ต่อสุดท้ายล่ะ
“ภูริ....ทานเยอะๆนะ คามินเพิ่งเล่าให้ข้าฟัง” ท่านหญิงยื่นชิ้นปลาลงให้ พลางเริ่มบทสนทนา
“เจ้ามีญาติพี่น้องใช่ไหม”
ณภูริกระพริบตาปริบๆอย่างไม่แน่ใจว่าจะพูดเช่นไรดี
“น้องคนหนึ่งได้ปวฤทธิ์ศรเครือญาติสายหลักของบ้านข้ารับไว้ดูแล......” นางจุ่มมือลงในขันล้างไม้ล้างมืออย่างตั้งใจ
“เขาเป็นคนดีคนหนึ่ง....คงดูแลน้องเจ้าไม่ขาดตกบกพร่องแน่”
“ท่านหญิง...” ไม่ดีแน่ จะให้มะรุมต้องอยู่ในสภาพเดียวกับเขาหรือ ไม่ได้แล้ว ต้องทำอะไรสักอย่าง
“ข้าเป็นห่วงเขา เราไม่เคยต้องอยู่ห่างไกลจากกันมก่อน ....ท่านหญิงให้ข้าได้ไปพบเขาด้วยเถิด”
“เจ้าอยากพบน้องหรือ”
“ขอรับ..เอ่อ...เจ้าคะ ได้โปรด...อนุญาตด้วย ถ้าท่านออกหน้า บ้านนั้นต้องให้ข้าพบน้องแน่”
“ข้าเป็นธุระให้ได้ หากต้องส่งคนไปถามไถ่บ้านโน้นก่อนว่าเขายินดีให้พบหรือไม่....คงต้องเป็นพรุ่งนี้นะ
ว่าแต่..ภูริ เจ้าจะต้องสัญญากับข้าสองเรื่อง” ท่านหญิงดาหราวาตรีกุมมือเขาไว้มั่น
“เจ้าคะ ได้ทุกอย่าง”
“ข้อแรก ห้ามเจ้าหนีเด็ดขาด ไม่ว่าจะได้พบน้องหรือไม่เจ้าต้องให้คามินคุ้มครองกลับมาอย่างปลอดภัย”
ณภูริหันไปมองคามิน แม้จะไม่ชอบใจนักแต่มะรุมสำคัญกว่า
“ข้อที่สอง คนอื่นจะต้องรู้จักเจ้าในฐานะสตรีว่าที่สะใภ้ข้า ห้ามให้ใครล่วงรู้ชาติกำเนิดหรือสถานะของเจ้าเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่”
“ท่านหญิง...ทำไม??”
“เพื่อปกป้องเจ้านะสิ.....รู้ไหมคำว่า ‘หญิงงามมักอาภัพ’นั้นมีที่มาอย่างไร.....
ความงามมักนำพาเอาความเดือดร้อนมาสู่ครอบครัวและคนรอบข้าง....
หากมีคนรู้ว่าเจ้าไม่มีคู่ครอง ก็จะต้องมีคนสนใจไคร่รู้เรื่องตัวเจ้าแน่
ดังนั้น....การเป็นคนในตระกูลข้าจะช่วยปกป้องคุ้มครองเจ้าได้ จริงไหม”
ณภูริอยากจะถียง ขอเพียงยอมให้เขาแต่งกายเยี่ยงชาวบ้านก็ไม่จำเป็นต้องระแวดระวังเช่นนี้เลย....
เขาก้มหน้ายอมอดทนเพื่อมะรุม
“เจ้าคะ”
“ดี....ข้าจะส่งคนไปยังเรือนของปวฤทธิ์ศร เจ้าอยู่รอฟังข่าวระหว่างนี้ก็อยู่คุยกับคามินไปก่อน”
ร่างผอมบางทำหน้ามุ่ยไม่ชอบใจทันที “ข้าว่าเขาอยากจะปรับความเข้าใจกับเจ้านะ”
ท่านหญิงลุกจากไปล่อยให้คนทั้งสองพูดคุยกันเอง ทันที่ที่ประตูปิดลงคามินก็โดนตีมือ เพี้ยะ! เข้าให้
“ถอยไปเลยนะ” ณภูริพยายามดึงชายผ้านุ่งออก แต่ร่างสูงไม่ยอมขยับสักนิด
เขาคว้าข้อมือทั้งสองไว้มั่น “ปล่อยข้า....เดี๋ยวนี้”
“เจ้าจะหยุดอาละวาดไหม ถ้าหยุดล่ะก็ข้าถึงจะปล่อย”
“ไม่ จนกว่าเจ้าจะปล่อยข้าไป”
“นั้นไม่มีทางเด็ดขาด”
“ข้าเกลียดเจ้าที่สุด”
“โอ้ยยยย...” คามินสถบอย่างรำคาญใจที่สุด เขากระชากแขนเล็กให้ลุกขึ้นลากออกจากห้อง
เดินผ่านบ่าวไพร่ที่นั่งออหน้าห้องมากมาย “ใครก็ไม่ต้องตามมาทั้งนั้นนะ”
บุรุษหนุ่มสั่งคำเดียวก็ไม่มีใครกล้าลุกตามมา ร่างสูงเดินลากแขนอีกฝ่ายออกมาถึงสวนสวยนอกเรือนอันโล่งกว้าง
ไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาเย็นชื่นใจ และไม้ดอกมากมายอวดสีสันละลานตา
เรียกร้องให้มวลภมรสีสวยโบยบินเต็มไปหมด คฤหาสน์หลังนี้มีพื้นที่กว้างขวาง
สวนกว้างขนาดมีลำธารและบึงบัวในอาณาเขต
เพียงก้าวเท้าออกจากเรือน ลมเย็นชื่นใจและสีสันอันสดใสรายล้อมรอบด้านก็เปิดโลกของณภูริให้กว้างขึ้น
นี่คือที่ที่เขาคุ้นเคยมากที่สุด กลิ่นหญ้าอ่อนและเสียงจิ้งหรีดเรไรดังระงม อุ้งมือใหญ่ดึงมาที่ริมบึงบัว
“เจ้าจะอยู่เฉยๆฟังข้าพูดจะได้ไหม” คามินว่าเสียงจริงจัง
ณภูริเม้มปากแล้วแลมองด้วยหางตา คนอย่างนี้จะมีเรื่องอันใดนอกจากเอาดีใส่ตัว
คงจะบรรยายสรรพคุณตัวเองอีกล่ะสิว่าจะดูแลเขาดีอย่างโน้น ดีอย่างนี้
“ข้าขอโทษ”
ใบหน้ามนหันมามองอย่างประหลาดใจ ขอโทษงั้นหรือ??
“ขอโทษที่ใช้กำลังกับเจ้า.......ข้ามันพูดไม่เก่ง....เอาใจใครไม่เป็น
ข้ารู้ว่ามันไม่ถูกต้องแต่ข้าไม่รู้จะทำอย่างไรให้เจ้ายอมอยู่กับข้า”
.............................................
................................
คามินมองทิวทัศน์งามรอบตัวรู้สึกว่าพื้นที่โล่งแจ้งทำให้ความคิดอ่านปลอดโปร่ง
ดีกว่าอุดอู้อยู่แต่ในห้องทึบๆอย่างที่ท่านแม่บอกจริงๆ เขายืนเท้าเอวมองร่างเล็กอย่างจริงจัง
แววตาอ่อนโยนไม่เอาแต่ใจอีกแล้ว
“บอกมาสิ.....ข้าต้องเอาใจอย่างไร เจ้าถึงจะยอมอยู่ที่นี่”
พูดง่ายนี่ ราวกับเขาอยากให้เอาใจนักล่ะ
“ภูริ......” คามินก้าวมาหาอีกก้าว เรียกเสียงหวานจนขนลุกเลย “ข้าชอบเจ้าจริงๆนะ”
ถ้าชอบข้าจริงก็ปล่อยข้าไปสิ ณภูริกำลังว่าคำๆนี้ออกไป
เมี๊ยวววว...เสียงประหลาดแว่วมาขัดจังหวะ ทั้งสองเหลียวมองหาที่มาของเสียงทันที
“เสียงอะไร??”
“นั้น....” อีกฟากของสระบัว มีลูกแมวตัวน้อยๆเกาะปลายกิ่งไม้อย่างเอาเป็นเอาตาย
มันคงปีนไล่จับนกเล่นแล้วกิ่งอ่อนหย่อนลงเหนือน้ำทำท่าจะหักเหล่มิหักแหล่อยู่
“แมวรึ??”
“ช่วยมันหน่อยสิ”
“ช่วย??....ไม่ล่ะ ข้าเกลียดแมว” ชายหนุ่มส่ายหน้า เขากลัวเล็บคมๆที่สุด
“ช่วยมันหน่อยสิ จะตกอยู่แล้วนะ”
“แต่ว่า....” เขาเหลียวหาบ่าวไพร่ เวลาอย่างนี้มองหาไม่เห็นสักคน
“เร็วเข้าสิ!” ไม่ทันใจเลย ณภูริพลั่กหลังร่างสูงกว่าสุดแรง
“เหวอออออ...”
ตูมมมมมม!!!!
อุ๊บ! ร่างเล็กยกมือปิดปาก ตายล่ะ....พลั่กลูกชายหัวแก้วหัวแหวนท่านผู้หญิงลงสระเฉยเลย ท่านจะโกรธไหมเนี่ย??
“เจ้าทำอะไรของเจ้ากัน??” คามินโผล่ขึ้นมา มีจอกแหนเต็มหัวเลย
“ชะ....ช่วยแมวก่อนสิ เร็ว...ข้าอยากได้” ปากไวกว่าความคิดซะแล้ว
ชายหนุ่มทำหน้าบูดสุดขีด เขาปาดเศษผักบนศีรษะออก
“ปัดโธ่....”มีเสียงไม่สบอารมณ์เบาๆ ก่อนจะกระโจนลงไปว่ายแหวกดงบัวสีชมพูออกเป็นทางไปเกือบสุดขอบสระ
เจ้าแมวส่งเสียงลั่นด้วยความกลัวตอนโดนจับตัว ตามด้วยเสียงร้องโอ้ยเบาๆตามมาให้ได้ยิน ท่าจะโดนข่วนไม่น้อยแน่
ณภูริเผลอหัวเราะออกมาที่เห็นอีกฝ่ายทุลักทุเลว่ายกลับมา
ท่าทางเหนื่อยกระหืดกระหอบเช่นนั้นทำให้ความโกรธเบาบางลงบ้าง
ได้ทุลักลุเลเหมือนคนอื่นเขา คงเข้าใจความยากลำบากของปทุชนบ้างนะ
“ทำอะไรอยู่นะ” ชายหนุ่มเห็นในสระว่ายยักแย่ยักยันอยู่กับที่
“สายบัวพัน...” คามินตะโกน เขาว่ายมือเดียว อีกมือชูเจ้าแมวน้อยเหนือน้ำไว้
“อย่าให้พันขานะ” ร่างเล็กยืนริมสระอย่างกระวนกระวาน อย่าจมน้ำนะ ไม่เช่นนั้นก็เป็นความผิดเขาสิ
ในสระผลุบๆโผล่ๆอยู่นานกว่าจะหลุดจากดงบัว กระเสือกกระสนมาถึงขอบสระจนได้
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
“เฮ่อ....เอ้า!” คามินโซเซขึ้นมายื่นเจ้าแมวสีขาวมอมแมมใส่มือ กว่าจะหลุดจากดงสายบัวเขาต้องเสียผ้าพันเอวไปด้วย
“เมี๊ยวววว” เจ้าแมวตัวเล็กผอมจนเห็นซี่โครง แต่ก็มีดวงตากลมโตน่ารักแล้วเสียงก็ออดอ้อนเรียกร้องความสนใจ
ณภูมิยิ้มกว้างดีใจทีได้มันมา
“ขอบคุณ”
“เจ้าชอบก็ดี.. เหวอออ...” ชายหนุ่มยิ้มกว้างไม่ทันไร ก็สะดุ้งสุดตัวกางเกงเปียกชุ่มน้ำร่นลงมากองที่หัวเข่า
เขาตาลีตาเหลือกรีบดึงขึ้นอย่างเดิม ขณะที่ณภูริแทบโดดหนีออกห่าง ต่างคนต่างอายหน้าร้อนผ่าวไปหมด
“มะ..มะมะไม่มีอะไร ผ้าพันเอวมันหลุดหายไปในสระน่ะก็เลย.....ก็เลย.......”
ขายหน้าประชาชี คามินคอตก คุณชายอย่างเขาไม่เคยอับอายขายหน้าอย่างนี้เลย
หึหึ....ณภูริกลั้นเสียงหัวเราะไว้ พลางรีบเดินหนี
“เดี๋ยว เจ้าหัวเราะเยาะข้ารึ”
“ฮะฮะ...ข้าเปล่านะ”
“หยุดเดี๋ยวนะห้ามหัวเราะ ห้ามเจ้าบอกใครเด็ดขาด ไม่งั้น...” คามินชี้นิ้วคาดโทษ
“ไม่งั้น....อะไรล่ะ ท่านคามิน... รีบไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวจะเหม็น ฮ่าฮ่าฮ่า..”
ณภูริหัวเราะชอบอกชอบใจใส่ ก่อนขึ้นเรือนอย่างมีความสุข พอกลับเข้าห้องแล้วถึงนึกได้
เขาหัวเราะชอบใจในเรือนหลังนี้นะ?? เจ้าคนเอาแต่ใจทำให้เขาหัวเราะจนได้
(ติดตามตอนต่อไป)
