บ้านพักอลเวง
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: บ้านพักอลเวง  (อ่าน 365450 ครั้ง)

stayingpower

  • บุคคลทั่วไป
“ ฟรี้.........ฟี้.........Zzzzzz” ผมตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกได้ถึงลมหายใจอ่อนๆ ข้างหู เป้กยังนอนกอดผมอยู่
ตั้งแต่เมื่อคืนจนกระทั้งตอนนี้ ยังรู้สึกแปลกใจไม่หาย เพราะปกติ ผมจะเป็นคนนอนค่อนข้างดิ้นพอควร ใครมานอน
ด้วยอาจโดนถีบได้ ผมค่อยๆยกแขนเป้กขึ้นอย่างเบา เพื่อไม่ให้มันตื่น พร้อมลุกขึ้นออกจากเตียง



“เฮ้ย วันนี้วันเสาร์อ่ะ จะรีบตื่นไปไหนเหรอ” เป้กถามผม หลังจากเห็นผมเดินออกจากห้องน้ำ

“วันนี้กะจะไปมหา’ลัยหน่อย จะเอางานไปให้ไอ้โจมัน” ผมตอบพลางเดินไปหยิบเอกสารบนโต๊ะ “เออ ตื่นแล้วก็กลับห้องไปได้แล้ว ไป .... ชิ้ววว” ผมบอกพลางทำหน้ากวนบาทา

“ไรฟ่ะ ไล่กันแบบนี้มันหมายความว่าไง เออ แล้วไปหาโจแล้ว ไปไหนอีกป่ะ “

ผมส่ายหน้า

“งั้นไปซื้อของเป็นเพื่อนเราหน่อยดิ น่า นะ มันอ้อนผม ผมพยักหน้าอย่างอ่อนใจ เออ ไปก็ได้ แต่อย่า
นานน่ะเฟ้ย เด๋วต้องกลับมาทำงานต่ออีก งานแยะเป็นบ้าเลยห่ว่ะ.

“เออ น่า งั้นเดี๋ยว บ่ายโมงเจอกันหน้าลิโด้นะ ห้ามเลท ห้ามสาย ไม่งั้นโดนตื้บ ” มันขู่ผม พลางรีบสะบัดตูดกลับห้องไป



“...”





คุณผู้อ่านทุกท่านครับ คุณเคยได้ยินคำเปรียบเปรยที่ว่า “ คู่กันแล้ว ย่อมไม่แคล้วกัน ” บ้างมั้ยครับ แม้ว่าจะต้องเจออุปสรรคขวากหนามแค่ไหน สุดท้ายแล้วก็จะต้องได้มาครองรักกัน คุณอาจจะเคยนึกฝันว่าวันหนึ่ง
ในวันฟ้าใส อากาศเย็นสบาย คุณอาจจะเจอ – คู่ – ของคุณโดยบังเอิญก็ได้ ... ในกรณีตรงกันข้าม คนเราแม้จะรักกันแค่ไหน แต่ถ้าพระเจ้าไม่ได้สร้างให้เกิดมาคู่กัน ก็คงต้องใส่คอนเวิร์ส เดินทางใครทางมันไปตามระเบียบ

เช่นกันในกรณีหลัง ในเดือนต่อมาหลังจากนั้น เป้กขอคบกับผมมากกว่าเพื่อนสนิท ช่วงแรกๆ ผมไม่กล้าที่
จะตอบรับ หรือแม้จะตอบปฏิเสธก็ไม่กล้า ทั้งที่ใจส่วนลึกของผมร่ำร้องให้ใครซักคนมาช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหาย
ไปจากชีวิต อีก 2 เดือนต่อมา ผมตัดสินใจตอบรับความหวังดีจากเป้ก ผู้ชายที่เปิดเผยความเป็นตัวตนของผม ...
ในช่วงแรก ช่างเป็นช่วงเวลาที่แปลกใหม่ เหมือนผมได้หาตัวตนของผมพบ ได้รู้สึกว่ามีคนที่รักเรา ทำทุกอย่างได้เพื่อ
ผมอย่างแท้จริง ... จนมันทำให้ผมลืมคิดข้อหนึ่งไป ผมรักเป้กมาก แต่มันน้อยกว่าที่เค้ารักผม เพราะอะไรนะเหรอ ...
ผมเคยถามใจตัวเอง เพราะความรักที่เหลือถูกซ่อนอยู่ในหัวใจของผม รักแรกที่ผมได้สัมผัส มันยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจของผม เกินกว่าจะลืมเลือนไปได้ หน้าที่ของน้องปี1 ของผมกำลังจะหมดไป ก้าวสู่ปีที่ 2 พร้อมกับการกลับมา
ของรักแรกของผม ..... อย่าหาว่าผมหลายใจ เหรอว่ากะล่อนเลยนะฮะ ปิดเทอมหน้าร้อนที่จะถึงนี้ พี่รัญ พี่ชายที่แสน
ดีของผม กำลังจะกลับมาที่หอพักนี้อีกครั้ง พร้อมๆกับก้าวเข้ามาในหัวใจผมอีกครั้งแล้วครับ ...

stayingpower

  • บุคคลทั่วไป
.

.

.

stayingpower : ส่วนต่อจากนี้ไปจะเป็นบทของตัวละครอีกตัวนึงตัดสลับมา เ ป็นอีกมุมมองนึง
ตอนแรกอ่านของเก่าแล้วก็งงๆว่าตานี่คือใครหว่าลืมไปซะสนิทเลย เหอๆ


.

.

.

.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2008 01:45:03 โดย stayingpower »

stayingpower

  • บุคคลทั่วไป
คุณคิดว่า ไอ้เจ้าสิ่งที่เรียกว่า ความรัก เป็นสิ่งที่สวยงาม น่าค้นหา จนคนบางคนถึงต้องพยายามไขว่คว้า หามันมาไว้ครอบครอง มันดีอย่างที่คนอื่นเค้าว่ากัน งั้นเหรอ ? แล้วทำไม ผมถึงต้องเสียใจกับความรัก ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า
จนผมสงสัย ความรักเป็นสิ่งที่นำพาความสุข มาให้กับเรา จริงเหรอ ???

ผมกำลังใช้ความอดทนอย่างมากครับ !?

ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาสัก 15 นาทีได้แล้ว ในเช้าที่อากาศแสนเย็นสบาย แตกต่างกับบรรยากาศมาคุในบ้าน
ของผม นี่ไม่ใช่เป็นครั้งแรกที่ผมต้องตื่นขึ้นมาแล้วอารมณ์เสียในวันหยุดปิดเทอมเช่นนี้ ก็จะอะไรซะอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่
ปัญหาสามี – ภรรยาทะเลาะกัน ผมไม่อยากจะสนใจเลยด้วยซ้ำ ถ้าเสียงเหล่านั้นไม่เข้ามากระทบโสตประสาททำให้
ผมต้องตื่น หลังจากพยายามใช้วิธีการเอาผ้าห่มมาคลุมหัวเพื่อหวังลดเดซิเบลของเสียงเป็นความคิดที่ผิด

ดูท่าทางการทะเลาะครั้งนี้จะกินเวลานานกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา จนผมได้ยินเสียงปิดประตูบ้านดังโครมใหญ่
โดยที่เจ้าตัวไม่คิดว่า ถ้ามันพังไปแล้วจะต้องเสียเงินซ่อมอีกเท่าไร ผมจึงได้ฤกษ์เดินลงมาซะที

ภาพที่เห็นจนชินตา ชายวัยกลางคนยืนดูดบุหรี่ใกล้โต๊ะกินข้าว เพียงแต่ว่าวันนี้อาหารที่ควรจะอยู่บนโต๊ะกับ
ไปอยู่บนพื้นแทน หลังจากที่มองเห็นผม เค้าทำทีทิ้งบุหรี่ลงถังขยะ แล้วบอกผม

“ ตื่นแล้วเหรอลูก ?? พอดีพ่อซุ่มซ่ามไปหน่อย เลยปัดไปโดนข้าวปลาหกหมดเลย .. นี่ แม่เราเค้าก็โกรธพ่อยกใหญ่ สงสัยคงออกไปหาซื้ออะไรมากินละมั้ง !!! ” พ่อบอกผม พลางก้มลงเก็บถ้วยชามที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น ผมไม่นึกอยากถามว่า พ่อซุ่มซ่ามอีท่าไหน ถึงปัดได้ตกทั้งโต๊ะ เหมือนโยนลูกโบวลิ่งสไตร์โดยไม่ต้องเก็บสแปร์

“ พ่อฮะ ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมเก็บเอง พ่อไปนั่งพักเถอะฮะ ยิ่งเหนื่อยง่ายอยู่ด้วย “ผมบอกพลางก้มลงเก็บ
กวาด

“ พ่อสัญญาแล้วว่าจะไม่สูบอีก แล้วนี่อะไรฮะ “ ผมยื่นก้นบุหรี่ที่พ่อทิ้งไว้ในขยะถาม

“ พ่อเครียดนิดหน่อยน่ะ แล้วไม่คิดว่าลูกจะตื่นมาเห็น “ พ่อบอกผมเลี่ยงๆ พ่อมักจะสูบบุหรี่เป็นประจำเวลาที่ทะเลาะกับแม่ และพ่อก็ยืนยันกับผมว่า พ่อจะไม่สูบบุหรี่ให้ผมเห็น ยังงี้ ถ้าผมไม่เห็นพ่อก็คงจะสูบเหมือนเดิม แล้ว
มันจะมีประโยชน์อะไร นั่นไม่สำคัญเท่ากับที่เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน พ่อมีอาการปวดท้องจนถึงกับล้มฟุบ ผมต้องรีบพา
พ่อส่งโรงพยาบาล

“ ทางเราขอให้ภรรยาหรือญาติสนิทมาพบมิใช่เหรอครับ “ คุณหมอบอกกับผม

“ แม่ผมไม่ว่างครับ มีธุระด่วนนิดหน่อย “ ผมบอก

“ เออ แล้วไม่ทราบว่าจะติดต่อคุณแม่ให้มาร่วมฟังผลตอนนี้ได้มั้ยครับ ? “

ผมชักเริ่มหงุดหงิดในใจ ก็ผมบอกแล้วนี่ว่าแม่ไม่อยู่ แม่ไม่ว่าง พูดตามตรง คือไม่กลับมาที่บ้านมากกว่า

“ แม่ผมไปต่างประเทศครับ อีกหลายวันกว่าจะกลับ คุณหมอมีอะไรบอกผมก็ได้ครับ “ ผมพูดโกหกไป หวังจะให้รีบบอกซะที

“ อืม … คุณพ่อของน้องเคยตรวจร่างกายกับโรงพยาบาลอื่นบ้างมั้ยครับ ? “

“ คิดว่าไม่เคยครับ “

“ อืม … “

“ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ “

“ อืม … เราพบเนื้องอกในตับของผู้ป่วยครับ “ คุณหมอค่อยๆบอกผม

“ ผมยังทำหน้างุนงง พร้อมกับถามย้ำอีกครั้ง พ่อผมเป็นเนื้องอกเหรอครับ หมอ “

“ พูดตรงๆก็คือ เป็น มะเร็งตับนะครับ “

ผมมีความรู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆ มาทุบหัวอย่างจัง สมองดูตื้อ คิดอะไรไม่ออก ชั่วขณะนึง ผมเผลอคิด
ไปว่า ควรจะโทรศัพท์หาแม่ดีมั้ย แต่เมื่อเรียกสติสัมปชัญญะได้ จึงคิดว่า โทรหรือไม่โทรก็ค่าเท่ากัน

“ แล้ว … แล้ว พอจะมีทางรักษาให้หายมั้ยครับ “ ผมถามไปเพราะถึงจะเป็นมะเร็ง แต่ถ้ารู้ตัวแต่เนิ่นๆ ก็
น่าจะรักษาได้ไม่ยาก

“ คงต้องใช้เคมีบำบัดน่ะครับ “ คุณหมอบอกผม พลางตบไหล่ผมเบาๆ

“ ทางที่ดี รีบติดต่อคุณแม่ให้เร็วที่สุดนะครับ ทางโรงพยาบาลจะทำการรักษาคุณพ่อตั้งแต่ตอนนี้เลย “

ผมรับคำคุณหมอ จากวันนั้นผ่านมา 2 อาทิตย์ ผมไม่รู้ว่าพ่อจะบอกแม่เรื่องที่เป็นมะเร็งไปเหรอยัง แต่ถ้า
บอกแล้ว แม่คงไม่ทำกับพ่อแบบนี้ ผมรู้ดี ว่าเหตุการณ์เช้าวันนี้ พ่อไม่ได้ซุ่มซ่ามปัดข้าวเช้าหกเลอะเทอะแบบนี้
ผมรู้ดี ว่าที่แม่ออกไปจากบ้านเมื่อเช้าไม่ได้ไปซื้อของกินมาใหม่หรอก แม่ไปหาใครบางคนต่างหาก !! ใครนะเหรอ ??

“ เราหย่ากันเถอะ ..!? “

เสียงที่แม่พูดกับพ่อยังก้องอยู่ในหัวผมตลอดเวลา พ่อกับแม่คงไม่รู้ว่าผมแอบได้ยินบทสนทนาของทั้งสอง
ที่จริงจะเรียกว่าแอบก็คงไม่ถูก เพราะเสียงที่พูดนั้น ไม่ได้เบาเลยสักนิด ถ้าใครไม่ได้หลับอยู่ก็คงจะได้ยินกันทุกคน
น่าดีใจที่พ่อคิดว่าผมหลับไปแล้ว

“ ทำไมถึงคิดแบบนั้นละคุณ …. “

“ คุณยังจะมาถามอีกเหรอ คิดดูซิ ตั้งแต่เราอยู่ด้วยกันมา …………….. “ แม่ผมพูดเรื่องอะไรต่อเรื่องอะไรที่
เป็นความผิดของพ่อออกมาหมด

“ คุณแน่ใจเหรอ ว่านั่นเป็นเหตุผลที่คุณอยากจะหย่ากับผมจริงๆ “ พ่อผมถาม จ้องสายตาไปที่แม่เพื่อต้องการเค้นความจริง

“ แม่หลบสายตาพ่อ “ ความเงียบเริ่มเข้ามา

“ ………. ฉันมีผู้ชายคนใหม่ !? “ แม่บอกกับพ่อ น่าแปลกที่พ่อไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่แปลกใจ ต่างจาก
ผมที่ได้ยินถึงกับเข่าอ่อน ทรุดลงไปกองอยู่กับพื้นตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ

“ คุณไม่สงสารลูกมั้งเลยเหรอ ลูกจะคิดยังไง ถ้ารู้ว่าแม่มันมีชู้ …. “ พ่อพูดออกมาด้วยเสียงที่ราบเรียบที่สุด แต่ในใจคงไม่แน่

“ โอ้ยคุณ ยัยเฟิร์นก็เรียนจบมีงานมีการทำอยู่ต่างประเทศแล้ว เจ้าฟิล์มมันก็อายุตั้ง 16 – 17 แล้ว เรื่องแค่นี้
ทำไมมันจะรับไม่ได้ “

“ ผมไม่หย่า ผมสงสารลูก “ พ่อตอบพร้อมลุกขึ้นเดินเข้าห้องนอน ผมเห็นแม่ดูท่าทางหงุดหงิด และโมโหมาก นี่ถ้ามีปืนอยู่แถวนั้น แม่คงจะเลือกที่จะยิงใส่พ่อแน่ ตั้งแต่นั้นมา แม่ก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน พ่อก็มักบอกว่า แม่มีงานที่บริษัทเยอะ ต้องทำโอที ต้องไปพบลูกค้า ซะงั้น ผมก็เออออไปกับพ่อด้วย จะให้ผมบอกพ่อว่า พ่อ ผมรู้แล้วว่าแม่มีชู้ พ่อไม่ต้องโกหกผมหรอกฮะ ยังงั้นเหรอคับ คงไม่ได้มั้ง …

“ ฟิล์ม … ฟิล์ม … เจ้าฟิล์ม “ ผมสะดุ้งหลังจากที่ได้ยินพ่อตะโกนเรียกชื่อ

“ ฮะ พ่อ “

“ คิดอะไรอยู่น่ะ เรียกตั้งหลายที ไม่ยอมตอบ “ พ่อซักผม

“ คิดเรื่อยเปื่อยน่ะฮะ พ่อมีอะไรเหรอครับ “

“ ยังจะมีเวลาคิดเรื่อยเปื่อยอยู่อีกเหรอเรา จะสอบเอ็นฯติดเหรอเปล่ายังไม่รู้เลย เออ พ่อจะถามเราว่าถ้า
เอ็นฯไม่ติด หาที่หาทางไว้บ้างเหรอปล่าว “

“ โธ่พ่อ ติดอยู่แล้วล่ะ ถ้าเลือกคณะให้ดีๆก็พอ คะแนนผมก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไรซะหน่อย “ ผมบอกไป

พ่อนี่ช่างเป็นห่วงเป็นใยผมเหลือเกิน ทำไมไม่ห่วงตัวเองบ้างก็ไม่รู้ ที่จริงตอนที่ผมรู้คะแนนสอบที่พึ่งได้มาสดๆร้อนเมื่อวาน ก็กังวลใจพอควร สงสัยผมคงจะเลือกคณะที่มันคะแนนต่ำไว้บ้างซะแล้ว ผมเจอเพื่อนที่โรงเรียนครั้งสุดท้ายตอนที่ผมไปส่งพวกมันที่สถานีรถไฟ เพื่อไปเที่ยวภูเก็ตกันเป็นการส่งท้าย พวกมันคาดคั้นเอาคำตอบจากผมที่ไม่ยอมไปกับพวกมัน

“ กูขี้เกียจไป มันไกลไป “

นั่นเป็นคำตอบที่ดีที่สุดที่ผมหาได้ ผมต้องคอยดูแลพ่อที่ป่วยอยู่ ที่สำคัญผมจำเป็นต้องช่วยพ่อประหยัดค่าใช้จ่ายภายในบ้าน เพราะพ่อต้องไปโรงพยาบาลทุกอาทิตย์ เพื่อรักษาโดยเคมีบำบัดพ่อมักถามผมเสมอว่า ทำไมผมถึงไม่ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ผมก็ได้แต่ยิ้ม

“ ถ้าผมไปเที่ยว แล้วพ่อจะอยู่กับใครล่ะครับ “

พ่อยิ้มให้ผม ผมไม่รู้ว่าพ่อดีใจแค่ไหน แต่พ่อจะตาแดงๆ แล้วเอามือมาลูบหัวผม แม้วันนี้ผมจะตัวโตกว่าพ่อแล้วก็ตาม ผมก็ชอบที่ท่านมาลูบหัวผม ไม่รู้เป็นไงซิ

ทุกๆสัปดาห์ พ่อจะต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อไปรับยาเป็นกำๆ แต่เมื่อพ่อออกมาจากห้องตรวจ ผมก็จะพบแต่รอยยิ้มเสมอ

ผมไม่เข้าใจเลย ผ่านไปหนึ่งเดือน พ่อกลับมีอาการที่ทรงกับทรุดอยู่ตลอดเวลา จนพ่อต้องเข้าไปรักษาตัวอยู่
ที่โรงพยาบาล ร่างกายของท่านผอมลงเรื่อยๆ ผมกะว่าน้ำหนักคงลดไปหลายกิโล ไม่ซิ หลายสิบกิโลเลยหละ ผมบนศีรษะก็เริ่มร่วงไปเรื่อย เพราะฤทธิ์ยา

โชคดีที่ข่วงนี้ผมจบ ม.6 พอดีและรอผลเอ็นฯ ไม่อยากจะคิดว่า ถ้าผมต้องไปเรียน แล้ว ใครจะคอยดูแลพ่อกัน ผมพยายามติดต่อพี่เฟิร์น ที่สาวแท้ๆของผม และเป็นลูกแท้ๆของพ่อ ให้รับรู้ถึงอาการเจ็บป่วยบ้าง แต่คำตอบก็คือ ไม่ว่าง งานเยอะ ผมไม่รู้ว่า งานอะไรมันจะสำคัญไปกว่าการที่เสียเวลาซัก 2 -3 ชั่วโมงมาเยี่ยมพ่อบ้าง หลังจากวันที่ทะเลาะกับพ่อวันนั้น แม่ไม่เคยกลับมาหาเราอีก ที่สำคัญผมไม่อยากจะติดต่อไปด้วยซ้ำ ผมไม่อยากให้แม่มา
เยาะเย้ยสภาพที่พ่อเป็นอยู่ตอนนี้

- - พ่อฮะ ถึงจะไม่มีใครสนใจพ่อ ไม่มีใครอยากดูแลพ่อ พ่ออย่าเสียใจนะฮะ พ่อยังมีผมอยู่ทั้งคน ถึงผมจะ
ยังเด็ก แต่ผมก็จะดูแลพ่อเองฮะ พ่อฮะ ผมรักพ่อนะฮะ … - -

ก่อนวันประกาศผลสอบหนึ่งวัน พ่อบ่นอยากกินส้ม ที่จริง หมอไม่อนุญาตให้คนป่วยกินของข้างนอก แต่ก็ช่างมันเหอะ พ่ออยากกินอะไร ก็ต้องได้กินครับ หลังจากได้ของที่ต้องการแล้ว เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

“ สวัสดีครับ “

“ สวัสดีครับ ญาติของคุณ …. ใช่มั้ยครับ “

ใจผมหายไปถึงตาตุ่ม คนที่โรงพยาบาลโทรมา

“ พะ พ่อผมเป็นอะไรเหรอครับ “ ผมถามไปด้วยเสียงที่หวาดหวั่น

“ อ้อ พ่อคุณไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ คือผมเป็นหมอเจ้าของไข้นะครับ คือทางโรงพยาบาลต้องการฟิล์ม
เอ็กซเรย์ของคนไข้นะครับ คนไข้บอกว่าอยู่ที่บ้าน ผมก็เลยโทรมาน่ะครับ ยังไงรบกวนช่วยนำมาให้หน่อยนะครับ “

“ อ๋อ ได้ครับ “

หลังจากผมใช้เวลานานในการหา ก็เจอจนได้ พ่อเล่นซุกเอาไว้ซะมิดชิดเลย เพื่อความแน่ใจ ผมเลยเปิด
ซองเอกสารดูอีกรอบ

“ อ่า เป็นฟิล์มเอ็กซเรย์จริงๆด้วย “ ผมมองไม่ออกหรอกว่าไอ้มะเร็งตัวร้ายมันอยู่ตรงไหน แต่มีแผ่นโน็ตเล็กๆหล่นลงมา ผมคลี่อ่าน ปรากฏเป็นลายมือของพ่อครับ เขียนข้อความสั้นๆไว้ว่า …

- - วันที่ …. เดือน … ปี ….
ตรวจที่ ร.พ. …………..
ฮามอยืนยัน มะเร็งตับ ระยะสุดท้าย - -

มือของผมเกิดอาการสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด มีไม่กี่ครั้งที่ผมจะรู้สึกเช่นนี้ มันจะเกิดเฉพาะตอนที่ผมตกใจ
หรือกลัวอะไรสุดๆเท่านั้น และมันจะกลับสู่ภาวะปกติในไม่ช้า แต่ครั้งนี้มันไม่เป็นเช่นนั้น อาการสั่นสะเทิ้มของผม
มันไม่ยอมหยุด ร่างของผมทรุดฮวบลง พร้อมกับคำว่า ระยะสุดท้าย

- - ทำไมพ่อถึงไม่บอกผม ทำไม ทำไม …… - -

ผมเอามือทั้งสองข้างกุมศีรษะและซุกหัวลงไประหว่างหัวเข่า สิ่งที่พยายามอดกลั้นไว้ตลอด เพราะไม่อยากให้พ่อเห็น แต่ตอนนี้เกินกว่าที่จะควบคุมได้แล้ว ความท้อแท้ สิ้นหวัง และเสียใจ ประดังเข้ามาเหมือนพายุสลาตัน

- - ทำไม ทำไม พ่อครับ ถ้าพ่อเป็นอะไรไป แล้วผมจะอยู่ได้ไง ผมมันอ่อนแอฮะพ่อ - -

ผมร้องไห้ฟูมฟายออกมาถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นก็ตาม แต่มันก็เป็นทางออกเดียวที่ผมจะทำได้
ตอนนี้

“ เป็นอะไรไปลูก สีหน้าไม่ค่อยดีเลย “ พ่อถามผม ตอนนี้ผมกลับมาที่โรงพยาบาลแล้ว พร้อมสีหน้าที่เก็บ
ความทุกข์เอาไว้ให้ที่สุด แต่ก็ไม่เนียนพอ

“ พ่อฮะ ถ้าพ่อหายแล้ว เราไปเที่ยวทะเลกันมั้ยฮะ “ ผมพูดกับพ่อขึ้นมาลอยๆ

พ่อหันมามองหน้าผม

“ เอาไว้สอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ก่อน ค่อยมาขึ้นเรื่องเที่ยวนะ เจ้าหนู “

“ พ่อรอผมละกัน พรุ่งนี้เตรียมฟังข่าวดีไว้ได้เลยฮะ ผมยิ้ม แล้วถ้าสอบได้ พ่อสัญญาว่าจะไปเที่ยวกับ
ผมมั้ยละครับ “ ผมว่าพลางยกนิ้วก้อยขึ้นมา ดูๆไปมันเหมือนการกระทำของเด็กซะมากกว่า

พ่อเอานิ้วก้อยเกี่ยวกับนิ้วผม พลางเขย่าเบาๆ

“ เอาซิลูก พ่อสัญญา แล้วจะไม่ชวนแม่เราไปด้วยเหรอ “

“ ไม่ครับ ผมจะไปกับพ่อ สองคนครับ “

คำสัญญาของพ่อเมื่อคืน ทำให้ผมมีกำลังใจมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่กำลังใจที่จะสอบได้ แต่เป็นการที่พ่อจะอยู่กับผมไปได้อีกระยะนึง

เช้าวันประกาศผลสอบ ผมรีบไปที่มหาวิทยาลัยดูผลทันที ผมว่าไปเช้าแล้วนะ แต่ยังมีพวกเช้ากว่าผมอีก ผมมองหาเพื่อนๆ แต่ไม่ยักเห็นสักคน พวกมันคงจะไปดูกันคนละมหาลัยมั้ง เมื่อไปถึงบอร์ดประกาศผล ใจผมเริ่มเต้น
ระรัวอีกครั้ง นี่ถ้าผมสอบไม่ติด ผมจะมีหน้ากลับไปบอกพ่อได้ไงเนี่ย

รอบๆด้าน เต็มไปด้วยสีสัน คนที่เห็นรายชื่อตนเอง ก็ยิ้มแย้มแจ่มใส คนที่ผิดหวังก็ก้มหน้าร้องห่มร้องไห้ รุ่นพี่แต่ละคณะก็มารับน้อง รุ่นพี่บางคนก็มาช่วยรุ่นน้องหารายชื่อ ผมไม่ค่อยชอบเลย พวกรุ่นพี่พวกนี้ ชอบมาทำตีสนิท
ด้วย เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ ชอบเสเสร้งทำเป็นรักรุ่นน้อง อยากช่วยเหลือรุ่นน้อง อยากจะแหวะ

“ น้องครับ น้อง “ ตามสัญชาติญาณของคนปกติทั่วไป มักจะหันไปหาต้นเสียง แม้จะรู้ว่าเค้าอาจจะไม่เรียก
เราก็เหอะ แต่มันไม่ใช่ผมครับ ผมยังคงควานหาชื่อของผมต่อไป โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง

“ น้อง เฮ็ย น้องนั่นแหละ “ พร้อมกับมือของรุ่นพี่มาจับบ่าผมเบาๆ ผมหันกลับไปมองด้วยความรำคาญ
และไม่ชอบด้วย ที่ใครก็ไม่รู้ถือดีเข้ามาตีสนิท ผมหันกลับไปมองหน้าคนแปลกหน้า ดูท่าทางเค้าชะงัก ลังเลนิดหน่อย แต่ยังคงวางฟอร์มว่าเป็นรุ่นพี่เหมือนเดิม

“ น้องชื่ออะไรครับ เดี๋ยวพี่ช่วยหานะ หาคนเดียวมันช้า “ เค้าบอกผม แต่ผมก็เห็นว่าไม่มีความจำเป็นอะไรที่
จะต้องขอรับความช่วยเหลือ

“ ไม่เป็นไรฮะ ผมมีตา ดูเองได้ “ ผมตอบไปโดยไม่รักษาน้ำใจคนที่มาช่วย ถึงยังไงผมกับเค้าก็ไม่ได้เป็นญาติพี่น้องกัน จึงไม่จำเป็นต้องรักษากันอยู่แล้วนิ ดูท่าทางรุ่นพี่แปลกหน้าจะมีอารมณ์บ้างเล็กๆ แต่ก็ยังไม่ละความพยายามที่จะช่วยผม จนเค้าเริ่มที่จะหมดความอดทน ถ้าผมไม่ได้หูฝาดไป ผมได้ยินเค้าพูดว่า

“ อย่าให้มาเป็นรุ่นน้องในคณะนะน้อง โดนเล่นมิใช่น้อยแน่ “

เฮอะ ๆ ๆ มาขู่ผมอีก คิดว่าผมจะกลัวเหรอ ผมตั้งใจไว้แล้ว ถึงแม้ว่าจะเข้าได้ ผมก็จะไม่ร่วมรับน้องแน่ๆ ผมมีภาระที่จะต้องดูแลพ่อของผมอยู่นิ กะอีกแค่ผมโดนตัดสายรหัส นับว่าจิ๊บจ้อยมาก และแล้ว ผมก็เหลือบไปเห็นสิ่งที่ผมหามานาน

รหัส ********************* ชื่อ นาย ******************************** คณะ *******************************

ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่คณะที่ผมเลือกไว้อันดับหนึ่ง แต่แค่เข้าได้ผมก็ดีใจเป็นล้นพ้นแล้ว จนอยากจะตะโกนให้
ลั่น ผมนึกสีหน้าดีใจของพ่อเมื่อผมบอกท่านว่าเข้าได้แล้ว พ่อจะทำหน้ายังไงนะ

“ เหรอ สอบติดแล้วเหรอ อืม ตั้งใจเรียนนะ “

หึหึหึ พ่อต้องทำหน้าตาเฉย ทำไม่รู้ไม่สนใจ แต่พ่อต้องดีใจมากแน่ๆ แล้วผมจะได้ไปเที่ยวทะเลกับพ่อซะที

ผมรีบนั่งรถเมล์กลับมาที่โรงพยาบาลทันที ผมไม่จำเป็นต้องบอกแม่ ไม่จำเป็นที่ท่านต้องภูมิใจในตัวผม แต่ผมจะบอกข่าวดีกับพ่อคนเดียว ผมอยากให้พ่อภูมิใจไปกับผม ระยะทางกว่าจะถึงห้องที่พ่ออยู่มันเหมือนยาวกว่าทุก
วัน นี่ละมั้ง อาการดีใจ ผมคิด

เมื่อใกล้ถึงหน้าห้อง ผมเปลี่ยนจากวิ่ง มาเป็นเดิน ย่องไปหน้าห้อง ค่อยๆเปิดประตูเข้าไป เผื่อพ่อจะหลับ
อยู่ แต่สิ่งที่ผมเห็นกลับเป็นเตียงที่ว่างเปล่า ผมวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ เผื่อว่าพ่อจะเข้าห้องน้ำ แต่ก็ไม่มี กลับออกมาดู
หมายเลขห้องอีกที เผื่อผมจะดีใจมากจนเบลอ แต่มันก็ถูกห้องนี่นา

- - เกิดอะไรขึ้นอีก พ่อไปไหนครับ - -

ไม่กี่อึดใจ ก็มีพยาบาลวิ่งมาบอกผม ว่าหลังจากที่ผมออกไป พ่อผมก็เกิดอาการช็อค เกิดชักกระตุกอย่าง
รุนแรง อาการโคม่า จนต้องรีบพาเข้าห้องฉุกเฉิน ผมได้ยินเท่านั้น เหมือนมีก้อนอะไรมาจุกไว้ที่คอ ร้องไม่ออก ความยินดีที่เกิดขึ้น เปลี่ยนเป็นหวาดวิตก หวาดกลัว

ถ้าผมไม่ออกไป พ่อก็คงไม่เป็นแบบนี้ โธ่ ผมไม่น่าทิ้งให้พ่อต้องอยู่คนเดียวเลย เพราะผม …….. ผมเฝ้าแต่โทษตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ระหว่างรอพ่อ อยู่นอกห้องฉุกเฉิน เวลาแบบนี้ แม่น่าจะอยู่ที่นี่ ผมอยากมีใครซักคนอยู่เคียงข้างเวลาที่ต้องเจอเหตุการณ์เลวร้าย ซ้ำแล้วซ้ำเล่า …

ผ่านไปแล้ว 6 ชั่วโมง ที่พ่ออยู่ในห้องฉุกเฉิน หัวใจพ่อหยุดเต้นไป 2 ครั้ง จนต้องถูกย้ายเข้าไปที่ห้อง ไอซียู
ถึงแม้ชีพจรจะกลับมาเต้นอีกครั้ง แต่ก็ยังโคม่าอยู่

พ่อเคยบอกกับผม ว่าคนเรา ถ้าอยากจะร้องไห้ ก็ควรร้อง อย่าเก็บมันไว้ ตอนนี้ผมอยู่ในสภาพนั้นที่พร้อมจะร้องออกมาทุกเมื่อ แต่มีเพียงเสียงสะอื้นออกมาเท่านั้น แม้แต่น้ำตาก็ไม่ไหลสักหยด มันไม่ได้ร่ำไห้ออกมาภายนอก
แต่มันร่ำร้องอยู่ภายในร่างกาย ผมอยากเจ็บแทนพ่อเหลือเกิน ถ้าผมทำได้

- - จะให้ทำไง จะทำอย่างไรดี จะให้ทำไง จะทำอย่างไรดี - -

คำ 2 คำนี้วนเวียนอยู่ในหัวผม สุดท้าย ผมเริ่มรู้สึกแค้นใจตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้ แค้นโชคชะตา แค้นโลกทั้งโลก ….

ผมเผลอหลับไปนานเท่าไรไม่รู้ มารู้สึกตัวตอนที่คุณหมอมาจับตัวผมไว้

“ ตื่นแล้วเหรอ เราต้องหาอะไรกินบ้างนะ “ คุณหมอบอกผม คงสังเกตอาการอิดโรยของผม

“ ไม่เป็นไรคับ ผมไม่เป็นไร ผมจะคอยพ่อครับ “

คุณหมอไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น ซึ่งผมก็ลืมไปว่า ทำไมคุณหมอถึงออกมาข้างนอกล่ะ ไม่รักษาพ่อผมแล้ว
เหรอ

“ เข้มแข็งไว้นะ “ แล้วหมอก็มากอดผมเบาๆ พร้อมกับจูงมือผมเข้าไปในห้องไอซียู

ประสาทผมด้านชาไปหมด พร้อมทั้งความรู้สึกทั้งหมดของผม ขาที่ก้าวไปแต่ละก้าว มันช่างยากเย็นเหลือเกิน จนเหมือนไม่อยากจะเดินเข้าไปอีก ผมค่อยๆ มาถึงร่างของพ่อ ร่างของพ่อเต็มไปด้วยสายระโยงระยาง สภาพของพ่อทำให้ผมน้ำตาไหลพรากออกมาอย่างไม่รู้ตัว พ่อเหมือนหุ่นยนต์ที่เสียแล้ว

“ คนไข้เสียชีวิตแล้วครับ ทางเราขอแสดงความเสียใจด้วยครับ ทางเราพยายามจนสุดความสามารถแล้ว “

เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำ ทำไมมันช่างบาดลึกเข้าไปในจิตใจของผมได้มากขนาดนี้ จนบางทีผมเหมือนกับจะ
ไม่สามารถทนอยู่บนโลกที่โหตร้ายใบนี้ได้อีกแล้ว ผมค่อยๆเดินไปที่ร่างอันไร้ชีวิตของพ่อ กุมมือท่าน พ่อผมจากโลกนี้ไปอย่างเดียวดาย แม้แต่ลูกสุดที่รักของท่าน ก็ไม่สามารถมาดูใจท่านก่อนสิ้นใจได้ พ่อต้องเสียแม่ไปคนนึง
เสียลูกสาวไปคนนึง

- - พ่อครับ พ่อฮะ พ่อตื่นขึ้นมาซิฮะ พ่อรอฟังข่าวดีจากผมอยู่ไม่ใช่เหรอ ผมสอบติด ผมสอบเข้าได้แล้วครับพ่อ ่พ่อไม่ต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้ก็ได้ฮะ ขอเพียงพ่อตื่นขึ้นมา เท่านั้นครับ เพียงเท่านั้นเองครับ … พ่อเคยบอกว่าผมอยู่ที่ไหน พ่อก็จะอยู่ที่นั่น อย่าทิ้งผมไว้นะครับพ่อ อย่าทิ้งให้ผมอยู่คนเดียวนะฮะ…

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2008 01:47:22 โดย stayingpower »

stayingpower

  • บุคคลทั่วไป
เธอจะอยู่กับฉันตลอดไป ไม่ว่าอีกนาน แสนนาน นานเท่าไรเท่าไรไม่ลืมเลือน
ความทรงจำจะย้ำและช่วยเตือน เราต่างผูกพันเพราะรัก …. ตลอดไป - -

- - ตื้ด ตื้ด ตื้ด - -

- - ตื้ด ตื้ด ตื้ด - -

“ สวัสดีครับ หอ ……… ครับ “

“ บาสเหรอ เป้กพูดนะ วันนี้เราไม่กลับหอนะ ต้องเตรียมงานรับน้องที่มหาลัยอ่ะ “


“ โห เตรียมรับน้องกันแล้วเหรอ เค้ายังไม่ประกาศผลสอบเลยนะ แล้วจะกลับวันไหนล่ะ “

“ อืม … คงทำกัน 2 -3 วันแหละ ยังไม่แน่เลย “

“ อ่า ที่ไม่กลับนี่ คงไม่ใช่ว่ากลัวแฟนหายหรอกนะ ถึงต้องคอยคุมซะ 24 ชม. อิจฉาพวก
ข้าวใหม่ปลามันหว่ะ “

“ เฮ้ย ม่ายช่าย ไปทำงานจริงๆ เรื่องแฟนอ่ะ มันแค่ผลพลอยได้ตะหาก เออ เดี๋ยวเราต้อง
ทำงานแล้ว แค่นี้ก่อนนะบาส หวัดดี ….”

หลังจากเสร็จสิ้นบทสนทนา ผมเดินกลับเข้าห้อง หยิบกีต้าร์ขึ้นมาดีดต่อ

- -ไกลห่างคนละฟ้า แต่ด้วยรักและศรัทธา จะเชื่อมใจ ถึงกัน
แทนสัญญา …….. ด้วยหัวใจ ……….. ไม่มีใครแทนเธอ ……
………………………………
เธอจะอยู่กับฉันตลอดไป ไม่ว่าอีกนาน แสนนาน นานเท่าไรเท่าไรไม่ลืมเลือน
ความทรงจำจะย้ำและช่วยเตือน เราต่างผูกพันเพราะรัก …. ตะ …. - -

- - ตื้ด ตื้ด ตื้ด - -

- - ตื้ด ตื้ด ตื้ด - -

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกแล้ว แต่คราวนี้ผมยังนั่งดีดกีต้าร์ต่อไป ผมไม่ใช่โอเปอเรเตอร์ประจำหอซะหน่อย ถึง
ต้องมาคอยรับโทรศัพท์ ในวันที่พวกเค้าไม่อยู่แบบนี้ หอพักหลังนี้ค่อยๆแปรสภาพกลายเป็นบ้านเช่าไปซะแล้ว

ผมยังนึกสงสัยว่าทำไมถึงไม่มีใครมาอยู่ใหม่ซะที คนเก่าก็หายหน้าไปทีละคนสองคน หลังจากที่รับปริญญาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา พี่โอก็ได้งานทำทันที กว่าจะกลับก็มืดทุกวัน ไอ้น้ำต้องอยู่เรียนที่นครปฐมจนไม่ค่อยได้กลับ ทำให้ส่วนมากหอหลังใหญ่แห่งนี้จึงมีเพียงผมกับเป้กอยู่เท่านั้น

พูดถึงเป้กแล้ว มันคือแฟนคนแรกของผม หลังจากที่เราได้ลองคบกันได้ 3 เดือนหลังจากนั้น ทำให้เราได้
ศึกษานิสัยใจคอกันละเอียดมากขึ้น การที่มีแฟนเป็นเพศเดียวกัน ไม่ได้ทำให้ผมอึดอัดเท่ากับนิสัยของเป้ก ที่เป็น
คนค่อนข้างขี้หึง และคอยทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของผมมากเกินไป ทั้งที่ก็รู้ว่าทำไปเพราะรัก แต่มันไมใช่สำหรับผม
ซะแล้ว ผมคิดอยู่นานพอควร ก่อนบอกเลิกความสัมพันธ์ในฐานะแฟน กลับมาเป็นเพื่อนกันอีกครั้ง

เกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ผมบอกมันน่ะเหรอ เป้กถึงกับไม่พูดกับผมไปเกือบ 2 อาทิตย์เลยทีเดียว และด้วย
วุฒิภาวะที่สูงขึ้นกว่าเก่า หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลใจอะไรมันก็ไม่ทราบได้ มันก็กลับมาเป็นเพื่อนที่แสนดีของผมอีกครั้ง
ก่อนจบปี 1 ไม่กี่วัน เป้กพาคนพิเศษคนใหม่ของเค้ามาแนะนำให้รู้จัก

แฟนของเป้กคนใหม่น่ารักมากครับ ถึงแม้จะเรียนคนละที่กับเป้ก แต่ก็ไม่เป็นปัญหา ดูไปแล้วเหมาะสมกว่าผมอีก แต่ทำไมผมถึงรู้สึกเจ็บแปล้บที่หัวใจก็ไม่ทราบ เอาเถอะ เพื่อนมีความสุข เราก็ควรจะสุขไปด้วยซิ จริงมั้ยครับ

- - ตื้ด ตื้ด ตื้ด - -

- - ตื้ด ตื้ด ตื้ด - -

เสียงโทรศัพท์ยังดังไม่หยุด จนผมต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้

“ สวัสดีครับ หอ ……… ครับ “

“ เออ รับได้ซะที กูนึกว่าตายห่- กันทั้งหอแล้วซะอีก “

ไอ้โจเพื่อนที่มหาลัยของผมตะโกนด่ามาทางสายโทรศัพท์จนผมหูชา

“ นิ มึงมีไรก็รีบๆพูดมาดีกว่า แล้วอย่าตะโกนได้ม่ะ หูกูจะแตกอยู่แล้ว “

“ เออ พรุ่งนี้มหาลัยประกาศผลเอ็นฯแล้ว ไปดูแลน้องใหม่ด้วย “

“ อ่า กูไม่ว่าง มึงทำแทนทีนะ “ ผมบอกทั้งๆที่รู้ว่ามันจะตอบอะไรกลับมา

“ ไม่ได้ … มึงต้องมา หอมึงใกล้แค่รูตูดแค่นี้ มึงไม่มาเจอดีแน่ พรุ่งนี้พวกนัดกัน 8 โมง ที่ …. “

โจยังไม่ได้บอกสถานที่ผมก็ชิงวางหูไปก่อน เฮ้อ ผมไม่มีกะจิตกะใจจะไปรับน้องหรอกนะ ว่าแล้วผมก็ถอดสายโทรศัพท์ซะเลย จะได้ไม่มีใครมากวนผมฝึกกีต้าร์อีก

ทั้งๆที่ผมตัดสินใจว่าจะไม่มีกิจกรรมวันนี้แล้วแท้ๆ แต่ด้วยความที่ผมไม่เคยร่วมกิจกรรมอะไรเลยที่คณะจัดทั้งปีตอนอยู่ปี 1 ทำให้เป็นแรงขับดันอะไรบางอย่างให้ผมสำนึกได้ (ถึงแม้จะดูสายไปบ้าง)

ผมมองไปรอบบริเวณที่ประกาศผล

อ่า เมื่อปีที่แล้ว ผมก็เป็นหนึ่งในเด็กนักเรียนเหล่านี้ ความรู้สึกตื่นเต้น ความกลัว ความหวาดหวั่นของเหล่า
เด็กม.ปลาย เหล่านี้ เป็นเหมือนรังสีอำมหิตแผ่ปกคลุมทั่วบริเวณ รุ่นพี่หลายคนช่วยน้องหารายชื่อ มันถือว่าเป็นน้ำใจ
อย่างนึงที่เค้าเหล่านั้นพอจะทำให้ได้ ถึงแม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนก็ตาม

ความสำเร็จ มักคู่กับความล้มเหลวเสมอ ภาพของเด็กที่ดีใจ กระโดดโลดเต้น ด้วยใบหน้าที่สดชื่น
ช่างทำร้ายจิตใจของดวงตาอีกหลายคู่ ที่ยืนมองด้วยความอิจฉา แล้วเดินจากไปด้วยหัวใจอันห่อเหี่ยว หลายๆคนที่
มากับเป็นหมู่คณะก็มีเพื่อนปลอบใจ บางคนมั่นใจมาแบบเดี่ยวๆ (อันนี้ไม่มั่นใจว่าเพราะอายเพื่อนเหรอปล่าว ถ้า
สอบไม่ติด เลยโชว์เดี่ยว )

ผมเดินลาดตะเวนมาได้พักใหญ่ ก็ได้โอกาสไปทักทายน้องๆบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็ได้รับการพูดคุยที่ดี แน่ละซิผมก็ต้องวางมาดรุ่นพี่ที่แสนดี คอยให้คำปรึกษาน้องๆซะหน่อย อ่า ด้วยความที่หน้าตาผมใช้ได้อยู่บ้างหรืออะไร
ไม่ทราบจึงมีแต่น้องผู้หญิงมาคุยด้วยซะส่วนใหญ่ อยากจะบอกว่ามันก็ดีหรอกนะ แต่ผมอยากคุยกะน้องผู้ชายบ้างอะ (ความหม้อเด็กเริ่มบังเกิด)

อ่า ไม่ได้ ผมจะมาทำตัวแบบนี้ไม่ได้ เราเป็นรุ่นพี่นะเฟ้ย จะมาคิดอะไรแบบนี้ แต่จนแล้วจนรอดผมก็ไป
สะดุดตากับเด็กคนนึง จะเรียกว่าเด็กคงไม่ได้แล้วมั้ง เพราะตัวโตทีเดียว ผิวขาว ลูกคนจีนแน่ๆ แม้ตาจะโตไปบ้าง
ถอดแบบเอาส่วนดีของคนไทยและคนจีนออกมาได้พอเหมาะทีเดียว แต่เห็นหาชื่ออยู่ตั้งนาน สงสัยไม่พบ ผมจึงเดิน
เข้าไปหาหวังจะช่วย

“ น้องครับ น้อง “ ผมเรียกเบาๆ แต่เจ้าตัวไม่ยอมหันมาหาแฮะ ยังก้มหน้าก้มตางุดๆหาอยู่

“ น้อง เฮ็ย น้องนั่นแหละ “ ผมเรียกอีกรอบ เพราะนึกว่าเค้าไม่ได้ยิน พร้อมกับเอื้อมมือไปจับบ่าเบาๆ น้องเค้าหันมาหาพร้อมกับสายตาที่ผมตีความว่าออกแนวรำคาญซะงั้น ทำเอาชะงักไปเหมือนกัน แต่ต้องวางมาดนิด
หน่อย

“ น้องชื่ออะไรครับ เดี๋ยวพี่ช่วยหานะ หาคนเดียวมันช้า “ ผมถามเค้าด้วยท่าทีที่เป็นมิตรที่สุด ไม่อยากจะมองว่าน้องเค้าจะหยิ่งหรอกนะครับ ถ้ามันไม่พูดถ้อยคำนี้ขึ้นมา

“ ไม่เป็นไรฮะ ผมมีตา ดูเองได้ “ น้องเค้าบอกผมแล้ว สายตาก็หันไปที่บอร์ดอีกครั้ง อ้าว พูดแบบนี้มันไม่
รักษาน้ำใจกันเลยนี่หว่า หลังจากที่ผมพยายามพูดคุยกับน้องเค้าแต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ ผมจึงหมดความอดทนในที่สุด ก่อนที่ผมจะผละออกไป ก็ขอพูดอะไรจากใจหน่อยนึง

“ อย่าให้มาเป็นรุ่นน้องในคณะนะน้อง โดนเล่นมิใช่น้อยแน่ “ นี่ผมพูดจริงๆนะครับ ไม่ได้ล้อเล่น พร้อมกับ
จดจำใบหน้าเจ้าจอมหยิ่งไว้อย่างชัดเจน

“ เออ วันพระไม่ได้มีแค่หนเดียวหรอกไอ้น้อง แม่ง นึกว่าหล่อเหรอไงฟ่ะ “ ผมพูดงึมงำอยู่คนเดียว แล้วก็ตัดสินใจกลับหอเลย พอกันที สำหรับวันนี้ เฮ้อ เมื่อไรจะเปิดเทอมซะทีเหว่ย

“ สวัสดีครับ แม่เหรอครับ พรุ่งนี้ผมกลับบ้านนะฮะ “ เวลาที่ผมอารมณ์เสีย หรือรู้สึกว่ากรุงเทพฯไม่มีอะไรจะทำแล้ว ผมก็คิดอยากกลับบ้านทันที

“ มีอะไรเหรอเปล่าบาส “ ก็เป็นคำถามที่แม่ผมมักจะถามอยู่เสมอ ทำไมแม่ถึงคิดว่าผมจะต้องมีปัญหาถึงกลับบ้านนะ

ไม่มีอะไรฮะ ผมแค่อยากมาหาแม่เท่านั้นล่ะ เออ แล้วพ่อละครับ

“ พ่อไปสัมนาวิชาการที่ชะอำลูก กว่าจะกลับก็อีก 2 -3 วันโน่น “ แม่ตอบผม

“ เออ บาสยังไม่น่ารีบจากกรุงเทพมาเลย แม่ว่าวานอะไรซะหน่อย “

“ อ้าว แม่มาโทษผมได้ไงอ่ะ แล้วทำไมไม่โทรศัพท์มาบอกผมละฮะ “

“ ใครว่าแม่ไม่โทรล่ะ โทรฯไปไม่รู้กี่สิบรอบ แต่สายก็ไม่วางตลอด โทรศัพท์ที่หอเสียเหรอเปล่าลูก “

แม่ผมถาม พอดีกับที่ผมนึกขึ้นได้ว่า ตัวการที่โทรฯไม่ติดนั่งอยู่ข้างหน้าแม่นี่ไง

“ เพื่อนผมมันมีแฟนนะฮะ มันเลยใช้มากไปหน่อย ไงเดี๋ยวบาสไปด่ามันให้ครับ “ ผมโบ่ยไปเรื่อยเปื่อย

“ แล้วแม่มีอะไรจะให้ผมทำเหรอคับ “

“ คือเพื่อนพ่อที่กรุงเทพฯ เค้าเสียกระทันหันน่ะลูก “ ผมได้ยินเท่านั้นก็ทำหน้าเบ๊ แม่เห็นก็ยิ้มแล้วพูดต่อ
“ แม่ว่าจะวานให้เราซื้อพวงหลีดไปให้เค้าซะหน่อย “

“ เค้าเป็นอะไรตายเหรอแม่ “

“ เอ ไม่แน่ใจเหมือนกันนะ รู้สึกว่าจะเป็นมะเร็งตับ กว่าจะรู้ตัวรักษาก็สายไปซะแล้ว ลูกชายเค้าก็ต้องอยู่คนเดียวขาดทั้งพ่อทั้งแม่ น่าสงสารนะ “ แม่บอกผมพลางลูบหัวเบาๆ

ผมเข้าใจดี มะเร็งตับแตกต่างจากมะเร็งชนิดอื่นๆ มันจะไม่แสดงอาการอะไรออกมา มันจะเพาะบ่มเมล็ด
พันธุ์แห่งหายนะไว้ในตัวผู้เคราะห์ร้าย เมื่อถึงเวลา ก็จะระเบิดออกมา กว่าคนป่วยจะรู้ตัวก็สายไปซะแล้ว

“ แม่ครับ แม่กับพ่อต้องไปตรวจร่างกายซะบ้างนะครับ ผมเป็นห่วง เดี๋ยวไม่มีใครอยู่เลี้ยงดูผม ก็แย่อะดิ “
ผมหยอกแม่เล็กน้อย ก่อนที่จะขอตัวขึ้นไปนอน อ่า ห้องนอนที่ผมนอนมาแต่เล็กแต่น้อย ไม่เคยเปลี่ยน ความอบอุ่น ความห่วงใย ยังติดตรึงอยู่ทุกอณู ผมคิดถึงคำพูดของแม่

“ ลูกชายเค้าก็ต้องอยู่คนเดียว ขาดทั้งพ่อทั้งแม่ น่าสงสารนะ “

- - อ้าว แล้วแม่ล่ะ แม่ไปไหน หรือว่าแม่เค้าก็ตายไปแล้วงั้นเหรอ น่าสงสารจัง แม่บอกว่าอายุเค้าก็รุ่นราว
คราวเดียวกับผม - -

ถ้าผมเป็นเค้า คงจะทุกข์ใจแย่ ผมคงไม่สามารถอยู่คนเดียวได้หรอก ผมลุกขึ้นสวดมนต์ พร้อมคิดถึงเด็กคนนั้น อย่างน้อยที่สุดก็ขอให้บทสวดมนต์ของผมผ่านไปถึงเค้า อย่าท้อแท้ ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงต้องเห็นใจเค้าถึงขนาดนี้ ทั้งที่ไม่รู้จักกัน ไม่เคยเห็นหน้ากัน แต่ทำแล้วก็รู้สึกสบายใจน่ะฮะ

ไม่บ่อยครั้งนักที่ผมกลับมาอยู่บ้านนานขนาดนี้ เลยถือโอกาสเที่ยวซะเลย ผมดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่าๆสมัยม.ต้น หลายคนยังเรียนระดับอุดมศึกษาที่บ้านเกิด หลายคนก็กลับมาจากกรุงเทพเหมือนกับผม แต่ดูท่าทางมันจะตกใจ
กับความเปลี่ยนแปลงของผมพอสมควร แหม หายหน้ากันไปเกือบ 4-5 ปีมันก็ต้องแปลกตาไปบ้างดิ ทั้งๆที่ ตอน ม.ต้น ผมเป็นเด็กที่ไร้จุดเด่นซะเหลือเกิน

ในเดือนพฤษภาคม ก่อนวันกลับกรุงเทพฯ ผมแวะไปที่ โรงเรียนเก่าสมัยม.ต้น พร้อมกับเพื่อนอีกหลายคน ตอนนี้โรงเรียนเปิดเทอมแล้ว ผมค่อนข้างประหม่าพอสมควรที่จะเข้าไปในโรงเรียน แล้วเผชิญกับสายตาของรุ่นน้อง
ทั้งชายหญิง เฮ้อ เมื่อก่อน โรงเรียนผมเป็นชายล้วน แต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนเป็นสหศึกษาเรียบร้อย

เมื่อมีรุ่นพี่กลับมาเยี่ยมเยือน เหล่ารุ่นน้องก็มักให้ความสนใจ ซักถามเรื่องเรียน และอาจมีเรื่องส่วนตัวบ้างเล็กน้อย

“ พี่ๆ ขอเบอร์โทรศัพท์หน่อยเด๊ะ “

“ พี่ๆ มีแฟนเหรอยังอ่ะ “

ที่จริงผมไม่ได้โดนถามคนเดียวหรอกนะฮะ เพียงแต่ผมไม่ชอบเท่านั้นเวลามีคนมาถาม และแซวมากๆ ข่วงแรกก็เขินอายบ้าง แต่ต่อมานิสัยผมจะเริ่มออก คือจะเริ่มรำคาญ และหงุดหงิด จนความอดทนสิ้นสุด เมื่อมีน้องกลุ่ม
นึงที่ดู แ-ดมากๆมาถามผม

“ พี่ๆ ทำไมหล่อจัง มีแฟนยังอ่ะ “

ผมมองพวกเค้าด้วยสายตาเย็นชา ลุกขึ้นยืน

“ อืม … อ่า น้องครับ เสียใจด้วยนะครับ คือ พี่ไม่ชอบผู้หญิงน่ะครับ “

แล้วผมก็เดินออกมาทันที โดยไม่รอดูผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ผมว่าไม่อื้งก็งงอ่ะ แต่ช่างเหอะ ผมคงไม่เจอแม่พวกนั้นเป็นหนที่สองหรอกน่า

วันรุ่งขึ้นกว่าผมจะกลับมาที่หอก็ปาเข้าไปซะมืด พร้อมกับเห็นเป้กยืนอยู่หน้าบ้าน

“ ทำหน้ากวนตีนเหมือนเดิมเลยนะ “

“ อ้าว … พูดแบบนี้เดี๋ยวมีได้เสีย “ ไม่พูดปล่าว เดินมารัดคอผม

“ โอ้ย … นายอะมีไรก็ว่ามา “

“ รู้ได้ไงว่ามีเรื่องจะบอกอ่ะ มันถามผม “ โธ่เอ้ย หน้ามันนี่โคดบอกเลยแหละครับ ว่ามีข่าวดีจะบอกหว่ะ

“ เมื่อกี้พี่รัญโทรฯมา บอกว่า พรุ่งนี้จะกลับ “ เป้กบอกผม

“ จริงป่าว เป้ก เฮ้ย อย่าล้อเล่นแบบนี้นะเว้ย “ ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ผมไม่เชื่อไอ้เป้กมากกว่า ไม่รู้ว่าผมทำหน้าตาดีใจและตื่นเต้นแค่ไหน จนเป้กแซวผม

“ จะดีใจอะไรกันนักกันหนา แค่พี่กลับมาแค่เนี้ย ให้มันน้อยๆหน่อย หึงนะ “ มันยังมีหน้ามาหึงอีกเหรอ

“ หึงบ้าอะไรฟ่ะ น้อยๆหน่อย พูดงี้เดี่ยวกูไปบอกไอ้เอกหรอก “

“ ขู่เหรอ “

“ ไม่ได้ขู่ พูดจริง แล้วก็ปล่อยกูได้แล้ว มันหายใจไม่ออก “ ผมบอกมัน เพราะเห็นว่าเล่นแรงไปแล้ว

“ เออ ปล่อยก็ได้ ………….. เชอะ รักแรกมันจะมีดีอาไร “

“ ก็ดีกว่าคนบางคนอ่ะ “

“ จ้าๆๆ ไม่เถียงแล้วจ้า รีบๆไปนอนเถอะจ้า เดี๋ยวพรุ่งนี้จะตื่นไปรับพี่ชายสุดที่รักไม่ทันน้าา ”

เป้กพูดทิ้งท้ายแบบกวนเหมือนเดิม แต่ผมไม่มีกะจิตกะใจจะว่ามันหรอก เพราะใจผมตอนนี้อยากให้ถึงพรุ่งนี้ไวๆ ใจจะขาดแล้วเอ้ย …

stayingpower

  • บุคคลทั่วไป
”ที่จริงแม่ไม่เห็นต้องลำบากมาเลยนี่ฮะ เพื่อนๆของพ่อก็จัดการอะไรเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว ”

ผมบอกแม่ระหว่างเดินนำไปจุดธูปหน้าศพของพ่อ วันนี้เป็นวันสวดคืนสุดท้ายแล้ว ก่อนหน้านั้น 6 คืนแม่ไม่เคยย่างกลายเข้ามาในงานแม้แต่น้อย ปล่อยให้ผมต้องรับหน้าแขก และจัดงานอะไรต่ออะไรตามลำพัง ดีที่ยังมีเพื่อน
สนิทของพ่อบางคนคอยช่วยเหลือ ไม่งั้นลำพังคนโง่อย่างผมคงทำอะไรไม่ได้หรอก



แม่หันมาบีบข้อมือผม แรงบีบทำให้ผมรู้ว่า แม่ไม่พอใจมากที่กับคำพูดของผมไม่ครู่นี้ … แต่ผมไม่สนหรอก ก็มันเรื่องจริงนี่

”พรุ่งนี้จะเผาพ่อ 4 โมงเย็นครับ แล้วจากนั้นมะรืนจะเอากระ ….. ”

ผมยังพูดไม่ทันจบ แม่ก็ชิงตัดหน้าพูดขึ้นมาก่อน

”พรุ่งนี้แม่มีธุระ ต้องบินไปอังกฤษ คงอยู่เผาพ่อแกไม่ได้ จะทำอะไรก็ทำละกัน ”

”เลื่อนเที่ยวบินไปก่อนไม่ได้เหรอฮะ แต่ 4 โมงเย็นเอง งานอะไรจะสำคัญปะ …”

”ไม่ได้ ก็คือไม่ได้ พูดแค่นี้แกยังไม่เข้าใจอะไรอีกหรือไง ทำไมไม่รู้จักฉลาดขึ้นมั่งเลยนะ โตขนาดนี้แล้ว
ทำไมไม่เอาอย่างพี่แกมั่งนะ ”

แม่ผมพูดขึ้นมาอย่างหงุดหงิด แม่ชอบเอาผมไปเปรียบเทียบกับพี่เฟิร์น พี่สาวของผมผมอยากจะบอกแม่ว่า
ผมไม่อยากเอาแบบอย่างพี่เฟิร์นหรอกฮะ เพราะพี่สาวของผม ทั้งนิสัย ทั้งท่าทางเหมือนเคาะแบบอย่างของแม่ออก
มาไม่ผิดเพี้ยน ดูอย่างพ่อตัวเองตาย ยังไม่กลับมาแม้แต่งานศพ

”งั้นเหรอครับ” ผมบอกสั้นๆ พร้อมกับสายตาของผมมองไปที่แม่ของตัวเองอย่างเย็นชา

ผมไม่รู้หรอกว่าคนที่ถูกมองจะรู้สึกอย่างไร แต่พ่อมักจะเขกหัวผมอยู่เสมอ เวลาที่ผมมองใครด้วยสายตาแบบนี้

”อย่ามองคนอื่นด้วยสายตาแบบนี้อีกเด็ดขาดนะฟิล์ม พ่อไม่ชอบ สายตาที่ดูถูกดูแคลนคนอื่นแบบนี้ อย่าทำให้พ่อเห็นอื่นเด็ดขาดนะ จำไว้ ”
พ่อฮะ ผมจำได้ตลอด ที่พ่อสอนผมไว้ ผมพยายามไม่มองคนอื่นแบบนั้นอีก แต่วันนี้ .. ผมบังคับตัวเองไม่ได้ฮะ ไม่รู้ทำไมครับพ่อ แถมคนที่ผมมอง เป็นบุพการีอีกตะหาก

”อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนี้นะ” แม่ตวาดใส่ผม พร้อมกับสายตาหลายคู่ในงานหันมามอง

”ฉันเป็นแม่แกนะ กว่าจะคลอดมาได้นี่ หัดจำใส่กะลาหัวไว้บ้าง สำนึกไว้บ้าง” แม่ยังพูดต่อโดยไม่สะทก
สะท้านต่อสายตาแขกเหรื่อ แต่ก่อนที่อะไรจะเกิดขึ้น ชายคนหนึ่งเดินเข้ามากระซิบกระซาบอะไรกับแม่ ทำให้ท่า
ทีเปลี่ยนไป ผู้ชายคนนี้เป็นใคร ผมไม่สงสัยเลย

”จัดการอะไรให้เรียบร้อยแล้วกัน เรื่องบ้าน เงินทอง กลับมาหวังว่าคงจะเสร็จเรียบร้อยนะ” แม่ว่า ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเองเลย ผมยังไม่บรรลุนิติภาวะ ยังไม่ 18 ปีเลยด้วยซ้ำ แล้วผมจะทำอะไรได้มั่งเนี่ย ได้ยินเท่านั้น ผมอยากจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาให้ดังลั่นงาน

”งั้นฉันกลับก่อนนะ … แล้วนี่เพื่อนแม่” แม่ผมทำเหมือนว่าผมอยากจะรู้จักนักนี่

”…………………. ” ผมหันไปมอง ทำทีว่า เออ แล้วไงล่ะ

”ผมขอตัวไปดูแลในงานก่อนนะครับ ”

แม่ทำหน้าเหมือนจะบีบคอผมให้ตายไปก็ว่าได้ ดีที่ผู้ชายคนนั้น ห้ามไว้ คงกลัวจะเสียหน้าละมั้ง แม่เดินออกจากงานด้วยท่าทางฉุนเฉียว พร้อมกับรถคันใหม่ที่ผมไม่คุ้นตา …

แม้ยามค่ำคืน ในมหานครก็ยังคงสว่างไสว สีสันอันหลากหลาย แปลกตาที่เห็นอยู่เบื้องหน้า ไม่ได้ทำให้
จิตใจที่ห่อเหี่ยวของผมดีขึ้นมาได้ แย่ซะยิ่งกว่านั้น ผมกลับนึกอิจฉาคนเหล่านั้น ทำไมนะ พวกเค้าเหล่านั้นถึงมีชีวิต
ที่มีความสุข มึความอบอุ่นจากคนรอบข้าง

หลังจากงานศพพอผ่านไป แม่กลับมาบ้านเพียงครั้งเดียว พร้อมกับขนข้าวของไปซะมาก ผมไม่แคร์หรอก พวกเครื่องเพชรอะไรนั่น อยากเอาอะไรก็เอาไปเถอะ ขออย่างเดียว ขอเพียงสิ่งเดียว อย่าเอาบ้านหลังนี้ของพ่อไป บ้านหลังนี้ จะเป็นสิ่งสุดท้าย ที่ผมมีความทรงจำดีๆของพ่อเหลือเก็บเอาไว้ …

”เฮ้อ … จะเปิดเทอมอยู่แล้ว ยังไม่ได้ซื้ออะไรซักอย่าง” ผมดูปฏิทินบนหัวเตียงนอน ซึ่งมีรอยปากกาวงไว้ โดยมีข้อความเล็กๆเขียนไว้

23 พฤษภา - - ทำกิจกรรมที่มหาลัย

”เชอะ ไม่เห็นอยากไปเลย ทำไมต้องไปด้วยว่ะ ยังไม่เปิดเรียนซะหน่อย” ผมพึมพำกับตัวเอง


--------------------------------------------------------------

”เป๊ก พี่เค้าจะมาเที่ยวไหนว่ะ” ผมถามอย่างหงุดหงิด หลังจากที่ผมกะมันนั่งรออยู่บริเวณสนามบินมาเกือบ 4 ชม.แล้ว

”ไม่รู้หว่ะ ไม่ได้ถามอะ พี่เค้าวางหูไปก่อน” มันตอบหน้ากวนตีนอีกหล่ะ ”แต่เด๋วก็คงจะมาแหละ รอมาตั้งนานแล้ว จะรออีกหน่อยไม่ได้หรือไง ”

”เฮ้ย นั่นไงๆ” เป๊กพูดระรัว พลางชี้นิ้ว

”ไหนว่ะ ชี้ไปไหนว่ะ ไม่เห็นมีเลย” ผมเพ่งสายตาไปตามนิ้วที่มันชี้

”พี่โอไง นั่นไง เดินมาแล้ว ”

”ไอ้เชี่ย พี่โอมา แล้วมาบอกทำไมฟ่ะ” ทำผมเคืองอีกแล้วซิมัน ”งั้นเดี๋ยวไปฉี่ก่อนนะ เด๋วมา”

”เออ ไปฉี่ไม่ต้องมาบอกหรอก หรือจะให้ไปช่วยจับอ่ะ” เป๊กว่าพลางหลบหมัดผมที่พุ่งใส่หน้า

โห แม่ง !! ทำไมห้องน้ำคนมันใช้เยอะจังว่ะ ผมคิดในใจ ไม่มีห้องไหนว่างเลยซักห้อง เลยตั้งใจจะเดินไปที่โถ ระหว่างที่ผมปลดซิบกางเกง ก็พอดีมีผู้ชายคนนึง เดินมาใช้โถข้างๆผม

อันอื่นมันก็ว่าง ทำไมมันต้องมาฉี่ข้างๆกรูว่ะ ผมคิดในใจ ปกติผมไม่ค่อยชอบให้ใครมาฉี่ใกล้ๆนะ มันอึดอัดๆพิกล โดยเฉพาะ ถ้าโถอื่นมันว่างอยู่อะ มันออกแนวส่อๆ ชอบกล ผมยืนปล่อยไปได้ซักพัก ก็รู้สึกว่าไอ้คนข้างๆ มันกะลังหันมามองหน้าผมอยู่ พลางคิดในใจ

อะไรว่ะ มองทำซากอะไรว่ะ ….. ซักพักมันยังมองไม่เลิก ผมชักหงุดหงิด (วันนี้หงุดหงิดง่าย) หันไปมองมัน ผมว่ามันอายุมากกว่าผม ปี สองปี นี่แหละ หน้าตาก็แมนนะมึง ไม่น่าทำแบบนี้ ผมเลยตะคอกขึ้นมา

”มองทำ ค – ย อะไรว่ะ ”

”…………………. ”

แม่งมันยังคงมองหน้าผมต่อ หน้าด้านอะ หน้าด้านโคด จนผมทำธุระเสร็จ ก็เลยรีบเดินออกมาเลย ไม่งั้นอาจได้เสียว เอ้ย ได้เสียซะก่อนเป็นแน่

”ทำไมทำหน้าบูดอย่างงั้นอะ” พี่โอถามผม

”เจอพวกชอบดูจู๋ในห้องน้ำเลยว่ะ 555” ไอ้เป๊กว่า ”ท่าทางจะโกรธจนหน้ามืดตามัวเลยอ่ะ ”

”หมายความว่าไง” ผมสงสัย

”อ้าว ก็โกดจนหน้ามืดตามัว มองไม่เห็นคนที่ยืนข้างๆพี่โอเหรอว่ะ” เป๊กบอกผม

”พี่รัญ !!! ” ผมทักพี่เค้า จนดูเหมือนจะตะโกน ดูท่าทางผมจะไม่ได้สังเกตจริงๆแหละ ว่าพี่เค้ามายืนตั้งนานแล้ว

”โอ้ย พี่ยืนอยู่แค่นี้เอง ไม่ต้องตะโกนก็ได้” พี่รัญแซวผม อ่า เสียงตัวเป็นๆนี่ มันไพเราะกว่าเสียงในโทรศัพท์แยะเลย

พี่รัญดูดีมากกว่าเดิมแยะเลยอ่ะ แม่งไว้ผมรากไทรอีกตะหาก เท่ย์โคด แต่ทำไมดูอวบๆขึ้นด้วยว่ะ แน่อะดิ ไปอยู่เมืองมะกันมาตั้ง เกือบ 3 ปี ไม่อวบได้ไง

”ผมว่า พี่ดูอวบขึ้น นะฮะ ไปทำอะไรมาอะเนี่ย” หาช่องแซวได้ ผมแซวซะ

”จะบ้าเหรอ อวบที่ไหน เค้าเรียกว่าอุดมสมบูรณ์เฟ้ย เราอะดิ ตัวโตขึ้นนะเนี่ย” ว่าพลางมาจับหัวผมให้หันไปมองหน้าชัดๆ

”เฮ้ย หล่อขึ้นด้วยอะ เป็นเด็กมหาลัยแล้วนิ ท่าทางสาวติดตรึมแหง่มๆเลย”

”หนุ่มๆ ก็ติดตรึมเหมือนกันคับเพ่ !? ” เป๊กพูดสอดขึ้นมาเบาๆ พลางหัวเราะเยาะ ” อกหักก็เคยมาแล้วนะคร๊าบ ต้องให้ผมปลอบใจตั้งนานแนะ” พูดพลางก้าวถอยหลังไป 2-3 ก้าว ที่จะไม่โดนเท้าผมยัน

”อะจิงดิ” พี่รัญทำหน้ายิ้มๆ

”เฮ้ย พวกมึงอะ จะทักทายกันอีกนานม่ะ หรือว่าคืนนี้จะกางเต้นนอนกันที่นี่เลย ” พี่โอกัดพอเลือดซิบๆ

”เฮ้ย เดี๋ยวดิ ไอ้โอ กูพาเพื่อนมาด้วยคนนึงอ่ะ มันหายหัวไปไหนของมันไม่รู้หว่ะ รอแป็บ”

”พี่รัญพาเพื่อนมาด้วยเหรอฮะ” ผมถามแบบแปลกใจ

”อ้อ เพื่อนพี่ที่ มหาลัยที่โน่นอะ คนไทยเหมือนกันแหละ อ่า นั่นไง มาพอดี ”พี่รัญว่า พลางโบกมือเรียก

” โตชิ ทางนี้โว้ย ”

”โต อะไรนะ” เป๊กถาม

.โตชิ มันเป็นไทย –ญี่ปุ่นอะ” พี่รัญบอก

“อ้อ พวกไทยญี่ปุ่นดินแดง พี่โอบอก มุขเฟ่ยจริงๆ พับผ่าซิ - -‘’

“ เฮ้ย !? “ ผมมองหน้าเพื่อนพี่รัญ แล้วหลุดบางคำออกมา ทำไมเพื่อนพี่รัญคือไอ้โรคจิตในห้องน้ำไปได้ว่ะ …

- ทำไปได้ -


SheRbEt

  • บุคคลทั่วไป
จิ้มพี่เตอิ้งค่า ในที่สุดก้อมาอัพซักที

ขอแว้บไปอ่านก่อนนะ เด๋วมาเม้นเพิ่ม

stayingpower

  • บุคคลทั่วไป
”โตชิ เพื่อนพี่กะลังหาที่อยู่ใหม่ในกรุงเทพอยู่อะ พี่ก็กะจะให้มันพักที่หอไปพลางๆก่อน” พี่รัญบอกพวกผมหลังจากกลับถึงหอเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับคุยเรื่องเพื่อนใหม่ให้พี่เน ซึ่งตอนนี้รับหน้าที่เป็นเจ้าของหอแล้ว

”คงจะมาอยู่ซัก เดือน สองเดือนล่ะครับ แต่ไม่ต้องห่วงคับ ผมมีเงินจ่าย” ผู้ซึ่งมาเป็นสมาชิกใหม่บอกพี่เนพลางควานหากระเป๋าเงินในเป้ใบใหญ่

”ยังไม่ต้องรีบร้อนหรอก เดี๋ยวไว้พรุ่งนี้ ค่อยตกลงจ่ายเงินค่าเช่าห้องอีกทีก็ได้ค่ะ” พี่เนบอกอย่างมีมารยาท

เป๊กเดินเข้ามาข้างๆผม พลางกระซิบ

”กูว่านะ ไอ้หมอนี่กะพี่รัญต้องมีอะไรกันแน่เลยหว่ะ ดูสายตาที่มันมองพี่รัญเด๊ะ” ว่าพลางหันหัวผมให้หันไปมอง

”มึงอย่ามาปัญญาอ่อนนะ เค้าเป็นแค่เพื่อนกันเฉยๆเว้ย” ผมบอกอย่างฉุนๆ แบบก็อดหึงไม่ได้

”อ้อ เหรอ ”

”เออ เด๊ะ !! เพียงแต่ว่า …………………………” ผมฉุกคิด

”แต่ว่าอะไร” เป๊กถามผมอย่างสนใจ

”ม่ะ ไม่มีอะไร ไปช่วยขนของพี่เค้าดีกว่าหว่ะ” ผมบอก พลางเดินไปที่กระเป๋าใบใหญ่ของพี่รัญ พลางคิด เออ ไม่แน่เหมือนกันหว่ะ มันเป็นเพื่อนกะพี่รัญก็ดีอะดิ แม่ง มันโรคจิตจริงๆป่าวว่ะ เห้ย คิดไรอยู่ง่ะ

ผมส่ายหัว ไปคิดไป ไม่ทันได้มองว่ามีคนยืนขวางอยู่

อั๊ก !! อ่ะ ไอ้นี้อีกแล้ว ยืนขวางคนขนของซะเต็มลำ

”เฮ้ย ยืนยังไงว่ะ ไม่เห็นคนจะเดินเหรอไง” ผมแห้วใส่

โตชิไม่ตอบอะไร แต่ยื่นกระเป๋าเดินทางให้ผม
”จะบอกว่านายลืมยกกระเป๋าฉันไปด้วยอ่ะ ”

”ฉันไม่ใช่คนขนกระเป๋าของใครนะเฟ้ย” ผมบอกอย่างฉุนๆ

”อ้าว ก็กระเป๋ารัญนายยังขนให้เลยนี่นา”

ผมกะลังจะอ้าปากเถียง แต่พี่รัญพูดขัดขึ้นมาก่อน

”บาส เอากระเป๋าพี่มาแล้วกัน ของพี่มีใบเดียว เดี๋ยวช่วยเพื่อนพี่ขนของมันดีกว่า ของมันเยอะ”

- อะไรนะ - ผมคิดในใจ และดูเหมือนคนข้างๆผมจะอ่านสีหน้าออก

”ไม่ต้องมาอะไรนะเลย ได้ยินแล้วไม่ใช่เหรอ มาช่วยขนไปที่ห้องเลย” ว่าพลางส่งกระเป๋าใบโคดหนักที่สุดมาให้ผมลากขึ้นไป

+ + + + + + + +

”ซวย ฉิบโป๊งเลยหว่ะ” ผมครวญกะไอ้เป๊กหลังจากขนของเข้าห้องเสร็จ แถมยังต้องไปช่วยจัดของอีกตะหาก

”นายซวยคนเดียวซะที่ไหนล่ะ กูก็ซวย” เป๊กมันบ่นให้ฟัง พลางนวดหัวไหล่ตัวเอง ” ไม่รู้เคล็ดอ๊ะป่าวเนี่ย”

”เออ นายเปิดเทอมวันไหนว่ะ ”

”2 มิถุนา หว่ะ เร็วชิบเป๋ง” ผมตอบแบบเซ็งๆ แต่มันก็ทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ ”เฮ้ย วันนี้วันที่เท่าไรว่ะ”

”22 พฤษภา ถามไมว่ะ”

”เฮ้ออออออออ เกือบลืมไปแล้วกู พรุ่งนี้ คณะกูเค้ามีกิจกรรมรับน้องหว่ะ” ผมบอกแบบตื่นเต้น ไม่น่าลืมช่วงเวลานี้ไปได้เลยนะเนี่ย

”อะจิงดิ ทำไมมหาลัยกูไม่เห็นมีแบบนี้มั่งว่ะ” เป๊กบ่นแบบเซ็งๆ ”เฮ้ย ไปกินข้างเหอะ หิวหว่ะ จะได้นอนซะที”

วันรุ่งขึ้น ผมต้องแหกขี้ตาตื่นแต่เช้า เนื่องจากไม่คุ้นเคยกับบรรยากาศเช้าๆหลังจากปิดเทอมมาเกือบ 2 เดือน

”อ้าว ทำไมวันนี้ตื่นแต่เช้าเลยอะ เอากาแฟนหน่อยม่ะ” พี่รัญถามผม

ผมส่ายหน้า วันนี้ที่มหาลัย เค้าให้รุ่นพี่เปิดกิจกรรมรับน้องอะคับพี่ ”เออ ถ้าพี่ว่างก็ไปได้นะคับ ”

”สงสัยไม่ได้อ่ะบาส วันนี้พี่กะว่าจะไปหาสมัครงานกับโตชิมันอ่ะ” พูดพลางเกาหัว พร้อมทั้งส่ายหน้า
เฮ้ออออ… เบื่อจัง เรียนจบแล้วออกมาหางานทำเนี่ย

”อ้าว ไม่ทำงานแล้วจะทำอาไรละเ พ่ จะขายตูดอะไง” ผมแซว

พี่รัญหันมายิ้มเยาะ ”อ่า ถ้าพี่ขายเราจะซื้อป่าวล่ะ” พลางจ้องหน้าผมเขมง

”เออ คือ…. แล้วค่าตัวพี่กี่สลึงอะ ”

”น้อยๆหน่อยเฟ้ย ของอิมพอร์ตจากเมืองนอกเชียวนาเว้ย เฮ้ยพูดไรกันว่ะ” พี่รัญหัวเราะ

”งั้นผมไปก่อนนะพี่นะ เออ แล้วฝากปลุกไอ้เป๊กด้วยนะพี่ มันฝากผมปลุกอะ วันนี้มันมีเรียนบ่าย” ผมว่าพลางเดินไปใส่รองเท้า

”เออ ได้ พี่รัญรับคำ เออ บาส เดี๋ยวก่อน …” พี่รัญพูดพลางเดินเข้ามาหาผม ในจังหว่ะที่ผมก้มลงใส่รองเท้าเสร็จ ก็เงยหน้าขึ้นมา

”ฮะ มีอะ….. ”

พี่รัญก้มหน้ามาประทับจูบบนปากผมด้วยองศาที่พอดีเป๊ะ จนผมตั้งตัวไม่ทัน ผมรู้สึกถึงความร้อนที่เกิดขึ้นในตัวได้อย่างชัดเจน ร้อนแบบผะผ่าววววว

ผมถอนปากออกมา พูดตะกุกตะกัก

”ทะ ทะ ทะ ทะ ทำ อะ อะ อะ ทำอะไรอ่ะพี่”

”อ้าว ก็จูบก่อนออกจากบ้านไง ถามแปลก ๆ” พูดพลางยิ้ม แป้น ไม่ชอบเหรอ

”เห้ย ถ้ามีคนมาเห็นจะว่าไง” ผมพูด รู้สึกว่าหน้าเน้อแดงไปหมด

”อ้าว แสดงว่าถ้า ทำในที่มิดชิดก็โอเชอะดิ” ว่าไปโน่น

”พูดไปไหนนะพี่ ผมว่าผมไปดีกว่าหว่ะ” ผมตอบหันหลังวิ่งผ่านประตูไป

+ + + + + + + +

”เฮ้ย ไอ้บาส เป็นไรว่ะ จับปากอยู่ได้ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” โจถามผมขณะเดินไปที่ซุ้มน้องๆ เพื่อดูสายรหัส ดูท่าทางมันจะดี๊ด๊าเป็นพิเศษ

”ยุ่งอะไรกะกูล่ะ ปากกู” ผมตอบ เออ แล้วเป็นไงมั่งอะ น้องรหัสมึง น่ารักม่ะ

”ไม่ค่อยหว่ะ ดำก็ดำ เตี้ยล่ำอีกตะหาก โห เป็นผู้หญิงได้ไงว่ะ” มันพูดพลางส่ายหัว เฮ้ย ”แต่น้องสายรหัสกูนี่ดิ สุดยอดหว่ะ สวย หมวย อึ๋ม” มันตอบท่าทางหื่นๆ

อันที่จริงมีการจับน้องสายรหัสกันไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ผมไม่ได้มา เพื่อนผมคนอื่นก็เลยจับให้แทน บางคนที่มาวันก่อนหน้า ก็จะเจอๆน้องรหัสกันไปบ้างแล้ว แต่ก็เพียงแค่สอดส่องดู บางคนอยากจะบอกน้องใจจะขาด ส่วนผม ผู้ซึ่งไม่ค่อยได้มา เลยยังไม่เคยเจอทั้งน้องรหัส ทั้งสายรหัสเลยง่ะ ก็แอบลุ้นๆ อยู่ว่าไผจะเป็นผู้โชคร้าย เอ้ย โชคดี

”เห้ย ท่าน้องมึงน่ารักอะ กูขอโคฯ ด้วยนา” โจบอกผม

”นี่มึง มีน้องไว้คอยดูแลให้คำปรึกษานะมึง ไม่ใช่ให้มาหม้อเด็ก ไปไกลๆตีนเลยมึง”
ผมว่ามัน จนเราพูดกันไปพูดกันมาก็มาถึงหน้าคณะแล้ว ซึ่งเป็นสถานที่เชือด เอ้ย สถานที่นัดรวมตัวกัน ผมมีความรู้สึกว่า ทำไมน้องผู้หญิงมันดูเยอะกว่าผู้ชายอีกว่ะ เซ็งเลย คณะผมคนก็น้อยอยู่แล้วด้วย ปีนี้ก็มีเกือบ 40 คนเอง

”ปีนี้หญิงเยอะกว่าหว่ะ” สมใจไอ้โจมันแล้ว ปอมเดินเข้ามาทักเราสองคน พร้อมลิสรายชื่อของน้องๆ

”เฮ้ย ไหนไอ้ปอม ขอกูดูชื่อน้องรหัสกูหน่อยดิ ผู้ชายหรือหญิงว่ะ” ผมถาม

”แย่หน่อยว่ะ มึงได้ผู้ชายอ่ะ ปอมตอบผม” ไอ้โจได้ทีหัวเราะเยาะ โดยที่ไม่รู้เรื่องเลยว่าผมแอบดีใจอยู่นะเนี่ยโง่หว่ะ แต่ผมก็ตีหน้าเศร้าๆ

”อะเหรอ แล้วน้องสายรหัสกูอะ ใครจับให้”

”หนิงจับให้อะ อืม เด๋วดูก่อน ใครว่ะ ”

”อืม ….. โคดโชคร้ายเลยมึง น้องสายรหัสมึงกูผู้ชาย” ปอมบอกผมพลางเอามือจับไหล่ ไอ้โจก็ตีหน้าเศร้า มาจับไหล่อีกข้างผม เขย่า

”อืม …ไอ้บาส กูเสียใจด้วยนะ มึงโชคร้ายจังหว่ะ” ไอ้โจบอกผม

ผมว่าไอ้พวกนี้มันเว่อร์กันจัง แค่น้องแค่เนี้ยทำเป็นเรื่องใหญ่โตมโหระทึก !!!?? เลยด่ามันไป

”เฮ้ยพวกมึงก็เว่อร์กันไป ไหนเอาชื่อกูมาดูหน่อยดิ๊ ” ผมกระชากลิสมาดู แล้วปาใส่หน้ากลับ … ”กูได้น้องเพศไหนก็ได้โว้ย ทำไปเหม่ ไอ้เชี่ย … ดีดดิ้นกันจัง” ด่าเสร็จผมก็เดินไปทักเพื่อนๆคนอื่น

”โห บาส รู้สึกว่าหน้าตาอิ่มเอิบ ดูดีขึ้นนะเนี่ย” หนิงแซวผม

”อะนะ อย่ามาแกล้งชม” ผมหัวเราะ ตั้งแต่เหตุการณ์เปิดเผยชู้เรือล่ม หนิงก็ดูจะออกห่างแพรเรื่อยๆ จนตอนนี้ หนิงก็กลายมาเป็น ผู้หญิงหนึ่งเดียว ในกลุ่มผมซะแล้ว

”เออ หนิงรู้ป่ะ ว่าน้องบาสอะ คนไหน” ผมถาม เพราะอยากเห็นหน้าน้องกะเค้าบ้าง ถึงแม้จะยังเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงต่อหน้าน้องไม่ได้ก็เหอะ ( อะนะ พูดเหมือนเป็นร้อยตำรวจเอกปลอมตัวมา )

”อืม หนิงแอบเห็นแค่คนเดียวอะนะ อีกคนที่เป็นสายรหัสไม่ได้มาวันจับเหมือนกะบาสแหละ”

”อ้อ ใช่ได้นี่ สมกะเป็นน้องบาส” ผมว่าพลางหัวเราะ

”อะนะ ไม่ขำนะเนี่ย อ้อ นั่นไงๆ คนนั้นอะ ที่หันหลังอยู่นั่นไง” หนิงค่อยๆชี้อย่างระวัง

”เรียกให้หน่อยดิ” ผมบอกหนิง

เฮ้ย เดี๋ยวมันก็รู้หรอกว่าเป็นพี่มันอะ

”ก็ให้หนิง เรียกให้ไง ถ้ามันสงสัยจะได้สงสัยหนิง” ผมกระซิบ

”อ้าว ทำไมมาโบ่ยยังงี้ล่ะ” หนิงชักเคือง

”อ่า พูดงี้ไม่ช่วยใช่ม่ะ” ผมถาม งั้นเด๋วจัดการเอง ว่าแล้วผมก็คว้าหนังสือ – สายพันธุ์สังหาร –ที่หนิงถืออยู่มาแล้วเขวี้ยงไปที่น้องเค้าซึ่งยืนหันหนังอยู่ ทำให้ไม่รู้ว่าใครเป็นมือปา

”ปั๊ก” โอ้ย เสียงเพราะ พร้อมๆกับหนิงทำตาเหลือก

”แม่ง ใครปากูว่ะ” มันพูดกับเพื่อน หนุ่มน้อยก็ค่อยๆหันมาหาต้นตอ โห น่ารักนี่หว่า สูงราวๆ 170 เห็นจะได้ เอะ ไม่ถึงแฮะ

”เออ น้องขอโทด หนังสือพี่เองอะ มันหลุดมือ เออ เจ็บมากป่าว” ผมตอบแบบสบายอารมณ์

น้องเค้าทำหน้าสงสัยนิดหน่อย ว่าหลุดมือไงว่ะ แล้วก้มลงหยิบหนังสือส่งคืนให้ผม

”ไม่เป็นไรคับ เจ็บนิดหน่อย” น้องเค้าบอกผมพลางจับที่ข้างๆหัว อืม ผมมาสังเกตหน้าน้องเค้าท่าจะเจ็บกว่าที่พูดไว้แฮะ แล้วหันมาเปิดหนังสือดู เออ 360 เกือบ 370 หน้า อะนะ ( เริ่มรู้สึกผิด )

”ทีหน้าทีหลังก็ถือให้มันดีหน่อยนะ น้องเค้าหัวแตกขึ้นมาจะว่าไงฟ่ะ” ผมโบ่ยไปที่หนิง พร้อมกับหนิงทำตาถลนใส่ผม …. น่ากัว

”ไหนขอพี่ดูหัวหน่อยเด๊ะ เป็นมากป่าว”

”ม่ะ ไม่เป็นไรคับพี่” มันพูดแบบเกรงใจ แต่มันก้มหัวให้ผมดู ยังไงกันว่ะ

ผมดู เห็นเป็นรอยแดงๆ นิดหน่อย เลยเอามือไปจับว่ามันปูดอะป่าว

”โอ้ย พี่เบาๆดิ หัวนะพี่”

”เออๆ ไม่เป็นไรอะ ไม่แตก พี่ขอโทดอีกทีละกัน แทนเพื่อนพี่อะ” ผมบอก เออ เป็นไงงานวันนี้อะ

”ก็ดีคับพี่” น้องบอก ”เออ น้องรหัสอะไรอะ” ผมแกล้งฟอร์มถาม
”รหัส ************** คับพี่”

”โอ้ย โชคร้ายหว่ะ พี่รหัสน้องอะ โคดโหดเลย” แล้วผมก็สาธยายมั่วๆไปอีกหน่อย

”เหรอพี่ ไม่เป็นไร โหดมากๆ เด๋วเจอตีน” มันว่าพลางหัวเราะ แฮะๆ มันพูดเล่นนะคับ มันพูดเล่น

ผมก็กะว่า คุยกะมันมากแล้ว ไปดูน้องคนอื่นมั่งดีกว่า

”เออ น้องชื่ออะไรอะคับ” ผมไม่ลืมที่จะถาม

”ตงคับพี่ ”

”ตรง เหรอ” ผมทวน

”ต. เต่า ง. งู ฮะ ตง คับ แล้วพี่อะคับ”

”เออ น้องตง” ชื่อแปลกดีวุ้ย

”พี่บาสคับผม ไว้ไงคุยกันใหม่นะ พี่ไปก่อน …. ” ผมเดินผละจากน้องมาหาหนิงที่เดินเลี่ยงออกมาก่อนหน้าซักพัก

”ทำได้ดีนี่” หนิงว่าผม พร้อมทุบหนักๆนึงที …

”โอ้ย อย่ามาทุบดิ แรงฟายชัดๆ โอ้ย แน๊ะ ว่าไม่ฟัง โอ้ย โว้ย อย่าทุบโว้ย ……”


stayingpower

  • บุคคลทั่วไป
“ไปทำอะไรมาว่ะ ไอ้บาส หลังแอ่นๆ“ โจถามผม พลางก้มหน้าก้มตาจดอะไรซักอย่างอยู่

“อะไรล่ะ ก็โดนเจ๊ข้างๆนี่ทุบอะดิ“ ผมตอบ โอ้ย ช้ำไปทั้งตัวเลยผม “เออ แล้วแกจดอะไรอยู่ว่ะ“

“เบอร์โทรศัพท์ น้องๆ (ผู้หญิง) “



“อ้อ นั้นนะดิ กรูไม่น่าถามเลย ผมบอกพลางเบื่อ ๆ เออ กรูไม่เจอน้องสายรหัสเลยหว่ะวันนี้ สงสัยแม่งอู้แน่เลย “

“อู้ วันเปิดเรียนก็จับมาโบกซะให้เข็ดดิ ปอมให้ความเห็น เออ ไม่แน่หรอก ยังไงเด๋ววันที่เค้าจัดทัวว์ทุ่งบาง
เขนอะ มันอาจจะมาก็ได้ “

“ก็ไม่แน่หรอก ไอ้ทัวว์แบบนี้อะ ใครไม่อยากมาก็ไม่ต้องมาก็ได้ กรูยังไม่มาเลย โจตอบ เออ เย็นแล้วอะวันนี้ กลับกันยังว่ะ ไปหาไรแด็กด้วย กรูหิวหว่ะ“

“เออ งั้นพวกมึงกลับไปก่อนล่ะกัน เด๋วกรูเดินๆอีกซักพัก ค่อยกลับ“ ผมตอบ พลางหาวหวอด

“อ้าว บาส ไม่ไปกินกะเราอ่ะ ให้ชั้นไปกะไอ้สองตัวนี่อะเหรอ โห เด๋วโดนล้อแย่เลย “ หนิงบอก

“อี้ …………. ยายหนิงเอ้ย พูดมาด้ายยังงาย เด๋วนี้รู้สึกว่าจะแอ่นแด๊ะแอ่นแด๊ ซะเหลือเกินน้า “ โจกัดไม่กลัวตีนซะแล้วไอ้นี่

“ว้ายย …กรี๊ดดด ไอ้ปากหมาโจ ไปผ่าออกเลยนะ ฯลฯ“ อีกเป็นชุด

“เบื่ออะ ทะเลาะกันอยู่นั่นแหละ กว่าจะได้ฤกษ์ไป“ ปอมบอกผม “เออ แล้วมึงจะไปทำอะไรว่ะ ไม่ไปกินข้าวกัน“

“กรูจะกลับไปกินที่หอหว่ะ “ ผมตอบ

“วันนี้ที่หอมีอะไรดีว่ะ มึงถึงได้กลับไปกินว่ะ ปกติไม่ยักกะเป็น“ ปอมมองผม เหมือนกะจะจับผิดอะไร

“มึงมองแบบนี้หมายความว่าไงว่ะ ก็กรูกินที่หอมันฟรีเว้ย เดือนนี้ไม่ค่อยมีตังค์ “ผมสะตอฯ

“อะเหรอ“ ไอ้ปอมพูดพลางหลิ่วตา

“อะไม่เชื่อก็ตามใจ เออ มึงรีบไปห้ามไอ้สองตัวนี่เหอะ เด๋วจะไม่ได้ไปกิน แม่งเมฆตั้งเค้ามา สงสัยคืนนี้ฝนตกหว่ะ“ ผมบอก


+ + + + + + + +


“พี่โออออออออออออออออออออออออออออออ“ ผมเรียกพี่โอเสียงหลง

“อะไรรรรร ว้า“ พี่ตอบผมอย่างตกใจ

“พวกพี่รัญยังไม่กลับอีกเหรอ“ ผมถาม

“อ้อ วันนี้มันไปหางานทำกันยังไม่กลับเลยว่ะ แม่ง กูนึกว่ามีเรื่องอะไร ตกใจหมดเลย “

“นี่ๆๆ แล้วจะกลับเมื่อไรอะ“ ผมถาม

“แล้วกูจะรู้มั้ยละเนี่ย โทรศัพท์ไปถามมันดิ“ พี่โอตอบแบบหงุดหงิด

“อะไรว่ะ พี่เค้ามีมือถือที่ไหนล่ะฟ่ะ พูดออกมาไม่คิดเลย“ ผมพึมพำ แล้วเดินจะกลับห้อง สายตาเหลือบไปเห็นห้องไอ้บ้าโตชิแง้มไว้อยู่

“ไรว่ะ เปิดห้องทิ้งไว้อีก“ ผมพูดเบาๆ มือจับลูกบิดจะปิดห้องแต่ค้างไว้ ประจุไฟฟ้าในหัวเริ่มทำงาน (ชั่ว) เฮ้ย อาจจะรู้ก็ได้ว่าพี่รัญกับไอ้บ้านี่ มันคบกันสนิทแนบแน่นแค่ไหน

ไม่ทันที่สมองฝ่ายดีของผมจะทันคิด ร่างผมก็ผลุบเข้าไปในห้องของแขกผู้มาใหม่เรียบร้อยแล้ว มองไปรอบๆห้อง ( การเข้าห้องผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือว่าสันดานไม่ดีเอามากๆ ทุกท่านกรุณาอย่าเลียนแบบ )

“โห ทำไมมันจัดห้องเรียบร้อยจังง่ะ“ สำรวจได้ซักพัก ก็ไปเปิดลิ้นชักเค้าดูอีกตะหาก

แก็ก แก็ก ก๊อก ก๊อก

“เอ๋ “ ผมอึ้งเมื่อไปเจอรูปๆหนึ่งเข้าให้

“อ้อ มิน่าล่ะ ถึงได้สนิทสนมกันขนาดนี้ กอดกันซะกลมเลยนะ“ ผมรู้สึกว่าความหึงเป็นยังไงก็ครั้งนี้ครั้งแรก


+ + + + + + + +


“กลับมาแล้วครับ“ พี่รัญบอก เปิดประตูเดินเข้ามาพร้อมโตชิ

“กลับมาแล้วครับ“ โตชิบอกเสียงเรียบๆ พลางเดินสวนกับพี่เน

“เออ กลับมาแล้วเหรอ เนเตรียมอาหารเย็นไว้ให้แล้วอะ “

“อ้าว เดี๋ยวนี้นี่ มีแม่บ้านประจำหอแล้วเหรอเนี่ย “ พี่รัญแซว

“ก็ตอนรัญไม่อยู่ มันมีโอ เป๊ก บาสอยู่แค่สามคนนี่ มันไม่ลำบากเท่าไรอ่ะ บ้านโน้นก็ไม่มีใครทานอยู่แล้ว เนก็ทำที่นี่ซะเลย “

“อ้อ แต่มีเพิ่มมาอีกตั้ง 2 คน ไหวป่าวอ่ะ“

“ไหวไม่ไหวก็ทำแล้วแหละ จะกินหรือไม่กินล่ะ ไม่กินจะได้เก็บ“

“โอ๋ๆๆ กินเด๊ะ หิวจะบ้าอยู่แล้ว วันนี้โชคดีอะเค้านัดให้รัญไปสัมภาษณ์แล้ว “

“เออ เหรอ ดีใจด้วยนะ ถามหน่อยจิ แล้วเพื่อนรัญอ่ะ เค้าตั้งใจจะไม่พูดไม่คุยกะคนแปลกหน้ามั้งเลยเหรอ “
พี่เนกระซิบเบาๆเหมือนกลัวโตชิจะได้ยิน ทั้งๆที่เดินห่างไปไกลแล้ว

“อย่าไปใส่ใจเลย มันก็เป็นของมันแบบนี้แหละ แต่จริงๆมันเป็นคนดีนะ“ รัญบอก

“ถึงแม้ว่าจะดูเฉยชากับคนรอบข้างไปบ้างก็เหอะ“

“ฉันว่าไม่แค่บ้างหรอกมั้ง เหอๆๆๆ “

“ อ้าว พี่รัญกลับมาแล้วเหรอคับ “ ผมทักพี่รัญพร้อมๆกับเดินส่วนกับไอ้บ้าโตชิตรงบันไดพอดี สายตาเราหันมาเจ๊อะกันพอดี บอกไม่ถูกว่าสายตาเย็นชา (และตายด้าน) ของเค้า กับสายตาอันร้อนเร่า (เพราะอาการหวงของ) อะไรมันจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

แต่เมื่อเท้าเราทั้งสองยังก้าวต่อไปข้างหน้า สายตาก็จำเป็นต้องหันกลับสู่เส้นทางตนเอง ไม่เช่นนั้น อาจมีการตกบันไดได้

“ไงฮะ วันนี้เหนื่อยป่ะ“ ผมถามยิ้มๆ (อาฆาต)

“ก็ดีอะ พรุ่งนี้เค้านัดสัมภาษณ์พี่ล่ะ เอ๊ะ ทำไมยิ้มแปลกๆแบบนั้นอ่ะ “

“ป่าวนี่เพ่ ผมก็ยิ้มของผมแบบนี้ทุกวันแหละ“ ผมตอบ พร้อมยิ้มฟันขาว

“เออ เหรอ อย่ายิ้มแบบนี้ได้ป่ะ มันน่ากลัวไงไม่รู้หว่ะ“ พี่รัญบอกผม “แล้วไอ้เป๊กล่ะ “

“ วันนี้มันไปค้างบ้านเพื่อน (แฟน)ฮะ คงไม่กลับหรอก “

.” เออ เหรอ งั้นไปกินข้าวเหอะ หิวหว่ะ “ พี่รัญบอก “เด๋วดิคับ พี่รัญ ผมมีเรื่องจะถามไรหน่อย “

“เดี๋ยวค่อยถามก็ได้ ขอพี่ไปกินข้าวก่อนได้ป่ะ หิวหว่ะ“ พี่รัญชักงอแง (ผมรู้สึกได้) เดินเลี่ยงผมไป

“ไม่ได้ ต้องเดี๋ยวนี้ฮะ“ ผมว่า พลางคว้าต้นแขนพี่เค้าไว้

“ไรว้า …. “ พี่เค้าหันมาทางผม

“ก็เรื่อง ….. “ ผมยังไม่ทันจะได้ถาม ไอ้บ้าโตชิ ก็เดินแบบเงียบๆ เข้ามาประชิดเรา 2 คนเมื่อไรไม่ทราบ พร้อมสายตาเย็นชาที่จะเหมือนแช่แข็งผมได้

“ห้องของชั้น ….. “

ผมรู้สึกใจหายวูบ หรือว่ามันรู้ว่ะ ว่าเราเข้าไปในห้องมัน ผมนึกเสียวในใจ

“นายไปปิดห้องชั้นใช่ปล่าว“ โตชิถามผมแบบเคืองๆ

“อ้าว ก็ชั้นเห็นว่ามันเปิดไว้อ่ะ ปิดให้ก็ดีแล้วนี่ จะบ้าเหรอ โรคจิตป่าว“ ผมตอบ งงๆ

“บาส คือว่า ห้องโตชิเค้า ลูกบิดมันเสียอยู่อะ แล้วกุญแจมันใช่ไม่ได้“ พี่เนเป็นคนอธิบาย

“หมายความว่า …. “ ผมนึกความหมายตาม

“ก็คือต้องเปิดแง้มไว้ ถ้าไปปิดมัน ก็เข้าห้องไม่ได้นะซิ เจ้าเซ่อ“ ไอ้โตชิมันว่าผม

“แล้วทำไงดีล่ะ … “ ผมถามแบบกวนตีน

โตชิมองผม แล้วหันไปมองพี่รัญ

“งั้นคืนนี้ชั้นนอนห้องไอ้หมอนี่นะ รัญ“ โตชิบอกพี่รัญ เฮ้ย เจ้าของห้องมันกรูนะ ไอ้เวง

“คารวย เฮอะ“ ผมบอกพอโตชิได้ยิน

“บาส นายเป็นคนไปปิดห้องพี่เค้านะ ก็ต้องรับผิดชอบดิ ลูกผู้ชายไม่ใช่เหรอเรา“ พี่รัญบอกผม แบบไม่เข้าข้างกันเลยนิ

“อะไรนะ“ ผมทวนคำพูดที่พี่ชายสุดที่รักของผม พร้อมคิด มันเกี่ยวกับลูกผู้ชายตรงไหนฟ่ะ

“ แค่คืนเดียวเองบาส เดี๋ยวพรุ่งนี้ช่างก็มาพอดีแหละ ห้องบาสกว้างกว่าห้องของรัญตั้งเยอะ อยู่ 2 คนสบายมาก“ พี่เนก็เออออห่อหมกไปด้วยอีกคน

“ไปทานข้าวกันเหอะ โอเค้ารอจนจะกินวัวได้ทั้งตัวแล้วมั้ง“ ว่าแล้วพี่เนกะพี่รัญก็เดินไปที่ห้องอาหาร

ปล่อยให้ผมที่อึ้งๆอยู่กับโตชิ พร้อมทั้งหันสายตาของมันมาฉะกับผมอีกรอบ หน้าตาที่เฉยเมย ไม่รู้ร้อนรู้หนาว สายตาที่เย็นชา แต่แฝงด้วยความเย้ยหยันอย่างสุดขั้วของไอ้บ้านี่ ทำให้ผมขนลุก โดยที่ผมไม่คาดคิด สายตาโตชิบอกอะไรบางอย่างกับผม

- ( คืนนี้มึงเจอกับกูแน่ ) - !!??






stayingpower

  • บุคคลทั่วไป
ท่ามกลางมหานครอันใหญ่โต ความมืดเริ่มโรยตัว แสงสีจากอาคารบ้านเรือน และร้านรวงเริ่มเปิดขึ้น หลายคนพึ่งกลับจากที่ทำงาน โรงเรียน หลายคนกลับบ้านไปพบกับครอบครัวอันเป็นที่รัก จะมีสักกี่คนที่ต้องอยู่โดดเดี่ยวเดียวดาย ฟิล์มเป็นหนึ่งในนั้น เด็กหนุ่มพึ่งกลับมาจากการจัดการเอกสารทางราชการของพ่อ

“ฟู่ !? เสร็จซะที จบกันซะที …“ เด็กหนุ่มพูดกับตัวเอง พลางเดินไปตามฟุตบาทอย่างไม่มีจุดหมาย ในใจตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรให้คิด เท้าจะพาเดินไปที่ไหน ก็เดินไป …

แล้วสายตาของเด็กหนุ่มก็เหลือบมองไปในร้านอาหาร เห็นผู้เป็นพ่อ แม่ และลูกซึ่งดูอายุราวๆ 7-8 ขวบเห็นจะได้ งอแงไม่กินอาหารที่สั่งมา ผู้เป็นพ่อสงสัยจะหงุดหงิด ว่าอะไรสักอย่างกับลูกน้อย เจ้าหนูถึงกับร้องไห้จ้า …กระนั้น ผู้เป็นแม่ก็ทำตาถลึงใส่พ่อ พร้อมทั้งโอบกอดปลอบประโลมลูกน้อย จนยอมกินอาหาร พ่อเอามือขยี้หัวเจ้าหนูเบาๆ เป็นเชิงขอโทษ

เด็กหนุ่มมองได้แค่นี้ก็ต้องหลบสายตาไป เท้าก้าวเดินต่อ รู้สึกเหมือนมีก้อนสะอื้นก้อนใหญ่ขวางอยู่ในลำคอ น้ำใสๆ เริ่มเกาะที่ขอบตา ก่อนหน้าที่มันจะหยดลงมา ฟิล์มก็ปาดมันทิ้งซะก่อน พร้อมพึมพำกับตนเอง

“จะร้องไปทำไมว่ะ จะอายุ 18 อยู่ไม่กี่วันแล้วนะมึง ต้องเข้มแข็งไว้ซิ เข้มแข็งไว้ !? “

เด็กหนุ่มค่อยๆหย่อนตัวนั่งลงบนม้านั่งข้างทาง ภาพเหตุการณ์เก่าๆในอดีต หวนกลับมาอีกครั้ง เพียงแต่ภาพความทรงจำที่สวยงามเหล่านั้น มีเพียงเค้ากับพ่อเท่านั้น ฟิล์มอดไม่ได้ที่จะหันไปมองร้านอาหารที่เห็นครอบครัว เมื่อกี้อยู่ มันทำให้เค้ารู้ว่า เค้าไม่พร้อมที่จะต้องการอยู่เพียงลำพัง ไม่พร้อมที่จะต่อสู้กับโลกที่โหดร้ายใบนี้ได้

แปะ แปะ แปะ

หยาดฝนเริ่มหยดลงจากฟ้าที่มืดมิด จากเม็ดเล็กค่อยเพิ่มขนาดขึ้น ผู้คนตามท้องถนน ต่างหลบหาที่กำบัง รถบนถนนเริ่มติด เป็นธรรมชาติของกรุงเทพมหานคร แต่เด็กหนุ่มยังคงนั่งอยู่ จนตัวเปียกปอน โดยไม่รู้ว่ามีสายตาที่ไม่ประสงค์ดีจับจ้องอยู่ !?

เอี้ยด …… !?

รถยนต์คันนึงแล่นมาหยุดอยู่ที่ข้างหน้าเด็กหนุ่ม พร้อมเสียงเรียก

“น้องๆ ที่นั่งอยู่ตรงนั้นน่ะ“ ชายหนุ่มวัยกลางคนที่นั่งบนรถตะโกนเรียก

ฟิล์มได้สติที่ได้ยินเสียงเรียก ก็พบว่าตัวเอกเปียกปอนซะแล้ว

“อะ อะไรครับ !? “

“เฮ้ย ฝนตกขนาดนี้แล้วไม่หาที่หลบฝนล่ะน้อง ขึ้นรถพี่ซิ เดี๋ยวไปส่งบ้าน“ ชายนิรนามเชิญชวน พร้อมเอื้อมมือมาเปิดประตูอีกด้าน

“เร็วขึ้นมาดิ เดี๋ยวรถคันหลังติด“ ชายหนุ่มเร่ง

เด็กหนุ่มยังงุนงงกับความใจดีของคนแปลกหน้า ยังไม่ทันได้คิดอะไร ฟิล์มก็กระโดดขึ้นไปบนรถของชายแปลกหน้า ปิดประตู

“อะ ทำไมปล่อยให้ตัวเปียกฝนแบบนี้ล่ะ เดี๋ยวไม่สบายเอา ที่บ้านเป็นห่วงแย่หรอก“ ชายแปลกหน้า ถามเหมือนเป็นห่วง พร้อมส่งผ้าให้เช็ด

“ผมไม่มีบ้านหรอกครับ“ ฟิล์มบอก …

ชายแปลกหน้ายิ้มแบบแปลกๆ แล้วถามต่อ …

“ทะเลาะกับที่บ้านมาล่ะซิ แล้วน้อง …. เอ่อ ?? “

“ฟิล์มครับ“

“เออ เดี๋ยวยังไง น้องฟิล์มไปเป็นเพื่อนพี่ทานข้าวหน่อยละกันนะ พี่หิวอ่ะ แล้วเดี๋ยวเราไปเที่ยวกัน พี่เที่ยวเป็นเพื่อน เอามั้ย !?? “ ชายแปลกหน้าถามเด็กหนุ่ม เมื่อเห็นว่าฟิล์มไม่ตอบ จึงถามย้ำ

“ไม่อยากกลับบ้านไม่ใช่เหรอ อยากไปไหนเดี๋ยวพี่พาไป หือ ว่าไง ?? “

ฟิล์มก้มหน้า พูดเสียงแผ่วๆ

“ไปไหนก็ได้ฮะพี่ ผมไปไหนก็ได้ แต่ไม่กลับบ้านก็พอ …. “ เด็กหนุ่มบอกพลางหันหน้าไปทางหน้าต่าง ฝนยังคงตกอยู่

ชายแปลกหน้ายิ้มเจ้าเล่ย์ พร้อมขับรถผ่านสี่แยกรัชโยธิน พร้อมคิดในใจ

- ( งั้นเดี๋ยวพี่พาน้องไปขึ้นสวรรค์ล่ะกัน ) - !!??
















- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

ติดตาม บ้านพักอลวง the ZERO #7  ตอนต่อไป

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

SheRbEt

  • บุคคลทั่วไป
^

^

^

จิ้มพี่เตอิ้งอีกครั้ง  :laugh:

อ่านแล้วงงนิดๆ ว่าน้องฟิล์มมันมาเกี่ยวอารัยด้วยหว่า

แล้วโตชินี่มันจะเอาไงกะบาสกานแน่ จะว่าชอบพี่รัญก้อไม่น่าใช่

แล้วบาสนี่จะได้คู่พี่รัย โตชิ หรือว่าน้องฟิล์ม

โอ้ยยยย  :serius2: สับสน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2008 02:11:01 โดย SheRbEt »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Jeremy_F

  • บุคคลทั่วไป
สุดยอดดด นานๆมาปล่อยทียาวโลดด   o13

ชีวิตฟิล์มเจอแต่เรื่องร้ายๆจัง  :sad4:

ขอบคุณครับSTP   :L2:

 :bye2:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2008 09:44:37 โดย Jeremy_F »

Eis

  • บุคคลทั่วไป
โตชิ... คุ้นๆ ว่าเหมือนจะมีแครอท ..  :o8:

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
พี่รัญจะกลับมาแล้ววววววววววว

marchmenlo

  • บุคคลทั่วไป
ฟิล์มนี่ใครอ่ะ ทำไมชีวิตน้องเค้ารัญทดร้่ายกาจจัง

FOAM

  • บุคคลทั่วไป
มาต่อแบบว่าจุใจเลยครับ


น้องฟิล์มจะโดนไรมะเนี่ยยยยย



แล้วพี่รัญกะบาส จะเป็นไงต่อ



รอตอนต่อไปครับ

ออฟไลน์ fulres

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 594
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
โห มาต่อ ยาวมากกกกกกก

สงสารฟิล์มจัง

Twister

  • บุคคลทั่วไป
โหหยยย อ่านซะหายคิดถึงเลย ยาวได้ใจดีจริงๆ

ขอบคุณครับ

BNAT

  • บุคคลทั่วไป
อืม งงดี คาดเดาไม่ออก ใครจะคู่ใคร เหอะ ๆ ๆ

โตชิ รูปถ่ายกอดรัญแนบแน่น อืมๆ  ๆ แล้วมีฟิล์มมาอีก เหอะ ๆ ตัวละครหลายตัวดีจัง จับคู่ให้ไม่ถูก

รออ่านต่อแล้วกันครับ อิอิอิ

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
บมากต่อนะคราบ การเล่าเนื่องแปลกๆโดนดี อิๆ

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
เดาเรื่องไม่ถูกเลยจิงๆ

 :z2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






LIZZ

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Story] บ้านพักอลเวง the
«ตอบ #1040 เมื่อ19-11-2008 18:55:24 »

ใจอ่อนกะเป้กจนได้

แต่เป้กก็น่ารักนะแอบเชียร์อยู่555 แต่คบกันแปปดียวเองT^T


ฟิล์มขึ้นไปทามมายยยยยยยย โรตจิตแน่ๆT^T
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-11-2008 22:15:48 โดย LIZZ »

Akiizz

  • บุคคลทั่วไป
เดาเรื่องไม่ถูกเลยอ่า



รุ้สึก ไม่ค่อยชอบโตชิ เลยอ่า


แต่ว่าจะเป็นยังไงต่อไปคงต้องรอดูกัน



มาต่อไวๆนะคับ

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
ตัวละครเยอะเริ่มเพิ่มขึ้น ชักน่าสนใจนายโตชิ ท่าทางจะกัดกันมันส์ 555

pad_dfg

  • บุคคลทั่วไป
โอย งง

อ่านแล้ว งง

แต่ก็ดีใจที่ได้อ่าน

คราวนี้อัพยาว จุใจเลยอะ

mantdash

  • บุคคลทั่วไป
ยาวได้ใจมากเลยคร้าบบ  :impress2:

ตกลงพระเอกคือใครกันแน่ละเนี่กำลังงงแหะ  :laugh:

pipechan

  • บุคคลทั่วไป
โห เรื่งนี้ยาวมาก~~~ สมคำล่ำลือ 5555
แค่หน้าเดียวเนี่ย อ่านกันจนลืมเลยว่า พึ่งหน้าแรก 5555 ดี จุใจไปเลย

pad_dfg

  • บุคคลทั่วไป
มารอ

TonG_x_Zhi

  • บุคคลทั่วไป
รออ่านตอนต่อไปนะครับ

โธ่เจ้าหนูฟิล์มอ่า  ไม่น่าขึ้นรถไปกะเค้าเล๊ยยยยย

tamkub

  • บุคคลทั่วไป
มารอด้วยคนค้าบ  :impress2:


มาต่อไวๆน๊าพี่ ^ ^

stayingpower

  • บุคคลทั่วไป
“ น้องชื่ออะไรครับ” ชายแปลกหน้าถามเด็กหนุ่ม หลังจากยื่นเมนูอาหารให้กับพนักงานเสิร์ฟ

“ฟิล์มครับ” เด็กหนุ่มบอกเบาๆ

“ แล้วคิดยังไงไปเดินตากฝนให้ตัวเปียกแบบนั้นล่ะครับ รู้มั้ยว่าจะไม่สบายเอา” ชายแปลกหน้าถามด้วยน้ำเสียงเจือเป็นห่วงเป็นใย พลางหยิบผ้าเช็ดหน้าจะเช็ดหัวให้ แต่ฟิล์มก้มหลบ

“ไม่เป็นไรครับพี่ เดี๋ยวผมเช็ดเองได้” ว่าพลางคว้าผ้ามา

“พี่ชื่อ แนท นะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” พลางยื่นมือออกมาทักทาย

ฟิล์มยิ้มน้อยๆ แล้วพยักหน้า พลางยื่นมือไปสัมผัสกับมือของฝ่ายตรงข้าม ทันทีที่สัมผัสเด็กหนุ่มรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที เมื่ออีกฝ่ายยังจับไม่ยอมปล่อย จนต้องออกแรงดึงถึงปล่อย หนุ่มรุ่นพี่ยิ้มอย่างมีเลศนัย

“กลับบ้านมืดค่ำแบบนี้พ่อแม่เป็นห่วงเหรอเปล่าเนี่ย” ชายแปลกหน้าถาม

“ไม่มีใครเป็นห่วงผมหรอกฮะ กลับดึกแค่ไหนก็ไม่มีใครคอยผมอยุ่แล้ว” เด็กหนุ่มตัดพ้อ

“ยังงี้คืนนี้ไปเที่ยวเป็นเพื่อนพี่มั้ยครับ หนุกนา” ชายหนุ่มถามหยั่งเชิง พลางหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม

ยังไม่ทันที่จะตอบอะไร อาหารก็ถูกยกมาเสิร์ฟ การสนทนาจึงหยุดลงชั่วคราว ... เด็กหนุ่มไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าคนที่ไม่เคยไว้ใจคนอื่นเช่นเขา ถึงได้กล้ามากับคนแปลกหน้าได้ แถมมืดดึกป่านนี้แล้ว ถ้าเป็น เมื่อก่อน พ่อรู้เข้าคงโดนเทศไปหลายกัณฑ์

ใช่ !! ถ้าเป็นเมื่อก่อน เมื่ออดีตที่พ่ออยู่กับเขา แต่ตอนนี้เขาไม่มีใครแล้ว ไม่มีคนที่คอยห่วงใยอีกแล้ว จะเป็นอะไรไป ถ้าอยู่ๆจะมีใครที่ไหนก็ไม่รู้ มาแสดงความหวังดี เราก็ควรจะรักษาความหวังดีของเค้าไว้ เด็กหนุ่มคิดอย่างนั้น ในขณะนี้

“อิ่มยังครับ ฟิล์ม”

“ครับ พุงกางเลยพี่” ฟิล์มบอก

“งั้นเราไปเที่ยวต่อกันเลยนะ ฟิล์มตกลงไปเป็นเพื่อนพี่ใช่มั้ย” ชายหนุ่มพูดเหมือนดักคอเอาไว้ก่อน

“จะไปเที่ยวไหนอะพี่ ถ้าไปเที่ยวผับ บาร์ไรนี่ ผมจะเข้าได้เหรอครับ ผมยังไม่ 18 เลยนะ เดี๋ยวนี้เค้าต้อง 20 แล้วนะพี่” เด็กหนุ่มถามเพื่อนรุ่นพี่ในขณะอยู่บนรถ

“ห๋า ยังไม่ 18 อีกเหรอเรา เรียนอยู่ ม.ปลายอยู่เหรอเนี่ย” ชายหนุ่มพูดพลางยิ้มเล็กยิ้มน้อย

“ขึ้นปี 1 แล้วล่ะครับ”

“อ้อ อยู่มหาลัยแล้ว ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวไปร้านเพื่อนพี่ ให้เข้าอยู่แล้ว ไปดื่มอะไรนิดหน่อย คุยเป็นเพื่อนพี่ซักพัก เดี๋ยวพี่พาไปส่งบ้านนะ”

ฟิล์มพยักหน้า แต่ในใจไม่ค่อยจะเห็นด้วยเท่าไร แต่อยู่ในรถเค้าแล้วนี่หว่า ทำไงได้ล่ะ

--------------------------------

“เฮ้ย ไอ้แนท เด็กใหม่มึงเหรอว่ะ หน้ารักเชียวนะโว้ย” มีเสียงแซวจากเพื่อนเจ้าของร้าน พลางกระซิบกระซาบกัน

“มึงไปออฟมาจากซอยไหนว่ะ”

“ห่า กูนี่นะจะไปออฟเด็กบาร์ กูเจอเดินอยู่ริมฟุตบาทหว่ะ สงสัยแม่งทะเลาะกับที่บ้านมา บ่นไม่อยากกลับบ้าน ดี เข้าทางกูเลย ...”

“มึงจะฟันน้องเค้าเหรอว่ะ”

ชายหนุ่มชื่อแนทยื้ม ก็เพียงพอสำหรับคำตอบที่ถาม

“มึงช่วยชงแบบเดิมทีเด๊ะ เอาแบบแรงๆเลยนะเว้ย แม่งดูท่าเอาเรื่องเหมือนกัน”

“มึงนี่ มึงอยากฟันน้องเค้า ก็บอกเค้าไปดิว่ะ ไอ้ห่า ชอบให้กูผสมไปมอมเด็กอยู่ได้ บาปนะมึง” เพื่อนผู้หวังดีว่ากระทบกระเทียบ แต่มือไม้นี่เตรียมของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ...(ห่า)

“อ้าว เผื่อมันไม่ยอมกูจะได้ไม่โดนตีนไง เอาน่า !? เดี๋ยววันหลังกูพามาให้มึงแดกมั่งล่ะกัน เออ แล้วยกไปให้ที่โต๊ะด้วยนะมึง กูไปหาน้องเค้าก่อน” ว่าพลางตบไหล่เพื่อนเบาๆ

“อนานมั้ยครับ พี่ไปสั่งเครื่องดื่มมาให้อะ” แนทถามเด็กหนุ่ม ซึ่งนั่งรออยู่ที่โต๊ะ ซึ่งห่างจากเคาเตอร์พอสมควร
ฟิล์มสั่นหัว พลางมองไปดูบรรยากาศรอบๆ ตั้งแต่จำความได้ เขาเคยมาเที่ยวที่แบบนี้ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 เท่านั้น ครั้งแรกเมื่อตอน ม.4 มากับเพื่อนที่โรงเรียน จนเกือบยกพวกตีกัน

“มาแล้วคร๊าบบ น้ำ ******* ของน้อง กับ *********** ของมึง”

“เออ ขอบใจหว่ะ ติดไว้ก่อนนะ”

“ไอ้หอก มึงงี้ทั้งปี มึงหัดลงทุนบ้างดิว่ะ”

ฟิล์มฟังทั้งสองเถียงกันอยู่ซักพัก จนเพื่อนของแนทเดินจากไป

“เออ พี่ทำไมถึงรับผมขึ้นรถล่ะครับ แล้วยังพาไปกินข้าวอีก”

ชายหนุ่มได้ฟังก็หัวเราะ แล้วมองหน้า

“ทำไมล่ะครับ ก็พี่เห็นน้องเดินตากฝนอยู่ ก็เลยเรียกขึ้นมาก็เท่านั้นล่ะ จากนั้นเห็นน้องคุยสนุกดี พี่ก็เลยชวนมาเที่ยวเท่านั้นล่ะ ทำไมเหรอครับ รังเกียจพี่เหรอ”

ฟิล์มส่ายหน้า พลางคิดในใจ ( กูคุยสนุกตอนไหนว่ะ ) พลางดื่มน้ำเข้าไป

แค่ก !? ดื่มไปอึกแรกถึงกับสำลัก

“อ้าว กินพลวดเดียวแบบนั้นก็แย่ดิครับ มันแรงนะน้อง” ชายหนุ่มว่าพลางลูบหลังให้

“แล้วพี่ก็น่าจะสั่งอะไรให้มันดีๆกว่านี้หน่อย” ฟิล์มว่า

“คร๊าบบ ขอโทษครับ พี่ผิดไปแล้ว ก็ไม่นึกว่าเราจะคออ่อนแบบนี้นี่นา”

“ผมไม่ได้คออ่อนนะพี่ แค่ไม่คุ้น ไม่เคยกินเท่านั้นล่ะ” เด็กหนุ่มชักฉุนที่โดนว่า

“อ้อ” แนทว่า พลางมองด้วยสายตาท้าทาย “อืม เป็นงี้นี่เอง”

ฟิล์มมองเห็นหน้าที่ดูถูกแล้วอดไม่ได้

“แค่นี้อะ เด็กๆพี่” ว่าแล้วก็ซดโฮกเดียวล่อไปค่อนแก้ว จนชายหนุ่มก็ตกใจเหมือนกัน

“เฮ้ย ค่อยๆกินก็ได้ เดี๋ยวตายกันพอดี” (น้ำห่าไรว่ะ) แนทบอกพลางยิ้มชอบใจ

แล้วจากที่ดื่มกันไปกินกันมา จนเกือบ 2 ชม. ฤทธิ์ส่วนผสมบางอย่างทำให้เด็กหนุ่มเริ่มอ่อนเพลีย มากขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆ

“ม่ายย ไหวแล้วพี่” ฟิล์มบอกกับชายหนุ่ม

“อ้าว เป็นไรไปล่ะน้อง”

“ผมเริ่มมึนๆนิดหน่อยอะพี่” แต่ดูจากอาการแล้ว มึนนิดหน่อยนั้น ไม่ใช่อาการที่เด็กหนุ่มเป็นตอนนี้เลย เพราะตอนนี้ แม้แต่จะยืนก็คงไม่ไหวแล้ว

“ผมชักง่วงแล้วอะพี่ พาผมปายยส่งบ้านหน่อยดิ”

“เออ อืม ได้ๆ มาเดี๋ยวมาพี่ประคองไปขึ้นรถนะ”

แนทค่อยๆ ประคองเด็กหนุ่มขึ้นรถ พอตัวขึ้นรถได้ ฟิล์มก็สื่อสารกันไม่รู้เรื่องแล้ว

“ฟิล์ม บ้านน้องอยู่ไหนอะ” ชายหนุ่มถามเบาๆ พลางเขย่าตัว เมื่อเห็นว่าหนุ่มน้อยไม่ได้สติแล้ว ก็เป็นโอกาส ....

แนทลูบหัวเด็กหนุ่มเบา พร้อมลูบไล้ใบหน้า จนถึงจมูก ริมฝีปากแดงอ่อนๆ

“งั้นไปนอนบ้านบ้านพี่นะ” ( สำเร็จ )

เมื่อมาถึงสถานที่เชือด แนทค่อยๆประคองร่างไม่มีสติของเด็กหนุ่มมาไว้บนเตียง

“ทำไมน่ารักแบบนี้นะ เจ้าตัวดี” ว่าพลางจูบลงที่หน้าผาก ไล่มาที่แก้ม จากนั้นริมฝีปากของเด็กหนุ่มก็โดนประกบโดยปากของผู้ร้ายหลอกเด็ก ชายหนุ่มพยามยามแทรกลิ้นเข้าไป ถึงแม้ว่าจะไม่มีปฏิสัมพันธ์กับอีกฝ่าย แต่ก็เพียงพอทำให้ ชายผู้หวังดี เปลี่ยนสภาพเป็นชายหื่นกามได้ในฉับพลัน


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด