ตะโก้แห้วคำจ้อย หวานแต่น้อยกลิ่นเตยนำ
สื่อความว่าเจ้าช้ำ เมื่อพี่ยามาลาหาย...
พอเจ้าอาการวูบๆวาบๆ บวกกับความรู้สึกว่าพื้นโครงเครงหายไปน้องตัวต่อก็เรียกสติกลับมาได้ครับ ผมว่าคงเป็นอาการผิดหวังเพราะเหตุการณ์มันไม่เป็นไปตามบทนั่นแหละ ก็คิดดูสิครับ ผมอุตส่าห์เตรียมฉากจบไว้เรียบร้อยแล้วแท้ๆ คำพูดหรือก็แสนจะเจ็บจี๊ดถึงใจไม่แพ้นักเขียนบทละครโทรทัศน์มือรางวัลทั้งหลายเลยด้วยซ้ำ
น้องตัวต่อทุ่มเทใส่ใจขนาดนี้แต่บทที่เตรียมไว้กลับไม่ได้ใช้งาน เพราะไอ้พี่อ๋องมันจิตใจอ่อนแอหนีหน้ากลับไปเสียก่อน ชิ! เป็นพระเอกที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย แค่เสียใจนิดๆหน่อยๆมาทิ้งงานไปซะได้ ค่าตัวก็รับไปเป็นของกินทั้งคาวทั้งหวานตั้งไม่รู้เท่าไหร่แล้ว เอาเถอะครับ น้องตัวต่อจะยอมรับแค่ผลที่ออกมาตรงตามเป้าหมายก็ได้ เรื่องบทที่เขียนไว้ก็เอาไว้เกลาใส่ในนิยายที่ผมกำลังเขียนอยู่ดีกว่า ว่าแต่สมุดโน้ตไปไหนหว่า? สงสัยว่าผมจะลืมไว้บนโต๊ะในร้านแหงๆเลย มืดแล้วด้วยสิครับ นี่ขนาดเพิ่งจะสองทุ่มสิบนาทีเองนะครับ รอบบ้านเราก็มืดไปหมดแล้ว
ฮี่ๆๆๆ พี่อ๋องมันจะดีใจมั้ยน้า ถ้าได้รู้ว่าผมยืมชื่อมันมาเป็นพระเอกนิยาย แต่พระเอกของน้องตัวต่อไม่เหมือนไอ้ลิงยักษ์นั่นหรอกนะครับ คุณภูชิตในเรื่อง ‘พิศวาสทาสทระนง’ น่ะเข้มแข็งกว่ามันเยอะ
คุณภูชิตของผมทั้งฉลาด....ไม่โง่แบบมัน สุขุม....ไม่ใจร้อนแบบมัน กล้าหาญ....แบบที่ไม่มีทางจะหนีไปดื้อๆแบบมัน สุภาพ....ไม่ปากว่ามือถึงฉวยโอกาสแบบมัน แล้วก็ใจดี....มากกว่าที่มันเคยใจดี ง่า....ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่เข้าแบบนี้ล่ะครับ มันเหมือนกับว่ามีก้อนอะไรสักอย่างมาจุกอยู่ในคอ ตอนแรกผมก็นึกว่าแค่คัดจมูกแล้วเยื่อบุจมูกอักเสบแบบเวลาแพ้อากาศตามที่ลุงหมอเคยบอกว่าผมมักจะเป็นเวลาอากาศเปลี่ยน แต่พอลองอ้าปากหายใจแทน อาการหายใจไม่เข้ามันก็ไม่หายไปเลย
ผมเป็นอะไรไป..........ทำไม....ถึงรู้สึก.....ทรมาน
“ฮึก.....ฮือ....พี่อ๋อง ฮือ........อะ ฮึก ไอ้พี่อ๋องบ้า ฮือ.....ไอ้บ้า.....ฮึก ทิ้งได้ยังไง ทิ้งน้องได้ยังไง......ฮือ....” เพราะมันแหละ ต้องเป็นเพราะมันแน่ๆ ทำไมโทรหาแล้วไม่รับล่ะ นี่มันเวลาของน้องนะ เวลานี้พี่อ๋องต้องโทรหาน้องทุกวันนี่ ทำมาตั้งสามเดือนแล้ว จู่ๆก็มาเลิกทำง่ายๆ นี่น้องเห็นว่าไม่โทรมาก็อุตส่าห์ยอมโทรหาก่อนแล้วนะ ไอ้พี่อ๋องบ้า ไอ้พี่อ๋องใจร้าย......
“ฮือ.....ฮือ.......ไอ้พี่อ๋อง ไอ้คน ฮือ...ใจร้าย.......ฮึก น้องนอนไม่ได้เลยรู้มั้ย ยิ่ง ฮึก....นอนลง มันยิ่งหายใจไม่เข้า ฮือ.....ไอ้คนใจร้าย ไหนว่าจะไม่....ฮึก ทิ้งน้อง...ไง ฮือ.......”
“ไอ้....ฮึก บ้า......น้องกดโทรศัพท์จนปุ่ม.....ฮึก...จะจมอยู่แล้ว...นะ ฮือ........ไอ้ คน ฮึก...ใจดำ ไอ้...ฮึก (ฟืดดดดดดด) ไอ้คนไม่ ฮึก..รักษาสักญา ฮือ.........”“น้อง.....ร้องไห้ทำไมลูก?”“ฮือ แม่.....แม่ช่วยน้องด้วย ฮือ........” “น้อง ค่อยๆลูก หายใจช้าๆ ลึกๆ...ดีลูก เก่งมาก....”
ผมคงร้องไห้เสียงดังนะครับ แม่ถึงต้องเดินลงมาดู นี่เมื่อกี้อยู่ๆก็เปิดไฟพรึบ น้องตัวต่อหัวใจแทบจะตกไปใต้เตียงแน่ะ
เอ๊ะ! ตายๆ นี่น้องตัวต่อร้องไห้อยู่เหรอครับ? ไม่จริงอะ อ๋าๆๆ ไม่ใช่ม้างงงงง ผมเนี่ยนะจะร้องไห้ แถมร้องดังจนแม่ต้องเข้ามาโอ๋เลยด้วย!?
ผมว่าผมต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้กำลังร้องไห้แล้วล่ะครับ เพราะผู้ชายตัวโตเต็มวัยไม่มีใครเขามานั่งร้องไห้กันหรอก ขืนร้องไห้ให้ใครเห็นก็เสียภาพแย่สิ นายไผท เถลิงศก จะยอมให้น้ำตาไหลต่อหน้าคนอื่นเพื่อบรรลุเป้าหมายในสิ่งที่ต้องการเท่านั้นครับ
“แค่กๆๆ อะแฮ่ม โอย น้องสำลักอะแม่ ดูดิ แย่เนอะสำลักจนน้ำตาไหลเลย น้องขอโทษนะค้าบบบบ เสียงดังจนแม่ต้องลงมาดูเลย” “หืม.....แค่สำลักเหรอ?”“อื้ม แค่สำลัก เนี่ย กำลังจะนอนอยู่แล้วเขียว แล้วคนสวยล่ะจะนอนรึยัง?”
“
แม่เพิ่งสวดมนต์เสร็จ กำลังนั่งสมาธิก็ได้ยินเสียงเหมือนตัวอะไรมาครางอยู่ใต้ถุนเรือน นึกว่าลูกหมาลูกแมวถูกแม่คาบมาทิ้งเสียอีก เลยลงมาดูมันเอาบุญ วันนี้อากาศยิ่งหนาวด้วย ถ้ามาถูกทิ้งจริงกลัวว่ามันจะตายเอา” “แหม....เมื่อกี้น้องก็ได้ยินเหมือนกัน กำลังคิดจะลุกไปดูอยู่เลย แต่พอลุกขึ้นก็พอดีสำลัก..เอ่อ.....น้ำลายเสียก่อน”
“โถ....ลูกฉัน สำลักน้ำลายจนน้ำหูน้ำตาไหล ไหนขอแม่ดูซิน้อง โถๆๆๆๆ ลูกกะตางี้แดงเชียว”
“แหะๆ น้องหายแล้วล่ะแม่ เดี๋ยวกินน้ำนิดก็นอนได้แล้ว เสียงลูกแมวเมื่อกี้ก็เงียบไปแล้วด้วย แม่มันคงมาคาบกลับไปแล้วมั้ง.....เนอะ แม่ก็ขึ้นไปนอนเถอะ มืดๆแบบนี้เดินขึ้นเดินลงบันได น้องไม่ชอบเลย”
ผมจับมือนุ่มนิ่มที่ลูบเบาๆอยู่บนศีรษะลงมากุมไว้ แล้วซุกหน้าลงไปสูดกลิ่นแป้งหอมเย็นเหมือนดอกไม้ที่แม่ใช้เป็นประจำก่อนนอนทุกคืนเข้าจนเต็มปอด พอแม่มาอยู่ตรงนี้ ไอ้เจ้าอาการหายใจไม่เข้ามันก็ดูจะบรรเทาลงไปได้ทันทีเลยนะครับ
“เฮ้อ......น้องเอ๊ย ความรักน่ะ เราจะไปกำหนดให้เป็นอย่างใจไม่ได้หรอกนะลูก เรื่องรัก มันต้องใช้ความรู้สึกมากกว่าสมอง นิยายน่ะ มันก็ต้องมีเรื่องพลิกแพลงให้คาดเดาไม่ได้บ้างมันถึงจะสนุกน่าติดตามไม่ใช่หรือลูก....”“แม่จ๋า.....น้อง...น้องจะทำยังไงดีล่ะ แม่จะโกรธน้องรึเปล่า แล้ว...แม่จะเสียใจมั้ย ถ้าหากว่า....น้อง...น้อง....”“น้อง.....แม่ไม่โกรธ ไม่ใช่ว่าแม่สนับสนุน....แต่ว่าแม่เข้าใจ ถ้าใจตรงกัน ขอแค่คนคนนั้นรักลูกของแม่จริงๆ พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างลูกของแม่ เท่านั้นก็พอแล้ว”
“น้องรักแม่” แหะๆ น้องตัวต่อซุกหน้าเข้ากับห่วงยางแม่ผ่องแน่นเลยอะครับ โห...แม่นี่สมกับเป็นแม่จริงๆเลยเนอะครับ ไม่เห็นต้องบอกอะไรมากมายก็รู้ไปหมดทุกอย่าง เอ...หรือว่าที่จริงแล้วคุณนายผ่องพรรณจะเป็นร้อยตำรวจเอกส่งตรงจากหน่วยสืบราชการลับปลอมตัวมาครับ?!
“แม่ก็รักน้อง....ตกลงบอกแม่ได้มั้ยว่ามีเรื่องอะไรกัน? ทำไมวันนี้พี่เขาถึงกลับไปเฉยๆ ทะเลาะกันหรือลูก?”
นั่นไง ว่าแล้วไง...วิญญาณนักสืบสิงร่างแม่ผ่องได้ทันทีทันควันมากครับพี่น้อง ลูบหลังลูบไหล่โอ๋ลูกชายอยู่ดีๆก็ปล่อยคำถามมาซะงั้น
“ไม่ได้ทะเลาะสักหน่อย เอาน่า กะอีแค่ลิงยักษ์ตัวผู้มันน้อยใจน่ะแม่ เรื่องขี้ปะติ๋ว น้องจัดการได้สบายๆอยู่แล้ว แม่คอยดูนะ แค่พรุ่งนี้พ่ออ๋องของแม่ก็กลับมาบ้านเราแล้วล่ะ โฮ้ย....ไอ้พี่อ๋องมันรักน้องจะตาย เชื่อสิ ว่าป่านนี้มันต้องนั่งร้องไห้แงๆคิดถึงน้องอยู่แหงๆ ฮี่ๆๆๆ”
“ด๊ายยยยยย แม่จะคอยดู ชื่อร้านก็ยังไม่ได้ ป้ายชื่อยังไม่ได้ทำ พ่ออ๋องไม่อยู่อย่างนี้...ใคร้...เขาจะมาทำให้ ต้องไปเสียเงินเสียทองจ้างช่างเสียล่ะม้าง.....”
“แม่คอยดูฝีมือน้องก็แล้วกัน ขึ้นไปนอนเลยด้วย เดี๋ยวน้องก็จะนอนแล้ว ต้องเก็บแรงไว้เยอะๆ พรุ่งนี้มีเรื่องต้องทำไม่ใช่น้อย เออ แม่จ๋า พรุ่งนี้ตอนไปตลาดแม่ให้น้องลงบ้านพี่อ๋องนะ น้องจะไปทำตัวเป็นเด็กน้อยน่าสงสารเสียหน่อย”
“จ้า....หวังว่าแม่ขึ้นไปนอนแล้วคงไม่มีลูกหมูมาครางหงิงๆอีกนะจ๊ะ”
“อู๊ยยยยยย ลูกหมูบ้านไหนมันครางหงิงๆกันล่ะแม่ก๊อ นอนๆๆ น้องง่วงแล้ว” ว่าแล้วผมก็หอมห่วงยางคุณนายแรงๆอีกสองฟอด แล้วถือโอกาสชักเท้าขึ้นเตียงดึงผ้าห่มมาคลุมโปงเสียเลย ได้ยินเสียงมุ้งถูกปลดลงเบาๆ แล้วสักพักเสียงหัวเราะคิกคักยังก๊ะสาวๆ ของคุณนายผ่องพรรณก็ดังห่างออกไป ก่อนจะมีเสียงหับประตูตามมา
ในม่านของความมืดที่แมลงกลางคืนส่งเสียงกันระงม ท่ามกลางกลิ่นหอมของน้ำลอยดอกไม้ ส่วนผสมสำคัญสำหรับทำขนมน้ำดอกไม้ในตอนเช้า สมองในหัวกะโหลกน้อยๆของผมก็เริ่มวางแผนพร้อมทั้งร่างบทพูดคร่าวๆ เพื่อไปจัดการให้ไอ้แรงงานหลักมันเต็มใจกลับมาใช้แรงงานต่อไป...แบบถาวร....ตลอดกาล
“หม่าม้า ป๊า สวัสดีครับ”
“อ้าว สะหวักลีอาน้อง ลื้อมายางงาย จะหาอาอ๋องใช่ม้าย?”
วันนี้วันอาทิตย์ครับ เป็นวันที่แม่ผ่องจะมาซื้อของที่ตลาดเป็นประจำ น้องตัวต่อเลยถือโอกาสทำตามแผนด้วยการขอให้แม่แวะปล่อยไว้ที่หน้าบ้านไอ้พี่อ๋องตรงหน้าตลาดก่อน แล้วพอแม่ซื้อของเรียบร้อยแล้วค่อยมารับผมอีกที ระหว่างนี้ผมก็จะมีเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง....
หึๆ ใจอ่อนแบบไอ้บ้าพี่อ๋องเนี่ย....ผมว่าหนึ่งชั่วโมงยังเกินพอเสียด้วยซ้ำไป
“ครับหม่าม้า น้องเอาขนมมาฝาก วันนี้นอกจากสาลี่กับขนมชั้นแล้วแม่ทำขนมน้ำดอกไม้ด้วย หอมๆ แต่หวานไม่มาก แบบนี้อาป๊าน่าจะกินได้นะครับ”
“ขอบจายน้า....ลื้อลี่มังชั่งเอาอกเอาจาย มิน่า....ลูกชายปะป๊าถึงติกลื้อน้าก อาอ๋องอิยังม่ายตื่ง เมื่อคืงเห็งเปิกฟายทังงางจงหลึกหลื่ง ลื้อก่อข้าวปายปูกเองเลยเซ่ หักทังไว้ จาลั่ยชิงๆ เฮ่อๆๆๆ”
“เดิงเข้าไปเลยอาน้อง ห้องที่สองปาตูมีป้ายชื่ออาอ๋องอิแขวงอยู่ อั้ยหยะ! ลื้อเจ็บขาอยู่นี่หว่า จะขึ้งเหล่าเต๊งไหวม้าย? ให้หม่าม้าไปปลุกให้ก็และกังน้า....”
“ไม่ต้องครับหม่าม้า น้องเดินไหว ขาใกล้จะหายแล้วล่ะครับ ขึ้นบันไดมีราวจับแบบนี้สบายมาก งั้นน้องขออนุญาตนะครับ”
“เออๆ ขึ้งเองหวายลื้อก็ขึ้งไปปลุกเองเลย อาหม่าม้าขี้เกียกเลิงขึ้งเลิงลง”
แหม.....บ้านนี้นี่แปลกนะครับ ผมยังไม่เคยเห็นคนจีนบ้านไหนรับได้ที่ลูกชายจะมีแฟนเป็นผู้ชายเลย แต่อย่างว่าครับ พี่อ๋องมันมีพี่น้องตั้งเจ็ดคน คงเพราะอย่างนี้มั้งครับ อะไรๆมันเลยดูง่ายดายไร้อุปสรรคไปซะหมด