†ღ♥ Łove Âccident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ ♥ღ†(นายนิค&คุณกาย) ตอนพิเศษ Happy Valentine's Day
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: †ღ♥ Łove Âccident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ ♥ღ†(นายนิค&คุณกาย) ตอนพิเศษ Happy Valentine's Day  (อ่าน 522673 ครั้ง)

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
ค้างงงอะพอนนี่ กำลังมันส์เลย  :z10:

ออฟไลน์ boboaje

  • ไม่ชอบหวาน ชอบครบรส
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
อ๊าก ก ก ก ก   :z3:  ค้างมากๆ ค่ะ ... ยังไม่คืบหน้าเลยอ่ะ ขอตอนต่อไปด่วนเลย ทำเอาค้างกันเป็นแถบๆ ...สู้สู้นะคะ

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9

nartch

  • บุคคลทั่วไป
รอบต่อไปสงสัยวันพ่อ... o18
 :m15:  สงสารกายจัง...

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
 :sad11:

กายมีอดีตที่น่าเศร้า นิคดูแลดีดีนะ

tatae

  • บุคคลทั่วไป
โหดร้ายที่สุด
มาต่อไว้ๆๆนะ
กะลังสนุกเลย

sinelent

  • บุคคลทั่วไป
 :3123:  + 1  ให้จ้า  มาต่อเร็วๆ  น๊า

มันค้างอ่า    พลีสสสส

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
แล้วนิคจะทำไงต่อไปล่ะเนี่ยยยย

patiharn

  • บุคคลทั่วไป
 :sad11: เรื่องมันเศร้าจังเลยเน๊อะ  ถ้านิคกลับไปทำงานตอนนี้ แม่ยกมีเคืองนะจ๊ะ สงสารคุณกายอ่ะ
ว่าแล้วก็รอติดตามนะคะ :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






TARO

  • บุคคลทั่วไป

satan666

  • บุคคลทั่วไป




มาแล้วจ้า :กอด1:

 :z10:

เห็นมีคนแซวว่าต้องรอถึงวันพ่อ 555+++ ไม่นานขนาดนั้นหรอกค่ะ :m15:

ใครคิดถึงนิคกายกลับมา :mc4:

ช่วงนี้เห็นมีเรื่องใหม่เยอะแยะมากมาย น่าอ่านทั้งน้านน แต่อ่านเรื่องอื่นแล้ว อย่าลืมติดตามเรื่องนี้ต่อด้วยนะคะ อิอิ

ฝากด้วยนะคะ  :L2:




-----------------------------------------------





Chapter:33 ต้องห่างกัน(1) 







คืนนี้... เป็นคืนที่ผมข่มตานอนไม่หลับ แต่คนข้างกายที่ผมคอยห่วงใยหลับไปแล้วด้วยความอ่อนเพลียจากการร้องไห้ แม้ผมยังคงไม่รู้สาเหตุของเรื่องราว แต่ผมก็ได้ให้สัญญากับตัวเองแล้วว่า ผมจะต้องทำอะไรบางอย่างกับเรื่องนี้ อย่างน้อยก็เพื่อให้ตัวผมหมดห่วงเสียก่อนที่ผมจะต้องกลับไปเริ่มทำงานอีกครั้ง

กว่าจะกล่อมให้คุณกายหลับได้ก็นาน เพราะเขาเป็นคนที่หลับยากอยู่แล้ว ยิ่งมีเรื่องมารบกวนจิตใจแบบนี้ด้วย ก็สมควรแล้วที่เขาคิดจะพึ่งยานอนหลับ
 
ผมนอนมองใบหน้าที่อิดโรยของคนรักด้วยความไม่สบายใจนัก ยังไงผมก็ยังไม่วางใจที่จะหลับตานอนจนกว่าจะผ่านพ้นคืนนี้ไป อยากจะให้เขาตื่นขึ้นมาโดยเห็นผมอยู่เคียงข้างตลอดเวลา ไม่อยากให้เขาคิดว่าเขาต้องเผชิญกับความทุกข์ใจเพียงลำพัง ผมขอแค่ได้เป็นที่พึ่งพิงให้แก่เขาก็พอ

“แม่...” ความคิดสิ้นสุดลงเมื่อคนที่นอนหลับอยู่ละเมอเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน ทำเอาผมต้องลุกขึ้นมามองดูให้แน่ใจว่าหูไม่ได้ฝาด

คนตรงหน้าผมเริ่มอยู่ไม่นิ่ง ท่าทางของเขาดูกระสับกระส่าย คิ้วเรียวขมวดกันมุ่น เหมือนกับคนกำลังฝันร้าย

 “แม่ครับ ผมทำผิดอะไร ผมผิดอะไร...”   เสียงเพ้อดังขึ้นจนได้ยินอย่างแน่ชัด  มือไม้ของเขาปัดป่ายไปมา เหมือนกับจะปัดป้องตัวเองจากอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็น

จนเมื่อเห็นน้ำตาค่อยๆไหลจากดวงตาที่ปิดสนิทอยู่เท่านั้นแหละ ความกระวนกระวายก็ถาโถมเข้ามาหาผมในทันที

ตัดสินใจเขย่าตัวคุณกายให้ตื่นขึ้น แต่เขากลับไม่มีปฏิกิริยาใด นอกจากน้ำตาที่ไหลออกมาเรื่อยๆอย่างไม่รู้ตัว ผมมองดูด้วยความร้อนใจและตกใจ ไม่อยากจะคิดเลยว่า คุณกายกำลังฝันถึงอะไร? แต่มันคงจะเป็นสิ่งที่ปวดร้าวอย่างมากจากจิตใต้สำนึกของเขา
 
“คุณกาย คุณกายครับ ตื่นเถอะ!” ผมร้องเรียกพร้อมกับเขย่าตัวอีกฝ่ายไปด้วย

“คุณกาย... คุณกายครับ คุณกาย!”

ผมเริ่มใจไม่ดี เมื่อปลุกเรียกคนตรงหน้าเท่าไหร่เขาก็ไม่ยอมตื่น จนผมนึกกลัวว่าเขาจะไม่ตื่นขึ้นมาหาผมอีก ท่าทางของเขาราวกับคนที่เดินวนเวียนในโลกอีกใบที่หาทางออกไม่พบ สีหน้าของเขาดูทุกข์ทรมานมาก จนผมทนดูต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
 
“คุณกาย!” ผมตะโกนเสียงดังขึ้น ทั้งเขย่าร่างกายเขาแรงขึ้น จนในที่สุดคนตรงหน้าก็ลืมตาโพล่งมองหน้าผม

ในตอนนั้นความตื่นตกใจกับท่าทีของเขาสิ้นสุดลงพร้อมกับความปลอดโปร่งใจที่ตามมา จนต้องดึงตัวเขาเข้ามากอดไว้แน่เพื่อเรียกขวัญที่หายไปของตนเองกลับคืนมา ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่

“คุณ... ฝันร้ายเหรอครับ ผมตกใจแทบแย่...”

คนในอ้อมกอดผมไม่ตอบอะไร เขาเพียงแต่หายใจหอบกระชั้นถี่ เหมือนกับคนที่ยังตื่นกลัวจากการฝันร้าย จนผมต้องลูบแผ่นหลังที่เปียกชุ่มนั้นเบาๆเพื่อให้เขารู้สึกผ่อนคลายลง

“นิค... ฉันไม่เป็นไรแล้วล่ะ ปล่อยเถอะ...” คุณกายบอกเสียงเบา ผมได้แต่ปล่อยเขาออกจากอ้อมแขน แต่ก็ยังรู้สึกไม่ค่อยจะวางใจนัก

คุณกายลุกจากเตียงถอดเสื้อผ้าที่ชื้นเหงื่อออก ก่อนจะหันมาบอกผมให้นอนต่อไม่ต้องรอเขา ส่วนเขาจะไปอาบน้ำ

ผมมองตามการกระทำทุกอย่างของเขาจนกระทั่งประตูห้องน้ำปิดลงบดบังสายตาผมจากตัวเขา ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ แต่ยังคงรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก

จะให้นอนต่ออย่างที่เขาบอกคงเป็นไปไม่ได้ เพราะผมเองก็นอนไม่หลับตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
เหลือบเห็นโทรศัพท์มือถือคุณกายบนโต๊ะหัวเตียง เลยหยิบขึ้นมาดูเวลา

ตีห้าสามสิบสองนาที... อีกไม่นานก็เช้าแล้ว...

หน้าจอมือถือโชว์สายที่ไม่ได้รับสามสาย ผมเปิดดู เห็นชื่อคนโทรมา ความคิดหนึ่งก็ผ่านวูบเข้ามาในสมองทันที

จะเป็นอะไรไหมนะ ถ้าผมตกลงใจจะทำอะไรบางอย่าง....

.

.

.

นี่เป็นเช้าที่เท่าไหร่แล้วนะ ที่ผมได้มาอยู่ร่วมกับคนที่ผมแสนรักคนนี้ ทุกๆวันที่ได้อยู่กับเขา นับเป็นช่วงเวลาพิเศษสำหรับผม และอยากจะให้มันคงอยู่แบบนี้ร่ำไป

หากแต่สถานการณ์รอบข้างที่เปลี่ยนผันอยู่ตลอดเวลา กลับทำให้ผมและคุณกาย ไม่สามารถจะหยุดเวลาแห่งความสุขของเราเอาไว้ได้ตามใจนึก พวกเรายังคงต้องใช้ชีวิตอยู่ในสังคมมนุษย์ต่อไป เพียงเพื่อให้มีปัจจัยสำคัญในการดำรงอยู่ ถ้าเราหันหลังให้กับสิ่งรอบข้างโดยไม่ต้องแคร์อะไรได้จริงๆ วันนั้นก็คงเป็นวันที่ว่างเปล่าที่สุดเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะนึกได้

หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ผมไม่ทราบสาเหตุ ท่าทางของคุณกายไม่ได้ดูดีขึ้นและไม่ได้ดูแย่ลง เหมือนกับว่าเขาพยายามจะแสดงให้ผมเห็นว่าเขาปกติดี ซึ่งสำหรับผมที่เป็นคนรักของเขาแล้ว ทำไมผมจะมองไม่ออก ว่าเขาได้แสร้งทำขึ้นมาเพื่อให้ผมรู้สึกสบายใจเท่านั้น

แต่เขาไม่รู้หรอกว่า ยิ่งเขาทำแบบนี้มันยิ่งทำให้ผมคิดมาก และหนักอึ้งในจิตใจมากกว่าเดิม...

เมื่อทุกอย่างไม่ดีขึ้นแบบนี้ มันทำให้ผมคิดว่า สิ่งที่ผมคิดจะลองทำดู เห็นทีจะหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกแล้ว

.

.

.

รถแท็กซี่ที่ผมนั่งมาจอดนิ่งลงหน้าร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ผมจ่ายเงินเสร็จก็ลงจากรถ พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อลดความตึงเครียดในใจให้สงบลง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เมื่อคิดว่าพอก้าวพ้นประตูร้านเข้าไป ผมจะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง

บางทีการกระทำของผม ที่หวังว่าจะให้เรื่องร้ายกลายเป็นดี มันอาจจะเป็น... จากเรื่องร้ายกลายเป็นเรื่องเลวร้ายกว่าเดิมก็เป็นได้

วินาทีนี้ ผมไม่มั่นใจเอาเสียเลย...

แต่จะทำไงได้ ในเมื่อทำไปแล้ว ก็ถอยหลังกลับไปไม่ได้อีกแล้ว   

ผมยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา หน้าปัดนาฬิกาข้อมือบอกผมว่า อีกสิบห้านาทีจะถึงเวลานัดแล้ว ผมไม่ได้มาสาย...

เพียงแต่ไม่ทราบว่า คนที่นัดไว้เขาจะมาถึงก่อนหรือผมมาถึงก่อนเท่านั้น...

เข้ามาภายในร้านที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ก็ทำให้รู้สึกใจเย็นลงได้ในนิดหน่อย บรรยากาศในร้านตกแต่งได้อย่างมีรสนิยม ไม่แปลกเลยที่คนที่ผมนัดไว้ จะเป็นคนเลือกสถานที่นัดพูดคุย

พนักงานเดินเข้ามาทักทายผมอย่างมีอัธยาศัย พลอยทำให้บรรยากาศในร้านที่เปิดเพลงฟังสบายๆดูอบอุ่นยิ่งขึ้น ผมบอกกับพนักงานว่านัดคนไว้ก่อนแล้ว

“ใช่เป็นคุณธาราทิพย์รึเปล่าครับ?”
 
“ครับ ใช่ครับ! หรือเธอมาแล้ว?” ผมเลิกคิ้วถาม รู้สึกแย่นิดหน่อยที่ผมไม่ได้เป็นคนที่มาถึงก่อน

“ครับ คุณเขาเป็นลูกค้าประจำของเราอยู่แล้วครับ มาดื่มกาแฟที่ร้านเราเป็นปกติทุกวัน เชิญทางนี้เลยครับ...”

บริกรหนุ่มเดินนำผมเข้าไปภายใน ออกทางประตูหลังร้าน ทำให้ผมเพิ่งรู้ว่าร้านกาแฟแห่งนี้แบ่งออกเป็นสองโซน พ้นประตูมาก็เห็นความร่มรื่นของพันธุ์ไม้สีเขียวนานาพันธุ์ทันที  ที่แห่งนี้ตกแต่งเป็นสวนสวยเล็กๆมีโต๊ะไม้หวายจัดอยู่ประมาณสามชุดตามมุมต่างๆภายในสวน

ร่มผ้าใบสีขาวจัดวางไว้ระหว่างโต๊ะกันแสงแดดยามเช้าที่เริ่มส่องแสงเจิดจ้าขึ้น เห็นแบบนี้แล้วผมรู้สึกว่าเทียบกับข้างในร้านที่ติดแอร์เย็นฉ่ำแล้วที่นี่ให้บรรยากาศที่น่านั่งกว่าเป็นไหนๆ

ผมลองแอบถามพนักงานที่นำทางผม ว่าคนที่ผมนัดไว้เขามาถึงนานแล้วรึยัง? คำตอบที่ได้รับทำให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้น เพราะคนที่นั่งคอยผมอยู่เพิ่งจะมาก่อนผมได้ไม่ถึงสิบนาทีเอง

“สวัสดีครับพี่ทิพย์” ผมกล่าวทักทายขึ้นก่อนเมื่อเดินถึงโต๊ะ

หญิงสาวยิ้มรับพร้อมกับเอ่ยเชิญชวนให้ผมนั่งลง บริกรคนเดิมยื่นเมนูให้ผมสั่งเครื่องดื่มกับขนมของทางร้าน

“เอสเปรสโซ่ครับ… พี่ทิพย์ล่ะครับ?”

“พี่สั่งของพี่เรียบร้อยแล้วจ้ะ เดี๋ยวคงมา”

“ครับ... เท่านี้แหละครับน้อง”  พนักงานค้อมศีรษะให้ก่อนจะเดินหายเข้าไปภายในร้าน

เมื่อเหลือแค่เราสองคนนั่งอยู่ตามลำพัง ความรู้สึกประหม่าก็เริ่มเข้าครอบงำผมขึ้นมาอีกครั้ง อยากจะพูดคุยกับเธอถึงเรื่องสำคัญให้กระจ่าง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มถามจากตรงไหนก่อนดี

ใช่แล้วครับ... เรื่องที่ผมลองตัดสินใจทำดูก็คือการขอพบกับพี่สาวของคุณกายตามลำพังนี่เอง...

 ในวันที่เกิดเรื่องนั้น ผมดูโทรศัพท์มือถือของคุณกายแล้วเห็นว่าสายที่โทรเข้ามาเป็นชื่อพี่สาวของคุณกาย นั่นทำให้ผมจุดประกายความหวังขึ้นมา ผมจึงเมมเบอร์มือถือของเธอไว้ แล้วตัดสินใจอยู่นานกว่าจะโทรไปหาเธอ เพื่อขอนัดคุยด้วยเป็นการส่วนตัวในเช้าวันนี้

จุดประสงค์ของผมก็เพื่อถามพี่สาวคุณกาย ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคนรักของผมเท่านั้น ในเมื่อคุณกายไม่ยอมบอกอะไร แถมท่าทางอาการก็ไม่เห็นว่าจะดีขึ้นอย่างปากพูด ผมถึงได้ตัดสินใจถามคนต้นเหตุอีกคน ที่ดูเหมือนจะทราบเรื่องทุกอย่างเป็นอย่างดีคนนี้

มันอาจจะดูเป็นการละลาบละล้วงเรื่องในครอบครัวของเขา แต่ผมก็ทนไม่ได้ที่ยังเห็นคุณกายเป็นอย่างนี้ ทั้งๆที่เหลือเวลาอีกไม่ถึงสัปดาห์ ผมก็ต้องบินกลับไปทำงานของผมต่อแล้ว

ถ้าไม่ได้ทำอะไรสักอย่างกับเรื่องนี้ ผมก็คงทำงานได้อย่างไม่เป็นสุข เพราะยังไม่หมดห่วงเรื่องของเขา  อย่างน้อยก็ขอให้ได้รู้ต้นสายปลายเหตุสักหน่อย ดีกว่าไม่รู้อะไรเลย

อยากจะให้ฐานะแฟนของผม มีส่วนช่วยอะไรได้บ้าง อย่างน้อยก็สามารถพูดให้กำลังใจคนรักได้ถูกจุด...

รอจนกาแฟมาเสริฟ์ที่โต๊ะแล้ว แต่บทสนทนาระหว่างผมกับเธอก็ยังไม่ได้เริ่มขึ้นเลย

หญิงสาวไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาของเธอที่มองผมอย่างสำรวจสร้างความกระอักกระอวนแก่ผมเป็นอย่างมาก จนไม่รู้จะเริ่มพูดกับเธออย่างไรดี

ความจริงผมเป็นคนมีความมั่นใจในตัวเองสูงนะ แต่พอมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ผมก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน กลัวว่าถ้าถามอะไรออกไปที่เกี่ยวกับน้องชายของเธอ เรื่องที่ผมคบกับน้องชายเธอจะแดงขึ้นมา แล้วพลอยทำให้คุณกายของผมเดือดร้อน

ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าคุณกายรู้จะเกิดอะไรขึ้น!

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อเขาไม่บอกอะไรผม ก็มีแต่ผมต้องเป็นฝ่ายมาถามจากพี่สาวของเขาแทน

ส่วนอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปนั้น ก็เอาไว้แก้ปัญหากันในภายหลังก็แล้วกัน

ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ยกแก้วเอสเปรสโซที่หอมกรุ่มขึ้นมาจิบคำหนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจพูดขึ้นมา

“คือว่า...”

“ตกลงเธอเป็นอะไรกับน้องชายพี่กันแน่?”

ผมสะอึกคำพูดที่เตรียมไว้ลงคอ ลืมตามองคนตรงหน้าอย่างอึ้งๆ ที่จู่ๆเธอก็สวนคำถามขึ้นมาโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว แถมยังเป็นคำถามที่ตรงเป้าชนิดที่หลบหลีกไม่พ้นเสียอีก เลยได้แต่มองหน้าเธอเงียบๆ

เพราะรู้ว่าเธอคงคาดเดาอะไรได้เองอยู่แล้ว จากการที่ผมโทรนัดพบเธอในวันนี้ อะไรๆจากการกระทำของผม มันฟ้องให้เห็นอยู่แล้วว่า ความสัมพันธ์ของผมกับคุณกายนั้น คงไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดา

“พี่สงสัยตั้งแต่เมื่อวันก่อนแล้ว พี่เห็นพวกเธอตักกับข้าวให้กันกินก่อนที่จะทักพวกเธอแล้ว มองดูแล้วมันเหมือนเป็นคู่รักมากกว่าเป็นเพื่อนอีกนะ”

นี่เธอสังเกตเห็นมาตั้งแต่แรกแล้วเหรอเนี่ย! คงเป็นเพราะตอนนั้นผมกับคุณกายมากินข้าวกันสองคน ไม่คิดว่าจะเจอกับคนรู้จัก เลยไม่ทันได้ระวังตัวเอาไว้ก่อน มัวแต่สนใจกันและกันจนลืมไปเลยว่าคนรอบข้างอาจสังเกตได้จากการแสดงออกของพวกเรา

ไอ้ผมนะไม่เท่าไรหรอก ไม่ถือสาเลยว่าใครจะมามองผมกับคุณกายเป็นอะไรกัน แต่คุณกายนี่สิ... ผมรู้ดีว่าเขายังไม่พร้อมที่จะให้ใครต่อใครมารู้เรื่องระหว่างเรากัน

“ตอนแรกก็คิดว่าอาจจะคิดไปเอง แต่พอได้รับโทรศัพท์จากเธอ พี่ก็รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร เธอนัดพี่มาคุยเรื่องกายในวันนี้ ก็เพราะเป็นห่วงกายใช่ไหม?”

“ครับ...”

 “นั่นสินะ... ถ้าเป็นเพื่อนกันเฉยๆ คงไม่ทำอะไรแบบนี้หรอก” เธอพึมพำออกมาให้ผมได้ยิน ก่อนจะยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบบ้าง
 
ท่าทีของเธอดูเรียบเฉยมากเมื่อรู้เรื่องที่ผมกับคุณกายคบกัน ทำให้ผมอ่านไม่ออกเลยว่า เธอรู้สึกอย่างไรเมื่อรู้เรื่องนี้

ไม่รู้เลยว่าเธอรับความสัมพันธ์แบบนี้ได้หรือไม่ได้กันแน่?

ผมไม่ห่วงตัวเองหรอกนะเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ผมห่วงคุณกายมากกว่า ในเมื่อผู้หญิงตรงหน้าผมคนนี้ เป็นพี่สาวแท้ๆของคุณกายนี่นา

บางที... ผมอาจจะผิดตั้งแต่แรกแล้วก็ได้ ที่ตัดสินใจทำอะไรบุ่มบ่ามแบบนี้

เฮ้อ... แต่ผมก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ในเมื่อผมเป็นห่วงคุณกายในตอนนี้มากกว่านี่




---------------------------------------------




LifeTime

  • บุคคลทั่วไป
อูยยยยย เกร็งตับไปหมดละ...จะดีขึ้นหรือแย่ลงละเนี่ยยยย  :เฮ้อ:

satan666

  • บุคคลทั่วไป
^
^
^

ดีใจค่ะ ที่ยังมีคนเห็นเรื่องนี้อัพด้วย กร๊ากกกกก :laugh:

+1 ให้เลย ขอบคุณที่ติดตามนะคะ



ต่อๆๆๆ ด้านกายบ้าง อิอิ  :-[



---------------------------------------------




บทที่33 Part2






เรื่องเมื่อวัยเด็กที่ผมพบเจอมา ทุกอย่างที่ผมเคยเข้าใจ และเคยเสียใจกับมัน พอมาได้รู้ความจริงที่แตกต่างกันทีหลังในตอนนี้ กลับกลายเป็นว่าทุกอย่างที่เผชิญมาดันเป็นตลกร้ายฉากหนึ่ง ที่พวกผู้ใหญ่จับผมโยนลงไปให้รับบทนั้นบทนี้ ผลักไสให้ผมไปทางนั้นทางนี้ โดยที่สิ่งที่ผมรับรู้เป็นเพียงแค่ข้อมูลส่วนหนึ่งของเรื่องจริงเท่านั้น

มันเป็นอะไรที่แย่มาก ถ้าความจริงทุกอย่างมาเปิดเผยเอาตอนที่ผมผ่านเรื่องราวเหล่านั้นมานานแล้ว ใครๆคงคิดว่าเรื่องมันผ่านมานานแล้ว ผมน่าจะทำใจได้  แต่ไม่เลย... ใครจะรู้นอกจากตัวผม ว่าเวลาไม่ได้ทำให้แผลใจเมื่อวัยเด็กของผมหายได้เลย   

ผมไม่ได้รู้สึกเคียดแค้นหวาดกลัวแม่ที่ทำร้ายร่างกายผมเมื่อวัยเด็ก ผมไม่ได้ฝังใจในความเจ็บปวดที่แม่ทุบตีผม แต่สิ่งที่ผมฝังใจไม่เคยลืมคือคำถามหนึ่งเท่านั้น ว่าทำไม...

ทำไมแม่ถึงได้เกลียดชังผมนัก? ทั้งที่ผมไม่เคยได้ทำอะไรเลวร้ายให้เลยสักครั้ง...

ผมผิดอะไร? ในตอนนั้นไม่มีใครตอบผมได้เลย แม้แต่คุณย่าที่ผมรักที่สุด

หรือไม่... ทุกคนอาจตอบคำถามของผมได้ เพียงแต่พวกเขาเลือกที่จะปิดปากเงียบเท่านั้น

แล้วผมล่ะ... ทุกคนเห็นผมเป็นตัวอะไร...

ตอนเป็นเด็กคุณปู่เคยสอนผมว่า ทุกอย่างมีเหตุและผลในตัวมัน แต่ผมไม่อาจหาคำตอบของผลที่ผมได้รับ ได้เลยสักครั้ง... ผมจมอยู่กับปัญหานี้มานานแสนนาน จนสรุปเอาเองว่าเพราะพ่อเป็นคนเจ้าชู้เลยทะเลาะกับแม่ จนถึงขั้นหย่าร้างกัน พลอยทำให้ผมติดร่างแหที่พ่อทำไว้ไปด้วย และคิดว่าแม่มีอาการทางจิตประสาทก็เลยเกลียดผมเหมารวมถึงพ่อด้วย ผมพยายามคิดในแง่ดีแบบนี้มาตลอด...

แต่เหมือนกับว่าผมจะคาดเดาเรื่องอย่างง่ายดายและรวบรัดเกินไป จนมันดูขัดกับเหตุผลหลายอย่าง จนกระทั่งความจริงทุกอย่างได้มาเปิดเผยจากปากพี่ทิพย์นี่แหละ มันเลยทำให้ผมรู้สึกว่าเรื่องที่ผ่านมา ความทุกข์ที่ผมได้รับโดยไม่ตั้งใจ มันก็แค่ตลกร้ายของเด็กชายคนหนึ่งเท่านั้น!

ผมจะไม่รู้สึกอะไรมากเท่านี้เลย... ถ้าหากว่าทุกคนบอกความจริงกับผมตั้งแต่แรก! ถึงแม้ว่าในตอนนั้นผมอาจจะยังเด็กอยู่ แต่ถ้าให้ผมรู้เรื่องตั้งแต่แรก ผมอาจจะแค่เสียใจที่ดันมาเกิดผิดที่ผิดเวลาเท่านั้น  และความเป็นเด็กอาจจะทำให้ผมลืมและทำใจได้เร็วกว่าปัจจุบันก็ได้!

เหตุผลที่ผมตามหามาตลอดตั้งแต่เด็ก ได้ปรากฏอย่างชัดแจ้งให้ผมได้รับรู้ในตอนนี้แล้ว!
 แต่มันก็สายไปเสียแล้ว เมื่อความจริงที่ทุกคนพยายามปิดบังผม กลับทำให้ผมรู้สึกแย่มาก

ไม่ใช่ทำใจไม่ได้... แต่มันเป็นความรู้สึกเสียความรู้สึกอย่างที่สุด

ผมรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจจนเกิดคำถามว่า มันยากนักหรือกับการที่ทุกคนจะหันมาสนใจแคร์
ความรู้สึกของเด็กคนหนึ่งบ้าง? มันยากมากเหรอ?

เด็กอย่างผมในตอนนั้น ไม่มีชีวิตจิตใจหรือไงกัน...?

ใครช่วยบอกผมที...
.

.

.

ผมถอนหายใจยาวออกมา เอนหลังพิงพนักพิงเก้าอี้โต๊ะทำงาน พร้อมกับยกมือขึ้นบีบหว่างคิ้วเบาๆ เพื่อผ่อนคลายความเครียด หมุนเก้าอี้ไปมองภาพทิวทัศน์ยามคำคืนของกรุงเทพฯผ่านกระจกใสบานใหญ่ในห้องทำงาน ความคิดล่องลอยไปถึง คืนวันที่ได้พูดคุยกับพี่ทิพย์ในวันนั้น...

“ละ...แล้วผมเป็นลูกใคร...?” ผมกลั้นใจถามหลังจากที่รู้ความจริงจากปากพี่ทิพย์ว่าพวกเราเป็นพี่น้องคนละท้อง

“…พี่ไม่รู้ แม่บอกพี่ว่าแม้แต่แม่เองก็ยังไม่รู้เลย แม่บอกว่าอยู่ๆวันหนึ่งพ่อก็เรียกให้แม่ไปหาที่บ้านคุณปู่คุณย่า แล้วก็นำเด็กทารกคนหนึ่งมาบอกให้แม่รับเป็นลูกอีกคน...”

“คุณปู่... คุณย่า...” ผมพึมพำเสียงเบา น้ำตาที่เอ่อคลอหน่วยไหลออกมาเป็นทาง

ความจริงที่ได้รู้ว่าแม่ไม่ใช่แม่แท้ๆของผมสร้างความเสียใจให้แก่ผม ไม่เท่ากับการได้รู้ว่าคุณปู่คุณย่าที่ผมรักมากที่สุด กลับเป็นผู้ที่รู้เห็นเป็นใจในเรื่องนี้ด้วย

นี่ก็แสดงว่า... ทุกอย่างที่ผ่านมาพวกท่านที่คอยเลี้ยงดูอุ้มชูผมรู้มาตลอด แต่ไม่เคยบอกผมเลยสักครั้ง พวกท่านเลือกที่จะปิดบังความเลวร้ายที่พ่อทำไว้มากกว่าที่จะบอกให้ผมรู้ว่าอะไรเป็นอะไร

ผมเสียใจเหลือเกินที่ได้รู้ว่า ทุกอย่างที่ผมพบเจอมา เป็นการรวมหัวกันของพวกผู้ใหญ่ เพื่อที่จะสะสางเรื่องราวทุกอย่างไม่ให้เสื่อมเสียวงศ์ตระกูล แต่กลับไม่ได้คิดเลยว่าชีวิตต่อไปในอนาคตของเด็กคนหนึ่งจะเป็นอย่างไร

ในตอนนั้นคุณปู่คุณย่าและพ่อ จะรู้บ้างไหมว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะผูกใจเจ็บแค้นกับเรื่องนี้มากแค่ไหน ทุกคนต่างคิดว่าเรื่องมันจะจบลงอย่างสวยงาม แต่เปล่าเลย... ชีวิตจิตใจคนเรามันไม่ได้สวยงามราบเรียบอย่างที่คิด...

ผมมองพี่สาวเพียงคนเดียวของผม ด้วยความรู้สึกราวกับมองคนแปลกหน้าคนหนึ่ง ในเมื่อเธอรู้ความจริงทุกอย่างมาตลอด แต่เธอกลับเลือกที่จะปิดบังต่อไปตามที่ผู้ใหญ่ร่วมกันทำมา หรือความเป็นพี่น้องกันมันไม่ช่วยทำให้เธอรู้สึกเห็นใจผมบ้างเลยหรือ...?

เธอมองตอบสายตาผมเช่นกัน ดวงตาของเธอมีน้ำตาคลอราวกับจะบอกผมว่าเธอเองก็เสียใจกับเรื่องนี้เหมือนกัน

“...พี่ขอโทษ ...พี่เองก็เพิ่งรู้ความจริงทั้งหมดจากปากแม่เมื่อสามปีก่อน หลังจากที่แม่หายป่วยแล้วนั่นแหละ พี่ก็เลยคิดว่า... เลยคิดว่าเรื่องมันก็ผ่านมานานปีแล้ว บอกไปก็กลัวทำให้น้องพี่เสียใจซ้ำ ก็เลยเลือกที่จะให้ความจริงค่อยๆเลือนหายไป...”

“แต่พี่ไม่เคยคิดเลยว่า ผมไม่ใช่คนโง่นะ ที่จะไม่เคยสงสัยอะไรเลย... ยิ่งโตขึ้นความสงสัยมันก็เพิ่มมากขึ้น พี่ไม่เข้าใจความทรมานใจของผมหรอก แถมยังจะให้ผมไปพบกับแม่ ราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นอีก พี่ใจร้ายมาก... ” ผมกัดฟันพูด พร้อมกับส่งสายตาตัดพ้อไปให้
 
“…พี่ขอโทษ”

ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หันหน้ากลับไปมองความมืดมิดของท้องน้ำอีกครั้ง

“เอาเถอะ... ไหนๆก็ไหนๆแล้ว พี่เล่าให้ผมฟังตั้งแต่ต้นเลยได้ไหม เล่าทุกอย่างที่พี่รู้ให้ผมฟังทั้งหมด...”

.

.

.


‘...เรื่องราวมันเกิดจากปัญหาเรื่องวงศ์ตระกูลตั้งแต่สมัยยุคต้นตระกูลของเราแล้ว พวกผู้ใหญ่มักจะจับคู่ลูกหลานในตระกูลหรือตระกูลอื่นที่เกี่ยวดองกันมาแต่งงานกัน เพื่อคงรักษาไว้ซึ่งสายเลือดเก่าแก่ของบรรพบุรุษเรา ทำสืบต่อกันมานานจนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของวงศ์ตระกูลต่อๆไป

รุ่นแรกๆที่ถูกจับแต่งงานกันแม้จะไม่ได้รักกันมาตั้งแต่แรก แต่สุดท้ายก็มารักกันเองในภายหลัง จนไม่ว่าคู่ไหนๆก็ไม่เคยจะมีปัญหาขัดแย้งอะไร ด้วยความที่ผู้อาวุโสในตระกูลต่างคิดกันแบบนี้มาเรื่อยๆ พอมาถึงรุ่นพ่อกับแม่พวกเรา พวกท่านก็ยังคิดกันแบบเดิมๆ จับพ่อแม่มาแต่งงานกันสืบต่อ ’

เรื่องธรรมเนียมเก่าแก่ที่ชอบคลุมถุงชนลูกหลานในตระกูล เรื่องนี้ผมทราบดีแต่แรกแล้ว เพราะตัวผมเองก็โดนเหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันตรงที่ พ่อผมไม่ได้จับคู่ให้ผมกับน้องหยกเกี่ยวดองกันเพื่อคงไว้ซึ่งสายเลือดเก่าแก่อะไร แต่ที่จะจับผมหมั้นกับน้องหยก ก็เพื่อเป็นหน้าเป็นตาแก่วงศ์ตระกูลก็เท่านั้น

และผมก็ทราบดีว่าที่พี่ทิพย์หยิบยกเรื่องธรรมเนียมเก่าๆมาบอกผม ก็เพราะว่าพ่อกับแม่เองก็ไม่ได้แต่งงานกันเพราะความรัก แต่ถูกผู้ใหญ่ในตระกูลจับมาแต่งกันโดยทั้งคู่ไม่ได้เต็มใจ

‘...ทุกอย่างมันคงจะราบรื่นเหมือนคนรุ่นก่อนๆ ตามที่คุณปู่คุณย่าคิดไว้ แต่ไม่เลย... พวกท่านไม่ทันได้คิดเลยว่ายุคสมัยสังคมมันได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ไอ้เรื่องผัวเดียวเมียเดียว ซื่อสัตย์ต่อคู่สมรส มันไม่ได้ปลูกฝังในความคิดของลูกหลานทุกคนเสมอไป

ซึ่งพ่อก็เป็นหนึ่งที่มีความแตกต่าง... หลังจากพ่อแม่แต่งงานกันได้สักพัก การที่พวกผู้ใหญ่เคยเข้าใจว่า อยู่กินกันไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็รักกันเอง มันดันเกิดขึ้นกับแม่คนเดียวไม่ใช่พ่อ! หลังจากที่แม่ให้กำเนิดพี่มา ในตอนนั้นความคิดของพ่อมีแค่ว่า พ่อได้ทำทุกอย่างเพื่อวงศ์ตระกูลเรียบร้อยหมดสิ้นแล้ว ทั้งเรื่องแต่งงานตามธรรมเนียมและการให้กำเนิดทายาท...

 ไม่มีอะไรที่พ่อต้องเสียสละให้วงศ์ตระกูลอีกต่อไป พ่อจึงหันกลับมาใช้ชีวิตเสเพลอิสรเสรีตามที่เคยเป็นมาเหมือนเดิม โดยไม่นึกเลยว่าหัวอกของผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมายจะเป็นอย่างไร... ’

ฟังเรื่องราวที่พี่ทิพย์เล่ามาถึงตรงนี้ ผมก็พอจะประติดประต่อเรื่องทุกอย่างได้หมดแล้ว เข้าใจอย่างชัดแจ้งแล้วว่าแม่ต้องรู้สึกเจ็บปวดกับการกระทำของพ่อมากแค่ไหนตลอดมา แล้วอยู่ๆก็นำเด็กที่เป็นลูกของผู้หญิงคนไหนของพ่อก็ไม่รู้มาให้รับเป็นลูก มันก็เป็นธรรมดาที่แม่จะเจ็บแค้นมาก ที่พ่อไม่เคยแคร์ความรู้สึกของแม่ที่เป็นภรรยาหลวงเลยสักนิด

“...กาย พี่ไม่รู้ว่าเรื่องทั้งหมดใครเป็นคนผิดนะ ไม่รู้ว่าผิดที่คุณปู่คุณย่าคลุมถุงชนให้พ่อกับแม่แต่งงานกัน ผิดที่พ่อเป็นคนเจ้าชู้ไม่สิ้นลาย หรือผิดที่แม่ที่ไม่ยอมปล่อยวางเรื่องราวทุกอย่างลง พี่ไม่รู้ว่าผิดที่ใคร...

แต่ในตอนนั้นพวกเขาทั้งหมด ต่างคิดกันเอาเองว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกเสมอ คุณปู่คุณย่าก็คิดว่าท่านไม่ผิดที่ทำตามธรรมเนียมปฏิบัติของวงศ์ตระกูลที่พวกท่านต่างก็รักกันด้วยธรรมเนียมนี้มาก่อน

พ่อก็คิดว่าพ่อไม่ผิดที่จะคืนความอิสระของตัวเองกลับมา เพราะพ่อคิดว่าการที่ยอมแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักถือเป็นการเสียสละความสุขส่วนตัวมามากพอแล้ว

ส่วนแม่ก็คิดว่าแม่ไม่ผิด เพราะแม่ไม่เคยขัดแย้งใคร แม่ปฏิบัติตนในฐานะภรรยาที่ดีเสมอมาและรักพ่อมาตลอด แต่ความรักที่แม่มีให้ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ความรักที่มีให้พ่อก็เลยยิ่งกัดกินจิตใจจนมองทุกอย่างเลวร้ายไปหมด

สิ่งที่พวกผู้ใหญ่ก่อขึ้นมาเลยกลายเป็นปัญหาบายปลายมาจนถึงทุกวันนี้ไง และมันก็จบลงด้วยความเสียใจของทุกฝ่าย โดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนผิดกันแน่... แต่สิ่งที่ทุกคนรู้อยู่อย่างหนึ่งและรู้อยู่แก่ใจคือ กายไม่ได้เป็นคนผิด... แต่เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดกลับทำให้เด็กที่บริสุทธิ์คนหนึ่งต้องพบกับความเสียใจมาตลอด... ”
.

.

.

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นจากความเงียบสงัดภายในห้องทำงาน ฉุดความนึกคิดทั้งหมดของผมให้กลับคืนมา ผมหมุนเก้าอี้หันกลับเข้าหาโต๊ะทำงานแล้วหยิบมือถือขึ้นมาดูคนโทรเข้ามา...


...นิค...


แค่เห็นชื่อคนโทรเข้ามา นิ้วมือผมก็กดรับสายไปเองโดยไม่ต้องมีการยั้งคิด

“...”  ผมไม่ได้เอ่ยทักทาย แต่รอให้ปลายสายเป็นฝ่ายพูดก่อน

[“...ดึกแล้วนะครับที่รัก งานยังไม่เสร็จอีกเหรอ?”] แค่ได้ยินเสียงของเขา ความอบอุ่นก็แผ่ซ่านลงในใจผมทันที... มันทำให้ผมยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

“อื้ม... เสร็จแล้วล่ะ กำลังจะกลับแล้ว...”

[“...ครับผม ขับรถดีๆนะครับ แล้วผมจะรอคุณกลับมาทานข้าวพร้อมกันนะ รักนะครับ...”] ผมยิ้มอีกครั้งกับคำพูดของเขา

“ครับ... แล้วจะรีบกลับนะ”

ปลายสายวางไปแล้วแต่ผมยังไม่ได้ละมือถือออกจากใบหู ผมยิ้มกับตัวเองก่อนจะพึมพำคำพูดหนึ่งออกมาเบาๆ

“รักเหมือนกันครับ...”

ใช่แล้ว... จนตอนนี้ผมเริ่มแน่ใจกับตัวเองแล้วว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในความรู้สึกของผม จิตใจที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปที่ละนิดตั้งแต่ได้พบกับเขา ความรู้สึกท้วมท้นในใจตั้งแต่ได้ตัดสินใจคบกับเขา มันทำให้ผมมีความสุขมาก อย่างที่ไม่เคยได้รับรู้มาก่อนในชีวิต

เขาทำให้ผมไม่รู้สึกว่าตัวเองอ้างว้างอีกต่อไปเมื่อมีเขาคอยอยู่ข้างๆ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ทราบว่าผมทุกข์ใจเรื่องอะไร แต่เขาก็ยังคอยเป็นห่วงเป็นใยคอยอยู่ดูแลผมไม่ห่าง ราวกับว่าเขายินดีที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขไปพร้อมๆกันกับผม ยิ่งได้รู้จักตัวเขานานขึ้น มันยิ่งฟ้องให้ผมเห็นว่าการกระทำของเขาแสดงออกว่ารักผมมากเพียงใด

ความอบอุ่นของเขาทำให้ผมมีความคิดที่จะพึ่งพิงเขาขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่ไม่เคยมีให้ใครคนไหนมาก่อน ที่ผ่านมาผมพยายามปิดกั้นตัวเอง ไม่เคยคิดจะหวังพึ่งพิงใครมาตลอด เพราะกลัวว่าจะเป็นฝ่ายทำให้ใครคิดว่าเป็นภาระและทำให้ผมเกิดความเสียใจอีก ผมพยายามยืนด้วยตัวเอง เข้มแข็งด้วยตัวเอง มีความสุขไปตามอัตภาพ

แต่พอมีเขาเข้ามาในชีวิต มันกลับทำให้ผมยิ่งแสดงความอ่อนแอต่อเขามากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่ผมเคยเก็บงำไว้ในส่วนลึก มันแสดงออกมาให้คนๆนี้เห็นธาตุแท้ความอ่อนแอของผมอย่างหมดเปลือก

ไม่ต้องคิดเลยว่า หากต้องขาดเขาไปในชีวิต แล้วผมจะเป็นอย่างไร...

จะกลับมาใช้ชีวิตในรูปแบบเดิมได้รึเปล่า ผมคิดไม่ออกเลยจริงๆ

ถ้าเกิดความรู้สึกที่ผมอธิบายมาทั้งหมดนี้ มันเรียกว่า ‘การรักใครสักคน’ ล่ะก็...

ผมก็คงปฏิเสธไม่ได้อีกแล้ว ที่จะใช้คำว่า’รัก’เป็นคำจำกัดความที่บ่งบอกถึงความรู้สึกทั้งหมดของผม...

ส่วนจะบอกออกจากปากถึงเจ้าตัวเมื่อไหร่นั้น... คงต้องรอให้ผมรวบรวมความกล้าให้ได้มากกว่านี้แล้วล่ะ 






ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
กรี๊ดดดดดดดดดดด พอนนี่แอบย่องมาลง  :impress2:

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
+1เป็นกำลังใจ รักคุณกายกับนิค :impress3:

ออฟไลน์ ï_Kiss_U♥

  • รักไม่ได้
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
รออ่านนะค่ะ เรื่องใหม่เยอะ แต่ก้อไม่ลืม นิค กาย แน่นอน  :really2:

ออฟไลน์ •ผั๑`|nกุ้va’ด•

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-69
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย มาอัพ~แล้ววว
หลังจากรอนานมากๆจนเหงือกแห้งๆ  เฮ้ออ คุณกาย จะเริ่มยึดติดรึป่าว แต่คงไม่หรอกมั๊ง
นิคเอ๊ยย จะทำอะไรก็รีบทำรีบบอกน้อ 

ออฟไลน์ imac

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
เศร้าจังเลย.....  นิคอย่าเพิ่งกลับไปทำงานตอนนี้เลยนะ

satan666

  • บุคคลทั่วไป
^
^
^

จิ้มๆๆๆimac ต่อหลังเที่ยงคืนค่ะ คงดึกๆ ตามเดิม





กรี๊ดดดดดดดดดดด พอนนี่แอบย่องมาลง  :impress2:

แอบย่องมาลงจริงๆแหละพี่ ดีนะที่พี่ยังมาเห็น :z10:

+1เป็นกำลังใจ รักคุณกายกับนิค :impress3:

ดีใจที่คนเก่าๆกลับมาอ่าน  :กอด1: แล้วอย่าลืมติดตามต่อนะคะ ช่วงนี้จะพยายามอัพบ่อยๆขึ้นค่ะ

รออ่านนะค่ะ เรื่องใหม่เยอะ แต่ก้อไม่ลืม นิค กาย แน่นอน  :really2:

 :กอด1: เย้ๆ ดีใจที่ไม่ลืม นิค กาย แล้วก็ติดตามต่อไปเรื่อยๆนะคะ จุบุๆ

แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย มาอัพ~แล้ววว
หลังจากรอนานมากๆจนเหงือกแห้งๆ  เฮ้ออ คุณกาย จะเริ่มยึดติดรึป่าว แต่คงไม่หรอกมั๊ง
นิคเอ๊ยย จะทำอะไรก็รีบทำรีบบอกน้อ  

มาแล้วคร๊า อิอิ  ไม่ต้องรอจนเหงือกแห้งแล้ว  :laugh:
ชีวิตที่เริ่มผูกพันธ์กับใครอีกคน การที่จะยึดติดกับมัน มันก็เป็นเรื่องธรรมดาแหละค่ะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนด้วย ว่าจะหาทางออกให้กับตัวเองยังไง ต้องตามเป็นกำลังใจให้คุณกายกันต่อไป



ปล. วันนี้มีอิมเมจใหม่ของคุณกายมาให้ดูกันค่ะ น่าจะใช้ได้กว่ารูปก่อนๆนะคะ

คิดเห็นกันยังไงก็บอกกันนะ เอาไปจิ้นกันเฉยๆ 555++








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-11-2009 21:55:48 โดย pixie_pansy »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
อืมม อิมเมจคนนี้ใช้ได้เลย แต่ดูหน้าเด็กไปอะ คนเก่าหน้าออกฝรั่งแต่ดุมีอายุเหมาะกะการเป็นเจ้าคนนายคน
ส่วนหนุ่มคนนี้ ถ้าเป็นคุณกายช่วงรุ่นๆยังเรียน มหาลัยก็โอเคเลย  :laugh:

satan666

  • บุคคลทั่วไป
^
^
^
^

จิ้มตรูดพี่หนึ่งจึ้กๆ :z13:

หาอิมเมจให้ตรงกับนายกายยากแสนยาก 555++ นี่ก็ว่าตรงกับที่บรรยายแล้วนะ ขาวตี๋หล่อ อิอิ

ส่วนเรื่องหน้าเด็กกว่าอายุก็มีออกถมไปน่า หน้าเด็กสิดี ใครๆก็อยากหน้าเด็ก จริงมะพี่ :m12:



ปล. มาต่อกันดีกว่า ตอนนี้เป็นของนายนิคล่ะ ซุปเปอร์แมนของกาย :laugh:



------------------------------------------





Chapter:33 Part3





อาหารหลายอย่างที่ผมลงมือทำถูกจัดเรียงไว้บนโต๊ะกินข้าวเรียบร้อยแล้ว เหลือก็แต่รอให้คนรักของผมกลับมากินร่วมกันเท่านั้น วันนี้ได้รู้เรื่องอะไรๆหลายๆอย่างเกี่ยวกับตัวคุณกายจากพี่ทิพย์ ทำให้ผมเพิ่มความเข้าใจในตัวเขามากยิ่งขึ้น

 ชีวิตเขาผ่านอะไรมามากยิ่งกว่าที่ผมคิดเสียอีก ทำให้ไม่นึกแปลกอะไรอีกต่อไป  ที่คุณกายจะเติบโตมาเป็นคุณกายในทุกวันนี้...
 
ผมนึกไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้... ยังคงอดใจสั่นไหวไม่ได้ ที่ต้องลุ้นระทึกว่าพี่สาวคุณกายจะมีท่าทียังไงเมื่อรู้ว่าผมกับน้องชายเธอคบกันอยู่ แต่ทุกอย่างก็ผ่านมาได้อย่างราบรื่น ล่ะมั้ง...

หัวเราะฝืนๆกับตัวเอง แล้วเดินออกไปรับลมที่ริมระเบียง

นึกถึงการสนทนาตลอดสองชั่วโมงนั้น... ที่ได้อะไรหลายๆอย่างยิ่งกว่าที่คิดไว้ และคิดไม่ผิดจริงๆที่ตัดสินใจทำแบบนั้น...

“…ความจริงก็ตกใจอยู่เหมือนกัน ที่น้องพี่มีรสนิยมแบบนี้... แต่มันอาจจะดีก็ได้ที่เป็นอย่างนี้” ผมมองหน้าพี่ทิพย์อย่างแปลกใจในสิ่งที่เธอพูด

หญิงสาวมองหน้าผมนิ่ง ก่อนจะเผยยิ้มออกมาน้อยๆ

“ผู้ชายอย่างกายไม่เหมาะที่จะคอยดูแลปกป้องใครหรือเป็นหัวหน้าครอบครัวหรอก... มองภายนอกกายอาจดูเป็นคนที่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยว แต่ไม่เลย... ในสายตาของพี่ กายเป็นคนที่เปราะบางมาก ไม่ต่างจากตอนเป็นเด็กเลยด้วยซ้ำ พี่เลยคิดว่ากายคงจะเหมาะให้มีใครสักคนคอยดูแลปกป้องเขามากกว่า”

ผมรู้สึกใจชื้นขึ้นเมื่อได้ฟังในสิ่งที่เธอบ่งบอก ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้บอกว่ายอมรับผมกับคุณกายคบกันได้ แต่อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกในแง่ลบออกมาให้เห็น และดูเหมือนเธอจะเข้าใจในความเป็นตัวตนของน้องชายเธอเป็นอย่างดี

“…แต่ถึงแม้พี่จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยเรื่องที่พวกเธอคบกัน พี่ก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่าอะไรหรอก เพราะว่าน้องพี่เขาโตแล้ว เขาจะเลือกการใช้ชีวิตแบบไหนหรือคบกับใคร พี่ว่ากายเขาก็คงใคร่ควรมาอย่างดีแล้ว และพี่ก็เคารพในการตัดสินใจของเขา”

ผมยิ้มให้เธอเป็นเชิงขอบคุณ ดีใจที่พี่สาวของคุณกายรักน้องชายมากขนาดนี้ ทุกอย่างที่เธอคิดก็เพื่อความสุขของน้องเธอ พี่ทิพย์จึงไม่ได้คิดขัดแย้งอะไรในเรื่องนี้

ผมรู้สึกขอบคุณเธอที่เธอเข้าใจ ขอบคุณที่เธอใช้เหตุผลเป็นตัวกำหนดความคิดมากกว่าที่จะใช้อคติในการคิด...

“ขอบคุณนะครับที่พี่ทิพย์ ยอมเล่าเรื่องในอดีตของคุณกายให้ฟัง ไม่งั้นผมก็คงไม่รู้ต่อไป และปล่อยให้เขาเก็บความทุกข์ใจเอาไว้อยู่คนเดียว...”
 
“เรื่องเล็กน้อยจ้ะ... ถ้าเทียบกับสิ่งที่คนใกล้ชิดอย่างเธอจะทำเพื่อกายได้” เธอพูดพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ

“...ต่อให้พี่อยากช่วยกายมากแค่ไหน ก็คงเป็นไปได้ยาก เพราะเขาคงไม่อยากจะรับฟังอะไรจากพี่อีกต่อไปแล้ว... นิค... พี่หวังในตัวเธอนะ สิ่งที่แสดงออกมาจากแววตาของเธอ พี่คิดว่าพี่มองคนไม่ผิด ได้โปรดฉุดดึงกายขึ้นมาจากอดีตที่เลวร้ายด้วย ช่วยทำให้กายมีความสุขเสียที... ”
.

.

.

ผมยิ้มให้กับตัวเองเป็นการให้กำลังใจ... เรื่องที่พี่ทิพย์ฝากฝังไว้กับผม มันหนักเอาการ แต่เมื่อนึกถึงความสุขในวันข้างหน้าของคนที่ผมรักแล้ว ต่อให้ลำบากยังไงผมก็ไม่หวั่น เพราะว่าความสุขของเขา มันก็คือความสุขของผมด้วยเหมือนกัน...

แต่เรื่องของจิตใจมันต้องใช้เวลา ยิ่งเป็นเงื่อนปมในจิตใจด้วยแล้ว... ก็ต้องค่อยๆแก้มันอย่างค่อยเป็นค่อยไป มันเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อน ที่ผมต้องนึกหาวิธีที่ถูกต้องเหมาะสมที่สุดมาใช้ 

“เฮ้อ...” ผมถอนหายใจออกมาแรงๆ เพื่อระบายความรู้สึกอึดอัดในใจ
 
ปัญหาของคุณกายยังไม่จบ แต่ผมดันต้องกลับไปทำงานในช่วงเวลาแบบนี้ด้วยนี่สิ! คิดแล้วก็ให้รู้สึกกลัดกลุ้มใจขึ้นมา...

ผมจะบอกเรื่องนี้กับคุณกายยังไงดีหนอ อีกห้าวันก็จะสิ้นเดือนแล้ว เวลาก็ผ่านไปเร็วซะเหลือเกิน...

ไม่ใช่ว่าผมจะไม่อยากหาโอกาสพูดหรอกนะ แต่ตั้งแต่เกิดเรื่องกับคุณกาย พอเห็นแววตาหมองเศร้าของเขา คำพูดทุกอย่างที่เตรียมมา ก็เป็นอันต้องกลืนลงคอ จนกลายเป็นผมที่ไม่กล้าพูดออกมา เพราะกลัวว่าจะทำให้ดวงตาเศร้าๆนั้นหม่นหมองยิ่งไปกว่าเดิม

ยิ่งถ้าคิดว่า จะรีบสะสางงานของตัวเองให้เสร็จเร็วๆ แล้วรีบบึ่งกลับมาหาเขา ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เพราะอาชีพนายแบบอย่างผมไม่มีอะไรแน่นอนตายตัวเหมือนกับพนักงานออฟฟิสทั่วๆไป

เผลอๆตารางงานของผม อาจจะแน่นเอี๊ยด จนหาโอกาสปลีกตัวมาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
 
แล้วจะทำยังไงดี... ผมจะทิ้งให้คุณกายอยู่อย่างโดดเดี่ยวในเวลาแบบนี้งั้นหรือ...

เขาจะเป็นยังไงถ้าเกิดไม่มีผมคอยโอบกอดเขาไว้เวลาที่เขาฝันร้าย...

เขาจะกินข้าวครบทุกมื้อหรือเปล่า ถ้าไม่มีผมคอยดูแลจัดหา...

ตอนนี้ผมเริ่มจะเป็นคนวิตกจริตไปเสียแล้ว แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ! ในเมื่อเรื่องที่ผมกังวลใจอยู่ เป็นเรื่องของคนที่ผมรักนี่!

ผมล้วงโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกง แล้วกดโทรหาคนที่จะให้คำตอบกับผมได้

“ฮัลโหลพี่เอ”

[“ว่าไงยะ... มีเรื่องอะไรถึงนึกจะโทรหาพี่ได้เนี่ย”]

“พี่รู้ได้ไงอ่ะ?”

[“แหมๆ แล้วทำไมพี่จะเดาไม่ได้ล่ะ ถ้าไม่ได้มีปัญหาอะไรนิคก็คงไม่โทรหาพี่หรอกจริงไหม? เชอะๆ คนเป็นเบอร์สองก็อย่างนี้แหละ! ชีช้ำตลอด”]

“ฮ่าๆ อะไรพี่ ละเมอหรือเปล่า! อย่างผมนะ แม้แต่เบอร์สุดท้ายก็ไม่มีให้พี่หรอก อย่าหวังๆ นู่นนน ไปขอส่วนบุญจากจอหน์เขาไป! ”

[“ชิ! พอมีความรักเข้าหน่อยก็ไม่สนหัวพี่ ถ้าอกเดาะขึ้นมา แล้วอย่ามาง้อให้ฉันช่วยที่หลังนะยะ ”]

“อย่ามาพูดจาอัปมงคล มาเข้าเรื่องกันดีกว่า... ที่โทรมานี่ซีเรียสนะ ไม่ได้โทรมาคุยเล่น”
 
[“อืม... ว่าไงล่ะ มีเรื่องอะไรกำลังล้างหูรอฟังอยู่”]

“คือ... จะโทรมาถามพี่ว่า สัญญาว่าจ้างของผมจะหมดสัญญาเมื่อไหร่...?”

ปลายสายเงียบไปอึดใจหนึ่ง เหมือนกับกำลังครุ่นคิดในสิ่งที่ผมถามอยู่

[“...นี่อย่าบอกนะว่า?”] 

“ใช่อย่างที่พี่คิดนั่นแหละ...” ผมบอกพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ

[“พูดแบบนี้แสดงว่าถ้าสัญญาหมดนิคก็จะไม่ต่อสัญญาอีกแล้วใช่ไหม? คิดดีแล้วเหรอที่ตัดสินใจแบบนี้ อาชีพนายแบบของนิคกำลังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์นะ มันไม่เสี่ยงไปหน่อยเหรอกับการฝากอนาคตทั้งหมดไว้กับเขา ที่ไม่รู้ว่าจะรักกันได้นานแค่ไหน พี่ว่านิคคิดใหม่อีกทีดีกว่านะ”]

“ผมแค่โทรมาถามว่าสัญญาหมดเมื่อไหร่เท่านั้น! ส่วนเรื่องคิดใหม่หรือตัดสินใจยังไง เอาไว้ใกล้หมดสัญญาแล้วผมจะบอกพี่อีกทีละกัน แต่ยังไง...เมื่อถึงเวลานั้น ผมคิดว่าผมคงไม่เปลี่ยนใจหรอก...”

เรื่องการไม่ต่อสัญญาการเป็นนายแบบในสังกัดโมเดลลิ่ง เป็นสิ่งที่ผมเริ่มมีความคิดขึ้นมาหลังจากที่คุณกายตัดสินใจคบกับผมแล้ว

เนื่องจากงานที่ผมทำมันไม่เคยได้หยุดนิ่งเลย ยิ่งในช่วงที่กำลังหนุ่มแน่นแบบนี้แล้ว ก็มีแต่ต้องทุ่มเทเวลาเก็บเกี่ยวให้ได้มากที่สุด เพราะในวงการแบบนี้คลื่นลูกหลังมักไล่ทันคลื่นลูกแรกเร็ว อาชีพแบบนี้มีขาขึ้นก็ย่อมมีขาลงเป็นธรรมดา

และอย่างที่พี่เอบอก อาชีพนายแบบของผมในตอนนี้ กำลังรุ่งโรจน์ถึงขีดสุด ถ้าผมไม่ไขว่คว้าเอาไว้... หลังจากนี้ก็จะไม่มีโอกาสให้ผมอีกแล้ว 

แต่สิ่งที่ผมคิดในตอนนี้ไม่ใช่มีเพียงแค่ความรุ่งโรจน์ในหน้าที่การงาน แต่เป็นความคิดที่ว่า จะทำยังไงเพื่อที่จะรักษาความรักของผมในครั้งนี้ให้ยืนยาวได้ตลอดไปเท่านั้น

เวลานี้ผมไม่ต้องคิดเพื่อตัวเองคนเดียวอีกต่อไป ยังมีอีกคนหนึ่งที่ผมต้องคิดเผื่อเขาด้วย...

   [“เหลืออีกปีครึ่ง...”]  พี่เอบอกขึ้นมาหลังจากที่เงียบไปสักพัก

   “โอเค... ผมแค่โทรมาถามเฉยๆ พี่คงเข้าใจผมนะ ที่เวลามีความรักแล้ว ก็อยากจะใช้เวลาอยู่ร่วมกันให้มากๆ ไม่อยากจะให้เราห่างกัน...” 
 
   [“พี่เข้าใจดี... แต่เราก็ต้องคิดให้ดีนะ เพราะชีวิตมันไม่ได้สวยงามอย่างที่เราอยากให้เป็น พี่ไม่อยากให้นิคต้องเสียใจในภายหลัง แล้วเรื่องนี้ปรึกษาเขาแล้วรึยัง...? ”]

   “ยังเลย...”

   [“อืม... ไปปรึกษาเขาก่อนซะ อย่าทำอะไรเองคนเดียว เพราะบางทีสิ่งที่เราคิดว่าดีที่สุด มันอาจจะเป็นเรื่องแย่ที่สุดสำหรับเขาก็ได้”]

   “ครับ... ขอบคุณนะครับพี่” ผมวางสายลง พร้อมกับครุ่นคิดถึงคำพูดของพี่เอ

   นั่นสินะ... ผมไม่เคยถามคุณกายเลย ว่าสิ่งที่ผมต้องการทำ มันเป็นสิ่งที่เขาต้องการให้เป็นด้วยหรือเปล่า...

   ผมหันหลังจะเดินกลับเข้าห้อง แต่ก็ต้องชะงักเท้าไว้ด้วยความตกใจ เมื่อเห็นคุณกายยืนมองผมนิ่งอยู่ที่ประตูระเบียง โดยที่ในมือกำเศษกระดาษที่ผมคิดว่ามันเป็นตั๋วเครื่องบินที่ผมแอบซ่อนไว้จนยับยู่ยี่!




---------------------------------------

ค้างป่าวหว่า? :laugh:

อิอิ เจอกันอีกที่หลังเที่ยงคืนวันใหม่นะ  :กอด1:






ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
ค้างงงงงง มากมาย ถ้าพรุ่งนี้ไม่ต่อ พี่จะบอมทู้ พอนนี่  :serius2:
กายจะคิดงัยเนี่ย ขอให้เข้าใจกันด้วยนะ ห้ามเศร้า  :z10:

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

ออฟไลน์ ï_Kiss_U♥

  • รักไม่ได้
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2

ออฟไลน์ SANDSEAME

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0

kaewpoo

  • บุคคลทั่วไป
ค้างจิ มาต่ออีกนะค่ะ อย่าหายไปนานนะ  :m15:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10

LifeTime

  • บุคคลทั่วไป
 :เฮ้อ:
ใจจะขาด...กายคงได้ยินแล้วละ รอต่อไปแทบไม่ไหว  :serius2:

ออฟไลน์ •ผั๑`|nกุ้va’ด•

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-69
พูดได้คำเดียวว่า " ตาย 5 แน่นอน "  นายนิค
 
 :sad4:
 

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด