Chapter 5.
“ พักที่นี่จนกว่าหอพักที่มหาวิทยาลัยจะติดต่อกลับมา แล้วเอาเอกสารไปแจ้งด้วยว่าได้ที่พักแล้ว
เพราะวีซ่าที่ถืออยู่มันมีอายุแค่เดือนเดียว ต้องมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ถึงจะต่ออายุได้ ”
เคลวินพูดโดยไม่ได้มองหน้าคนฟัง เขาจับเอกสารที่บันแปลขึ้นมาดูแล้วเบะปาก
“ เกรงใจแย่ ”
เสียงบันตอบกลับไป
“ เอาน่าๆ อยู่ที่นี่ไปก่อนนะครับ ถ้าไปหาที่พักตอนนี้ก็ไม่ทันการ อีกอย่างนะคุณบันนี่
อยู่ที่นี่คุณจะได้ฝึกพูดกวางตุ้งกับเจ้านายด้วยไง อยู่ฮ่องกงพูดกวางตุ้งไม่ได้ก็ลำบาก ”
ไม่มีทางเลือก นอกจากต้องขออาศัยบ้านเจ้านายจอมโหดของนายเฉินไปก่อน ไว้หาที่พักใหม่ได้ บันคิดว่า
คงจะย้ายออกทันที
“ งั้นผมกลับล่ะครับ มีธุรกิจที่ต้องไปสะสาง ”
เฉินพูดเหมือนกับมีธุรกิจพันล้านรออยู่
บ้านกลับมาเงียบเชียบอีกครั้งเมื่อไม่มีเฉิน บันยังนั่งอยู่ที่เดิม กระเป๋าเสื้อผ้าก็ตั้งอยู่ที่เดิม ไม่มีทีท่าว่าเคลวิน
จะพูดแนะนำหรือชี้บอกห้องพักแต่อย่างใด
“ ผมนอนโซฟาตัวนี้ก็ได้นะ ”
บันชี้มือไปที่โซฟามุมห้อง
“ ฉันไม่ชอบอะไรที่ดูไม่เป็นระเบียบ มันเกะกะขวางทางเดิน ”
‘ จะเอาไงก็ไม่บอก ชักจะอึดอัดเต็มทีแล้วนะ ’
“ เอาของไปเก็บที่ห้องเล็ก แล้วค่อยออกมาคุย ”
“ ห้องไหนล่ะครับ มีตั้งหลายห้อง ”
เคลวินชี้มือแวบเดียวเหมือนรำคาญเต็มที บันเดาเอาว่าคงเป็นห้องเล็กที่อยู่ริมสุด ด้านหน้าห้องมีแผ่นกระเบื้องรูป
กระต่ายสีขาวติดไว้ บันคิดว่าคงเป็นเพราะปีนี้เป็นปีกระต่ายนั่นเอง
เรื่องอะไรจะถามเจ้าของบ้าน
ห้องนอนเล็กที่เคลวินชี้มือให้บันเอากระเป๋าเข้ามาเก็บ เป็นห้องนอนโล่งๆ สีขาว บนเตียงไม่มีที่นอน หมอนหรือผ้าห่ม
“ แล้วจะนอนยังไงล่ะเนี่ย ? ”
เมื่อเปิดตู้ใหญ่ข้างห้อง บันเจอผ้าปูที่นอน หมอน ปลอกหมอน ผ้าห่มผืนใหญ่ แต่หาจนทั่วห้องก็ยังไม่เจอที่นอน
“ ถามเจ้าของบ้านละกัน ”
“ ผมหาที่นอนไม่เจอ ”
ใบหน้าเรียบเฉยมองกลับมาที่บัน
“ หาดีแล้วเหรอ หรือว่ามองส่งๆ แล้วไม่เจอเลยออกมาถาม ”
“ หาดีแล้วครับ ไม่เจอจริงๆ ”
เคลวินเดินเข้าไปในห้อง เขาใช้เท้ากระทุ้งตรงแผ่นไม้สีเข้มใต้เตียงเบาๆ มันเปิดออกมาเป็นช่องขนาดใหญ่
เคลวินชี้มือไปที่ช่องใต้เตียงให้บันดู
“ ผมไม่ทราบว่าข้างล่างมีช่องเก็บของ ”
“ ฉันรู้แล้วว่าทำไมนายถึงหาคำผิดในงานที่ให้ทำไม่เจอ ”
น้ำเสียงเรียบเฉยของเคลวินดังขึ้น ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้บันอ้าปากค้าง
“ เฮ้อ ประสาทจะกิน ”
บันพูดตามหลังเคลวินออกไปเบาๆ เป็นภาษาไทย ก่อนที่จะปิดประตูห้อง
ที่นอนสปริงสีขาวถูกลากออกมาด้วยความลำบาก มันหนักหนาเอาการสำหรับคนตัวเล็กอย่างบัน
และกว่าจะปล้ำให้มันขึ้นไปอยู่บนเตียงได้ ก็เล่นเอาเหงื่อซึม การปูที่นอน ใส่ปลอกหมอน ปูผ้าห่ม ไม่ได้เป็นปัญหา
บันพยักหน้ามองผลงานด้วยความพอใจ ตอนนี้เหลือเสื้อผ้าในกระเป๋าที่ต้องเอาออกมาใส่ตู้
“ เสร็จแล้วครับ คุณมีอะไรจะคุยกับผม ? ”
บันเดินออกมาหาเคลวินที่นั่งทำงานอยู่ห้องโถงกลางบ้าน ข้างๆ นั้นมีอัลเบิร์ตนอนหมอบอยู่
“ ฉันชอบความเป็นส่วนตัว รักความเป็นระเบียบ ไม่ชอบเสียงดัง ”
บันรอฟังเคลวินพูดต่อ แต่ก็ไม่มีอะไรเพิ่มเติม เขาคิดเอาเองว่านี่คงเป็นกฎระเบียบของบ้านที่เคลวินตั้งเอาไว้
ให้ทำตาม
‘ ชอบความเป็นส่วนตัว แหงอยู่แล้ว ไม่งั้นนายคงไม่มาอยู่คนเดียวแบบนี้หรอก
รักความเป็นระเบียบ อันนี้เห็นด้วยแฮะ ของในบ้านไม่มีวางเกะกะรกหูรกตา
ไม่ชอบเสียงดัง อย่างว่านายมันโลกส่วนตัวสูง คงไม่ชอบเสียงดังเอะอะ ’
“ ครับ มีอะไรอีกไหม ? ”
บันถามต่อ
“ บ้านนี้มีแม่บ้านเข้ามาทำงานอาทิตย์ละครั้ง เพราะฉะนั้นฉันหวังว่าคงไม่เห็นบ้านนี้สกปรกเลอะเทอะ
เสื้อผ้าที่ใช้แล้วให้ใส่ในตะกร้า หนังสือทุกเล่มในบ้านอนุญาตให้หยิบมาอ่านได้ แต่ต้องเก็บคืนที่เดิม
อาหารอยู่ในตู้เย็น เฉินจะเอามาส่งทุกๆ สามวัน มีอะไรสงสัยอีกไหม ? ”
“ ผมต้องทำงานให้คุณวันไหนบ้าง แล้วทำที่ไหน แล้วต้องทำอะไรบ้าง ? ”
“ ฉันจะดูวันที่นายว่างจากตารางเรียน ทำงานที่นี่กับที่บริษัท ฉันจะบอกอีกทีว่าให้ทำอะไรบ้าง
ที่ชั้นหนังสือจะมีแบบฝึกอ่านอักษรตัวเต็ม เอาไปอ่านซะ ฉันไม่ต้องการคำตอบว่าอ่านตัวเต็มไม่ออกอีก ”
บันมองไปทางตู้หนังสือ หนังสือนับร้อยๆ เล่มวางเรียงกันแน่นอยู่ในชั้น
“ ครับ ”
“ ฉันจะให้เฉินมารับเวลานายไปเรียน ”
“ ขอบคุณครับ ”
เมื่อเห็นว่าเคลวินไม่ได้พูดอะไรต่อ บันก็กลับเข้าไปในห้องแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ กะว่าจะเดินสำรวจสถานที่
บริเวณใกล้บ้าน แต่เมื่อเห็นว่าตอนนี้ดึกมากแล้ว เลยเดินหยิบหนังสือเล่มใหญ่จากชั้นไปอ่านแทน
ไม่นาน จากคนอ่านหนังสือ ตอนนี้กลายเป็นหนังสือเฝ้าคนหลับ
บันหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย มือขวายังสอดอยู่กับหนังสือเล่มใหญ่ อักษรยี่สิบตัวที่ฝึกท่อง ล่องลอยและวนเวียน
อยู่ในหัว มันตามไปถึงในฝันของบัน เขาวิ่งไล่จับอักษรที่ท่องโดยใช้สวิงช้อนแมลง เหมือนกับตอนเรียนวิชาวิทยาศาสตร์
ตักจนเจ็บมือไปหมดแล้ว
บันตกใจตื่นขึ้นมาตอนเช้า มือชาไปหมดเพราะถูกหนังสือเล่มใหญ่ทับเอาไว้
“ กี่โมงแล้วเนี่ย โอยปวดหัว ”
“ ผมขอออกไปเดินข้างนอกบ้านได้ไหม ? ”
เมื่อบันเดินออกมาข้างนอก ก็เห็นเคลวินนั่งทำงานอยู่แล้ว เคลวินในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงขายาวสีเทา
ดูแปลกตาไปกว่าทุกวัน
ไม่มีเสียงตอบรับหรือปฏิเสธ บันถือว่าความเงียบหมายถึง ตกลง
‘ ขี้เก๊ก ’
บันสบตากับอัลเบิร์ต ก่อนจะทำมือทำไม้ชี้ไปข้างนอก อัลเบิร์ตลุกขึ้นอย่างกระตือรือร้น มันเดินหายไปทางหลังบ้าน
แล้วคาบสายจูงสีน้ำตาลมาให้
“ เอ๊ะ อะไรเหรอ ? ”
บันหยิบสายสายจูงขึ้นมาดู
“ อ๋อ งั้นไปกันเถอะ ”
หนึ่งคนหนึ่งหมา เดินออกจากบ้าน ดูเหมือนกับว่าหมาตัวโตจะเดินพาคนเที่ยวมากกว่า มันกึ่งลากกึ่งดึงคนจูงให้ไป
ตามทางที่มันเดิน
“ เดี๋ยวสิ แรงเยอะชะมัดเลย ไอ้ขนฟู ”
“ เดี๋ยวนะ เจ้านายแกเรียกว่าอัลเบิร์ตใช่ไหม อัลเบิร์ต ! ”
“ อู๊ววว ”
“ แจ่มแมว เอ้ย แจ่มหมา งั้นไปกันเลย ”
หนุ่มน้อยในชุดกางเกงขาสั้นเสื้อยืดสีขาวปักลายลูกไก่สีเหลือง เดินจูงหมาตัวใหญ่เดินไปตามทาง
นานๆ จะมีรถสวนมาซักคัน ตอนนี้อากาศเริ่มเย็นลงทุกที บันเห็นปลายทางมีเนินหญ้าสูง คล้ายจุดชมวิว
“ ว้าว เห็นทะเลด้วย เร็วเข้าอัลเบิร์ต น่าเสียดายจัง น่าจะเอากล้องถ่ายรูปมาด้วย ”
หมาตัวโตกับหนุ่มตัวเล็กวิ่งแข่งกันขึ้นไปตามเนินลูกเล็กๆ นั้น ลมพัดยอดหญ้าเอนไปมา คล้ายกับมันกำลังเต้นรำอยู่
“ คล้ายๆ กับในหนังเลยนะอัลเบิร์ต หาที่นั่งกันเถอะ ”
บันจูงอัลเบิร์ตมาที่ก้อนหินใหญ่หน้าตาคล้ายอุกกาบาต แล้วพากันนั่งมองดูทะเลที่อยู่ตรงหน้า
“ ทะเลตรงหน้านี่คือทะเลอะไรนะอัลเบิร์ต แกรู้ไหม ? ”
เจ้าตัวโตแลบลิ้นออกมารับลม หางก็โบกไปมา
“ ถ้ามาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่คงสวยมาก ”
บันเอนตัวลงไปบนก้อนหิน ตอนนี้ตรงหน้าเป็นท้องฟ้ากว้าง เมฆสีเทาเริ่มลอยมารวมตัวกัน
พายุที่ฮ่องกงก่อตัวเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
“ ลางไม่ดีเสียแล้วไอ้หนู รีบกลับกันเถอะ ”
บันจูงอัลเบิร์ตกลับไปตามทางเดิม ในใจยิ้มเพราะคิดถึงนิทานเรื่องสองพี่น้องที่เอาก้อนขนมปังมาโรยตามทาง
เพื่อให้จำทางกลับบ้านได้
“ ลงเม็ดแล้ว แย่จริง ทำไมฝนที่นี่มันตกเร็วนักนะอัลเบิร์ต ไม่มีวัฒนธรรมเอาซะเลย นึกจะตกก็ตกเนอะ ”
บันหัวเราะขณะที่วิ่งไปกับอัลเบิร์ต ฝนเริ่มลงเม็ดหนักขึ้นเรื่อยๆ
“ ไม่ทันแล้ว นั่น ! ข้างหน้ามีที่หลบฝน ”
บันกับอัลเบิร์ตวิ่งผ่านบ้านหลังใหญ่ มันอยู่ระหว่างทางที่เป็นเนิน บันจูงอัลเบิร์ตเข้าไปหลบฝนตรงทางเข้าบ้าน
ซึ่งอยู่ด้านซ้ายของประตูใหญ่ที่ใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ หลังคาหินที่ยื่นออกมาเพียงเล็กน้อย ทำให้บันต้องขดตัว
อยู่กับอัลเบิร์ตเพื่อหลบละอองฝนที่ถูกลมพัดเข้ามา
“ เขยิบเข้ามาอีกสิ เจ้านายแกจะต้องดุฉันแน่เลย ที่พาแกมาเปียกแบบนี้ ”
บันดึงหมวกที่อยู่ด้านหลังเสื้อขึ้นมาคลุมหัว รองเท้าแตะที่สวมอยู่เริ่มเปียกน้ำ ยังดีที่กางเกงขาสั้นที่สวมอยู่
ยังแห้งสนิท
“ บ้านใครก็ไม่รู้เนอะ หลังใหญ่โตเชียว ”
บันหันไปมองข้างในบ้าน ตามซี่ไม้สลับสแตนเลสตรงประตู ไม่มีท่าทีว่าจะมีใครอยู่ข้างใน
พอหันกลับมาทางถนนอีกที รถยนต์ยุโรปคันใหญ่ก็วิ่งด้วยความเร็วผ่านหน้า พาเอาน้ำที่ท่วมอยู่ตรงหน้าบัน
กระเด็นขึ้นมาสาดคนกับหมาที่หลบอยู่เปียกปอนไปทั้งสองคน
“ กรรมแท้ ! ”
บันลุกขึ้นด้วยความตกใจ อุตส่าห์ขดตัวหลบฝนไม่ให้เปียก ที่ไหนได้ นี่กลับเปียกตั้งแต่หัวยันเท้า ซึมเข้าไปถึงข้างใน
อัลเบิร์ตสะบัดขนแรงๆ หนึ่งที ทำเอาบันบ่นอุบอิบ
รถยนต์คันใหญ่ เหมือนจะจอดนิ่งซักพัก ก่อนจะขับเข้าไปในบ้าน
“ โชคร้ายแฮะวันนี้ จะโทษเขาก็ไม่ได้ซะด้วย เรามาอาศัยบ้านเขาหลบฝนเองนี่เนอะ ”
บันใช้มือปัดเศษดินออกจากตัว ตาก็มองดูฝนที่กำลังตกหนัก
“ ไหน ๆ ก็เปียกแล้ว เราก็กลับบ้านกันเถอะ กลับไปก็เอาหูทวนลมซะนะ เจ้านายแกคงต้องดุ ไม่สิ ต้องเอามือปิด
ตาต่างหากเพราะเจ้านายแกต้องส่งสายตาพิฆาตมาให้ ”
อัลเบิร์ตส่งเรียกเห่ามาให้ คล้ายกับจะเห็นด้วยกับบัน
“ เอ้า หน้าเดิน ”
บันทำท่าจะจูงอัลเบิร์ตกลับบ้าน พร้อมๆ กับที่มีเสียงผู้ชายดังออกมาจากในบ้าน ผู้ชายในสูทดำยืนกางร่มคันใหญ่
“ คุณหนูเชิญคุณกับสุนัขเข้าไปข้างในเพื่อหลบฝนครับ ”
“ อะไรนะครับ ”
เสียงฝนตกดังซะจนบันคิดว่าเขาได้ยินผิดไป
“ คุณหนูเชิญคุณกับสุนัขเข้าไปข้างในเพื่อหลบฝนครับ ”
“ อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกครับ ขอโทษด้วยที่รบกวน ”
บันก้มหัวให้แล้วเดินออกมา
“ เป็นการขอร้องและขอโทษที่ทำให้คุณตัวเปียกครับคุณหนู ”
“ แต่ผม ”
“ สุนัขของคุณจะป่วยเอาได้นะครับ ถ้าตากฝนแบบนี้ ”
ผู้ชายสูงอายุส่งยิ้มมาให้ ดูเหมือนเขาอยากจะให้บันเข้าไปข้างใน
“ งั้นรบกวนขอหลบฝนจนกว่าฝนจะซาได้ไหมครับ ”
“ ยินดีครับ ”
บันเดินตามชายสูงอายุเข้าไปในบ้าน เมื่อถึงประตูใหญ่ เขาก็บอกให้บันรอซักครู่
“ ผมจะนำชุดมาให้เปลี่ยน ชุดนี้จะให้คนซักและรีดให้ใหม่ ไม่เกินชั่วโมงก็เสร็จ ”
“ อ่ะอ้อ อย่าเลยครับ มันสกปรกหมดแล้ว แค่ให้หลบฝนก็ดีมากแล้วครับ ขอบคุณ ”
“ โปรดรอซักครู่ ”
ชายคนเดิมเดินหายเข้าไปในบ้าน
“ เจ้าของบ้านนี้ใจดีจังนะอัลเบิร์ต ถ้าเป็นบ้านเจ้านายแกนะ นอกจากไม่ให้หลบฝนแล้วยังไล่อีก ฉันรับรองได้ ”
บันมองบ่อปลาทองหน้าบ้านด้วยความสนใจ แต่ละตัวที่ว่ายไปมา มันอ้วนกลมแก้มยุ้ยทุกตัว
“ ได้ตัวเด็กผู้หญิงหมวกแดงมาหรือเปล่าพ่อบ้าน ? ”
ผู้ชายที่นั่งอยู่บนโซฟาหันมาถามชายสูงอายุ เขากำลังปลดเนคไทด์ส่งให้กับพ่อบ้าน
“ พาเข้ามาหลบฝนในบ้านแล้วครับคุณหนู อ้อ เป็นเด็กผู้ชายครับ ท่าทางน่ารักทีเดียว ”
“ ผู้ชายเหรอ ? ”
“ ครับ ”
“ หาเสื้อผ้าให้เด็กเปลี่ยนด้วยนะ แล้วพาเข้ามาที่นี่ ข้างนอกมันหนาว ”
“ ครับคุณหนู ”
บันหัวเราะอัลเบิร์ตที่มองปลาทองตาในบ่อละห้อย มันคงรู้สึกแปลกใจที่เจ้าตัวอ้วนสีทองว่ายน้ำไปมาได้
“ อย่าเชียวนะ ห้ามกินน้ำในนี้ ! ”
บันดึงอัลเบิร์ตออกมาจากบ่อปลา
“ เชิญข้างในครับ ”
“ ผมอยู่เป็นเพื่อนเจ้านี่ดีกว่าครับ กลัวมันจะตกใจเสียงฟ้าร้อง ”
“ เอาไปข้างในบ้านได้ครับ ”
เสียงใจดีตอบกลับมา
“ เอาเข้าไปได้เหรอครับ จริงๆ เหรอครับ ? ”
บันกลัวว่าเจ้าของบ้านจะรังเกียจอัลเบิร์ต นอกจากมันจะเปียกปอนแล้ว มันก็เป็นหมาตัวใหญ่
ต่อ