†ღ♥ Łove Âccident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ ♥ღ†(นายนิค&คุณกาย) ตอนพิเศษ Happy Valentine's Day
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: †ღ♥ Łove Âccident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ ♥ღ†(นายนิค&คุณกาย) ตอนพิเศษ Happy Valentine's Day  (อ่าน 524678 ครั้ง)

alterlyx

  • บุคคลทั่วไป
คุณกาย น่าร๊ากกกกกกกกกกก  :-[
นิคเจ้าเล่ห์ได้ตลอดเลยนะ ไม่เคยเปลี่ยน
ฉากสวีทน่ารักมาก ๆ

ชอบสำนวนการเล่าเรื่อง บรรยายอารมณ์ลักษณะจังเลยค่ะ ... มีเสน่ห์มาก
เหมือนแต่ละฝ่ายก็กล้าๆ กลัวๆ ที่จะแสดงออก ... นึกภาพ นึกอารมณ์ตามได้ชัดเจนเชียว

 :กอด1: ผมเหมือนกับคนต้องมนต์ โดนชักจูงด้วยสายตาที่ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ 
น้ำเสียงทุ้มหนักที่เป็นเสียงกระซิบให้ได้ยินแค่เรา ฟังแล้วอดใจเต้นแรงไม่ได้
ลมหายใจร้อนผะผ่าวรับรู้ได้จากใบหน้าที่ห่างหันไม่ถึงคืบของเรา


นึกว่าต้องรออีกนานซะแล้ว ....  :L2: +1 ให้นะค๊า คิดถึงทุกๆ การกลับมา

ออฟไลน์ boboaje

  • ไม่ชอบหวาน ชอบครบรส
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
.... plan complete .. .. เรียบร้อยแล้ว เย้ เย้ คิดว่าจะทะเลาะกันซะแระค่ะ ดีใจที่คุณกาย ดูน่ารัก มีน้ำมีนวลเพราะคำรักนะคะ ...รอตอนต่อไปดูสิ หลังใช้บริการแล้วมีผลอย่างไร

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
กลับมาก็หวานเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย แผนสำเร็จดังคาด อิอิ

ออฟไลน์ tutu

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2

patiharn

  • บุคคลทั่วไป
มาแบบหว๊านหวานจริงๆด้วยอ่ะ :-[คุณกายน่ารักจริงๆ

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
 :mc4: 555 ไม่รู้เรื่อง ต้องไปอ่านใหม่ดิลืมแล้ว :z3:

tatae

  • บุคคลทั่วไป
และก็มาต่อ รอตั้งนาน :angellaugh2:
น่ารักอะ
แล้วมาต่อไว่ๆนะ
รออยุ่

zilveria

  • บุคคลทั่วไป

aijung

  • บุคคลทั่วไป
น่าร๊ากกกกกกกกกกกจังเลยค่ะ  :m1:

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
+1 เป็นกำลังใจให้คนเขียน หลังจากรอมานานในที่สุดก็กลับมาซะที :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ •ผั๑`|nกุ้va’ด•

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-69

satan666

  • บุคคลทั่วไป




และแล้วก็มาถึงตอนนี้... ที่ปริศนาที่หลายๆคนสงสัย กำลังจะถูกคลี่คลาย :z3:

แล้วคุณกายจะทำยังไงหนอ จะรับมือกับมันได้มั้ย? ส่วนนายนิคจะช่วยอะไรได้............ :o12:

ไหนๆก็หวานกันมามากแล้ว คงจะเต็มอิ่มกันแล้วเนอะ  :laugh:



-----------------------------------------------------------





Chapter:31 พี่สาว(ครึ่งแรก)




“โอ๊ยย... สายแล้ว! นิคทำไมถึงไม่ปลุกฉัน” เสียงงัวเงียของสุดที่รักผมดังลอดออกมาจากประตูห้องนอนที่เปิดแง้มไว้ ทำให้ผมที่กำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่ต้องหันมามองตามร่างที่ผลุนผันออกมา

“ก็เห็นคุณหลับสนิท ขนาดนาฬิกามือถือที่ตั้งไว้ก็ยังไม่ได้ยินเลย ผมก็เลยไม่อยากปลุก ว่าแต่...คนอะไรขี้เซาชะมัด...” ผมบอกยิ้มๆ มองหัวยุ่งเหยิงของเขาที่เพิ่งตื่นนอน

รู้สึกชอบคุณกายตอนที่เพิ่งตื่นมากที่สุด เพราะดูเขาเบลอๆไม่ค่อยระมัดระวังตัวเท่าไหร่  ขนาดนุ่งผ้าขนหนูจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่ ก็ยังไม่เห็นได้สนใจ
คนหน้ายุ่งมองผมอย่างขุ่นเคืองนิดๆ

“ก็เพราะใครกันล่ะ ฉันถึงตื่นสาย!”

“ฮ่าๆ ผมผิดเองแหละที่เมื่อคืนไม่ยอมปล่อยให้คุณนอน แต่...ใครบางคนก็สมยอมด้วยนี่น๊า...”

คุณกายหน้าแดงแปร๊ดกับคำพูดของผม ไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรืออายกันแน่ แต่มองยังไงเขาก็ยังน่ารักอยู่ดี

“ไอ้บ้า! ชอบกวนประสาทแต่เช้า”

“ไม่เช้าแล้วครับ จะสิบโมงแล้วนะ” ผมยิ้มตอบ

“ชิ! ฉันไปอาบน้ำก่อนล่ะ”

คนน่ารักค้อนใส่ผมวงโต ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปทางเดิม

“เดี๋ยวครับ!”

คุณกายหยุดเดินหันกลับมามองผมอย่างข้องใจ

“อะไร?”

“มอร์นิ่งคิสล่ะครับ?!” ผมทวงถาม

“ฉันยังไม่ได้แปรงฟันเลยนะ...”

“ผมไม่รังเกียจ”

คิ้วเรียวมุ่นลงเล็กน้อย ก่อนจะยอมเดินกลับมาหาผมอีกครั้ง แล้วยื่นหน้ามาให้ผมหอมซ้ายขวา แล้วปิดท้ายด้วยการจูบเบาๆบนริมฝีปากบาง

“พอยัง...?”

“ยัง! คุณต้องทำคืนแบบเดียวกับที่ผมทำด้วย”

คนตรงหน้ากลอกตาตลบหนึ่ง ก่อนจะมองหน้าผมด้วยสีหน้าเอือมระอา
 
“ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ! ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”

“แน่นอน!!” ผมยิ้มกว้าง ตอบชัดถ้อยชัดคำ

คุณกายมองผมรอยยิ้มค่อยๆผลุดขึ้น ก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมา

“ขำอะไรครับที่รัก...”

ผมขยับเข้าไปกอดเอวเขาไว้ สายตามองไล่ไปตั้งแต่ปลายคางได้รูป เรื่อยลงไปยังลาดไหล่และยอดอกสีชมพูสวยของเขา ร่องรอยแห่งรักเมื่อคืนปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัดบนแผ่นอกและหัวไหล่ขาวนวลนั่น

“ก็ขำที่ใครบางคนไม่รู้อารมณ์ดีอะไรนักหนา ถึงได้ยิ้มไม่หุบตั้งแต่เช้าแบบนี้”

สองมือของเขายกขึ้นกอดลำคอผมไว้ ทำเอารอยยิ้มผมหุบไม่ลงอย่างที่เขาว่าจริงๆ

จากเหตุการณ์เมื่อคืนจนถึงเช้าวันนี้ ดูคุณกายเปลี่ยนไปจนสังเกตได้ เขาดูปล่อยตัวปล่อยใจกับผมมากขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยที่ไม่มีการตะขิดตะขวงใจกับการแสดงออกระหว่างเราอีก

 แต่ถึงอย่างไรคุณกายก็ยังคงขี้อายเหมือนเดิม สังเกตได้จากใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อของเขาก็รู้แล้ว

ผมดีใจมากที่สิ่งที่ผมบอกกับเขาเมื่อคืนได้ผลดีถึงขนาดนี้ ถึงมันจะเป็นความเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยสำหรับคู่รักคู่อื่น แต่มันก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับผมยิ่งกว่าอะไร เป็นผลตอบรับที่ยิ่งใหญ่จากการที่ได้ทุ่มเทความรักให้แก่เขาเลยทีเดียว

“แค่ได้เห็นหน้าคุณทุกวัน ผมก็ยิ้มได้แล้ว” ผมตอบไป

“แหวะ ดีนะยังไม่กินข้าวกัน ไม่งั้นล่ะอ้วกจริงๆแน่”

เขาก็พูดกลบเกลื่อนไปอย่างนั้นแหละ แต่ผมรู้ดีว่าเขากำลังเขินผมอยู่ หน้าก็ไม่ยอมมองผมแลยสักนิด ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้นะ!

“นี่คุณอย่าเฉไฉสิ ไหนล่ะมอร์นิ่งคิสของผม”

“ก็ได้ๆ หลับตาก่อนสิ...”

ผมหลับตาลงตามคำสั่ง มือที่กอดลำคอผมไว้ฉุดดึงให้ผมโน้มคอลงมา ก่อนที่ผมจะรับรู้ได้ถึงสัมผัสเบาๆจากริมฝีปากของเขาที่จูบหน้าผากผมเบาๆ ไล่ลงมาที่เปลือกตาทั้งสองข้าง แก้มซ้ายขวา สุดท้าย...หยุดลงที่ริมฝีปากของผมแล้วผละจาก

หัวใจผมสูบฉีดเลือดจนเต้นแรงไม่หยุด ทั้งรู้สึกประหลาดใจและรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก

“คนมากเรื่องพอใจหรือยังครับ... นี่แถมให้ด้วยนะ ถือเป็นรางวัลที่เมื่อคืนพูดจาดี”

ผมมองหน้าเขาด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี ก่อนจะแกล้งยกมือขึ้นกุมหน้าอกซ้ายไว้

“โห... หัวใจผมแทบหยุดเต้นแน่ะ”

“เว่อร์!”  แล้วเราสองคนก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน

“...นี่ ปล่อยสักทีเถอะ ฉันจะไปอาบน้ำแล้ว”

“งั้นผมอาบด้วยนะ” ผมรีบขอทันที แต่ดันโดนสายตารู้ทันของเขาตอกกลับมาซะงั้น...

“อาบด้วยน่ะได้ แต่ต้องรักษามารยาทในการอาบน้ำด้วยนะ”

“มารยาทในการอาบน้ำมีด้วยเหรอ? ผมเคยได้ยินแต่มารยาทบนโต๊ะอาหารนะ” ผมแย้งเขาอย่างไม่จริงจัง ตามองเขาแสร้งทำเป็นงุนงง

“มีสิ! มีไว้สำหรับคนเจ้าเล่ห์เท่านั้นแหละ ฮ่าๆ”

“คร้าบๆ ครั้งนี้ผมยอมก่อนก็ได้... ฮึๆ”



ผมยิ้มให้เขา



‘รู้ทันให้ได้ตลอดนะครับที่รัก’






+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





“ความจริงตำแหน่งประธานบริษัทอย่างคุณ ไม่เห็นจะต้องเข้างานแต่เช้าเลยนี่ครับ คุณเป็นเจ้าของบริษัท จะเข้างานเช้าหรือสายก็คงไม่มีใครว่าอะไรอยู่แล้ว ผมเห็นคุณไปเช้ากลับดึกทุกวัน บางวันก็หอบเอกสารกลับมาดูต่อที่บ้านอีก ไม่เหนื่อยบ้างหรือครับ?”

หนุ่มฝรั่งถามขึ้นระหว่างที่เรากำลังนั่งทานอาหารเช้าที่เจ้าตัวทำให้

วันนี้ถึงผมจะบ่นว่าสาย แต่ความจริงคิวงานของผมวันนี้ก็ไม่ได้สำคัญอะไร แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมอยู่ในตำแหน่งผู้สืบทอดบริษัทของพ่อแล้วจะทำตัวเอ้อระเหยได้ อย่างน้อยการทำให้บริษัทก้าวหน้าต่อไปโดยไม่ตกต่ำลงก็เป็นหน้าที่สำคัญที่ผมต้องรับผิดชอบอยู่ดี

นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะถึงบริษัทของครอบครัวผมจะมีความมั่นคงสถาพร แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีคู่แข่งที่โดดเด่นรายอื่นๆเลย อีกทั้งผลกระทบของเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา ทำให้อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ในยุคสมัยของการแข่งขันทางเศรษฐกิจนี้

ถ้าเราไม่มีความรอบคอบเป็นกิจวัตรล่ะก็ ต่อให้มีเสาค้ำบริษัทที่แข็งแกร่งเพียงไหน สักวันหนึ่งก็ต้องล้มลงได้... และผลกระทบต่อมาไม่ใช่แค่ผู้ถือหุ้นบริษัท ไม่ใช่แค่ผู้บริหารระดับสูง แต่ส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อพนักงานทั้งบริษัทและครอบครัวที่มีจำนวนไม่ใช่น้อย...

เพราะฉะนั้นผมจะมานั่งตำแหน่งลอย คอยให้พนักงานระดับล่างทำงานให้ไม่ได้! ตัวผมที่เป็นประธานบริษัทก็ต้องควบคุมเครือข่ายบริษัทให้เกิดการพัฒนาเป็นที่ประจักษ์ ไม่อย่างนั้นจะเอาอะไรมาเป็นหลักประกันให้พนักงานมีความเชื่อมั่นในระบบบริหารได้? 

อีกทั้งเรื่องเงินโบนัสใครๆก็ต้องอยากได้กันทั้งนั้น ถ้าบริษัทมีงบประมาณที่สูงและมั่นคงให้กับพนักงาน บุคลากรของบริษัทก็จะตั้งใจทำงานให้แก่บริษัทอย่างเต็มที่ เพื่อให้มีผลงานจนได้รับการพิจารณาในเรื่องเงินปันผล

“มันก็ใช่ที่ไม่มีใครว่าอะไร... แต่ฉันก็ทำแบบนี้มาจนชินแล้ว อีกอย่าง...คนเป็นผู้นำไม่ใช่แค่เป็นแต่ชี้นิ้วออกคำสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาเท่านั้น แต่ก็ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้พวกเขาเห็นก่อน พวกเขาถึงจะยอมทุ่มเททำงานให้แก่บริษัทเราอย่างเต็มที่ไง ”

ผมตอบโดยสรุปให้นายนิคเข้าใจ เพราะต่อให้สาธยายหลักเหตุผลของผมทั้งหมด วันนี้ก็คงไม่จบไม่สิ้น

หนุ่มฝรั่งมีสีหน้าครุ่นคิดกับคำพูดของผม ผงกศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงเข้าใจ

“ไอ้เรื่องธุรกิจนี้ผมก็ไม่ถนัดนักหรอก คงจะเถียงสู้คุณไม่ได้ แต่ผมอยากให้คุณรู้ด้วยว่า ไม่ใช่มัวแต่นึกถึงพนักงานของคุณเท่านั้น แต่คุณต้องนึกถึงตัวคุณเองด้วย ผมไม่อยากเห็นคุณโหมงานจนไม่ได้ใส่ใจสุขภาพร่างกายตัวเอง ”

“ฉันฟังเรโอบ่นเรื่องนี้จนหูชาแล้ว ยังต้องมาฟังนายอีกเหรอเนี่ย...” ผมบ่นพึมพำ

“เขาพูดถูกแล้วครับ และคุณควรจะรับฟังเขาด้วย”

ผมมองนายนิคอย่างไม่เชื่อสายตา ไม่เข้าใจว่าไม้เบื่อไม้เมาคู่นี้ไปญาติดีกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนอยู่ที่ภูเก็ตยังจิกกัดกันจนนาทีสุดท้ายอยู่เลย วันนี้นายนิคกลับพูดจาเข้าข้างอีกฝ่าย!

“คุณไม่ต้องมองผมแบบนั้นหรอก ยังไงผมกับหมอนั่นก็คงเข้าหน้ากันไม่ติดง่ายๆ แต่ที่ผมเห็นด้วยกับเขา เพราะผมรู้ว่าหมอนั่นกับผมเหมือนกัน แค่มองตามัน...ก็รู้แล้วว่า ความห่วงใยที่มีต่อคุณมีไม่แพ้กัน”

ผมเข้าใจดีที่นายนิคพูด และเข้าใจเรโอเช่นกัน เรื่องระหว่างพวกเราแม้จะคลี่คลายด้วยดีแล้ว แม้เรโอจะเข้าใจและรับรู้ถึงจุดยืนของตัวเอง แต่ยังไงผมก็รู้สึกเสียใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นอยู่ดี ผมทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากปล่อยให้เวลามันลบเลือนไป

หวังว่าเพื่อนของผมคนนี้ จะลืมความเจ็บปวดได้โดยเร็ว แล้วกลับมาเป็นเพื่อนคนเดิมของผม...


นายคิคเห็นสีหน้าหม่นหมองเป็นกังวลของผม จึงบอกกับผมด้วยน้ำเสียงปลอบโยน

“อย่าเสียใจไปเลย... คุณทำดีที่สุดแล้ว และก็อย่าไปทำหน้าแบบนี้ต่อหน้าหมอนั่นนะครับ ความทุกข์ใจของคุณ จะยิ่งทำให้เขาเสียใจมากขึ้น เข้าใจนะครับ...”

หนุ่มฝรั่งลูบหลังมือของผมเบาๆ พลางคลี่ยิ้มอย่างให้กำลังใจ ทำให้ผมรู้สึกใจชื้นขึ้น เพราะตั้งแต่เรโอกลับไปอิตาลี ก็ไม่ได้ติดต่อหาผมอีก ผมเองก็ไม่กล้าโทรหามัน กลัวว่าถ้าโทรไปแล้วจะทำให้ความรู้สึกของเรโอแย่ลง...

คงต้องรอเวลาให้มันรู้สึกสบายใจจนติดต่อกลับมาเองนั่นแหละ จะเป็นการดีที่สุดแล้ว...

“ฉันไปทำงานก่อนล่ะ เย็นนี้ไม่ต้องทำกับข้าวรอนะ ฉันกะว่าจะเลิกงานเร็วสักหน่อย แล้วเดี๋ยวเราออกไปทานข้าวข้างนอกกัน”

ผมลุกขึ้นจากโต๊ะ เดินไปใส่รองเท้าที่หน้าประตูโดยมีหนุ่มฝรั่งเดินตามมาส่ง


จุ๊บ!


ร่างสูงโน้มหน้ามาจูบปากผมเบาๆ แล้วส่งยิ้มให้

“ขับรถดีๆนะครับที่รัก”



...



หลังเคลียร์งานในวันนี้เสร็จเรียบร้อย ผมก็ขับรถตรงกลับคอนโดทันที เพื่ออาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกไปกินข้าวข้างนอกพร้อมกัน

อยากจะตอบแทนน้ำใจของหนุ่มฝรั่งบ้าง ที่คอยทำกับข้าวให้ผมทานทุกมื้อ ตอนเช้าก็ตื่นมาทำอาหารเช้าให้ ส่วนตอนเย็นยังทำอาหารรอให้ผมที่กลับดึกดื่นมากิน แต่เขาไม่เคยบ่นอะไรเรื่องนี้สักคำ มีแต่จะทำทุกอย่างให้ผมด้วยความเต็มอกเต็มใจ

ทำให้ผมรู้สึกว่าอยากจะทำอะไรให้กับเขาบ้าง แม้จะเรื่องเล็กๆน้อยอย่างการไปกินข้าวด้วยกันข้างนอกเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศก็ตาม

เป็นเวลาทุ่มหนึ่งได้กว่าพวกเราจะอาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จ เตรียมตัวออกไปกัน และก็เช่นเดินที่ผมต้องทำหน้าที่ขับรถ เพราะมีแต่ผมคนเดียวเท่านั้นที่รู้จุดหมายปลายทางของร้านที่จะไป

“เราจะไปทานข้าวที่ไหนเหรอครับ ...คุณคงเบื่อกับข้าวฝีมือผมแล้ว ถึงได้ชวนมากินข้างนอกแบบนี้”

ผมเลิกคิ้วมองคนด้านข้าง น้ำเสียงที่เขาพูดก็ไม่ได้มีท่าทีน้อยใจแต่อย่างไร แต่ยังไงผมก็อดที่จะแย้งไม่ได้อยู่ดี

“เปล่านะไม่ได้เบื่อ กับข้าวฝีมือนายอร่อยมากเลย เพียงแต่เปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็ดีเหมือนกัน ฉันไม่อยากให้นายอุดอู้อยู่แต่ในห้องทั้งวัน”

หนุ่มฝรั่งยิ้มกว้างกับคำพูดของผม


“แหม! ชื่นใจจังครับ”



ร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งนี้ เป็นพี่ทิพย์พี่สาวแท้ๆของผมพาผมมากินบ่อยๆเวลาที่เรานัดพบกัน เธอมักจะคะยั้นคะยอให้ผมออกมาเจอเสมอ แต่นานๆครั้งที่ผมจะตกลงตอบรับ เพราะการพบกับพี่สาวเท่ากับเป็นการพบกับความจริงบางอย่าง...

บรรยากาศริมน้ำยามค่ำคืนเย็นสบายจนรู้สึกอารมณ์ผ่อนคลาย โต๊ะเก้าอี้แยกกันเป็นสัดเป็นส่วนกับโต๊ะอื่นๆ ทำให้มีความเป็นส่วนตัวไม่ต้องรู้สึกเบียดเสียดแออัดกับคนอื่น

อาหารของที่นี่ก็อร่อยแถมยังสะอาดสดใหม่ ไม่แปลกอะไรที่จะมีคนมาทานเต็มทุกโต๊ะ โดยเฉพาะเวลาค่ำๆอากาศเย็นสบายแบบนี้ โชคดีที่ผมโทรมาจองโต๊ะไว้ล่วงหน้าก่อน ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้กินกันพอดี

ผมกับนายนิคสั่งอาหารกันมาจนเต็มโต๊ะ ระหว่างรออาหารมาเสริฟ์ก็นั่งคุยกันพลางมองเรือแล่นไปมาบนผิวน้ำพลาง

“ที่นี่บรรยากาศดีจังเลยครับ นึกไม่ถึงว่าคนที่หมกมุ่นอยู่กับงานอย่างคุณ จะรู้จักร้านดีๆแบบนี้ด้วย”

“จะชมหรือว่ากันแน่! ฉันไม่ได้บ้างานจนไม่ลืมหูลืมตาเสียหน่อย...”

นายนิคหัวเราะขำ มองบริกรของร้านที่ทยอยนำอาหารมาเสริฟ์ที่โต๊ะ

“มา เดี๋ยวผมแกะกุ้งเผาให้คุณกิน”

 เราผลัดกันกินผลัดกันคุย เล่าเรื่องราวหลายๆอย่างของตัวเอง แต่โดยส่วนมากเขาจะเป็นคนเล่าเรื่องวีรกรรมตอนเป็นวัยรุ่นให้ผมฟังเสียมากกว่า ซึ่งก็สนุกสนานน่าตื่นเต้นทุกเรื่อง จนผมคิดว่าเรื่องของผมมันช่างจืดชืดจนไม่น่าหยิบยกมาเล่าเสียเหลือเกิน...

“อ้าว! กาย!”

เสียงหนึ่งดังขึ้นเรียกให้ผมหันไปมอง เห็นครอบครัวพ่อแม่ลูกกำลังเดินมานั่งที่โต๊ะตรงข้ามกับพวกผม และหญิงสาวที่เรียกผมนั้น... เป็นพี่สาวของผมที่เพิ่งนึกถึงอยู่หยกๆนั่นเอง

ธาราทิพย์... พี่สาวแท้ๆของผม...

“สวัสดีครับคุณพล พี่ทิพย์ก็มาทานข้าวเหรอครับ” ผมลุกจากโต๊ะยกมือไหว้พี่เขย โดยมีนายนิคยืนขึ้นทำตามอย่างงงๆ

พี่ทิพย์มองนายนิคอย่างแปลกใจ ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม

“ใช่จ้ะ! ว่าแต่เป็นไงบ้างล่ะเรา ไม่ได้เจอพักนึงเลยนะ ต้นกล้าบ่นคิดถึงคุณน้ากายจะแย่ ”

เธอบอกพลางปล่อยมือให้ลูกชายวัยห้าขวบวิ่งเข้ามาหาผมด้วยท่าทางดีอกดีใจ



-------------------------------------------------

 :pig4:




TARO

  • บุคคลทั่วไป
ยังไม่อิ่มหวาน

ชอบของหวาน กินได้ตลอด

เหมือนของหวานมันจะกลายเป็นขมเลยแหะ

อย่านะ ๆ

 :sad4: :sad4:

patiharn

  • บุคคลทั่วไป
 :-[ช่วงนี้นำตาลราคาลดเหรอจ๊ะ.....หวานได้ใจจัง

zilveria

  • บุคคลทั่วไป
มันจะมีอะไรไม่น่าไว้วางใจรึป่าวเนี่ย   :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ boboaje

  • ไม่ชอบหวาน ชอบครบรส
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
...ตอนนี้มาเร็วดีจังค่ะ ....ต้องมีเรื่องเกิดขึ้นอีกแน่ๆ เลยค่ะ ....รอตอนต่อไปนะคะ...

ออฟไลน์ •ผั๑`|nกุ้va’ด•

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-69
 :L2:  เข้ามาให้กำลังใจคนแต่ง
เนื้อเรื่อง คุณกายเริ่มเข้มข้น 

kaewpoo

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ PoP~Pu

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-5
โอะ! เหมือนลางร้ายเริ่มปรากฎ
มันจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมั้ยเนี่ย!!! ลุ้นๆๆๆๆ

prawy

  • บุคคลทั่วไป
มาแล้วววววววววววว



มาจุ๊บที :จุ๊บๆ:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






aijung

  • บุคคลทั่วไป
จะหวานกันได้มั๊ยเนี่ย กัวงานเข้าจัง  :z3:

ขอบคุณที่มาต่อจ้า น่ารักจัง  :o8:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
ตอนนี้หวานๆ แต่เห็นลางร้ายจะมามั้ย  :serius2: ไม่เอานะพอนนี่ กว่าจะได้หวานขนาดเน้ สงสารทั้งคู่  :sad11:

ออฟไลน์ a_tapha

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4981
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +397/-1

พี่สาวเห็นนิคแล้วจะเป็นไรมั๊ยน้อ



 :serius2:



ออฟไลน์ jaaeyboy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 522
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
เพิ่งแวะเข้ามาอ่านค่ะ

ชอบนิคจังเลย  ยอมเสี่ยงทำทุกอย่างเพื่อให้กายรับตอบ

ในที่สุดก้อสมหวังซะที

แต่สองคนจะมีอุปสรรค์อะไรอีกหนอ  เอาใจช่วยค่ะ


ออฟไลน์ maxtorpis

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-4
อย่าหายไปนานค้าบ ขอร้อง อิอิ

ออฟไลน์ imac

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
ตามอ่านตั้ง3วันกว่าจะอ่านทัน มาต่อไวนะครัฟ :impress2: :impress2: :impress2:

satan666

  • บุคคลทั่วไป




มาแล้วค่ะ :L2:

ยินดีต้อนรับคนใหม่ที่หลงเข้ามาอ่านนะคะ :3123:



ปล. ใกล้สอบอีกแล้ว :z10:


------------------------------------------------------------------





Chapter:31 พี่สาว (ครึ่งหลัง)(จบ)







         “น้ากายไม่มาหาต้นกล้าเลย ต้นกล้าอยากเจอน้ากายนะฮะ แต่มาม๊าบอกน้ากายไม่ว่าง” เสียงเล็กๆของเด็กชายพูดเจื้อยแจ้ว จนผมต้องอุ้มเด็กน้อยแสนน่ารักขึ้นมาหอมแก้มฟอดใหญ่ด้วยความเอ็นดู

“ขอโทษนะครับ พอดีน้างานยุ่งน่ะครับ” ผมบอกยิ้มๆ รู้สึกผิดกับการที่ผมพยายามหลบหน้าพี่สาว แต่กลับทำให้หลานชายคนเดียวคิดถึงเสียนี่...

ปกติเวลาผมนัดเจอพี่ทิพย์ พี่สาวผมก็มักจะพ่วงลูกชายมาด้วย และคงเป็นเพราะพี่เขยงานยุ่งไม่ค่อยจะมีเวลา บวกกับพี่สาวผมเป็นผู้หญิงเลยไม่ค่อยถนัดเล่นกับเด็กผู้ชาย เลยทำให้ต้นกล้าค่อนข้างจะติดผมอยู่บ้าง


“เอ้อ... ลืมแนะนำให้รู้จักกันเลย พี่ทิพย์ครับนี่นิโคลัส เอ่อ... เพื่อนผมเองครับ” ผมแนะนำนายนิคให้พี่สาวรู้จัก

ไม่รู้ว่าพี่สาวผมจะคิดยังไงถ้าแนะนำตามจริง กลัวเธอจะรับไม่ได้ เลยได้แต่บอกว่าเป็นเพื่อน หันไปมองหน้านายนิค หนุ่มฝรั่งก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่ยิ้มให้หญิงสาวอย่างเป็นมิตรเท่านั้น คิดว่าเขาคงจะเข้าใจสถานการณ์ของผมเป็นอย่างดี

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณนิโคลัส ดิฉันทิพย์ค่ะเป็นพี่สาวของกายเค้า ส่วนคนนั้นสามีดิฉัน ชื่อพลค่ะ”

พี่ทิพย์แนะนำตัวเอง พร้อมทั้งหันหน้าไปทางสามีที่กำลังสั่งอาหารกับบริกรในร้านอยู่ ซึ่งเขาก็หันมายิ้มให้นายนิคอย่างเป็นมิตรเช่นกัน

“ยินดีที่รู้จักครับ เรียกผมนิคเฉยๆก็ได้ครับพี่ทิพย์”

“ต๊าย! พูดไทยคล่องจังเลยค่ะ กว่าจะพูดเก่งขนาดนี้ใช้เวลานานไหมคะ”

“ก็หลายปีอยู่เหมือนกันครับ”

จากนั้นพี่ทิพย์ก็ชักชวนให้พวกเราย้ายมานั่งโต๊ะเดียวกัน

ผมดีใจที่นายนิคดูจะเข้ากับพี่สาวของผมได้ดี โดยเฉพาะเด็กผู้ชายวัยกำลังซนอย่างต้นกล้ายิ่งเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย คงเป็นเพราะชายหนุ่มเป็นคนมีอัธยาศัยดีด้วยกระมังเลยทำให้เข้ากับทุกๆคนได้ง่าย

พี่ทิพย์สอบสวนประวัตินายนิคคร่าวๆว่าเป็นใครมาจากไหน เป็นเพื่อนผมตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะปกติพี่ทิพย์จะเห็นเพื่อนผมแค่เรโอคนเดียว ไม่แปลกอะไรที่เธอจะรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย

หนุ่มฝรั่งก็โต้ตอบได้ดีถามคร่าวๆก็ตอบคร่าวๆจริงๆ ไม่ตอบอะไรที่ทำให้ผมลำบากใจเลย แถมยังตอบแบบไม่ทำให้พี่สาวผมติดใจสงสัยอีก กลายเป็นว่าเธอเข้าใจว่านายนิครู้จักกับผมเพราะผมจะเปิดแบรนด์เสื้อผ้า เลยสนิทกันเพราะต้องติดต่อร่วมงานกัน

สักพักพี่ทิพย์ก็เข้ามาสะกิดให้ผมลุกไปคุยกับเธอเป็นการส่วนตัว ผมลอบถอนหายใจ ในที่สุดสิ่งที่พยายามหลีกเลี่ยง สักวันหนึ่งก็ต้องมาถึงจนได้...

พี่ทิพย์พาผมออกมาคุยบนระเบียงที่ยื่นออกไปเหนือผิวน้ำ สายลมเย็นพัดผ่านต้องร่างเราสองคน ท้องฟ้ายามกลางคืนเห็นดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยวลอยโดดเดี่ยวอยู่กลางฟ้าไร้หมู่ดาว ชวนให้รู้สึกสะท้อนใจนัก

“พี่ไม่อยากพูดอะไรมากหรอกนะ เพราะพี่เคยพูดไปแล้ว ไม่อยากพูดซ้ำอีก แต่อยากขอให้กายคิดทบทวนให้ดีๆ เราสองพี่น้องก็โตจนมีครอบครัวมีการมีงานแล้ว แล้วพ่อแม่ก็แก่ขึ้นเรื่อยๆ พี่เลยไม่อยากเห็นกายต้องเสียใจอีก และไม่อยากให้มันเป็นปัญหาค้างคาใจไปตลอดชีวิตของกาย” 

ผมนิ่งครุ่นคิด ใช่ว่าผมจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด แต่ปัญหาระหว่างผมกับแม่มันไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิ ความกลัวของผมมันไม่ใช่เพียงปมด้อมในจิตใจเมื่อวัยเด็กเท่านั้น แต่มันมีเหตุผลอื่นอีกที่ผมพยายามหลีกเลี่ยงที่จะรับรู้มาตลอด ผมไม่กล้าไปเจอแม่ไม่ใช่เพราะกลัวว่าแม่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม ไม่ใช่เพราะทนไม่ได้ที่จะเห็นแม่เกลียดผมเหมือนก่อน แต่เป็นเพราะ...

“ผมจะไม่หนีอีก...” ผมตัดสินใจบอก แม้มันจะยากลำบากเหลือเกิน

“แต่ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมเท่านั้น... พี่ไม่รู้หรอกว่าความกลัวของผมมีมากเท่าไหน ไม่รู้หรอกว่ายิ่งผมโตขึ้นมีวุฒิภาวะมากขึ้น สิ่งที่ผมเคยละเลยไปในอดีตกลับทำให้ผมต้องย้อนมาคิดใหม่ กลายเป็นความสงสัยที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ จนผมนึกกลัวตัวเอง...”

ผมหันไปจ้องตาพี่สาวเพียงคนเดียว ดวงตาของเธอสั่นไหวกับคำพูดของผม นัยน์ตาคู่สวยมีน้ำตาเอ่อคลอ ก่อนที่พี่ทิพย์จะเป็นฝ่ายหลบเลี่ยงสายตาของผม หันไปมองผิวน้ำกระเพื่อมขึ้นลงเป็นระลอกๆ

ลำคอของผมตีบตัน ท่าทีของพี่ทิพย์ฟ้องให้ความสงสัยของผมเหมือนจะชัดเจนขึ้น ทำให้คำถามของผมถูกเค้นออกมาจากลำคออย่างยากลำบากกว่าเดิม

“พี่รู้สิ่งที่ผมสงสัยใช่ไหมครับ... ผมไม่ใช่เด็กเล็กๆเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ผมมีสมองความคิด ทำไมผมจะไม่สงสัยว่า...  ..ทำไมแม่ปฏิบัติต่อเราสองคนแตกต่างกัน แม่รักพี่มากกว่าผม ทั้งที่เราต่างก็เป็นลูกแท้ๆเหมือนกัน ทำไมแม่ถึงแสดงท่าทีรังเกียจผมอย่างเด่นชัด... “ ผมหยุดนิ่ง  สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทบทวนคำพูดในหัวสมอง

“...ตอนแม่ฟ้องหย่าพ่อ...น่าจะได้สิทธิ์เลี้ยงดูลูกมากกว่า ญาติทางฝ่ายแม่ก็เป็นผู้ดีมีเงินทอง กับแค่การรับลูกมาเลี้ยงทั้งคู่มันจะลำบากอะไร! แต่แม่กลับทิ้งผมให้อยู่กับพ่อโดยไม่ติดต่อมาอีก ราวกับ...ระ..ราวกับผมไม่ใช่ลูกของแม่มาก่อน...”

           เสียงของผมสั่นไหวขึ้นเรื่อยๆตามความรู้สึกที่กัดกร่อนในหัวใจที่ปวดร้าว แต่ในที่สุดก็ระบายความสงสัยทุกอย่างที่อัดแน่นในอกออกมา  จนหมด...

ผมไม่อยากจะรื้อฟื้น ไม่อยากจะนึกถึง แต่ในที่สุดความจริงก็ย่อมเป็นความจริง ปริศนาที่มืดมนมาตลอดต้องกระจ่างขึ้นจนปรากฏแก่สายตาไม่วันใดก็วันหนึ่ง... และวันนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่ผมต้องเผชิญกับมัน...

“...ไม่หรอก คิดมากไปรึเปล่า อย่าลืมว่าแม่เขามีอาการทางจิตนะ การกระทำก็ต้องคาดเดาไม่ได้เป็นธรรมดา และอีกอย่างแม่เขาก็เหมารวมว่ากายเป็นลูกพ่อด้วย แม่โกรธเกลียดพ่อมากก็เลยไม่ยอมแบ่งแยกบุคคล แต่ตอนนี้แม่เค้าดีขึ้นแล้วนะ... แม่เค้า... ”



“อย่ามาโกหก... อย่าโกหกผมอีก!”


ผมตวาดใส่หน้าพี่ทิพย์ จนเธอสะดุ้งตกใจ แต่ก็ไม่กล้าสบตาผม ในระหว่างพูดเธอไม่ยอมมองหน้าผมเลยสักนิด...

“...จนป่านนี้แล้ว พี่ยังคิดจะปิดบังผมอีกเหรอ...” น้ำเสียงของผมแห้งแล้งไร้เรี่ยวแรง หลับตาลงอย่างอ่อนล้า

“กาย...”

เสียงเรียกสั่นเครือของพี่ทิพย์ เป็นสัญญาณที่ทำให้ผมยิ่งแน่ใจ ว่ามีเรื่องราวบางอย่างที่ผมไม่รู้ และคงจะมีแต่ผมคนเดียวเท่านั้นที่ไม่เคยรู้...

เรื่องราวเกี่ยวกับตัวผม ที่ทุกคนพยายามปิดบัง มาตลอด...

“บอกมาเถอะครับ... ถึงผมกลัวที่จะรับรู้ความจริง แต่ไม่ว่าพี่จะเป็นคนบอก หรือคนอื่นที่รู้ความจริงบอกผม... สักวันหนึ่งผมก็ต้องรู้อยู่ดี รู้เร็วรู้ช้าคงไม่ต่างกันเท่าไหร่...”

เกิดความเงียบขึ้นระหว่างเรา ผมยังคงหลับตารออย่างสงบใจ รอคอยเรื่องราวที่จะต้องรับรู้ เรื่องราวที่คงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับผมนัก...

หลังจากที่ผ่านวันเวลามานาน ผ่านความรู้สึกเจ็บปวดกับฝันร้ายในวัยเด็ก จนวันนี้...ผมคิดว่าร่างกายและจิตใจของผมคงไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่แล้ว ถ้าจะรู้ความจริงที่เลวร้ายยิ่งกว่าหรือทรมานใจยิ่งกว่า มันก็คงจะไม่เจ็บปวดได้มากไปกว่านี้หรอก...

ผมภาวนามาตลอด ว่าเรื่องราวที่แม่รังเกียจผมจนไม่อยากเห็นหน้า ถึงกับลงมือลงไม้ทุบตีผม เป็นเพราะอาการทางจิตของแม่ทั้งหมด ผมหวังให้มันเป็นเช่นนั้นตลอดมา...

แต่น้ำหนักของเหตุผลมันกลับไม่เพียงพอให้ได้ข้อสรุป ต่อให้เป็นโรคประสาทขนาดไหนก่อนหน้านี้ก็ต้องสนใจใยดีลูกของตัวเองบ้าง ไม่ใช่เย็นชาไร้หัวจิตหัวใจแบบนี้ 

“...นั่นสินะ มันก็สมควรแล้วที่กายจะสงสัยในตัวแม่... ตอนแรกพี่คิดว่าจะปล่อยเรื่องนี้ให้กลายเป็นอดีตไป แต่เมื่อทุกอย่างมันเป็นแบบนี้แล้ว ถ้าพี่ยังจะปิดบังอีกต่อไป พี่ก็คงเป็นพี่ที่แย่มาก เฮ้อ... ไม่ว่าสิ่งที่พี่จะบอกจะเป็นอะไร ขอให้กายรู้ไว้ด้วยว่า พี่ยังคงรักกายในฐานะที่กายเป็นน้องชายคนเดียวของพี่เสมอ...”

ผมลืมตามองมายังพี่สาวคนเดียวของผม ประกายในแววตาของเธอดูหมองเศร้า แต่รอยยิ้มที่เธอมอบให้ผมกลับเป็นรอยยิ้มที่อบอุ่นจริงใจ...

“...กายคงสงสัยอีกเหตุผลหนึ่งด้วยใช่ไหม? ที่ทำไมกายไม่มีเค้าโครงเหมือนแม่เลยสักนิด ซึ่งผิดกับพี่... แต่มันไม่ใช่เพราะกายหน้าตาเหมือนพ่อมากกว่าหรอกนะ กายคงจะรู้ตัวมานานแล้วใช่ไหม... ว่าตัวเองก็ใช่ว่าจะถอดแบบจากพ่อมาทั้งหมด...”

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เด่นชัดกว่าอะไรทั้งหมด ผมไม่มีอะไรที่เหมือนแม่เลยสักอย่าง แม้แต่ความคลับคล้ายก็ไม่มี ผิดกับพี่สาวของผม ที่ดูก็รู้ว่าเป็นแม่ลูกกัน

พี่ทิพย์นิ่งเงียบไปราวกับว่าอยากจะใช้เวลาสักนิดเพื่อรวบรวมความกล้าของตัวเอง...

“ความจริงทั้งหมดเป็นเพราะ....”
.
.
.
.
.


เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับบอกความจริงที่กักเก็บมานานให้ผมรู้ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ...

.
.

 “เราสองพี่น้องไม่ใช่พี่น้องท้องเดียวกัน แม้จะมีพ่อคนเดียวกันก็ตาม...” 

พี่ทิพย์ร้องไห้ออกมาหลังจากบอกความจริง ส่วนผมรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดเข้าใส่กลางใจจนเจ็บแปลบปลาบ ชาไปทั้งร่างกายและจิตใจ...

สิ่งที่เคยคลางแคลงใจกลับกลายเป็นความจริง!

 ความรู้สึกตอนก่อนจะรู้ความจริงและหลังจากรู้ความจริง มันต่างกันอย่างมากมายจริงๆ...








                           ++++++++++++++++ +++++++++++++++++

 

 




ผมนั่งเล่นกับ ’น้องต้นกล้า’ หลานชายของคุณกาย พร้อมทั้งพูดคุยกับคุณพลที่เป็นพี่เขยแฟนผมไปด้วย


คุณกายออกไปคุยกับพี่สาวได้สักพักแล้ว สงสัยจะมีเรื่องสำคัญต้องพูดคุยกันระหว่างพี่น้องกระมัง ผมก็ได้แต่นึกคาดเดา...

วันนี้นอกจากจะดีใจที่สุดที่รัก พาผมออกมาดินเนอร์ข้างนอกเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศแล้ว ยิ่งนึกไม่ถึงว่าจะได้เจอกับพี่สาวแท้ๆของคุณกายด้วย! ทำให้คิดว่าวันนี้คงจะเป็นวันดีสำหรับผม ที่ทำให้ได้ทำความรู้จักกับสิ่งรอบตัวของคุณกายเพิ่มขึ้น

พี่ทิพย์ เป็นผู้หญิงที่อัธยาศัยดีมากคนหนึ่ง เธอเป็นผู้หญิงที่ดูมีความมั่นใจในตัวเองสูง เป็นคนที่ดูทะมัดทะแมงแต่ก็รู้สึกถึงความอ่อนโยนนุ่มนวลอยู่ในตัว สมกับที่เป็นแม่คนจริงๆ

แต่คุณกายกับพี่ทิพย์ เป็นพี่น้องที่ไม่เหมือนกันสักเท่าไหร่ ทั้งคู่เป็นพี่น้องที่หน้าตาไม่คล้ายกันเลย ถ้าไม่บอกว่าเป็นพี่น้องกันผมก็คงจะไม่ทราบเอาได้

พี่สาวของคุณกายเป็นคนผิวออกแทน หน้าตาคมคายดูสวยเหมือนสาวไทยแท้ๆ ซึ่งผิดกับคุณกาย ที่ผิวขาวผ่อง หน้าตาหล่อแบบคนเอเชียที่มีเชื้อสายจีนผสม ถ้าบอกว่าทั้งคู่ไม่ใช่พี่น้องกันผมก็เชื่อ แต่ผมก็ไม่ได้สงสัยอะไรมากความกับเรื่องนี้ เพียงแค่ประหลาดใจนิดหน่อยเท่านั้น...

จู่ๆโทรศัพท์มือถือของผมก็ดังขึ้น เป็นพี่เอซึ่งเป็นผู้จัดการและเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของผมโทรมานั่นเอง

ผมรีบขอตัวจากคุณพล แล้วเดินออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกร้านทันที

“ว่าไงครับพี่”

[“ว่าไงอะไรของแก น้ำเสียงสดใสเชียวนะ สมหวังแล้วล่ะสิ”] พี่เอสวนกลับมาด้วยน้ำเสียงเหน็บแนมระคนหมั่นไส้

“ขอโทษที่ไม่ได้ติดต่อบอกความคืบหน้าให้รู้ ผมลืมจริงๆ แต่ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว พี่ไม่ต้องห่วงหรอก”

[“แหม! ถ้าไม่สมหวังป่านนี้คงมีคนโทรมาคร่ำครวญกับพี่แล้วย่ะ ยิ่งหายไปเงียบๆแบบนี้ ทำไมพี่จะไม่รู้ว่าข้าวสารคงหุงเป็นข้าวสุกเรียบร้อยแล้ว ชิ! หมั่นไส้!”]

“ฮะๆ อะไรข้าวสงข้าวสาร คำสำบัญสำนวนผมไม่เข้าใจหรอกพี่” ผมพูดกลั้วหัวเราะ

[“เออ! ทำเป็นแอ๊บนะ แต่อย่ามีความสุขกันจนลืมงานการเข้าล่ะ ใกล้ถึงกำหนดกลับแล้วนี่! ”]

ผมสะอึกกับคำพูดของพี่เอ เป็นอย่างที่พี่เขาว่า... ผมมีความสุขจนหลงลืมจริงๆ

เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ จนแทบไม่รู้ตัว...

[“อย่าบอกนะว่าลืม...”]

ผมเริ่มคิดหนัก นี่ก็ใกล้จะหมดกำหนดลาพักร้อนหนึ่งเดือนแล้ว คิวงานที่จะรอผมอยู่หลังจากนี้ก็คงจะมีมากจนไม่ว่างเว้น แล้วอย่างนี้จะมีเวลาว่างมาเจอหน้าสุดที่รักไหมนี่? แต่ถึงมีเวลาว่างอยู่บ้างแต่คุณกายก็ต้องดูแลธุรกิจของตัวเองเหมือนกัน

คิดแล้วก็ใจหาย ผมคงต้องคลั่งใจตายแน่เลย ถ้าไม่ได้เจอกับคุณกาย ไม่ได้กอด ไม่ได้จูบ ต้องขาดใจตายแน่ๆ!!

[“พี่เข้าใจนะว่านิครู้สึกยังไง แต่เรื่องงานก็ส่วนเรื่องงาน เรื่องส่วนตัวก็คือเรื่องส่วนตัว... พี่ไว้วางใจนิคนะ และมั่นใจด้วยว่านิคเข้าใจและแยกแยะมันได้ดี ”] 

.
.
.

“ครับ... ผมทราบดี...”

หลังจากพี่เอวางสายไป ผมก็รู้สึกห่อเหี่ยวใจขึ้นมาทันที...

กลับเข้ามาในร้านอีกครั้ง ก็เห็นคุณกายเดินมาที่โต๊ะพร้อมกับพี่สาวพอดี แต่ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่า ที่รู้สึกว่าท่าทางของคนทั้งคู่ดูแปลกๆไป

 คุณกายเงียบขรึมลง ส่วนพี่ทิพย์ก็ดูซึมๆไป ไม่ร่าเริงเหมือนก่อนหน้านี้เลย...

“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” คุณกายพูดขึ้น เมื่อหันมาเห็นผม

พี่ทิพย์เพียงแค่พยักหน้าน้อยๆ มองหน้าคุณกายด้วยท่าทีซึมเซา ส่วนคุณพลที่จับต้นกล้านั่งตักก็หันมายิ้มให้

“จะกลับแล้วเหรอ... พี่เช็คบิลโต๊ะของกายให้แล้วนะ มื้อนี้พี่ขอเป็นเจ้ามือ นานๆทีจะได้เจอกายแบบนี้ อย่าปฏิเสธเลยนะ ” คุณพลบอกยิ้มๆท่าทางใจดี จนคุณกายโต้แย้งอะไรไม่ได้ ต้องตอบรับน้ำใจของพี่เขยเอาไว้ทั้งๆที่เกรงใจ

“ขอบคุณครับพี่พล ต้นกล้าครับ... น้ากลับก่อนนะครับ”

“น้ากายจะมาหาต้นกล้าอีกมั้ยครับ!” เด็กน้อยถามเสียงใส

“ถ้าน้างานไม่ยุ่ง น้าจะมาเล่นด้วยอีกนะ” คุณกายบอกเสียงอ่อนโยน  ยื่นมือลูบหัวหลานชายเบาๆ

“เย้!”

“ขับรถดีๆนะกาย” หญิงสาวที่นั่งเงียบมาตลอดเอ่ยลาขึ้นเสียงเบา ตามองน้องชายด้วยสายตามีความหมาย

คุณกายเพียงแค่หันไปยิ้มรับเท่านั้น แต่เท่าที่ผมสังเกตเห็น ระหว่างสองพี่น้องมีบางอย่างที่แปลกๆไป ซึ่งผมก็บอกไม่ถูกว่าเป็นอะไร...

ผมเข้าไปล่ำลาพวกเขาบ้าง ก่อนจะเดินตามคุณกายออกจากร้านไป

...

ระหว่างทางกลับคอนโด คุณกายไม่พูดอะไรเลยสักคำ ทำให้ผมยิ่งแน่ใจว่าเขาดูแปลกไปจากเดิมจริงๆ ท่าทีของเขาเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องที่ออกไปคุยกับพี่ทิพย์อยู่นานรึเปล่า แต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่าคงจะเป็นเพราะสาเหตุนั้นอยู่หลายส่วน

ผมก็ไม่กล้าถามอะไร เนื่องจากกลัวว่าคุณกายจะเสียสมาธิในการขับรถ เลยได้แต่เงียบไปตลอดทางด้วยความไม่สบายใจ....

 




 

                                 ---------จบตอน----------

 

  :pig4:

 

 

 

 

 

 

 

 

patiharn

  • บุคคลทั่วไป
บรรยากาศอึมครึมจริงๆเลยน๊า....แต่ทว่าแล้วคุณกายของเรา(เนียนๆ)ลูกใครเหรอ

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
คุณกายก็กำลังเศร้าเรื่องแม่ นิคก็จะกลับไปทำงาน  :serius2: แล้วจะเป็นงัยต่อละเนี่ย

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
ตายๆๆๆๆแบบนี้ กายไม่ช่ำใจตายเหรอเนี่ย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด