บ้านพักอลเวง
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: บ้านพักอลเวง  (อ่าน 366304 ครั้ง)

ออฟไลน์ Littlefox

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
 :serius2:รอตอน3แทบไม่ไหวแล้ววววว


 ถ้าไม่มาต่อเขาจะ....เขาจะ....:m15:



stayingpower

  • บุคคลทั่วไป
“อู้ย พี่เน มียาแก้ปวดหัวเหลือมั้ย” ผมถามเจ้าของบ้านสาวสวย หลังจากตื่นนอนมาผมรู้สึกไม่สบายอย่างแรงเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเมื่อวานเล่นมากไปหน่อยเหรอเปล่า

“เที่ยวมากซิเรา” พี่เนว่าพลางเดินไปหยิบยาแก้ปวดหัวมาให้ผม ผมรับมาทาน ที่จริงการทานยาแก้ปวดหัวขณะท้องว่างๆ เป็นสิ่งที่ไม่ดีเลยนะ แต่ผมก็ไม่สนใจหรอก

“คนอื่นหายหัวไปไหนหมดละคับพี่รัญ” ผมถามเมื่อเห็นเดินออกมาจากห้องน้ำ


“เมื่อรู้หว่ะ สงสัยออกไปหาอะไรกินมั้ง นี่มันจาเที่ยงแล้วนี่” พลางหันไปดูนาฬิกา มันเที่ยงกว่าเกือบบ่ายแล้วอะ ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย หิวจัง ปวดหัวด้วย

“รัญ ไม่ออกไปไหนใช่มั้ย งั้นฝากหอด้วยนะ พี่กลับบ้านแล้ว เออ ฝากบอกน้ำด้วยนะว่า พ่อเรียกให้ไปหาที่บ้านอะ สงสัยมีเรื่อง” พี่เนว่า พลางเดินออกจากหออย่างรวดเร็ว นี่เป็นบุคลิกอีกอย่างที่พี่เนแตกต่างจากผู้หญิงทั่วไปตรงที่แกค่อนข้างจะกระฉับกระเฉง ทำอะไรรวดเร็ว ในบางครั้งอาจเรียกว่า ลน ก็ได้

“ได้เจ๊ เดี๋ยวบอกให้” บอกพลางหันมาถามผม

“หิวยัง ไปหาอะไรกินข้างนอกม่ะ บาส”

“ม่ายอะพี่ ปวดหัวหว่ะ สงสัยเมื่อวานเล่นหนักไปหน่อย อยากนอน”

“อ้าว แล้วไม่หิวเหรอ ยังไม่กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า” จะชวนผมไปให้ได้สิ

“หิวดิ” ผมตอบห้วนๆ ก็มันไม่มีแรงเดินนี่หว่า ไม่มีอารมณ์ออกไปไหนด้วย

“พี่รัญทำอะไรให้กินหน่อยดิ น๊าาา” ผมอ้อนพี่แก เผื่อฟลุคปาฏิหาริย์ทำขึ้นมา ผมเห็นพี่เค้าอึ้งไปพักนึง เลยพูดตัดรำคาญ “เออ ไม่เป็นไรหรอกพี่ ผมพูดเล่นไปงั้นแหละ ไม่ต้องทำหรอก เออ ถ้าออกไปข้างนอกก็ฝากซื้อของกินมาให้หน่อยละกัน อะไรก็ได้ แล้วก็ ……………. ค่อยมาเก็บเงินทีหลัง” ผมไม่ลืมที่จะพูดประชดพี่แก

“หนิ ไม่ต้องมาพูดประชดก็ได้” ว่าแล้วก็เดินเข้าไปในครัว “จะกินอะไรหละ เดี๋ยวทำให้ ……….” แล้วหันมามองหน้าผม “เห็นว่าไม่สบายหรอกนะ แล้วก็ไม่มีใครอยู่ด้วยหรอกนะ ถึงได้ทำให้เนี่ย” ก็ไม่เห็นต้องพูดแก้ตัวอะไรนิ ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเลยซักคำ แปลกคนจริง
“น ..นี่มันไข่เจียวหรอว่าไข่ไหม้เนี่ยพี่” ผมโอดใส่พี่รัญ แล้วขี้ให้ดูในจาน ที่จริงจะเรียกว่าไข่เกรียมจะถูกซะกว่า พลางมองไปที่กระทะข้าวผัด มันดูเหมือนเอาอะไรมาคลุกๆกันซะมากกว่า ทั้งเนื้อหมูชิ้นมหึมา บางชิ้นก็เล็กต้อยเดียว ผักที่ถูกหันไม่ได้รูป ม่ะเขือเทศที่น่าจะถูกหันเป็นแว่นๆ แต่กลับเหมือนซากอะไรบางอย่าง ทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำอาหารของคนปรุงได้เป็นอย่างดี

“เออ อย่าบ่น มีให้กินก็กินไปก่อนเถอะน่า” ว่าพลางตักใส่จาน 2 จาน เหมือนกะลังจะบอกว่า เอ็งไม่ได้กินคนเดียวนะเฟ้ย อะไรเทือกนี้

“ไม่เคยทำก็ไม่บอก จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาทำ กินได้ปล่าวเนี่ย” ผมบ่นกระปอดกระแปด รู้งี้ไปกินข้างนอกดีกว่า

“บ่นไรวะ ก็ชวนไปกินข้างนอกก็ไม่ไปนี่หว่า กินดิ อร่อยจาตาย” ว่าพลางตักเข้าปาก เออแหะ พี่แกกินไปได้ไงฟ่ะ ผมเล็งอยู่นาน เอาวะ พลางตักเข้าปาก

“เป็นไง” พี่แกมีลุ้นอีก ผมมองหน้าพี่รัญ

“ก ก็ใช้ได้อะ” ไม่น่าเชื่อคับ มันก็กินได้จริงๆ อย่างที่เค้าว่า อย่าดูอะไรที่รูปลักษณ์ภายนอก “เออ ดูไม่น่ากินได้แต่อร่อยเหลือเชื่อ” ผมบ่นเบาๆ

“เมื่อกี้ว่าไงนะ” มองตาขวาง

“ป ปล่าวพี่….อร่อย “ ผมตักเข้าปากอีกคำ ส่งยิ้มหวาน โห อย่ามาหูดีไปหน่อยเลย

“กินเสร็จแล้วก็ไปนอนพักซะล่ะ บอกแล้วอย่าซ่ามากเป็นไงละ แล้วอย่าออกไปข้างนอกหละ หน้าฝนเงี้ย เดี๋ยวฝนก็ตกมาอีก” ผมว่าพี่เค้าใจดีกว่าที่ผมคาดไว้แยะทีเดียว เป็นเพราะอะไรหนอ ผมเผลอจ้องพี่เค้า คาดว่านานพอสมควร จนพี่เค้าทัก…

“เฮ้ย มองอะไร “

“ก็มองพี่อะดิ” ผมตอบ “หน้าตาก็ดีเงี้ย ทำไมพี่ยังไม่มีแฟนอีกอะ” ผมพูดไปไม่ได้คิดอะไร

“จะอยากรู้ไปทำไมหรอ “

“ปล่าว ไม่รู้จะพูดอะไร ถามไปงั้นแหละ” ผมตอบ พร้อมทั้งทำหน้ากวนบาทา

“โด่ ไอ้เราก็นึกว่าอยากรู้จริงๆ” พี่เค้าทำเสียงเหมือนเสียดาย “แล้วเราอะ ทำไมยังไม่มีแฟนเหรอ” คราวนี้พี่เค้าเป็นฝ่ายจ้องผม

“ยังม่ายมี” ผมตอบตามจริง เพราะไม่รู้จะโกหกไปทำไม

“จริงอะ”

“จิงดิ……..เฮ้ย ผมขึ้นไปนอนดีกว่า ยิ่งพูดกะพี่ยิ่งปวดหัวหว่ะ ไปแหล่ว” ผมก็ลุกขึ้น “พี่ฝากเก็บจานด้วยนะ”ว่าแล้วผมก็รีบวิ่งขึ้นไปข้างบน พี่รัญอมยิ้มพลางส่ายหน้า “เฮ้อ เด็ก”

ในห้องของผม หลับไปนานเท่าไรไม่รู้ แต่ที่รู้ๆยาแก้ปวดหัวที่พี่เนให้มา ไม่ได้ช่วยให้ผมหายปวดหัวได้เลย หนำซ้ำยังรู้สึกปวดมากกว่าเก่าอีก เป็นเพราะยาหมดอายุของพี่เน หรือว่า ไอ้ข้าวผัดรวมมิตรของพี่รัญกันนะ ผมพยายามข่มตาหลับอีกครั้ง เพื่อพยายามลืมความปวด แต่…….มันก็ไม่หลับ แถมยังรู้สึกมีไข้มิใช่น้อยซะด้วยซิ

วูบ…………….

ลมพัดเข้ามาในห้องผม พร้อมกับเสียงฝนที่เริ่มตก…………อีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ก็จะหมดเดือนตุลาหน้าฝนนี่ซะที ผมมาพักที่นี่เกือบ 6 เดือนแล้วนะนี่ เวลาช่างผ่านไปเร็วจริง ฝนเริ่มตกแรงขึ้น พอๆกับความร้อนจากพิษไข้ในตัวผม ที่จริงนานมากแล้วที่ผมจะมีอาการไม่สบาย เป็นหวัดหรือเป็นไข้ แต่ถ้าจะเป็นทีหนึ่ง ก็เป็นหนักไปเลย เรียกว่านานๆที เอาให้คุ้มหน่อยเหอะ ผมเดินไปปิดหน้าต่าง แล้วหันกลับมานอนบนเตียงอีกรอบ

“กี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย” ผมรำพึงกะตัวเอง

“1 ทุ่ม 20” มีเสียงตอบเบาๆ

“เออ ขอบจาาย ……….!? เอ๊ะ” ผมทะลึ่งตัวขึ้นมา พลางมองไปรอบๆ ห้อง ก็ไม่มีใคร ไม่สบายแค่นี้ถึงกะเพ้อเลยหรอว่ะกรู ว่าแล้วลงนอนต่อ แล้วเหลือบไปดูนาฬิกาหงส์แดงบนหัวเตียง เออ ทุ่ม 20 จริงๆ ด้วยหว่ะ แล้วผมก็
ผล่อยหลับไปอีกรอบ

………………………………………………………………………………..

“บาส………….บาส” เรียกไม่พอยังมาตบแก้มผมอีก

“หื้ออ ครายยย” โห ตอนนี้อาการผมแย่กว่าเก่าอีก แค่ลืมตายังไม่ค่อยไหวเลย

“ไม่สบายขนาดนี้ทำไมไม่ไปหาหมอวะ ดูเด๊ะตัวร้อนจี๋เลย” พี่รัญเจ้าเก่านะเอง ดูท่าพี่แกจะห่วงผมจริงแหละ

“กี่โมงแล้วนี่” ผมพยายามพยุงตัวขึ้น

“สี่ทุ่มกว่าแล้ว “พี่รัญตอบ แล้วส่งยาให้ผมกิน เออ ผมนอนไปนานเหมือนกันแฮะ ผมเห็นพี่รัญยกอ่างใบเล็กๆมาวางข้างๆ

“ถอดเสื้อเด๊ะ เดี๋ยวเช็ดตัวให้” ผมทำหน้าเหร่อหรา ฟังไม่ผิดใช่ป่ะ

“ม่ะ ไม่เป็นไรพี่ ไม่ต้องหรอกพี่ ผมเกรงใจอะ” ตอนนี้หน้าผมร้อนกว่าเก่าอีก จามาเช็ดให้ผมได้ไง ตั้งกะโตเป็นหนุ่มมาแม่ผมยังไม่เคยให้เช็ดเลย

“เกรงใจอาารายว่ะ มาเหอะเร็วอย่าลีลา จะได้รีบนอน” ไม่พูดปล่าว ยังทำท่าจะถอดให้ผมอีก

“ม่ายเป็นไร ผมถอดเองได้” นี่ดีนะใส่กางเกงขาสั้น พี่เค้าเลยไม่ต้องให้ถอดกางเกงด้วยอะ ไม่งั้นเขิลล ตายชัก

“ทำไรอยู่อะ นอนลงดิ” ว่าแล้วก็ลงมือเช็ดไปบ่นไป “อย่ามาบ่นได้มั้ยปวดหัวเว้ย” ผมคิดนะไม่ได้พูดหรอก พี่เค้าเช็ดอย่างช่ำชอง (เอ๊ะ ใช้คำถูกป่ะ) นุ่มอีกตะหาก กึ๋ย !! เริ่มจากใบหน้า ผ่านซอกคอ มาที่หน้าอก แขน เรื่อยลงมาที่ท้อง อึ๊ก ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกอะไรบางอย่าง เจ้าตัวน้อยมันเริ่มมีปฏิกิริยาเล็กๆแล้ว อย่าหาว่าไม่สบายอยู่ยังลามกเลยนะคับ ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนนี่หว่า

“พ.พี่รัญ ………. เดี๋ยวก่อน” ผมเบรกพี่เค้าไว้ก่อนที่อารมณ์ผมจะเตลิดไปมากกว่านี้

“หือ อะไร”

“ข ขอผ้าห่มหน่อยดิ หนาว” ผมฟอร์มหนาว มันก็หนาวจริงแหละ แต่จุดประสงค์ผมเอามาปิดเจ้าตัวดีของผมตะหาก หลังจากห่มเรียบร้อยแล้ว (ครึ่งตัวล่าง) พี่รัญก็เช็ดไปอีกพักหนึ่ง คราวนี้พี่เค้าเปลี่ยนเลื่อนผ้ามาห่มท่อนบนแทน แล้วเปลี่ยนไปเช็ดส่วนขา…………..” แว้ก” พี่แกก็เช็ดไปเรื่อยๆโดยไม่รู้หรอกว่าตอนนี้คนถูกเช็ดนี่จาตายอยู่แหล่ววววว แค่ช่วงหน้าแข้งไม่เท่าไรหรอก ตอนเช็ดเรื่อยขึ้นมาแถวๆขาอ่อนนี่เด๊ะ ผมไม่รู้ว่าพี่แกจะจงใจเลื่อนขึ้นมาเรื่อยๆอะปล่าว อีกนิ้วเดียวมันถึงจุดเคอร์ฟิวแล้วนาาา แล้วพี่เค้าก็หยุดเช็ด แต่มือยังวางอยู่ที่เดิม เพราะคงสังเกตุเห็นเจ้าบาสน้อยแล้วล่ะซิ (ฝีมือพี่อะแหละ) พี่เค้าหันมามองหน้าผม แล้วเอามือตบที่เจ้าบาสน้อยเบาๆ

“ไอ้บาส………………ไม่สบายแล้วยังมามีอารมณ์อีกนะเอ็ง” ว่าแล้วยังมาหัวเราะ แล้วลุกขึ้นเอาอ่างไปเก็บ ผมนี่โคตรอายเลย เอามผ้าห่มคลุมโปงเลย ผมไม่เข้าใจว่าทำไมผมต้องมีอารมณ์กะพี่รัญด้วยวะ

“เฮ้ย เฮ้ย ไปคลุมแบบนั้น อบตายชัก เดี๋ยวตัวร้อนอีกหรอก” ไม่ว่าปล่าว ยังมาดึงผ้าไปอีก

“ก็ มันหนาววอะ จาห่มเว้ย” ผมยื้อผ้ากลับ

“ก็ไม่ให้ห่มเล่า มีอะไรอะปล่าว”

“ม่ายยยยย เอาอย่ามายุ่งได้มั้ย” คราวนี้ผมดึงเต็มแรงเลย แบบว่าลืมตัวว่าไม่สบายอยู่ “เอามานี่”

“เฮ้ย……….” พี่รัญเสียหลัก

“อั๊ก” ผมร้อง แบบว่าจุก อะไรซะอีกละ พี่เค้าดันมาทับผมเต็มๆเลย แล้วใช่ว่าตัวจะเล็กๆ

“เฮ้ย บาส เป็นไงบ้าง ไม่สบายเหร……..อ” อยู่ๆไอ้เป้กกว่าโผล่เข้ามาเฉยเจ้ยเลย มันจามาทักอะไรกันตอนนี้ว่ะ ตอนนี้ผมว่ามันอึ้งอยู่นะ จะอะไรซะละ ก็ตอนนี้ภาพที่มันเห็นก็คือ พี่รัญทับตัวผมอยู่ แล้วผมก็ไม่ได้ใส่เสื้อด้วย ถ้าเป็นคุณจะอึ้งป่ะ

“เออออออ……….ข ขอโทษนะ ท ที่เข้ามาขัดจังหว่ะอะ ครือออ โทษทีหว่ะ “มันพูดผิดพูดถูก แล้วรีบออกไปทันที เอาละซิงานนี้ เสียเต็มๆ

“พี่…..จะทับผมอีกนานป่ะ เดี๋ยวเค้าก็มาดูกันทั้งหอหรอก” ผมพูด

“อะ เออ ขอโทษที” ผมว่าพี่แกหน้าแดงยังไงชอบกล “ทำไมต้องทำหน้าแดงด้วยล่ะ” ผมถามพี่เค้า

“ครายยหน้าแดง ไม่มี้ ……… เออ ไปแล้ว นอนซะเถอะ เดี๋ยวไปบอกไอ้เป้กเอง” แก้ตัวเสร็จสรรพ แล้วเดินออกไปแบบลนๆ แต่เอาเป็นว่าตอนนี้ผมขอนอนหลับก่อนละกันนะ…….ึคร่อก

…ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองเหรอปล่าวนะ แต่หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ดูๆไอ้เป้กพูดกะผมน้อยลง หรือจะเรียกได้ไม่ได้พูดกันเลย ทั้งที่อยู่ในช่วงปิดเทอมแท้ๆ น่าจะมีโอกาสได้ไปเที่ยว ติวหนังสือกันบ้าง แต่มันเหมือนจะหลบหน้าผมซะยังงั้นแหละ เมื่อสบโอกาสผมจึงถามพี่รัญ ว่าไปแก้ตัวอีท่าไหนกัน

”พี่รัญ ………. ผมว่าเป้กมันดูแปลกไปไงก็ไม่รู้อะ”

”แปลกยังไงเหรอ” พี่รัญตอบพลางยกแก้วกาแฟดื่ม

”ช่วงนี้มันไม่พูดกะผมเลย แถมยังทำตัวเหมือนหลบหน้าอีกอะ” ผมบอก นี่ผมชักจะกลุ้มใจนะเนี่ยที่เห็นเพื่อนทำกะผมอย่างนี้

”เออ ไอ้เรื่องคืนนั้นอะ พี่บอกเป้กไปว่าไงเหรอ”

”ก็….. ” อึ้งไปเล็กน้อย ”ก็บอกไปตามจริงอะแหละ ไม่เห็นมีไรเลย พี่ว่า เราคิดมากไปแล้วแหละ” พี่เค้าพูดแค่นั้นแล้วก็ขึ้นห้องไป

..แต่ผมไม่คิดหรอกนะว่าผมคิดไปเอง สถานะภาพของผมกับเป้กในช่วงนั้นดูท่าทางขมุกขมัวชอบกล โดยที่ผมไม่เข้าใจสาเหตุที่แท้จริงซะที จนกระทั้งเปิดเทอม 2 ไปได้ 2 อาทิตย์ จึงได้มีโอกาสไปดักรอมันที่ห้องห้องประชุมโรงเรียน เพราะทราบว่าวันนี้ พวกม.5 มีประชุมจึงเลิกเย็น…….แล้วผมก็เห็นมัน

”เป้ก….. ” ผมทักมันด้วยหน้าตาชื่นบาน(ที่สุดเท่าที่จะทำได้)

”เอ่อ…..นายมาทำไมเนี่ย” ดูท่าทางมันไม่ค่อยอยากจะคุยกะผมเลย

”มาคุยกะนายแหละ ”

”ไปคุยกันที่หอก็ได้นี่นา ไม่เห็นต้องมารอเลย” มันพูดอ้อมแอมทำท่าทางไม่พอใจ

”หึ ถ้าฉันรอนายไปคุยที่หอละก็ นายก็คงหลบหน้าหลบตาเข้าห้องไปอีกอะเด๊ะ” ผมพูดตรงๆเลยแหละ

”ทะ ทำไมฉันต้องหลบหน้านายด้วยว่ะ เอาที่ไหนมาพูด” ไอ้เป้กพูด ตอนนี้มันไม่หลบหน้าผม แต่มันหลบตาผมอะครับ

”แต่ตอนนี้นายหลบตาฉันอยู่นะ” ผมยังต้อนไม่เลิก ”คราวนี้นายจะบอกได้ยังว่าทำไมต้องมาหลบ โอ้ย!? ”
อ้าว มันมากระชากคอเสื้อผม

”นี่มันจามากไปแล้วนะ นายเป็นพี่ชั้นตั้งแต่เมื่อไรอะ ชั้นไม่จำเป็นต้องหลบหน้านายอะไรทั้งนั้นแหละ อย่ามาหลงตัวเองให้มากไปหน่อยเลย” ไอ้เป้กตะคอกใส่หน้าผม ตกใจนะเนี่ยทำไมมันต้องมารุนแรงกะผมด้วยว่ะ

”เฮ้ย มันเจ็บนะ ทำไมต้องทำงี้ด้วยว่ะ เฮ้ย ปล่อย ปล่อย” แล้วผมก็เผลอปล่อยหมัดใส่หน้ามันไปหนึ่งหมัด

พลั๊ก!?

”อุ๊บ!? ” สำเร็จคราวนี้มันปล่อยเสื้อผม ลงไปนอนกองกะพื้นแทน ผมอยากตามไปตื้บซ้ำจริงๆเลย ไอ้คนชอบเล่นแรงเนี่ย ยังไม่ทันจะทำอะไรต่อ ไอ้เป้กมันถีบขาผมเต็มแรง จนหน้าผมเกือบไปจูบพื้น ดีที่เอาแขนยันไว้ คราวนี้มันลุกขึ้นมาต่อยผมบ้าง หมัดมันโคตรหนักเลย เราปล้ำกันอยู่ซักพัก แล้วผมก็ประจักษ์ได้ว่า ยังไงซะรุ่นน้องอย่างผมก็สู้กำลังรุ่นพี่อย่างไอ้เป้กไม่ไหว จนมันเห็นว่าผมไม่มีแรงจะสู้และตอบโต้แล้วจึงพูดออกมา

”เป็นไงละ ทีหลังอย่ามาทำซ่าส์กะรุ่นพี่อีกนะ รู้ไว้” แล้วมันก็ค่อยๆพยุงตัวผมขึ้นมา

“เจ็บมากป่ะ” ไอ้เป้กถามผม ดูดิ มีหน้ามาถามอีก ผมชกมันไปแค่หมัดเดียว มันสวนกลับมาเกือบครึ่งสิบ ผมไม่ตอบมันหรอก เพราะยังไงก็เจ็บ มากด้วย ทำให้น้ำตาซึมได้เหมือนกัน (ไม่เคยโดนมาก่อนนี่หว่า) มันก้มหน้ามามองผม

“เฮ้ย ร้องไห้เลยเหรอว่ะ ขี้แยจังโดนแค่เนี้ยทำเป็นร้อง แต่นายมาโทษเราไม่ได้หรอกนะ นายมาต่อยเราก่อนนี่นา” เออ มันยอมพูดกะผมแล้วหว่ะ ถึงแม้ว่ามันจะแลกมาด้วยความเจ็บตัวของผมก็เหอะ…







- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

ติดตาม บ้านพักอลวง the ZERO #4  ตอนต่อไป

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

abcd

  • บุคคลทั่วไป
 :jul3: โดนไม่กี่หมัดเอง ร้้องไห้ไม

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5

SheRbEt

  • บุคคลทั่วไป

ค้างด้วย พี่รัญไปพูดไรหว่า เป้กถึงโกรธบาสซะขนาดนั้น ค้างคาสุดๆ โมโห  :m16:

BNAT

  • บุคคลทั่วไป
สงสัยเป๊กจะชอบพี่รัญอยู่ แต่พี่รัญไปบอกว่าชอบบาสแน่ ๆ เหอะๆ

เดาไปงั้นอะ กรั๊ก ๆ

FOAM

  • บุคคลทั่วไป
พี่รัญไปบอกอะไรเป้กเนี่ยยยยยยย


อยากรู้ๆๆ รอตอนต่อไปครับ

ISACBTMN

  • บุคคลทั่วไป
เป้กชอบรัญ หรือ ชอบบาสกันแน่  :t2:

ออฟไลน์ panpan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-2
เราไปอยู่ไหนมา  ทำไมไม่เคยอ่านเรื่องนี้มาก่อนเลย   :m32:

แต่ในที่สุดตะลุยอ่านตั้งแต่เมื่อคืนถึงตอนนี้  ตามทันแล้ว


marchmenlo

  • บุคคลทั่วไป
:m28: เป๊กนี่ไงหว่า ???? อารมณ์ไหนของเค้าเนี๊ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
อิอิ สนุกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

mantdash

  • บุคคลทั่วไป
แอบได้กลิ่นรักสามเศร้า 

ใช่มะเนี่ย  :m13:

อิอิ

ออฟไลน์ fulres

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 594
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
มี ผี ด้วยหรอเนี่ย อึ๋ย เฮี้ยนจริง ..... ว่าแต่ ทำไมมาตามหลอกหลอนจัง

หนุกคับ เรื่องนี้

pad_dfg

  • บุคคลทั่วไป
ชอบทั้งสองเวอร์ชั่นเลยอะ

ทั้ง ปริ๊นซ์ โค้ก โอ๊ต

และคู่นี้  เชียร์ๆพี่รัญ

stayingpower

  • บุคคลทั่วไป
วันที่ 1 ธันวาคม -

“อาทิตย์หน้าพี่ต้องไปต่างประเทศแล้วนะ………บาส..??” พี่รัญเอ่ยขึ้นมาในระหว่างที่เราเดินซื้อของกันที่ตลาดนัดจตุจักร ซึ่งเป็นกิจกรรมอย่างนึงที่ผมชอบมากถึงแม้ว่าจะไม่ได้ซื้ออะไรติดไม้ติดมือกลับมาก็เถอะ

“ป…ไปต่างประเทศเหรอพี่ พูดจริงป่าวเนี่ย“ ผมคิดว่าพี่เค้าคงอำผมไปงั้นแหละ อย่างที่รู้กันในหอว่าพี่แกชอบขี้จุ๊ตา ละ ล่า… ขี้จุ๊เบ่ เบ๋… อะไรเทือก

