ใส่ไส้ซ่อนไส้สุม นอกเนื้อนุ่มในข้นเคี่ยว
ความคิดเจ้าลดเลี้ยว แยบยลเล่ห์สนเท่ห์ใจ...
“ว่าไงนะ น้องจะทำร้าน?”“ขอรับ คุณนายผ่องพรรณ คุณนายอยากให้กระผมมาอยู่บ้านทำขนมนั่นย่อมได้ แต่ถ้าจะทำขายแค่ตั้งโต๊ะหน้าบ้านไม่ทันบ่ายก็หมดนั่นดูท่ามันจะไม่พอยาไส้สองชีวิตนะขอรับ”
ใช่แล้วครับ แม่ผ่องจะให้น้องตัวต่อมาอยู่บ้านทำขนมนั่นก็ย่อมได้ แต่น้องตัวต่อคิดดีแล้วว่าบริเวณบ้านเราก็กว้างขวาง ด้านหน้าที่ตั้งเสาปูนล้อมรั้วลวดหนามไว้แล้วปลูกต้นโมกถี่ๆแทนรั้วนั่นห่างจากตัวเรือนจริงๆตั้งสิบกว่าเมตร จะทำร้านเล็กๆ พอตั้งโต๊ะให้ลูกค้านั่งกินขนมไปคุยกันไปสบายๆสักสี่ห้าโต๊ะก็คงไม่เป็นปัญหา
ถ้าเราขายขนมแล้วเพิ่มรายการเครื่องดื่มง่ายๆประเภทนมหรือน้ำชาเข้าไปสักนิด ตกแต่งร้านให้ดูสบายๆก็คงจะเรียกลูกค้าที่เป็นเด็กนักเรียนวัยมัธยมจากโรงเรียนที่อยู่ห่างบ้านไปประมาณห้าร้อยเมตรทางเดียวกับคลินิกลุงหมอบุญชัยได้ไม่ยาก
โธ่.....เห็นผมโตเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้ที่จริงผมก็เคยเป็นเด็กมาก่อนนะคร้าบบบ กะอีแค่ความต้องการขั้นพื้นฐานของเด็กวัยมัธยมน่ะทำไมผมจะไม่รู้
นอกจากอาหาร อากาศ เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค และเงินแล้ว สิ่งที่เด็กวัยรุ่นต้องการคือสถานที่ซ่องสุมครับ อ๊ะๆ สถานที่ซ่องสุมที่ผมบอกนี่ไม่ได้หมายถึงซ่องโจรหรืออะไรที่น่ากลัวแบบนั้นนะครับ แต่ผมหมายถึงที่ที่พวกเขาจะสามารถนั่งใช้เวลากับเพื่อน หรือกับคนรักได้นานๆโดยไม่มีสายตารู้เห็นของผู้ใหญ่มาคอยสอดส่อง และสำหรับบางคนเขาก็แค่อยากได้พื้นที่ส่วนตัวไว้นั่งอ่านหนังสือ หรือปล่อยอารมณ์ล่องลอยให้เกิดแรงบันดาลใจ สถานที่ที่ไม่ใช่บ้าน แล้วก็ไม่ใช่โรงเรียนด้วย
และนายไผทนี่แหละที่จะเป็นผู้ดลบันดาลให้มีสถานที่แบบนั้นตั้งอยู่ที่นี่ หน้าบ้านของเรานี่เอง โฮ่ๆๆ....สังเกตมั้ยครับ ว่าขนาดเสียงหัวเราะของผมยังต้องเข้ากับสถานการณ์เลย เสียงหัวเราะสำเนียงซานต้า โฮ่ๆๆ
“แล้วจะมีคนมานั่งกินที่ร้านหรือลูก แม่ว่าแค่ทำขายหน้าบ้านตอนเช้าเหมือนเดิมก็ดีอยู่แล้ว ได้กำไรวันละสามสี่ร้อย....ไม่ต้องเหนื่อยมากด้วย ตกบ่ายพอขายหมดจะไปทำอะไรก็ได้ตามใจ....”
“โฮะ แม่! ถ้าเป็นแม่คนเดียวกำไรวันละสามร้อยก็สบายอยู่หรอกนา แต่ถ้าบวกน้องอีกคนมันก็แสดงว่าแต่ละวันเรามีรายได้เฉลี่ยต่อคนร้อยห้าสิบบาท โอว....ช่างรันทด....รายรับต่ำเตี้ยเรี่ยดินเหลือเกิน ถึงแม่จะมีบัตรทองผู้สูงอายุน้องก็ไม่วางใจอยู่ดีนั่นแหละ”
ผมออกแอ๊คชั่นด้วยการยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อ ก่อนจะกราดสายตาไปโดยรอบพร้อมกับส่ายหน้าน้อยๆ แล้วจึงหันกลับมาหยุดสายตาที่หน้าไอ้ลิงพี่อ๋อง หืม? น้องตัวต่อคงคิดไปเองใช่มั้ยครับ? ไอ้ที่เมื่อกี้เหมือนจะเห็นว่าชั่วแวบสายตาของมันไม่ได้จับอยู่ที่ผมแต่กลับไปจับที่แม่ผ่องแทนน่ะ
“พี่อ๋อง”“
ครับ พี่เต็มใจครับ น้องอยากให้พี่ช่วยอะไรบอกมาได้เลย” แหม....มันต้องอย่างนี้สิ แค่เรียกชื่อก็รู้หน้าที่แบบนี้ค่อยน่ารับไว้เป็นลูกจ้างสารพัดประโยชน์หน่อย ตำแหน่งพนักงานของร้านในหัวผมผุดขึ้นมาชัดเจนแล้วครับ
ร้านขนมซึ่งยังไม่มีชื่อของเราจะมีคุณนายผ่องพรรณเป็นแม่ครัวใหญ่ ทำหน้าที่ออกแรงเล็กๆน้อยๆพอให้ไม่เบื่อตัวเอง แต่หน้าที่หลักจริงแท้คือชี้นิ้วสั่งและนั่งๆนอนๆส่งยิ้มเรียกแขก......คือ น้องตัวต่อหมายถึงแขกประเภทนายกอบต.หรือลุงมหาน่ะครับ ฮี่ๆๆๆ มีนายไผททำหน้าที่พ่อครัวเล็ก คอยทำตามคำสั่งแม่ครัวใหญ่ท่าน ควบตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายบุคคล พนักงานบัญชี การตลาด ประชาสัมพันธ์ งานรักษาความสะอาดและปรับปรุงภูมิทัศน์ และอื่นๆ และอื่นๆอีก...
แล้วก็มีนายภูชิตเป็นแรงงานเบ็ดเตล็ด เอาไว้ทำหน้าที่ให้แม่ครัวใหญ่และพ่อครัวเล็กจิกใช้ตามแต่จะต้องการ....แต่...พอคิดมาถึงตรงนี้ น้องตัวต่อก็เริ่มตระหนักถึงความเป็นไปไม่ได้บางประการขึ้นมาแล้วล่ะครับ ก็เดี๋ยววันจันทร์ที่จะถึงนี้ไอ้พี่อ๋องจะเริ่มทำงานที่บริษัทในตัวจังหวัดแล้วนี่ แล้ว...มันก็คงมาใช้แรงงานได้แค่หลังเลิกงาน
ช่วงนี้ยังไม่เท่าไหร่ เพราะงานใช้แรงงานหนักๆ อย่างมันทำเตรียมไว้ได้ อีกอย่าง กว่าร้านจะเสร็จเรียบร้อยผมก็คงจะได้เปลี่ยนเฝือกอีกครั้งเป็นเฝือกสั้นแล้ว ตอนนั้นผู้จัดการใหญ่อย่างผมก็คงจะทำหน้าที่ได้สะดวกขึ้น แต่หลังจากนั้นล่ะครับ เมื่อถึงเวลาที่แผนดำเนินไปได้ด้วยดี ร้านสร้างเสร็จเรียบร้อยด้วยการออกแบบและควบคุมของสถาปนิกปริญญา...โฮะๆ แบบเดียวกับที่เขาติดป้ายไว้ตามร้านขายยาว่าเภสัชกรปริญญาไง
ถึงตอนนั้น ผมก็คงต้องหาลูกจ้างใหม่ เพราะตามธรรมชาติของตัวร้าย เมื่อเราใช้แรงกายแรงใจสูบผลประโยชน์จากพระเอกจนหนำใจแล้ว ตามบทมันก็ต้องถีบหัวส่งพระเอกแบบไม่ดูดำดูดี ไดอะล็อกก็คงประมาณว่า
‘ออกไปซะ ที่นี่ไม่ต้องการแก....ไอ้ตัวไร้ประโยชน์’ แล้วตามด้วยเสียงหัวเราะหึๆ ในลำคอหนักๆ ก่อนจะต่อด้วย
‘แกมันก็แค่ไม้จิ้มฟันที่ฉันใช้แล้วเขวี้ยงทิ้งนั่นแหละ...โธ่ ไอ้ไม้จิ้มฟันเอ๊ย!’ แหม....คมจริงๆเลยผม เดี๋ยวขออนุญาตจดลงสมุดโน้ตไว้ก่อนนะครับ ไว้ใกล้ถึงเวลาจะได้หยิบออกมาใช้งานได้เลยไม่ต้องมัวมาคิดบทพูดทิ่มแทงใจอยู่ น้องตัวต่อเป็นคนจิตใจดีโดยธรรมชาติครับ ปกติไม่เคยได้ว่าร้ายใคร เพราะฉะนั้นไอ้พวกบทพูดที่ตั้งใจใช้เพื่อให้อีกฝ่ายเสียน้ำใจเนี่ยต้องถือเป็นจุดอ่อนของผมเลยล่ะ
และจากการตกลงกันในวันนั้น น้องตัวต่อก็เผด็จการให้คุณนายผ่องพรรณแคะกระปุกส่วนตัวออกมาลงหุ้นกันแบบ 50:50 แหม.....อย่ามาว่าผมงกนะครับ แต่เงินเก็บไม่ถึงปี แถมลาออกกะทันหันไม่ได้ค่าชดเชยใดๆ ทำให้ในบัญชีเล่มน้อยของผมมันมียอดคงเหลืออยู่ไม่ถึงห้าหมื่นเลยนี่ครับ
ถึงค่าเขียนแบบค่าโน่นนี่มากมายก่ายกองไอ้พี่อ๋องมันจะไม่คิดเลยสักแดงก็เหอะ แต่พอคิดจะสร้างร้านแถมซื้อพวกเฟอร์นิเจอร์มาใส่ ไหนจะอุปกรณ์ตกแต่ง และค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกจิปาถะที่น้องตัวต่อคิดๆๆอยากจะทำอยากจะได้ พอให้ไอ้พี่อ๋องคำนวณให้มันก็ร่วมๆแสนเลยนะครับ
อันนี้เรารู้กันเบาๆนะครับ พอแม่ผ่องยินยอมพร้อมใจทุบกระปุกเพราะเห็นแก่อนาคตของลูกชายตาดำๆนี่แหละ ผมถึงได้รู้ว่าแม่ผ่องน่ะร้วยรวย แต่อย่างว่านะครับ ใช่ว่าแม่ของผมจะมีรายได้แค่ขายขนมก๊อกๆแก๊กๆวันละสามร้อยซะเมื่อไหร่
ถึงจ่าหินจะเป็นแค่จ่าตำรวจเงินเดือนน้อยนิดแต่ตอนแต่งงานก็มีสินสอดทองหมั้นมาให้ตากับยายของผมไม่ใช่น้อยนะครับ แล้วสมบัติพวกนั้นก็ตกมาเป็นของแม่ทั้งหมดด้วย ชุดเครื่องประดับน่ะคุณนายท่านใส่หีบให้พี่ผึ้งไปตั้งแต่แต่งงานออกเรือนก็จริง แต่โฉนดที่ดินที่แม้จะมีแต่ที่นานอกเขตเทศบาลขายไม่ได้ราคาที่แบ่งครึ่งเอาไว้ให้ผมของคุณนายท่านก็มีอยู่อีกสามสิบห้าไร่เชียวนะครับ
แม่น่ะใจดีครับ ไม่ได้เก็บเงินค่าเช่านาแพงๆ ขูดรีดชาวนาที่ก็เป็นเพื่อนๆญาติๆกันหรอก แต่ทั้งๆที่ไม่ได้เก็บแพง แถมบางปียังมีคนเช่าเอาข้าวมาจ่ายแทนเงิน คุณนายผ่องพรรณท่านก็มีเงินเก็บเฉียดล้านอยู่ดีแหละครับ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ...มิน่าล่ะ คุณนายท่านถึงมั่นใจนักหนาว่าแค่ผมกลับมาอยู่บ้านช่วยกันทำขนมขายเราก็จะอยู่กันได้สบายๆแล้ว แล้วที่ผมรู้นะครับ คุณนายผ่องพรรณยังอินเทรนด์เป็นเจ้าแม่เงินกู้กับเขาด้วย
ไอ้ที่บางวันจู่ๆก็หายหน้าไปน่ะ คุณนายท่านไปเก็บดอก ฮี่ๆๆๆ รู้แล้วเหยียบให้มิดนะครับ อย่าไปบอกใครเชียว ถึงแม่ของผมจะปล่อยแค่ร้อยละเจ็ด เงินกู้นอกระบบอะไรไม่รู้เก็บดอกถูกจนน่าเกลียด แต่มันก็ผิดกฎหมายอยู่ดีใช่มั้ยล่ะครับ? ธุรกิจในตลาดมืดของคุณนายผ่องพรรณนี่น่ากลัวจริงๆ
โอ๊ะ! เสียงรถไอ้พี่อ๋องมันเลี้ยวเข้ามาในบ้านแล้วครับ ตอนนี้ไอ้พี่อ๋องเริ่มไปทำงานได้จะครบเดือนแล้ว แต่มันทำราวกับตัวเองเป็นลูกจ้างประจำของร้านขนมแม่ผ่องเอาจริงๆ แถมเริ่มทำงานตั้งแต่ร้านยังสร้างไม่เสร็จเลยด้วย
ดูสิครับ พอเลิกงานที่บริษัทจากตัวจังหวัดมันก็ดิ่งมาบ้านนี้เลย เสื้อผ้าก็ไม่ได้กลับบ้านไปเปลี่ยนก่อนด้วยซ้ำ แถมวันไหนมันติดงานต้องออกนอกสถานที่ไปไกลๆจนมาบ้านเราตอนเย็นไม่ได้มันก็โทรรายงานผมทุกครั้งด้วยนะครับ เยี่ยมไปเลยใช่มั้ยล่ะ ฮี่ๆๆ