[ท า ง ส า ม ส า ย] บทที่ 16 - เป็นเอก-โรม's moment(2) 22/04/11 - 21.00
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [ท า ง ส า ม ส า ย] บทที่ 16 - เป็นเอก-โรม's moment(2) 22/04/11 - 21.00  (อ่าน 42890 ครั้ง)

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
วิธีการของเวนิสนี่มันไม่โดนใจวัยรุ่นเท่าไหร่  ออกแนวผู้ใหญ่ที่อุดมไปด้วยเหตุผลมากไป
ทำให้ขาดเสน่ห์ไปนิด  แต่อย่างมิลานก็อบอวลไปด้วยอารมณ์สุนทรี  อ่อนไหว  จนไม่มั่นใจเลย
จะรอดูโรมว่าจะคิดกับเป็นเอกแค่เพื่อนหรือมากกว่านั้น  จะแสดงออกแบบไหน
ตอนนี้ก็ยังชอบเวนิสอยู่ดี  รู้สึกว่าเวนิสให้เกียรติและดูแลความรู้สึกเป็นเอกได้อย่างอบอุ่นนะ

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
ง่า

ม้าพยศซะแล้ว
เวนิสช่วยเป็นเอกด่วนคร่า

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
มาดัน รอตอนใหม่

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
อืม ใจง่ายนะนเนี่ยตัวเองของเรา

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
พี่ใหญ่กับน้องเล็ก เค้าทำคะแนนกันน่าดู

คิดถึงโรมมากเลยค่ะ รอตอนหน้าค่ะ

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เรื่องนี้โดนใจอีกแล้ว

ตามคุณฟ้าม่วงมาจาก ปางบรรพ์ คะ

อ่านเรื่องนี้แล้วเกิดความรู้สึกว่า เป็นเอกจะไม่ได้คู่กับใครเลยในสามคนนี้อ่ะ ไม่อยากให้เป็นแบบที่คิดนะเค้าชอบให้มีคู่ ฮ่าๆๆๆ


ออฟไลน์ berlyn

  • Put Van The Man on the jukebox then we start to dance
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
พึ่งมีโอกาสได้เปิดคอมพิวเตอร์ใช้งานหลังจากไม่ได้ยุ่งกับมันมาอาทิตย์กว่า

คิดว่ามิลานน่าจะชอบเป็นเอก แต่ก็คิดว่าคงทำไปเพราะความสนุกเท่านั้นละมั้งคะ

ถึงแม้ว่าเป็นเอกจะชอบมิลาน แต่เราเชียร์โรมกับเวนิสสุดใจ 
โรมอาจนิสัยเดี๋ยวผีเข้า ผีออกไปบ้างก็เหอะนะ

ออฟไลน์ Purple_Sky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +354/-1
Capitolo Tredici
     
        เวนิสตกใจ ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนร้องว่า
    “จับบังเหียนไว้ให้มั่นนะคุณ อย่าปล่อยเด็ดขาดนะ”
    จะวิ่งเข้าไปช่วย ก็กลัวว่าเจ้าเนโรจะอารมณ์เสียกว่าเดิม โดนมันเตะเข้าคงเจ็บตัวไม่น้อย จึงเกาะคอกไว้ พยายามชูไม้ชูมือหลอกล่อให้เจ้าม้าสีดำสนิท หยุดพยศ แต่ก็ไม่เป็นผล มันอาจจะรำคาญเขามากขึ้นด้วยซ้ำ จึงเริ่มออกวิ่งไปไม่ได้ยืนสะบัดอยู่กับที่อีก
    เป็นเอกยึดบังเหียนไว้มั่นจนมือชาไปหมด รู้ว่าไม่กี่นาทีนี้แหละเขาจะต้องถูกเหวี่ยงตกลงไป พอเจ้าเนโรกระชากตัวออกวิ่ง เขาก็ตกใจปล่อยบังเหียนทันที แรงเหวี่ยงทำให้เขากระเด็นออกข้างตกลงมาอีกฟากหนึ่งของคอกม้า เป็นเวลาเดียวกับที่ลุงทัดวิ่งเร่อร่าออกมาพอดี
     “คุณ!”   
    “เกิดอะไรขึ้น”
    “คุณเอกตกม้า!” เวนิสว่าก่อนจะรีบวิ่งไปอีกฝั่งหนึ่งของคอก ลุงทัดที่อยู่ใกล้กว่าไปถึงก่อนเขา แต่ชายร่างใหญ่กลับยืนอยู่ห่างๆไม่เข้าไปถึงตัว
    พอเวนิสเข้าไปใกล้พอที่จะเห็น ก็เข้าใจว่าเหตุใดลุงทัดจึงไม่เข้าไปช่วย
    ข้อเท้าขวาของเป็นเอกบวมเป่ง เป็นสีม่วงอย่างน่ากลัวราวกับมีคนแกล้งทาสีไว้ สีหน้าบ่งบอกถึงความเจ็บปวดแต่เจ้าตัวกลับไม่บ่นอะไรออกมาเลย
    “คุณ” เวนิสรวบรวมสติได้ก่อนชายเจ้าของคอก นั่งลงข้างเป็นเอก “เจ็บมากไหม เท้าคุณบวมมาก ตอนตกลงมาเอาขาลงหรือ”
    “เปล่า” เขาว่า “มันฟาดกับคอก”
    เวนิสหน้าซีด รีบละล่ำละลักพูดตะกุกตะกักเต็มที
    “ขอโทษนะคุณ เป็นเพราะผมแท้ๆเลย...”
    “คุณเว อย่ามัวแต่ขอโทษเลย พาไปโรงพยาบาลเถอะ” ลุงทัดว่า เวนิสก็รู้ตัวว่าตัวเองเกือบจะเสียสติไปแล้วด้วยความตกใจ
    “ไปคุณ ลุกไหวหรือเปล่า”
    เป็นเอกลุกขึ้นแต่เขาไม่อาจเทน้ำหนักลงไปที่ขาขวาที่บวมเป่งนั้นได้เลย ไม่แม้แต่จะทรงตัวให้อยู่บนขาซ้ายได้ด้วยซ้ำ เขาล้มลงอีกครั้ง แต่เวนิสประคองเขาเอาไว้ได้เสียก่อน
    “ลงน้ำหนักขาซ้ายได้ไหม”
    ชายหนุ่มส่ายหน้า
    “ถ้างั้นเดี๋ยวผมอุ้ม” เขาว่า แต่เป็นเอกไม่ทันได้ปฏิเสธชายหนุ่มก็จับแขนเขาไปไขว้ไว้รอบคอของตัวเองช้อนใต้ก้นแล้วอุ้มขึ้นเดินไปยังบ้านของตนเพื่อขึ้นรถ
    ระหว่างทางนานพอที่ทำให้เป็นเอกเห็นว่า ชายหนุ่มคนนั้นมีแววตารู้สึกผิดเพียงใด และมากกว่าความรู้สึกผิด คือความเป็นห่วงเป็นใยที่โชว์หราอยู่บนหน้าจะเอาออกไปซ่อนไว้ก็ไม่ทันเสียแล้ว ร่างกายของเข้าเบียดแนบชิดกับเรือนร่างแข็งแกร่งของหนุ่มผู้พี่ ไม่ต่างจากที่เขาเพิ่งแนบชิดกับมิลานไปเมื่อสองสามวันก่อน
    กระนั้นเป็นเอกก็พบว่าสัมผัสของมันช่างต่างกันเหลือเกิน

    “บอกแล้วใช่ไหมว่ามันอันตราย ไม่ฟังกันบ้างเลย!” โรมตวาด เป็นคำแรกที่เดินเข้ามาในโรงพยาบาล
    เป็นเอกพันข้อเท้าแล้ว นั่งรอจ่ายเงินอยู่หลังจากเถียงกับเวนิสอยู่เกือบสิบนาทีว่าใครจะเป็นคนออกค่าพยาบาล สุดท้ายเวนิสก็ดึงดันจ่ายให้เขาจนได้ ตอนที่เวนิสลุกไปจ่ายเงินนี้เองที่เพื่อนหนุ่มผมยาวเดินหน้ายุ่ง ผมกระเซิงเข้ามาในโรงพยาบาล
    “โธ่ ก็เจ็บไปแล้วนี่ ขอโทษละกันที่ไม่ฟัง”
    เท่านั้นโรมก็อารมณ์เย็นขึ้น ถึงไม่ได้อารมณ์ดีแบบหน้ามือเป็นหลังมือ แต่ก็ไม่ว่าอะไรอีกยกมือขึ้นเท้าเอวมองออกนอกหน้าต่าง อาการอย่างนี้แหละ แปลว่าเป็นห่วงสำหรับคนที่แสดงออกซึ่งอารมณ์อ่อนไหวอะไรไม่เป็นเลยอย่างโรม
    “ทีนี้ไม่ต้องซ่าไปไหนแล้วนะ” เขาพูดเสียงอ่อนลง นั่งข้างๆเป็นเอก มองหน้าเพื่อนหนุ่ม แววความอ่อนโยนฉายขึ้นในดวงตาจางๆ แต่ก็มองเห็นได้ กระนั้นก็ไม่มีคำพูดปลอบประโลมใจอะไรผ่านออกจากปากหนุ่มคนนี้ได้เลย
    “พี่ผิดเองแหละ” เวนิสว่า “เอกยังขี่ไม่เป็น พี่ก็ดึงดันให้เขาขึ้นขี่เองคนเดียวจนได้ ถ้าจะโทษใครก็โทษพี่”
    “โทษคนหาเรื่องเถอะครับพี่เว” โรมว่า “ผมบอกแล้วว่าอันตรายก็ไม่คิดเชื่อ แต่ก็ไม่เป็นไร เจ็บไปแล้วนี่ พูดยังไงก็ย้อนไปแก้ไม่ได้”
    เป็นเอกอดเสียใจไม่ได้ที่โรมพูดราวกับเขาไปทำผิดคิดร้ายมาอย่างไรอย่างนั้น ถึงจะเข้าใจว่าเพื่อนหนุ่มเป็นห่วง จึงพูดแบบนี้ก็เถอะ
    “เอาล่ะๆ นี่ก็เที่ยงแล้ว ไปกินข้าวกันข้างนอกหน่อยไหม พี่เลี้ยงเอง”
    “ไม่เป็นไรล่ะครับพี่” โรมว่า ขมวดคิ้วอย่างอารมณ์เสีย “ผมจะกลับรีสอร์ตเลย จู่ๆแม่ก็บอกว่าจะให้เลือกภาพในแกลอรีออกมาตั้งโชว์ในงานแต่งด้วย ต้องกลับไปเลือกเอาวันนี้ เพราะพรุ่งนี้แม่ก็แต่งแล้ว จะได้จบๆ ได้กลับกรุงเทพ ไม่ต้องเจอหน้ากันอีก”
    คำว่าไม่ต้องเจอหน้ากันอีกของโรมคงหมายถึงเมฆากระมัง แต่คำเดียวกันนี้กลับมีคนอีกสองคนที่คิดต่างไปจากเขาโดยสิ้นเชิง เวนิสกลัวจะไม่ได้เจอหน้าเป็นเอกอีก ในขณะที่อีกฝ่ายกลับคิดต่างจากเขา กลัวเหลือเกินว่าจะไม่มีโอกาสได้พบ ได้ใกล้ชิดกับน้องชายของฝ่ายนั้นอีกแล้ว
     “เอกล่ะ ยูจะกลับรีสอร์ตกับไอ หรือไปกับพี่เว”
    “ขอไปกับพี่ยูละกัน กินอาหารอิตาเลียน จนเลี่ยนจะแย่แล้ว คุณเวนิส ถ้าไม่ว่าอะไรพาผมไปหาอาหารอิสานแซบๆได้ไหมครับ”
    พี่ชายคนโตพยักหน้า หัวเราะลงลูกคอ แต่น้องเขากลับไม่ทำอย่างนั้น เดินออกจากโรงพยาบาลไปเสียดื้อๆ เวนิสจึงจูงรถเข็นให้เป็นเอกพาเขาออกไปจากโรงพยาบาล
    
     ร้านอาหารที่เวนิสเลือก  เป็นร้านเล็กๆ ดูไม่สะดุดตา กระนั้นโต๊ะก็เต็มจนเกือบหมด เหลือที่นั่งสองที่ให้เขากับเป็นเอกเท่านั้น ชายหนุ่มลูกครึ่งเดินอ้อมไปเปิดประตูให้เป็นเอกลงมาจากรถ ไม่ได้เอารถเข็นออกมากางแต่ว่าส่งไม้ค้ำให้เป็นเอกใช้ประคองเดินแทน โดยมีเขาอยู่ใกล้ๆคอยระวังเผื่อชายหนุ่มเกิดล้มขึ้นมาจะได้ช่วยไว้ทัน ปรากฏว่าลงเดินไปอย่างปลอดภัยถึงโต๊ะอาหาร
    พอสั่งอาหารอิสานง่ายๆ เสร็จแล้ว เวนิสก็เอ่ยปากถามเป็นเอก
    “นี่ ผมถามอะไรคุณหน่อยสิ ถามจริงๆนะไม่ได้กวน”
    “ว่ามาเลยครับ”
    “ทำไมคุณเดินกับไม้คล่องขนาดนั้น”
    เป็นเอกหัวเราะลงลูกคอเบาๆ
    “ผมเคยขาหักมาก่อนน่ะซี แต่คนละข้างละ เนี่ยครบสองข้างพอดีเลย”
    “ผมขอโทษ” เวนิสพูดเบาๆอย่างรู้สึกผิดอีกครั้ง
    “ไม่เป็นไรหรอกคุณมันผ่านไปแล้ว” เป็นเอกส่ายหัวย้ำว่า ไม่เป็นไรจริงๆ “เดี๋ยวผมก็หาย ผมมันอึดกว่าแมลงสาบอีก คอยดูแปบเดียวก็เป็นเหมือนเดิม”
    ส้มตำ และข้าวเหนียวลงวางเสิร์ฟก่อน เป็นอย่างแรก เป็นเอกไม่รอช้าจัดการกินก่อนมีเวนิสนั่งมองอยู่เฉยๆ เพราะไม่ชอบกินเผ็ด
    “พรุ่งนี้แม่ก็แต่งแล้ว  คุณจะช่วยจัดงานยังไงล่ะเนี่ย”
    “ผมก็ยืนดู คุมงานเฉยๆละมั้งครับ” เป็นเอกตอบ “ไม่ไหวจริงๆถึงจะช่วยจัดเอง คุณไม่ต้องกลัวหรอกว่างานแม่คุณจะล่ม”
    “ผมไม่ได้กลัว” เวนิสพูดเบาแทบจะไม่ได้ยิน “ผมเป็นห่วงว่า คุณจะทำงานลำบากก็เท่านั้นเอง”
    “ผมน่ะนะ เป็นไข้จนใกล้เพ้อยังจะไปทำงานเลยคุณไม่ต้องห่วงหรอก คนจนน่ะ สู้ชีวิตแล้วก็ตายยากจะตาย” เขาขำ แล้วก็ยักคิ้วให้เวนิสอย่างที่ชอบทำกับทุกคนอยู่แล้ว ทำเอาชายหนุ่มตรงหน้าอดขำตามไม่ได้
    “ทำหน้าทะเล้นเป็นเจ้าลานเชียว นี่ถ้ารู้ว่าคุณข้อเท้าพลิกนี่คงด่าผมยับ”
    เป็นเอกขมวดคิ้วอย่างงุนงง
    “ทำไมล่ะครับ”
    “เอ้า ก็เห็นสนิทกันมากไม่ใช่หรือ” เขาว่า เขี่ยพริกออกจากส้มตำทำท่าเหมือนจะกินแต่ก็ได้แต่เขี่ยดูเฉยๆ “คงเป็นห่วง”
    “ไม่สนิทกันขนาดนั้นหรอก มิลานเขาคุยเก่งก็เลยชอบคุยกับเขา”
    “งั้นหรือ” เวนิสเงยหน้าขึ้นจากจานส้มตำ สีหน้าจริงจังจนเป็นเอกร้อนๆหนาวๆ “แล้วผมล่ะ คุณว่าผมคุยเก่งไหม”
    “ไม่” ชายหนุ่มตอบขำๆ “คุณคุยแต่เรื่องงาน ไม่เห็นพูดเรื่องอื่นเลย”
    “เอ้า แล้วกัน” เวนิสแกล้งทำหน้าตัดพ้อ “ก็ไม่มีเรื่องคุยนี่นา”
    “อย่างนี้แหละ เขาเรียกว่าคุยไม่เก่ง”
    แล้วทั้งสองก็ก้มหน้าก้มตากินอาหารกันไป กระทั่งเวนิสเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อนอีกครั้ง “เอ้อ คุณ ถ้าผมถามอะไรคุณอีกอย่าง คุณอย่าว่าผมนะ”
    “ถามอะไรล่ะครับ”
    เวนิสเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะบอกว่า
    “เราสองคนถือเป็นเพื่อนกันหรือยัง ถ้าพรุ่งนี้เจอแขก ผมควรจะบอกแขกว่าคุณเป็น เพื่อนผม หรือยังต้องอ้างว่าเป็น เพื่อนของเจ้าโรม”
    เป็นเอกเงียบไป คิดไม่ถึงว่าคำถามของชายหนุ่มจะเป็นอย่างนี้ ทำให้เขาเองถึงกับต้องถามตัวเองเหมือนกันว่า สมมติมีเพื่อนตามมาจากกรุงเทพเจอกับเวนิสเข้า เขาจะแนะนำว่าเวนิสเป็นใคร เป็นเพื่อนเขา หรือเป็นพี่ชายของโรม
   “เอ คุณก็บอกไปซีครับว่าผมเป็นเพื่อนของโรม”
    เวนิสนั่งนิ่ง นึกในใจว่า แล้วถ้าเป็นมิลานล่ะ จะพูดได้หรือเปล่าว่าเป็นเอกเป็นเพื่อนของตัว เขาค่อนข้างมั่นใจว่าน้องชายของเขาคงจะยิ้มอย่างร่าเริงแล้วพูดไปมึนๆว่า “พี่เอกเป็นเพื่อนใหม่ของลานฮะ”
    ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะพูดบ้างว่า
    “นี่เป็นเอก เป็นเพื่อนใหม่ของผมครับ” แบบนี้แล้วกัน
    
    สองหนุ่มทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เวนิสก็ดึงดันจะจ่ายเงินให้อีก แต่เป็นเอกไม่ยอม ทั้งคู่จึงพบกันครึ่งทางแล้วหารกันออกคนละครึ่งให้หมดปัญหาไปเสีย จากนั้นพอเดินไปขึ้นรถแล้วเรียบร้อย ชายหนุ่มก็เอ่ยปากขึ้นว่า
    “เอก คุณจะกลับรีสอร์ตไหม หรือจะไปห้องเสื้อรอรับคุณแม่กับเจ้าลานกลับไปกับเรา”
    เป็นเอกได้ยินคำว่า “เจ้าลาน” ก็ดีใจตอบไปว่า
    “ไปห้องเสื้อก็ดีครับ ได้ไปรับเอ้อ...” เขาชะงัก “คุณประกายพรึกด้วย”
    เท่านั้นเวนิสก็โทรไปบอกให้คนขับรถของมารดากลับรีสอร์ตไปเลย เขาจะไปรับคุณประกายพรึกและคุณมิลานเอง ปรากฏว่าคนขับรถไม่ได้มาส่งแม่เขาที่ร้าน แต่เป็นคุณเมฆาต่างหาก ขากลับเวนิสคงไม่ได้รับแม่กลับมาด้วยกระมัง คงต้องปล่อยแม่ไปกับคุณเมฆา ยอมรับเอามิลานมานั่งเป็นก้างเหมือนเดิม

    ร้านเสื้ออยู่ไม่ไกลนัก  ขับรถไปไม่นานก็ถึง พอเลี้ยวเข้าจอดรถมิลานก็เดินออกมารับพี่ชาย ส่วนประกายพรึกยังคงลองชุดอยู่ไม่เลิกเพราะเกิดเปลี่ยนใจไม่ชอบชุดเก่าที่เลือกไว้แต่แรกขึ้นมา แวบเดียวที่มิลานเห็นหน้าเป็นเอกในรถคันนั้น หนุ่มน้อยก็ยิ้มกว้างมาเปิดประตูให้ พอเห็นเฝือกเท่านั้นแหละหนุ่มน้อยก็ร้องขึ้น
    “เอ้า พี่เอกเป็นอะไรไปล่ะฮะ”
    “ตกม้าน่ะลาน” เป็นเอกตอบเบาๆ
    “แล้วไปทำอีท่าไหน ทำไมพี่เวไม่คอยเซฟล่ะฮะ”หนุ่มน้อยตำหนิพี่ชาย
    “อย่าไปว่าคุณเวเขาเลย พี่ผิดเองแหละขี่ไม่เป็นแล้วยังจะอยากขี่อีก” เป็นเอกส่งสายตาให้เวนิสเป็นทำนองว่าให้มิลานรู้ไปอย่างนี้ก็แล้วกัน ฝ่ายนั้นก็ไม่อยากขัดใจ จึงเงียบไปเฉยๆ
    “เดินไหวไหมฮะ ลานช่วยประคอง”
    “ไหวซี ไม่เป็นไรหรอก”
    “ไม่เป็นไรไม่ได้ฮะ วันนั้นพี่เอกอุตส่าห์ประคองลานไปส่งถึงที่บ้าน”
    ประโยคนั้นทำเอาเวนิสประหลาดใจ นี่สองคนนี้ไปถึงไหนกันแล้วหรือ
    ต่อให้เวนิสไม่แน่ใจว่าเป็นเอกจะเป็นเกย์ก็ตาม แต่น้องชายเขา รู้จักกันดีเขาเข้าใจว่ามิลานจะต้องคิดอะไรกับเป็นเอกตามประวาคาสโนว่าแน่ๆ คือมีไว้บริหารเสน่ห์อย่างสนุกสนานเท่านั้น ไม่ได้คิดจะจริงจังอะไรกับชายหนุ่ม แต่เป็นเอกนี่สิ จะหลงกลน้องชายของเขาไปด้วยหรือเปล่า เพราะไม่ว่าจะชายหญิงเกย์ หรือเพศอะไรก็ตาม อยู่ใกล้น้องเขาเป็นได้เสร็จทุกราย
    มิลานฉลาดในการได้มาซึ่งสิ่งที่เขาอยากได้เสมอ ตอนหนุ่มน้อยเริ่มเป็นนายแบบ ก็หว่านเสน่ห์ใส่บรรดาโมเดลลิ่งกันจนได้ไปเดินแบบที่นั่นที่นี่สมใจ พออยากเป็นดาราก็ใช้ความสามารถแบบเดิมๆนี้เองทำให้ผู้กำกับติดใจ  อยากได้อะไรที่ซื้อเองไม่ได้ก็หาเสี่ย หรือม่ายสาวขี้เหงาหลอกเอาของได้ทุกครั้ง
    ถ้าจะมีใครสักคนเกลียดมิลาน คนคนนั้นคงจะไม่ปกติเสียแล้ว
    ที่เวนิสไม่เข้าใจน้องชายตัวเองก็คือ น้องเขากำลังจะหว่านเป็นเอกเข้าแหไปด้วยหรือ แล้วชายหนุ่มมีอะไรดีที่มิลานจะอยากได้เล่า หน้าตาก็งั้นๆ มิลานเคยมีดีกว่านี้แล้ว นิสัยก็เฉยๆไม่ได้ช่างเอาอกเอาใจอย่างบรรดาเสี่ยๆที่คบมา
    หรือเป็นเอกเป็นแค่ตัวฆ่าเวลา ระหว่างอยู่ที่ปาลัซโซ่เท่านั้น
    
    สามหนุ่มเข้าไปในร้านเสื้อ ก็พอดีประกายพรึกและเมฆาลองเสื้อผ้าเสร็จแล้วเปลี่ยนชุดกลับเป็นปกติพร้อมกลับบ้าน พอเห็นเป็นเอกเข้าเฝือกประกายพรึกก็ถามไถ่อะไรไปตามประสา
    “โธ่หนูเอกไม่น่ามาเจ็บเลย ตาเวนี่ละก็เหลือเกินไม่ดูแลน้องเขาเลยนะ”
    “ผมขอโทษครับคุณแม่”
    “เอาเถอะ หนูเอกจ๊ะ ถ้าทำงานไม่ไหวก็ไม่เป็นไรนะ แม่ไม่คิดเล็กคิดน้อยหรอกลูก พักผ่อนเถอะจ้ะ จะได้หายไวๆ”
    “ไม่เป็นไรครับคุณน้า ผมสบายมากอยู่แล้วครับ”
    “ไหวจริงนะจ๊ะ ถ้าไม่ไหวบอกแม่นะ” เป็นเอกพยักหน้า “ถ้างั้นก็ดีแล้วจ้ะ อยากเห็นฝีมือหนูเอกเหลือเกินว่าจะจัดงานออกมาได้สวยแค่ไหน... เอ้อ ตาเว แม่ฝากน้องกลับรีสอร์ตหน่อยนะ แม่จะออกไปทานข้าวกับเมฆเขานะจ๊ะ” เรื่องออกมาตรงตามที่เวนิสคิดไว้แล้วเป๊ะ พอร่ำลากันเสร็จ มารดาของเขาก็คล้องแขนออกไปกับสามีใหม่ ทำให้สามหนุ่มออกไปขึ้นรถกันเพียงสองคน
    ชายหนุ่มทำท่าจะขึ้นไปนั่งที่ข้างคนขับตามเดิม แต่น้องชายของคนขับรถกลับแย้งขึ้นมาว่า
    “พี่เอกใจร้าย จะทิ้งลานอยู่ข้างหลังคนเดียวหรือฮะ”
    เป็นเอกจึงหัวเราะ แล้วก็เดินกระเผลกไปนั่งอยู่ที่เบาะหลังกับนายแบบหนุ่มน้อยแทน เวนิสแทบจะมองไม่เห็นถนนเลยเพราะได้แต่คอยมองกระจกหลังอยู่ตลอดทาง เห็นแต่ภาพหนุ่มน้อยทั้งสองนั่งหัวร่อต่อกระซิกกันไปจนถึงรีสอร์ต

***********************************************************************
จบอีกบทแล้วครับ ขอโทษที่ไม่ค่อยมาต่อเห็นคนอ่านน้อยก็เลยคิดว่าเนื้อเรื่องอาจจะยังไม่น่าสนใจพยายามดูอยู่ว่าต้องปรับปรุงตรงไหนแล้วจะเอาไปปรับใช้กับตอนอื่นๆที่กำลังเขียนอยู่ครับ
ยังไงก็ฝากทางสามสายไว้ด้วยนะคร้าบบ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
คงเพราะไม่ใช่เนื้อเรื่องไม่น่าสนใจ  ไม่ได้เป็นเพราะโครงเรื่องไม่ดี  หรือภาษาไม่ได้เรื่อง
ถ้าคนจะอ่านน้อยก็คงเพราะนิยายในเล้าตอนนี้เยอะมาก ๆ ส่วนหนึ่ง
แต่พี่ชอบเรื่องนี้  ไม่หนักมาก  ไม่แรงมาก  ไม่ตามกระแสจนเกินไป
อ่านแล้วไม่ปวดตับ ไต ไส้ พุง  ได้ลุ้นไปนิด ๆ พอเคลิ้ม ๆ
พี่แนะนำให้ทำ link นิยายทั้งสองเรื่องของผู้แต่งไว้ตอนท้ายด้วย  จะช่วยคนอ่านได้ค่ะ

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
โรมนี่อารมณ์ศิลปินจริงๆ เวนิชถ้าหึงงั้นก็แสดงออกให้มากกว่าดิสิ ฮึ่ม เดี๋ยวเชียร์ให้เอกเสร็จมิลานซะเลย
 เป็นกำลังใจให้ค่ะ  :3123:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
นิยายเรื่องนี้มันธรรมดานะ แบบบางเรื่องตบจูบ ทุกตอนต้องมีฉากบนเตียง ด่ากันหยาบๆ

แต่เรื่องนี้ผมว่ามันเรื่อยๆ อ่านแล้วยิ้มๆ อ่านแล้วสบายใจดีออกครับ ผมชอบนะ

อีกเรื่องคือมันไกลตัวด้วยละ สถานที่อยู่เลย ปราสาทอิตาลี โรม เวนิสอะไรแบบนี้ บางทีจินตนาการกันไม่ถึง

คนอ่านที่ชอบแนวนี้ก็คงน้อยด้วย แต่ผมชอบนะ และรออ่านอยู่เสมอ อย่าหายไปนานนะครับ

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
เวนิสนี่ท่าทางจะหลงรักเป็นเอกเต็มเปาแล้วล่ะ

แต่มิลานนี่สิ  ตกลงจริงใจหรือหลอกลวง เพราะต้องการอะไรน้าาาาาาาาาาาา

ติดตามต่อค่ะ นิยายน่ารักมากเลย

fOnfOn :D

  • บุคคลทั่วไป
ตอนนี้คุณเวออกอาการนะค่ะเนี๊ย :laugh: :laugh: ถึงจะเป็นแค่คิดก็เถอะ

พ่อคุณ ถ้าอยากให้เค้ารู้ก็ช่วยแสดงออกหน่อยเถอะ นี้เล่นคิดเองเออเองหมด เค้าคงจะรู้หรอกนะ


ปล.เราว่าเรื่องนี้สนุกน้าาา มันเรื่อยๆ ดีอ่ะ  :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ berlyn

  • Put Van The Man on the jukebox then we start to dance
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
พี่เวขา ฉวยโอกาส 55+ (ตรงไหน แค่อุ้มเนี่ยนะ ยังคิดได้^^)

โรม น้อยใจจริงๆ ถ้ามีเพื่อนอารมณ์ติสคงบ้าตายได้เลิกคบกับมันสักวัน คำปลอบใจก็ไม่มี หัดหวานๆบ้างสิ!

       

แต่ก็เข้าใจแหละ ว่ามันได้แค่นั้น

ออฟไลน์ Purple_Sky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +354/-1
Capitolo Quattordici

           วันแต่งงานของประกายพรึก เริ่มขึ้นอย่างน่ารักที่สุด เพียงหล่อนตื่นมาตอนเกือบแปดโมงเช้าก็พบว่า เจ้าบ่าวของหล่อนไม่อยู่เสียแล้ว แต่บนเตียงนอนฟากที่ว่างเปล่าเบื้องหน้าของหล่อนนั้นกลับมีดอกกุหลาบช่อใหญ่วางอยู่ กลีบของมันแย้มบานราวกับจะยิ้มทักทายหล่อนในฐานะเจ้าของของมันก็ไม่ปาน บางส่วนถูกโปรยเอาไว้รอบห้อง งดงามยิ่งกว่าฉากในเทพนิยาย ราวกับหล่อนเพิ่งตื่นจากฝันหนึ่ง มาสู่อีกฝันหนึ่งที่สวยงามกว่าอย่างนั้น
    สตรีร่างระหง ก้าวลงจากเตียงเดินอ้อมมาเปิดม่านออก ให้แสงแดดในยามเช้าส่องทะลุหน้าต่างเข้ามาเพิ่มความอบอุ่นให้กับห้องนอนที่ออกจะเย็นไปสักหน่อยเมื่อมีแต่หล่อนอยู่เพียงคนเดียว ท้องฟ้าเป็นใจ มันสว่างใสปราศจากเมฆไม่มีวี่แววว่าจะมีฝนตกสักนิดเดียว ประกายพรึกหยีตาหนีแสงก่อนจะเดินมาหยิบช่อกุหลาบขึ้นซุกจมูกโด่งสวยนั้นเข้าหามัน สูดดมกลิ่นหอมหวาน ของดอกไม้ที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวแทนของความรักนี้ หล่อนหลับตาพริ้ม ดื่มด่ำกับความหอมอ่อนๆของดอกไม้ช่อนั้นได้สักพักก็ลืมตาขึ้น พบว่ามีการ์ดใบหนึ่งตกอยู่แทบเท้า คงจะตกลงมาจากช่อกุหลาบตอนไหน แล้วหล่อนไม่เห็นกระมัง
    ประกายพรึกหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้น พลิกดูข้อความที่เขียนไว้
    สุขสันต์วันแต่งงาน ของเราครับ ...
    หล่อนยิ้มกว้าง เมฆาเป็นผู้ชายที่อ่อนหวานโรแมนติกเหลือเกิน เขาเข้าใจดีทีเดียวว่าผู้หญิงอย่างหล่อนต้องการอะไรเล็กๆน้อยๆเท่านี้แหละเป็นแรงกระตุ้นให้ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขไปวันหนึ่ง เหตุนี้แหละประกายพรึกถึงไม่สามารถตัดใจจากหนุ่มน้อยที่อายุมากกว่าลูกคนโตของหล่อนไม่ถึงปีได้
    แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าหล่อนจะลืมคาร์โล สามีเก่าของหล่อนไปแล้วนะ ตรงกันข้าม หล่อนยังจำเขาได้ดี และยอมรับว่าคิดถึงเขามากด้วย

    นานมาแล้ว ประกายพรึกจำไม่ได้ว่ากี่ปี แต่อย่างน้อยๆ ก็มากกว่ายี่สิบแปดปีเข้าแล้ว หล่อนเห็นภาพของตัวเองเดินไปทางทางยาวๆในท้องทุ่งของประเทศอิตาลี แสงแดดค่อนข้างจ้ากระทบดวงตาหล่อนเหมือนอย่างตอนนี้ ในขณะที่ หล่อนกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปตามทาง มือละเถาไม้ที่ลู่ไปตามลม พอหันมาก็พบว่าหนุ่มหล่อชาวอิตาลีไม่ได้ตามมากระชั้นชิดกับหล่อน หญิงสาวหันไปโบกมือ ร้องเรียกเป็นภาษาอิตาเลียน
    “Vènga! Carlo” หล่อนยิ้มเห็นว่าชายหนุมผมสีฟางยังไม่รีบเข้ามาใกล้อีก ก็ไม่ได้เรียกซ้ำแต่ยิ้มให้กับตัวเองแล้วเดินหนีไป
    หล่อนไม่รู้ว่าเมื่อคาร์โลตามหล่อนทันแล้ว เขาจะนั่งลงคุกเข่า ชู
กุหลาบแดงช่อใหญ่ที่เขาซ่อนไว้ออกมาและถามหล่อนว่า
    “Volgli casarete con mi?” แต่งงานกับผมไหมครับ
    
    เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้งติดกันเบาๆ ที่หน้าห้อง ภาพความทรงจำในอดีตลบเลือนไป ประกายพรึกดึงตัวเองกลับมาสู่ปัจจุบันหันไปมองทางประตูก็พบว่าเลขานุการิณีของหล่อน เปิดประตูแง้มออกมา
    “คุณดาวขา ตื่นแล้วหรือคะ”
    ผู้เป็นนายยิ้มที่มุมปาก นั่งลงที่ขอบเตียง ปล่อยให้เลขาสาวใต้ตาคม เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถาดอาหาร ใส่ซุปมักกะโรนีร้อนๆ เข้ามาด้วย
    “คุณดาวทานซุปเสียก่อนค่ะ เดี๋ยวจะต้องไปแต่งหน้าทำผมแล้ว จะไม่ทันเข้างานตอนเที่ยงนะคะ”
    “ฉันยังไม่ได้อาบน้ำเลยจ้ะเพ็ญ” หล่อนพูดอย่างใจเย็น “ขอบใจเธอมากนะ ตั้งซุปไว้ข้างนอกก็ได้ เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จแล้วจะรีบออกไปกินจ้ะ”
    เพ็ญแขจะแย้งก็ไม่ได้ หล่อนจึงพยักหน้าอย่างเข้าใจ ถอยหลังปิดประตู และกำลังจะวางอาหารเช้าของนายไว้ตรงนั้นตามคำสั่ง แต่ยังไม่ทันจะทำตามที่ว่าเสร็จ ประกายพรึกก็เรียกชื่อหล่อนขึ้นมาอีกครั้ง
    “เพ็ญจ๋า เพ็ญ”
    “คะ คุณดาว” หญิงสาวเดินกลับเข้ามาในห้อง เห็นประกายพรึกมองใจลอยออกไปนอกหน้าต่าง ก็นึกสงสารนายของหล่อนจับใจ
    หล่อนดูออกทะลุปรุโปร่งว่าคุณดาวของหล่อนกำลังหนักใจกว่าครั้งใดในชีวิต เพราะงานแต่งงานในวันนี้มันเหมือนกับการประกาศออกมาโต้งๆว่า หล่อนจะลบ ซินญอร์ คาร์โล ออกไปจากชีวิตของหล่อนในที่สุด และอ้าแขนรับ เมฆา เข้าไปแทนที่ ซึ่งเรื่องนี้ก็ถือเป็นการตัดพ่อของลูกหล่อนออกไปจากชีวิตอย่างสมบูรณ์ แล้วคุณๆทั้งสาม ลูกชายของหล่อนก็ทำท่าจะไม่เห็นด้วยสักคน
     “คุณเมฆาไปไหน”
    “ไปเตรียมตัวที่ปราสาทโคโมแล้วค่ะ พวกสไตลิสต์มาถึงตั้งแต่เจ็ดโมงแล้ว คุณเมฆาคงกำลังอาบน้ำอยู่ค่ะ”
    “ดีแล้ว” ประกายพรึกพยักหน้า “แล้วลูกๆของฉันล่ะ”
    เพ็ญแขอยากถอนใจออกมาดังๆ แต่ก็รู้ตัวว่าทำไม่ได้จึงเก็บอาการเอาไว้มิดชิด ตอบประกายพรึกเบาๆว่า
    “คุณมิลาน ตื่นแล้วค่ะ รับประทานอาหารเช้าอยู่ที่ชั้นลอยนี่เอง ส่วนคุณ
เวนิสก็คงจะกำลังช่วยคุณเป็นเอกจัดงานอยู่ที่โคโมมังคะ” เลขานุการิณีสาวว่า “เห็นมาทานอาหารเช้าด้วยกัน แล้วก็ออกไปด้วยกันน่ะค่ะ ป่านนี้คงจัดงานอยู่แล้วล่ะนะคะ คุณเป็นเอกเธอเอาการเอางานมากทีเดียว คุณเวนิสเองก็คอยไปไหนมาไหนกับคุณเป็นเอกอยู่ตลอด คงจะยังรู้สึกผิดเรื่องตกม้าอยู่น่ะค่ะ”
    “ดีแล้วล่ะ” คุณดาวของเพ็ญแข หันหน้ากลับออกมาจากบานหน้าต่างในที่สุด “เข้ากับลูกคนอื่นได้ก็ดีแล้ว ฉันอยากให้เขามาช่วยกิจการงานของฉันด้วย เขาเป็นคนดีมากนะเพ็ญ ขยัน สู้ชีวิต อีกอย่างเอาตาโรมเสียอยู่หมัดใครก็ทำอย่างนี้ไม่ได้ อยากให้อยู่ดูตาโรมไปเรื่อยๆ”
    เพ็ญแขมองนายอย่างรู้ทัน
    “ถ้าเป็นผู้หญิงฉันไปขอมาแต่งกับตาโรมแล้ว ไม่เห็นใครเหมาะเท่า เสียดายเป็นผู้ชายก็เป็นเพื่อนกันไปละดีแล้ว แต่ก็อีกนั่นแหละ เขาจะไปแต่งงานหรือย้ายออกไป ทิ้งตาโรมอยู่คอนโดคนเดียวเมื่อไหร่เราก็ไม่รู้ ตอนนั้นล่ะฉันจะเอาตาโรมไม่อยู่อีกแน่”
    “คุณดาวขา อย่าเพิ่งกลัวไปเลยค่ะ เขาก็ดูรักใคร่กันดี คงยังไม่ทิ้งกันง่ายๆหรอกค่ะ อีกอย่างหนึ่ง คุณโรมเองก็ใจเย็นลงเยอะกว่าเมื่อก่อนมาก”
    “ใช่ เย็นขึ้นเยอะตั้งแต่ได้หนูเอกนี่แหละมาคอยช่วยดึงๆไว้” หล่อนเดินมาที่ประตูห้องน้ำในที่สุด “ฉันรู้หรอกว่าโรมน่ะรักพ่อมาก ในบรรดาลูกทั้งสามคน ตาคนนี้เหมือนคาร์โลมากที่สุด”
    เพ็ญแขเพิ่งมาทำงานกับประกายพรึกได้ไม่นาน จึงยังไม่รู้ว่า เหมือนที่ว่านี้คือหน้าตา หรือนิสัย หรืออย่างไร เพราะถ้าดูจากรูปถ่ายแล้ว หน้าตาของซินญอร์ คาร์โลนั้นกระเดียดไปทางคุณเวนิสมากกว่า
    “คงไม่ลืมพ่อง่ายๆ ที่แต่งกับเมฆเนี่ย ลูกไม่มาล้มงานก็ดีแค่ไหนแล้ว” หล่อนถอนใจ “ถึงให้พาหนูเอกมาด้วย คิดไม่ผิดเลยจริงๆนะ คุมตาโรมไว้ได้จนถึงตอนนี้ ทีนี้ก็มาลุ้นตอนทำพิธีล่ะ ว่าตาโรมจะอาละวาดขึ้นมาหรือเปล่า”
    “ไม่หรอกค่ะ เขาคงไว้หน้าคุณดาวบ้าง” หล่อนแสดงความคิดเห็น “อีกอย่างคุณเป็นเอกก็คงจะปรามๆไว้อีกแรง”
    “ก็ดีแล้ว”
    “คุณดาวขา อย่าหาว่าเพ็ญละลาบละล้วงเลยนะคะ” หล่อนเปรยขึ้นมา ทำเอาประกายพรึกเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยใคร่รู้ว่าเนื้อความในประโยคต่อไปจะรุนแรงสักเพียงใด “คุณโรมกับคุณเป็นเอกนี่จะ ไม่สนิทกันเกินไปใช่ไหมคะ”
    แทนที่จะเครียด ประกายพรึกกลับหัวเราะลั่น
    “เพ็ญเอ๊ย เธอจะบอกว่าลูกฉันเป็นคู่เกย์กับหนูเอกหรือ”
    เลขานุการิณีก้มหน้านิ่งไม่ออกความเห็นมากไปกว่านั้น
    “ไม่มีทางละเธอ ฉันเลี้ยงลูกมาฉันรู้ซี ตาโรมไม่ใช่พวกชอบไม้ป่าเดียวกันแน่ๆ ส่วนหนูเอกดูยังไงก็ไม่เหมือน ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกจ้ะ” ประกายพรึกนิ่วหน้าราวจะต่อว่าเลขาของหล่อนว่าพูดอะไรเพ้อเจ้อ ไม่สมเหตุสมผล “ถ้าตาลานละว่าไปอย่าง ท่าทางมันออกมาตั้งแต่เป็นวัยรุ่นแล้ว แล้วอยู่ในวงการแฟชั่นฉันยิ่งไม่แน่ใจในตัวลูกเสียเลย”
    ประกายพรึกเงียบไปพักหนึ่ง
    “แต่เอาเป็นว่าถ้าตาโรมเป็นเกย์ แล้วรักกับหนูเอกฉันคงไม่เสียใจเท่าไหร่ จะเบาใจด้วยซ้ำที่มันไม่ได้ไปรักกับใครก็ไม่รู้ ที่ฉันไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า อย่างน้อยถ้าเป็นหนูเอกฉันก็ไม่ว่าหรอก เด็กคนนี้ฉันเองยังถูกใจ” หล่อนปิดท้ายอย่างขำๆ “ลูก 3 คน ขอสักคนที่เป็นชายแท้ๆ แต่งงานสืบสกุลให้แม่สบายใจก็พอ แล้วถ้าฉันเลือกได้ขอเป็นลูกคนโตนี่แล้วกันที่จะดูแลกิจการ สืบทอดงานของฉัน มีหลานให้ฉันเลี้ยงไวๆ แล้วก็เป็นเสาหลักของน้องๆมันต่อไป ตาโรมกับตาลานฉันปลงแล้ว สองคนนั้นจะยังไงก็ได้ ขออย่าเป็นตาเวก็แล้วกันที่ผิดเพศน่ะ”

   หนุ่มที่กำลังถูกแม่พูดถึงอยู่นั้น ยืนกอดอกอยู่ไม่ไกลจากเป็นเอก มองชายหนุ่มผู้นั้นคอยออกคำสั่งให้บรรดาพนักงาน ยกโต๊ะเข้าออกจัดเรียงกันในลานกว้างของทะเลสาบโคโม
    ยกพื้นตั้งอยู่ตั้งฉากกับทางลงจากปราสาทโคโม ตรงกลางยกไว้สูงหน่อยจะจัดเป็นที่นั่งของบ่าวสาวและญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย แต่เก้าอี้ที่จัดไว้มีเพียงห้าตัว สำหรับ ประกายพรึก เมฆา พ่อแม่ของเมฆา และน้าของประกายพรึกคนเดียวเท่านั้น พ่อแม่ของหล่อนเสียไปแล้ว น้าหล่อนจึงเป็นญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่จะมาร่วมงาน ด้านซ้ายขวาจะต่ำลงมา ไว้ให้วงดนตรีแจ๊สที่คุณประกายพรึกจ้างมานั้น คอยเล่นขับกล่อมแขกในงาน
    สุดปลายของเวทีมี ซุ้มดอกไม้จัดไว้ เลยไปหน่อย ฝั่งตรงข้ามปราสาทเป็นซุ้มไว้ถ่ายภาพ ตั้งเสาไว้สองฝั่ง ห้อยชื่อของบ่าวสาวไว้กับเอ็นเล็กๆ ไม่ให้บังทัศนียภาพของทะเลสาบกว้างขวาง ที่อยู่ด้านหลัง มีทางปูยาวไปถึงท่าน้ำริมทะเลสาบ พอแขกขึ้นเรือมาก็จะเดินตรงมาถ่ายรูปกับบ่าวสาวได้โดยมีฉากหลังเป็นผืนน้ำกว้างส่องประกายล้อแสงแดดระยิบระยับสวยราวกับผ้าไหมดิ้นเงินปูวางไว้
    ตรงกลางมีเค้กสูงตามธรรมเนียม ล้อมรอบด้วยดอกไม้นานาชนิดที่เป็นเอกเป็นคนคัดสรรเองกับมือ บรรดาพนักงานค่อยๆช่วยกันน้ำดอกไม้มาประดับไว้รอบๆ อย่างขมักเขม้น  เป็นเอกยืนคุมอยู่ไกลๆ
    “ผมขอดอกลิลลี่ ขยับไปทางซ้ายอีกนิดครับ” ชายหนุ่มว่า มองกะคร่าวๆว่ากลางแล้วก็ ยกมือส่งสัญญาณว่าโอเค ให้พนักงานหนุ่มสาว ติดดอกไม้ไว้ได้
    “คุณ มานั่งพักก่อนไหม” เวนิสเอ่ยเบาๆ ถือน้ำเข้าไปให้เป็นเอกหนึ่งแก้ว
    “เดี๋ยวสักพักก่อนนะครับ จัดซุ้มเค้กเสร็จแล้วจะจัดรูปวาดของโรมไว้ที่สวนข้างๆโน้น แขกจะได้มีที่ให้ถ่ายรูป” เขาบอกเบาๆ “คุณจะไปไหนก่อนก็ได้นะ ผมมีไม้ค้ำ เดินได้สบายมาก”
    “ไม่เป็นไร ผมไม่รู้จะไปไหนด้วย มีอะไรเผื่อช่วยคุณได้” เวนิสเอ่ยเบาๆ “สรุปว่าคุณไม่ต้องจัดโต๊ะบุฟเฟ่ต์แล้วหรือ”
    “จัดซี เห็นไหมว่าเหลืออีกหลายขั้นตอน ตรงซุ้มถ่ายภาพก็ยังไม่ได้เอาดอกไม้มาวาง งานเริ่มเที่ยงแล้วกลัวจะไม่ทัน”
    “คุณต้องอาบน้ำอีกนะคุณ อะไรปล่อยให้คนอื่นจัดการได้ก็ปล่อยไปเถอะ” เวนิสว่า พยายามโน้มน้าวให้เพื่อนของน้องชายได้พักสักห้าหรือสิบนาที
    “ไม่ได้หรอก ผมต้องคุมเอง แม่คุณจ้างผมมาทำงาน ไม่ได้จ้างมาเที่ยว”
    “อย่างน้อยดื่มน้ำก่อนเถอะ เสียงคุณแหบหมดแล้ว”
    เป็นเอกจำใจ คว้าแก้วน้ำในมือของเวนิสมาดื่มให้จบเรื่อง ปรากฏว่าได้ผล พอเขาดื่มน้ำหมดแก้วแว พี่ชายของเพื่อนสนิทก็เดินกลับไปนั่งข้างๆทางขึ้นปราสาทตามเดิม ปล่อยให้เขาจัดการกับงานของเขาต่อไป
    
    เกือบเก้าโมง คุณประกายพรึกก็นั่งเรือกอนโดลามาขึ้นที่ท่าฝั่งปราสาทโคโม หล่อนมาใสเสื้อยืดกางเกงยีนส์รัดรูป เห็นทรวดทรงที่ยังสวยได้รูปไม่เหมือนกับคนที่เป็นแม่มาแล้วถึงสามคน หล่อนเดินมาตามทางที่เป็นเอกจัดไว้ มีเพ็ญแขตามมาอย่างใกล้ชิด เห็นบรรยากาศที่สวยงามก็ประทับใจจนอดยิ้มแย้มไม่ได้ อารมณ์ดีไปหมดทั้งวัน หล่อนเดินมาถึงตัวชายหนุ่มผู้เป็นคนควบคุมงานทั้งหมดก็บีบต้นแขนของเขาเบาๆ เป็นเชิงขอบใจ หนุ่มน้อยไม่เคยได้รับสัมผัสอย่างนี้ก็เคอะเขินอย่างทำตัวไม่ถูก
    “แม่ขอบใจมากนะลูก ที่อุตส่าห์ลงแรงช่วยทั้งที่ข้อเท้ายังเจ็บอยู่เลย”
    “ผมยินดีครับ” เป็นเอกว่า “พอทำงานที่เราชอบก็มีความสุขดีครับ”
    “ดีแล้วล่ะจ้ะที่หนูเอกมีความสุข” มองเลยเป็นเอกไปก็สบตาลูกชายคนโตที่เดินเข้ามาหาแม่
    “คุณแม่ ไม่รีบไปแต่งตัวหรือครับ”
    “กำลังจะไปเนี่ยแหละจ้ะ” ประกายพรึกยิ้มกว้าง “ลูกๆทั้งสองคนก็ต้องไปแต่งตัวเหมือนกันนะจ๊ะมาหล่อๆนะลูก วันนี้”
    เวนิสยิ้มรับ
    “หนูเอก” เจ้าสาวเอ่ยขึ้นเบาๆ “ตาโรมล่ะลูก”
    “ยังไม่ตื่นแหละครับ” เป็นเอกตอบ
    “แม่ฝากโรมด้วยนะ ไม่รู้ว่าทำใจได้หรือยัง หนูเอกช่วยให้กำลังใจเขาด้วยนะ เขาคงเสียใจที่แม่จะแต่งกับเมฆให้ได้ เหมือนแม่ไม่ใส่ใจเขา”
    “ครับคุณน้า ผมเข้าใจทั้งคุณน้าและก็โรมฮะ”
    “ดีแล้วล่ะจ้ะ ขอบใจหนูเอกมาก” หล่อนยิ้มให้เพื่อนสนิทของลูกชาย แล้วก็หันไปหาลูกคนโตของหล่อน “ตาลานล่ะจ๊ะลูก”
    “คงมาส์กหน้าอะไรของเขาไปตามเรื่องล่ะครับคุณแม่ ยังไงมันก็ต้องหล่อที่สุดในงานให้ได้” เขาว่าทีเล่นทีจริง
    “กลัวจะมาไม่ทันงาน”
    “คุณดาวคะ เรารีบไปแต่งตัวกันดีไหมคะ เดี๋ยวจะแต่งหน้าเซ็ตผมไม่ทันนะคะ” เพ็ญแขเอ่ยเตือน ประกายพรึกจึงได้สติ กล่าวลาลูกทั้งสองคนขึ้นไปยังปราสาทโคโมเพื่อแต่งหน้าทำผมเตรีมตัวให้พร้อมสำหรับงานสำคัญของหล่อนในครั้งนี้ ก่อนที่จะลับสายตา ประกายพรึกหันกลับมาดูบริเวณงานของหล่อนที่เป็นเอกกำลังกลับไปจัดการตกแต่งให้สวยงามขึ้นตามเดิม
    เมื่อเกือบสามสิบปี หล่อนก็มีงานแต่งงานกลางแจ้งแบบนี้แหละ เป็นเอกช่างเก่งเหลือเกิน ที่สามารถดึงเอาภาพในอดีตของหล่อนกลับมาอีกครั้ง
    มันเหมือนกันอย่างน่าใจหาย

    โรมนอนน้ำตาไหล ในห้องนอนที่ปิดม่านไว้มืดสนิทของเขา ต่อหน้าคนอื่นโรมอาจบอกว่าเขาไม่เห็นด้วยที่แม่แต่งกับเมฆากลัวแม่จะโดนหลอก ไม่มีใครรู้หรอกว่าความจริงแล้ว เขาใจสลายเพียงใดที่กำลังจะต้องเสียแม่ไปให้คนอื่นที่ไม่ใช่พ่อ ยังไงก็ตามโรมก็เป็นเหมือนเด็กทั่วๆไป ที่คิดว่าแม่ของเขาควรจะรักพ่อแต่เพียงผู้เดียว... ทำเป็นเย็นชาต่อหน้าคนอื่นแล้วเก็บเอาความอ่อนไหวมาใช้เวลาอยู่คนเดียว นี่ล่ะ นิสัยของโรม

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
โถๆ อยากปลอบโรมจัง :กอด1: แอบสงสารเวนิช แม่อยากให้รับหน้าที่สืบสกุลต่อซะงั้น เป็นพี่คนโตนี่ลำบากจริงๆเนอะ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
สงสารเวนิสกับภาวะอันยิ่งใหญ่ที่ถือว่าเป็นความหวังของแม่
ไม่รู้สิตอนนี้เชียร์เวนิสเต็มเหนี่ยวแล้วล่ะ

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
ไม่เชียร์สักคน รู้สึกยังไม่มีใครเข้าขั้นพระเอกเลย

ตาเวก็ปากแข็ง ตาโรมก็อ่อนแอ ตาลานก็เหลาะแหละ ก็นะดูกันยาวๆดีกว่า

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
โฮ โฮ โฮ น้องโรมของพี่ กอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

เริ่มจะมั่นใจว่าสุดท้ายไม่ใช่ ลานแน่ๆที่เอกจะเลือก

แต่ทำไมเอกต้องเป็นฝ่ายเลือก ทั้งสามคนอาจจะไม่ให้เอกเลือกก็ได้นะ ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ kit

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-3

ว้าย แคลสสิค เอ็กแซ้มเผิ่ล ของคำว่า
‘รักพี่ เสียดายน้อง’
จริงๆเลยนะคะนี่
เวนิส แค้หริ่ง อบอุ่น น่าใกล้ชิด
โรม เพื่อนสนิท อ่อนไหว น่าทะนุถนอม
มิลาน สดใส ไล้ฝ์หลี่ เชิญชวน
ข่มกันไม่ลงเลยค่ะ
/กิต. อ่านแล้วอึดอัดแทนเป็นเอก

 :confuse:
๒๐๑ + ๑ = ๒๐๒
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
สงสารโรมจัง
 :monkeysad:

ออฟไลน์ Purple_Sky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +354/-1
Capitolo Quindici

              พอเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น โรมก็ปาดน้ำตา
    เป็นเอกจะเห็นน้ำตาของเขาไม่ได้เด็ดขาด น้ำใสๆ ที่ประกอบด้วยความรู้สึกนับล้าน ที่กลั่นออกมาจากภายในใจของเขานั้น เขาจะไม่มีวันยอมให้ใครเห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อนสนิทของเขาอย่างเป็นเอก เขาไม่อาจให้ชายหนุ่มคนนั้นเห็นน้ำตาแห่งความอ่อนแอของเขาได้เลย ในเมื่อเป็นเอกนั้นน่าสงสารกว่าเขาเพียงใดก็ไม่เคยร้องไห้ให้เขาเห็นสักครั้ง
    เพื่อนหนุ่มของเขาเรียกเบาๆจากหน้าประตูห้อง
    “โรม ยูตื่นหรือยัง”
    เขากะจะไม่ตอบ กะจะให้เป็นเอกกลับไปก่อนแล้วค่อยทำทีว่าเพิ่งงัวเงียตื่นเดินออกจากห้องมา แต่ก็รู้ดีว่าคนอย่างเขามันโกหกไม่เก่ง ทำอะไรไปเป็นเอกจะต้องรู้ว่าเขาแกล้งทำ จึงตัดสินใจร้องตอบกลับไปว่า
    “ตื่นแล้ว”
    “เข้าไปได้หรือเปล่า” น้ำเสียงของเป็นเอก มีความเป็นห่วงเจืออยู่ระหว่างพยางค์ โรมสังเกตได้จึงใจอ่อน ตอบเพื่อนหนุ่มไปว่าให้เข้ามาได้
    เป็นเอกเดินเกะเผลกข้ามาในห้อง เห็นโรมนอนหันหลังอยู่ก็นึกว่าอารมณ์ไม่ดี จึงยืนพิงประตูไว้เฉยๆ กอดอก มองเพื่อนหนุ่มจากด้านหลัง ซึ่งดูๆไปแล้วภาพหนุ่มผมยาวผิวขาวสะอาดนี้ ไม่ต่างอะไรจากหญิงสาว ผมสีน้ำตาลมานอนหันหลังให้เลย ผมโรมชักจะยาวเกินไปแล้วอย่างที่ประกายพรึกบอกหรือเปล่านะเนี่ย
    โรมาเห็นเพื่อนหนุ่มเข้ามาแล้วเงียบ จึงพลิกตัวกลับมาจ้องหน้าเป็นเอก
    “ยืนอยู่ทำไมล่ะ มาใกล้ๆก็ได้ไม่กัดหรอก”
    ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปาก เดินเข้ามาถึงเตียงนั่งที่หัวเตียง เหยียดขาไปสุด พิงหัวเตียงไว้อย่างนั้น ได้ยินโรมพูดว่า
    “ครั้งสุดท้ายที่นอนข้างกัน คือตอนไปค่ายตอนปีหนึ่งใช่ไหม”
    เป็นเอกหัวเราะ เลื่อนตัวลงมานอน มีเพื่อนหนุ่มอยู่ห่างไปไม่ถึงศอก จึงไม่ได้หันหน้าไปสบตา กลัวว่าจะเป็นการเข้าใกล้กันเกินไป เขายกมือขึ้นประสานกันสอดไว้ใต้ท้ายทอย
    “เอ้ามานอนข้างแล้วๆ อย่าทำอะไรนะโว้ยกลัว”
    โรมหัวเราะแห้งๆสองทีอย่างไม่ใส่ใจ
    “ไม่ทำหรอก สงสารคนเจ็บ”
    “แปลว่าถ้าไม่เจ็บยูจะปล้ำไอหรอวะ” เป็นเอกกระเถิบตัวหนี ก็เห็นโรมหัวเราะอีกครั้ง ตัวสั่นแต่ไม่มีเสียง จากหางตา
    “ยูจัดงานเสร็จแล้วหรือไง”
    “เสร็จแล้ว” เขาตอบเบาๆ ตายังจ้องไปที่เพดานอย่างไร้จุดหมาย “จะสิบเอ็ดโมงแล้ว ยูควรไปอาบน้ำแต่งตัว”
    “อยู่อย่างนี้พักหนึ่งก่อนไม่ได้หรือ” เงียบไปนาน พักใหญ่ๆ โรมนอนหงาย ยกมือประสานเหมือนเพื่อนหนุ่ม มองเพดานขาวนั้นอย่างกับว่ามันมีอะไรน่าสนใจเหลือเกิน   “เหมือนตอนปีหนึ่ง ที่นอนด้วยกันที่ค่าย”
    “อืม”
    “เชื่อเรื่องที่ว่าคนตายไปแล้วขึ้นไปเกิดเป็นดาวไหม”
    “เชื่อมั้ง” เป็นเอกหัวเราะ “ป้าไอสอนมาอย่างนั้น ยูดูเศร้าๆว่ะโรม”
    เพื่อนหนุ่มเงียบไปพักหนึ่ง แล้วก็ถามขึ้นมาอีก
    “คิดถึงพ่อหรือไง”
    โรมหันหน้ามามองเพื่อนหนุ่ม พร้อมๆกับที่เป็นเอกเองก็หันมามองเขาเช่นกัน พอผมของโรมา กองอยู่ข้างหลังอย่างนั้นหมดแล้ว หน้าตาของเขาก็ดูละม้ายคล้ายมิลานขึ้นมาเหลือเกิน ยิ่งไฟสลัวอย่างนี้ยิ่งเหมือน อดคิดไม่ได้ว่าหากได้มานอนจ้องตามิลานอย่างนี้ เขาจะควบคุมตัวเอง ให้นอนเฉยๆได้หรือไม่
    “คิดถึงสิ” โรมตอบ
    “ไอก็คิดถึงพ่อกับแม่”
    “ไอกำลังจะเป็นแบบยูเลย” โรมายิ้ม ดวงตารื้นไปด้วยน้ำตาคล้ายจะร้องไห้ แต่ก็ใจแข็งพอที่จะกลั้นมันไว้ได้อย่างนั้น “รู้สึกเหมือนไอกำลังจะเสียแม่ไปว่ะเอก”
    “เฮ้ย อย่าคิดแบบนั้น” เขาว่า “แม่แค่แต่งงาน ไม่ได้ไปตายที่ไหน ยังไงก็ยังจะได้เจอกัน ยังไงยูก็ยังมีแม่อยู่ โรม”
    โรมาเงียบไป รู้สึกตัวแล้วว่าไม่น่าพูดประโยคเมื่อครู่ออกไปเลย
    “ตามใจแม่เขาเถอะนะยังไงก็ความสุขของเขา อย่างน้อยยูก็มีโอกาสได้ตามใจแม่ อย่าให้ต้องเสียแม่ไปก่อนแล้วมาคิดว่า ไม่เคยได้รู้จักเขา ไม่เคยได้ขัดใจหรือตามใจเขาเลย เหมือนที่ไอเป็น”
    จบประโยคเป็นเอกก็ลุกขึ้นจากเตียง
    “ไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว รวบผมเสียด้วยนะ ตามใจคุณประกายพรึกเขาเสีย” เพื่อนหนุ่มว่าแล้วเดินออกมา ยังไม่ทันได้ปิดประตูดี โรมก็ตามออกมา คว้าไหล่เขาไว้ แล้วพลิกตัวของเขาไปยืนประจัญหน้ากัน ครู่ใหญ่ทีเดียวที่ต่างฝ่ายต่างก็จ้องกันอยู่เฉยๆ ดวงตาของโรมรื้นน้ำ ราวกับว่าสักนาทีหนึ่งจากนี้ มันพร้อมจะระเบิดออกมาเป็นน้ำตาได้ง่ายๆ
    “เอก มันอาจจะฟังดูประหลาด อยู่บ้างนะ แต่ขอร้องว่าอย่าทิ้งไอไปไหน ช่วยอยู่กับไอไปอย่างนี้สักพักจนกว่าไอจะทำใจเรื่องแม่ได้ ได้หรือเปล่า อย่าเพิ่งย้ายออก อย่าเพิ่งหายหน้าไปไหนนะ กลับไปยังไงก็ยังอยู่คอนโดเดิมนะ ได้หรือเปล่า เรื่องค่าใช้จ่ายถ้าไม่อยากออก ไอจะช่วยเอง ไอไม่มีใครแล้วจริงๆ”
    เป็นเอกหัวเราะลงลูกคอเบาๆ ตัวสั่นคลอนเล็กน้อยทำให้โรมรู้ตัวว่า ยังไม่ได้ถอนมือออกจากบ่าของเพื่อนหนุ่ม
    “เออไม่ไปไหนหรอก” เขาว่าแล้วก็หันหลังกลับกำลังจะเดินออกไป “อย่าทำซึ้งสิวะ ขนลุก”
    “เดี๋ยวเอก” พอเป็นเอกหันหลังปุ๊บ โรมก็ยกมือปาดน้ำตาที่ไหลลงมาอย่าห้ามไม่ได้ออกไป พอชายหนุ่มได้ยินเพื่อนเรียกก็หันกลับมา เห็นแก้มที่เปียกอยู่แม้จะเช็ดออกไปแล้วก็ตาม ก็ใจอ่อน ขยับไปไหนไม่ได้
    “มีอะไร”
    “ขอกอดสักครั้งได้ไหม” โรมว่าบังคับใจไม่ให้น้ำตาไหลออกมา และไม่ให้รวบเป็นเอกเข้ามากอดอย่างที่อยากทำ เตรียมตัวฟังคำปฏิเสธทำนองว่า
    “ไอ้บ้า อย่ามาตลก” หรืออะไรที่ร้ายแรงกว่านั้น
    แต่ท้ายที่สุดแล้ว กลับเป็น เพื่อนหนุ่มของเขาต่างหากที่ไม่ได้ตอบว่าอะไร แต่โผเข้ามากอดเขาไว้หลวมๆ ตบหลังเบาๆสองสามที แล้วก็ผละออกไปอย่างรวดเร็ว เป็นอ้อมกอดที่เพื่อนสักคนจะมอบให้เพื่อนได้ โดยไม่มีอะไรเคลือบแฝงเลยแม้แต่น้อย เป็นสิ่งที่จริงใจที่สุด เท่าที่เพื่อนชายสองคนจะปฏิบัติต่อกันได้เท่านั้น
    
     พอสองหนุ่มอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เป็นเอกก็เดินกะเผลกออกมานอกบ้านก่อนที่โรมจะตามออกมาติดๆ เป็นเอกหันมาบอกเพื่อนหนุ่มว่า
    “ต่อให้เกิดอะไรขึ้นก็ขอให้สงบสติอารมณ์ให้ดี อย่าทำงานเสีย อย่าให้แม่ขายหน้านะ” โรมาพยักหน้าอย่าเข้าใจ “ไม่เห็นแก่คุณเมฆาก็เห็นแก่คุณประกายพรึก ไม่งั้นเห็นแก่ไอก็ได้ที่อุตส่าห์จัดงานมาตั้งแต่เช้า”
    “รู้แล้วน่า” เพื่อนหนุ่มผมยาวพูดเสียงอ่อยๆ รู้ตัวว่าตัวเองไม่เป็นที่ไว้วางใจเพียงใดจากคำพูดของเป็นเอกนี้
    “ไป... ถ้างั้น” เป็นเอกเดินนำไปก่อนมีโรมเดินตามหลัง มือซุกกระเป๋าเดินมาเฉยๆ ไม่ช่วยประคองหรือถามสารทุกข์สุขดิบ แบบที่พี่ชายของเขาคงจะทำ แล้วก็ไม่ได้ชวนคุยอย่างสนุกสนานอย่างที่น้องชายของเขาจะต้องทำแน่ๆด้วย โรมชอบเดินเงียบๆ มีอะไรแล่นอยู่ในหัวตลอดเวลา ทุกครั้งที่ไปไหนกับเป็นเอก
    เดินผ่านหน้าบ้านมิลาน เป็นเอกก็ไปกดออดเผื่อว่าหนุ่มน้อยจะยังไม่ไปที่งาน ปรากฏว่ายังไม่ไปจริงๆ น้องชายของโรมวิ่งมาเปิดประตูพูดพลางหอบแฮกๆ
    “โอย อาบน้ำอยู่เลยฮะพี่เอก ขอสิบนาที” เป็นเอกเชื่อว่าอาบน้ำอยู่จริงๆ เพราะหนุ่มน้อยมาเปิดประตูรับเขาในผ้าเช็ดตัวสีขาวสะอาดพันไว้รอบเอวอย่างหลวมๆ อย่างน่ากลัวว่าจะหลุดมาเมื่อไหร่ก็ได้ ร่างกายท่อนบนมีน้ำเกาะอยู่พร่างพราวผมเปียกลู่เสยไปพ้นหน้า ดูน่าดึงดูดอย่างไม่ต้องสงสัย “เข้ามานั่งรอไหมฮะ”
    เป็นเอกเดินเข้าไปตามคำเชิญชวน นั่งรอที่ห้องรับแขกที่ตกแต่งคล้ายๆกับบ้านของโรม เว้นแต่ว่าดูทันสมัยกว่า ภาพวาดต่างๆก็เป็นภาพอาร์ตแบบ แอบสแตรก และลายกราฟฟิกต่างๆ ข้าวของเครื่องใช้ก็ดูทันสมัยกว่ามากเห็นได้ชัดว่าหนุ่มน้อยคนนี้เป็นคนติดความสบายจริงๆ
    สิบนาทีของมิลานคือ สี่สิบกว่านาทีของเวลาที่เขาใช้ไปจริงๆ รอกันเกือบเมื่อยแล้วหนุ่มน้อยก็กลับมาในชุดสูทสีขาวสะอาดอย่างหนุ่มน้อย ผมที่ไม่ถูกไถเปิดข้างไม่ได้ตกลงมาปรกบนหน้าผากอย่างน่ารำคาญอีกแล้ว แต่หวีเสยเปิดหน้าผากกลมกลึงเอาไว้ ดูแปลกตา แต่ก็หล่อน่ารักไปอีกแบบ
    “ไปฮะขอโทษที่ให้คอย”
    โรมเดินนำหน้าไปก่อน ตามสไตล์เพราะอยู่ใกล้ประตูที่สุด ไม่คิดจะรออยู่ก่อนอย่างรักษามารยาท แต่อย่างใด ทำให้เป็นเอกอ้อยอิ่งอยู่สักครู่ขณะที่มิลานเช็คผมเป็นครั้งสุดท้าย
    “พี่เอกเหนื่อยไหม” เขาถาม “ได้ข่าวว่าจัดงานเองเลยหรือฮะ”
    “ครับ แล้วลานหายไปไหนมาทั้งวัน พี่นึกว่าจะมาอยู่ช่วยกัน”
    หนุ่มน้อยหัวเราะลงลูกคอ
    “ผมก็อยู่มาส์ก หน้าเตรียมตัวอยู่ในนี้สิครับ” เขายักคิ้ว ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เป็นเอก “นี่ไง หน้าเนียนขึ้นไหม”
    “จะเนียนขึ้นได้ยังไง” เป็นเอกหัวเราะอย่างประหม่า “มันเนียนอยู่แล้วนี่”   “โธ่ แต่มันหอมมากเลยครับ มาส์กอันนี้” หนุ่มน้อยว่า หากมิลานไม่ใช้น้องของโรม เขาคงกล้าได้กล้าเสียถามว่า
    “หอมจริงหรือเปล่า ขอพิสูจน์ได้ไหม” ไปแล้ว แต่ด้วยความที่กลัวน้องของเพื่อนจะไม่ชอบใจแล้วจะผิดใจกันเสียเปล่า จึงไม่ได้ทำอะไรจนแล้วจนรอด
    “เนี่ย ลองดมดูซีฮะหอมมาก” หนุ่มน้อยยื่นมือให้ เป็นเอกก็ใจสั่นก้มลงสูดกลิ่นหอมหวานนั้นที่ข้อมือ พอเงยหน้าขึ้นก็พบว่าหนุ่มน้อยเดินเข้ามาใกล้อีก ยกมือขึ้นจัดเนคไทให้เขาใหม่ “ไท เบี้ยวฮะ”
    เป็นเอกหน้าแดง ไม่รู้ว่ามิลานจะเห็นข้อนี้หรือไม่ เพราะเพื่อนหนุ่มของเขาร้องเรียกมาจากนอกบ้าน
    “สองคนนั้นน่ะ จะออกมาได้หรือยัง”
    “มาแล้วค้าบ” มิลานตะโกนตอบออกไป ไม่ลืมหันมายักคิ้วให้เป็นเอก แล้วเดินตัวปลิวออกไปก่อน โชคดีเหลือเกินที่เรื่องออกมาเป็นแบบนี้ เพราะหากโรมไม่เรียกไว้เมื่อครู่ เป็นเอกคงอดใจไม่ไหวอีกต่อไป โน้มคอหนุ่มน้อยมาจูบเสียให้หายอยากสักทีสองที

    บรรดาแขกเหรื่อมากันเกือบหมดแล้ว เจ้าบ่าวเจ้าสาวยืนอยู่ที่ซุ้มดอกไม้ที่เป็นเอกจัดไว้ให้ถ่ายรูป ยิ้มกว้างให้เพื่อนฝูงและญาติๆที่เดินผ่านไปมา
    ประกายพรึกดูสวยราวกับสาวแรกรุ่นในชุดเกาะอกสีครีมรัดคอเซตไว้รอบเอวท่อนล่างไม่ใช่กระโปรงยาวฟูฟ่องแบบที่เคยเห็นกันทั่วไป แต่เป็นผ้าโปร่งบางเบาหลายชั้นยาวลากพื้น เคลื่อนไหวทีก็โบกพลิ้วไปกับสายลมที ผมดำสนิทที่มักแสกกลางปล่อยปลายให้แนบดวงหน้านั้น รวบขึ้นเป็นมวยไว้เหนือกระหม่อม ทิ้งผมส่วนหนึ่งดัดไว้อ่อนช้อยเลื้อยรอบกรอบหน้า ขับดวงหน้าที่แต่งอ่อนๆอย่างเป็นธรรมชาติให้ดูสวยเด่นขึ้น ฝ่ายเจ้าบ่าวก็อยู่ในสูทสีครีม เสื้อเชิ้ตด้านในเป็นสีชมพูโอลด์โรสเข้ากันกับสีธีมของงาน มีดอกไม้กลัดไว้ที่ปกเสื้อยืนยิ้มไม่หุบด้วยความภาคภูมิใจ และสุขใจที่ได้แต่งงานกับคนที่ตนรัก
    พอเห็นลูกเลี้ยงและเพื่อนเดินมาก็สะกิดเรียกเจ้าสาวของตน ประกายพรึกเห็นลูกๆ ก็โบกมือเรียกเข้าไปถ่ายรูป
    “โรม มิลาน เอก มาถ่ายรูปกันลูก” เดินเข้าไปใกล้ ตากล้องก็เอ่ยขึ้นว่า
    “เอ้าเจ้าบ่าว เจ้าสาวถ่ายกับลูกชายเลยครับ”
    เป็นเอกถือว่าตัวเองไม่ใช่ลูกก็เลยยืนอยู่ข้างตากล้องไม่ยอมเข้าไปถ่าย
    “หนูเอก มาถ่ายกับแม่ซีจ๊ะมาลูกขึ้นมา” ชายหนุ่มกำลังจะปฏิเสธ แต่ก็ถูกใครคนหนึ่งเข้ามาคว้าต้นแขนไว้ ไม่ต้องหันไปก็รู้ว่าเป็นเวนิส
    “ไป เข้าไปถ่ายรูป”
    “เอ้าตาเวมาพอดี มาถ่ายด้วยกันทั้งสี่คนเลยลูกมาเร็ว” ประกายพรึกว่าอีกครั้ง บวกกับแรงบีบของเวนิสที่ต้นแขนเป็นเอกจึงปฏิเสธไม่ได้ เดินเข้าไปพร้อมถ่ายรูป เวนิสเลือกยืนข้างเมฆาเพราะโรมกับมิลานต่างก็ยืนติดกับแม่ปล่อยให้ข้างเจ้าบ่าวมีที่ว่างอยู่แล้ว พอเป็นเอกเข้าไปยืนตรงนั้นก็เท่ากับไปยืนทำตัวไม่ถูก อยู่ข้างเวนิส ตรงสุดขอบเฟรมพอดี
    “พี่เอกมายืนข้างลาน” หนุ่มน้อยเรียก เขาจึงเดินกะเผลกย้ายฝั่งไปยังไม่ทันถึงที่เป็นเอกก็ได้ยินตากล้องโพล่งขึ้นมาว่า
    “ภาพเอียงแล้ว ฝั่งโน้นมีที่ว่างคุณอยู่ที่เดิมแหละ”
    “เอกคงเดินไม่สะดวก ผมย้ายฝั่งเองดีกว่าครับ” โรมว่าเดินย้ายไปอยู่ข้างเมฆาอย่างไม่มีใครมาสั่ง สร้างความประหลาดใจให้กับบ่าวสาวยิ่งนัก
    ตากล้องกดชัตเตอร์ แชะ ได้รูปมาเรียบร้อย
    ก่อนจะเดินลงจากยกพื้นนั้น เป็นเอกเดินผ่านโรม ได้ยินเขาพูดกับเมฆาเบาๆว่า “ยินดีด้วยนะครับ” เพียงห้าพยางค์เท่านั้น เจ้าบ่าวก็มองหน้าเจ้าสาวเลิ่กลั่ก อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
    พอหนุ่มๆทั้งสี่ เดินออกจากฉากนั้นไปแล้วเมฆาก็หันมาถามเจ้าสาว
    “ดาว ทำไมวันนี้ลูกคุณดูแปลกๆ”
    “ตาโรมน่ะหรือ สงสัยหนูเอกคงพูดอะไรไปแล้วล่ะ” หล่อนชะเง้อมองเห็น โรมประคองเป็นเอกเข้าไปไหว้ญาติผู้ใหญ่ มีเวนิสคอยอยู่ใกล้ๆ ส่วนลูกคนเล็ก ก็วิ่งไปโต๊ะโน้นโต๊ะนี้อย่างเด็กชอบเข้าสังคม แต่ก็หันมายิ้มให้เป็นเอกเป็นพักๆ
    “เป็นเอกนี่มีอิทธิพลกับลูกของดาวจังนะ” เมฆาว่า
 
     เวนิสพาเป็นเอกมานั่งที่โต๊ะก่อน ตรงนั้นเป็นโต๊ะวีไอพีสำหรับลูกชายทั้งสาม เป็นเอก และญาติๆใกล้ชิดกันอีกสี่คน เป็นเอกไหว้ทุกคนแล้ว พอเวนิสแนะนำว่าเป็นคนตกแต่งสถานที่ บรรดาญาติๆก็เอ่ยปากชมกันไม่ขาดปาก
    คุยกันไปตามมารยาทไม่กี่คำ บรรดาแขกเหรื่อก็ทยอยกันไปตักอาหารมากิน เป็นเอกกำลังจะลุกขึ้นเวนิสก็กดบ่าเขานั่งลง
    “ผมตักให้คุณอยากกินอะไรก็บอกมา”
    “ไม่เป็นไรครับ” เขาตอบ “ผมไม่รู้ว่ามีอะไรกินบ้าง คงต้องไปเดินดู”
    “ไม่รู้ได้อย่างไรก็คุณเป็นคนจัดโต๊ะบุฟเฟ่ต์”
    “ผมไม่รู้เรื่องอาหาร ผมดูเรื่องตกแต่งสถานที่อย่างเดียว” เป็นเอกตอบเวนิสก็เลยพูดขึ้นว่า
    “ถ้างั้นผมช่วย คุณลุกไหวไหม”
    “ผมมีไม้ค้ำครับ ขอบคุณ”
    กระนั้นต่อให้เป็นเอกลุกไปเองได้ เวนิสก็ยังยืนยันจะเป็นฝ่ายตักอาหารให้เขาอยู่ดี ราวกับเป็นเอกแขนหักด้วยอีก อย่างไรอย่างนั้น

***********************************************************************
ตอนนี้เป็น fan service ให้แฟนโรมครับ เด๋วช่วงนี้จะมีโมเม้นนี้ตลอด แต่ไม่รู้เป็นเอกจะเล่นด้วยกับโรมแค่ไหน ตอนนี้จิตใจเป็นเอกกำลังเป็นเอามากกับมิลานอยู่ อย่าลืมติดตามกันนะครับ
ปล. คนที่ยังไม่ได้จองปางบรรพ์ อย่าลืมไปลงชื่อนะครับ เดี๋ยวผมจะแจ้งรายละเอียดแล้วก็เปิดโอนตังค์แล้วคร้าบบ  ขอบคุณทุกคนเลยครับที่ยังไม่ทิ้งกันไปไหน

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
คิดว่าเป็นเอกคิดกับโรมแค่เพื่อนจริงๆอ่ะ แต่ยังไงก็เชียร์โรมน้า  มิลานรู้แล้วแน่เลยว่าเอกชอบ แบบนี้จะโดนงาบง่ายๆมั้ยนี่ :z3:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
โรมเป็นคนอ่อนไหวมาก ๆ  และก็เป็นคนที่เก็บตัวมากทีเดียว  โชคดีที่มีเป็นเอกเป็นเพื่อนและเข้าใจ
ตอนนี้เป็นเอกออกแนวหลงมิลานมาก  จนเห็นทุกการกระทำของเวนิสน่าเบื่อ  น่าสงสารเวนิส
อ่านตอนนี้แล้วขำที่เมฆาตกใจกับคำแสดงความยินดีของเป็นเอก  นึกภาพออกเลย


ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
ถ้าเอกได้กับมิลานขึ้น สงสัยโรมจช๊อกตาตั้งแน่ๆ

แต่อ่านๆมาสามคนยังไม่เข้าแก๊บสักคน ไม่เหมือนพระเอกสักคน เลือกทางที่สี่หาคนใหม่ดีกว่า

vizaa

  • บุคคลทั่วไป
ตามมาเป็นกำลังใจให้นักเขียนคนเก่งครับ คิดถึงผลงานน้องกายจังคร้าบบ

เดี๋ยวไปอ่านก่อนนะครับ :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
อืม

เป็นเอกมีอิทธิพลกับลูกๆทั้งสามของคุณแม่จริงๆ

แต่ที่คุณแม่ไม่รู้คือ ลูกๆทั้งสามของคุณแม่ก็มีอิทธิพลต่อคนอ่านเหมือนกัน
 :z1: :z1:

เลือกไม่ถูกค่ะ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ถ้าเอกได้กับมิลานขึ้น สงสัยโรมจช๊อกตาตั้งแน่ๆ

แต่อ่านๆมาสามคนยังไม่เข้าแก๊บสักคน ไม่เหมือนพระเอกสักคน เลือกทางที่สี่หาคนใหม่ดีกว่า
ขอเสนอเมฆา  อิ อิ  ว่าแต่วันนี้จะได้อ่านมั๊ยน๊อออ

ออฟไลน์ kit

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-3

ว้าย คุณแม่ดาวขา....เลี้ยงลูกมายังไงนี่



.



.



.



.



.



ถูกใจกิต.ทั้งสามคน
ไม่ทราบจะให้เป็นเอกเลือกใครดี
ไม่อยากให้อีกสองคนเสียใจค่ะ

๒๑๑ + ๑ = ๒๑๒
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky


ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
เพิ่งมาคร้าบบบ

ยังไม่ได้เริ่มอ่านเลย กะลังอ่านคุณชายอยู่

เด้วจะตามมาอ่านครับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด