ส้มลิ้มลดรสเลี่ยน เปรี้ยวหวานเปลี่ยนเวียนใจผัน
เปลี่ยนใจในชั่ววัน ต่างกับพี่ที่รักเดียว
คุณนายผ่องพรรณใส่ชุดเก่งผ้าถุงสีเขียวปีกแมงทับถุงเดียวกับที่ใส่เข้ากรุงไปรับผมที่โรงพยาบาลวันนั้นกับเสื้อลูกไม้สีครีมสอดดิ้นทองสวยกว่าปกติออกไปบ้านงาน โดยมีไอ้พี่อ๋องทำหน้าที่สารถีแล้ว ตอนนี้ผมที่ถูกทิ้งไว้ที่บ้านคนเดียวเลยมีเวลานั่งคิดเรื่องของแม่ เรื่องของผม แล้วก็เรื่องของอนาคตที่ผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องใหญ่เหลือเกินคนเดียวเงียบๆ
ความต้องการของแม่คือให้ผมกลับมาอยู่บ้าน จะทำงานนอกบ้านหรืออยู่ทำขนมขายก็ได้ ขอแค่นายไผทกลับมาอยู่บ้านกับแม่เป็นพอ ในขณะที่ผมก็แค่ต้องการจะรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรสักอย่างที่สำคัญสำเร็จได้ด้วยมือตัวเองก็เท่านั้น
อันที่จริงไอ้ตำแหน่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์อักษรของสำนักพิมพ์ที่ส่วนใหญ่จับแต่นิยายแปลมันก็ทำไปเรื่อยๆได้อย่างมีความสุขนะครับ ปกติผมก็อ่านหนังสือนิยายทั้งแปลทั้งไม่แปลเพื่อเพิ่มรสชาติให้ชีวิตอยู่แล้ว นี่ยังแถมอ่านไปได้ตังค์เพิ่มอีก ค่าตอบแทนก็พอประมาณ แม้พอนำมาหักลบกับรายจ่ายแล้วจะรู้สึกกระเป๋าแฟบๆไปนิดก็เหอะ
แต่ถ้าจะถามว่ามันตรงกับความฝันของผมรึเปล่า....ตอบแบบไม่โกหกตัวเองเลยก็คือ ‘ไม่’ น้องตัวต่อเลือกเรียนด้านภาษาเพราะอยากเป็นนักเขียนครับ ผมอยากเขียนนิทาน นิยาย บทกวี แล้วก็อยากให้มีคนมาอ่านหนังสือของผมเยอะๆ ผมอยากจะเป็นแบบท่านทั้งหลายที่เป็นเจ้าของนามปากกาที่ผมเคารพ ชื่นชม และยึดถือไว้เป็นแม่แบบเป็นครูโดยไม่ได้ขออนุญาต
แต่เท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ สิ่งที่ผมทำอยู่ทุกวันคือการไล่สายตาไปตามหน้าหนังสือ ทีละตัวอักษร ทีละบรรทัด ไล่หาคำผิด เว้นวรรคตอนผิด เครื่องหมายประกอบผิด ความหมายผิด มันก็สนุกดีอยู่หรอกนะครับ แต่มันไม่ได้ใกล้เคียงกับความฝันของผมเลย นี่มันก็แค่ทำไปวันๆเพื่อปากท้อง....อยู่ได้ และภาคภูมิใจกับการอยู่ได้นั้น แต่มันก็แค่นั้น ไอ้เจ้าความรู้สึกภาคภูมินี่มันยังไม่เท่ากับตอนช่วยเพื่อนสมัยประถมเขียนจดหมายรักส่งให้สาว แล้วสาวเจ้าเขินอายจนเดินม้วนเป็นกิ้งกือตกใจไม่ได้เลยสักนิด
ผมโขยกเขยกพาตัวเองไปจนถึงเล้าไก่ เมื่อวันก่อนแม่บอกว่ามีลูกเจี๊ยบเกิดใหม่สามตัว น้องตัวต่อยังไม่ได้มาทำความรู้จักกับสมาชิกใหม่ของบ้าน แล้วก็ยังไม่ได้มาแสดงตัวให้รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของบ้านกับเด็กใหม่เลยครับ ที่จริงเป็นเพราะผมก็ไม่ค่อยชอบลูกเจี๊ยบเกิดใหม่เท่าไหร่ด้วยแหละเพราะมันจะหน้าตาน่าเกลียด น่ากลัวเหมือนมนุษย์ต่างดาว ต้องรอสักสัปดาห์อะครับมันถึงจะขนอุยๆฟูๆน่าจับมาเล่น ผมชอบเอามาวางบนมือให้มันเดินไปมา นิ้วเท้าเล็กๆที่ยังไม่แข็งแบบกรงเล็บไก่ผู้ใหญ่มันให้ความรู้สึกทั้งคันๆทั้งจักจี้ไปพร้อมๆกันเลยล่ะ
“เจี๊ยบๆๆๆ” แหะๆ ถึงมันจะเป็นแค่ลูกไก่แต่ถ้าอยากเป็นเพื่อนด้วยเราก็ต้องญาติดีกับมันก่อนนะครับ ถึงจะยังไม่เคลื่อนไหวคล่องขนาดที่จะไล่จับมันมาเล่น แต่เวลาอยู่คนเดียวเงียบๆแบบนี้แล้วผมก็อยากมีเพื่อนนี่ครับ แปลกนะครับอาการที่รู้สึกว่ารอบข้างมันเวิ้งว้างว่างเปล่าทั้งที่เราก็อยู่ในบ้านแท้ๆ ขนาดตอนอยู่กรุงเทพฯ หลังเลิกงานกลับห้องไปผมก็อยู่คนเดียวแท้ๆ แต่กลับไม่เคยเกิดความรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย....
เอ๊ะ!! หรือจะเพราะไอ้พี่อ๋องมันเอาตัวมาผูกกับผมจนกลายเป็นความเคย
ชิน....แล้วจากความเคยชินมันก็จะทำให้ผมขาดมันไม่ได้..... แล้ว....แล้ว....ในที่สุดผมก็จะรักมัน โอ้...มายพระพุทธเจ้า พล๊อตนี้ดูดีจริงๆครับ พล๊อตสุดคลาสสิคที่ใช้กันจนเกร่อแต่ดูทีไรก็ซึ้งทุกทีอย่าง
‘ความรักเกิดจากความใกล้ชิด’ บ้าเรอะ? ใครมันจะไปรักใครเพราะความใกล้ชิดได้เล่า ถ้าคนเรารักกันเพราะอยู่ใกล้ๆกันได้จริง โลกเราก็คงเกิดเหตุการณ์แบบแม่ค้าขายปลากับพ่อค้าแผงผัก อย่างในเรื่อง ‘รักเกิดในตลาดสด’ บทประพันธ์ของคุณนราวดี กันทั่วประเทศแล้วสิ
หรือไม่....ไอ้เวลาสามปีที่เรียนม.ปลาย ที่น้องตัวต่อนั่งคู่กับไอ้ก๋อยสาวเส้นตื้นร่าเริงยิ้มง่ายปีละเกินสองร้อยวันนั่นป่านนี้ผมกับมันก็ต้องรักกันไปแล้วสิครับ แถมต้องรักกันม้ากมากด้วย
“เจี๊ยบๆๆ ออกมาหาพี่น้องหน่อยเร็วลูกเจี๊ยบ”
ง่า....ไม่ออกมาแฮะ หรือที่จริงเราควรลองเรียกแบบอื่น จริงด้วยนะครับ ถ้าเราเป็นลูกเจี๊ยบเราก็ต้องอยากวิ่งไปหาแม่สิ ไม่ใช่หาลูกเจี๊ยบด้วยกัน
“ก่อก ก่อก...กระต๊าก ก่อก ก่อก กระต๊ากๆ” “ฮ่าๆๆๆๆๆๆ น้องเล่นอะไรน่ะ? ฮ่าๆๆๆ”“อ๊ะ! โฮ่ ตกใจหมด พี่อ๋องไม่อยู่รอรับแม่เหรอ?” น้องตัวต่อกำลังเลียนเสียงแม่ไก่ล่อลูกเจี๊ยบเพลินๆไอ้พี่อ๋องก็โผล่มาข้างหลังให้ใจหายแวบ ไม่รู้มาแอบยืนมองเงียบๆ ตามบทพระเอกชอบแอบมองตาเยิ้มตอนนางเอกไม่รู้ตัวรึเปล่า ก๊ากกกกกกกก แต่ผมไม่ใช่นางเอกนะเว้ยไอ้พี่อ๋อง จะเยิ้มแค่ไหนก็เท่านั้นแหละ ไม่ได้มีผลอะไรขึ้นมาหรอกวู้
“ไม่หรอกครับ แม่ผ่องไล่ให้พี่กลับมาอยู่เป็นเพื่อนน้องนี่แหละ เดี๋ยวแม่จะกลับกับรถบ้านด้านในโน้นน่ะ ชื่อน้า...น้าอะไรน้า?”
“อ๋อ น้าทุเรียน บ้านนั้นเขาเป็นญาติลุงกำนันด้วย คงไปกันหมดบ้านเลยมั้ง.....”
ผมปล่อยให้ไอ้ลิงที่วันนี้ไม่มีหัวแห้วจูงกลับไปในบ้าน ไม่อยากจะดื้อกับมันครับ มันไม่เซ้าซี้ถามเรื่องที่น้องตัวต่อไปร้องเป็นแม่ไก่อยู่เมื่อกี้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว ยอมทำตัวว่าง่ายให้ไอ้พี่อ๋องมันได้ใจบ้าง เพราะเดี๋ยวเรามีเรื่องต้องเคลียร์กัน เมื่อเช้าผมก็มัวแต่จดจ่ออยู่กับความรู้สึกของแม่จนลืมคิดไปว่าแม่รู้ได้ยังไงเรื่องที่ผมคิดจะกลับไปทำงานที่เดิม คิดเหมือนผมใช่ไหมครับพี่น้อง ว่าไอ้พี่อ๋องมันต้องทำตัวเป็นไส้ศึกแหงๆ
“เป็นอะไรไปครับ ไม่สบายใจเรื่องแม่ใช่มั้ย?.....ปกติน้องของพี่ไม่พูดน้อยแบบนี่นี่ อย่าเพิ่งคิดมากนะครับ
แหม....กะอีแค่ตอนเดินเข้าบ้านระยะทางจากเล้าไก่ไม่ถึงร้อยเมตรผมไม่ได้พูดอะไรเลยแค่นี้ทำมาถาม นี่ไอ้พี่อ๋องมันประชดน้องตัวต่อใช่มั้ยครับ? มันหาความว่าน้องตัวต่อเป็นคนพูดมากนี่ ชิ! ไอ้พี่อ๋องบ้า นิสัยไม่ดี!!
“เปล๊า น้องไม่ได้คิดมากอะไรสักหน่อย พี่อ๋องไปตักข้าวมาไป น้องจะกินข้าวกินยาแล้ว” รอจนไอ้พี่อ๋องทำหน้าที่ตามคำสั่งแล้วตัวมันเองก็มานั่งประจำที่ทางขวามือของผมเรียบร้อยและเริ่มกินกันไปได้สักครึ่งกระเพาะผมก็เริ่มสวมบทโศกจับผิดไอ้ลิงยักษ์ขี้ปูดทันที ผมแกล้งละเลียดข้าวต้มเครื่องหอมกลิ่นกระเทียมเจียวช้าๆ เหมือนกับการกระเดือกลงคอเป็นไปด้วยความยากลำบาก กินไปก็ถอนใจไป
“เมื่อเช้า....ที่แม่พูดแบบนั้น....เฮ้อ....”
“นั่นไง พี่ว่าแล้วว่าน้องคิดมาก....ไม่เป็นไรหรอกครับ แม่ผ่องก็คงพูดไปตามอารมณ์ ยังไงก็ไม่ว่าหรอกถ้าน้องจะเลือกกลับไปอยู่กรุงเทพฯน่ะ”
“ตอนแรกนะ...น้องคิดว่าไปตรวจซ้ำคราวนี้ จะให้พี่อ๋องกลับมาคนเดียว เพราะน้องก็พอจะใช้ไม่ค้ำคล่องแล้ว ขึ้นบันไดก็พอได้ ยังไงก็พักตรงชานพักทุกชั้นก็ยังได้...ห้องน้องก็ยังไม่ได้บอกก็ยังไม่ได้คืน จะกลับไปอยู่ก็ไปได้ทันที...เฮ้อ....”
“โอ๋....ไม่เป็นไรนะครับ น้องอย่าเครียดสิ น้องเป็นแบบนี้พี่รู้สึกไม่ดีเลย”
นั่นไง ใช่สิ...ต้องรู้สึกไม่ดีแหงล่ะ ก็เป็นคนเอาเรื่องน้องตัวต่อไม่ได้ลาออกไปปูดให้แม่รู้เองเลยนี่นะ ชิ!!
“น้องรู้สึกแย่จังพี่อ๋อง.....แม่พูดเหมือนรู้เลยว่าน้องตั้งใจจะกลับไป แม่ไม่สบายอย่างนี้ไม่ควรจะต้องมาเครียด...แต่เพราะน้องแท้ๆ ไม่รู้ไปหลุดให้แม่รู้ตอนไหน นี่เมื่อคืนนอกจากคิดเรื่องที่ไม่สบาย แม่ก็คงคิดว่าน้องจะทิ้งไปอยู่ตลอด...”
“พี่ขอโทษนะครับ พี่อ๋องผิดเอง เป็นคนเผลอหลุดปากเรื่องนี้ไปเอง”
แหม....ยอมรับง่ายจริง ยังไม่ทันจะได้เล่นสนุกเท่าไหร่เลย แล้วดูทำหน้าเข้า....ขืนสลดมากกว่านี้จะกลายเป็นกอริลลาป่วยเอานะไอ้พี่อ๋อง
“ไม่ต้องขอโทษหรอก น้องรู้ว่าพี่อ๋องหวังดี....แต่ ถึงยังไง พรุ่งนี้ตอนเราไปโรงพยาบาลกัน พี่อ๋องช่วยกันๆแม่ไว้หน่อยนะ ถ้าน้องปลีกตัวกลับอพาร์ตเมนท์ได้แล้วพี่อ๋องก็ช่วยพาแม่กลับบ้านดีๆด้วยนะ”
ฮี่ๆๆๆ น้องตัวต่อแกล้งมันครับ ได้ผลดีเสียด้วย ตอนนี้สีหน้าไอ้พี่อ๋องโคตรตลกอะ มันเปลี่ยนจากกอริลลาสลดเป็นกอริลลาขาดเลือดในพริบตา หน้างี้ซีดเชียวครับ ฮี่ๆๆๆๆ“ตกลง.....จะกลับไปทำงานจริงๆหรือน้อง?”“อื้ม.....งานของน้อง ชีวิตของน้อง น้องอยากจะทำสิ่งที่น้องรักนะพี่อ๋อง.....คิดว่าน้องเป็นคนไม่ดี เป็นลูกอกตัญญู ไม่เป็นห่วงแม่ ไม่รักแม่รึเปล่า?”
ผมหยุดแอ๊คติ้งกังวลปนอมทุกข์ด้วยการเขี่ยเศษซี่โครงหมูในชามไปมา วางช้อนคว่ำกับขอบชามเรียบร้อย แล้วเปลี่ยนมาเป็นบทสับสนไม่มั่นใจในความคิดของตัวเอง โดยการค่อยๆช้อนตาขึ้นมองสบกับตาตี่ๆของไอ้พี่อ๋อง
“ไม่หรอกครับ พี่รู้ว่าน้องรักแล้วก็เป็นห่วงแม่ผ่องมาก”
ไอ้พี่อ๋องพลอยวางช้อนตาม แล้วก็เอามือใหญ่ๆของมันมาแหมะไว้บนหลังมือของผมแทนก่อนจะบีบเบาๆ เยี่ยมมาก....นี่แหละตามบทเป๊ะ เอ๊ะ! แต่เดี๋ยวก่อนแค่บีบมือก็พอแล้วสิ ไอ้อ้อมแขนซ้ายมาโอบไหล่แล้วดึงให้น้องตัวต่อเอนเข้าไปซบนี่มันอะไรกันครับ? เอ่อ....ไอ้พี่อ๋อง นี่มันนอกบทแล้ววู้!
“พี่อ๋องรับปากกับน้องได้มั้ย วันที่น้องไปทำงาน ไม่ได้กลับมานอนบ้าน พี่อ๋องช่วยแวะมาดูแม่แทนน้องด้วยนะ”
เอาสิ.....อยากกอดอยากโอบมันก็ต้องมีค่าแรงมาแลกนะไอ้พี่อ๋อง ผมไม่ได้เหลือบตาไปมองหน้ามันหรอกครับ เพราะระยะประชิดหัวเกรียนแนบอกมันขนาดนี้ ขืนหันไปแทนที่จะได้มองหน้าผมกลัวว่าอาจจะได้ของแถมมาด้วยน่ะสิ
“ได้ครับ พี่รับปาก แม่ของคนที่พี่รักทั้งคนนี่ครับ แม่ของน้องก็เหมือนกับแม่ของพี่ด้วย น้องไม่ต้องห่วงนะครับ” ไอ้บ้า.....ไอ้พี่อ๋องบ้า เห็นเรายอมซบเข้าหน่อยละมาคิดไปโน่น บ้าเหรอ คุณนายผ่องพรรณ เถลิงศก มีลูกชายคนเดียวเว้ย จะมายึดแม่คนอื่นไปเป็นแม่ตัว เดี๋ยวปั๊ดพ่อถวายหมัดฮุคเข้าปลายคางเลย เห็นจิตใจโอบอ้อมอารีอย่างนี้น้องตัวต่อก็ขี้หวงนะเว้ยเฮ้ย โดยเฉพาะของสำคัญและคนสำคัญเนี่ย ผมหวงมาก....ยิ่งคนสำคัญของผมมีน้อย ผมก็ยิ่งหวงแบบหนักหน่วงขั้นกว่าเข้าไปอีก จะมาแย่งแม่ผ่องน่ะเรอะ เฮอะ...ฝันไปเหอะ!
วันนั้นน้องตัวต่อเลยเนียนใช้งานไอ้พี่อ๋องเยี่ยงแรงงานทาส ก็มะม่วงที่ช้ำนิดๆหน่อยๆเมื่อวานนี้หรือสุกจนแน่ใจได้ว่าจะกินก็ไม่ทันจะขายก็ไม่สวยมันมีเยอะนัก ผมก็เลยนั่งปอกเปลือกแล้วแล้วก็ใช้ไอ้พี่อ๋องมันกวนซะ สมน้ำหน้าอยากล่ำก็ต้องล่ำให้มีประโยชน์สิครับ จะมาล่ำลอยชายไปมาเฉยๆมันไม่ได้
แล้วทำเสร็จน้องตัวต่อก็ไม่งกนะครับ เกลี่ยเป็นแผ่นตากแดดแจ๋ๆบ่ายนั้น ตกเย็นก็มานั่งลอกนั่งม้วนจัดใส่ถุงพลาสติกไว้ แบ่งให้พี่อ๋องมันเอากลับบ้านไปถุงเบ้อเริ่ม....ตามคำสั่งแม่ แล้วก็แบ่งเป็นถุงย่อยๆไว้ได้อีกตั้งหลายถุง
แม่ผ่องให้เตรียมไว้น่ะครับ บอกให้เอาไปฝากคุณหมอที่โรงพยาบาลด้วยวันไปตรวจ แล้วแม่ก็บอกว่า..