เนี้ย

“แล้วไปกี่วันละพี่ เหรอว่าไปแล้วไปรับไม่กลับมาแล้วอะ“ ผมยังคิดว่าพี่เค้าล้อเล่นอยู่ ไม่ได้คิดมาก เพราะผมก็เห็นเค้าไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แค่ยิ้มเฉยๆ หลังจากที่เราเดินกันมาเกือบ 3 ชั่วโมง ก็มืดแล้วแทบไม่มีอะไรติดไม้ติดมือกลับเลย ระหว่างที่เรานั่งรอรถเมล์เกือบ 30 นาที ก็มาจนได้ แล้วอยากจะบอกว่ารถเมล์สายนี้เป็นอะไรที่คนแน่นโคตรๆแต่เผอิญวันนี้โชคดีมีที่นั่งเหลือ

“นั่นไง มีที่นั่งอยู่ที่นึงอะ ไปนั่งดิ“ พี่รัญชี้ให้ผมไปนั่ง ด้วยความที่ผมเด็กกว่าเค้านะเอง

“เสาร์หน้าไปดูหนังกันป่ะ “

ผมเงยหน้าไปมองพี่เค้า แปลกมากๆ ร้อยวันพันปีไม่เคยชวนไปดูเลย พึ่งจามีวันนี้ สงสัยฝนจะตกหน้าหนาวซะละมั้ง อืม…อะนะ “ดูแฮรี่ฯนะพี่นะ ตั้งแต่มันเข้าโรงผมยังไม่มีเวลาไปดูเลยอะ“

“แฮรี่ พอตเตอร์ อะนะ ว้า ยังไม่โตซะทีนะเรา “

“โห เค้าดูกันทั่วบ้านทั่วเมือง พี่รัญเชยอะดิ เออ … ชวนพวกที่หอไปดูด้วยดิพี่ ดูหลายๆคนหนุกนา
เด๋วมันหาว่าไม่ชวนอีก “

“พวกมันดูกันแล้วละ ป่านเนี้ย ไม่ต้องไปชวนมันหรอก“ พี่เค้าก็ว่าไปโน่น

“อ้าว แล้วมันไปดูกันเมื่อไรว่ะ ไม่ชวนกันมั่งเลย“ ผมบ่น “ไอ้เป้กด้วยเหรอ“ ผมถาม พี่รัญพยักหน้า “งั้นมั้ง“ อ้าวไอ้นี่อีกตัว ไม่ยอมชวนผม จะว่าไปหลังจากเหตุการณ์วันนั้น ไอ้เป้กมันจะกลับมาพูดกะผมเหมือนเดิมแล้วก็จริง แต่ดูมันเหมือนไม่ใช่มันคนเดิม เอ … !? ยังไงละ เอาเป็นว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างที่มันอยากบอกกะผม แต่มันไม่บอกละกัน นั่นเป็นความรู้สึกของผมฝ่ายเดียวนะ

แล้วพี่รัญก็เอามือข้างนึงมาจับหัวผม “บาส…ที่พี่พูดเมื่อเย็นน่ะ ……ไม่…..ได้…..ล้อเล่นนะ !!! “

“ว่าอารายนะ ………… พูดดังๆหน่อยดิพี่ ไม่ค่อยได้ยินเลย“ เผอิญเป็นช่วงที่ผมลุกขึ้นเตรียมจาลงรถพอดีอะคับ แล้วพี่เค้าพูดเบามาก

“คือ พี่บอกว่า….มะ..“

“เฮ้ย ถึงป้ายแล้ว พี่เร็วเข้า เด๋วลงไม่ทันอะ เลยไปป้ายหน้าเดินกันเท้าบวมแน่“ ผมว่าพลางดึงแขนพี่เค้าให้เดินเร็วกว่านี้ หลังจากที่ลงรถเรียบร้อยแล้ว เดินกลับเข้าหอ ผมก็นึกได้ว่าพี่เค้าจะพูดอะไรกะผมจึงถามพี่เค้าว่าเมื่อกี้พูดว่าไร

“ครือ……“

“คือ…..พี่จะบอกว่า ม่ะ……“ แล้วจาพูดติดๆขัดๆทำไมฟ่ะ ผมก็ทำหน้าแบบว่าอยากรู้มากๆ

“ไม่ดูเรื่องนี้ไม่ได้เหรอ แบบว่าเรื่องอื่นน่าดูกว่านะ พี่ว่าอะ “

“โธ่ นึกว่าจะพูดเรื่องไร เอางี้ เรื่องอื่นค่อยไปดูวันอื่นก็ได้ นะนะนะ“ ผมอ้อนพี่แก พี่รัญก็พยักหน้า ผมมองหน้าพี่เค้าทำหน้าแบบว่า…….. “พี่รัญมีเรื่องอื่นจะบอกผมเหรอปล่าวคับ“

“ป่าว ไม่มีอะ เออ เข้าหอเถอะ เมื่อยขาหว่ะ สงสัยเส้นเลือดขอดแหง่มเลย“ ว่าพลางก็เดินพลวดๆเข้าไป…

- วันที่ 6 ธันวาคม -

“เฮ้ย บาส แน่ใจเหรอว่าจะไม่ไปค่ายด้วยกันอะ“ เป้กบอกผมระหว่างกินข้าวกลางวันที่ รร วันนี้เป้กมันจาไปเข้าค่ายวิทยาศาสตร์กัน ซึ่งทริปนี้รับเฉพาะเด็กม ปลายไปกัน แต่ผมขี้เกียจไปเลยขอบาย

“ไม่อะ ถึงจะอยากไปตอนนี้มันก็สายไปแล้ว เด๋วบ่าย 3 รถก็มารับแล้วม่ายช่ายเหรอ“ ผมก็ทำพูดเหมือนจาเสียดายที่ไม่ได้ไปกะมัน

“เออ เออ แล้วเดี๋ยวเราเที่ยวเผื่อละกันนาเว้ย “

หลังจากกลับมาจาก รร ผมก็สังเกตุว่าทำไมหอมันเงียบๆ เอ หายหัวกันไปไหนหมดว่ะ บรรยากาศเป็นใจให้ไอ้ผีบ้ามันโผล่ออกมาอีกแล้วไง พูดถึงผมก็เกือบลืมมันไปแล้วนะเนี่ย
อยู่ๆก็มีมือโผล่มาจับไหล่ผม (อีกแล้ว)

เฮือก !???? “พี่รัญอย่าทำให้ตกใจดิ นึกว่าผีซะอีก คนยิ่งกลัวกลัวอยู่“

พี่เค้าหัวเราะ “ผีบ้าที่ไหนมันจาโผล่มาตอนกลางวันแสกๆฟะ “

“ก็เพราะมันเป็นผีบ้าไง มันโผล่ออกมาได้ทุกที่แหละ แล้วนี่มันก็จาเย็นแล้วด้วย“ ผมเถึยงกลับ “เออ แล้วเค้าหายหัวกันไปไหนหมดอะ“

“น้ำพ่อเรียกให้ไปที่บ้าน สงสัยมีงานให้ทำมั้ง ส่วนโอมันไปเที่ยวเกาะเสม็ดกะเพื่อนอะ วันจันทร์โน่นแหละถึงจากลับ เออ แล้วนี่เป้กมันไปเข้าค่ายแล้วเหรอ“

“อะหะ ก็ไปแล้วดิ มิน่าหอเงียบชอบกล พรุ่งนี้ไปดูหนังกี่โมงอะพี่ “

“1 ทุ่ม ครึ่ง “

“เฮ้ย ทำไมไปดูซะค่ำงั้นแหละพี่ กลางวันมีไม่ไปดูละ“

“มีเรื่องต้องทำช่วงกลางวันหน่อยหว่ะ ไม่ว่าง แล้วดูได้มั้ยละ เหรอว่าดูไม่ได้ จะได้เอาบัตรไปให้คนอื่น“ แน่ะ ผมพูดแค่ 3 4 คำ ตอบกลับมาซะ 10

“เออ ปล่าว แค่ถามเฉยๆเท่านั่นแหละ ไม่ต้องมาแขวะกันหรอกน่า“

ตื้ด………ตื้ด “ฮาโหล “

“เออ บาสเหรอ “

“เออ ข้าเอง มีไรเหรอน้ำ“

“เฮ้ย สงสัยข้าต้องไปหาย่าหน่อยแล้วหว่ะ พ่อให้ไปหาอะ “

“อ้าว ย่าแกจะตายแล้วเหรอ จะไปดูใจเหรอไง“

“เวรรรรร อ้ายยยยหอก มาแช่งย่ากรู ไม่ได้จาตายเว้ย แค่ไปเยี่ยมเฉยๆ คงกลับอาทิตย์หน้าแหละ “

“แล้ว รร ไม่ต้องไปแล้วเหรอ ล่อกลับตั้งอาทิตย์หน้าอะ“

“คงงั้นแหละมั้ง แค่นี้นะจาไปแล้ว ฝากหอด้วยนะ“ เออ คนเรามันจาไม่มีเหตุผลซะอย่าง จาหยุดก็นึกหยุด เออดีหว่ะ
“สงสัยวันหยุดนี้ได้เฝ้าหอกัน 2 คนแล้วหละพี่“ ผมหันกลับไปบอกพี่เค้า

“เออ ไม่ใช่ 2 คน คนเดียวต่างหาก “

ผมหันไปมองพี่รัญอย่างสงสัย “หมายความว่าไงเหรอ พี่จะไปไหนอีกคนล่ะ“

“พี่เคยบอกเราแล้วไม่ใช่เหรอว่าพี่……..ต้องไป….ต่างประเทศ “

“ผ…….ผมนึกว่าพี่พูดเล่นซะอีก“ ผมชักหน้าเสียแล้วไง ไม่ใช่ว่าต้องอยู่หอคนเดียวหรอกนะ แต่เป็นเพราะว่าพี่รัญต้องไปจากหอนี้ต่างหาก

“แล้วคนอื่นรู้กันหมดแล้วเหรอ“ เราออกมานั่งคุยกันที่ชั้นดาดฟ้าของหอ (นึกภาพเป็นเฉลียงดีกว่าคับ)

“อือ…. “

“แล้วทำไม……….. “ ผมจะบอกว่าแล้วทำไมไม่บอกผมละ แต่พึ่งนึกได้ว่าพี่แกบอกไปแล้ว แต่ผมไม่เชื่อเองผมมานโง่เองงงงง

“แล้วพี่ไปวันไหนคับ แล้วไปประเทศไหนเหรอ“

“อเมริกา ไฟต์ตี 1 พรุ่งนี้“ ผมคิดแล้ว เพราะพรุ่งนี้เป็นวันที่ผมต้องไปดูหนังกะพี่เค้า คงถือเป็นการเลี้ยงส่งละมั้งเนี่ย ตอนนี้ผมเศร้าโคตรๆเลย ไม่รู้เป็นเพราะอาไร ทั้งๆที่ผมต้องจากพ่อแม่มาอยู่กรุงเทพก็ตั้งนาน ไม่เห็นจารู้สึกอย่างนี้เลย ผมรู้อย่างเดียวว่าต่างประเทศมันช่างรู้สึกว่าไกลเหลือเกิน ไกลในความคิดของผม ไกลจนเหมือนจะไม่ได้เจอกันอีก….

“พ…พี่รั…..ญ พี่คงไปนานดิคับ แ……….ล้ว พี่จะลืม ผ.ม ……………..เออ หมายถึงลืมพวกเราเหรอปล่าวคับ“ ผมพูดด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแทน
“ไม่รู้ดิ ถ้าไปนาน นาาาาน ก็คงจาลืมไปบ้าง คน สองคน เหรอ ลืมหมดเลยก็ได้มั้ง ……“ พี่รัญตอบผม พลางมองมาที่ผม ซึ่งนั่งกอดเข่า เอาคางเกยอยู่

“ก็คงงั้นมั้ง ก็…….พี่รัญลืมง่ายจาตาย ขี้ลืมด้วย……………. แถม ถะ….แถม……………..ขี้โกหกด้วย“ ถึงตอนนี้น้ำตาผมชักเริ่มเออเล็กน้อย ไม่ได้การเด๋วพี่เค้าเห็นจาหาว่าผมขี้แยอีก เลยก้มหน้าซุกกับเข่าไว้

“แต่ว่านะ....มีอยู่คนนึงน่ะ ถึงอยากลืมก็ลืมไม่ลงหรอก “

“สงสัยเป็นแฟนเก่าพี่อะดิ ลืมไม่ลงเพราะถูกเค้าทิ้งอะดิ“ ผมพูดทั้งเอาหน้าซุกอยู่งั้นแหละ

“ป่าววว ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าพี่ไม่มีแฟน ………….ไม่เคยมีด้วย แต่ไอ้คนที่ว่าเนี่ยนะ ….. “

พี่เค้าเว้นไว้ช่วงนึง ไม่พูดอะไร ผมก็เริ่มจะเข้าที่แล้วเงยหน้าขึ้นมา เห็นพี่เค้าหันมาทางผมอยู่

“เป็นคนที่ทำเป็นเด็กไม่ยอมโตอะ นิสัยก็ดื้อชิบเป๋งเลย เอาแต่ใจตัวเอง แล้วก็ทำตัวเหมือนลิงอะ“ ว่าแล้วก็เอามือมาโอบไหล่ผม (โอบแบบพี่โอบน้องนะ) “อืม……..แต่ก็เป็นเด็กดีนะ คิดว่าอะ…แถมดูท่าอนาคตจาไปได้ไกลซะด้วย ติดอยู่ที่กลัวผีไปหน่อย“

เท่านั้นแหละ ผมรีบซุกหน้ากลับที่เก่าเลย เพราะผมรู้สึกว่ากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ซะแล้ววว ตอนนั้นผมรู้สึกแล้วว่า การที่เรากำลังสูญเสียสิ่งที่เรารักไปมันเป็นยังไง…………ผมรักพี่รัญเหมือนพี่ของผม หรืออาจเป็นได้ว่า ผมรักเค้ามากกว่าพี่งั้นเหรอ………???

“พี่รัญ..จะไปกี่วันเหรอครับ“

“ไม่รู้ซิ คงเป็นเดือน ……… หลายเดือน ……….. เป็นปี …….. หรืออาจจะหลายปีก็ได้ “

“…หรืออาจจะไม่กลับมาอีกใช่มั้ยคับ“ ผมตอบแทนพี่เค้า

พี่รัญยิ้ม พร้อมลูบหัวผม “คงไม่มั้ง…..แต่ก็ไม่แน่นะ ถ้าพี่ชอบที่โน่นอะ อาจจะไปอยู่ถาวรเลยก็ได้ อีกอย่างคุณแม่พี่ก็อยู่ที่โน่น พี่อาจอยู๋เป็นเพื่อนท่านก็ได้…“

“……………“ ผมเงียบ พี่รัญเลยพูดต่อ

“บาส … นายเชื่อเรื่องพรหมลิขิตมั้ย “

“…………….. “ ผมส่ายหน้า

“นายเคยคิดมั้ยว่าคนบนโลกนี้……..มีเป็นร้อย…เป็นพัน…..ล้านคน… ทำไมเราถึงมาเจอกัน …ได้รู้จักกัน ได้เป็นเหมือนพี่น้องกัน ………….. มันอาจเป็นสิ่งที่ใครบางคนกำหนดขึ้นมาก็ได้นะ….. “ พี่รัญโอบผมแน่นขึ้น

“ทำให้นาย .. กับ ..พี่ มาเจอกัน“

อะไรบางอย่างทำให้ผมขนลุก พี่รัญโน้มตัวผมให้ใกล้ชิดมากขึ้น ริมฝีปากของชายหนุ่มรุ่นพี่ค่อยๆสัมผัสกับริมฝีปากของเด็กหนุ่มรุ่นน้องอย่างแผ่วเบา แต่อ่อนโยน ………….. ในตอนนี้รัญได้รับรู้และยอมรับความรู้สึกของตนเองที่มีต่อหนุ่มรุ่นน้องแล้ว แต่เค้าไม่แน่ใจว่าบาสจะรู้สึกแบบเดียวกับตนหรือไม่ จะเป็นเพียงแค่ความรู้สึกชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น..

“……………. “ พี่รัญทำอะไรอ่ะ

“……………. “ พี่รัญจูบเราเหรอ

“……………. “ ทำไมเราถึงยอมจูบด้วยว่ะ ตอนนี้ผมสับสนไปหมดแล้ว เฮ้ย พี่รัญทำเค้าแล้วอย่าเงียบดิ

“บาส …….ขอโทษนะ พี่ไม่ได้ตั้งใจ ครือ พี่หมายถะ..“ พี่เค้าจะแก้ตัว ผมขอพูดสอดก่อนละกัน

“พี่จูบผม แล้วบอกว่าไม่ได้ตั้งใจเหรอ หมายความว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจจะจูบผมงั้นเหรอ“ ผมพูดเองก็งงเอง มันเป็นจูบแรกของผมซะด้วย ถ้าไม่นับกับที่ผมได้จูบผีไปนะ

“ระ เรื่องนี้ อย่าไปบอกใครนะ” สงสัยแกจะอายละมั้งคับ แต่ถึงพี่แกไม่พูดผมก็คงไม่บอกใครอยู๋แล้ว ถึงบอกใครจะมาเชื่อ

“ฮ้าววว ง่วง เกือบตี 2 แล้ว ไปนอนกันเถอะ“ พี่รัญง่วงแต่ผมตาสว่างอะดิ ว่าแล้วก็ลุกขึ้นเดินลงไปห้องนอน ก่อนนอนยังไม่วาย

“คืนพรุ่งนี้ระวังผีหลอกนะ บาส …… อยู่คนเดียวด้วยอะ“
ผมยกนิ้วกลางให้พี่เค้า แล้วเดินเข้าห้องไป พรุ่งนี้แล้วที่ผมจะได้เห็นพี่รัญคอยกัดผม พรุ่งนี้แล้ว….

- วันที่ 7 ธันวาคม -
 22.00 น.-
แม้ว่ารถเหาะลอยฟ้า ต้นวิลโลจอมหวด หรือจะเป็นต้นแมนเดรกที่กรี๊ดร้องลั่นสนั่นแก้วหู ในแฮรี่ พอตเตอร์กับห้องแห่งความลับ จะสนุกสนานมากเพียงใด แต่ในใจผมตอนนี้กลับหดหู่อย่างบอกไม่ถูก อีกไม่กี่ชั่วโมงแล้ว ที่พี่รัญต้องไปขึ้นเครื่อง

“เป็นไรไปดูไม่หนุกเหรอ” พี่รัญถามผมหลังจากออกจากโรง

“อืม…เอ้ย ป่าว ก็หนุกดีนิ “


“เห็นทำหน้าเป็นตูดหยั่งงั้น เป็นใครก็คิดว่าหนังไม่หนุกอะดิ เออ รีบกลับหอเถอะ เดี๋ยวขนของไปสนามบินไม่ทันอะ ตกเครื่องละยุ่งตายชัก”

ถ้าตกเครื่องได้ก็ดีสิ ผมคิด

“ครับไปดิ”

หลังจากใช้เวลาไม่มากก็ได้ฤกษ์เดินทางไปสนามบิน มีเพียงผมเท่านั้นที่มาส่งพี่รัญ ผมแปลกใจนะเนี่ย

“พี่รัญเพื่อนน้อยเหรอ ไม่เห็นมีใครมาส่งเลย “

“อืม เพื่อนเลิกคบกันหมดแล้วเนี่ย” ยังจะมาอารมณ์ดีอยู่นะ

เราเดินคุยกันไปเรื่อยๆ ในสนามบิน หลายๆเรื่องที่ผมไม่รู้ พี่รัญก็เล่าให้ฟัง มันอาจเป็นช่วงเวลาสั้นๆช่วงหนึ่งที่ผมมีความสุขที่สุด มันอาจจะเหมือนเป็นการปลอบใจก่อนที่เราจะไปเผชิญกับเรื่องร้ายที่กำลังจะตามมา…

- วันที่ 8 ธันวาคม -
- 00.30 น. –
“พี่ต้องไปขึ้นเครื่องแล้วล่ะ” พี่รัญพูดกับผม

“โชคดีนะพี่ เดินทางปลอดภัย ถึงแล้วอย่าลืมเมล์มาหาผมบ้างนะ ไม่ใช่หายเงียบไปเฉยๆละ แล้วก็…ไม่ใช่ไปมีเมียที่โน่นแล้วลืมพวกที่อยู่ทางนี้ละพี่ เด๋วจาโดนพวกซึ้งเอานะจะหาว่าไม่เตือน !!??”

“ฮะฮะฮะ ก็คงงั้นมั้ง ถ้าแต่งแล้วจะส่งการ์ดมาหานายคนแรกเลย” ยิ้มซิ กัดผมจนหยดสุดท้ายเลยนะ แล้วก็เงียบ – “ พี่รัญ รีบไปเถอะ เด๋วไปไม่ทันหรอก” ที่จริงผมไม่อยากจะล่ำลากับพี่รัญให้นานไปกว่านี้ เพราะยิ่งอยู่นาน พี่รัญก็เหมือนจะรู้อยู่

“งั้นพี่ไปก่อนนะ แ…..ล้ว. จะติดต่อกับมา น………………….ะ “

พี่เค้าเดินเข้าไปในประตูโดยสาร แล้วก็หยุด… หันกลับมา เดินกลับมาหาผมอีกรอบ คราวนี้พี่รัญไม่พูดไม่จาอะไร เดินเข้ามากอดผมเฉยเลย แล้วผมก็รู้สึกเหมือนมีน้ำอะไรบางอย่างมาโดนคอผม ผมพอจะรู้แล้วหละ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะผมก็กำลังจะกลั้นมันไว้ไม่อยู่เหมือนกัน ระยะเวลา 9 เดือนที่ผมอยู่ที่นี่ มันทำให้ผมรู้สึกผูกพันกับคนคนหนึ่งมากขนาดนี้เลยเหรอ – พี่รัญตบบ่าผมเบาๆ พี่เค้าตอนร้องไห้นี่เหมือนเด็กเลยนะ แล้วมาชอบว่าผมเป็นเด็กไม่โต โธ่เอ้ย – แล้วคราวนี้ พี่ชายของผมก็เดินเข้าไปจริงๆซะที ตอนนี้ก็เหลือผมอยู่คนเดียวแล้วซิ

ผมค่อยเดินกลับเข้าหอช้าๆ ไม่มีอารมณ์จะทำอะไรทั้งสิ้น ไม่ต้องรีบร้อนอะไร เพราะผมต้องอยู่คนเดียวอยู่แล้วนี่นา ผมกะลังจาได้เข้าหอแล้ว…

ตึง!!
ผมหันกลับไปหาต้นเสียง … ไม่มีอะไร

ซวบ!
มีอะไรบางอย่างหลบอยู่หลังพุ่มไม้ ผมค่อยย่องเดินไปที่ต้นเสียง

ตึง!!
คราวนี้ต้นเสียงเกิดขึ้นในหอ ผมมองขึ้นไปบนดาดฟ้า เห็นสิ่งที่ไม่คาดฝัน ถ้าผมตาไม่ฝาดผมเห็นใครคนหนึ่งยืนมองผมอยู่ข้างบนนั้น ใช่แล้ว !?!? ผมตาไม่ฝาดจริงๆ มีคนอยู่บนดาดฟ้าหอ แล้วมันจาเป็นใครละว่ะ

-- ขโมย –

เร็วเท่าความคิด ผมรีบวิ่งเข้าไปข้างในทันที ไม่ถึงนาทีผมก็ขึ้นมาอยู่บนดาดฟ้าแล้ว ร่างนั้นยังยืนอยู่ที่เดิม เพียงแต่หันหลังให้กับผมอยู่ ผมค่อยๆยางสามขุมไปหาที่ร่างนั้น

“แกเป็นใคร เข้ามาที่นี่ได้ไง !?!?” ผมตะโกนถาม มันไม่ใช่วิธีที่ดีเลย ถ้าไอ้เนี่ยมันเป็นคนร้ายที่เข้ามาขโมยของ แต่ทำไงได้ล่ะ จาให้ผมไปแจ้งตำรวจเหรอ เออ ผมว่ามันสายไปซะแล้วแหละ ร่างนั้นยังยืนเงียบอยู่ ไม่ไหวติง…
“ชั้นถามไม่ได้ยินเหรอ” เริ่มโมโหแล้วผม กำลังจะก้าวเท้าเข้าไปหา แต่…ร่างนั้นค่อยๆหันหน้ามาหาผม สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านหน้าผมไป ความเย็นเริ่มปกคลุมทั่วบริเวณ เมื่อร่างนั้นหันมา..มันทำเอาผมแทบช็อค…หน้าแบบนี้ ตัวเท่านี้ สายตาแบบนี้ มันเป็นไอ้ผีบ้าตัวนั้นเอง ที่เคยหลอกหลอนผมเมื่อหลายเดือนก่อน มันกลับมาอีกแล้ว และคราวนี้ ผมไม่มีใครคอยช่วยอีกแล้ว…

“ก…แก อ….ไอ้ ผีเวรรรรรรร” ผมพูดเสียงตะกุกตะกัก พร้อมกำลังจะก้าวถอยหลังเพื่อหนีสุดชีวิต ผมวิ่งเกือบถึงประตูลงแล้ว ฉับพลัน………….

ปัง!

โอ๊ย………

ประตูปิดเสียงดัง…..ผมชนเอาประตูเข้าเต็มที่ พร้อมกับร่างนั้นปรากฏขวางอยู่ตรงหน้า

“นาาาาาย ………………ว่าาาาาา………คราาาาาาย …………… บ้าาาาา ….เหรอออ” ร่างนั้นพูดช้าๆ เสียงเย็นเหมือนน้ำแข็ง

ผมไม่รู้จะพูดแก้ตัวอะไรแล้วตอนนี้ เรื่องนี้มันบ้าชัดๆ ตอนคนอยู่กับเต็มหอ ไม่มาหา มาเอาตอนเค้าไปกันหมด ผมถอยตัวหนีอย่างรวดเร็ว ร่างนั้นยื่นมือเข้ามาหาผม แล้วมือมันดูเหมือนจะยืดยาวมากกว่าคนปกติ

“อ๊าาาาาก ช่ววววยด้วย !!!???” ผมร้องออกมาแบบไม่คิดชีวิต ก้มหัวมือไม้ปัดป้องสะเปะสะปะไม่หมด ดูไม่ได้เลยผม พร้อมกับสวดมนต์ท่องผิดท่องถูกไปมา รู้งี้ผมน่าจะเอาหนังสือบทสวดมนต์ของแม่ติดบ้านมาด้วยนะเนี่ย แต่แล้ว …….. ทุกอย่างก็เงียบสงัด ดูเหมือนความเย็นน่าขนหัวตั้งเริ่มจะคลายตัวไป

“เย้ บทสวดได้ผล” ผมนึกดีใจ พร้อมทั้งค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา

“….อึ๊ก… “ ผมสะอึกเล็กน้อย ร่างนั้นยังยืนมองผมอยู่เหมือนเดิม แต่ใบหน้าดูขบขันในท่าทีของผม

“ฮะ ฮะ ฮะ สวดแบบนั้นน่ะ ผีตัวไหนมันจะกลัว” มันพูดเสียงเยอะเย้ย แบบราบเรียบ ฮึ้ย พูดแบบนี้สไตร์พี่รัญเลยโว้ย แต่แค่นั้นมันยังน้อยไป ผมกับแปลกใจมากกว่า ทำไมมันไม่ฆ่าผมละเนี่ย???
“นะ…นาย เป็นผีเหรอ ผีจริงๆเหรอปล่าว” ผมถามแบบกล้าๆกลัว ยังไม่ยอมสบตามัน
มันไม่ตอบ แต่กลับยิ้ม แล้วก็………ชี้ให้ผมดูที่ขา ….

“เฮ้ย !!! มันไม่มีขา” ไม่ใช่แบบขาขาดนะคับ แต่ส่วนขามันหายไปแบบโปร่งใสเลย ใช่แน่ ใช่ผีจริงๆด้วย นี่ผมกะลังคุยอยู่กับผีเหรอเนี่ย ไม่มีเหตุผลเลย ตามหลักวิทยาศาสตร์ ตามกฎฟิสิก เคมี ชีวะ มันเป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้มันเป็นไปแล้ว…..

“นายตะ…ตะ…ต้องการอะไร”

“ทำไมถึงคิดว่าชั้นต้องการอะไรจากนาย” แน่ะ มันย้อน

“กะ….ก็แล้วทำไมนายต้องมาหา อ๊ะ มาหลอกชั้นตั้งแต่วันแรกที่มาเลยไมใช่เหรอ” เมื่อมันพูดดีด้วย ตอนนี้ผมชักเริ่มมีมะโหแล้วนะ

“ชั้นแค่อยากจะต้อนรับนาย .. ก็เท่านั้น” ตอบหน้าตาเฉยแบบผีๆ

“แล้ววันอื่นอะ นายมาหลอกชั้นอีกทำไม”

“หึหึหึ” … มันยิ้มอย่างมีเลศนัย “แกล้งนายแล้วสนุกดี ชั้นชอบ ยิ่งตอนนายกลัวจนหัวหดเหมือนวันนี้นะ อืม บอกไม่ถูก แต่รู้อย่างเดียวว่ามันส์มากมาก…”

“แกมันผีนอกคอกจริงๆ ทำไมยมบาลไม่ลากตัวแกไปตั้งแต่ตายวันแรก แล้วลากลงนรกไปเลยว่ะ” ผมเริ่มจาเครียดที่ได้คุยกะมัน

“ไม่มีปัญหา แค่ยัดเงินใต้โต๊ะผู้คุมนิดหน่อย ก็ได้ปล่อยตัวมาทุกๆ 49 วันแล้ว “ **

“ว่าอะไรนะ” ผมงง “แกบอกว่ายัดเงินใต้โต๊ะผู้คุมงั้นเหรอ “

“งั้นมั้ง” ทำหน้ากวนตีนอีก

“อีกอย่างชั้นเห็นนายอยู่คนเดียว ก็เลยแวะมาหลอกเล่นๆเอามันส์ไง นายจะได้ไม่เบื่อ “

“นี่แกเห็นชั้นเป็นของเล่นของแกเหรอไงว่ะ” ว่าแล้วผมก็ลุกขึ้นมาทำท่าจะชกมัน แต่วืด แน่ละมันเป็นผีนี่หว่า

“เราคงได้มีโอกาสทำความรู้จักกันมากขึ้นนะ วันนี้ชั้นหมดโควตาแล้ว ไว้เจอกัน…หึหึหึ “ ไม่พูดปล่าว คราวนี้ตัวมันเปลี่ยนสีกลายเป็นเขียวคล้ำ ตาหลุดออกมานอกเบ้า น้ำหนองไหลออกมานองพื้น ……………

ฟุ๊บ !!!??

แล้วร่างทั้งร่างก็หายไป….

ผมยืนหมดแรงอยู่ตรงนั้น มันช่างเป็นภาพที่น่ากลัวที่สุดตั้งแต่ผมเกิดมาเลยก็ว่าได้ แล้วผมก็………….

“อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาก !!!!!!!!!!!???????????”

แล้วผมก็ล้มลงนอนลงกับพื้นมันตรงนั้นแหละ ………………………..

“จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ “
เสียงนกร้อง ยามรุ่งอรุณปลุกให้ผมตื่นขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านอนอยู่บนดาดฟ้ามาทั้งคืน อากาศในตอนเช้าดูเยือกเย็น ลมหนาวพัดมาถูกใบหน้า ผมมองไปรอบๆตัวอย่างงุนงง พลางเกาหัว ไม่ว่าเมื่อคืนจะเกิดอะไรขึ้นก็แล้วแต่ … ผมจามาอ้อยอิ่งอยู่ไม่ได้แล้ว นี่ก็เกือบจะ 8.00 โมงแล้ว

“เฮ้ย……. วันนี้เรียนนี่หว่าาาา ทำไมซวยงี้ว่ะ “

“ไง บาส เฝ้าหอหนุกม่ะ ไปออกค่ายโคตรหนุกเลยหว่ะ แม่ง ไม่ยอมมาด้วยกัน” เป้กพูดขณะที่พวกเรากะลังกลับจากโรงเรียน – มันกลับมาถึงโรงเรียนในช่วงบ่ายๆ แต่ดูท่าทางมันก็ไม่ได้สนุกอะไรตามที่ปากมันพูดอะ

“รู้ตัวป่ะพูดไรอะ สภาพนายนี่โทรมโคตรๆเลยนะ ไม่รู้ตัวอีกอะ” เค้าใช้งานหนักดิ ผมกัดมันเล็กน้อยตามประสา

“555 รู้ด้วยเหรอ … เออ … แล้วพี่รัญไปแล้วเหรอ มันอ้อมแอ้มถามผม” ทั้งๆที่รู้ทั้งรู้

“ไปแล้ว…” ผมหันไปตอบ

“….แล้วไม่เหงาเหรอ อยู่คนเดียว” มันหันมาสบตาผม

“ไม่เหงา … “ ผมตอบ ก็มีนายอยู่เป็นเพื่อนทั้งคนจาเหงาได้ไง จิงป่ะ ว่าแล้วก็ตบหลังมันอย่างแรง
“โอ้ย เวรนี่ ตบมาได้ มือหนักอย่างกะควาย” เป้กว่าพลางหัวเราะ แต่มันไม่รู้หรอก เมื่อคืน ผมไม่ได้อยู่คนเดียวนี่นะ แต่อย่าบอกมันเลย เด๋วจาหาว่าผมบ้าอะดิ ???

หลังจากวันนั้น ผมก็ได้เมล์จากพี่รัญหลายฉบับ ก็ถามเรื่องสารทุกข์สุกดิบตามธรรมดา ผมก็ถามไปว่าเมื่อไรจากลับ จะอยูไปจนตายเลยเหรอไง แต่ผมก็ได้รับคำตอบที่ไม่แน่ไม่นอนอยู่ตลอด

“ ี่พี่ไปเรียนนะ จะกลับอะไรบ่อยละ กว่าจะหาที่เรียนที่นี่ได้แทบแย่ ไหนจะต้องเรียนภาษา ไหนจะเรื่องอื่นอีกจิปาถะ ไม่ได้มาช๊อปปิ้งนี่หว่า จะได้มาแค่ อาทิตย์ 2 อาทิตย์ …………………………………..ฯลฯ

Ps. ห่วงแต่ตัวเองเถอะ เดี๋ยวอีก 2-3ปี เองนะก็จะเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว จะเข้าได้เหรอเปล่า เดี๋ยวได้ไปเลี้ยงควายหรอก… “

ท้ายเมล์ยังกล้ากัดผมอีกนะ …แต่ก็ช่างมันเหอะ ตอนนี้แค่ผมได้อ่านเมล์ของพี่เค้า มันก็ทำให้มีความสุขแล้ว ….. สรุปว่าผมรักพี่รัญไปแล้วเหรอนี่ ทำไมผมน่าจะรู้ใจตัวเองก่อนนี้นะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมอาจจะได้เดินเที่ยวกะพี่รัญ ดูหนังฟังเพลงกัน … แต่ตอนนี้ผมมีปัญญาได้แค่คุยกับพี่เค้าผ่านทางจดหมายอิเล็กทรอนิคเท่านั้น..ชีวิตช่างเศร้านัก… แต่ผมก็หวังว่าเมื่อพี่รัญกลับมา คงจะยังมีความรู้สึกดีๆ กับผม เหมือนก่อนที่จะไปที่โน่นนะ ผมหวังไว้อย่างนั้น พี่รัญคงไปไม่ถึงปีหรอกน่า อย่างมากกว่าแค่ปี สองปี แล้วก็จะกลับมา

เป็นพี่ชายที่แสนดีของผมเหมือนเดิม …. ล่ะมั้ง!?




stayingpower

  • บุคคลทั่วไป
---------------------------------------------------3 ปี ผ่านไป ???? ---------------------------------------------------------

- เดือนพฤษภาคม – (อันแสนอบอ้าว)
“ไอ้บาส ไปเร็ว กรูอยากรู้ เร็วๆเลยมึง ลุ๊กก ลุกขึ้นมาเลย เร็วววววว” ไอ้เป้กว่าผม

ครับ..วันนี้เป็นวันประกาศผมสอบเอ็นซะทรานน ของชาวเด็กม.6 อย่างเราๆ ถ้าใครมั่นใจว่าคะแนนตัวเองดี แล้วเลือกดี ก็คงจะรีบสะแหล่นไปดูแต่เช้า แต่ผมมันไม่ช่ายย ผมไม่อยากจะรู้เลยอะ มันช่างเสียวเหลือเกิน มันลุ้นสุดๆ ถ้าผมไม่ติด ผมจาบอกพ่อแม่ว่าไง ถ้าผมไม่ติดที่ไหนซักแห่ง ผมคงอายพี่ๆที่หอนี่หลายคนทีเดียว โดยเฉพาะไอ้เป้ก ไม่น่าเชื่อนะ เมื่อปีที่แล้วมันเอ็นติดที่คณะสถาปัตย์ มหาลัยมีชื่อแห่งนึง (มันก็มีชื่อทุกมหาวิทยาลัยแหละ) หมายถึงมีชื่อเสียงในด้านนี้น่ะคับ ส่วนน้ำที่อยู่ชั้นเดียวเหมือนผม มันสบายไปแล้ว เพราะมันได้โควตาเข้าคณะวิศวะฯ เมื่อช่วงพฤศจิกาโน่นแล้ว แถมได้อยู่มหาลัยเดียวกันอีกนะ ซึ่งส่งผลให้ไอ้น้ำต้องย้ายไปอยู๋หอ ในมหาลัย เพราะมันอยู่ไกล ส่วนไอ้เป้กมันไปๆกลับๆได้ เพราะพ่อมันซื้อรถมาให้แล้ว แถม ตอนนี้เตรียมขึ้นปี 2 มันก็ย้ายเข้ามาเรียนที่วิทยาเขตในกรุงเทพแล้วด้วย … เอ มหาลัยอะไรหว่า ???

“เป้ก กรูไม่อยากรู้…….วันนี้หว่ะ กรูไม่ไปดีกว่า นายจะไปดูก็ดูเผื่อด้วยละกัน” ผมว่า

“เฮ้ย มันคะแนนเอ็งนะเว้ย มั่นใจหน่อยดิว่ะ”

“ก็มันไม่มั่นใจนี่หว่า ไม่ไปดีกว่า หว่ะ”

“มึงจาให้กรูอุ้มไป หรือว่าจะลงไปดีๆฟะ” เจอไม้นี้เข้า ผมเลยไม่ขัดเลย มันเอาจริงนะแน่ เออ เด๋วๆ เปลี่ยนเสื้อก่อน เออ ไปก็ไป…

ในที่สุดผมก็มาถึงที่ประกาศผลเอ็นทราน ในมหาวิทยาลัยเกษตรฯจนได้ (เพราะที่นี่ใกล้สุด และม.เกษตรก็เป็นมหาลัยที่ผมเลือกไว้เป็นอันดับแรกด้วย ) เป็นใครก็คงรู้ว่ารู้สึกอย่างไร ที่สำคัญนอกจากไอ้เป้ก ยังมี พี่โอ พี่เน ไอ้น้ำอีกตะหาก มากาานทามมไมเยอะแยะ ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนไส้มันบิดไปบิดมา ปวดมวนในท้องเหลือเกิน ระหว่างรอลุ้น ผมชักน่ามืด …

ไอ้เป้กเดินหน้าเมื่อย มาถามผม

“เป็นไง เจอม่ะ “

“ไม่เจออะ ไม่เห็นมีเลยหว่ะ แล้วแกอะเป้ก เจอป่ะ” ผมทำใจไว้อยู่แล้ว … ถึงไม่ติดที่นี่มันก็ยังมีที่เรียนอื่นอีกถมไป ที่จริงผมไม่น่าที่จะมากังวลอะไรมากมายเลย แต่ก็อย่างว่าแหละ คนเรามันก็ต้องมีความหวังอะไรบ้างใช่ม่ะครับ หวังเล็กหวังน้อย หวังเผื่อฟลุค แล้วนี่ผมจะบอกพ่อแม่ว่ายังไง ด …

“เจอ….!!!” เป้กบอกผมพลางตบไหล่เบาๆ

“เออ ช่างมันเหอะ กรูก็ว่าแล้วแหละว่าไม่ติดหรอกหว่ะ เฮ้อ กรูต้องหาที่เรียนใหม่อีกแล้วเหร…. เอ๊ะ !!??” ผมเหมือนนึกอะไรออก “มะ…เมื่อกี้นายว่าไงนะ เจอเหรอไม่เจอ…” ผมพูดตะกุกตะกัก

ไอ้เป้กยิ้ม ยกแขน 2 ข้างมาจับหน้าผม

“เจอ เว้ย กรูบอกว่าเจอแล้ว !!! 555 ไอ้บ้าาา วู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” เท่านั้นแหละ น้ำตาผมมันไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวเลย มันเหมือนมีอะไรมาทำให้ท้องฟ้าวันนี้ดูสดใสมากๆ กระจ่างชัด สดสวยจริงๆ ………….. เอาเป็นว่าผมดีใจละกันนะ ไม่อยากบรรยายมากเด๋วจาหาว่าเวอร์

แน่นอน หลังจากนั้นผมก็ต้องไปที่ซุ้มของพวกรุ่นพี่ที่คณะ อารามดีใจผมก็ไปซิคับ ไม่ได้นึกอะไรหรอก เค้าให้ทำอะไรผมทำหมดแหละ มันดีใจ …

“เฮ้ยๆ ไอ้น้องคนนั้นอะ มานี่ดิ๊” รุ่นพี่คนนึงเรียกผม “เออ เอ็งอะแหละ มาเต้นกลางวงมา เต้นเก่งดี “ อ๊า ผมนี่นะเต้นเก่ง คงเพราะอารามดีใจละมั้ง เอ๊ะ นี่ผมดีใจกี่รอบแล้วหว่า

“น้องผู้หญิงคนนั้นอะ มาด้วย มานี่ เออ เต้นคู่กัน เด๋วเพื่อนเหงานะ …” พูดเองเออเองเสร็จสรรพ

ผมมองหญิงสาวคนนั้น เธอมองตอบ เรายิ้มให้กัน ในฐานะ เพื่อนร่วมคณะ ฐานะเพื่อนใหม่ หรือในฐานะที่เราต้องอยู่ร่วมกันอีกอย่างน้อย 4 ปี ความรู้สึกบางอย่างเมื่อผมเห็นเธอคนนี้ บางที เธอคนนี้อาจจะทำให้ความรักแรกที่ผมมีให้กับพี่ชายของผม … ที่มันดูผิดที่ผิดทางจากผู้ชายทั่วไป … คนคนนี้อาจทำให้ผมกลับสู่สภาพปกติเหมือนที่ผู้ชายคนอื่นเป็นก็ได้ … หรือเปล่าหว่า!?










- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

ติดตาม บ้านพักอลวง the ZERO #5  ตอนต่อไป

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
แล้วจะรอนะคราบ

ทาง พอพี่รัญกลับมาจะมีปัญห รักๆเกิดอีกอะนะ

รีบมาต่อนะคราบ
 :oni2: :oni2:

yee

  • บุคคลทั่วไป
คับจะรอ.......คงมาเร็วๆๆนี้นะ

pad_dfg

  • บุคคลทั่วไป
นั่งรอ

นอนรอ

เป็นกำลังใจให้นะคะ

ออฟไลน์ fulres

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 594
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ง่า ตัวเอก(?) ไปแล้วหรอ อ่าว ยังไม่ได้อะไร ยังไงเท่าไรเรย???

คอยตอนหน้าคับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






Dangerous_patz

  • บุคคลทั่วไป
ก็ ยัง รอ ต่อไป.....







 :oni2: :oni2: :oni2:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

ลงยาวได้ใจ

ขอให้มีแฟน....ยาวๆ  นะคะ



LIZZ

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้ย!!

แปปเดียวผ่านไป3ปี

พี่รัญหายไปนานขนาด...

เมื่อไรจากลับมาล่า.....เดี๋ยวบาสโดนแย้งนะ  :m13:

mantdash

  • บุคคลทั่วไป
ทำไมดูเร่งรีบจาง :m29:

รอพี่รัญกลับมาครับ :m1:

marchmenlo

  • บุคคลทั่วไป
บาสโตแว๊ววว....ดีจาย ๆ  :laugh:

SheRbEt

  • บุคคลทั่วไป

กำ พี่รัญไปสามปีเลยหรอ  :o

น้องบาสมันคงไม่ลืมง่ายขนาดนั้นหรอก ยิ่งรักแรกด้วย  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
พี่รัญไปแล้ว  ไปไกลจังเลย

FOAM

  • บุคคลทั่วไป
เมื่อไหร่พี่ีรัญจากลับหวา

ISACBTMN

  • บุคคลทั่วไป
พอรอพี่รัญมาหาบาส

เดี๋ยวบาสก็โดนคนอื่นคาบไปนะ

ออฟไลน์ LingNERD*

  • จบแล้ว...รักที่เคยมี *
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
นุกดีครับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด