มาอัพก่อนปิดระบบ Maintenance 555555บทที่ 32 คนข้างล่าง ภาพที่เด็กหนุ่มเห็นอยู่ตรงหน้า มันทำให้เขาได้คิดทบทวนอะไรต่างๆที่เกิดขึ้นและสิ่งที่กำลังจะเกิดต่อไปในอนาคต อาทิตย์ที่นั่งกินอาหารดีๆ จัดในจานอย่างสวยงาม อาหารแปลกๆที่เขาเองเคยเห็นแต่ในทีวีหรือเพียงแค่เดินผ่านหน้าร้านก็เท่านั้น รสชาติ อาหารแต่ละอย่างก็อร่อยจนแทบจะหยุดกินเสียไม่ได้ แต่ในเวลานี้เขาเองไม่ค่อยจะรู้สึกอยากกินมันเท่าไรนัก
ถ้าเทียบกับร้านข้างทางแบบเขาล่ะก็มันคงเทียบกันไม่ได้เลย ทั้งรูปร่างหน้าตาของร้าน ทั้งการตกแต่ง บรรยากาศรอบๆ อาหารที่ได้ก็คงจะมีค่าไม่ถึงหนึ่งในสิบของที่นี่
ทั้งๆที่ตัวเขาเองนั่งอยู่ใกล้ๆกับอาทิตย์ แต่ทำไมดูในเวลานี้ รุ่นพี่คนนี้เริ่มจะไกลออกไปทีละน้อย
เป็นเพราะพี่เขาเดินออกไป…….หรือเพราะผมเดินจากมา
หรือเพราะทั้งสองอย่างรวมกัน
เวลาล่วงไปเยอะพอควร เขากล่าวขอบคุณแก่เจ้ามือที่เลี้ยงอาหารให้กับพี่ซัน และตัวแถมอย่างเขาด้วย คุณธนาดูใจดี เขามักจะยิ้มให้ตลอดโดยไม่ได้มีทีท่ารังเกียจหรือไม่พอใจแต่อย่างไร นั่นทำให้เขาท้อใจยิ่งขึ้น เด็กหนุ่มลองเดินเฉียดเข้าไปใกล้ๆ ความสูงของเขาอยู่เพียงแค่ระดับใบหูของคุณธนา ผิวหนังที่เนียนเรียบช่างแตกต่างจากเจ้าเด็กหนุ่มราวฟ้ากับดิน เสื้อผ้าแบรนด์เนมที่สวมใส่ยิ่งขับให้คุณธนาดูดีมากยึ่งขึ้น ผิดกับเขา
หัวใจติดดิน ใส่กางเกงยืนเก่าๆ ใส่เสื้อตัวละ99 (199 ยังแพงไปเลย)
แอร์เย็นๆกระทบกับผิวหนัง ชวนให้ง่วงนอน เบอะรถนุ่มๆนั่งสบายก้น หลังเอนพิงได้ตามสบาย รถเก๋งคันใหญ่วิ่งออกไปตามถนน กลิ่นน้ำหอมลอยมาแตะจมูกชวนให้เคลิ้ม คนสองคนข้างหน้าคุยกันไปมา ปล่อยให้เด็กหนุ่มที่อยู่เบาะหลังนั่นอยู่เงียบๆ เขานั่งเอนตัวลง มันแสนจะสบายเสียจริงๆ เมื่อต้องเทียบกับ การยืนบนรถไฟฟ้า หรือรถเมล์ ไหนจะต้องต่อวินมอเตอร์ไซด์อีก เมื่อยขา อากาศก็ร้อน ไหนจะช้าอีก
ทำไมมันช่างแตกต่างกันขนาดนี้
“ขอบคุณครับ” เด็กธันกล่าวขอบคุณผู้มาส่ง เขาเดินกลับหลังเข้าสู่ที่พักเล็กๆของตน ชายหนุ่มถอนหายใจในความคับแคบของมัน แม้ธันจะอยู่เพียงลำพังแต่ก็รู้สึกได้ว่าห้องหับที่อาศัยแห่งนี้ คับแคบเอาเรื่องอยู่ทีเดียว คงจะไม่เหมือนคอนโด ไม่สิ อาจจะเป็นบ้านสักหลังเลยก็เป็นได้ มีห้องน้ำ มีห้องอาหาร มีห้องนอน แยกกันอย่างชัดเจนเป็นสัดส่วน
เด็กหนุ่มวางกระเป๋าลงบนเตียง เปิดบานหน้าต่างออกไปมองดูท้องฟ้าที่มากกว่าครึ่งถูกบดบังด้วยตึกสูงที่อยู่รายรอบ
นั่งปลดปล่อยความคิด ไปกับลมกับฟ้า
ให้ใจที่มันอ่อนไหว จากความรัก ได้พักผ่อนคลายเสียบ้าง
จะได้ไตร่ตรองดูให้ดี สิ่งที่อยู่ในใจคั่งค้าง
ฉันควรทำอย่างไร กับรักที่ไม่มีทาง
“น้องทอนเงินเกินค่ะ” หญิงสาวรุ่นป้า ยื่นเศษเงินที่เกินกลับมาให้ ธันกล่าวขอโทษให้กับลูกค้า วันนี้เขารู้สึกสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไร คงเป็นเพราะเมื่อคืนที่ผ่านมาเขาเองไม่ได้นอนเลย และต้องมาทำงานแต่เช้า ยังดีที่ได้กาแฟเข้มๆหน้าปากซอย มันพอช่วยให้ร่างกายพอไหวได้บ้าง
แต่เรื่องใจยังคงลอยไปกังวลถึงเรื่องพี่ซัน
“แกไหวไหม” เพื่อนร่วมงานถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร” เด็กหนุ่มตอบ พร้อมกับเชิญลูกค้าคนต่อไปให้วางของเพื่อคิดเงิน
“แกไปพักก่อนดีกว่า พี่สนคะ เดี๋ยวหนูกับ ธันไปพักกินข้าวแป๊บ นะคะพี่” เพื่อนร่วมงานเห็นสบจังหวะลูกค้าน้อยดึงเจ้าธันออกไปหลังร้าน โดยไม่ฟังคำค้านของเด็กหนุ่ม
“แกมีเรื่องอะไรบอกมาดีกว่า เผื่อฉันจะช่วยได้”
“ก็ไม่มีอะไร”
ทั้งสองเถียงกันไปมาจนสุดท้ายเด็กหนุ่มก็ต้องยอมเล่าเรื่องที่เกิดให้เธอฟังจนได้
“ถ้ามันต่างกันแบบนี้ จะให้ทำยังไงล่ะ” นั่นคือคำถามที่เด็กหนุ่มเองก็มีคำตอบอยู่แล้ว เพียงแต่ในส่วนลึกเขาเองไม่อยากจะยอมรับคำตอบนั้นเท่าไร
“หะหะ……อืม ตอบยากเนอะ แต่ถ้าเป็นฉันนะ ฉันจะยอมให้เขาไปกับคนที่พร้อม เพราะเขาคงจะมีความสุขกว่าอยู่กับฉันน่ะ” เพื่อนสาวเองให้คำตอบพร้อมกับให้กำลังใจเด็กหนุ่ม เธอเองก็พอจะเข้าใจ เพราะเธอเองก็แอบชอบผู้จัดการร้านอยูเหมือนกัน
แต่ก็นั่นล่ะ ระดับมันต่างกันจนเกินไป
อยากรู้ว่าจะมีใครไหม ที่มีความรักแล้วต้องเก็บเอาไว้
และเมื่อได้พบทีไร ถึงแม้ดีใจ ก็ต้องฝืนทำตัวเหินห่าง
ทั้งที่หัวใจอยากบอก แต่ก็ดูเหมือนมีอะไรมาขวาง
จะต้องทำอย่างไร กับรักที่(ไม่มีหนทาง/ทรมาน)
ตกเย็นธันเองดูแย่แบบสุดๆ เขาทั้งล้าจากการอดนอนและทำงานมาทั้งวัน บวกกับจิตใจที่อ่อนแรง ถึงกระนั้นยังมีงานที่ต้องทำอีกครึ่งคืนให้เสร็จ นับว่ายังโชคดีที่วันนี้เป็นวันธรรมดางานไม่หนักมาก ช่วงเวลาก่อนร้านเปิด เด็กหนุ่มได้โอกาสขอแอบงีบสักพักเพื่อให้มีแรงกลับคืนมาบ้าง ธันขออนุญาติจากเจ้าของร้านเป็นที่เรียบร้อย จัดแจงฟุบลงกับลังโซดาที่กองสูงหลังร้าน รู้ตัวอีกทีก็เกินเวลาไปมากแล้ว
“พี่ไม่ปลุกผมอะ” เจ้าธันบ่นใส่เจ้าของร้านที่นั่งนับเงินอยู่
“เอาเหอะ คนไม่เยอะวันนี้ก็ดูแย่ด้วยไปทำอะไรมา” เจ้าของร้านถามอย่างเป็นห่วง แต่เด็กหนุ่มเลี่ยงที่จะตอบ เดินไปจัดแจงเตรียมของ ทำเอาเจ้าของร้านรุ่นใหญ่มองตามอย่างอดเป็นห่วงเสียไม่ได้
“เอาเบียร์มาโปรนึง”
น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากข้างหลัง ทำเอาหัวใจเด็กหนุ่มเต้นแรงขึ้นมา เขารีบหันหน้าไปพบ เพียงแต่ยังตีสีหน้าเรียบเฉยไว้ เด็กหนุ่มจัดแจงวางเบีย์ลงบนโต๊ะแล้วรีบหลบมาหลังร้าน เขาไม่อาจทนตีหน้าซื่อต่อไปได้อีก หากเพียงเห็นสายตาเศร้าที่มองมานั้นมันทำเขาใจอ่อน
“แกมาทำอะไรแถวนี้ ไปหน้าร้านนู่นไป” เจ้าของร้านที่กำลังปลีกตัวมาสูบบุหรี่เห็นเจ้าธันเดินไปมาอยู่หลังร้านก็ไล่ให้กลับเข้าไปทำงาน แน่นอนเด็กหนุ่มต้องกลับไปแกล้งแสดงอีกครั้ง เขาพยายามที่จะไม่มอง พยายามที่จะไม่รับฟังอะไร แต่ก็ดูเหมือนลูกตาของเขาจะไม่ยอมทำตาม
“เดี๋ยวสิธัน”
“พี่กลับไปเถอะ”
“เดี๋ยว พี่ขอโทษ”
“เรื่องอะไรครับ พี่ไม่ผิดอะไรสักหน่อย”
เด็กหนุ่มก้มหน้าก้มตาพูดไปแล้วเลี่ยงออกมา เขารู้สึกผิดที่ทำให้รุ่นพี่ต้องมาขอโทษเขา ทั้งๆที่เรื่องเมื่อคืนเป็นตัวธันเองเสียอีกที่เริ่มหาเรื่องก่อน
เพียงแค่น้อยใจ เป็นแค่คนข้างล่าง คงไม่อาจกล้าเทียบ คนที่อยู่สูงๆกับเขาได้ ยิ่งได้เห็นแววตาที่พี่ซันมองคุณธนา ยิ่งตอกย้ำให้เขาต้องยอมรับความจริง
ถึงพี่ซันจะบอกว่าไม่ได้มีอะไรกันแล้ว
แต่แววตามันก็บอกได้ว่าเยื่อใยที่ทั้งคู่มีให้กันนั้นยังเชื่อมโยงกันอย่างบางเบา
ไม่มีอะไรที่สู้ได้เลยสักนิด
พี่ซันไปแล้ว ไปกินเบียร์ที่ร้านอื่นต่อ แต่น้ำตาที่คลออยู่นั้นทำเด็กหนุ่มรู้สึกแย่ เขาไม่มีสมาธิกับงานจนทำแก้วแตกไปสองใบ
“ธัน ไหวไหม” เจ้าของร้านรีบเข้ามาดู
“ครับ ผมขอโทษ”
“มา นั่งตรงนี้ก่อนสิ” เจ้าของร้านลากเด็กหนุ่มมายังหลังร้าน เขาอัดควันบุหรี่เข้าปอดเต็มที่แล้วพ่นออกมา
“ลองไหม”
เจ้าธันลังเล ก่อนจะส่ายหน้าในที่สุด
“ดีแล้ว ไหนมีเรื่องอะไรบอกมาซิ……เรื่องเจ้าอาทิตย์หรือเปล่า” เจ้าของร้านเจาะเข้าประเด็นทันที เขาเองก็พอจะสนิทกับพวกของอาทิตย์และปักษธรบ้าง และพอจะรู้ว่าไอ้เด็กพนักงานของเขานั้นคิดยังไงกับลูกค้าคนสวย
แม้จะรักเธอเท่าไหร่ ฉันก็ต้องคอยบังคับใจฉันให้เหินห่าง
ทั้งที่ใจตัวเอง อยากระบายให้เธอรู้บ้าง
และเธอสูงเกินจะใฝ่ เธอคงจะไม่สนใจในคนข้างล่าง
ที่เขาเฝ้ามองอยู่ ถึงแม้ไม่มีความหวัง
“ไม่ลองสู้ดูก่อนก็ถอดใจแล้วหรือไง ฮึ” เจ้าของร้านตบหัวเจ้าธันฉาดใหญ่ จนเจ้าตัวต้องลูบหัวป้อยๆ
“เรื่องแบบนี้มันไม่เกี่ยวกับ บนหรือล่าง มันขึ้นกับแก กับเขา”
“แต่”
“พี่เขาก็ตามมาง้อแล้ว ยังจะทำเฉยอีก ตอนนี้คงไปเมาที่อื่นแล้วแน่ ดีไม่ดีเมาหลับคาโต๊ะอีก ไม่มีใครช่วยพากลับนะ” เจ้าของร้านร่ายยาว
“จริงด้วย ใครจะแบกพี่กลับ” เจ้าธันคิดได้ดังนั้นก็รีบวิ่งออกไป ทิ้งให้เจ้าของร้านยืนยิ้มอยู่เพียงลำพัง เขาหยิบเอากระเป๋าเงินมาเปิดดูรูปคู่ของเขากับหญิงสาวคนหนึ่งในนั้น หญิงสาวผู้เพียบพร้อมไปทั้งการศึกษา เงินทอง และชื่อเสียง
“สู้เขานะไอ้ธัน เราเอาใจช่วย” ชายหนุ่มบรรจงลูบปัดเอาคราบฝุ่นออกจากรูปใบนั้น ปล่อยใจให้ลอยไปหาหญิงคนนั้น คนที่ร่วมต่อสู้ผ่าฟันด้วยกันจนมีวันนี้
เด็กหนุ่มวิ่งออกไปหน้าร้าน เดินออกไปยังถนนใหญ่ เพียงแต่ยังไม่ทันที่จะได้กดโทรศัพท์ออกไปถาม เสียงกรีดร้องก็ดังมาจากด้านข้าง เขาหันไปมองดูเห็นกลุ่มคนยืนรอบๆ คงจะเกิดเหตุอะไรขึ้น
“พี่!” เด็กหนุ่มอยู่หน้าห้องฉุกเฉินนานเท่าไรไม่ทราบได้ เพียงแต่เวลานี้ใบหน้าเขามีแต่น้ำตาและริ้วรอยแห่งความเสียใจที่แสดงออกมา พยาบาลสาวพยายามที่จะเชิญชวนให้ธันนั่งพัก กาแฟแก้วเล็กถูกยื่นให้แต่เด็กหนุ่มไม่สามารถจะกลืนอะไรลงท้องได้ในตอนนี้ เขาเดินวนไปมาอยู่หน้าประตูกระจกฝ้านั้นครั้งแล้วครั้งเล่า
การเอกซ์เรย์ผ่านไปได้ด้วยดี ไม่มีส่วนผิดปกติของสมองให้เห็น กระดูกสันหลังก็ปกติดี เพียงแค่มีกระดูกแขนร้าวเพียงเล็กน้อย กับบากแผลถลอกและฟกช้ำตามตัวอีกจำนวนหนึ่ง
แต่ที่น่าเป็นห่วงคืออาทิตย์ยังไม่ได้สติยังนอนหลับอยู่อย่างนั้น ทำให้แพทย์ต้องให้ดูอาการต่อในห้องโดยมีพยาบาลดูแล เด็กหนุ่มค่อยเบาใจที่แพทย์รับรองว่าไม่เป็นอะไรมาก เขานั่งอยู่ข้างๆเตียงและจับมือของรุ่นพี่ไว้มั่น
มีเพียงคำขอโทษและคำอ้อนวอน ขอให้รุ่นพี่อันเป็นที่รักหายดี กลับมาร่าเริงเหมือนเดิมโดยไว
“ธัน” ปักษธรเขย่าตัวเด็กหนุ่มที่เผลอฟุบหลับอยู่ข้างเตียงคนไข้ เขาและหัวหน้าตกใจมากที่อยู่ๆเจ้าธันก็โทรไปบอกว่าอาทิตย์ตกบันได นับว่าโชคดีที่คืนนั้นพวกเขาออกมานอนบริเวณที่มีสัญญาณโทรศัพท์
“ธัน กลับไปอาบน้ำอาบท่าก่อนไหม” ปักษธรบอก อย่างนึกสงสารเจ้าเด็กธันที่ดูมอมแมมบวกกับสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ถ้าได้อาบน้ำสักหน่อยคงทำให้พอสดชื่นได้บ้าง
“แต่พี่ซัน”
“มันยังไม่ตื่นหรอก หมอให้ยาแก้ปวดไปแล้วคงอีกสักพักใหญ่ๆ”
“แต่”
“เชื่อพี่สิ นังอาทิตย์มันคงไม่ชอบใจเท่าไรแน่ถ้าเห็นแกสภาพนี้”
“ครับ งั้นผมฝากพี่ธรดูแลด้วยนะครับเดี๋ยวผมจะรีบมา” เจ้าธันยกมือไหว้ลา แล้วรีบเดินออกไป
“เดี๋ยวธัน นายไปส่งน้องสิ” ปักษธรสั่งคนตัวใหญ่ให้ไปส่ง
“ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้”
“น่าธัน จะได้เร็วๆไง ไปสิ”
แน่นอนว่าท่านหัวหน้าตัวใหญ่ยอมทำตามคำสั่งนั้นทันที
เจ้าธันรีบอาบน้ำแต่งตัว โทรไปขอโทษพี่ที่ทำงานอีกครั้งที่ต้องลางาน ถึงแม้ปักษธรจะรับสายและลางานให้แล้วในตอนที่เขาหลับอยู่ แต่ก็อยากจะขอโทษด้วยตัวเองอีกครั้ง และไม่ลืมที่จะลางานตอนกลางคืนด้วยเช่นกัน
กว่าทุกอย่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปสิบโมงแล้ว เด็กหนุ่มรีบขึ้นรถของสุริยันที่จอดรออยู่ด้านหน้า
“ขอโทษนะครับที่ช้า”
“เห้ย ไม่เป็นไรคิดมากน่า”
“เดี๋ยวช่วยจอดตรงตลาดหน่อยได้ไหมครับ เดี๋ยวผมแวะซื้อน้ำส้มให้พี่เขา”
น้ำส้มเย็นฉ่ำอยู่ในถุงพลาสติก เด็กหนุ่มรีบเดินขึ้นไปยังห้องเมื่อปักษธรโทรมาบอกว่าอาทิตย์ตื่นแล้ว เขากดลิฟรัวเมื่อเห็นว่า ลิฟมันช้าจนเกินกว่าจะรอไหว
“เดี๋ยวผมเดินขึ้นบันไดนะครับ” เด็กหนุ่มตัดสินใจ บอกสุริยันและเดินอย่างเร็วไปที่บันได ปล่อยให้ท่านหัวหน้าอมยิ้มอย่างมีความสุข
เด็กหนุ่มยืนอยู่หน้าห้องพิเศษที่อาทิตย์ย้ายมา เขาอ่านชื่อที่ติดอยู่หน้าห้องอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ มือขวาถือถุงน้ำส้มเจ้าอร่อยแน่น ในใจคิดตีกันเสียให้วุ่นวาย
พี่เขาจะสบายดีไหม จะปวดไหม แล้วจะดีใจไหมที่เจอ เขาจะโกรธไหม แล้วจะชอบน้ำส้มที่ซื้อมาหรือไม่
เด็กหนุ่มรวบรวมความกล้าค่อยๆเปิดประตูเข้าไป ได้ยินเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะ พี่ซันนอนอยู่ตรงเตียงนั้น ด้านตรงข้ามก็มีปักษธร ยืนอยู่
แต่ชายคนที่ยืนหันหลังให้เขานี่สิ
“อ้าวธัน มาแล้วหรอ” ปักษธรทักเมื่อเห็นเด็กหนุ่มเดินเข้าไป
เจ้าธันมองไปยังคนที่นอนอยู่บนเตียงสลับกับชายที่ยืนข้างๆ คุณธนานั่นเอง เขามาเยี่ยม อีกทั้งหัวเตียงยังมีช่อดอกไม้เล็กๆสีสวยเสียบไว้ตรงแจกัน และกล่องรังนกอีกหนึ่งกล่อง
เด็กหนุ่มทำได้เพียง เลื่อนมือของเขาไขว้ไปที่หลัง เพื่อซ่อนขวดน้ำส้มราคาถูกไว้ พร้อมกับพูดออกมาว่า
“เอ่อ ผมลืมของ ขอตัวก่อนนะครับ”และเธอสูงเกินจะใฝ่ เธอคงจะไม่สนใจในคนข้างล่าง
ที่เขาเฝ้ามองอยู่ ถึงแม้ไม่มีความหวัง
ก็ได้แค่มองดู เพราะเขาทำได้เท่านั้น