เปียกปูนเนื้อสีดำ ดุจงามขำซบซวนองค์
หวังหวานราญโศกลง ให้แก้วพี่ได้ปรีดา...
บ่ายวันนั้นน้องตัวต่อไม่ทันลอยครับ......ก็ได้ยินเสียงโครมครามเหมือนมีหม้อหรือกะละมังสักอย่างตกพื้น แล้วจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงกลิ้งหลุนๆ เราสองคนสบตากันปิ๊งแล้วไอ้พี่อ๋องก็กระโจนไปทางห้องครัวทันที จากนั้นน้องตัวต่อก็ได้ยินเสียงที่ทำให้หัวใจแทบจะตกออกมากองกับพื้น
“แม่ผ่อง!!!”“พี่อ๋อง แม่เป็นอะไร? แม่น้องเป็นอะไร?”
ผมเอียงตัวเอื้อมสุดแขนคว้าเอาไม้ค้ำที่วางพิงอยู่แถวนั้นมาไว้ในมือ แล้วออกแรงยันเก้าอี้เพื่อจะรีบไปดูแม่ เมื่อกี้ตอนดุน้องทั้งที่แค่ไม่กี่นาทีแม่ก็ถึงกับต้องหายใจทางปาก ผมกลัวจังครับ.....ถ้าแม่เป็นอะไรขึ้นมาแล้วผมจะทำยังไง
“ไม่มีอะไรน้อง ไม่ต้องลุกมานะ นั่งอยู่นั่นแหละ.....”
พี่อ๋องมันตะโกนออกมาแล้วสักพักผมก็เห็นมันอุ้มแม่ผ่องออกมาจากครัว จะว่าไม่เป็นไรได้ยังไงในเมื่อแม่หลับอยู่แบบนั้น
“แม่! แม่......พี่อ๋อง.....แม่ของน้อง....”
พี่อ๋องอุ้มแม่มาวางให้นอนราบบนโต๊ะยาวข้างๆแล้วก็หยิบพัดมาโบกลมให้แม่ใหญ่ ผมเขยิบตัวไปหยิบยาหม่องที่ยังวางอยู่บนโต๊ะแล้วยื่นไปรอตรงจมูกแม่ ไม่กี่อึดใจแม่ก็ค่อยๆลืมตา
“แม่.....แม่เป็นอะไร?”
“....ไม่เป็นไรน้อง แม่แค่หน้ามืดนิดหน่อย......เดี๋ยวเดียวก็หาย”
“เดี๋ยวเดียวที่ไหน แม่หลับไปตั้งนาน”
“ไฮ้ อะไรกัน จริงรึพ่ออ๋อง แม่หลับไปนานอย่างที่น้องบอกหรือ?”
ตอนนี้แม่ยันตัวลุกขึ้นมานั่งเอนๆได้แล้วครับ แม่ผ่องกึ่งนั่งกึ่งนอนโดยใช้ลำตัวหนาๆของไอ้พี่อ๋องเป็นพนักพิงอยู่ มือข้างที่ว่างพี่อ๋องก็ยังพัดให้แม่ของน้องอยู่เหมือนเดิม แต่ไม่ได้กระพือลมแรงๆใส่แล้ว
“ไม่นานครับ แต่ผมว่าแม่ผ่องไปตรวจสักหน่อยก็น่าจะดีนะครับ”
แหม.....ตรงประเด็นที่สุด มันต้องอย่างนี้สิพี่อ๋องเอ๋ย ไม้นวมแบบนี้แหละที่คุณนายผ่องพรรณแพ้ทาง เรามาผนึกกำลังกันนะพี่อ๋องนะ
“ใช่ๆ ไปหาหมอนะแม่ ไปตรวจเสียหน่อย”
“ไม่เอาหรอก นี่เห็นมั้ย แค่เดี๋ยวเดียวแม่ก็หายแล้ว คนแก่ก็อย่างนี้ มันก็ต้องมีหน้ามืดบ้างเป็นธรรมดา”
“โธ่ แม่จ๋า.....น้องขอเถอะนะ ถ้าไม่อยากไปโรงพยาบาล แค่ไปตรวจที่คลินิกลุงหมอบุญชัยก็ได้ นะแม่นะ....น้องกลัว....ถ้าแม่เป็นอะไรไป น้องจะทำยังไง”
ผมกลัวจริงๆนะครับ กี่ปีมาแล้วที่เรามีกันแค่สามคนแม่ พี่ผึ้ง แล้วก็ผม ตอนนี้พี่ผึ้งแต่งงานก็ถือว่าไปเป็นสะใภ้บ้านอื่นแล้ว ถึงจะยังกลับมาเยี่ยมเยียนได้บ่อยๆ แต่มันก็ไม่เหมือนเดิมนี่ครับ คนที่ยังเป็นของผมจริงๆในตอนนี้ก็มีแต่แม่.....มีแต่แม่คนเดียวเท่านั้น
ผมวางขวดยาที่รอไว้ตรงจมูกแม่ลงแล้วเขยิบตัวเข้าไปกอดซุกหน้าเข้ากับอกแม่.....นี่เป็นการประท้วงตามแบบฉบับน้องตัวต่อน่ะครับ
ตั้งแต่เล็กมาแล้วเวลาอยากได้อะไรมากๆแต่แม่ผ่องปฏิเสธ น้องตัวต่อก็จะเกาะแม่เป็นลูกลิงแล้วไม่ยอมปล่อยเลยไม่ว่าแม่จะทำอะไร ถึงตอนนี้จะโตจนเป็นตัวต่อยักษ์แล้วผมก็ยังเชื่อว่าวิธีนี้จะได้ผล ก็ผมอยากให้แม่ไปตรวจร่างกายนี่ แม่ไม่เคยหน้ามืดเป็นลมมาก่อนเลยนะครับ เอ....หรือว่าแม่จะเป็นแต่ผมไม่รู้นะ.....ระหว่างที่ผมทำงานอยู่กรุงเทพฯ แม่ผ่องคนสวยของผมกลายเป็นผู้หญิงแก่ไปแล้ว โดยที่ผมไม่ทันรู้ตัวรึเปล่า?
“เฮ้อ.......ก็ได้ แม่จะไปหาหมอ แต่แค่ที่คลินิกข้างโรงเรียนนะ เดี๋ยวแม่ต้องกลับมาทำขนมอีก.....งานฉลองอายุแม่ใหญ่ที่บ้านกำนันพรุ่งนี้เขาสั่งเปียกปูนกับหม้อแกงถั่วอย่างละสี่ถาด แล้วยังทองหยอดที่แม่ตั้งใจจะทำไปช่วยงานอีก....ของที่จะเอาไปช่วยน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ของขายสิ รับปากสัญญากับเขาไว้แล้วเป็นมั่นเหมาะ......”
“อู๊ย พอแล้วแม่ เดี๋ยวน้องจัดการให้ไม่มีปัญหา...”
“น้องจะทำได้ไง มือยังไม่หายดีเลย”
“แหม....ใครบอกน้องจะทำเล่า น้องบอกจะจัดการให้ไง.....พี่อ๋องอยู่ทั้งคนจะกลัวอะไร เนอะพี่อ๋องเนอะ คืนนี้นอนนี่นะครับ นะ...ช่วยน้องหน่อย....” ฮ่าๆๆๆ ไม่ต้องเดาแล้วล่ะครับ อย่างไอ้พี่อ๋องเนี่ย ยังไงก็ไม่มีทางปฏิเสธผมหรอก พอผมอ้อนนิดๆหน่อยๆก็ยิ้มจนตาเหลือแค่ขีดสีดำๆแล้ว จากหางตาผมเห็นว่าแม่ผ่องส่ายหน้าไปด้วยถอนหายใจเหมือนกับอ่อนออกอ่อนใจเหลือเกินแล้วไปด้วย แต่น้องตัวต่อไม่สนหรอกครับ แค่ประสบความสำเร็จทำให้แม่ยอมไปตรวจร่างกายได้เป็นพอ
“ไปดิพี่อ๋อง สตาร์ทรถ พาแม่ไปหาหมอกัน
ผมตกลงกับคุณนายผ่องพรรณเรียบร้อย จากนั้นก็หันไปออกคำสั่งกับคนที่ตอนนี้ไม่ต้องทำหน้าที่พนักพิงแล้ว แถมมันยังอมยิ้มจนแก้มตุ่ยอีกด้วย
ไอ้บ้านี่ไม่ได้เรื่องเล้ย....แม่ลูกเขากำลังคุยกันเรื่องงานการเคร่งเครียดมันดันนั่งอมยิ้ม ดีนะที่น้องตัวต่อไม่ใช่ขาใหญ่มาจากไหน ไม่งั้นมันนั่งเปรี้ยวโชว์ล่ำแบบนี้มีเจ็บอะครับพี่น้อง....หมั่นไส้ ผู้ชายบ้าอะไรนมใหญ่ชะมัด น้องตัวต่ออิจฉาแทนพี่ผึ้ง!! ตอนแรกแม่ผ่องกับพี่อ๋องจะไม่ให้ผมไปที่คลินิกด้วยครับ แต่ผมไม่ยอมหรอก เดี๋ยวพอผมไม่ไปแล้วแม่ผ่องดื้อขึ้นมาล่ะ ใจดีอย่างไอ้พี่อ๋องก็คงตามใจแม่แน่ๆ เราสามคนเลยขึ้นรถกระบะของแม่ที่ใช้ไปซื้อของที่ตลาดไปคลินิกโดยผมนั่งเหยียดขากางร่มอยู่ที่กระบะ
ก็นอกเหนือจากวันที่ผมต้องไปโรงพยาบาลแล้วไอ้พี่อ๋องมันก็จะมาบ้านผมโดยรถมอเตอร์ไซค์นี่ครับ นี่ก่อนออกมาคลินิกผมก็เห็นมันโทรศัพท์หาใครไม่รู้ คุยกันกระหนุงกระหนิงอยู่นานสองนาน น่าหมั่นไส้ชะมัด....
อ๊ะๆ อย่าเพิ่งคิดว่าน้องตัวต่อหึงมันกับใครก็ไม่รู้ตามแบบฉบับนางเอกละครหลังข่าวที่ชอบคิดเองเออเองนะครับ ผมเปล่าน้า.....มันก็แค่...ผมรำคาญที่มันมัวแต่ไปคุยอะไรอยู่ได้แทนที่จะรีบมาเอารถออกพาแม่ไปหาหมอต่างหาก
น้องตัวต่อนั่งบนกระบะมีร่มก็จริง แต่แดดมันก็ส่องอยู่ดีนี่นา อีกอย่าง....สิบกว่าวันที่มันโผล่มาในชีวิตของผม ผมยังไม่เคยเห็นพี่อ๋องคุยโทรศัพท์กับใครเกินนาทีเลยนี่ครับ อย่างมากมันก็รับคำว่า ‘ครับ ได้ครับ’ ไม่ก็ ‘เออ เออกูรู้แล้ว..’ แค่นั้นก็วางสาย นี่อะไร น้องตัวต่อนั่งตากแดดตากลมรออยู่แท้ๆไอ้พี่อ๋องกลับไม่สนใจ
ปลายสายนั่นมันใครวะครับ?!!
เราใช้เวลาอยู่ที่คลินิกลุงหมอบุญชัยซึ่งอยู่ห่างจากบ้านไปไม่ถึงกิโลดีแค่ยี่สิบนาที น้องตัวต่อไม่ได้เข้าไปในห้องตรวจด้วยเพราะแม่ผ่องบอกว่าเข้าไปนั่งงอเข่าก็ไม่ได้มันเกะกะลุงหมอ ก็ห้องตรวจเล็กนิดเดียวนี่ครับ ที่จริงแค่แม่ผ่องยอมมาถึงนี่โดยไม่หาทางเลี่ยงไปผมว่าก็ไม่น่ามีปัญหาแล้วล่ะครับ แต่ผมก็ยังไม่วางใจหรอกเลยส่งพี่อ๋องเข้าไปกับแม่ด้วย
ไม่รู้ข้างในเขาคุยอะไรกัน ตรวจอะไรกันบ้าง แต่พอผมเริ่มจะอินกับละครภาคบ่ายที่โฆษณาน้อยถูกใจพี่อ๋องก็พยุงแม่ออกมาจากห้องตรวจพอดี น้องตัวต่อว่า พอออกมาจากห้องตรวจสีหน้าของแม่ไม่ดีเลยอ้ะครับ......ทำไมแม่ของผมถึงหน้าตาเคร่งเครียดขนาดนั้นล่ะ แถมยังตาแดงๆอีกด้วย
“แม่......ลุงหมอบอกว่าเป็นอะไรเหรอ? ไม่ได้เป็นอะไรมากใช่มั้ย? แบบว่า....แค่ฮอร์โมนแปรปรวนเพราะวัยทองใช่รึเปล่า?”
“อืม.....เรื่องเล็กๆน่ะน้อง ลุงหมอบอกว่าไม่มีอะไรมากหรอกลูก”