แหม -- ดีนะที่จั่วหัวว่าผีไม่น่ากลัว ขืนไม่จั่ว แล้วเจอบทนำ อาจจะมีคนโบกมือบ๊ายบาย แต่ถึงยังไงแนวผี มันก็ต้องมีบรรยากาศให้ชวนขนหัวลุกบ้างล่ะนะคะ ~ ถึงจะเข้ากัน หุๆ
เห็นอย่างนี้ แต่คนเขียนกลัวผีนะคะ
คงเขียนอะไรน่ากลัวมากเกินไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวเขียนไปสะดุ้งไปพอดี เพราะนั่งเขียนแบบหลังโล่ง เงียบ ๆคนเดียว เสียด้วยสิ 
อ้อ แล้วก็ขอบคุณนักอ่านทุกท่าน ที่ติดตามเพราะเป็นงานของปัดนะคะ
จะพยายามเขียนงานดี ๆ อ่านแล้วยิ้มได้ มาให้อ่านเรื่อย ๆ ค่ะ ถ้าผิดพลาดอะไรตรงไหนก็เตือนได้นะคะ เพราะบางทีก็หลงๆ ลืม ๆ ไปบ้าง ขอบคุณล่วงหน้าค่า
แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ 
----------------------------
ม่านราตรี
บทที่ 4
ตุลากับรุ้งพรายลาปิ่นสุดากลับเข้าบ้าน โดยชายหนุ่มให้สัญญากับเงือกสาวว่าคืนนี้เขาจะยังไม่รีบหลับ และรอคุยกับเธออย่างแน่นอน
“ปิ่นดีใจมากเลยนะ ที่ได้เจอตุลอีกครั้ง ตอนนายเป็นเด็ก เล่นซนจนพลัดตกน้ำลงไปในบ่อของเธอ เกือบจมน้ำตาย ปิ่นช่วยนายไว้ได้ แต่อาของนายน่ะสิทำหน้าตาน่ากลัวมาก แล้วรีบพานายกลับบ้านทันที ทำให้ปิ่นคิดว่าเป็นความผิดของตัวเอง แล้วก็ได้แต่รอว่าเมื่อไหร่จะได้มีโอกาสเจอนายอีก”
ตุลาหวนคิดถึงเรื่องเมื่อก่อน แล้วก็ต้องสั่นศีรษะไปมาเบา ๆ
“ผมจำไม่ได้เลยครับ ...แต่ผมคิดว่าอากริชคงไม่มีเจตนาจะโทษคุณปิ่นหรอกครับ อาเป็นคนดีนะครับ แล้วก็เป็นสุภาพบุรุษมากด้วย ...ถ้าให้ผมเดาคงเพราะกลัวผมไม่สบายมากกว่า เพราะตอนเด็ก ๆ ผมป่วยบ่อยมากเลย เจอฝน เจอแดดแรงหน่อย ก็จับไข้ไปหลายวันแล้ว”
ตุลาบอกแล้วยิ้มน้อย ๆ อย่างเป็นสุขเมื่อหวนคิดถึงอาที่เขาเคารพรัก จนรุ้งพรายที่ลอบมองอยู่ถอนหายใจเบา ๆ แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินคำถามของชายหนุ่มตามมา
“มีอะไรหรือครับคุณรุ้ง?”
“มะ...ไม่มี อ๊ะ! เข้าบ้านกันเถอะ ดูเหมือนพาทิศจะเรียกหานายอยู่นะ!”
ตุลาชะงักแล้วมองไปยังในบ้าน ก่อนจะขมวดคิ้วน้อย ๆ
“ผมไม่เห็นได้ยินเลยนี่ครับ”
รุ้งพรายแกว่งไกวหางทั้งสองไปมา ก่อนจะเอ่ยตอบ
“เคยได้ยินคำว่าหูผีไหม ของจริงเสียงจริงก็อยู่ตรงนี้ไง ...ไปเถอะ เขาไม่ได้เรียกนายตรง ๆ หรอก แต่บอกฉันให้พานายไปหาเขาต่างหาก”
ตุลายิ้มแห้ง ๆ แล้วพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามแมวดำเข้าไปในคฤหาสน์ พอเห็นพาทิศแมวสาวก็กระโดดแผล็วไปอยู่บนโต๊ะหน้าอีกฝ่าย แล้วรีบพูดขึ้นทันที
“ไง! พาทิศ ฉันพาตุลมาหานายแล้ว นายมีธุระจะพูดกับเขาใช่ไหมล่ะ! พูดเลยสิ!”
ปีศาจแมวสาวจ้องตาอีกฝ่ายเขม็ง พาทิศชะงัก ก่อนจะรีบเออออตามน้ำอย่างรวดเร็ว
“อะ! จริงด้วยสิ อืม...ฉันจะปรึกษาเธอเรื่องกับข้าวของเธอพอดีเลยตุล ฉันน่ะทำกับข้าวให้เธอกินได้ทุกมื้อ แต่ขาดวัตถุดิบพวกของสด ...หรือถ้าเธอชอบของแห้ง ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่มันจะไม่ดีกับสุขภาพเธอนะ”
ตุลานิ่งอึ้งกับความห่วงใยเอาใจใส่นั่น แล้วจึงเกาท้ายทอยเขิน ๆ ตามมา
“ง่า ...ความจริงผมก็ทานปกตินั่นล่ะครับ แต่ผมทำกับข้าวเองไม่ค่อยเป็น ถ้าอย่างนั้นผมจะไปซื้อมาตุนไว้แล้วกันครับ ...แล้วผมต้องซื้ออะไรบ้างล่ะครับ?”
พาทิศยิ้มให้ ก่อนจะไปบอกให้ตุลาเตรียมกระดาษและปากกามาจด เขาตั้งใจให้ชายหนุ่มซื้อของสดมาตุนเพื่อทำกินสัก 1 อาทิตย์ต่อครั้ง จะได้ไม่ต้องลำบากออกนอกบ้านไปบ่อย ๆ เพราะเดี๋ยวพวกชาวบ้านปากมากพวกนั้น จะเป่าหูชายหนุ่มมาอีก ก็วีรกรรมที่เพื่อนร่วมคฤหาสน์ ‘อีกราย’ ของเขาทำไว้ มันใช่ย่อยเสียเมื่อไหร่กันล่ะ
“อืม...แล้วของพวกคุณล่ะครับ จะสั่งอะไรเป็นพิเศษไหม?”
ตุลาถามขึ้นหลังจากจดรายการอาหารในส่วน 1 อาทิตย์ของตนหมดแล้ว
“ฉันเอานม นมจืดด้วยนะ ฉันไม่ชอบนมหวาน”
รุ้งพรายบอกพร้อมกับแกว่งหางทั้งสองของเธอไปมาอย่างอารมณ์ดี ตุลารีบจดรายการลงไป ในขณะที่พาทิศมองปีศาจสาวอย่างเอือมระอา ดูท่ารุ้งพรายจะติดใจตุลาเข้าให้แล้ว ดูจากการเอาแต่ใจที่เกิดขึ้น เหมือนลักษณะนิสัยของแมวที่แสดงต่อเจ้าของไม่มีผิด
“ฉันน่ะหรือ? ไม่ต้องเผื่อหรอก ส่วนปิ่นก็ไม่ต้อง รายนั้นไม่เรื่องมากเหมือนรุ้งหรอก พวกเราน่ะหาอาหารเองได้อยู่ ...หรือถ้าอยากจะเผื่อ ก็พวกปลาอะไรก็ได้”
พาทิศบอกเมื่อเห็นสายตาตั้งคำถามของตุลาเหลือบมองตน ตุลาฟังแล้วก็พยักหน้าพลางจดรายการปลาสดเพิ่มไปอีกหนึ่งอย่าง ก่อนจะชะงัก แล้วเงยหน้าถามพาทิศอีกครั้ง เมื่อหวนคิดถึงสมาชิกปริศนาที่เขายังไม่เคยพบ
“แล้วอีกคนล่ะครับ ...เขามีอะไรอยากได้เป็นพิเศษไหม”
พาทิศเงียบกริบ เช่นเดียวกับรุ้งพราย ก่อนที่ปีศาจแมวสาวจะสะบัดหางไปมาอย่างรำคาญ
“ไม่ต้องเผื่อหรอก รายนั้นน่ะวิญญาณตัวจริงเสียงจริง ไม่ใช่พวกภูต หรือปีศาจจำแลงแบบพวกฉัน ไม่กินอะไรก็ไม่ตายหรอกน่า!”
“อะ...ครับ”
ตุลารับคำ แล้วจึงขอตัวไปจ่ายตลาดซื้อกับข้าวทั้งหมดก่อน และพอลับร่างเจ้าของบ้านชั่วคราวคนใหม่ รุ้งพรายก็ถอนหายใจออกมาดัง ๆ อีกครั้ง
“เฮ้อ...ทำไมนะ ตุลก็ออกจะเป็นเด็กดีขนาดนี้ ทำไมถึงญาติดีด้วยไม่ได้ ...จริงอยู่ที่นายท่านน่ะสำคัญที่สุด แต่นายท่านก็ไม่อยู่กับพวกเราแล้วนะ…”
“ไม่เป็นไรหรอก เขาจะต้องเข้าใจและยอมรับในตัวของตุลเข้าสักวัน ...ก็เด็กคนนั้นน่ะ เป็นมนุษย์ที่ดีและเหมือนนายท่านขนาดนั้น”
รุ้งพรายเหลือบมองเพื่อน แล้วตีหางไปมาก่อนตอบ
“เหมือนแค่จิตใจดีเท่านั้นนะ แต่เรื่องความฉลาดยังห่างไกลนายท่านอีกเยอะ!”
“แต่ฉันว่าเขาเป็นเด็กหัวอ่อนก็ดีแล้วนา ว่าแต่เธอเหอะ ระวังอย่าไปแกล้งเขามากนักล่ะ ...ระวังจะเจอ ‘คนนั้น’ เล่นงานกลับเข้าให้”
พาทิศเตือนปีศาจสาวในท้ายประโยค อีกฝ่ายทำเสียงฮึในลำคอเบา ๆ แต่ก็อดหวั่น ๆ คำเตือนของเพื่อนชายอยู่นิด ๆ ก็ในเมื่อ ‘คนนั้น’ ที่พาทิศบอก แม้จะเป็นเพียงวิญญาณก็จริง แต่ก็ร้ายกาจมากอยู่เหมือนกัน
“ฉันล่ะเบื่อพวกวิญญาณแต่ละตนนี่จริง มีแต่พวกเข้าใจยากทั้งนั้น”
ปีศาจแมวสาวบ่นก่อนอ้าปากหาว แล้วจึงขอตัวไปนอนพักต่อ เพราะความจริงเวลากลางวันคือเวลานอนของเธอ แต่ที่ตื่นมาแต่เช้าก็เพียงเพราะอยากพูดคุยกับตุลานั่นเอง
ตุลาหอบข้าวของพะรุงพะรังกลับคฤหาสน์ ท่ามกลางสายตาสนอกสนใจของชาวบ้านที่มองมา แต่เพราะเห็นชายหนุ่มหิ้วของมากมายเดินกลับ จึงไม่มีใครกล้าทักแม้จะคันปากสักเพียงใดก็ตาม
“สงสัยต้องซื้อจักรยาน ไม่ก็มอเตอร์ไซด์สักคัน”
ตุลาพึมพำ แม้ระยะทางจะไม่ไกลมากจากย่านร้านค้า แต่ถ้าต้องหอบของหนักขนาดนี้บ่อย ๆ มีหวังแย่แน่ จากนั้นเขาจึงใช้ไหล่ดันประตูรั้วที่ไม่ได้ล็อกเอาไว้เข้าไป ก่อนจะเดินหิ้วของเข้าไปในบ้านตามปกติ แต่แล้วก็ต้องชะงักฝีเท้า เงยหน้าขึ้นไปมองด้านบนชั้นสอง เมื่อสัมผัสได้ถึงจิตอาฆาต เกลียดชัง จากใครบางคนบนนั้น
ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อไม่พบกับสิ่งใด เขาถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะรีบจ้ำฝีเท้าเข้าไปในบ้าน เพื่อหาเพื่อนคุย เพราะถึงพาทิศกับรุ้งพราย จะเป็นจำพวกภูตผีปีศาจ แต่ก็มองออกว่ามาดี ผิดกับจิตมุ่งร้ายที่เขาสัมผัสได้เมื่อครู่ลิบลับ
“กลับมาแล้วครับ”
ตุลาบอกแล้วเดินตรงไปที่ครัว แต่ก็ไม่เห็นพาทิศ เขาเรียกพาทิศ แล้วเรียกรุ้งพราย แต่ก็ไม่มีเสียงใดขานตอบ ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ แล้วตัดสินใจเก็บของสดแช่ตู้เย็น ก่อนจะเดินหาสมาชิกในบ้านที่เขาเพิ่งได้รู้จัก
“คุณพาทิศ? คุณรุ้ง?”
ตุลาเดินออกมาจากห้องครัว เขาเดินผ่านถังผงในครัว แต่ไม่ทันได้สังเกตเห็นเศษกระดาษแผ่นหนึ่ง ที่ถูกขยำทิ้งลงในถังนั่น มันถูกเขียนไว้ด้วยลายมือหวัด ๆ ของพาทิศ ด้วยเนื้อความที่ว่าจะขอกลับไปพักผ่อนที่ห้องใต้ดินก่อน ทว่าคนที่ทำให้มันไปอยู่ในถังใบนั้นกลับหาใช่ชายหนุ่มเจ้าของลายมือแต่อย่างใด
“แอ๊ด...!”
เสียงเปิดประตูดังขึ้นจากชั้นบน ทำให้ตุลาชะงักแล้วเหลือบมองขึ้นไป เขาก็ได้เห็นบานประตูห้องหนึ่งแง้มอยู่
“คุณพาทิศ? คุณรุ้ง? อยู่บนนั้นหรือเปล่าครับ?”
ตุลาตะโกนเรียก แต่ก็ยังเงียบ เขากลืนน้ำลายลงคอ แล้วตัดสินใจเดินขึ้นไปหาทั้งคู่ ที่คาดว่าน่าจะอยู่ในห้องนั้น
“อย่าแกล้งกันสิครับ ...ผมไม่ค่อยชอบแบบนี้เลยนะครับ”
ชายหนุ่มที่เดินขึ้นไปชั้นบนบอกอุบอิบ เมื่อมายืนอยู่หน้าห้องที่บานประตูถูกเปิดแง้มออก เขาตัดสินใจเปิดเข้าไป แล้วก็ต้องพบกับความว่างเปล่าไร้สิ่งมีชีวิตข้างในนั้น
“เอ๋? ไม่อยู่หรอกหรือ แล้วทำไม...”
พอตุลาจะหันกลับไปยังบานประตู เขาก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อมันเกิดปิดเองดังปัง ชายหนุ่มรีบบิดลูกบิดพยายามเปิดออกไปแต่ไม่เป็นผล
“อะไรกัน! เปิดเดี๋ยวนี้นะ! ไม่ตลกเลยนะ ผมไม่ชอบให้หลอกกันเล่นแบบนี้นะครับ!”
ตุลาโวยวาย แต่ดูเหมือนจะไม่มีเสียงใครตอบรับกลับมา ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะเสียวสันหลังวาบ ขนลุกซู่ เมื่อได้ยินเสียงน้ำไหลดังขึ้นมาจากในห้องน้ำ ซึ่งอยู่ภายในห้องนอนใหญ่ห้องนี้
“โธ่โว้ย!”
ชายหนุ่มสบถกับตัวเองด้วยความหงุดหงิด ลำพังถูกขังอยู่ในห้องแบบนี้ เขาก็แทบจะประสาทเสียอยู่แล้ว โชคดีที่เป็นตอนกลางวันแสก ๆ แบบนี้ ไม่อย่างนั้นเขาคงคลุ้มคลั่งยิ่งกว่าเดิมแน่
“ช่วยไม่ได้!”
ตุลาพึมพำเพราะขืนปล่อยให้น้ำไหลต่อไป เขากลัวว่าค่าน้ำเดือนนี้คงต้องจ่ายหนักกว่าเดิมแน่ ชายหนุ่มตัดสินใจเดินไปที่ผ้าม่านเปิดมันออก ปล่อยให้แสงแดดส่องเข้ามาในห้องให้เต็มที่ ห้องนี้ก็มีประตูบานกระจกติดระเบียงเช่นเดียวกับห้องเขา แต่วิวตรงระเบียงห้องนี้ จะเห็นบริเวณของสวนหลังบ้านแทบทั้งหมด โดยเฉพาะส่วนของซุ้มดอกราตรี และบ่อน้ำที่ปิ่นสุดาอาศัยอยู่
พอแสงสว่างเข้ามายังห้อง ตุลาก็เริ่มใจชื้น เขาเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปและพบกับความว่างเปล่า เจ้าตัวค่อย ๆ เหลือบไปมองอ่างล้างหน้า ที่มีน้ำไหลลงมาจากก๊อก ก่อนจะตัดสินใจหมุนปิดอย่างรวดเร็ว ทว่าเพราะเจ้าดอกราตรีที่ค่อย ๆ ร่วงหล่นลงมาจากบนเพดาน และตกลงมายังอ่างล้างหน้านั่น ก็ทำให้มือของชายหนุ่มที่ปิดน้ำเรียบร้อย ชะงักค้างจับก๊อกเอาไว้เช่นนั้น
“มะ...ไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะครับ ...ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ชอบอะไรแบบนี้”
ตุลาบอกเสียงตะกุกตะกัก มือเท้าสั่นไปด้วยความกลัว ก่อนจะร้องจ๊ากดังลั่น เพราะนอกจากดอกราตรีแล้ว ยังมีเส้นผมยาวร่วงหล่นลงมาจากเพดาน ตกลงมายังอ่างล้างมือทีละกระจุก
ชายหนุ่มไม่คิดจะแหงนหน้าขึ้นไปมองบนเพดาน เขารีบวิ่งออกมาจากห้องน้ำ ล้มลุกคลุกคลาน หนีไปที่ระเบียง ก่อนจะตาเบิกกว้าง เมื่อเห็นร่างของหญิงสาวผมยาวถึงกลางหลัง ในชุดกระโปรงวันพีชยาวคลุมเข่าสีขาวทั้งชุด ใบหน้าซีดเผือด ลอยออกมาจากห้องน้ำ ตามเขามา
“ไม่ยกให้ใครเด็ดขาด...คฤหาสน์หลังนี้ เป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น...”
น้ำเสียงเยียบเย็นดังขึ้น แสงแดดที่เคยส่องสว่างเริ่มหายไปเพราะเมฆมืดครึ้มที่ลอยมาบดบังดวงอาทิตย์ เสียจนบรรยากาศยามนี้ ราวกับกลายเป็นเวลายามเย็นแทน
“คุณ...สมาชิกอีกคน ที่คุณพาทิศ กับคุณรุ้งพรายบอกสินะ...ที่ว่าเป็นวิญญาณ...”
ตุลาพยายามทำใจดีสู้ผี ทั้งที่แข้งขายามนี้แค่ยืนก็จะไม่ไหว เขาถอยมาจนหลังพิงราวระเบียง ในขณะที่วิญญาณหญิงสาวลอยเข้ามาหาเขาช้า ๆ
“ไม่ยอมรับ...ฉันไม่ยอมรับมนุษย์อย่างแก...นอกจากเขาแล้ว ฉันไม่ยอมรับใครทั้งนั้น!”
นัยน์ตาดำขลับของหญิงสาวเบิกกว้างกลายเป็นตาขาวเหลือก ก่อนที่ร่างนั้นจะลอยพุ่งเข้ามาบีบคอของตุลาหมับ ตุลาพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้น นึกถึงคำพูดของพาทิศขึ้นมา เรื่องที่ดินแสนอาถรรพ์ผืนนี้ แม้อีกฝ่ายจะเป็นเพียงร่างวิญญาณก็ยังสามารถสำแดงฤทธิ์ทำร้ายเขาได้ทั้งที่เป็นเวลากลางวันแบบนี้ก็ตาม
“หยุดนะราตรี! ห้ามทำร้ายเขานะ!”
เสียงคุ้นเคยดังขึ้นมาจากหลังคาบ้าน รุ้งพรายในร่างแมวดำกระโจนพุ่งใส่กระแทกร่างวิญญาณของผีสาว จนต้องผละมือออกจากลำคอของตุลา ชายหนุ่มไอคอกแคกทันทีที่เป็นอิสระ ส่วนวิญญาณในชุดขาวหันมาทางปีศาจแมวสาวขวับ พลางตะคอกใส่อย่างฉุนเฉียว
“อย่ามาขวางฉันนะรุ้งพราย! ผู้ชายคนนี้จะมาแทนที่เขา ...ฉันไม่ยอมหรอก ...ฉันไม่มีวันยอมเด็ดขาด!”
“เธอมันบ้าราตรี! ตุลไม่ได้คิดจะมาเป็นตัวแทนนายท่าน เขาไม่ได้คิดจะมาเป็นตัวแทนของใคร เขาเป็นสมาชิกใหม่ของม่านราตรีเหมือนกับพวกเราต่างหาก!”
รุ้งพรายตวาดกลับ แต่ดูเหมือนผีสาวจะไม่ยอมฟังที่หล่อนบอก เธอสะบัดมือเรียกสายลมวูบใหญ่ พัดร่างของปีศาจแมวสาวลอยไปกระแทกกับรั้วระเบียงดังผลัก จนตุลาตกใจแล้วรีบวิ่งปราดเข้าไปห้ามขวางหน้า ก่อนที่ผีสาวจะลงมือซ้ำอีกครั้ง
“อย่านะ! พวกคุณเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือครับ ทำไมต้องมาทะเลาะกันเองด้วย!”
“เพราะแกไงล่ะ! เพราะแก จะมาแย่งที่ของเขาไป...แกจะล้างสมองทุกคนให้ลืมเขา แล้วยึดคฤหาสน์ม่านราตรีหลังนี้ไป ...ฉันไม่ยอม...ฉันไม่ยอมให้ทุกคนลืมเขาคนนั้นเด็ดขาด!”
ผีสาวบอกแล้วกรีดร้องเสียงแหลม เสียงของเธอทำให้ปิ่นสุดาลืมตาตื่นจากก้นบ่อ แล้วพุ่งขึ้นมาด้วยความตกใจ ส่วนพาทิศที่หลับอยู่ในห้องใต้ดินก็เบิกตากว้าง แล้วรีบลุกขึ้นมายังต้นตอของเสียงนั้นทันที
“อย่าทำเขานะราตรี! อย่าทำเขา!”
ปิ่นสุดาตะโกนห้ามจากบ่อน้ำ เมื่อเห็นราตรีตรงเข้าไปบีบคอหิ้วร่างของตุลาลอยขึ้น เตรียมจะทิ้งลงไปจากระเบียงด้านล่าง
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะราตรี ปลดเขตแดนของเธอซะ!”
เสียงทุบประตูดังตึงตังจากด้านนอก พาทิศกัดฟันกรอด แล้วจึงตัดสินใจปลดปล่อยพลังวิญญาณของตน พร้อมกับกระแทกบานประตูนั้นไปเต็มแรง จนมันหลุดกระเด็น
“ปล่อยตุลเดี๋ยวนี้นะราตรี!”
ราตรีชะงัก ก่อนจะค่อย ๆ หมุนคอของตัวเองมามองคนห้าม พลางแสยะยิ้มให้
“ได้สิ...ฉันจะปล่อยเดี๋ยวนี้ล่ะ”
พาทิศตาเบิกกว้าง พยายามพุ่งตรงไปยังร่างที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ แต่กำลังตกลงไปยังชั้นสอง ปิ่นสุดาปิดตากรีดร้อง ส่วนรุ้งพรายพยายามฝืนลุกขึ้นไปช่วย แต่แค่จะขยับเธอก็ไม่ไหวเพราะความจุกจากการถูกเล่นงาน
“ไม่นะตุล!”
รุ้งพรายร้องตะโกนลั่น ก่อนจะชะงักเช่นเดียวกับวิญญาณและปีศาจตนอื่น เพราะสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณมหาศาลที่ถูกสร้างเป็นเบาะนุ่มหนุนรองให้ตุลาตกลงมาอย่างปลอดภัย
“แก...เป็นใคร...”
ราตรีมองร่างของก้อนพลังวิญญาณที่ก่อตัวกันขึ้นมาเป็นร่างของชายหนุ่มคนหนึ่ง อีกฝ่ายเงยหน้ามองราตรีแล้วยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะสั่นศีรษะไปมา
“ไม่ไหว ๆ ที่ดินนี่อาถรรพ์เกินไปจริง ๆ ขนาดวิญญาณอย่างเธอยังถูกมันครอบงำ จนจำฉันไม่ได้เสียอย่างนั้น”
ตุลาพยุงกายขึ้นนั่งด้วยความมึนงง เขามองตามไปยังต้นเสียงที่ช่วยชีวิตเขา และแม้จะเห็นเพียงแค่แผ่นหลัง แต่ก็ทำให้ชายหนุ่มน้ำตาซึม แล้วพึมพำเสียงแผ่ว
“อากริช...นั่นอาใช่ไหมครับ...”
ร่างสูงเพรียวของวิญญาณหนุ่มชะงักเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ หันมายังเสียงเรียกชื่อตน ใบหน้าอ่อนเยาว์แย้มยิ้มปราณีส่งให้กับผู้เป็นหลาน ก่อนจะหันกลับไปมองวิญญาณสาว ที่บัดนี้เริ่มปลดปล่อยพลังด้านลบอันชวนกดดันแผ่ซ่านไปทั่วคฤหาสน์ นัยน์ตาเหลือกขาวจับจ้องมองตรงมายังร่างของตุลาเขม็ง
“ไม่ยอมหรอก...ไม่ยอมให้ใครมาแทนที่เขาทั้งนั้น ...ถ้าแกยังยืนกรานจะอยู่ที่นี่อีก ....ฉันจะฆ่าแกเอง!”
--- TBC ---