(เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT  (อ่าน 313806 ครั้ง)

lanlan

  • บุคคลทั่วไป
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ








ผมมีนิยายเรื่องนึงอยากให้เพื่อนๆและพี่ๆๆอ่านที่นี่ครับและผมก็ได้ขออนุญาตพี่เอ้เจ้าของเรื่องเรียบร้อยแล้วคับ
เรื่องเป็นเรื่องที่สนุกมากเลยครับ ผมชอบมากๆๆเลยขอให้พี่ๆเพื่อนได้สนุกกับอ่านกันนะครับ
ขอบคุณพี่เอ้มากๆเลยครับที่อนุยาดให้เอามาลง

เครดิต :  COMMERCIAL COLLEGE STUDENT @ Palm-plaza

1 INTRODUCTION
การมีความจำที่ดี ถ้าเราได้ใช้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ มันก็จะดีกับตัวเรา แต่เคยได้ยินมั๊ยครับ กับคำว่า “อยากลืมกลับจำ” และเรื่องที่เราอยากลืมมักจะจำได้แม่นกว่าเรื่องที่อยากจำเสียอีก

ผมก็เป็นอีกคนที่มีความจำดีเยี่ยม และผมก็รู้จักใช้ในเรื่องที่ถูกที่ควร อาทิเช่นเรื่องการเรียน แต่มีอยู่เรื่องนึง…อย่างที่บอก อยากลืมกลับจำ แม้แต่ในฝันมันยังตามมาหลอกหลอนผมอยู่บ่อย ๆ และเรื่องนี้ก็ทำให้ผมแทบเสียความมั่นใจกับพรสวรรค์ เอ๊ะ…หรือจะเป็นเพราะตอนเด็ก ๆ พ่อแม่ผมให้กินของดี ๆ ก็เลยทำให้ผมมีความจำที่ดีได้ขนาดนี้ แต่คนเราก็พลาดกันได้ใช่มั๊ยครับ และผมก็คนนึงที่พลาด…พลาดเพราะความที่ไม่ค่อยใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ผมจึงมีเรื่องที่ทำให้ผมจำมาจนทุกวันนี้ จริง ๆ แล้วมันก็มีทั้งเรื่องดี และเรื่องไม่ดีนั่นแหละครับ มันเป็นเรื่องที่สร้างความอับอายให้ผมอย่างมากที่สุดก็ว่าได้ แต่สุดท้ายแล้วความอับอายที่เกิดขึ้นนั้นก็ดันกลายเป็นเรื่องของความรักแทน….ลองอ่านกันดูนะครับ…..

ก่อนอื่นผมต้องขอแนะนำตัวนิดนึงนะครับ ผมชื่อเอ้ เพิ่งจบมหาวิทยาลัยเมื่อต้นปีนี้เอง ตอนนี้ทำงานแล้ว แต่เป็นงานอะไร ที่ไหน ตอนหลัง ๆ ค่อยบอกนะครับ เรื่องที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ มันเป็นเรื่องจริงของผมที่ค่อนข้างจะแตกต่างจากนักเขียนในบอร์ดนี้หลายคน….อย่างแรกเลยก็คือ ผมเป็นคนที่มีสองบุคลิกในคนเดียวกัน เป็นเด็กผู้ชายที่เรียบร้อยมากถึงมากที่สุดเวลาอยู่บ้าน ตื่นเช้ามืดไปตลาดซื้อของทำกับข้าวเตรียมใส่บาตรกับแม่ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ดูเป็นเหมือนลูกสาวมากกว่าลูกชาย พ่อกับแม่ก็ไม่ว่าอะไรท่านกลับชอบซะอีกที่ผมเรียบร้อย ไม่เหมือนน้องชายทั้งสองของผมที่ซน ทะโมนตามธรรมชาติของเด็กผู้ชายทั่วไป แต่…ถ้าผมได้ก้าวขาออกจากบ้านเมื่อไหร่ผมจะเป็นอีกคนหนึ่ง ซึ่งแตกต่างกับ “น้องเอ้” ที่แม่ผมมักจะเรียกผมอย่างนั้นเสมอ แตกต่างกันยังไงน่ะเหรอ ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพอย่างน่ารักก็คือ เหมือนผีเสื้อที่ถูกปล่อยให้ออกมาจากโถแก้ว แล้วบินแรด ๆ ไปผสมพันธุ์จนได้ดักแด้ตัวน้อย ตัวเองก็ตายไป ส่วนเจ้าหนอนดักแด้ตัวนั้นก็ถูกจับลงโถแก้วใบเดิม…รอเวลาที่จะกลายเป็นผีเสื้อตัวสวยอีก เหมือนเดิมเป็นวัฎจักรชีวิต แต่ผมไม่ได้ไปผสมพันธุ์กับใครนะครับ…แค่ออกไปแรดเฉย ๆ เวลาผมอยู่บ้านจะเป็นคุณหนูพูดเพราะ พูดด้วยเสียงเบา ๆ เหมือนกลัวดอกพิกุลจะร่วง สะอาดเรียบร้อย ดูเป็นเด็กขี้อาย แต่ถ้าผมอยู่นอกบ้านน่ะ หึ หึ เป็นคนละเรื่องกันเลย…ผมได้รับฉายาจากเพื่อน ๆ ว่า ”ลูกสาวกำนัน” เพราะเพื่อนผมทุกคนจะรู้ว่าผมถูกเลี้ยงในแบบ CONSERVATIVE ทำให้เก็บกดมาก ต้องออกมาระบายข้างนอก แต่ผมไม่ได้วี๊ดว้ายกระตู้วู้นะครับ เพราะผมกลัวคนรู้จักฟ้องที่บ้าน ผมก็แค่ก๋ากั่น โผงผาง พูดคำด่าคำ (จริง ๆ แล้วน้องชายทั้งสองของผมก็รู้นะครับว่าเวลาผมอยู่นอกบ้านผมเป็นยังไง แต่พวกมันไม่กล้าบอกพ่อกับแม่หรอกครับ มันกลัวผมกระทืบ !) จากน้องเอ้ที่คุณแม่เรียกจะกลายเป็น ไอ้เอ้ อีเอ้ หรือ อีดอกเอ้ สำหรับเพื่อนชะนีที่สนิทกัน และ ไอ้สัตว์เอ้ สำหรับเพื่อนผู้ชายในห้องที่มีอยู่น้อยมาก จากคุณหนูพูดเพราะ ก็กลายเป็นคนที่มีปากเป็นอาวุธที่ร้ายกาจไม่มีใครกล้าแหยม จากเด็กท่าทางเรียบร้อยดูอ่อนต่อโลก ก็จะกลายเป็นคนที่ดูเหมือนจะกินผู้ชายมาแล้วเจ็ดทวีปทั่วโลก สะอาดสะอ้าน โอเคครับ…เรื่องความสะอาดยกให้เพราะผมก็รักสะอาด แต่เครื่องแบบนักเรียนผมนะคุณ ตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่มีอะไรถูกระเบียบซักอย่าง โชคดีที่พ่อแม่ไม่ค่อยรู้เรื่องเครื่องแบบผมนัก (เพราะผมไปสั่งตัดและซัก-รีดเอง) จากเด็กที่ดูขี้อาย ก็กลายเป็นคนตลกโปกฮา สัปดน (จริง ๆ น่ะ มีไม่กี่สาเหตุหรอกครับที่ทำให้ผมอายได้) เพราะความที่ผมไม่ค่อยอาย ทำให้ผมเป็นหัวโจกในห้อง เป็นผู้นำให้กิจกรรมหลาย ๆ อย่าง เช่น เรื่องออกไปรายงานหน้าห้อง เป็นเหมือนหน้าที่หลักของผม จนอาจารย์ห้ามไม่ให้ผมออกไปรายงานเพราะกลัวว่าคนอื่น ๆ จะไม่เข้าใจเรื่องรายงาน ซึ่งมันก็จริงของอาจารย์นะครับ เพราะเพื่อนในกลุ่มมีหน้าที่ผลัดกันพิมพ์อย่างเดียว เรื่องหาข้อมูลเป็นเรื่องของผม มันอ้างว่าผมเป็นคนรายงานก็ต้องรู้เรื่องมากกว่าคนอื่น จริงของพวกมันครับผมต้องเตรียมตัวก่อนออกไปรายงานหน้าห้องทุกครั้ง และด้วยเหตุนี้เองก็ทำให้คะแนนผมดีจนติด TOP 5 ในห้อง ถ้าไม่ติดว่ามัวแต่ไปแรด ๆ อาจจะเป็น TOP 3 ก็ได้
*
*
*
อย่างที่สองผมเป็นเด็กพาณิชย์ครับ และผมก็ภูมิใจในความเป็นเด็กพาณิชย์ของผมมาก เพราะผมสอบเข้าได้เป็นหนึ่งในพันกว่าคนของนักเรียนที่สมัครสอบเข้าในปีนั้น (สมัครประมาณห้าพันคน รับแค่พันกว่าคนและได้เรียนในรอบเช้าด้วย) ผมเรียนที่วิทยาลัยพณิชยการที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ นี่แหละครับ ที่ผมบอกว่าเรื่องของผมอาจจะต่างกับคนอื่นก็เพราะ คุณจะได้รู้เรื่องราวของเด็กพาณิชย์บ้าง หลังจากที่อ่านเรื่องของด็กมัธยม หรือเด็กมหา’ลัยมาหลายเรื่องก่อนหน้านี้ และเหตุการณ์ทั้งหลายต่อไปนี้เกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้วเป็นส่วนใหญ่
LOVE STORY ของผมเกิดขึ้นตอนอยู่ ปวช. 2 หรือเทียบได้กับ ม. 5 ของเด็กมัธยม อ้าว…แล้วชีวิตตอนปี 1 ของผมไปไหนอ่ะ…ก็มันไม่มีอะไรมากนี่นา แต่เล่าดีกว่าเพราะมันจะได้โยงไปถึงเพื่อน ๆ ที่คบกันอยู่จนทุกวันนี้
*
*
*

วันแรกที่เปิดเทอม ผมตื่นเต้นมาก เพราะนี่เป็นครั้งแรกของผมที่ได้ไปเรียนไกลบ้านขึ้นอีกนิด แถมยังได้ไป-กลับเองด้วย วันนี้แม่ขับรถไปส่งผม (เค้ากลัวผมหลงทาง…ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ผมก็มาลงทะเบียน ปฐมนิเทศแล้วนะครับ) แต่ขากลับได้ขึ้นรถเมล์กลับเองด้วย…ผมแอบดีใจอยู่ลึก ๆ อย่างที่บอกน่ะครับว่าผมถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู มีคนไปรับไปส่งตั้งแต่อนุบาลจนถึงมัธยมต้น แม้ผมจะแอบพ่อกับแม่ขึ้นรถเมล์ และข้ามถนนคนเดียวโดยไม่มีคนจูงมือบ่อย ๆ ก็เถอะ วันนี้จะเป็นวันที่ผมได้ทำแบบนั้นโดยไม่ต้องแอบอีกต่อไปแล้ว

“กลับบ้านดี ๆ นะลูก เวลาข้างถนนต้องข้ามตอนที่มีคนเยอะ ๆ มองด้านขวาก่อนนะแล้วค่อยมองซ้าย…ดูซ้ายดูขวาดี ๆ ถ้าข้ามไม่ได้ก็เดินไปหาตำรวจตรงป้อมโน่น แล้วขอให้เค้าพาข้ามนะ ถ้าไม่รีบก็รอขึ้นรถปอ. นะลูกมันมีประตูจะได้ปลอดภัย ขึ้นลงรถต้องรอให้รถจอดให้สนิทนะลูก ถ้าลงไม่ถูกก็บอกกระเป๋ารถเค้า ก่อนลงดูมอไซค์ด้วยเผื่อมันแซงซ้ายขึ้นมา ถ้าหนูกลับไม่ได้ก็โทรไปเรียกพี่นุชมารับนะแม่บอกเค้าแล้ว และ…..ฯลฯ….” แม่พูดอย่างเป็นห่วงก่อนที่ผมจะลงจากรถ

“ครับ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เอ้ไปเรียนก่อนนะครับ สวัสดีครับ“ ผมได้แต่รับคำแม่ จริง ๆ แล้วยังมีอีกเยอะนะครับกับคำพูดด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใยในทุกครั้งที่แม่เจียดเวลาไปส่งผมตอนเช้า ซึ่งก็ไม่บ่อยนัก แต่แม่พูดเหมือนอัดเทปมาพูดทุกครั้งจนผมกลัวเทปยืด นึก ๆ แล้วก็ขำนะครับ แม่ทำเหมือนกับผมเป็นเด็ก ป.5 ป.6 แต่ก็ต้องขอขอบพระคุณคุณแม่มาก ๆ เพราะ สิ่งที่แม่พร่ำสอนเหล่านี้ทำให้ผมกลายเป็นคนที่ไม่ประมาทจนเป็นนิสัย

วันนี้ทั้งวันก็ไม่มีอะไรมาก อาจารย์ให้แนะนำตัว พูดเรื่องการให้คะแนนนิดหน่อย แล้วก็ให้พวกนักเรียนนั่งล่นนั่งคุยกันตามประสา ผมได้เพื่อนที่คิดว่าเข้าขากันได้ดีทั้งหมด 5 คน ซึ่งแต่ละคนก็สุดยอดกันทั้งนั้น เป็นผู้หญิงทั้งหมด เพราะทั้งห้องผู้ชายมีแค่ 9 คน รวมผมด้วยนะครับ

…..อ๋า…..คนนี้ฮามาก ชีจะชื่ออ๋าได้แค่วันเดียวเพราะต่อไปพวกเราพร้อมใจกันเรียกหล่อนว่า “อีเอ๋อ” อ๋าเป็นผู้หญิงที่ตลกที่สุดที่ผมเคยรู้จัก ขนาดชีเล่าเรื่องตอนที่พ่อชีตาย มันยังสามารถเล่าให้พวกเราขำได้

…..นัท…..เราสองคนถูกเลี้ยงดูมาเหมือนกันมาก แต่ครอบครัวชีจะแรงกว่า เนื่องจากมีคุณพ่อเป็นข้าราชการระดับสูง ส่วนคุณแม่เป็นอาจารย์ฝ่ายปกครอง เวลาอยู่บ้านหล่อนจะเรียบร้อยมาก แต่ถ้าอยู่นอกบ้าน…สุดยอด แรดได้ใจดีจริง ๆ ชีจะมีถุงกระดาษใส่ชุดนักเรียนที่ผิดระเบียบมาเปลี่ยนที่โรงเรียนทุกวัน และชุดที่เอามาเปลี่ยนนั้นมันอลังการกว่าทุกคน เพราะชีขโมยมาจากห้องที่แม่ชีใช้เก็บเสื้อผ้าที่ริบจากนักเรียนในโรงเรียนที่เค้าสอนอยู่

…..ตาล…..เด็กใจแตกประจำกลุ่ม เรื่องเลว ๆ ชีลองมาหมดแล้ว แต่มันเป็นคนที่นิสัยดีมาก มีน้ำใจ รักเพื่อน และที่สำคัญไม่เคยชวนเพื่อนให้ทำตามที่มันเคยทำ แถมยังชอบสอนพวกเราซะอีก มันบอกว่ามันอาบน้ำร้อนมาก่อน พูดเหมือนมันแก่กว่าเราซักสิบปี

…..แจน…..สาวหวานซ่อนเปรี้ยว เป็นคนที่สวยที่สุดในกลุ่ม เชี่ยวชาญเรื่องผู้ชายมาก แต่ที่น่าเหลือเชื่อคือ ชียังซิง หล่อนจะเป็น LOVE CONSULTANT ให้กับเพื่อน ๆ ทุกคน และผมก็ได้ข้อคิดดี ๆ ในเรื่องผู้ชายจากแจนนี่แหละ

…..ตูน…..อีนี่ห้าวมาก มองเผิน ๆ เหมือนทอม แต่เรื่องผู้ชายไม่เป็นรองใคร ชีเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลของวิทยาลัย มือหนักมาก ไม่กลัวใคร เพราะพวกเยอะ แรงดี เป็นพวกบ้าพลัง ผมไม่เคยเห็นมันเหนื่อยเลย

หลังจากพักเที่ยง ตอนบ่าย ๆ ก็มีเสียงประกาศจากลำโพงให้เด็กปีหนึ่งทุกคน ทั้งรอบเช้าและรอบบ่ายเข้าห้องประชุม พวกเราก็เข้าไปอย่างไม่รู้อิโหน่อีเหน่ ผมนั่ง…นั่งกับพื้นนะครับ โรงเรียนรัฐบาลก็อย่างเนี่ยแหละ…ไม่มีงบ มารู้ตอนหลังว่ามีหอประชุมอีกตึกนึงที่มีเก้าอี้(พลาสติก) พวกเราฟังอาจารย์หลายต่อหลายท่านพูดอะไรก็ไม่รู้ซ้ำไปซ้ำมาเกี่ยวกับกฎระเบียบ ข้อห้ามที่เยอะมากจนน่าเบื่อ ซึ่งผมรู้หลังจากอยู่ที่นั่นไม่ถึงเทอมว่า…กฎของที่นี่มีไว้ให้แหก…

“เอาล่ะ…นี่ก็เสียเวลามานานแล้ว…ยืนขึ้นทีละแถว เริ่มจากห้อง 1/1 ก่อน” เสียงจอกแจกจอแจก็ดังขึ้นหลังอาจารย์สั่งให้ยืน

“เงียบ…ยังไม่ได้ปล่อยให้กลับ…วันนี้ครูจะตรวจเครื่องแบบซักหน่อย…จะได้หมายหัวไว้ว่าคนไหนต้องดูแลเป็นพิเศษ” อาจารย์หัวหน้าฝ่ายปกครองพูดพร้อมมองกวาดสายตาลอดแว่นหนา ๆ อันนั้น เสียงฮือฮายิ่งดังขึ้นกว่าเดิม เมื่ออาจารย์หัวหน้าฝ่ายปกครองพูดจบแล้วเดินลงจากเวทีเดินดูนักเรียนทีละคนพร้อมอาจารย์ที่ปรึกษาของแต่ละห้อง ลืมบอกไปว่าอาจารย์ที่ปรึกษาของห้องผมก็เป็นหนึ่งในอาจารย์ฝ่ายปกครองและสอนวิชาภาษาอังกฤษที่ต้องเจอกันทุกวันด้วย

เวลาผ่านไปไม่นานอาจารย์คนนั้นก็เดินมาถึงห้องผม ผมกระสับกระส่ายอยากจะหนีออกไปจากห้องประชุมนี่จริง ๆ เพราะอย่างที่บอกอ่ะครับ ตั้งแต่หัวจรดเท้าผิดระเบียบหมด คนที่เริ่ดที่สุดต้องเป็นอีนัท…มันขออนุญาตอาจารย์ไปเข้าห้องน้ำ ใช่…มันไปเข้าห้องน้ำ แต่มันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่ถูกระเบียบอย่างแรงแถมยังถักเปียด้วยตัวเอง กลับมาอีกทีเพื่อน ๆ ทั้งห้องปล่อยก๊ากกับชุดและหัวมัน รวมทั้งหน้าที่โล้นไม่มีร่องรอยของดินสอเขียนคิ้ว และลิปสติกเหมือนเมื่อตะกี้นี้เลย

“อีเอ้…มึงโดนแน่” มันพูดพร้อมทำหน้าเชิด ๆ

“อีห่า…คนหรือลิงวะ…ไวชิบหาย วันหลังกูจะเอาชุดมึงไปซ่อน” ผมแกล้งขู่มัน

“เฮ้ย…อย่านะมึง กูกลับบ้านไม่ได้เชียวนะโว้ย” มันรีบพูดสีหน้าวิตก

“เออ…กูพูดเล่น” ผมต้องรีบหุบปากเพราะอาจารย์ใกล้จะมาถึงแล้ว

“นี่เธอแต่งตัวอะไรของเธอเนี่ย ขึ้นไปข้างบนเลย” อาจารย์หมายถึงบนเวทีครับ ผมก็เดินขึ้นไปอย่างเสียไม่ได้ ทันทีที่ผมก้าวขึ้นเวทีก็มีเสียงกรี๊ดกร๊าดของบรรดาชะนี และกะเทยแรง ๆ ที่อยู่รอบบ่าย พวกเค้าคงคิดว่าผมเป็นแมนเต็มตัวมั้งครับ มันก็น่ากรี๊ดอยู่หรอก ผู้ชายตัวสูง ๆ ผมรากไทรแสกกลาง ตาโต คิ้วเข้ม จมูกโด่งเด้ง หน้าหวาน ผิวสองสี ใส่เสื้อผ้าดิบ กางเกงทรงกระบอกขาบานนิดนึง กระเป๋ากางเกงเป็นแบบเฉียง กระเป๋าหลังเป็นแบบปะมีลาย ตรงด้านข้างประมาณหัวเข่ามีช่องไว้ให้เสียบปากกา เด็ดสุด…กางเกงผมไม่มีซิปนะครับ เป็นกระดุมเหล็ก 6 เม็ด หูเข็มขัดเป็นแบบไขว้ เข็มขัดของโดมอน ถุงเท้าสีดำก็จริงแต่เป็นแบบมีลายในเนื้อผ้า รองเท้าหัวโต มองไกล ๆ ถ้าไม่เห็นว่าปักชื่อโรงเรียนคนต้องคิดว่าผมเรียนช่างกลแน่ ๆ

“เธอก็ขึ้นไปข้างบนด้วย” อาจารย์บอกอีนัท ซึ่งตอนนี้มันทำหน้าแบบงง ๆ “ให้กูขึ้นไปทำไมเนี่ย” ผมเห็นมันขมุบขมิบปากบ่น

ในที่สุดอาจารย์ก็ตรวจเครื่องแบบทุกคนเสร็จเล่นเอาผมยืนเมื่อยไปเลย บนเวทีมีนักเรียนรอบเช้าอยู่แค่ 9 ส่วนรอบบ่ายนั้นเกือบ 20 คนได้ อาจารย์ไล่เรียงความผิดของทุกคนโดยเว้นผมไว้ก่อน ส่วนอีนัทน่ะเหรอ อาจารย์เรียกมันขึ้นมาชมว่าแต่ตัวเรียบร้อยที่สุด มันยิ้มหน้าบานแถมยังหันมายักคิ้วให้ผมอีก

“เราน่ะ…มานี่…มายืนตรงนี้” ถึงตาผมแล้ว อาจารย์เรียกผมให้มายืนกลางเวที และเสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นอีก

“นี่…นี่…น้อย ๆ หน่อย เห็นคนหล่อ ๆ เป็นไม่ได้…เด็กผู้หญิงสมัยนี้…ชื่ออะไรหาเราน่ะ” อาจารย์ยื่นไมค์มาจ่อที่ปากผม

“ขอบคุณที่ชมนะครับ…ผมชื่อ XXXXX ครับ” เสียงกรี๊ดดังกว่าเก่าอีก

“นี่…นี่…นี่…เงียบ ไม่ใช่เรื่องดีเลยนะ…ที่ให้ขึ้นมาเนี่ย…ทุกคนดูไว้…ทั้งตัวไม่มีส่วนไหนที่ถูกระเบียบเลย แต่งตัวอย่างนี้ออกมาจากบ้านได้ยังไงหา ไม่กลัวโดนตีกบาลเหรอ เราเป็นเด็กพาณิชย์นะ ไม่ใช่เด็กช่าง มองข้างหลังไม่รู้เลย เดี๋ยวก็โดนตีหัวแบะหรอก” ผมได้ยินทั้งเสียงหัวเราะ…ทั้งเสียงพวกผู้ชายโห่ดังลั่นเลยครับ แต่…ไม่อายครับ ผมยังแอบอมยิ้มเลย

“ยังจะมาทำหน้าระรื่นอีก…ไอ้พวกบนเวทีนี่เดี๋ยวตามครูไปห้องปกครองทุกคนเลย ส่วนเธอ” อาจารย์ชี้มาที่ผม “เลิกเรียนแล้วไปตัดผม ตัดเล็บซะ พรุ่งนี้เช้ามารายงานตัวกับครูด้วย…พวกข้างล่างลุกขึ้นแล้วแยกย้ายกันไปได้…ไม่ต้องแย่งกัน…ไปทีละแถว”

วันนั้นผมโดนตัดคะแนนความประพฤติไป 5 คะแนน (ถ้าผมโดนรวม 20 คะแนนเมื่อไหร่ต้องโดนเชิญผู้ปกครอง อันนี้รับไม่ได้จริง ๆ ) ยัง…ยังไม่พอนะครับ ผมโดนยึดกางเกงอีก โดยให้ใส่ “ผ้าถุง” เป็นผ้าถุงสีแดงโคตร ซึ่งจริง ๆ แล้วผู้ชายต้องใส่เป็นกางเกงขาก๊วยสีแดงเช่นกัน แต่ไอ้พวกรอบบ่ายมันเอาไปใส่หมดแล้ว ไม่เป็นไร ผมก็ใส่เดินเชิด ๆ พอออกมาจากห้องปกครองเดินกลับห้องเรียนทันที สายตาทุกคู่ก็มองมาที่ผม ไม่อายอีกครับ น่ารักดีออก เหมือนพวกนักศึกษาบ้านใกล้เรือนเคียงของประเทศเราจะตาย

นับว่าเป็นการแจ้งเกิดอย่างเป็นทางการในวันแรก ทุกคนเริ่มรู้จักผม และต่อมาผมก็กลายเป็นหนึ่งในคนที่ทุกคนในวิทยาลัยต้องรู้จัก อ้อ…ลืมบอกว่าผมใส่ผ้าถุงผืนนั้นแค่ไม่กี่ชั่วโมงเองนะครับ พอตอนเย็นผมก็ไปเอากางเกงคืน และยังต้องเอาผ้าถุงไปซักให้อาจารย์อีก กลับถึงบ้าน…ผมก็ไปตัดผม ตัดเล็บที่ร้านเจ้าประจำของผม ซึ่งลูกพี่ลูกน้องผมแนะนำมา สมัยนั้นนักเรียนชายส่วนมากจะตัดที่ร้านบาร์เบอร์ หรือ ซาลอนสำหรับผู้หญิงน่ะครับ ส่วนผมมีที่ปรึกษาที่ดีหน่อย ก็เลยได้ตัดผมในร้านที่ดี ๆ (คล้าย ๆ กับแฮร์สตูดิโอในสมัยนี้อ่ะครับ) ไม่ใช่แค่รองทรงธรรมดา แต่พี่ช่างแกเล่นซอยซะอลังการ ผมก็ได้ทรงผมใหม่ที่ดูเรียบร้อย แต่ยังแอบมีจอนนิด ๆ ไว้รากไทรบาง ๆ ขอผิดระเบียบอีกหน่อยละกัน
*
*
*

การเรียนในปีแรกของผมผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมแทบไม่มีเวลานอนเลย ตะลอนไปทั่ว …โรงเรียนเข้าเจ็ดโมงเช้า บางวันก็เลิกบ่ายสองครึ่ง บางวันก็บ่ายสามครึ่ง แต่กว่าจะถึงบ้านก็สามสี่ทุ่มทุกวัน ตีห้าก็ต้องตื่นอีกแล้ว ชีวิตช่วงนั้นเหนื่อยแต่สนุกมาก พ่อแม่เริ่มปล่อยผมบ้างแล้ว เพราะท่านคงเบื่อที่จะพูดเตือนผม แล้วผมจะตอบว่าผมโตแล้ว ดูแลตัวเองได้แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง….ตอนนั้นผมเริ่มทำงาน PART TIME ในวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ SUPERMARKET แห่งหนึ่งพ่อกับแม่ผมก็ไม่อยากให้ทำนักหรอกนะครับ…เค้าอยากให้ผมตั้งใจเรียนมากกว่า แต่ผมยังดื้อทำงานอยู่ แม้แต่ตอนปิดเทอมกลางภาคผมก็ทำงานแบบ FULL TIME ตำแหน่ง CASHIER (เป็นงานที่มีประโยชน์กับผมมากในอนาคตต่อไป เพราะผมต้องเรียนเครื่องใช้สำนักงานและเครื่องคิดเลขแบบอันใหญ่ ๆ ในปีต่อมา และปัจจุบันนี้ ผมก็ยังต้องใช้เครื่องพวกนี้ในงานของผมด้วย) แรก ๆ ผมก็ไม่อยากทำหรอกครับ มีความรู้สึกขี้เกียจ กลัวเหนื่อยด้วย คนเคยอยู่บ้านสบาย ๆ ไม่ต้องทำงานก็มีเงินกินเที่ยว แต่อันนี้เป็นความภูมิใจของเด็กพาณิชย์ครับ สมัยนั้นทุกคนต้องทำงาน มันเป็นเหมือน FASHION ถ้าใครไม่ทำก็ไม่รู้จะคุยกับเพื่อนยังไง ผมไม่อยากทำตัวเป็นแกะดำอะครับ อีกอย่างที่วิทยาลัยก็สนับสนุนเรื่องนี้ เพราะเราเรียนทางด้านสายอาชีพ เราควรต้องมีประสบการณ์ทำงาน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นงานเล็ก ๆ แต่อย่าลืมนะครับว่าทุกที่จะสอนเรื่องการเข้าสังคม การอยู่ร่วมกัน การทำงานร่วมกับผู้อื่น ซึ่งในห้องเรียนไม่มีสอน (LEARNING BY DOING) เพื่อน ๆ ในห้องก็ทำงานกันทุกคน พอเปิดเทอมหรือเช้าวันจันทร์ก็จะมาเม้าธ์เรื่องงานกันสนุกสนาน หลายคนได้แฟนที่ทำงานบ้าง เป็นลูกค้ามาจีบบ้าง ส่วนผมก็มีบ้างแต่ไม่ได้จริงจังอะไร เพราะมัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน และสนุกกับการหาเงินเที่ยวกับเพื่อน ๆ เรียกได้ว่าผมเดินห้างมาแล้วทุกห้างในกรุงเทพฯ ส่วนห้างที่ใกล้วิทยาลัยที่สุดก็ไปบ่อย…ไปเกือบทุกวันหลังเลิกเรียน จนจะได้ผัวเป็นรปภ.ห้างซะแล้ว


