“อู้ย พี่เน มียาแก้ปวดหัวเหลือมั้ย” ผมถามเจ้าของบ้านสาวสวย หลังจากตื่นนอนมาผมรู้สึกไม่สบายอย่างแรงเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเมื่อวานเล่นมากไปหน่อยเหรอเปล่า
“เที่ยวมากซิเรา” พี่เนว่าพลางเดินไปหยิบยาแก้ปวดหัวมาให้ผม ผมรับมาทาน ที่จริงการทานยาแก้ปวดหัวขณะท้องว่างๆ เป็นสิ่งที่ไม่ดีเลยนะ แต่ผมก็ไม่สนใจหรอก
“คนอื่นหายหัวไปไหนหมดละคับพี่รัญ” ผมถามเมื่อเห็นเดินออกมาจากห้องน้ำ
“เมื่อรู้หว่ะ สงสัยออกไปหาอะไรกินมั้ง นี่มันจาเที่ยงแล้วนี่” พลางหันไปดูนาฬิกา มันเที่ยงกว่าเกือบบ่ายแล้วอะ ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย หิวจัง ปวดหัวด้วย
“รัญ ไม่ออกไปไหนใช่มั้ย งั้นฝากหอด้วยนะ พี่กลับบ้านแล้ว เออ ฝากบอกน้ำด้วยนะว่า พ่อเรียกให้ไปหาที่บ้านอะ สงสัยมีเรื่อง” พี่เนว่า พลางเดินออกจากหออย่างรวดเร็ว นี่เป็นบุคลิกอีกอย่างที่พี่เนแตกต่างจากผู้หญิงทั่วไปตรงที่แกค่อนข้างจะกระฉับกระเฉง ทำอะไรรวดเร็ว ในบางครั้งอาจเรียกว่า ลน ก็ได้
“ได้เจ๊ เดี๋ยวบอกให้” บอกพลางหันมาถามผม
“หิวยัง ไปหาอะไรกินข้างนอกม่ะ บาส”
“ม่ายอะพี่ ปวดหัวหว่ะ สงสัยเมื่อวานเล่นหนักไปหน่อย อยากนอน”
“อ้าว แล้วไม่หิวเหรอ ยังไม่กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า” จะชวนผมไปให้ได้สิ
“หิวดิ” ผมตอบห้วนๆ ก็มันไม่มีแรงเดินนี่หว่า ไม่มีอารมณ์ออกไปไหนด้วย
“พี่รัญทำอะไรให้กินหน่อยดิ น๊าาา” ผมอ้อนพี่แก เผื่อฟลุคปาฏิหาริย์ทำขึ้นมา ผมเห็นพี่เค้าอึ้งไปพักนึง เลยพูดตัดรำคาญ “เออ ไม่เป็นไรหรอกพี่ ผมพูดเล่นไปงั้นแหละ ไม่ต้องทำหรอก เออ ถ้าออกไปข้างนอกก็ฝากซื้อของกินมาให้หน่อยละกัน อะไรก็ได้ แล้วก็ ……………. ค่อยมาเก็บเงินทีหลัง” ผมไม่ลืมที่จะพูดประชดพี่แก
“หนิ ไม่ต้องมาพูดประชดก็ได้” ว่าแล้วก็เดินเข้าไปในครัว “จะกินอะไรหละ เดี๋ยวทำให้ ……….” แล้วหันมามองหน้าผม “เห็นว่าไม่สบายหรอกนะ แล้วก็ไม่มีใครอยู่ด้วยหรอกนะ ถึงได้ทำให้เนี่ย” ก็ไม่เห็นต้องพูดแก้ตัวอะไรนิ ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเลยซักคำ แปลกคนจริง
“น ..นี่มันไข่เจียวหรอว่าไข่ไหม้เนี่ยพี่” ผมโอดใส่พี่รัญ แล้วขี้ให้ดูในจาน ที่จริงจะเรียกว่าไข่เกรียมจะถูกซะกว่า พลางมองไปที่กระทะข้าวผัด มันดูเหมือนเอาอะไรมาคลุกๆกันซะมากกว่า ทั้งเนื้อหมูชิ้นมหึมา บางชิ้นก็เล็กต้อยเดียว ผักที่ถูกหันไม่ได้รูป ม่ะเขือเทศที่น่าจะถูกหันเป็นแว่นๆ แต่กลับเหมือนซากอะไรบางอย่าง ทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำอาหารของคนปรุงได้เป็นอย่างดี
“เออ อย่าบ่น มีให้กินก็กินไปก่อนเถอะน่า” ว่าพลางตักใส่จาน 2 จาน เหมือนกะลังจะบอกว่า เอ็งไม่ได้กินคนเดียวนะเฟ้ย อะไรเทือกนี้
“ไม่เคยทำก็ไม่บอก จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาทำ กินได้ปล่าวเนี่ย” ผมบ่นกระปอดกระแปด รู้งี้ไปกินข้างนอกดีกว่า
“บ่นไรวะ ก็ชวนไปกินข้างนอกก็ไม่ไปนี่หว่า กินดิ อร่อยจาตาย” ว่าพลางตักเข้าปาก เออแหะ พี่แกกินไปได้ไงฟ่ะ ผมเล็งอยู่นาน เอาวะ พลางตักเข้าปาก
“เป็นไง” พี่แกมีลุ้นอีก ผมมองหน้าพี่รัญ
“ก ก็ใช้ได้อะ” ไม่น่าเชื่อคับ มันก็กินได้จริงๆ อย่างที่เค้าว่า อย่าดูอะไรที่รูปลักษณ์ภายนอก “เออ ดูไม่น่ากินได้แต่อร่อยเหลือเชื่อ” ผมบ่นเบาๆ
“เมื่อกี้ว่าไงนะ” มองตาขวาง
“ป ปล่าวพี่….อร่อย “ ผมตักเข้าปากอีกคำ ส่งยิ้มหวาน โห อย่ามาหูดีไปหน่อยเลย
“กินเสร็จแล้วก็ไปนอนพักซะล่ะ บอกแล้วอย่าซ่ามากเป็นไงละ แล้วอย่าออกไปข้างนอกหละ หน้าฝนเงี้ย เดี๋ยวฝนก็ตกมาอีก” ผมว่าพี่เค้าใจดีกว่าที่ผมคาดไว้แยะทีเดียว เป็นเพราะอะไรหนอ ผมเผลอจ้องพี่เค้า คาดว่านานพอสมควร จนพี่เค้าทัก…
“เฮ้ย มองอะไร “
“ก็มองพี่อะดิ” ผมตอบ “หน้าตาก็ดีเงี้ย ทำไมพี่ยังไม่มีแฟนอีกอะ” ผมพูดไปไม่ได้คิดอะไร
“จะอยากรู้ไปทำไมหรอ “
“ปล่าว ไม่รู้จะพูดอะไร ถามไปงั้นแหละ” ผมตอบ พร้อมทั้งทำหน้ากวนบาทา
“โด่ ไอ้เราก็นึกว่าอยากรู้จริงๆ” พี่เค้าทำเสียงเหมือนเสียดาย “แล้วเราอะ ทำไมยังไม่มีแฟนเหรอ” คราวนี้พี่เค้าเป็นฝ่ายจ้องผม
“ยังม่ายมี” ผมตอบตามจริง เพราะไม่รู้จะโกหกไปทำไม
“จริงอะ”
“จิงดิ……..เฮ้ย ผมขึ้นไปนอนดีกว่า ยิ่งพูดกะพี่ยิ่งปวดหัวหว่ะ ไปแหล่ว” ผมก็ลุกขึ้น “พี่ฝากเก็บจานด้วยนะ”ว่าแล้วผมก็รีบวิ่งขึ้นไปข้างบน พี่รัญอมยิ้มพลางส่ายหน้า “เฮ้อ เด็ก”
ในห้องของผม หลับไปนานเท่าไรไม่รู้ แต่ที่รู้ๆยาแก้ปวดหัวที่พี่เนให้มา ไม่ได้ช่วยให้ผมหายปวดหัวได้เลย หนำซ้ำยังรู้สึกปวดมากกว่าเก่าอีก เป็นเพราะยาหมดอายุของพี่เน หรือว่า ไอ้ข้าวผัดรวมมิตรของพี่รัญกันนะ ผมพยายามข่มตาหลับอีกครั้ง เพื่อพยายามลืมความปวด แต่…….มันก็ไม่หลับ แถมยังรู้สึกมีไข้มิใช่น้อยซะด้วยซิ
วูบ…………….
ลมพัดเข้ามาในห้องผม พร้อมกับเสียงฝนที่เริ่มตก…………อีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ก็จะหมดเดือนตุลาหน้าฝนนี่ซะที ผมมาพักที่นี่เกือบ 6 เดือนแล้วนะนี่ เวลาช่างผ่านไปเร็วจริง ฝนเริ่มตกแรงขึ้น พอๆกับความร้อนจากพิษไข้ในตัวผม ที่จริงนานมากแล้วที่ผมจะมีอาการไม่สบาย เป็นหวัดหรือเป็นไข้ แต่ถ้าจะเป็นทีหนึ่ง ก็เป็นหนักไปเลย เรียกว่านานๆที เอาให้คุ้มหน่อยเหอะ ผมเดินไปปิดหน้าต่าง แล้วหันกลับมานอนบนเตียงอีกรอบ
“กี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย” ผมรำพึงกะตัวเอง
“1 ทุ่ม 20” มีเสียงตอบเบาๆ
“เออ ขอบจาาย ……….!? เอ๊ะ” ผมทะลึ่งตัวขึ้นมา พลางมองไปรอบๆ ห้อง ก็ไม่มีใคร ไม่สบายแค่นี้ถึงกะเพ้อเลยหรอว่ะกรู ว่าแล้วลงนอนต่อ แล้วเหลือบไปดูนาฬิกาหงส์แดงบนหัวเตียง เออ ทุ่ม 20 จริงๆ ด้วยหว่ะ แล้วผมก็
ผล่อยหลับไปอีกรอบ
………………………………………………………………………………..
“บาส………….บาส” เรียกไม่พอยังมาตบแก้มผมอีก
“หื้ออ ครายยย” โห ตอนนี้อาการผมแย่กว่าเก่าอีก แค่ลืมตายังไม่ค่อยไหวเลย
“ไม่สบายขนาดนี้ทำไมไม่ไปหาหมอวะ ดูเด๊ะตัวร้อนจี๋เลย” พี่รัญเจ้าเก่านะเอง ดูท่าพี่แกจะห่วงผมจริงแหละ
“กี่โมงแล้วนี่” ผมพยายามพยุงตัวขึ้น
“สี่ทุ่มกว่าแล้ว “พี่รัญตอบ แล้วส่งยาให้ผมกิน เออ ผมนอนไปนานเหมือนกันแฮะ ผมเห็นพี่รัญยกอ่างใบเล็กๆมาวางข้างๆ
“ถอดเสื้อเด๊ะ เดี๋ยวเช็ดตัวให้” ผมทำหน้าเหร่อหรา ฟังไม่ผิดใช่ป่ะ
“ม่ะ ไม่เป็นไรพี่ ไม่ต้องหรอกพี่ ผมเกรงใจอะ” ตอนนี้หน้าผมร้อนกว่าเก่าอีก จามาเช็ดให้ผมได้ไง ตั้งกะโตเป็นหนุ่มมาแม่ผมยังไม่เคยให้เช็ดเลย
“เกรงใจอาารายว่ะ มาเหอะเร็วอย่าลีลา จะได้รีบนอน” ไม่พูดปล่าว ยังทำท่าจะถอดให้ผมอีก
“ม่ายเป็นไร ผมถอดเองได้” นี่ดีนะใส่กางเกงขาสั้น พี่เค้าเลยไม่ต้องให้ถอดกางเกงด้วยอะ ไม่งั้นเขิลล ตายชัก
“ทำไรอยู่อะ นอนลงดิ” ว่าแล้วก็ลงมือเช็ดไปบ่นไป “อย่ามาบ่นได้มั้ยปวดหัวเว้ย” ผมคิดนะไม่ได้พูดหรอก พี่เค้าเช็ดอย่างช่ำชอง (เอ๊ะ ใช้คำถูกป่ะ) นุ่มอีกตะหาก กึ๋ย !! เริ่มจากใบหน้า ผ่านซอกคอ มาที่หน้าอก แขน เรื่อยลงมาที่ท้อง อึ๊ก ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกอะไรบางอย่าง เจ้าตัวน้อยมันเริ่มมีปฏิกิริยาเล็กๆแล้ว อย่าหาว่าไม่สบายอยู่ยังลามกเลยนะคับ ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนนี่หว่า
“พ.พี่รัญ ………. เดี๋ยวก่อน” ผมเบรกพี่เค้าไว้ก่อนที่อารมณ์ผมจะเตลิดไปมากกว่านี้
“หือ อะไร”
“ข ขอผ้าห่มหน่อยดิ หนาว” ผมฟอร์มหนาว มันก็หนาวจริงแหละ แต่จุดประสงค์ผมเอามาปิดเจ้าตัวดีของผมตะหาก หลังจากห่มเรียบร้อยแล้ว (ครึ่งตัวล่าง) พี่รัญก็เช็ดไปอีกพักหนึ่ง คราวนี้พี่เค้าเปลี่ยนเลื่อนผ้ามาห่มท่อนบนแทน แล้วเปลี่ยนไปเช็ดส่วนขา…………..” แว้ก” พี่แกก็เช็ดไปเรื่อยๆโดยไม่รู้หรอกว่าตอนนี้คนถูกเช็ดนี่จาตายอยู่แหล่ววววว แค่ช่วงหน้าแข้งไม่เท่าไรหรอก ตอนเช็ดเรื่อยขึ้นมาแถวๆขาอ่อนนี่เด๊ะ ผมไม่รู้ว่าพี่แกจะจงใจเลื่อนขึ้นมาเรื่อยๆอะปล่าว อีกนิ้วเดียวมันถึงจุดเคอร์ฟิวแล้วนาาา แล้วพี่เค้าก็หยุดเช็ด แต่มือยังวางอยู่ที่เดิม เพราะคงสังเกตุเห็นเจ้าบาสน้อยแล้วล่ะซิ (ฝีมือพี่อะแหละ) พี่เค้าหันมามองหน้าผม แล้วเอามือตบที่เจ้าบาสน้อยเบาๆ
“ไอ้บาส………………ไม่สบายแล้วยังมามีอารมณ์อีกนะเอ็ง” ว่าแล้วยังมาหัวเราะ แล้วลุกขึ้นเอาอ่างไปเก็บ ผมนี่โคตรอายเลย เอามผ้าห่มคลุมโปงเลย ผมไม่เข้าใจว่าทำไมผมต้องมีอารมณ์กะพี่รัญด้วยวะ
“เฮ้ย เฮ้ย ไปคลุมแบบนั้น อบตายชัก เดี๋ยวตัวร้อนอีกหรอก” ไม่ว่าปล่าว ยังมาดึงผ้าไปอีก
“ก็ มันหนาววอะ จาห่มเว้ย” ผมยื้อผ้ากลับ
“ก็ไม่ให้ห่มเล่า มีอะไรอะปล่าว”
“ม่ายยยยย เอาอย่ามายุ่งได้มั้ย” คราวนี้ผมดึงเต็มแรงเลย แบบว่าลืมตัวว่าไม่สบายอยู่ “เอามานี่”
“เฮ้ย……….” พี่รัญเสียหลัก
“อั๊ก” ผมร้อง แบบว่าจุก อะไรซะอีกละ พี่เค้าดันมาทับผมเต็มๆเลย แล้วใช่ว่าตัวจะเล็กๆ
“เฮ้ย บาส เป็นไงบ้าง ไม่สบายเหร……..อ” อยู่ๆไอ้เป้กกว่าโผล่เข้ามาเฉยเจ้ยเลย มันจามาทักอะไรกันตอนนี้ว่ะ ตอนนี้ผมว่ามันอึ้งอยู่นะ จะอะไรซะละ ก็ตอนนี้ภาพที่มันเห็นก็คือ พี่รัญทับตัวผมอยู่ แล้วผมก็ไม่ได้ใส่เสื้อด้วย ถ้าเป็นคุณจะอึ้งป่ะ
“เออออออ……….ข ขอโทษนะ ท ที่เข้ามาขัดจังหว่ะอะ ครือออ โทษทีหว่ะ “มันพูดผิดพูดถูก แล้วรีบออกไปทันที เอาละซิงานนี้ เสียเต็มๆ
“พี่…..จะทับผมอีกนานป่ะ เดี๋ยวเค้าก็มาดูกันทั้งหอหรอก” ผมพูด
“อะ เออ ขอโทษที” ผมว่าพี่แกหน้าแดงยังไงชอบกล “ทำไมต้องทำหน้าแดงด้วยล่ะ” ผมถามพี่เค้า
“ครายยหน้าแดง ไม่มี้ ……… เออ ไปแล้ว นอนซะเถอะ เดี๋ยวไปบอกไอ้เป้กเอง” แก้ตัวเสร็จสรรพ แล้วเดินออกไปแบบลนๆ แต่เอาเป็นว่าตอนนี้ผมขอนอนหลับก่อนละกันนะ…….ึคร่อก
…ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองเหรอปล่าวนะ แต่หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ดูๆไอ้เป้กพูดกะผมน้อยลง หรือจะเรียกได้ไม่ได้พูดกันเลย ทั้งที่อยู่ในช่วงปิดเทอมแท้ๆ น่าจะมีโอกาสได้ไปเที่ยว ติวหนังสือกันบ้าง แต่มันเหมือนจะหลบหน้าผมซะยังงั้นแหละ เมื่อสบโอกาสผมจึงถามพี่รัญ ว่าไปแก้ตัวอีท่าไหนกัน
”พี่รัญ ………. ผมว่าเป้กมันดูแปลกไปไงก็ไม่รู้อะ”
”แปลกยังไงเหรอ” พี่รัญตอบพลางยกแก้วกาแฟดื่ม
”ช่วงนี้มันไม่พูดกะผมเลย แถมยังทำตัวเหมือนหลบหน้าอีกอะ” ผมบอก นี่ผมชักจะกลุ้มใจนะเนี่ยที่เห็นเพื่อนทำกะผมอย่างนี้
”เออ ไอ้เรื่องคืนนั้นอะ พี่บอกเป้กไปว่าไงเหรอ”
”ก็….. ” อึ้งไปเล็กน้อย ”ก็บอกไปตามจริงอะแหละ ไม่เห็นมีไรเลย พี่ว่า เราคิดมากไปแล้วแหละ” พี่เค้าพูดแค่นั้นแล้วก็ขึ้นห้องไป
..แต่ผมไม่คิดหรอกนะว่าผมคิดไปเอง สถานะภาพของผมกับเป้กในช่วงนั้นดูท่าทางขมุกขมัวชอบกล โดยที่ผมไม่เข้าใจสาเหตุที่แท้จริงซะที จนกระทั้งเปิดเทอม 2 ไปได้ 2 อาทิตย์ จึงได้มีโอกาสไปดักรอมันที่ห้องห้องประชุมโรงเรียน เพราะทราบว่าวันนี้ พวกม.5 มีประชุมจึงเลิกเย็น…….แล้วผมก็เห็นมัน
”เป้ก….. ” ผมทักมันด้วยหน้าตาชื่นบาน(ที่สุดเท่าที่จะทำได้)
”เอ่อ…..นายมาทำไมเนี่ย” ดูท่าทางมันไม่ค่อยอยากจะคุยกะผมเลย
”มาคุยกะนายแหละ ”
”ไปคุยกันที่หอก็ได้นี่นา ไม่เห็นต้องมารอเลย” มันพูดอ้อมแอมทำท่าทางไม่พอใจ
”หึ ถ้าฉันรอนายไปคุยที่หอละก็ นายก็คงหลบหน้าหลบตาเข้าห้องไปอีกอะเด๊ะ” ผมพูดตรงๆเลยแหละ
”ทะ ทำไมฉันต้องหลบหน้านายด้วยว่ะ เอาที่ไหนมาพูด” ไอ้เป้กพูด ตอนนี้มันไม่หลบหน้าผม แต่มันหลบตาผมอะครับ
”แต่ตอนนี้นายหลบตาฉันอยู่นะ” ผมยังต้อนไม่เลิก ”คราวนี้นายจะบอกได้ยังว่าทำไมต้องมาหลบ โอ้ย!? ”
อ้าว มันมากระชากคอเสื้อผม
”นี่มันจามากไปแล้วนะ นายเป็นพี่ชั้นตั้งแต่เมื่อไรอะ ชั้นไม่จำเป็นต้องหลบหน้านายอะไรทั้งนั้นแหละ อย่ามาหลงตัวเองให้มากไปหน่อยเลย” ไอ้เป้กตะคอกใส่หน้าผม ตกใจนะเนี่ยทำไมมันต้องมารุนแรงกะผมด้วยว่ะ
”เฮ้ย มันเจ็บนะ ทำไมต้องทำงี้ด้วยว่ะ เฮ้ย ปล่อย ปล่อย” แล้วผมก็เผลอปล่อยหมัดใส่หน้ามันไปหนึ่งหมัด
พลั๊ก!?
”อุ๊บ!? ” สำเร็จคราวนี้มันปล่อยเสื้อผม ลงไปนอนกองกะพื้นแทน ผมอยากตามไปตื้บซ้ำจริงๆเลย ไอ้คนชอบเล่นแรงเนี่ย ยังไม่ทันจะทำอะไรต่อ ไอ้เป้กมันถีบขาผมเต็มแรง จนหน้าผมเกือบไปจูบพื้น ดีที่เอาแขนยันไว้ คราวนี้มันลุกขึ้นมาต่อยผมบ้าง หมัดมันโคตรหนักเลย เราปล้ำกันอยู่ซักพัก แล้วผมก็ประจักษ์ได้ว่า ยังไงซะรุ่นน้องอย่างผมก็สู้กำลังรุ่นพี่อย่างไอ้เป้กไม่ไหว จนมันเห็นว่าผมไม่มีแรงจะสู้และตอบโต้แล้วจึงพูดออกมา
”เป็นไงละ ทีหลังอย่ามาทำซ่าส์กะรุ่นพี่อีกนะ รู้ไว้” แล้วมันก็ค่อยๆพยุงตัวผมขึ้นมา
“เจ็บมากป่ะ” ไอ้เป้กถามผม ดูดิ มีหน้ามาถามอีก ผมชกมันไปแค่หมัดเดียว มันสวนกลับมาเกือบครึ่งสิบ ผมไม่ตอบมันหรอก เพราะยังไงก็เจ็บ มากด้วย ทำให้น้ำตาซึมได้เหมือนกัน (ไม่เคยโดนมาก่อนนี่หว่า) มันก้มหน้ามามองผม
“เฮ้ย ร้องไห้เลยเหรอว่ะ ขี้แยจังโดนแค่เนี้ยทำเป็นร้อง แต่นายมาโทษเราไม่ได้หรอกนะ นายมาต่อยเราก่อนนี่นา” เออ มันยอมพูดกะผมแล้วหว่ะ ถึงแม้ว่ามันจะแลกมาด้วยความเจ็บตัวของผมก็เหอะ…
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ติดตาม บ้านพักอลวง the ZERO #4 ตอนต่อไป
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -