อาลัวยั่วยวนเย้า หลงมึนเมาเร้าเริงไฟ
เสน่หากำซาบใจ คำฉะอ้อนวอนรักหวาน...
วันนี้ครบเดือนที่คุณหมอชื่อเพราะนัดไปตรวจซ้ำครับ ก็เหมือนเคย ไอ้พี่อ๋องเป็นคนพาผมเข้ากรุงเทพฯ พอถามมันว่าไม่ต้องไปทำงานเหรอ มันก็บอกว่ามันหอบหิ้วเอกสารต่างๆนานามาจากบริษัทตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ที่บริษัทไม่ได้บังคับว่าต้องไปนั่งโต๊ะทำงานทุกวัน เพียงแต่งานที่ได้รับมอบหมายต้องมีส่งให้หัวหน้าและลูกค้าพิจารณาตรงเวลาก็เป็นพอ
“พี่อ๋อง เดี๋ยวขากลับแวะเยาวราชด้วยนะ”
“ฮื้อ....รถติดออก น้องจะไปเยาวราชทำไมครับ พี่ว่าเราข้ามสะพานสาธรออกถนนกาญจนาภิเษกเลยดีกว่า”
หืม....เดี๋ยวนี้ชักเอาใหญ่นะครับ ไอ้พี่อ๋องมันกล้าหือกับน้องตัวต่อได้ไงเนี่ย หรือผมจะเผลอใจดีกับมันมากเกินไป? ไม่ได้ๆ ของอย่างนี้มันต้องคอยกำราบครับ สามีบ้านไหนก็ต้องเกรงใจภรรยาทั้งนั้นแหละ เอ๊ะ! เมื่อกี้น้องตัวต่อเผลออินกับบทมากไปใช่มั้ยครับ? เอาใหม่ๆ ตามบทแล้วพระเอกมันต้องรักต้องหลงแบบว่าโคตรๆ crazy in love กับตัวร้ายสิมันถึงจะถูก ว่าแล้วผมก็ดึงมือขวาที่ไอ้พี่อ๋องมันเอาไปกุมไว้เมื่อกี้กลับมาวางบนตัก ทิ้งหางตามองหน้ามันนิดๆ เม้มปากแน่น ก่อนจะเมินไปทางกระจกหน้าต่าง แล้วพูดออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งสนิทและเย็นเยียบ
“ก็ได้ งั้นส่งน้องที่โรงพยาบาลแล้วพี่อ๋องกลับไปก่อนนะครับ เดี๋ยวตรวจเสร็จน้องจะกลับเอง วันนี้เหมือนจะได้เปลี่ยนเฝือกอีกแล้วด้วย ไม่รู้จะถูกคุณหมอทดสอบอะไรแค่ไหน....แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ น้องไม่เหนื่อยหรอก เรื่องแค่นี้น้องทนได้อยู่แล้วล่ะ....”
“น้อง...” หึๆ ที่อย่างนี้มาทำสุ้มเสียงสลด ชิ! กล้าขัดใจผมก่อนเองนะ มันต้องเจอไม้เด็ดซะบ้าง เดี๋ยวพอจบไดอะล็อกถัดไปผมต้องเริ่มกำมือจิกขากางเกงตัวเองให้แน่นเหมือนกำลังข่มอารมณ์ให้ได้จังหวะด้วย
“.....จากโรงพยาบาลเดี๋ยวน้องจะเรียกแท็กซี่ไปส่งที่วงเวียนใหญ่ ไปขึ้นรถตู้เอา เพราะรถ บขส. คงไม่ไหว เกรงใจผู้โดยสารคนอื่น....รถตู้ถึงจะแคบหน่อยแต่ก็แน่ใจได้ว่ามีที่นั่ง เดี๋ยวน้องเลือกนั่งเบาะที่พอจะเหยียดขาได้บ้างก็โอเคแล้ว.....พอถึงบางลี่น้องจะโทรเรียกแม่ขับรถออกมารับเอง.....”
“น้องครับ.....”“.....ดีเหมือนกัน น้องก็รู้นะ ว่าเดี๋ยวนี้มีอะไรก็เรียกหาแต่พี่อ๋อง ให้พี่อ๋องช่วยทุกอย่าง ลืมคิดไปว่าพี่อ๋องคงเหนื่อย.....ตกเย็นเลิกงานก็ต้องมาช่วยน้องดูงานสร้างร้าน แถมวันหยุดแทนที่จะได้พักก็ยังต้องเสียเวลามาคอยดูแลน้องอีก น้องลืมคิดไปจริงๆแหละครับ ว่าพี่อ๋องเองก็ต้องการเวลาส่วนตัว ต้องมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าให้ไปสนใจ....”
“พี่ไม่ได้...” แหม.....ไฟแดงเป็นใจได้จังหวะดีจริงๆ ไอ้พี่อ๋องละมือซ้ายจากกระปุกเกียร์มากุมทับหลังมือผม พอน้องตัวต่อเล่นตามบทพยายามดึงมือออกทั้งที่ยังไม่ยอมหันไปมองหน้ามัน ผมก็เห็นจากเงาในกระจกหน้าต่างนั่นแหละว่าไอ้พี่อ๋องมันหันมาหาผมทั้งตัวเชียว
เอาล่ะครับ จบประโยคถัดไปก็ถึงคิวที่ผมจะต้องเบือนหน้ากลับไปช้าๆ แล้วปล่อยน้ำตาหยดแรกที่ออกมาคลอเตรียมพร้อมให้หยาดลงจากเปลือกตาแล้วล่ะครับ เคล็ดลับการเรียกน้ำตาสำหรับผู้ไม่เคยฝึกฝนมาก่อนนะครับ วิธีที่ใช้กันทั่วไปเลยคือหนึ่งต้องพยายามคิดถึงเรื่องเศร้าๆเอาไว้ครับ แต่....สำหรับมืออาชีพนะครับ เขาจะไม่คิดถึงเรื่องเศร้าที่ไม่เกี่ยวข้องกัน
งงรึเปล่าครับ? ผมหมายถึงว่า ถ้าเราอยู่ในบทที่ต้องร้องไห้เพราะขัดใจกับคนรัก เราก็ควรจะคิดเรื่องเศร้าเกี่ยวกับความรัก ไม่ใช่เศร้าเพราะแมวตาย เนื่องจากการแสดงออกของความเศร้าสองแบบนี้ไม่เหมือนกัน แม้ว่าคุณจะผลิตน้ำตาออกมาได้ตามต้องการทั้งสองแบบ แต่สิ่งที่แววตาของคุณแสดงออกมาจะไม่เหมือนกันนะครับ
หรือ....สำหรับท่านไหนที่ไม่เคยมีความเศร้าใดๆในชีวิตให้ต้องร้องไห้เลย เช่น ผม
สิ่งที่คุณต้องทำก็คือใช้วิธีการทางกายภาพเป็นตัวช่วยครับ การกะพริบตาถี่ๆ หรือวิธีตรงกันข้ามคือ พยายามฝืนเปิดตาไว้นานๆโดยไม่ยอมกะพริบตาอย่างต่อเนื่องจะทำให้เจ้าต่อมเล็กๆใกล้หัวตาของคุณผลิตน้ำตาออกมาเพื่อช่วยกำจัดสิ่งที่เข้ามาทำให้ลูกกะตาของคุณระคายเคืองจนต้องกะพริบตาถี่ๆ และมันก็จะผลิตน้ำตาเมื่อรู้สึกว่าลูกกะตาของคุณขาดความชุ่มชื้นจากการพยายามเปิดเปลือกตาไว้นานๆเช่นเดียวกัน
“.....เอาเถอะครับ น้องเห็นแก่ตัวมานานแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องปล่อยให้พี่อ๋องกลับไปมีชีวิตของตัวเองเสียที.....บางทีที่เป็นอยู่ตอนนี้ พี่คงไม่ใช่แค่เหนื่อย แต่อาจจะทั้งหน่าย ทั้งรำคาญคนพิการแบบน้อง.....”
อา.....ไหลออกมาแล้วครับ หยดน้ำอุ่นๆจากตาขวาของผมไหลออกมาช้าๆ พอผมกะพริบตาอีกครั้งหยดน้ำที่ตาซ้ายก็ออกมาแสดงตัวทำงานตามคิวอย่างมืออาชีพทันที
“ไม่เอานะครับ ไม่พูดแบบนั้นนะ พี่อ๋องไม่เคยคิดแบบนั้นเลยสักนิด น้องน่ารักแล้วก็ดีกับพี่ขนาดนี้ พี่จะรำคาญได้ยังไงล่ะจริงมั้ย.....คนเก่งไม่ร้องไห้นะครับ” ไอ้พี่อ๋องทำได้ตรงตามบทเป๊ะๆครับ มันใช้นิ้วโป้งขวาแตะซับน้ำตาให้ผมแล้วก็เลื่อนตัวเข้ามากอดผม ฮี่ๆๆ แล้วน้องตัวต่อที่อินกับบทตัวร้ายมากไปนิดก็วางคางไว้บนบ่าขวาของมัน พร้อมกระตุกมุมปากลอบยิ้มสะใจแบบตัวร้ายแท้จริงใส่กล้องที่ซูมเข้ามาจับสีหน้านักแสดงจนเห็นแม้แต่รอยแดงจากสิวอักเสบที่โหนกแก้มซ้ายของ ผม
“....พี่ขอโทษที่ทำให้น้องไม่สบายใจนะครับ ที่ไม่อยากแวะไม่ใช่แค่เพราะรถติด แต่เพราะพี่เป็นห่วง ไม่อยากให้น้องต้องมาเดินในที่ที่คนพลุกพล่านแบบนั้นทั้งที่ขายังเจ็บอยู่ ถ้ามีคนมาชนแล้วน้องล้มไปเจ็บซ้ำจะทำยังไงล่ะครับ กระดูกก็ยังไม่ติดดีเลย”
“แปลว่า ถ้าน้องไม่ลงไปเดินเองก็ไม่เป็นไรใช่มั้ย? พี่อ๋องจะแวะให้ใช่มั้ย?”
---ปี๊นนนนนน ปี๊นนนนนนนนน--- อูย สัญญาณไฟเขียวช่วยชีวิตแท้ๆ ไอ้พี่อ๋องบ้ามันเริ่มทำตัวเป็นพ่อโคครับ เริ่มเอาปากมางับๆเล็มๆอยู่แถวหูผม ตาบอดสีแหงๆ หูผมไม่เขียวเหมือนหญ้าสักหน่อย ดีนะครับที่ขนาบอยู่สองข้างรถเราเป็นรถเมล์สูงๆ ไม่งั้นล่ะน้องตัวต่อกับไอ้ลิงพี่อ๋องนี่ต้องได้ถูกแอบถ่ายแล้วเอาคลิปไปปล่อยเป็นคลิปฉาวแหงๆ
ไอ้พี่อ๋องมันเหล่กระจกมองหลังแล้วขมวดคิ้วหนึ่งฉับก่อนออกรถครับ แหม....ผมล่ะอยากจะด่าใส่หูมันแทนคุณเจ้าของรถคันหลังจริงๆ นี่ยังมีหน้าไปเหล่คนอื่นเขาอีกนะครับ มัวง้อแฟนจนไม่สนสัญญาณไฟจราจรเองแท้ๆ ไม่ไหวเลยจริงๆผู้ชายคนนี้
“พี่อ๋อง......เดี๋ยวขากลับแวะเยาวราชแล้วพี่อ๋องลงไปซื้อของให้น้องนะ อ้ะ....นี่รายการแค่สามอย่างเอง น้องอยากได้หล่อฮังก้วยเยอะหน่อย ซื้อบ้านเราแพง แถมหาซื้อได้น้อยด้วย น้องจะเอาไปลองต้มน้ำดู เผื่อดื่มคู่ขนมแล้วจะอร่อย แล้วก็พวกเม็ดบัวกับแปะก๊วยก็เหมือนกัน มันมีสรรพคุณบำรุงหัวใจบำรุงโลหิต บำรุงสมองด้วย น้องจะลองเอาไปทำขนม เพราะถ้าจู่ๆต้มยาจีนให้แม่กินแม่ไม่มีทางยอมกินแน่ๆ แล้วจะได้ฝากไปให้ป๊ากับหม่าม้าของพี่อ๋องด้วยไง”
ใช่ครับ ในฐานะสะใภ้ที่ดีผมก็ต้องเอาใจใส่ป๊ากับหม่าม้าด้วยแหละ ผมก็เพิ่งรู้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เองครับว่าบ้านมันอยู่หน้าตลาด เป็นร้านขายเหล็ก มิน่าแน่ะ...มันถึงได้รวย เพิ่งทำงานก็เอามาสด้า 3 ไปย้อมสีเป็นสีโอวัลตินเล่นได้แล้ว
คราวก่อนที่ไอ้พี่อ๋องมันหนีบผมไปที่บ้านมันผมก็ดันไปเริงร่าลั้ลลามนุษย์สัมพันธ์ดีพิเศษกับป๊าไว้ด้วย ไปนั่งเล่นตั้งแต่บ่าย คุยไปคุยมาเลยเถิดกระทั่งกินข้าวเย็นบ้านเขา แถมหม่าม้าของมันก็แสนจะใจดี ทำต้มจืดมะระยัดไส้ก็อร่อยยกนิ้วโป้งคู่อะครับ
น่าเสียดายที่หม่าม้าไม่มีห่วงยางแบบแม่ผ่องของผม ไม่งั้นผมอาจจะเอาใจออกห่างไปฝักใฝ่หม่าม้าจนแม่ผ่องน้อยใจก็ได้นะครับ จุ๊ๆๆ อย่าไปบอกแม่เชียว เดี๋ยวอาการขี้ใจน้อยกำเริบล่ะง้อกันเหนื่อยแน่