---------------TBC------------------------

แค่นี้ก่อนเน้อเด๋วพุ่งนี้เอามาลงให้ใหม่ สนุกกับการอ่านนะครับ
ขอบคุณพี่เอ้อีกครั้งครับผม o14 o15




Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-01-2008 16:23:13 โดย º★*.๑۩۞۩๑..*ღ• »

NewcoolstaR

  • บุคคลทั่วไป
 :m19: :m19:  คนแรก....ต้อนรับ....เรื่องใหม่....... :m11: :m4:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
อ่อ เรื่องนี้สนุก เปงอีกเรื่องนึงที่ชอบบมาก เชียร์ๆๆ  :m18:









ปล. จิ้มตูดปี้แสบมาติดๆ คนเท่ฉอง  :m27:

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :impress:

ผมก็เด็กพาณิชย์คับ อ่านแล้วนึกถึงจิง ๆ

แต่โรงเรียนที่บอกมา เหมือนจะที่เดียวกันนะ

รออ่านต่อไปครับ  บวกหนึ่งให้แล้วด้วย

 o15

jammy

  • บุคคลทั่วไป
สนุกดีครับรอตอนต่อไป +1ให้คนลงครับอิๆ :a9:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
อ่าวมีคนเอามาลงซะล่ะ
 :a9: :a9: :a9:

ดีจางเลย สู้ๆครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-08-2007 20:33:04 โดย b|ueBoYhUb »

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
ว้าว หนุ่มพานิชย์ รออ่านต่อจ้า  :m11:

kei_kakura

  • บุคคลทั่วไป
 :m3: :m3: :m3: :m3:

สนุกจ้า  รออ่านต่อน๊า   :a1:

stayingpower

  • บุคคลทั่วไป
เฟิร์มว่าเรื่องนี้สนุกคับ ชอบแม็ก(หรือชื่ออื่นหว่า) แต่ยังไม่เคยอ่านจนจบเลยคับ
เพราะว่ามันนานจัด 5555 ไม่ไหวจะคอย :m26:

ออฟไลน์ ~ScAreD:SAcreD~

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1811
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-2
ขำตาเรย์ กะจะเอามาลงซะหน่อย โดนแซงเลย    :m20:

เรื่องนี้หนุกดีครับ ชอบๆ ให้กำลังใจคนโพสน๊า :m4:  :m4:  :m4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
น่าสนุกดีนคับ มาต่ออีก

anston

  • บุคคลทั่วไป
 :impress:แล้วมาต่ออีกนะครับ..ชอบเรื่องเล่าแบบนี้อ่ะ.. :m18:

min_min

  • บุคคลทั่วไป
ชอบเหมือนกันคับป๋ม   มาเป็นกำลังใจให้
และรอตอนต่อไปคับ 


 :m18: :m18: :m18: :m18:

lanlan

  • บุคคลทั่วไป
2 LIFE GOES ON
…..ขึ้นปีสองแล้วครับ ตอนนี้ผมต้องแยกกับเพื่อนในห้องบางส่วน ทางวิทยาลัยให้พวกเราเลือกสาขา และภาษาที่สองที่จะเรียนกันต่อไป พวกผมเลือกการตลาด และภาษาจีน เป็นการเลือกทางเดินใหม่ของชีวิต ที่สำคัญผมตัดสินใจเองและผมก็เลือกไม่ผิดซะด้วย นี่เป็นการขัดคำสั่งของพ่อ-แม่ครั้งยิ่งใหญ่ เพราะพวกท่านอยากให้ผมเรียนบัญชี แลภาษาฝรั่งเศส

“เอ้…หนูต้องเลือกเรียนบัญชีนะลูก” แม่พูดกลางโต๊ะอาหารเย็น ก่อนลงทะเบียนแค่วันเดียว และครอบครัวผมก็อยู่พร้อมหน้ากันด้วย

“อืม…เรียนจบแล้วต่อการเงิน อีกสี่ปี…พอจบมหา’ลัยพ่อจะฝากหนูกับเพื่อนพ่อให้ทำงานธนาคาร งานสบาย ๆ หนูจะได้ไม่เหนื่อย แล้วภาษาน่ะ เลือกภาษาฝรั่งเศสนะลูกคนเรียนน้อยดี ภาษาจีนพวกลูกคนจีนที่พูดเป็นตั้งแต่เกิดมีตั้งเยอะแยะ หนูสู้เค้าไม่ได้หรอก” พ่อพูดเสริมอีก ผมเริ่มทานข้าวไม่อร่อยซะแล้ว

“แต่เอ้อยากเรียนการตลาด กับภาษาจีนอ่ะครับ เนี่ยเพื่อน ๆ ก็เลือกแบบนี้กันหมด” ผมพูดเสียงอ่อย ๆ

“จะเรียนตามเพื่อนทำไม หัดคิดอะไรด้วยตัวเองซะมั่งสิ” พ่อพูดเสียงแข็ง

“ก็เอ้บอกแล้วไงครับว่าเอ้อยากเรียนตลาด กับจีน เอ้ไม่ได้บอกว่าเอ้จะเรียนตามเพื่อนนะครับ เพื่อนเอ้หลากคนก็เรียนสาขาอื่น…เอ้โตแล้วนะพ่อ” ผมเสียงแข็งบ้าง

“พูดกับพ่อเค้าดี ๆ สิลูก” แม่พยายามไกล่เกลี่ย น้อง ๆ เริ่มค่อย ๆ ลุกทีละคน

“งั้นคุณพ่อฟังนะครับ” ผมหันกลับมาพูดกับพ่อต่อ “การตลาดสามารถเรียนแล้วไปต่อกับสาขาอะไรก็ได้ เพราะวิชามันครอบคลุมไปหมด ทั้งการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การโรงแรม การจัดการ แต่ถ้าเรียนบัญชี วัน ๆ เอ้ต้องนั่งยุ่งกับเงินชาวบ้านอยู่บนโต๊ะ โอเคครับงานสบาย ได้นั่งในห้องแอร์ทั้งวัน แต่ชีวิตเอ้คงต้องเป็นลูกจ้างเค้าตลอดชีวิตนะครับ การตลาดสอนให้เอ้คิดมากกว่าให้จำอย่างบัญชีนะครับ” ตอนนั้นผมเถียงอย่างคนที่เรียนการบัญชีเบื้องต้น กับหลักการขายมาตอนปีหนึ่ง ทำให้ผมรู้ความแตกต่างแบบผิวเผิน (แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าคนที่จบบัญชีมาก็สามารถทำงานได้หลากหลาย และยังเป็นเจ้าของกิจการได้ดีซะด้วย เพราะควบคุมเงินตัวเองไงครับ)

“แล้วภาษาจีนอีก เอ้ทำงานในประเทศไทยนะครับ คุณพ่อลองมองออกไปข้างนอกสิครับว่ามีคนฝรั่งเศสให้เอ้คุยด้วยมั๊ย มีแต่อาแปะ อาม่า ถ้าเอ้ได้เรียนภาษาจีนเอ้คงได้มีคนช่วยสอนอีกทาง…เดี๋ยวนี้คนฝรั่งเศสก็พูดภาษาอังกฤษนะครับถ้าเค้าต้องออกมาทำงานต่างบ้านต่างเมือง” ผมมองตาพ่อด้วยสายตาเอาจริงเอาจังพูดปนหอบ เสียงสั่น ๆ ด้วย มันเหมือนได้ปลดปล่อยอะไรที่มันอัดอั้นมานาน

“แต่แกต้องเรียนตามที่พ่อสั่ง” พ่อพูดห้วน ๆ แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้หันหลังจะเดินออกไป

“พ่อสั่งให้เอ้เรียนได้ แต่สั่งให้เอ้เรียนจบไม่ได้นะครับ…” พ่อชะงัก ”…เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เอ้จะเลือกเรียนตามใจพ่อ แต่เวลาเรียนเอ้จะเรียนตามใจเอ้ ถ้าอะไรเกิดขึ้นต่อไปมันจะไม่ใช่ความผิดของเอ้คนเดียว…พ่อจำไว้นะครับว่าพ่อก็มีส่วนเลือกทางเดินนี้ให้เอ้” ผมขู่คุณพ่อ เพราะรู้ว่าพ่อกลัวลูกเรียนไม่จบที่สุด ไม่ใช่กลัวลูกไม่มีอนาคตนะครับ แต่เพราะอายคนอื่นมากกว่า…ได้ผลครับ พ่อหันมามองผมช้า ๆ แล้วหันกลับผมเสียวสันหลังวูบ….ตอนนี้ทั้งบ้านเงียบจนได้ยินแต่เสียงแอร์ครางเบา ๆ

“เออ…อยากเรียนอะไร…ทำอะไรก็ตามใจ ปีกกล้าขาแข็งแล้วนี่ เค้าถึงได้ว่าเลี้ยงลูกน่ะเลี้ยงได้แต่ตัว…..ฯลฯ….” พ่อกระแทกเสียงพูดทั้ง ๆ ที่ยังหันหลังให้ผม และเดินบ่นขึ้นข้างบนไปผมหันหน้าไปมองแม่ แม่ส่ายหน้าเบา ๆ แต่ผมแอบเห็นสายตาที่มองมาเหมือนกับบอกว่าผมโตแล้วจริง ๆ ด้วยที่กล้าเถียงพ่อ ไม่มีแววตาของการตำหนิสักนิด

สรุปแล้วผมก็ได้เรียนการตลาดและภาษาจีนอย่างที่ตั้งใจ พ่อก็เพิ่งทำใจได้…เริ่มคุยกับผมหลังจากลงทะเบียนเป็นเดือน และพ่อก็มีความสุขไปกับผมด้วยเมื่อผมบอกว่าเรียนการตลาดสนุกขนาดไหน ยิ่งตอนที่ต้องทำกิจกรรมต่าง ๆ ของชมรมพ่อยิ่งชอบ ทำไมเหรอครับ เพราะลูกสาวเพื่อนพ่อเข้ามาเรียนเป็นรุ่นน้องที่เดียวกับผม และกลับไปเล่าให้พ่อเค้าฟังว่าตอนอยู่วิทยาลัยผมเป็นยังไง แรก ๆ ผมก็อึดอัดแทบบ้าที่ต้องมีคนรู้จักเรียนอยู่ที่เดียวกัน แต่น้องเค้าน่ารักมากที่เข้าใจผม และเล่าแต่เรื่องดี ๆ ของผมให้พ่อฟัง ส่วนพ่อผมน่ะเหรอ ได้ยินเพื่อนและลูกสาวเพื่อนชมลูกตัวเองก็ยิ้มหน้าบานเลยครับ นี่ถึงขนาดยุให้ผมจีบน้องเค้าเป็นแฟนเลย พวกเราสองคนได้ยินก็ขำกันจะตาย ก็น้องเค้ารู้เห็นตลอดน่ะซิครับว่าตอนอยู่วิทยาลัยผมเก(ย์)เรขนาดไหน
*
*
*

“เฮ้ยวันนี้ไปเล่นไอซ์กัน” อ๋าชวนตอนเช้าในร้านข้าวมันไก่ที่เราต้องนัดเจอกันทุกวันก่อนเข้าวิทยาลัย

“ที่ไหนวะ” อีตาลตาลุก เรื่องโดดเรียนนี่มันชอบ

“รามดีกว่า…ถูกดี” อ๋าตอบ “ไปป่าวพวกมึงอ่ะ”

“โห…แต่ไอซ์ที่รามมันเปิดตั้งเที่ยงนะโวย…นี่มันแค่เจ็ดโมงเอง” ผมแย้งเพราะไม่อยากไป ก็เล่นไม่เป็นนี่ครับ เคยแต่เดินผ่านเฉย ๆ เวลาไปเดอะมอลล์ราม

“ไม่เห็นเป็นไรเลย…มึงก็รู้…กว่าจะผ่านแต่ละแยก รถติดตายห่า เผลอ ๆ ไปถึงโน่นก็เกือบเที่ยง” อีตูนรีบเสริม อีนี่มันชอบเล่นกีฬา อะไรที่มันเหนื่อย ๆ อีนี่เอาหมด

“ช่าย…ไปเถอะ” อีนัทหอยสั่นอยากจะไปทันที

“เดี๋ยวสิอีนี่ …กูยังแดกไม่เสร็จเลย” อีแจนรีบยัดข้าวเข้าปากแบบไม่ห่วงสวยเลย…
*
*
*

ในที่สุดผมก็ต้องจำใจไปครับ เรื่องโดดเรียนของกลุ่มผมเป็นเรื่องปกติไปซะแล้ว เรามีข้ออ้างเสมอ อีกอย่างอาจารย์ก็ไม่ค่อยเช็คชื่อด้วย แต่ที่อุบาศว์ที่สุดคือวิชาภาษาจีน เหล่าซือ (อาจารย์) จะเช็คชื่อก่อนสอนทุกครั้ง แต่ก็ไม่มีปัญหาครับ เพราะท่านอายุมากแล้วเป็นอาจารย์พิเศษ พอเช็คชื่อเสร็จเหล่าซือก็ตั้งหน้าตั้งตาสอน แบบแกสายตาสั้นมั้งครับก็เลยต้องอ่านหนังสือใกล้ ๆ พอแกก้มพวกผมก็ค่อย ๆ คลานออกมาทางหลังห้องทีละคน หลัง ๆ แกรู้สึกว่าทำไมนักเรียนน้อยกว่าปกติ พอใกล้ ๆ จะหมดคาบแกก็เช็คชื่ออีก แต่ก็นั่นแหละ แกมองไม่ค่อยเห็นก็เลยต้องก้มหน้าอ่านชื่อ พวกผมก็ขานไปว่า “มาครับ, มาค่ะ” แต่จริง ๆ แล้วแค่เปลี่ยนเสียงนิดหน่อยเหล่าซือก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง…อีเจ้าของชื่อตัวจริงไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ …ทุกวันนี้ยังรู้สึกบาปอยู่เลย

วันนั้นเรารอรถ ปอ. 126 อยู่สักพัก และตามคาด…รถติดสุดยอด…ลองนึกนะครับสมัยที่กำลังทำทางรถไฟฟ้าอยู่ รถก็แน่น พวกเราคุยกันจนไม่มีเรื่องจะคุยกันแล้ว กว่าจะผ่านแยกโหด ๆ ทั้งหลาย ไปถึงรามก็ประมาณเกือบ ๆ สิบโมง มีเวลาเหลืออีกตั้งสองชั่วโมงกว่าไอซ์จะเปิด พวกผมเดินไปเดินมาแถวหน้าราม เช้าขนาดนั้นก็ไม่ค่อยมีอะไรขายหรอกครับ…11 โมงกว่าเดอะมอลล์รามก็เปิด พวกผมก็เข้าไปเดินหาอะไรกินนิดหน่อย สักพักพวกเราก็ตัดสินใจไปนั่งรอหน้าไอซ์ก็มันเมื่อยนี่ครับ ไหนจะต้องโหนรถแถมยังต้องเดินเล่นฆ่าเวลาอีก

ถึงผมจะเดินห้างมาก็มาก…แต่ก็แค่เดินเล่น ไม่ได้ดูอะไรเป็นเรื่องเป็นราว พอได้นั่งหน้าไอซ์ก็สงสัยว่าแถวนั้นมันมีอะไรบ้าง…ต่อมเสือกของผมก็ทำงานพาขาทั้งสองข้างเดินเข้าไปดู…อ๋อ รู้แล้ว…ตรงข้ามไอซ์จะเป็นโบวล์ลิ่ง แล้วก็มีโรงหนังด้วย (สมัยนี้ถ้าจำไม่ผิดตรงนั้นเป็นเมเจอร์มั่งครับ ไม่ได้ไปนานแล้ว รถติดจะตาย)

“เฮ้ย…ไปเล่นโบวล์กันเหอะ” ผมเดินกลับมาชวนเพื่อน ๆ

“ไม่เอา… แพง…มันคิดเป็นเกมนะโว้ย” อีอ๋าเบรก

“แต่กูเห็นผู้ชายเยอะแยะเลยนะมึง” ผมจูงใจ ก็โยนโบวล์มันน่าจะง่ายกว่าเล่นไอซ์นี่ครับ

“จริงเหรอ…ไปดิ…มีหล่อ ๆ ปะวะ” อีตาลกับอีนัทลุกพรึบ

“ไม่ต้องไปหรอก…พวกมันมานี่แล้ว” อีแจนพูดเสียงรอดไรฟัน เพราะมัวแต่เก๊กสวยอยู่ ได้ผลพวกเราค่อย ๆ หันไปดูกันทีละคน…จริงของอีแจนมัน ไอ้พวกเด็กช่างที่ผมเจอในโบล์กำลังเดินมาทางกลุ่มเราแล้วครับ…ตอนนั้นมีแค่กลุ่มเราแค่หกคนหน้าไอซ์น่ะครับ

“โห…เด็กพาณิชย์เว้ย” เสียงไอ้เด็กช่างคนหนึ่งร้องบอกเพื่อน

“สวย ๆ ทุกคนเลยโว้ย…แต่กูจองคนนั้นนะ…คนที่สะพายกระเป๋าอ่ะ” เอาแล้วไง คนที่สะพายกระเป๋าก็มีผมแค่คนเดียว (แต่กูไม่ได้สาวแตกนี่หว่า ผมคิดในใจ) ตอนนี้พวกมันประมาณสิบกว่าคนมาล้อมหน้าล้อมหลังพวกผมที่นั่งเกร็งกันตัวแข็ง…ปากก็บอกไม่กลัวแต่พอเอาเข้าจริง ๆ อีพวกชะนีห้าตัวเพื่อนผมนั่งก้มหน้าก้มตาเชียว

“เฮ้ย…พวกมึงอย่าไปแกล้งเค้าดิ” ผมได้เสียงเสียงทุ้ม ๆ เสียงนึงปรามเพื่อน ๆ มัน แต่ไม่ได้เงยหน้ามองหรอกนะครับ ผมกอดกระเป๋าแน่นเลย

“เธอ ๆ ชื่ออะไรอ่ะ…น่ารักจังเลย” ตอนแรกผมไม่รู้หรอกว่าหมายถึงใคร แต่ต้องสะดุ้งเมื่อมีมือมาจับคางผมให้เงยหน้ามองมัน ผมถึงได้เห็นเต็มตาว่ามันเป็นเด็กช่างกลที่หน้าตาเถื่อน ๆ ดิบ ๆ คนหนึ่ง ตัวโย่ง ๆ และมันก็กำลังก้มหน้าลงมาใกล้ผมเข้าเรื่อย ๆ ผมเบือนหน้าหนีทันที

“ดูแม่ง…เอาคอมาให้ไซร้เลยมึง” เสียงพวกมันพูดด้วยความคะนอง

ผมเริ่มทนไม่ไหวแล้วเลยลุกขึ้นยืน…เพื่อนผมก็ลุกตาม….ท่าทางทุกคนตอนนี้กลายเป็นว่าพร้อมจะเอาเรื่องแล้ว ถึงพวกมันจะเป็นผู้ชายก็เถอะ…อีกอย่างนี่มันที่สาธารณะ ถ้าตะโกนให้คนช่วยก็น่าจะมีคนช่วยทันหรอก…ผมคิดเอาเอง

“โห…ใจเย็น ๆ ดิ ล้อเล่นครับ…เด็ก xxxxx เหรอ” พวกมันพูดถึงชื่อโรงเรียนผม

“แล้วเห็นปักอะไรอยู่ล่ะ” อีตูนตอบกวน ๆ ตอนแรกพวกเราก็ไม่รู้หรอกว่าพวกมันเป็นเด็กที่ไหน แต่พอเห็นหัวเข็มขัดพวกมันก็รู้ทันที…ไม่ใช่คนไกล โรงเรียนช่างในละแวกเดียวกับวิทยาลัยเรานี่เอง

“มาเล่นไอซ์กันเหรอครับ”

“มานั่งเล่นเฉย ๆ มั้ง” อีอ๋ากวนบ้าง

“งั้นพวกเรานั่งด้วยได้มั๊ยครับ” ไอ้คนตัวตัวสูงที่มันแกล้งผมเมื่อนะกี้ถามอีแจนที่เริ่มเชิดอีกแล้ว (คนมันสวยทำแล้วไม่น่าเกลียด)

“เชิญค่ะ…พวกเรากำลังจะไปกันพอดี” พูดจบอีแจนก็เดินนำหน้าพวกเราไปเลย

“คนอื่นไปได้แต่คนนี้ห้ามไป” สิ้นเสียงทุ้ม ๆ นั่นก็มีมือมาจับแขนผมไว้…ผมจำเสียงนี้ได้ไอ้คนที่มันห้ามเพื่อนไม่ให้แกล้งพวกผม เสียงหล่อขนาดนี้แล้วหนังหน้าล่ะ…ผมต้องหันไปดูหน้ามันทันที โห หล่อชิบหาย เมื่อกี้ไม่ได้สังเกตุ ผมหน้าร้อนผ่าวเลยครับ กลัวด้วย อายด้วย (นาน ๆ อายที)

“ปล่อย” ผมพูดพลางแกะมือมันออก แต่มันยิ่งจับแน่นขึ้นจนผมเจ็บ ผมเริ่มมองหาเพื่อนแล้วครับ อีตาลมองกลับมาพอดี มันล้วงกระเป๋าเล็ก ๆ ที่ใส่ดินสอปากกาของมัน

“เฮ้ย…ปล่อยเพื่อนกู” เสียงอีตาลที่เดินมาพร้อมมีดคัตเตอร์ (อีนี่มันพกไว้ประจำ)

“ใจเย็น ๆ สิครับ อีกห้านาทีไอซ์ก็เปิดแล้ว…ไปเล่นด้วยกันนะครับ” มันพูดเสียงอ่อนแต่ยังไม่ปล่อยผม พร้อมมองนาฬิกาข้อมือไปด้วย มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นของมีราคา

“เฮ้ยตาลเก็บมีดเหอะ…เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” นัทคู่ซี้ตาลบอกเพื่อน อีตาลสะบัดสะบิ้งนิดนึงแต่ก็เชื่อคับ…พวกเราเดินมานั่งที่เดิมแล้ว

…ส่วนผมไอ้คนนั้นมันยังเอามือมาคล้องแขนผมอยู่เลย…ยิ่งมองใกล้ ๆ ยิ่งน่ารัก ไม่เหมือนเด็กช่างเลย ตัวมันขาวเหมือนคนจีน แต่ตาสองชั้น ผิวเนียนมาก ปากบาง ๆ สีชมพูเข้มท่าทางจะสูบบุหรี่(แต่ไม่ได้กลิ่นนะครับ) ผมเส้นเล็กละเอียดปรกหน้าเล็กน้อย ฟันก็เรียงตัวกันสวยเชียว ที่สำคัญคือมันตัวหอมมาก หอมเหมือนใส่โคโลญน์ หรือน้ำหอมอะไรซักอย่าง รูปร่างหน้าตาน่าจะเรียนม. ปลายมากกว่า มันหันมายิ้มให้ผมทีนึง ในสายตามันบอกว่ามันล้อเล่น มากกว่าจะแกล้งให้เจ็บ…จากตอนแรกไอ้พวกเด็กช่างสิบกว่าคน ตอนนี้มันก็แยกย้ายกันไปครึ่งนึงแล้ว

“ไปกันเถอะ เปิดแล้ว” มันพูดพร้อมดึงมือผมขึ้นมาด้วย แต่ก็รีบปล่อย แล้วเดินขนาบอีแจน ก็แน่นอนมันสวยที่สุดในกลุ่มนี่หว่า ตอนนี้เพื่อนผมก็เดินกันเป็นคู่ ๆ กับไอ้พวกเด็กช่างนั่น ส่วนผมก็เดินห้อยท้ายอยู่คนเดียว เห็นมันหัวเราะต่อกระซิกกันแล้วผมก็มีความสุขไปด้วย (นี่ขนาดเพิ่งจะกัดกันเมื่อตะกี้นะเนี่ย)
*
*
*
------------------------------ ทู--บี--คอน--ที--นิว----------------------------------

มาต่อให้แล้วนะครับตอน 2 เด๋ววันจันมาต่อให้อีกตอน
เพราะพุ่งนี้ผมไม่ว่างอะครับสนุกกะการอ่านนะครับ
แล้วเจอกันครับ

เครดิต : COMMERCIAL COLLEGE STUDENT @ palm-plaza

jammy

  • บุคคลทั่วไป
ว้าวเจอหนุ่มหล่อคิกๆ :m13:

min_min

  • บุคคลทั่วไป
อิอิ  แล้วจาเป็นไงต่อเนี่ยคับ    รอลุ้นวันจันทร์    นู่นแหมทนรอแทบมะไหว

 :m3: :m3: :m3: :m3: :m3:

OhhO16

  • บุคคลทั่วไป
 :m3: :m3:   อิอิ  มารอครับ  เจอหนุ่มๆ เร้า จายยยยย555

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
แล้วจรอนะคับ จะเจอมั้ยหนอ คู่ของช้านนน

inimeg

  • บุคคลทั่วไป
มาให้กำลังใจเรื่องนี้

ขอบอกว่าเป้ฯอีกเรื่องที่ชอบมากๆ

แถมยังบีบใจดีอีกด้วย

บางครั้งเราเองก็ไม่ชอบในความปากแข็งของพระเอก แล้วก็ เบื่อในความงี่เง่าของนายเอก....

แต่บอกตรงๆ ว่า

มนุษย์ก็เป็นแบบนี้แล่ะครับ ไม่มีใครสมบูรณ์ไปได้หมดหรอก

อ่านแล้วรู้เลยว่า นี่คือคนจริงๆ ไม่ใช่คนที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นมาเป็นนิยาย...

ใครที่ชอบแนวๆ บีบใจ แล้วก็ การเข้าใจกันแบบไร้คำอธิบายก็ เรื่องนี้พลาดไม่ได้ครับ

ตอนจบน่ารักนะ

รวมๆ แล้วเรื่องนี้

สนุกสุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ออฟไลน์ しろやま としんや

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +921/-157
เป็นอีกเรื่องที่ประทับใจมากมาย

ขอบคุณคุณอ้สำหรับรื่องราวดีๆเรื่องนี้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






sun

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาให้ กำลังใจ คนโพส + คนแต่ง ด้วยค่ะ   :m4:
   
ทีแรกนึกว่า......  :m23: 


เรื่องนี้ เป็นอีกเรื่องที่ชอบมากๆเหมือนกัน    :m1:

kei_kakura

  • บุคคลทั่วไป
เคยอ่านเรื่องนี้มาแล้วครั้งนึง  เป็นเรื่องที่ชอบมากๆ   o13

อ่านกี่รอบก็ไม่เบื่อ   :m3: :m3:

ออฟไลน์ RN

  • Global Moderator
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1650/-14
ชอบเรื่องนี้มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

อ่านแล้วประทับใจ....

ชอบๆๆๆๆ เป้นเรื่องนึงที่ชอบ

ออฟไลน์ ~ScAreD:SAcreD~

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1811
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-2
มารอต่อคิวอ่าน วันจันทรืคับ

เรื่องนี้ อ่านแล้ว อ่านอีก ก็ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

prince_halation

  • บุคคลทั่วไป
มารอด้วยครับอะครับ...ทำไมสนุกแบบนี้อะ  :a2:

 :m13: ช่วยมาต่อด้วยนะครับ ... ขอบคุณนะคร๊าบบบบ  :m13:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
มารออ่านต่อจ้า วันจันทร์แล้วนะ  :m3:  :m3:

lanlan

  • บุคคลทั่วไป
3 FEELING STRANGE
“เฮ้ย…อีเอ้ลงมาสิมึง” อีตูนตะโกนเรียกผมที่เปลี่ยนรองเท้าเรียบร้อยแล้วแต่ยังนั่งจ๋องอยู่

“มึงเล่นไปก่อนเหอะ…เดี๋ยวกูตามไป”

“เออ…ตามใจ…เร็ว ๆ นะโว้ย” พอมันพูดจบก็ถลาลงไปวิ่งบนลานน้ำแข็ง ส่วนผมก็ค่อย ๆ เดินกระย่องกระแย่งไปนั่งอีกที่ พยายามทำตัวให้คุ้นเคยกับรองเท้าสเก็ตคู่นี้ แต่มันไม่ได้ผลเลยครับ…ตาผมก็มองดูเพื่อน ๆ ทุกคนวิ่งเล่นกันสนุกสนาน โดยเฉพาะอีแจนที่มีผู้ชายหน้าตาดีสองคนล้อมหน้าล้อมหลังอยู่

“เอ๊ะ…อีแจนมันเล่นไอซ์ไม่เป็นเหรอวะ” ผมถามตัวเอง เห็นมันให้ไอ้คนตัวสูงจับแขนไว้ข้างนึงส่วนอีกข้างก็ให้ไอ้หน้าหล่อจับไว้เช่นกัน ผมคงมองมันมากไปนิดพวกมันคงรู้สึกตัว ไอ้หล่อหันมายักคิ้วให้แล้วเดินแยกมาทางผม ผมก็ทำเป็นก้มผูกเชือกรองเท้าใหม่ทั้ง ๆ ที่มันก็แน่นดีอยู่แล้ว

“มานี่…ผูกให้” มันก้มลงผูกเชือกรองเท้าให้ผมครับ ผมชักเท้าหนีทันที

“เอามานี่…จะได้ลงไปเล่นกัน” มันดึงไปผูกต่อครับ

“ไม่อยากเล่นอ่ะ” ผมพูดเบา ๆ

“ไม่อยากเล่นหรือ…..เล่นไม่เป็นกันแน่” มันพูดขำ ๆ

“เออ…เล่นไม่เป็น…ทำไมเหรอ” ผมทั้งโกรธทั้งอาย (มันทำให้ผมอายได้เป็นครั้งที่สอง)

“ก็ไม่มีอะไร…เดี๋ยวสอนให้…ชื่ออะไรน้า” มันทำท่านึก…”เอ้ใช่มั๊ย…เราชื่อวุธนะ”

“เออ…ยินดีที่ได้รู้จัก ไปสอนแจนเถอะ เดี๋ยวเรานั่งรอตรงนี้ดีกว่า”

“โห…แจนน่ะเค้าเล่นเป็นแล้ว นั่นน่ะดูก็รู้ว่าแกล้งเล่นไม่เป็น ให้ไอ้นพมันสอนดีกว่า ไปเร็ว” วุธผูกเชือกให้ผมเสร็จก็เดินลิ่ว ๆ “อ้าวลืมไปว่าเล่นไม่เป็น อ่ะเกาะดี ๆ นะ” วุธเดิน
กลับมาแล้วยื่นมือให้ผมเกาะ ผมลังเล มองมือขาว ๆ นั่นแล้วมองไปรอบตัว “ไม่มีใครสนใจใครนี่หว่า” ผมคิดในใจแล้วก็จับมือวุธเดินออกไป

ทันทีที่เท้าผมเหยียบแผ่นน้ำแข็งผมก็ลื่นขาแทบจะฉีกออกจากกัน ได้ยินเสียงวุธหัวเราะเบา ๆ ก็เกิดแรงฮึด พยายามไม่เกร็ง…ก้มลงดูเท้าของวุธว่ามันเดินยังไง ระหว่างนั้นผมก็ได้ยินมันสอนและคอยดึงผมเมื่อเวลาที่ผมจะล้ม กว่าจะไปถึงตรงกลางได้แทบแย่ ตอนนี้วุธให้ผมลองยืนด้วยตัวเองไม่ต้องจับแล้ว

“เฮ้ย…เจ็บป่าว” ผมร้องถาม ก็ที่มือมันมีรอยเล็บผมอยู่หลายรอยเลย

“นิดหน่อย…ก็บอกแล้วไงว่าอย่าเกร็ง” มันเอามืออีกข้างลูบแผลเบา ๆ

“ขอโทษนะ…..เราว่าพาเรากลับดีกว่า” ผมพูดเสียงอ่อย ๆ

“อยากกลับก็กลับเองดิ” มันพูดแล้ววิ่งหนีผมไปทางกลุ่มเพื่อนมันทันที ชิบหายแล้วกู ทำไงดีวะ ผมค่อย ๆ เดินช้า ๆ พยายามไม่ให้ล้ม แล้วเพื่อน ๆ ผมก็ถลาเข้ามาผมตกใจมากเพราะมัวแต่มองเท้าตัวเองอยู่ อีอ๋ามันเฉี่ยวผมข้างนึง ส่วนอีตูนก็กำลังแถเข้ามา ผมก็หลบสิครับ แต่ปรากฎว่าผมล้มดังตึง กางเกงเปียกหมด ตอนนั้นน่ะไม่เจ็บหรอกครับ (มารู้อีกทีตอนถึงบ้านว่ามันเขียวเลย) อีพวกนั้นมันขำกันใหญ่ จะลุกก็ลุกไม่ขึ้น มือขาว ๆ ข้างนั้นก็ยื่นมาอีกแล้ว ผมเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นอีแจนยืนข้าง ๆ วุธ ผมจับมือวุธข้างนึง อีแจนก็ยื่นมือมาให้ผมจับอีกข้างนึงแล้วดึงผมขึ้นพร้อมกัน

“เอาอย่างนี้…..เดี๋ยวเราไปด้วยกันเลยดีกว่า” วุธพูดขึ้นแล้วดึงผมทำให้ผมต้องเดินแบบเร็ว ๆ ตามไป ส่วนมืออีกข้างแจนมันก็จับไว้อยู่เหมือนกัน ผมเริ่มมั่นใจว่าปลอดภัยแล้วจึงเล่นอย่างไม่เกร็ง เราวิ่งกันรอบลานโดยที่ผมอยู่ตรงกลาง มีอยู่ครั้งนึงที่วุธปล่อยมือผมเสียหลักเกือบล้ม แต่แจนมันดึงไว้ก่อน สักพักอีแจนเอามั่งปล่อยมือผมแล้วยังบอกให้วุธปล่อยด้วย มันปล่อยทันทีเลยครับ แต่คราวนี้ผมไม่ล้ม ไชโย…ในที่สุดผมก็เล่นไอซ์เป็นแล้ว

เราเล่นกันอยู่นานจนประมาณเกือบบ่ายสาม ตอนแรกก็สนุกดีหรอก แต่หลัง ชักเริ่มหนาวแฮะ เสื้อที่ผมใส่มันเป็นเสื้อผ้าดิบที่บางมาก ก็พวกเราไม่ได้เตรียมตัวจะมาเล่นไอซ์เลยนี่นา มองไปที่ทางเข้าก็เห็นพวกเด็กมอปลายเริ่มทยอยเข้ามา แต่ละคนก็มีเสื้อกันหนาวมาคนละตัว แสดงว่าเค้ามากันบ่อยเนอะ ผมคิดในใจ ผมนั่งพักเหนื่อยดูเพื่อน ๆ เล่นกันเพลิน ๆ ก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีเสียงเรียกจากข้างหลัง พร้อมมือหนา ๆ มาปิดตาผมจนมิด

“ใครวะ” ในใจผมน่ะคิดว่าเป็นวุธแน่นอน

“จำเสียงเราไม่ได้เหรอ” ชายนรินามตอบ

“จำไม่ได้” ผมส่ายหัวแรง ๆ เผื่อว่ามือมันจะหลุด

“ทายดิ” มันยังล้อเล่นไม่เลิก

“วุธ…” ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องพูดชื่อนี้ก่อน

“ใครวะวุธ…ผัวมึงเหรอ” เอ๊ะ พูดกูมึงกับเรา ใครวะผมยิ่งงง

“กูเอง” มันพูดพร้อมปล่อยมือที่ปิดตาผมออก ผมหันขวับไปมอง

“เฮ้ย…ไอ้โย…มาได้ไงวะ” ผมดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่าที่เรียนม. ต้นมาด้วยกัน

“วันนี้กูเลิกเร็วโว้ย…เป็นไงมั่ง…ไม่ได้เจอเกือบสองปี…ไหว้ครงไหว้ครูไม่ไปเลยนะมึง” มันต่อว่าผม

“ก็กูไม่ว่างนี่หว่า…เรียนด้วยทำงานด้วย”

“อย่างมึงน่ะนะ…ทำงาน…อะไรเข้าสิงวะ” ไอ้โยพูดขำ ๆ

“ก็ที่โรงเรียนกูใคร ๆ ก็ทำกันหมดแหละมึง” ผมตอบแบบยืด ๆ

“เรียนด้วยทำงานด้วย…อย่างนี้มึงจะมีเวลาหาแฟนเหรอวะ” คำถามมันทำให้ผมอึ้ง

“หาทำไม…อย่างกูน่ะเดี๋ยวก็มีคนมาหาเอง”

“เออ…ไอ้คนหน้าตาดี…” มันมองหน้าผมแบบพิจารณา “มึงเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ ไม่เรียน รด. เหรอถึงไว้ผมยาวได้เนี่ย…กูว่าถ้ามึงแต่งหน้านิด ๆ นะ มึงจะสวยมากเลยมึงรู้ป่ะ ตามึงน่ะหวานกว่าผู้หญิงอีก” มันเอามือมาจับคางผม

“ไอ้บ้า…กูยังไม่อยากโดนพ่อกระทืบ” ผมเอามือมันออก มันดันจับมือผมไว้อีก

“อะไรเนี่ย เรียนพาณิชย์ไว้เล็บได้ไง อย่างนี้จะพิมพ์ดีดถนัดเหรอ” มันเอามือผมมากุมไว้ ตอนนี้ผมก็เริ่มเขินนิด ๆ แล้ว ก็ไอ้โยน่ะดิ ตอนเด็ก ๆ ไม่เห็นแววความหล่อเลย แต่ไม่ได้เจอกันสองปี ตัวมันสูงขึ้น มีไรหนวดอ่อน ๆ ด้วย หน้ามันดูคมเข้มกว่าแต่ก่อนมากเลย ยิ่งมันใส่เครื่องแบบพละของโรงเรียนชายล้วนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แบบนี้มันยิ่งดูเทห์เป็นบ้า เอ…จะว่าไปผมกับมันก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมากนะครับ แต่ทำไมพอเจอกันวันนี้มันทำเหมือนสนิทกับผมจัง

“มากับใครวะโย” ผมถามแก้เขิน

“เพื่อนน่ะดิ…กูยังไม่มีแฟน” มันพูดยิ้ม ๆ

“กูถามแค่ว่ามากับใคร…ไอ้ห่า แล้วไหนอ่ะเพื่อนมึง”

“ซื้อของอยู่ เดี๋ยวก็ตามเข้ามา…แล้วมึงล่ะ” โยถาม

“มากับเพื่อน…นั่นไงห้าคนนั้นน่ะ” ผมหันไปมองหาเพื่อน ๆ แต่ผมต้องชะงักกับสายตาของวุธที่มองมาทางผมพอดี ผมไม่รู้หรอกว่าวุธมองมานานหรือยัง ผมหลบตาวูบ

“ไม่ช่ายยยย…มีแฟนยังมึงอ่ะ” โยจ้องหน้าผม

“ไม่มี มีไปทำไม…วุ่นวาย อยู่อย่างนี้น่ะดีแล้ว เคยได้ยินปะ มีลูกกวนตัว มีผัวกวนใจ”

“ถามจริง…แล้วคนที่ชื่อวุธล่ะ” มันเซ้าซี้

“โอ้ย…เพิ่งจะรู้จักกันไม่ถึงสามชั่วโมงเลย” ถ้าหูผมไม่ฝาด ผมได้ยินเสียงถอนหายใจของโยนะ

“แน่ใจ…..แล้วทำไมตอนโดนปิดตาถึงคิดว่าเป็นเค้าล่ะ” ผมอ้ำอึ้งอยู่สักพัก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม

“ลงไปเล่นกันเถอะ” โยมันตัดบทด้วยการชวนผมลงไปเล่น ไม่ชวนอย่างเดียวด้วย มันดึงมือผมลงไปจนถึงลานสเก็ตก็ยังไม่ยอมปล่อย

“ปล่อยได้แล้ว” ผมเตือนมัน

“ไหน…คนไหนวะวุธ” มันไม่สนใจกับคำพูดผม

“ไม่ต้องไปยุ่งกับเค้าหรอก…ไปหาเพื่อนกูดีกว่า สวย ๆ ทั้งนั้นเลยนะโว้ย เดี๋ยวติดต่อให้” ผมดึงมันไปทางกลุ่มเพื่อนผม แต่ผมแทบจะหันกลับทางเดิม ก็วุธมันแถเข้ามาอยู่กับกลุ่มเพื่อนผมแล้วสิครับ

“เฮ้ย…เอ้ ใครวะ” อีตาลตะโกนถาม

“เพื่อนเก่ากู…ตั้งแต่ม. ต้น เป็นไงหล่อปะ” ผมอวด

“สวัสดีครับ ผมโยครับ…ชื่ออะไรกันมั่งครับเนี่ย…เอ้นี่เลือกคบเพื่อนหรือเปล่าเนี่ยมีแต่คนน่ารัก ๆ ทั้งนั้นเลย” มันยังคงเป็นคนที่เข้ากับคนง่ายเหมือนเดิม

“นี่…คนนี้ชื่อตาล…แจน…นัท…ตูน…แล้วก็เอ๋อ…เอ้ยม่ายช่าย อ๋า” ผมแนะนำเพื่อนผมให้โยรู้จัก

“อ้าวแล้ว…..” มันหันไปทางกลุ่มวุธ

“อ๋อ…เพื่อนใหม่น่ะ ยังจำชื่อไม่ได้เลย” ผมรีบชิงพูดซะก่อน

“คนไหนอ่ะวุธ” เอาแล้วไง มันถามจนได้

“เราเอง…นายมีปัญหาอะไรเหรอ” วุธพูดเสียงแข็งตามสไตล์เด็กช่าง

“เปล่า…อยากรู้เฉย ๆ “ คำว่าเปล่าของมันฟังดูไม่มีอะไร แต่ท่าทางกวนตีนของมันเนี่ยดิ ผมเห็นแล้วยังอยากต่อยปากมันเลย

“จะรู้ไปทำไมวะ” ไอ้นพตัวโย่งนั่นสาระแน

“ก็เห็นเอ้เค้าพูดถึง” โห ผมหน้าชาอย่างแรง มองไปที่วุธแวบนึง แต่ก็ทันเห็นสายตาที่สงสัยของมัน

“เหรอ…เค้าพูดว่าไงล่ะ” วุธถาม

“ไม่มีอะไรหรอก” ผมตัดบท “ไปทางโน้นกันดีกว่า” ผมลากเพื่อน ๆ ไปอีกทาง


เราเล่นกันไปซักพัก เพื่อนโยก็มา โยขอตัวไปเล่นกับเพื่อนมัน ส่วนพวกผมก็เริ่มเมื่อยกันแล้ว ตกลงว่าจะกลับบ้านกันตอนนี้เลย กว่าจะถึงบ้านก็มืดพอดี เดี๋ยวต้องแวะหาอะไรกินมื้อเย็นอีก พวกวุธก็ขอกลับด้วยเพราะเป็นทางเดียวกัน มันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก อีนังชะนีทั้งหลายแอบยิ้มกันใหญ่ ไอ้โย่งที่ชื่อนพท่าทางจะชอบอีแจงจริง ๆ ซะแล้ว แต่ท่าทางอีแจงจะสนใจวุธมากกว่า ก็แหงหละหล่อเด้งที่สุดในกลุ่มนี่นา ถ้ามันสองคนเป็นแฟนกันได้คงเหมาะสมกันน่าดู ผู้หญิงก็สวย ผู้ชายก็หล่อ

“เดี๋ยว ๆ กลับกันแล้วเหรอ” เสียงไอ้โยไล่หลังมาขณะที่พวกผมกำลังจะเดินออกไป

“ค่ะ” อีอ๋าตอบเสียงหวาน

“อีเอ๋อ เค้าไม่ได้ถามมึง” อีนัทเบรก “กำลังจะกลับค่ะโย มีอะไรป่าวคะ หรือว่าจะขอเบอร์” อีนัทยัง still แรดเหมือนเดิม

“ครับ... เฮ้ย เอ้ ขอเบอร์หน่อยดิ เผื่อจะถามถึงเพื่อนเก่า” พวกเพื่อนผมกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ “แล้วเดี๋ยวผมค่อยให้เอ้เป็นแม่สื่อนะครับ…อ๋า” โยหว่านเสน่ห์ต่อ ทำเอาอีอ๋า ยืนบิดไปบิดมา พวกเรามองด้วยความหมั่นไส้ในความกระแดะของมัน ผมฉีกสมุดจดงานหน้าหลังเขียนเบอร์ให้โยมันแบบไม่คิดอะไร

“อ่ะ…” ผมยื่นเบอร์ให้มัน “ถ้าจะโทรก็…ดึก ๆ หน่อยละกัน”

“ครับผม” มันพูดยิ้ม ๆ ก่อนโบกมือให้พวกเรา

_____________TBC________________

มาแล้วครับป๋ม ขอโทดด้วยที่มาช้า
แต่เอามาลงให้แล้วอิอิเจอกันพรุ่งนี้กั๊บ
ขอบคุณพี่เอ้ครับ

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
หุหุ วุธ  รึ โย หนอ

จะเปนใครก้น่าลุ้น อยู่ดี

ฮิ้ว :a4:

ติดตามนะคับ

ออฟไลน์ ~ScAreD:SAcreD~

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1811
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-2
 :serius2: คนสวยเลือกได้

สับสนด้วยคน

 :m26: เล่นไอซ์ที่รามเนี่ย เฮ้อ ไม่อยากจะนับปีเลยจริงๆ

min_min

  • บุคคลทั่วไป
เย้ๆๆๆ    มาต่อแว้ว   ชอบเรื่องนี้อ่ะ   
มาเป็นกำลังใจให้เอ้ นะคับ   
ขอบคุณนะคับที่เอาเรื่องดีๆมาโพสให้
รออ่านตอนต่อไปคับ 


 :m11: :m11: :m11: :m11:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด