บทที่ 13 การพบกันอีกครั้งของคนสองคน
..........
“กุ๊นรักเกมจังเลยครับ” กุ๊นพูดพลางกอดกระชับผม
“ทานอะไรยัง เดี๋ยวกุ๊นเลี้ยงเอง”
“ไม่เป็นไร กุ๊นทานเถอะ เกมไม่หิวนะ” ผมพูดพลางเกาหัวตัวเอง กุ๊นมาอยู่นี่ได้ยังงัย ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ แถมแต่ชุดนิสิตเหมือนผมอีก งงจัง
“งั้นไม่ต้องทานไปกันเลยดีกว่า เดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน” กุ๊นพูด
“อืม”
แล้วผมกับกุ๊นก็เข้าเรียนวิชาแรกของวันนั้นพร้อมกัน แต่ทำไมไม่เห็นเพื่อนๆ ผมเลย มีแต่คนที่ผมไม่รู้จักทั้งนั้น แถมห้องก็ดูเหมือนไม่ใช่ห้องเรียนซะอย่างนั้น
“เป็นอะไรเกม ตั้งใจเรียนหนอยดิ” กุ๊นสะกิดผม
“อือ....”
“โชกุน” ผมพูดขึ้นเบาๆ เมื่อสายตาผมหันไปมองเห็นร่างๆ หนึ่งที่นั่งเยื้องๆ ผม ทั้งรูปร่างและทรงผม นายโชกุนชัดๆ แต่ทำไมมันไม่หันมามองผมนะ
“โชกุน” ผมเร่งเสียงเรียกให้แรงขึ้นกว่าเดิม...
“จะเรียกทำไมเสียงดังจัง อยู่แค่นี้เอง...” ผมกันไปมองที่ต้นเสียง นายโชกุนยื่นหน้ามาใกล้ๆ ผม แถมเกาหัวตัวเองอย่างงงๆ
“นี่นายฝันเหรอ” ผมหันมองรอบๆ นี่มันห้องพักผมนี่นา นี่ผมฝันไปหรอกเหรอ แต่ทำไมหน้าของกุ๊นมันถึงชัดเจนขนาดนั้น ใบหน้าที่ผมอยากเห็นมานาน...
“เฮ้ย... เราไม่ได้ว่าอะไรนายซักหน่อย” โชกุนพูดพลางเดินไปหยิบผ้าเช็ดหน้าแล้วยื่นให้ผม นี่น้ำตาผมไหลด้วยเหรอ
“ขอบใจ เราฝันไม่ค่อยดีนะ” ผมปดนายโชกุนไปจนได้
ผมมาอยู่ที่ห้องนี้ได้ 1 เทอมแล้ว เทอมที่ 2 นี้รูมเมทผมอีกสองคนได้ย้ายออกไปอยู่ข้างนอก ทำให้เหลือแค่ผมกับนายโชกุนที่ยังพักห้องนี้โดยไม่มีใครย้ายเข้า เมื่ออยู่กันสองคนทำให้ผมกับนายโชกุนสนิทกันมากขึ้น
“งั้นก็ไปอาบน้ำแต่งตัวเหอะ นี่เช้าแล้ว”
“อืมมมม” ผมลุกออกจากเตียงเพื่อไปอาบน้ำ
“ลงไปกินข้าวด้วยกัน” นายโชกุนชวนผมลงไปทานข้าว วันนี้เป็นวันหยุด ผมจึงลงไปด้วย โชกุนเลิกกับแฟนตั้งแต่เทอมที่แล้ว ผมก็เคยถามเหตุผลเขาเหมือน (ไม่รู้จะไปยุ่งทำไม) นายโชกุนก็ได้แต่มองหน้าผมและก็ไม่พูดอะไร ผมก็เลยไม่ถามมันอีกเลย…
“นั่งด้วยคนได้มั้ย” เสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น นายคนที่ผมเดินชนเมื่อหลายเดือนก่อนนี่เอง
“เอ่อ... เอ้อ... เชิญครับ”
“มาคนเดียวเหรอครับ”
“เปล่าครับ มากับเพื่อนนะครับ” ผมตอบนายคนนั้นไป
“อืมมมม”
“นายชื่ออะไรเหรอ”
“เดี๋ยวนายก็รู้เอง” นายคนนั้นพูด ก่อนที่โชกุนจะถือของกินมาให้ผม
“เอ่อ...”
“นี่โชกุน รูมเมทเรา... ส่วนนี่เอ่อ...”
“ไม่เป็นไรครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” สองคนนั้นทำความรู้จักกัน โดยที่ผมและโชกุนก็ไม่รู้ชื่อเขา ผมเลยเรียกเขาว่า “นายคนนั้น”
“ขอนะ” นายโชกุนพูดพลางตักเอาชิ้นหมูจากจานผม
“เฮ้ย... เร็วเป็นบ้า”
“นายเอานี่ไปกิน จะได้โตไวไว 55+”
“อะนะ” ผมและนายโชกุนกินข้าวด้วยความสนุก นายคนนั้นเลยขอตัวลุกไปนั่งกับคนอื่น ผมสังเกตดูว่าหน้าเขาจะเศร้าๆ ผมก็ไม่คิดอะไร
“โชกุน!!!”
“555+” โชกุนได้แต่หัวเราะ จะอะไรอีกหล่ะครับ มันเล่นหยิบชิ้นหมูไปจากจานผมไปเกือบหมดแล้ว มันก็ได้แต่หัวเราะ...
“นายกินผักนั่นแหล่ะดีแล้ว” ดูมันพูด
“อะนะ... ขืนกินแต่ผัก เขาก็งอกนะซี”
“555+” มันพูดพลางยื่นผักในจานมันให้ผม
ผมและโชกุนนั่งกินนู่นกินนี่อยู่ตรงนั่นกว่าชั่วโมงครึ่ง โดยที่ผมไม่ทันได้สังเกตว่า มีสายตาของผู้คนมองมาทางเราสองคน....
“ดีจังน้า... มีหนุ่มสถาปัตหล่อๆ นั่งกินกินข้าวเป็นเพื่อน แถมกระหนุงกระหนิงกันอย่างกับแฟน” เพื่อนๆ ในกลุ่มผมพูดขึ้นในเช้าวันจันทร์อันแสนเย็นสบาย
“อะไรนะ” ผมพูดขึ้นเพื่อความแน่ใจว่า สิ่งที่ผมได้ยินไม่ผิด
“ก็เมื่อวันวันเสาร์ตอนสายๆ นายกับเมทไปทำอะไรไว้หล่ะ” โก๋พูดขึ้นด้วยสีหน้าแปลกๆ
“...” ผมเริ่มทำสีหน้าเบื่อๆ แล้วครับ นิสัยผมเปลี่ยนไปเยอะตั้งแต่เลิกกับกุ๊น หนึ่งในนิสัยที่เปลี่ยนไปนั่นก็คือ -ไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับชีวิตผมให้มากนัก-
“เกมนะตกเป็นขี้ปากคนอื่นๆ ใน ม.นะ โดยเฉพาะจากคณะวิทยาการฯ” ยุพูดขึ้น และกล่าวถึงคณะของแฟนเก่าโชกุนด้วย
“พวกนั้นหาว่านายแย่งโชกุนจากเพื่อนเขา นายเป็นผู้ชายนะ มีเรื่องแบบนี้สนุกนักหรือไง”
“แกก็พูดเกินไป เกมมันยังไม่พูดอะไรเลยนะ มีแต่เราที่ว่า ว่าและก็ว่ามันนะ” โตโต้พูดขึ้น
“เรากับโชกุน เป็นเพื่อนกัน เราคบกันแบบเพื่อนด้วยความบริสุทธิ์ใจ มีแต่คนที่จิตใจสกปรกเท่านั้นแหล่ะที่จะคิดแบบนั้น... โทษทีนะเราขอตัวหล่ะ” ผมพูดขึ้น ก่อนที่จะเดินออกจากตรงนั้นแล้วตรงเข้าไปยังห้องสมุดทันที ผมอยู่ที่ห้องสมุดประมาณ 1 ชั่วโมงจึงเดินไปเรียน โดยที่หลีกลี่ยงที่จะนั่งใกล้ๆ เพื่อนๆ ในกลุ่ม
“เกม... พวกเราขอโทษนะที่พูดไปแบบนั้น” ยุพูดขึ้นหลังจากเลิกเรียน
“...” ผมส่ายหน้า “ไม่เป็นไรหรอก เราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เราไม่สามารถห้ามความคิดของใครได้ และเราก็ไม่สามารถทำให้ใครทำให้ใครคิดดีๆ กับเราได้หรอก” ผมพูดก่อนที่จะเดินออกจากห้องพร้อมๆ กับเพื่อนๆ
“เรา... ขอโทษนะ” โก๋พูดขึ้น
“ไม่เป็นไร”
“งั้นเราไปทานข้าวกัน”
จากนั้นกลุ่มเราและเพื่อนๆ ในห้องก็พากันไปทานข้าวกัน ระหว่างทางนั้นผมก็เจอกับวุ้น (แฟนเก่านายโชกุน) ผมจึงเข้าไปคุยกับเธอเพื่อคุยให้เข้าใจว่าเรื่องมันเป็นยังงัย ดูวุ้นจะเข้าใจ แต่เธอก็ไม่คิดจะกลับไปคืนดีกับโชกุนแน่นอน ผมก็ไม่พูดอะไร เพราะคิดว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดอะไรมากกว่า...
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ผมกับโชกุนก็ยังคงไปทานข้าวกันเหมือนเดิม แต่ไม่บ่อยมากนัก เพราะต่างคนต่างก็มีงานสุมหัว นานๆ ผมกับโชกุนจึงจะมีโอกาสได้ไปทานข้าวด้วยกัน...
“วันนี้มาทานข้าวคนเดียวเหรอครับ” นายคนนั้นพูดขึ้นและขอนั่งกับผม หลังจากที่ผมลงมาทานข้าวที่โรงอาหารคนเดียว
“ครับ”
“นี่ตกลงนายชื่ออะไรกันแน่” ผมถามนายคนนั้น
“อืมมม... ยังไม่บอกนะครับ เอาเป็นว่าอีกไม่นานเราจะบอกให้นายรู้ล่ะกัน”
“ตามใจ” ผมพูดพลางทานข้าวตัวเองไป
“นายพักหอไหนเหรอ”
“หอยางสีสุราช ห้อง 302”
“เราพักอยู่อีกหอนะ”
“เอาเป็นว่า วันลอยกระทงเราจะบอกนายเองว่าเราชื่ออะไร” นายคนนั้นพูดก่อนที่จะเดินออกจากตรงนั้นไป ทำไมจะต้องทำตัวลึกลับด้วยวะ อย่างกับเราอยากรู้จักซะ...
“นี่เกม วันลอยกระทงได้เพื่อนไปลอยด้วยยัง”
“ยังอะ... แต่ก็คงเป็นเพื่อนๆ ในคณะนั่นแหล่ะมั้ง”
“ให้เราไปลอยเป็นเพื่อนเอาเปล่า”
“อย่าเลยโชกุน เดี๋ยวเราโดยแฟนคลับนายแหกอกกันพอดี เหตุการณ์ตอนนั้นยังเข็ดไม่หาย”
“55+” นายโชกุนหัวเราะก่อนที่จะออกจากห้องไป
“อยู่คนเดียวเหรอ” โก๋นั่นเองครับ
“แล้วเห็นว่าเราอยู่กี่คนหล่ะ”
“เอ่อ... นายยังโกรธเราอยู่อีกเหรอ”
“เปล่า”
“งั้นเราขอโทษอีกครั้งแล้วกัน” ว่าแล้วนายนั้นก็เดินเข้ามาในห้อง พร้อมกับนั่งลงตรงปลายเตียงผม
“วันลอยกระทงนี้นายจะไปลอยกับใครเหรอ”
“ไม่รู้ ก็คงจะเป็นเพื่อนๆ นั่นแหล่ะ...”
“อืมมม...” ผมกับโก๋คุยกันอยู่นานพอควร ก่อนที่นายคนนี้จะขอตัวกลับไปที่ห้อง ไม่บ่อยครั้งนักที่ผมจะได้มีโอกาสอยู่คนเดียวในห้องกว้างๆ นี้ ทุกครั้งที่ผมอยู่คนเดียวก็มักจะนั่งคิดเรื่องเก่าๆ มันคงเป็นนิสัยอีกอย่างหนึ่งที่ผมมักทำเวลาอยู่คนเดียว ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ครั้งนี้ผมนั่งคิดเรื่องเก่าๆ สมัยมัธยม สมัยที่ผมและกุ๊นคบกัน...
----“เกมเขียนบันทึกอะไรอะ”
“ก็บันทึกเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันไง ส่วนใหญ่ก็เกี่ยวกับกุ๊นและเกมแหล่ะ” ผมพูดพลางเงยหน้าขึ้นมามองกุ๊น “เผื่อวันหนึ่งกุ๊นทิ้งเกมไปจะได้เก็บไว้เป็นความทรงจำ”
“ไม่มีวัน กุ๊นไม่มีทางทิ้งเกมเด็ดขาด ยังงัยกุ๊นก็จะรักเกมตลอดไป... แม้เกมจะไม่รักกุ๊นแล้วก็ตาม” กุ๊นพูดพลางมองหน้าผมด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“เกมก็เหมือนกัน” -------
พอคิดเรื่องนี้ทีไร ผมเป็นต้องนั่งร้องไห้ทุกที ผมพยายามไม่คิดแล้วนะ แต่พออยู่คนเดียว สมองมันก็คิดเรื่องอะไรไปเรื่อย และสุดท้ายก็คิดเรื่องเก่าๆ นี้จนได้...
.............
วันลอยกระทง
“หวัดดี หาตัวพบจนได้” นายคนนั้นทักผมขึ้น
“นี่เกม นายไปรู้จักเด็กวิศวะได้ไงนะ” แอร์พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“ผมขอลอยกระทงด้วยคนนะครับ” นายคนนั้นพูดขึ้น ทำให้ทุกคนในกลุ่มผมหันไปมอง และทำหน้าประหลาดใจ ประมาณว่า -ฉันไปรู้จักนายตั้งแต่เมื่อไหร่- แต่ก็ไม่มีใครว่าอะไร แต่ดูเหมือนพวกเพื่อนๆ จะปล่อยให้นายคนนั้นมาลอยกระทงกับผมซะมากกว่า อะไรกันว่ะ...
“นายอธิษฐานว่าอะไร”
“ถ้าบอกนายจะเรียกว่าอธิ....” ผมไม่อยากพูดต่อเลย ทำไมบทสนทนานี้มันเหมือนตอนนั้นจัง...
------“เกมอธิษฐานว่าอะไรเหรอ”
“ถ้าบอกเขาจะเรียกว่าอธิษฐานเหรอ”
“อ่ะนะ... ส่วนกุ๊นอธิษฐานว่า ขอให้เราสองคนอยู่ด้วยกันนานๆ และขอให้เกมรักกุ๊นมากๆ”
“เกมก็อธิษฐานแบบนั้นเหมือนกัน” --------
เฮ้อ.... อดทนเกม เดี๋ยวคนอื่นได้แตกตื่นกันพอดี มาลอยกระทงแล้วกลับจะร้องไห้เนี่ยะ อดทนๆๆๆๆๆๆ
“ไม่สบายหรือเปล่า ดูหน้านายซีดๆ นะ”
“ไม่เป็นไร สงสัยจะแพ้ควันธูปมั้ง”
ผมหันไปมองหาคนอื่นก็ไม่มีแล้ว เพื่อนๆ คนไม่รู้ไปไหน ตกลงคืนนี้ผมต้องเดินกับนายคนนี้เหรอ แปลกๆ แฮะ...
“เกม นายกินขนมนี่มั้ย” นายคนนั้นพูดขึนพลางยื่นขนมให้ผม
“ไม่เอานะ ไม่ชอบ... เดี๋ยว นายรู้จักชื่อเราด้วยเหรอ”
“เอ่อ... ก็... เราได้ยินเพื่อนนายเรียกแบบนี้อะ” นายคนนั้นพูดเหมือนจะแก้ตัว
“ถามจริงๆ เหอะ นายชื่ออะไรอะ”
“อยากรู้จริงๆ เหรอ”
“ไม่แล้วหล่ะ” ผมพูดจริงๆ ครับ ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ไอ้บทสนทนาแบบนี้
“อ๊ะ... ขอโทษๆๆๆๆ เราลืมไปว่าเกมไม่ชอบบทสนทนาแบบนี้”
“นี่... นายเป็นใครกันแน่ ทำไมรู้อะไรเกี่ยวกับเราเยอะจัง”
“เดี๋ยวเราไปนั่งคุยกันตรงนั้นดีกว่านะ” ว่าแล้วนายคนนั้นก็จูงมือผมไปนั่งที่โต๊ะหินอ่อนข้างๆ คณะวิทยาศาสตร์
“เอ้า... เราตามนายมาแล้ว ที่นี้บอกได้ยังว่าชื่ออะไร”
“...” นายคนนั้นเดินเข้ามากอดผม
“เฮ้ย... ทำไรว่ะ จะมากไปแล้วนะ” ผมเริ่มโวยวาย นี่ไม่รู้จักกันแล้วมาทำแบบนี้ ขนาดคนที่รู้จักกันยังไม่กล้าทำแบบนี้เลยอะ
“เกม”
“...” ผมไม่รู้จะพูดอะไรครับ (ดิ้นไม่หลุดจากอ้อมกอดของมัน แหะๆ)
“จำเราได้เปล่า”
“จำไม่ได้ เราเคยรู้จักกันเหรอ” ผมพูด ก่อนที่นายคนนั้นจะเลิกกอดผม แล้วพูดขึ้นว่า...
“สวัสดีครับ ผมชื่อ เด็กชาย
เศรษฐ์พล ครับ ชื่อเล่น
เต๊บ ครับ” พอนายคนนั้นเอ่ยจบ เหมือนเรื่องราวต่างๆ เหตุการณ์ต่างๆ ไหลเวียนเข้ามาในความทรงจำผม รอบๆ ข้างเงียบลง ในสมองมีเรื่องราวต่างๆ ชัดเจนมากขึ้น ก่อนที่ผมจะกระโดดกอดนายคนนั้นอย่างดีใจ...
..........
มีคนทายถูกด้วย 55+