหมือนกัน แต่เรื่องที่ผมเห็นข้างใน เอาเป็นว่าผมฟอร์มมองไม่เห็นละกัน แบบว่ามันมื้ดมืด มองไม่ค่อยเห็นอะนะ
ด่านต่อไป ถ้าคุณออกจากสเปซฯแล้ว ไปทางซ้าย จะเห็นด่านสุดโหดอีกด่าน เป็นด่านปราบเซียน ไวกริ้ง เอ้ย กิ้ง นะเอง ด่านนี้ผมหวั่นๆเหมือนกัน เพราะเคยลองมาแล้วสมัยอยู่แดนเนรมิต แต่ตอนนั้นมันเด็กอยู่ ด่านนี้ดูพี่โอ กะไอ้เป้ก ตื่นตาตื่นใจมากๆ คะยั้นคะยอพวกให้รีบๆขึ้นซะที เป็นไงเป็นกัน เดียวจะหาว่าไม่แน่
“เฮ้ย งั้นพี่รออยู่ข้างล่างนี่นะ ห…หิวน้ำอะ” พี่รัญพูดระหว่างต่อแถวอยู่ พลางจะเดินออก
“เดี๋ยวพี่รัญ ผมไปด้วย” อ้าว ไอ้น้ำอีกตัว ดูไปแล้วมันไม่กล้าเล่นมากกว่าอะนะ
“งั้น เดี๋ยวเรา ป………………. “ผมกะลังจะพูดบ้าง แต่….
“ไอ้บาสมึงไม่ต้องมาอ้างเลย” ไอ้เป้กไม่ยอม รีบกระชากแขนผมไว้ พร้อมๆกับพี่โอ คว้าคอเสื้อพี่รัญไว้มันพอดี
“เฮ้ย กรูหิวน้ำ เว้ย พวกมึงเล่นไปเถอะ” พี่รัญว่า
“เดี๋ยวเล่นก่อน ให้ไอ้น้ำไปซื้อคนเดียวก็ได้” พี่โอว่าพลางกอดเอวพี่รัญไว้ พอดีกะที่ประตูเปิดพอดี
“เฮ้ย ปล่อยเด๊ กรูเดินเองได้” ว่าพลางทำหน้ามุ่ย ท่าจะอารมณ์บ่จอย อืม ผมว่าพี่โอคงอยากแกล้งซะเต็มประดาละซิ หลังจากนั่งกันประจำที่เรียบร้อยแล้ว ผมมองเห็นไอ้น้ำยืนยิ้มอยู่ข้างล่าง อ้ายเวรรร ไม่อยากขึ้น แล้วฟอร์มหิว ผมสังเกตว่านอกจากเรา 4 คนแล้ว คนอื่นๆก็นั่งกันอยู่แถวหน้ากัน
“อ้อ เนี่ยเค้าเรียกว่าชั้นปริญญาหว่ะไอ้รัญ” พี่โอว่า
พี่รัญทำหน้างง ดูท่าพี่เค้าคงไม่เคยเล่นละมั้งเนี่ย และแล้วมันก็เริ่มโยก………..เยก…….โยก………เย้…
------------------ อะ จ๊าาาากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก -------------------