เล่ห์ร้าย
ตอนที่ 6.
บ้านหลังใหญ่ยังคงเงียบเหงาเช่นเคย หลังจากนั่งรับประทานอาหารค่ำเพียงคนเดียวแล้ว ลลิตก็สั่งสาวใช้ว่าจะไปนอนที่เรือนคุณปู่ ทุกคนรีบเร่งทำงานให้เป็นอย่างดี เพราะรู้ว่าวันนี้เป็นวันอะไร หัวหน้าแม่บ้านสั่งแม่ครัวให้ทำแต่อาหารและของหวานที่คุณหนูชอบ แต่เด็กชายก็รับประทานอาหารได้ไม่มากนัก
ลลิตนอนซุกตัวอยู่ในผ้าห่มกอดกองหมอนนุ่มหลากหลายขนาดมากกว่าสิบใบที่ให้สาวใช้ขนมาจากห้องของตนเอง เพื่อมานอนที่เรือนของคุณปู่ในวันสำคัญของตนที่ไม่มีใครในครอบครัวสนใจ
วิธวินท์คิดทบทวนถึงคำพูดของสมบูรณ์จึงตัดสินใจลาผู้เป็นแม่ แล้วรีบเดินทางไปที่คฤหาสน์หลังงาม โดยโทรหาสมบูรณ์ก่อนว่าตนเองกำลังเดินทางไป ชายหนุ่มนั่งมองถุงพลาสติกที่ภายในบรรจุของที่คิดว่าจะให้คุณหนูริชดีหรือไม่ เพราะมันเป็นของราคาถูก ถ้าคุณหนูปฏิเสธที่จะรับมัน ตัวเขาก็คงจะเสียใจแน่ๆ แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าช่างมันเถอะอย่างน้อยก็ยังได้ให้ คนที่ได้จะเอาไปทิ้งเอาไปขว้างยังไงก็ตามใจ
“ขอโทษนะครับที่ต้องรบกวนดึกๆ” ชายหนุ่มเอ่ยกับสมบูรณ์ที่เป็นคนมาเปิดประตูให้
“ไม่เป็นไรครับ คุณหนูอยู่ที่เรือนคุณปู่ครับ” สมบูรณ์พูดกับชายหนุ่มแล้วทำท่าจะเดินนำไป
“เอ่อ... ผมฝากคุณสมบูรณ์เอาไปให้คุณหนูได้มั้ยครับ” วิธวินท์พูดด้วยสีหน้ากังวลใจ ชายหนุ่มกลัวว่าถ้าเขาเป็นคนให้เองกับมือ แล้วถ้าคุณหนูเกิดแสดงท่าทีว่าไม่ชอบหรือไม่อยากได้ ถึงจะทำใจมาแล้วแต่เขาก็คงอดที่จะเสียใจไม่ได้อยู่ดี
“ไม่ดีหรอกครับ ในเมื่อมาแล้วทั้งที คุณวินเอาเข้าไปให้คุณหนูเองดีกว่าครับ” สมบรูณ์พูดพร้อมกับเดินนำหน้าออกไปเลย แต่ก็แอบหันกลับมามองชายหนุ่มแล้วก็ต้องอมยิ้มกับท่าทางลังเลแต่ก็เดินตามมาโดยดี
ชายหนุ่มทำท่ารีๆ รอๆ อยู่ที่หน้าประตู ด้วยไม่แน่ใจว่าควรจะปลุกเด็กชายดีหรือไม่ สมบูรณ์ก็ขอตัวกลับไปพักผ่อนแล้ว หลังจากยืนลังเลอยู่สักครู่ วิธวินท์จึงนำขนมเค้กก้อนเล็กที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อปักเทียนเล่มเล็กลงไปตรงกลาง ตัดสินใจปิดไฟในห้องโถงให้เหลือแต่แสงรำไรจากโคมไฟหน้าเรือน แล้วเดินถือเค้กและไฟแช็ก ไปเคาะที่ประตูห้องนอนเบาๆ
“คุณหนูครับ” ชายหนุ่มส่งเสียงเรียก แล้วเอาหูแนบที่ประตูฟังความเคลื่อนไหวจากภายใน เมื่อได้ยินเสียงดังกุกกักๆ ชายหนุ่มก็รีบถอยออกมาจุดเทียน แล้วรออยู่ที่หน้าประตู
ลลิตเปิดประตูออกมาช้าๆ ยกมือขึ้นขยี้ตาเพราะยังไม่ชินกับแสง
ชายหนุ่มร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยูออกมาเบาๆ ให้ได้ยินกันสองคน เด็กชายทำสีหน้าแปลกใจ มองเค้กและหน้าของชายหนุ่มสลับกันไปมา พอวิธวินท์ร้องเพลงจบก็ยื่นเค้กไปตรงหน้าลลิต
“เป่าเทียนสิครับคุณหนู” เด็กชายกระพริบตาถี่ๆ จนรู้แล้วว่านี่เป็นเรื่องจริงไม่ใช่ความฝันจึงหลับตาลงแล้วเป่าเทียนเพียงเล่มเดียวนั้นจนดับ
“สุขสันต์วันเกิดครับคุณหนูริช” วิธวินท์พูดเมื่อเด็กชายลืมตาขึ้นมา แล้วชายหนุ่มก็วางเค้กไว้บนโต๊ะ แล้วเดินไปเปิดไฟกลางห้องโถงให้สว่างไสวเช่นเดิม เขาจึงเห็นเด็กชายชัดเต็มตา ร่างเล็กในชุดนอนขายาวสีเหลืองอ่อน คอเสื้อเอียงๆ จนเกือบหลุดจากหัวไหล่ กางเกงขายาวสีเดียวกันตัวหลวมชายกางเกงยาวลากพื้น ดวงหน้าขาวปากอิ่มเป็นสีชมพูจนเห็นได้ชัด ตายังหรี่ลงเพราะยังไม่ชินกับแสงไฟ ผมสีดำสนิทยุ่งเหยิง ชายหนุ่มมองร่างเล็กจนเพลิน จนเด็กชายเริ่มรู้สึกได้จึงก้มลงมองตัวเองแล้วจัดนั่นจับนี่มือเป็นระวิง
“ห้ามมองนะ” ปากอิ่มๆ เอ่ยเรียกร้องความสนใจจากสายตาชายหนุ่มให้ไปจับจ้อง กลีบปากสีชมพูคู่นั้นขยับไปมาช่างดูเย้ายวนอย่างบอกไม่ถูก วิธวินท์ต้องรีบกระพริบตาสองสามครั้งเพื่อไม่ให้คิดฟุ้งซ่านมากไปกว่านี้
ชายหนุ่มรีบเดินเลี่ยงไปหยิบจานกับส้อมเพื่อให้ลลิตใช้รับประทานขนมเค้ก แล้วจึงหยิบน้ำส้มคั้นที่อยู่ในตู้เย็นออกมาเตรียมเอาไว้ให้ด้วย แต่เมื่อชายหนุ่มเดินออกมาก็เห็นเด็กชายใช้นิ้วชี้จิ้มลงไปที่แยมสีเหลืองที่วาดเป็นรูปหมีแล้วยกกลับขึ้นมาชิม ภาพนั้นทำให้ชายหนุ่มยิ้มออกมาได้ โถ่เอ๋ย เด็กหนอเด็ก วิธวินท์คิดในใจ
เมื่อเด็กชายเหลือบไปเห็นว่าชายหนุ่มออกมาแล้ว จึงชักมือกลับมาวางที่ข้างตัวอย่างรวดเร็วแล้วทำเมินมองไปทางอื่น
“ทานขนมเค้กเลยมั้ยครับ ซื้อมาจากร้านธรรมดาแต่รสชาติคงพอกินได้” วิธวินท์เอ่ยถามเมื่อกลับมาถึง
“เอาไปข้างบนดีกว่า ฉันอยากดูดาว” เด็กชายพูดแล้วก็หยิบเค้กเดินนำขึ้นไป
ลลิตนั่งอยู่บนชิงช้าแล้วโยกเบาๆ แหงนหน้ามองดวงดาวบนฟ้า วิธวินท์เดินตามเข้าไปเอาของวางไว้บนโต๊ะใกล้ๆ แล้วลงไปนั่งที่ชิงช้าข้างๆ เด็กชาย
“ไม่ค่อยเห็นดาวเลยเนอะ บรูโน่” ลลิตเอ่ยขึ้นมาลอยๆ ชายหนุ่มหันไปมองเด็กชายที่ยังเงยหน้ามองท้องฟ้าอยู่
“ในเมืองแสงมันเยอะครับคุณหนู เลยมองไม่ค่อยเห็น”
“งั้นก็ไม่เห็นคุณปู่สิ คุณปู่บอกว่าจะไปอยู่บนฟ้าเป็นดาวคอยมองดูฉันตลอด”
“แต่คุณปู่ก็ยังเห็นคุณหนูอยู่นะครับ ถึงเราจะไม่เห็นดาว” ชายหนุ่มอยากจะยกมือขึ้นลูบผมเด็กชายเพื่อปลอบใจแต่เขาก็ไม่กล้า ได้แต่เพียงพูดออกไปด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มเท่านั้น
“จริงนะ” เด็กชายถามขึ้นเบาๆ วิธวินท์รู้สึกได้เลยว่าวันนี้ลลิตดูต่างออกไป ดูเปราะบางเหลือเกินจนเขาอยากจะรวบมากอดไว้เหมือนเช่นคืนนั้น แต่ตอนนี้สิ่งที่พอจะทำได้ดีที่สุดก็คงเป็นแค่เพียงการพูดจาปลอบโยน
“จริงสิครับ ทานเค้กกันดีกว่านะครับคุณหนู” ชายหนุ่มเอี้ยวตัวไปหยิบเค้กมาถือไว้เอง แล้วส่งส้อมให้เด็กชาย
“ป้อนด้วยสิ” ลลิตไม่ยอมรับส้อม แต่ยื่นหน้าแล้วอ้าปากรอแทน ชายหนุ่มจึงใช้ส้อมตักตรงแยมแล้วป้อนใส่ปากเด็กชาย
“อร่อยมั้ยครับ”
“อืออ” ลลิตพยักหน้าเบาๆ ชายหนุ่มจึงตักขึ้นป้อนอีกคำแต่คราวนี้ตักที่ขอบครีมด้านนอก
“เอาแยมด้วย” เสียงเด็กชายร้องบอกเบาๆ วิธวินท์จึงตามใจเอาปลายตักตรงที่มีแยมเพิ่มให้อีก
“บรูโน่กินด้วยสิ”
ชายหนุ่มจึงตักเค้กตรงที่เป็นครีมเข้าปากตัวเองบ้าง
“กินตรงแยมสิ อร่อยนะ” ลลิตหันมาแย่งส้อมเพื่อจะมาตักตรงแยมให้ชายหนุ่มบ้าง โดยหมุนตัวหันหน้าเข้าหาชายหนุ่ม แล้วเอาเข่าข้างนึงมาวางไว้บนชิงช้า การเปลี่ยนแปลงท่าทางอย่างรวดเร็วของเด็กชายทำให้เกิดการสะเทือน ชิงช้าที่วิธวินท์ใช้ขายึดไว้ก็เกิดโยกน้อยๆ ทำให้เด็กชายเสียหลักปล่อยส้อมหลุดจากมือ ผวาเข้าหาหลักยึดเกาะ ชายหนุ่มใช้มือที่ว่างเข้าพยุงร่างเล็กไว้ มือเด็กชายก็ปัดไปโดนเค้ก จนครีมเลอะติดนิ้ว
“ไม่เป็นไรนะครับ เจ็บตรงไหนมั้ยครับคุณหนู” ชายหนุ่มถามอย่างรวดเร็ว
“ไม่เป็นไร แต่ส้อมหล่นเลย” เด็กชายก้มมองส้อมที่ตกลงไปนอนอยู่ใต้ชิงช้าเรียบร้อยแล้ว
“เดี๋ยวผมลงไปเอาอันใหม่ก็ได้ครับ” วิธวินท์ทำท่าจะลุกขึ้นแต่เด็กชายดึงเขาไว้เสียก่อน
“กินแบบนี้ก็ได้” เด็กชายเอามือที่เลอะปาดเค้กแล้วป้ายไปที่ปากของชายหนุ่ม แล้วยิ้มออกมาอย่างนึกสนุก
วิธวินท์คว้ามือของลลิตเอาไว้ อ้าปากงับที่นิ้วเล็กๆ กินครีมเค้กที่ติดอยู่ช้าๆ ความจักจี้ที่ปลายนิ้วทำให้เด็กชายดึงมือออกแต่ชายหนุ่มก็ขืนเอาไว้ บรรยากาศที่เงียบ มีเพียงเสียงหรีดหริ่งเรไรแว่วมาเบาๆ และความน่ารักของเด็กชายที่นั่งอยู่แค่เอื้อมทำให้ความรู้สึกที่ถูกกักเก็บเอาไว้ของชายหนุ่มได้ถูกปล่อยออกมา
ลลิตรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ที่ผ่านจากปากของชายหนุ่มแล่นมาตามท่อนแขน จู่โจมหัวใจดวงน้อยให้เต้นเร็วขึ้น จนเลือดสูบฉีดขึ้นไปบนหน้าใสให้แดงและร้อนจนเหมือนจะเป็นไข้ มือเล็กเริ่มสั่นจนรู้สึกได้ ชายหนุ่มจึงเหลือบตาขึ้นมองทั้งที่ริมฝีปากยังแตะอยู่กับปลายนิ้ว เด็กชายรู้สึกตกใจจึงใช้มืออีกข้างขยำที่เค้กแล้วปัดไปที่ชายหนุ่มโดยไม่ได้มอง ร่างเล็กที่โถมเข้ามาทำให้ชิงช้าเกิดแรงสะเทือนอีกครั้ง วิธวินท์ต้องใช้ทั้งสองมือเข้ามารับตัวคุณหนู เค้กเลยกระเด็นออกจากมือ กระจายไปทั่วเพราะแรงขยำของลลิตทำให้เค้กก้อนเล็กแตกออกจากกัน
จนทุกอย่างสงบนิ่งร่างเล็กพิงอยู่ที่อกของชายหนุ่ม ที่เลอะเทอะไปด้วยเค้กหลายจุด มือข้างหนึ่งถูกวิธวินท์กุมเอาไว้ อีกข้างกำเสื้อตรงเหนืออกของชายหนุ่มไว้ ใบหน้าของเด็กชายยิ่งแดงขึ้นกว่าเดิม เมื่อรู้สึกได้ว่า ใบหน้าคมเริ่มก้มลงมาใกล้จนต้องหันหน้าหนีมองไปทางอื่น
“มีเค้กอยู่ตรงนี้ด้วย” วิธวินท์กระซิบเบาๆ ที่ข้างแก้มของเด็กชายก่อนจะแตะริมปากลงไปชิมเศษเค้กที่ติดอยู่บนใบหน้า ร่างเล็กนั่งนิ่งเหมือนถูกตรึงไว้ ริมฝีปากร้อนๆ ยังไล้ละเรื่อยลงมาอยู่ที่มุมปากอิ่ม
“ตรงนี้มีแยมด้วยครับ” ชายหนุ่มใช้ริมฝีปากขบเบาๆ ที่ริมปากสีชมพูสด จนปากของเด็กชายเผยอออก วิธวินท์แตะปลายลิ้นชิมแยมที่ติดอยู่ที่ริมฝีปากก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปชิมรสหวานฉ่ำในกลีบปากคู่นั้น เพราะความอ่อนประสบการณ์เด็กชายจึงปล่อยให้อีกฝ่ายรุกรานโดยไม่ได้ต่อต้านขัดขืน แล้วยังโอนอ่อนผ่อนตาม เปลือกตารู้สึกหนักจนค่อยๆ หรี่ปรือลงช้าๆ มือที่กำเสื้อของชายหนุ่มก็ยิ่งกำแน่นขึ้น มืออีกข้างสอดประสานกุมไว้กับมือใหญ่แนบแน่น ฝ่ามือร้อนลูบไล้อยู่ที่แผ่นหลัง
“แยมอร่อยจริงๆ ด้วยครับ” วิธวินท์ถอนริมฝีปากออกแต่ยังคลอเคลียอยู่กับริมฝีปากอิ่มรสหวานที่ได้ชิมไปเมื่อครู่ไม่ห่าง
จนเด็กชายเริ่มได้สติ จึงสะบัดแล้วรีบผุดลุกขึ้นจากชิงช้า
“บ้า!!” ลลิตร้องออกมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ แล้ววิ่งออกไปจากตรงนั้น ชนต้นไม้ เกี่ยวสิ่งของนั่นนี่ล้มลง จนชายหนุ่มได้ยินเสียงดังไปเป็นระยะ และสุดท้ายก็ได้ยินเสียงปิดประตูห้องนอนอย่างแรง
วิธวินท์ยิ้มกับอาการเขินน่ารักที่เห็น เขาเริ่มเก็บกวาดเศษเค้กที่เลอะอยู่ตรงนั้นจนสะอาด แล้วก็ยกถาดของต่างๆ ตามลงมา ชายหนุ่มล้างจานและส้อมจนหมด เช็ดเศษเค้กที่ติดตามตัวจนสะอาดแต่เด็กชายยังปิดตัวเงียบอยู่ในห้องนอน วิธวินท์จึงเอาของขวัญที่เตรียมมาวางไว้ที่โต๊ะกระจกกลางห้อง หยิบกระดาษเล็กๆ มาเขียนอวยพร แล้วเดินไปเคาะประตูบอกเด็กชายเบาๆ ว่าจะกลับแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับจากภายในห้อง วิธวินท์จึงเดินออกมา
ลลิตลุกจากท่านั่งพิงประตูที่นั่งอยู่ตั้งแต่ผลุบเข้ามาจนถึงตอนที่ชายหนุ่มมาเคาะประตูบอกลา ไปเกาะที่หน้าต่างมองร่างของชายหนุ่มที่เดินลัดเลาะไปตามทางเดินและหายออกไปจากสายตา ใบหน้ายังแดงและร้อนฉ่า ริมฝีปากอิ่มยังสั่นจนรู้สึกได้ เด็กชายยกมือขึ้นแตะที่ปาก เหมือนว่าความร้อนจากปลายลิ้นที่สอดเข้ามายังคงอยู่จนรู้สึกได้
วิธวินท์ใช้บริการรถแท็กซี่ที่ผ่านมาพอดีเพื่อเดินทางกลับไปที่บ้านของตนเอง เขานอนอยู่บนฟูกแล้วคิดถึงสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป ใจหนึ่งก็มีความสุขกับรสสัมผัสหวานวาบหวามที่ได้รับ แต่อีกใจก็รู้สึกกังวลกับท่าทีของเด็กชายที่เงียบไป ในสมองของชายหนุ่มกำลังประมวลผลสิ่งต่างๆ อย่างหนัก ทั้งฐานะที่ต่างกัน ไหนจะสัญญาที่มีต่อกัน ไม่รู้ว่าคุณหนูจะเบื่อแกล้งคนแบบเขาไปเมื่อไหร่ เพราะตอนนี้คุณหนูยังเด็กมากคงแค่อยากรู้อยากลองอยากเล่นสนุกกับเขา แต่ถ้าคุณหนูโตขึ้นแล้วไปชอบคนวัยเดียวกัน แล้วเบื่อตัวเขาที่เป็นของเล่นชิ้นเก่า ชายหนุ่มจะทำเช่นไรในเมื่อไม่สามารถทำอะไรได้เลย
วิธวินท์ได้แต่นอนเอาแขนก่ายหน้าผากปล่อยความคิดให้ฟุ้งซ่าน เกิดคำถามขึ้นมามากมายแต่ตัวเองไม่อาจจะหาคำตอบมาเติมเต็มได้ ทำได้เพียงปลอบใจตัวเองไปว่าอย่าให้เวลานั้นมาถึงเร็วนักเลย
“เอาอีกแล้วนะมึง ไอ้วิน นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอีกแล้ว” เสียงของปอดังขึ้นมาก่อนตัว ก่อนที่จะวางมือตบบนบ่าของชายหนุ่มเป็นการทักทาย
“เฮ้ย คนมันกำลังมีความรัก แม่งก็คิดหนักเป็นธรรมดาแหละว้า” จ๊อดเอ่ยแซวพร้อมกับนั่งลงข้างๆ
“อ่ะ พวกกูมีของดีมาให้ กว่าจะหาได้ มึงต้องเลี้ยงน้ำเป็นการขอบคุณพวกกูซะดีๆ” ชายเปิดหนังสือแล้วหยิบซองกระดาษสีเหลี่ยมจัตุรัสส่งให้วิธวินท์
“หนังใหม่เหรอวะ” ชายหนุ่มรับมาเปิดดูเห็นเป็นแผ่นดีวีดีก็มองหน้าเพื่อนๆ ด้วยความสงสัย
“เออ พวกกูรู้ว่ามึงยังต้องศึกษาอีกเยอะ เวลาก็ไม่ค่อยจะมี พวกกูเลยหามาประเคน” จ๊อดดันมือให้ชายหนุ่มเก็บดีวีดีแผ่นนั้นเอาไว้
“เออๆ ขอบใจว่ะ” แม้จะยังงงๆ กับเพื่อนแต่ชายหนุ่มก็เก็บแผ่นดีวีดีสอดไว้ในหนังสือเรียน แล้วก็ขอบอกขอบใจเพื่อนไป
จนเลิกเรียนในเย็นวันนั้น วิธวินท์ทำธุระส่วนตัวจนเสร็จ ทำความสะอาดบ้านจนเรียบร้อย จนมาเก็บหนังสือเข้าที่จึงนึกถึงแผ่นดีวีดีที่เพื่อนไรท์มาให้ ชายหนุ่มจึงหยิบขึ้นมาเปิดดูระหว่างที่นั่งทำรายงานที่อาจารย์สั่งไปด้วย
“แม่งให้แผ่นอะไรมาวะ เปลี่ยนภาษาก็ไม่ได้” ชายหนุ่มบ่นเบาๆ แต่ก็ปล่อยให้แผ่นเล่นไปเรื่อยๆ ไม่ได้สนใจมองหน้าจอทีวีเท่าใดนัก มือก็รื้อค้นหาหนังสือ มากางเพื่อดูข้อมูลต่อไป จนกระทั่ง
‘อ๊าาาาาาา~~~~~♥’ วิธวินท์รีบเงยหน้าขึ้นมองต้นเสียง บนจอภาพปรากฏร่างเด็กชายญี่ปุ่นตัวขาว นอนเปลือยกาย ให้ชายหนุ่มร่างใหญ่กำยำเล้าโลม ชายหนุ่มรีบคว้ารีโมทกดปุ่มปิดเสียงอย่างรวดเร็ว หันซ้ายหันขวาทั้งที่ภายในห้องมีเพียงเขาแค่คนเดียว แล้วสายตาก็กลับมามองที่จอภาพที่ฉายต่อไปว่าชายคนนั้นทำเช่นไรกับเด็กชายบ้าง
ชายหนุ่มดูไปแต่ในใจกลับนึกถึงแต่เด็กชายอีกคน แค่คิดว่าจะลองทำอย่างเช่นในภาพที่เห็น ใจวิธวินท์ก็เต้นตุ๊บๆ ส่วนกลางลำตัวมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็ว
“คุณหนูน่ารักกว่าตั้งเยอะ”
=========> โปรดติดตามตอนต่อไป

บรูโน่เริ่มศึกษาเรียนรู้มั่งแระ