[ท า ง ส า ม ส า ย] บทที่ 16 - เป็นเอก-โรม's moment(2) 22/04/11 - 21.00
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [ท า ง ส า ม ส า ย] บทที่ 16 - เป็นเอก-โรม's moment(2) 22/04/11 - 21.00  (อ่าน 42824 ครั้ง)

ออฟไลน์ kit

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-3
•     “แหม เห็นคุณเป็นเอกคุณกับคุณเว คุณลานแล้ว
นึกถึงเจ้าโรมเหมือนกันนะ น่าจะอยู่กันครบๆ”
เขาวางแก้วเซรามิกสี่ใบลงบนโต๊ะ รินน้ำชาให้ช้าๆ
ต๊าย นายทัดตีเสมอ เป็นญาติผู้ใหญ่ของบ้านนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน
ถึงมาเรียกโรมันสกี้ของกิต.อย่างนั้น ชิส์

๑๘๐ + ๑ = ๑๘๑
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-03-2011 22:44:03 โดย kit »

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
เพิ่งได้แวะเข้ามาอ่านเรื่องใหม่ของ คุณ Purple_Sky

ยังคงความสนุกไว้เหมือนเคยนะคะ เรื่องนี้น่าติดตามจริงๆ

เรานั่งอ่านไปเรื่อยๆ ก็มาถึงตอน 8 ซะแล้ว

เป็นเอกน่ารักมากเลยค่ะ ชอบผู้ชายบุคลิกอย่างงี้จัง ฮ่าๆ

รอตอนต่อไปนะคะ : )

ออฟไลน์ Purple_Sky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +354/-1
Capitolo nove

    แล้วนี่พวกคุณจะไปขี่ม้ากันหรือเปล่าครับ” ลุงทัดถามเมื่อเห็นว่าคุยกันมานานจนแดดร่มแล้ว นาฬิกาก็บอกเวลาว่าเกือบสี่โมงเย็น หน้าหนาวฟ้ามืดเร็วเสียด้วยอากาศข้างนอกจึงดีพอๆกับหกโมงเย็นของเวลาปกติ
    “ขี่ซีฮะ อุตส่าห์มาถึงนี่” มิลานเป็นคนตอบ
    “คุณลานนะหรือขี่ม้า เด็กๆกลัวม้านักไม่ใช่หรือครับ”
    “ลุงทัด ตอนนั้นผมตัวแค่นี้ม้าตัวเท่านี้ก็ต้องกลัวซี”  หนุ่มน้อยทำท่าทำทางประกอบ “ตอนนี้สูงพอๆกะม้า ไม่กลัวละฮะ”
    “คุณเวก็คงขี่เจ้าเนโรตามปกติ แล้วคุณเอกล่ะครับ จะขี่หรือเปล่าผมได้เตรียมม้าให้” ลุงทัดถามเขา แต่คนถูกถามยังไม่ทันตอบ เวนิสก็เอ่ยแทรกขึ้นมาว่า
    “ลุงเตรียมอุปกรณ์ป้องกันให้เอกละกัน เขาไม่เคยขี่เดี๋ยวผมจะสอนเขาก่อนวันนี้ ก่อนกลับกรุงเทพคุณได้ขี่ม้าเป็นสมใจแน่”
    “วันนี้ ไม่เอาก่อนได้ไหมครับ” เป็นเอกว่า ไม่รู้จะอ้างว่าอะไรดีก็บอกว่า “ผมเพิ่งกินมาอิ่มๆ ยังไม่อยากไปทำอะไรเหนื่อยๆเดี๋ยวจะอ้วกเอา”
    “พี่เอกป๊อดหรือ” มิลานยักคิ้วขวาหนึ่งที “ไม่แน่จริงนี่นา”
    “พี่ไม่ได้กลัว แต่อิ่มจริงๆ ไว้วันหลังแล้วกัน” พอเขาว่าอย่างนั้น มิลานก็หัวเราะ แล้วก็ร้องเพลงล้อเป็นเอก เดินนำออกไปข้างนอก เวนิสหัวเราะตามไป ทิ้งเอาเจ้าของชื่อในเนื้อเพลง เดินส่ายหัวแล้วยิ้มอย่างเอ็นดูปิดขบวนไปเป็นคนสุดท้าย เห็นมิลานหันมายักคิ้วให้ ก็ยักตอบ
    “พี่เอกเขาไม่กล้า แค่เห็นม้าก็ขาสั่น ถ้าขี่คงฉี่แตกพลัน พี่เอกนั้นใจปลาซิว” หนุ่มน้อยร้องซ้ำอีกรอบก่อนจะวิ่งเข้าไปในคอกม้า มีพี่ชาย และลุงคนสนิทตามเข้าไป เป็นเอกยืนเกาะคอกม้ารออยู่ข้างนอกไม่ถึงสองชั่วโมงที่อยู่กับหนุ่มน้อย ทำไมเขาถึงรู้สึกว่า สนิทกันมานานมากแล้วก็ไม่รู้
    
    เวนิส เหวี่ยงตัวขึ้นขี่เจ้าเนโรอย่างคล่องแคล่ว ขนของเจ้าม้าสีดำสนิทเข้ากันกับสีผมของชายหนุ่มผู้สง่างามน่าเกรงขาม ขณะเดียวกันกับที่มิลานปีนขึ้นขี่ม้าสีน้ำตาลอ่อนอีกตัว ที่ชื่อว่าโอโร หนุ่มน้อยเสยผมขึ้นก่อนจะควบม้าตัวนั้นเดินช้าๆอย่างสง่าเข้ามาหาเป็นเอก
    “พี่เอกไม่ขี่จริงๆหรือ” เขาถามจากบนตัวม้า เป็นเอกก็ตอบว่าเหนื่อยจริงๆ ขอเดินถ่ายรูปแถวนี้ก็พอ “ถ้างั้นผมฝากบีบีนะฮะ”
    มิลานยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้เขา ก่อนจะควบม้าวิ่งออกไปจากตรงนั้นพักเดียวก็ตรงกลับมา
    “ร้อนฮะ ฝากเสื้อด้วยได้ไหม” หนุ่มน้อยถอดเสื้อออก เผยให้เห็นหุ่นสวย มีกล้ามท้องเล็กน้อยดูเซ็กซี่ ไรขนจางๆ เป็นทางจากสะดือหายไปในกางเกงเอวต่ำ หน้าอกมีกล้ามแน่นไปหมดขาวสะอาด เนียนพอๆกับใบหน้า มิลานโยนเสื้อกล้ามสีขาวเปียกเหงื่อตัวนั้นลงมาให้เป็นเอก ที่ยืนอยู่ริมคอกม้า “โทษฮะพี่เอก รับนะฮะ”
    เสื้อกล้ามอยู่ในมือของเป็นเอกมีกลิ่นน้ำหอมหวานๆ ติดอยู่โชยขึ้นมาตามลมติดจมูกชายหนุ่ม มิลานโบกมือก่อนจะบอกว่า
    “ไปนะฮะ” ทันทีที่ควบม้าจากไปก็เห็นว่าที่ด้านหลังบริเวณใกล้กับก้นกบเป็นรอยสักรูปตัวเอ็ม มีลวดลายคล้ายสามเหลี่ยมอยู่รอบนอก ชี้หัวสามเหลี่ยมนั้นลงไปใต้กางเกงยีนส์เอวต่ำ ราวจะเชิญชวนให้เป็นเอกอยากรู้เหลือเกินว่า ต่ำลงไปจากสามเหลี่ยมนั้น มีอะไรที่น่าดูกว่านั้นซ่อนอยู่หรือไม่
     ม้าสีดำ และน้ำตาลวิ่งแข่งกันทะยานไปในทุ่งกว้าง ด้วยท่าทางสง่างามอย่างกับนักแข่งม้าที่เป็นเอกเคยเห็นบ้างในโทรทัศน์ ทำให้รู้ว่าสองหนุ่มตรงหน้านี่ชำนาญในการบังคับมันเพียงใด
    เนโรก้าวสั้นๆ แต่รวดเร็ว ดูสง่างามขนของมันไหวน้อยๆ ยามที่เวนิสบังคับให้เลี้ยวไปทางโน้นทางนี้  ต่างจากเจ้าโอโร ที่ก้าวยาวๆ พุ่งไปข้างหน้าอย่างปราดเปรียวพอๆกับหนุ่มน้อยที่นั่งอยู่บนหลังของมัน ขนสีน้ำตาลทองจางๆ ปลิวไสวไปกับสายลม พอๆกับผมของมิลาน เป็นเอก ยกกล้องขึ้นถ่ายภาพสองหนุ่มเก็บไว้อย่างเพลิดเพลิน แสงแดดยามนั้นเป็นสีทองอร่ามเมื่อใกล้จะพ้นเหลี่ยมเขา ทำให้ภาพสองหนุ่มบนหลังม้าดูงดงามราวกับ เจ้าเผ่าอินเดียนแดง ควบม้าทะยานไปยังหมู่บ้านของตน
     สักพักรู้สึกว่ามีใครเดินมาข้างหลัง เป็นเอกก็หันไป พบว่าเป็นลุงทัด
    “คุณเว กับคุณลาน ช่างต่างกันนักคุณว่าไหม” ชายคนนั้นว่า
    “ครับ” เป็นเอกตอบเบาๆ “ถ้าโรมอยู่ด้วย ก็คงยิ่งต่าง ฝ่ายนั้นคงไม่ขึ้นไปอยู่บนหลังม้าอย่างนั้นหรอกว่าไหมครับ คงยืนอยู่ตรงนี้เหมือนกับผม”
    “ใช่” เขายิ้ม “คงยืนวาดภาพพี่กับน้อง คล้ายกับที่คุณทำอยู่”
    เป็นเอกพยักหน้า จินตนาการตามว่า หากลุงทัดถามว่า จะไปขี่ม้าหรือเปล่า โรมคงเบ้ปากแล้วพูดว่า
   “ขี่ทำไม เดี๋ยวตกลงมาแข้งขาหักผมไม่เอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงกับสัตว์หน้าขนที่ไว้ใจไม่ได้เป็นอันขาด ขอยืนดูอยู่ตรงนี้แล้วกัน”
    โรมดูขวางโลกอย่างนี้เสมอ เขาชอบอยู่นิ่งๆ ไม่เหมือนเวนิสที่ต้องทำโน่นทำนี่ตลอดเวลา เงียบๆ ต่างจากมิลานที่ชอบพูดชอบคุย อย่างเดียวที่เขาชอบคือศิลปะ เขาอยู่กับมันได้ทั้งวัน ตลอดเวลาชนิดที่ว่าหากเป็นคนอื่นคงจะเบื่อทำให้โรมไม่ค่อยมีเพื่อน พี่น้องสามคนนี้ไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย
    “ผมเป็นหมันมีลูกไม่ได้ แต่ก็ยังเคยคิดนะว่า ถ้ามีลูกผมจะอยากมีลูกแบบคุณคนไหน” เขาว่าเบาๆ “ไม่เคยตอบได้เลย ทั้งสามคนต่างกันมากมีข้อดี ข้อเสียกันคนละแบบ จนไม่รู้ว่าแบบไหนดีกว่ากัน”
    ลุงทัดเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะบอกว่า
    “แต่ถ้าเลือกจริงๆ คงเลือกคุณเว เขาช่างเอาใจ สุภาพอ่อนน้อม เก่งทีเดียวเรื่องทำให้คนอื่นมีความสุขเนี่ย ถ้าคุณชอบเที่ยวเขาจะพาคุณเที่ยว ถ้าคุณชอบอยู่บ้านเขาจะอยู่กับคุณ เสียอย่างเดียวก็ตรงที่ตามใจคนอื่นเสียทุกเรื่องจนกลายเป็นน่าเบื่อเนี่ยแหละ พูดไปแล้วนิสัยอย่างนี่ละที่ผู้หญิงชอบ” เขาหัวเราะ “ผู้หญิงชอบคนตามใจ คิดว่าจะได้แต่งงานก่อนใครเขา ได้ข่าวว่าไปอยู่ที่อิตาลีก็มีแฟนเหมือนกัน คิดว่าจะพามาแต่งที่ไทย ไม่ก็อยู่กินที่โน่น ไม่รู้ทำไมกลับมาตัวคนเดียวอย่างนี้”
    “คุณเวเล่าว่า เลิกกับแฟนแล้วนะครับ” เป็นเอกว่า
    “เสียดาย” ลุงทัดออกความเห็น “เสียดายแทนผู้หญิงคุณว่าไหม คุณเว เขาดีที่หนึ่งอย่างนี้ไม่รู้ทำไมผู้หญิงถึงปล่อยให้หลุดมือ”
    “ผมว่า คงเพราะดีเกินไปหรือเปล่าครับ อย่างในนิยาย” เป็นเอกพูดติดตลก ทำให้ชายร่างใหญ่ข้างๆพลอยหัวเราะไปด้วย
    “นั่นซี ต่างจากคุณลานนะ แม่เขาเล่าให้ผมฟังว่ามีแต่คนมาติดทั้งที่เหลาะแหละไม่เอาไหน เอาแต่ใจแล้วก็พูดมากน่ารำคาญ” ลุงทัดพูดไปหัวเราะไป “โลกนี้ก็ตลกนะคุณ แล้วคุณโรมล่ะ มีใครมาติดพันด้วยหรือเปล่า”
    เป็นเอกส่ายหน้าช้าๆ
    “ไม่มีนะครับ ผมคบมันมา 6 ปีไม่เคยเห็นมีแฟนสักคน”
    “น่ากลัวน้องเล็กจะแต่งงานก่อนเพื่อนเสียแล้ว” ลุงทัดหัวเราะ “คุณเวอาจต้องรอหน่อยแต่คงมีผู้หญิงดีๆปลงใจแต่งงานด้วยสักวัน เห็นว่าจะมีคุณโรมละมังครับที่จะไม่ได้แต่งงาน”
    “นั่นซีครับ” เป็นเอกยิ้ม
    “คุณเอกช่วยๆ คุยไว้หน่อยก็ดีนะครับ” เขาว่าเบาๆ “คุณดาวเขาหนักใจ ลูกสามคนยังไม่มีใครเป็นฝั่งเป็นฝา แต่ตัวเองแต่งเข้าแล้วสอง”
    ชายหนุ่มพยักหน้า
    “พูดถึงเรื่องแต่งงานนี่ คุณโรมเคยพูดอะไรไหมครับคุณเอก”
    เป็นเอกรู้ดีว่า ประกายพรึกคงวานให้คนสนิทมาถามไถ่ สืบเอากระมังว่าลูกชายทั้งสามคนของหล่อนยินดีกับเรื่องนี้มากน้อยเพียงใด
    “ไม่ทราบซีครับ” เขาว่า “โรมมันดูไม่ค่อยพอใจก็จริง แต่ก็คงเห็นว่าเป็นความสุขของแม่ ผมว่าโรมไม่น่าจะขัดใจแม่ครับ”
    ลุงทัดหันหลังพิงคอกม้า มองตรงไปข้างหน้าเห็นทะเลสาบโคโมจำลอง ส่องแสงวิบวับสีทองย้อมด้วยอาทิตย์ แล้วก็พูดด้วยเสียงหนักใจ
    “ผมรู้จักคุณดาว กับคุณคาร์โลมาก่อนมีลูกเสียอีก” ชื่อหลังนี้เป็นเอกเข้าใจว่าคือพ่อของโรม “เขารักกันดี แต่งงานกันแล้วมีลูกด้วยกัน แล้วก็ยังจะมาขี่ม้าที่นี่บ่อยๆ พอคุณดาวหย่ากับคาร์โลก็ตกใจไม่คิดว่าจะหย่าทั้งที่อยู่กันมาได้สิบกว่าปี ยิ่งคุณดาวมาพบกับคุณเมฆา ที่นี่ และตัดสินใจจะแต่งงานด้วยแล้ว ผมยิ่งหนักใจ สงสารคุณๆเขา”
    เป็นเอกไม่ออกความเห็นเพราะคิดว่าเขาเป็นคนนอกไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลย ลุงทัดเห็นว่าชายหนุ่มตั้งใจฟังดี ก็เล่าต่อไป
    “แต่ผมไม่เคยเห็นคุณดาวมีความสุขเท่าตอนที่คบกับคุณเมฆเลยนะคุณเอก คุณเมฆเขาช่างเอาใจ ไม่ค่อยเหมือนคาร์โล รายนั้นต่อให้รักมากก็จริงแต่ไม่ค่อยแสดงออก แล้วคุณก็น่าจะพอรู้ว่าผู้หญิงน่ะ ชอบคนเอาใจ ชอบคนแสดงออก คุณดาวเธอก็เลยรักคุณเมฆมาก”
    “แล้วคุณเมฆาเขารักคุณประกายพรึกจริงหรือครับ”
    “ถ้าคุณคิดว่าเขาจะมาหลอกคุณดาวละก็ ไม่เลยครับคุณเอก คุณเมฆาไม่เคยได้เงินจากคุณดาวเลยสักสตางค์แดงเดียว” เขาว่าอย่างนั้นแล้วก็ไม่มีโอกาสได้พูดต่อ เมื่อหนุ่มน้อยผมสีฟาง ควบม้าเข้ามาถึงตรงนั้นแล้ว
    “พี่เอก พี่เวชวนเข้าป่า ไปกันไหมฮะ” เขาว่าเสียงนุ่มเล็กอย่างหนุ่มน้อย เป็นเอกเห็นเวนิสตามมาอยู่ข้างๆ น้องชาย พูดด้วยเสียงขรึมตามเดิมว่า
    “ต้นไม้บางต้นกำลังผลัดใบสวยเชียว เผื่อคุณอยากถ่ายรูป”
    “ไปซีครับ” เขาว่า “เดี๋ยวผมเดินตามไป”
    “ได้ยังไง ฟ้ามืดพอดี...” เวนิสกำลังจะพูดต่อแต่พูดไม่ทัน มิลานแย่งพูดไปก่อนแล้วว่า
    “ขี่ม้าไปดีกว่า มาผมให้ซ้อน” หนุ่มน้อยบนหลังม้ายิ้มให้อย่างไม่คิดอะไร แต่หนุ่มที่ถูกชวนซี คิดไปไกลเสียแล้ว ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากพยักหน้าเพราะกลัวว่าเสียงจะสั่นด้วยความตื่นเต้นจนหนุ่มน้อยรู้ทันว่าเขาเริ่มหวั่นไหวเสียแล้ว เป็นเอกไม่ใช่พระอิฐ พระปูนมีหนุ่มหุ่นดีอย่างนี้มาอยู่ต่อหน้า เป็นใครไม่หวั่นไหวก็บ้าแล้ว “มาฮะ แขวนเสื้อไว้ที่คอกก่อน แล้วปีนขึ้นมาเล้ย”
    หนุ่มน้อยยื่นมือให้เป็นเอกจับไว้มั่นก่อนที่ชายหนุ่มจะเหยียบที่วางขาโหนตัวขึ้นไป เวนิสมองว่าเรียบร้อยดีแล้วก็ควบม้าออกไปก่อน มิลานจับบังเหียนบังคับให้โอโรเดินออกไปจากตรงนั้นช้าๆ เป็นเอกนั่งอยู่ข้างหลัง ห่างจากมิลานเกือบคืบตาไม่ได้มองทิวทัศน์ที่แสนจะสวยงามของป่าไม้ผลัดใบ ได้แต่จ้องรอยสักสามเหลี่ยมนั้นไหวน้อยๆตามแรงกระเทือนจากการเดินของม้า เหงื่อผุดขึ้นตามไรผมอย่างห้ามไม่ได้
     “พี่เอกเขยิบมา นั่งเสียห่างเลย” ชายหนุ่มทำตามที่หนุ่มน้อยว่า ตัวเกือบจะชิดเข้ากับแผ่นหลังของหนุ่มน้อย อะไรต่อมิอะไรเกือบจะแนบกันเป็นแผ่นเดียว สักพักพอหนุ่มน้อยเริ่มจะควบม้าเร็วขึ้นไปตามเนินเขาที่ชันขึ้นเรื่อยๆ เขาก็จับมือเป็นเอกมากอดหลวมๆไว้ที่เอว “พี่เอกกอดผมไว้ จะไปเร็วแล้วเดี๋ยวตก”
    ชายหนุ่มทำอะไรไม่ได้นอกจากกอดหนุ่มน้อยเอาไว้แน่นเพราะจู่ๆ เจ้าโอโรก็วิ่งเร็วขึ้น เร็วขึ้นเรื่อยๆ “เกาะแน่นๆ ฮะผมจะเร่งสปีดแล้ว”
    เป็นเอกกระเถิบตัวเข้าไปชิดจนได้ แรงกระเทือนขึ้นลงเป็นจังหวะทำอารมณ์ของเขากระเจิงไปไกล ด้านหลังของมิลานเคลื่อนตามจังหวะเสียดสีกับส่วนหน้าของเขาอย่างช่วยไม่ได้ มือที่กอดไว้หลวมๆแต่แรก กระชับแน่นเข้า กลิ่นน้ำหอมที่ซอกคอนั้น หวานไม่ต่างจากคาราเมลกรุ่นๆที่เพิ่งยกลงจากไฟ
    “กลัวหรือ” หนุ่มน้อยหันมา ทำให้ใบหน้าใกล้กับเป็นเอกเพียงคืบ เห็นหนุ่มที่อยู่ข้างหลังพยักหน้าก็หัวเราะ แล้วก็เร่งม้าให้เร็วขึ้นไปอีกกระทั่งตามเวนิสทัน หนุ่มน้อยจึงลดความเร็วลงเกือบจะเหมือนตอนเริ่มออกเดิน เป็นเอกจึงคลายอ้อมกอดออกจากน้องชายของเพื่อนเขาอย่างรวดเร็ว
    พอสติกลับมาเขาจึงเห็นบรรยากาศรอบๆตัวว่าสวยเพียงใด ต้นไม้ตรงนั้นเป็นต้นอะไร เป็นเอกบอกไม่ถูก แต่ใบของมันเปลี่ยนเป็นสีเหลืองบ้าง น้ำตาลบ้าง หล่นลงแทบจะเกลื่อนพื้นเห็นเป็นพรมสีทองอร่าม อยู่ตรงนั้น
    “สวยไหม” เวนิสเป็นคนถาม เป็นเอกก็พยักหน้าไม่กล้าพูดอะไร กลัวว่าเสียงจะสั่นให้สองพี่น้องได้ยิน “ลงเดินเล่นกันเถอะ”
    ชายหนุ่มผมดำหยักศก กระโดดงจากม้า จูงเนโรเข้าไปผูกไว้กับต้นไม้ใหญ่ตรงนั้น เป็นเอกทำท่าจะกระโจนตามลงไปบ้าง แต่ก็ไม่กล้าจนแล้วจนรอด ยักแย่ยักยันจนเวนิสอดขำไม่ได้ ตรงเข้ามายื่นมือให้ชายหนุ่ม เป็นเอกย้ายขาขวามารวมอยู่ฝั่งเดียวกับขาซ้ายก่อนที่จะก้มตัวลง ให้เวนิสจับไว้ได้ถนัด แล้วจึงหย่อนตัวลงมา ล้มเซเข้าอ้อมกอดของชายหนุ่ม
    กลิ่นเหงื่อของเวนิส ต่างจากกลิ่นน้ำหอมของมิลาน
    เขารีบผละออกจากชายหนุ่มที่แก่กว่า ไม่คิดจะโอนอ่อนเข้าหาอย่างที่เป็นกับหนุ่มน้อยอีกคนที่เพิ่งกระโดดลงมาผูกม้า ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดจึงหันไปหามิลานที่เดินมาหยุดข้างๆ แล้วส่งยิ้มกว้างให้
    “สนุกไหม ขี่ม้ากับผม”
    “สนุก เสียวดี” เป็นเอกตอบอย่างไม่คิดอะไร เขาหวาดเสียวกลัวตกม้า ลืมคิดไปว่า เสียว มันมีอีกความหมายหนึ่งด้วย มิลาโนหัวเราะ ก่อนจะบอกว่า
    “ถ้าเสียว คราวหน้าผมให้ขี่อีก” เขาหลิ่วตา แล้วก็หัวเราะคำพูดของตัวเองอย่างนึกขึ้นได้ว่าพูดอะไรออกไป “ไม่ใช่ซี ขี่เจ้าโอโร ซ้อนท้ายผมต่างหาก”
    “คราวหน้า ถ้าเรามาที่นี่ คุณจะต้องขี่ม้าเป็นแล้วเป็นเอก” เวนิสกล่าว ก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้น น้ำเสียงเจือความหงุดหงิดเอาไว้ อย่างที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่คงเจือไว้น้อยไปหน่อยเพราะคนฟังอีกสองคนสัมผัสน้ำเสียงนั้นไม่ได้เลย
    มิลานเดินตามเป็นเอกมา ชวนคุยนู่นนี่จนเป็นเอกลืมความกระดากเมื่อสักครู่ไปหมด ตลกตรงที่มิลานคุยกับเขาราวกับเป็นเพื่อนกันมาแล้ว 6 ปีอย่างโรมทั้งที่เพิ่งรู้จักกันเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ในขณะเดียวกับที่เวนิส แม้จะรู้จักกันมา 2 วันแล้วกลับคุยกันแต่เรื่องงาน เรื่องส่วนตัว หรือเรื่องในรีสอร์ต ราวกับเพิ่งรู้จักกันไม่กี่ชั่วโมง ไม่ได้หาเรื่องมาคุยได้อย่างสนุก เล่าโน่นนี่ อย่างน่าสนใจได้อย่างมิลาน
    หนุ่มน้อยยอมรับว่าชอบเป็นเอก ที่คล้อยตามเขาไปหมด เล่าอะไรให้ฟังก็สนอกสนใจ ทั้งที่บางเรื่องไม่น่าฟังแม้แต่น้อย อย่างเรื่องที่เขาไปเดินแบบที่มิลานถ้าเล่าให้เวนิสฟังพี่ชายคงพยักหน้าอย่างขอไปที แล้วก็เท่านั้น ส่วนถ้าเล่าให้โรมละก็ฝ่ายนั้นคงบอกเสียงขุ่นๆว่า “จบหรือยัง จะไปนอนแล้ว”ในขณะที่เป็นเอกทำตาโตอย่างสนใจ พยักหน้าเป็นระยะ รวมถึงหัวเราะมีอารมณ์ร่วมด้วยไปหมด
    “คุยกับพี่เอกสนุกดี” เขายิ้มหวานมาให้ เป็นเอกก็ยิ้มตอบไปอย่างประหม่า พอเวนิสเดินลับสายตาไป มิลานก็เดินเข้าไปใกล้ หยิบใบไม้ใบหนึ่งที่เพิ่งร่วงลงมา ออกจากผมของเป็นเอก พูดด้วยเสียงนุ่มแผ่วเบาใกล้จนเป็นเอกได้กลิ่นเปปเปอร์มินต์อ่อนๆ จากริมฝีปากสีชมพูบางเฉียบนั้น
    “ใบไม้ติดผมฮะ คุณทาร์ซาน” หลิ่วตาให้ แล้วเดินจากไปในที่สุด
***********************************************************************

ผมชอบมิลานมาก 555+
หวังว่าหลายๆคนจะชอบเขานะครับ ใครคิดถึงโรมตอนหน้าโรมจะกลับมาแล้วครับ
แล้วคนที่ยังไม่ค่อยรู้จักโรมเท่าไหร่ ตอนหน้าเห็นฤทธิ์หนุ่มเซอร์แน่นอน

ออฟไลน์ Purple_Sky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +354/-1
ภาพประกอบหนุ่มๆทั้งสาม เลือกมาจากนายแบบหนุ่มๆ ที่ผมชอบครับ ค่อนข้างตรงกับที่ผมจินตนาการไว้มาก แต่จะตรงกับเพื่อนๆคิดหรือเปล่าไปดูกันครับ


เวนิส


โรม


มิลาน

ชอบคนไหนมากกว่ากันเอ่ยยย อิอิ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ให้ตายสิ  ความเป็นตัวของตัวเองของเป็นเอกถือว่าเป็นเสน่ห์ในแบบที่ใครก็เลียนแบบไม่ได้
คิดว่าสามหนุ่มคงรู้สึกดี ๆ กับเป็นเอกบ้างแล้ว  แต่จะจริงจังแค่ไหนเท่านั้นเอง
ที่แน่ ๆ เป็นเอกหลงเสน่ห์หนุ่มน้อยมิลานเข้าเต็ม ๆ  ทำให้อดสงสารเวนิสไม่ได้
ถ้าเวนิสไม่อำเป็นเอกในครั้งแรกที่เจอกันเป็นเอกคงจะรู้สึกดี ๆ กับเวนิสกว่านี้
แต่ยังงัยก็คงยืนยันว่าชอบเวนิส  เสียดายโรม  ส่วนมิลานเหมาะที่จะเป็นกิ๊กมาก ๆ ค่ะ  อิ อิ

ออฟไลน์ ณยฎา

  • ขอเพียงมีเธออยู่คู่ฉัน แม้นหลับก็มิฝันถึงสิ่งใด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-3
ขอตายคาอกพี่โรมได้มั้ย 55+ หล่อคนละแบบ แต่โรมนี่ตรงใจมาก
ดูเหมือนเมฆาจะดีกว่าที่คิด!? ลุงทัดเชียรเวออกนอกหน้าแต่เป็นเอกรู้สึกจะเอนไปทางมิลาน
บทหน้าคงมีคนมาช่วยเวนิสหึงเป็นเอกแน่ๆ

ออฟไลน์ berlyn

  • Put Van The Man on the jukebox then we start to dance
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
ชอบเวนิสกับโรมอ่ะ

แอบเห็นด้วยว่ามิลานเหมาะที่จะเป็นกิ๊ก แต่เป็นเอกรู้สึกดีกับมิลานเอามากๆเลย

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
เวนิสเริ่มหึงแล้วล่ะซี่ มิลานน่ารักขี้เล่นแบบนี้เป็นเอกท่าจะรอดยาก ดูเหมือนจะชอบไปแล้วด้วย หุหุ รอโรมตอนหน้า คิดถึงโรม

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
เลือกไม่ถูกจริงๆสามพี่น้อง
เสน่ล้นเหลือกันทั้งนั้น
รอโรมออกโรง

อิอิ

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
ถ้าจากลุคนี่ขอบอกว่าคุณเวนิสได้ใจไปเต็มๆเลยค่ะ >//////<
ชอบ (ส่วนตัว กำลังกรี๊ดไปด้วยพิมพ์คอมเมนท์ไปด้วย)

แต่ถ้าในเรื่อง...ก็คงต้องตามใจน้องเป็นเอกล่ะนะคะ น้องรักใครจริงพี่ก็เชียร์คนนั้นนั่นแล ฮี่ๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kit

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-3
ต๊าย
apparenza - Venezia
personalità - Roma
natura - Milano
นะคะ อิอิ

๑๘๒ + ๑ = ๑๘๓
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-03-2011 07:25:23 โดย kit »

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
มากรี๊ดให้โรมค่ะ หล่อกว่าในจินตนาการเราอีก >//<

แต่ตอนนี้ดูท่าน้องมิลานจะได้ใจเป็นเอกไปเยอะเลยนะเนี่ย

รอโรมกลับมาค่ะ คิดถึงมากกกก ^^

ออฟไลน์ Purple_Sky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +354/-1
Capitolo dieci

     “วันนี้ทำอะไรไปบ้างสนุกหรือเปล่า” โรมถามเหมือนที่ป้าของเป็นเอกถามทุกครั้งทุกครั้งที่เขากลับบ้านตอนเย็น พอกลับมาจากเยี่ยมญาติแล้ว โรมก็มาที่รีสอร์ตของแม่ ตามหาเป็นเอก พอรู้ว่าอยู่ที่ปาร์ตี้บาร์บีคิวก็ตามมาจนพบชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวยาวที่จัดไว้หน้าลานปราสาทโคโม ข้างๆเป็นเอกพอดี เสยผมยาวสีน้ำตาลทองที่ถูกแสงไฟย้อมเป็นสีแดงสดให้พ้นหน้า ตาคมสวยใต้คิ้วเข้มจับที่ใบหน้าของเพื่อนหนุ่มรอคำตอบจากคำถามของเขา
    “ก็เรื่อยๆ นะพาไปกินข้าวเสร็จแล้วก็ลงมาที่นี่ ดูวิวสักพักพี่ยูก็ไปขี่ม้าเล่น เวลาผ่านไปเร็วมาก หมดไปแล้วเนี่ยวันนึง” เป็นเอกว่า
    สายตากวาดมองไปรอบๆ     
    งานเลี้ยงบาร์บีคิวจัดขึ้นที่ลานหน้าปราสาทโคโมนั้นเอง พอเป็นเอกกลับบ้านไปอาบน้ำแต่งตัวมาแล้ว ก็พบว่ามีเตาย่างเนื้อหลากชนิด ตั้งอยู่กลางลาน มีซุ้มวางจานชามช้อนไว้ให้คนบริการตนเอง โต๊ะยาวสีขาวถูกนำมาไว้รอบๆ ปะปนไปกับโต๊ะกลมที่นั่งได้ไม่กี่คนแบบที่มีอยู่เดิม พนักงานหลายคนตรงนั้นแปลงโฉมชาวหนุ่มสาว ชาวอิตาเลียนมาแต่งตัวเป็นคาวบอย คาวเกิร์ลเหมือนหนังตะวันตกของอเมริกา ไฟนีออนสีแดงติดไว้รอบๆ มีซุ้มเล็กๆให้นักดนตรีเกากีต้าร์ไปร้องเพลง ภาษาอิตาเลียนคลอไปด้วยตั้งแต่พระอาทิตย์เริ่มตกดิน
    พอเห็นเพื่อนหนุ่มเงียบ เป็นเอกก็รู้ตัวว่าตัวเองยังไม่ได้ถามสารทุกข์สุขดิบเพื่อนเลยแม้แต่น้อยจึงเอ่ยถามว่า
    “แล้ววันนี้ยูเป็นไงบ้าง”
    “ไม่เป็นไงเลย” เขาว่าเซ็งๆ “ไปเป็นคนอื่นต่อหน้าคุณลุง คุณป้า ต้องทำตัวเรียบร้อย อย่างกับคุณชายบอกตรงๆลำบากมาก”
    เป็นเอกชินกับการบ่นทำนองนี้มานานจึงนั่งฟังเงียบๆอย่างเข้าอกเข้าใจ
    “เขาว่าลูกคนกลางมักจะมีปัญหา ท่าทางจะจริงละมั้ง” ชายหนุ่มผมยาวหยิบยางรัดผมขึ้นมา มัดผมยุ่งสีน้ำตาลนั้นให้เป็นหางม้าไว้ที่ท้ายทอยแล้วพูดต่อไป “พี่เวเขาเรียบร้อย เป็นผู้ใหญ่พูดจาเป็นการเป็นงานแล้วก็ชอบเอาใจ คุณลุงคุณป้าท่านก็ชอบ ส่วนเจ้าลานก็เข้าผู้ใหญ่ดีนักละ ขี้อ้อน ขี้ประจบ เขาเอ็นดูกันทั้งนั้น มีไอคนเดียวละมั้งที่ดูมีปัญหาอยู่คนเดียว เข้ากับใครเขาไม่ค่อยได้”
    โรมมองตาขวางข้ามฟากของลานนั้นไป พอมองตามเป็นเอกก็เห็นเป้าสายตาของเพื่อนหนุ่ม คุณประกายพรึกกำลังเต้นรำอยู่อย่างสนุกสนานกับเมฆาเท่านั้นเองเขาก็เข้าใจทุกอย่าง ยกมือขึ้นตบบ่าเพื่อนหนุ่มเบาๆ
    “เอาน่า เรื่องนี้ เก็บมาคิดไปเองก็ทุกข์เสียเปล่า” เขาว่า “ไอว่าที่ยูนอยอยู่เนี่ย จริงๆแล้วคงไม่ใช่ เรื่องป้าหรอก จริงไหม”
    เพื่อนหนุ่มผมยาวมองเขาหน้านิ่งก่อนจะหัวเราะลงลูกคอเบาๆ
    “อย่ารู้ทันไปเสียทุกเรื่องได้หรือเปล่า”
    “เป็นเพื่อนกันมาตั้งกี่ปี เท่านี้จะไม่รู้ได้ไง” ชายหนุ่มว่า “เรื่องนั้นหรือ”
    เป็นเอกพยักเพยิดให้เพื่อนหนุ่มมองต้นเหตุของบทสนทนานี้ เห็นโรมก้มหน้านิ่งมีแววไม่พอใจฉายชัดอยู่บนนั้นก็เข้าใจดี
    “โรมเอ๊ย ไอไม่อยากยุ่งหรอกนะ แต่เรื่องมันเป็นมาถึงขั้นนี้แล้วทำไมยูไม่ทำใจแล้วก็เห็นแก่ความสุขของแม่ แล้วยอมๆเขาไปเสีย ล่ะ”
    “เอก มันอายุ เท่าพี่เวเองนะโว้ย” โรมกัดฟันพูด เสียงที่เจือความโกรธแค้นของขังลอดออกมาได้ไม่เต็มที่นัก ทำให้ชายหนุ่มต้องทั้งตั้งใจฟัง ทั้งที่อยู่ใกล้กันนิดเดียว “เป็นยูทำใจได้หรือ แม่กำลังจะแต่งงานกับคนอายุน้อยขนาดนั้น แล้วยูต้องมาเรียกคนอายุเท่า “พี่” ว่าเป็น “พ่อ” เนี่ย ไอทำใจไม่ได้จริงๆว่ะ”
    “เอาน่า” เป็นเอกบีบต้นแขนเพื่อนหนุ่มเบาๆ เป็นเชิงปลอบ “อย่าคิดมาก หาอะไรกินกันดีกว่าไหม”
    “ไม่ล่ะ ถ้าหิวก็ไปตักไป ไอนั่งอยู่ตรงนี้”
    ขาดคำเพื่อนหนุ่ม เป็นเอกก็ย้ำอีกครั้ง เห็นว่าโรมไม่ลุกไปไหนแล้วจริงๆ ก็ลุกออกจากที่นั่งของตนเข้าไปที่เตาปิ้บาร์บีคิวเนื้อชนิดต่างๆ กำลังจะเอื้อมมือไปหยิบเนื้อไก่เสียบไม้ขึ้นมาจากเตา ก็พอดีที่ใครคนหนึ่งยื่นคีมเหล็กมาคีบมันออกเสียก่อนเขาเพียงไม่ถึงเสี้ยวนาที เงยหน้าขึ้นก็พบว่า เป็นเวนิสนั่นเอง
   “คุณไม่รู้หรือไงว่าเตามันร้อน” หนุ่มผมดำ มาในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์แบบสบายๆ เอ่ยขึ้นแกมตำหนิก่อนจะวางไก่ไม้นั้นลงที่จานที่เป็นเอกถืออยู่ในมือ “เอามือหยิบมือก็พังพอดี”
    “ผมจะหยิบตรงไม้”
    “ไม้มันก็ร้อนครับ ใช้คีมคีบเอาอย่างนี้ซี”
    “ขอบคุณจะครับที่อุตส่าห์ช่วยคีบให้ แต่จะขอบคุณมากกว่านี้ถ้างดกวนผมสักหน่อย” เป็นเอกมองเขาตาขวางก่อนจะเดินวนหาอะไรเบาๆท้องทาน เขาไม่อยากกินเนื้อสัตว์ตอนกลางคืนมากนัก “ว่าแต่คุณเอาที่คีบนั่นมาจากไหน”
    “ก็ตรงที่วางจานชามช้อนไง” เวนิสบอก “แต่คงจะหมดเสียแล้วนะ วันนี้คนเยอะมากจริงๆ คุณอยากทานอะไรล่ะ บอกผมมาก็ได้เดี๋ยวผมจะช่วยคีบให้”
    “เกรงใจน่ะครับ”
    “ไม่ต้องเกรงใจหรอก เพื่อนน้องก็เหมือนเพื่อนผมแหละ ว่ามาจะกินอะไร”
    เป็นเอกจึงจำใจ บอกเวนิสไปว่าเขาอยากกินอะไรบ้าง เดินไปชี้นิ้วไปมีเวนิสช่วยคีบข้าวโพดปิ้ง ผักปิ้งให้หลายชึ้น กระทั่งพอใจแล้วก็เดินไปราดน้ำจิ้มตามที่ต้องการ จากนั้นเวนิสจึงยืนกรานจะไปส่งที่โต๊ะให้ได้ แล้วก็เดินไปส่งจริงๆ กลายเป็นว่าเวนิสได้มาร่วมวงอยู่โต๊ะเดียวกันกับเป็นเอกและโรมด้วย
    แต่ยังไม่ทันได้กิน เวนิสก็ขอตัว ตรงไปยังซุ้มนักร้อง ที่นักร้องคนเดิมกำลังจะลงจากเก้าอี้ พอไปถึงเวนิสก็รับกีตาร์ ขึ้นไปร้องแทนชายชรา เวนิสดูสง่างามเมื่อเขาได้ทำในสิ่งที่เขารู้ดี เมื่อใดก็ตามที่เขาเล่นดนตรี เขาจะทำมันด้วยความรัก เหมือนที่โรมวาดรูป หรือตัวเขาเองถ่ายรูปเล่นนั่นแหละ ดูยังไงก็รู้ว่าเขามีความสุข
    เวนิสเหลือบตามองมาทางเขาเป็นพักๆ เหมือนต้องการจะบอกอะไรจากเนื้อเพลง แต่ในเมื่อมันเป็นภาษาอิตาเลียน เป็นเอกจึงไม่รู้ว่ามันแปลว่าอะไรแน่ รู้แต่ว่าทำนองมันไพเราะเหลือเกิน
    “พี่ยูร้องเพลงเพราะนะ” เป็นเอกว่า หันไปมองโรมก็พบว่าเพื่อนหนุ่มตีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้หน้าบึ้งตึงไม่รับแขกอย่างที่เป็นตอนแรก แสดงว่าอารมณ์ดีขึ้นบ้างแล้ว
    “เพราะจริงๆ” เขาว่า “บอกให้ไปเป็นนักร้องก็ไม่เอา”
    เป็นเอกหัวเราะลงลูกคอ ก็แหมถ้าเรียนจบฮาร์วาร์ดมา ใครเขาจะอยากไปเป็นนักร้องให้เสียดายความรู้เล่า
    “คุยอะไรกันฮะ หัวเราะเสียงดังเชียว”
    เจ้าของเสียงโผล่มาจากด้านหลังทิ้งตัวลงนั่ง ข้างๆเป็นเอกโดยไม่ได้บอกไม่กล่าวก่อน หนุ่มน้อยอยู่ในเสื้อยืด กางเกงขาสั้น กระนั้นคอก็บานกว้างจนเห็นแผงอกขาวเนียน ที่เบียดเข้ามาใกล้เพื่อนของพี่ชายอย่างจงใจ
    “ไม่ได้คุยอะไรจริงจังหรอก” โรมเป็นคนตอบ ดูเหมือนเขาจะสนิทกับน้องชายมากกว่าพี่ จึงพูดด้วยน้ำเสียงที่คลายความแข็งกร้าวลงมานิดหนึ่ง “มาถึงนานแล้วหรือ นี่เป็นเอกเพื่อนพี่ มัณฑนากรที่จะมาช่วยจัดงานแต่ง”
    มิลานหัวเราะ
    “รู้จักกันแล้ว มาถึงที่นี่ก็บ่ายๆ เย็นๆ มาถึงก็เจอคุณเอกแล้ว ยังพาเขาไปขี่ม้าอยู่เลย” หนุ่มน้อยตอบอย่างไม่ได้คิดอะไร พอก้มลงก็เห็นไก่ย่างถ่านแบบอิตาเลียนในจานของเป็นเอก “ไก่ของใครน่ะฮะ ผมกินนะ”
    หนุ่มน้อยร้องออกมาก่อนจะคว้าไก่เข้าปากเคี้ยวอย่างอร่อยโดยไม่ได้ถามเจ้าของเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นเอกกลับไม่ได้ถือสาอะไร หัวเราะให้หนุ่มน้อยอย่างเอ็นดู
    “เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้นี้บอกว่าขี่ม้าหรือ”
    “ใช่น่ะซี” มิลานตอบทั้งที่ยังมีไก่อยู่เต็มปาก
    “ยูไม่เห็นบอกไอเลยว่าขี่ด้วย มันอันตรายนะขี่เป็นหรือไง”
    เป็นเอกหัวเราะลงลูกคอเบาๆ ไม่ใส่ใจความเป็นห่วงของเพื่อนหนุ่ม
    “พี่ น้องยูขี่ ไอนั่งซ้อนไปเฉยๆ”
    “มันก็อันตรายอยู่ดีนั่นแหละ” โรมว่า “ตก ลงมาใครจะรักษาพยาบาล ที่นี่ไกลจากโรงพยาบาลมากนะ”
    เป็นเอกนิ่วหน้า กำลังจะเถียงเพื่อนหนุ่มว่าเขาไม่ใช่เด็กๆไม่ต้องมาห้ามโน่นห้ามนี่ มิลานก็ฉุดแขนเขาให้ลุกขึ้นก่อนพอดี
    “พี่เอก ลานอยากกินอีกฮะ เดินไปตักเป็นเพื่อนหน่อยซีฮะ”
    หนุ่มผมยาวกำลังจะอ้าปากพูดอะไรอีก แต่เป็นเอกก็ไม่อยากฟังต่อ จึงเดินไปกับมิลานด้วยความเต็มใจ หนุ่มน้อยคนนี้ช่างรู้วิธีหลบหลีกได้ดีจริงๆ
    “พี่โรมพูดมากอย่าไปสนใจเลย” มิลานว่า ยังไม่ปล่อยมือออกจากต้นแขนของเป็นเอก “คนเรามันต้องรู้จักทำตัวให้สนุกใช่ไหมฮะ จะให้นั่งจับเจ่าวาดรูปอยู่เหมือนเขาใครจะทน”
    เป็นเอกไม่ว่าอะไร หนุ่มนายแบบจึงพูดต่อไป
    “แต่เขาคงเป็นห่วงจริงๆมังฮะ ปกติพี่โรมไม่ค่อยจู้จี้กับใคร ถ้าคนจู้จี้โน่นคนโน้น” หนุ่มน้อยบุ้ยใบ้ไปทางซุ้มดนตรี ที่นักร้องหนุ่มลุกขึ้นโค้งรับเสียงปรบมือแล้วเดินออกมาพอดี “ตั้งแต่ไม่มีพ่อ ก็ได้พี่เวเนี่ยแหละ เป็นพ่อแทน คอยบงการชีวิตทุกคนเสร็จสรรพ ถ้าลานไม่หนีไปอยู่อิตาลีนะ ป่านนี้ถูกจับเรียนปริญญาโทเหมือนเขาแล้ว”
    เวนิสเดินเข้ามาพบเข้ากับเป็นเอก และมิลานพอดี น้องคนสุดท้องของเขาจึงพูดอะไรต่อไปไม่ได้ ได้แต่ยืนยิ้มอยู่เฉยๆ แทน
    “ลุกมาอีกทำไม ตักไปก็เยอะแล้ว เดี๋ยวคุณแม่จะไปคุยเรื่องคอนเสปต์งาน“ พี่คนโตของ บ้านตรีโลกนาถทัก
    “ผมมาเป็นเพื่อนมิลาน”
    “สนิทกันเร็วนะ” เขาว่า แล้วก็เดินจากไปหาโรมเสียเฉยๆอย่างนั้น ทิ้งให้สองหนุ่มมองหน้ากันงงๆ ว่าเวนิสเป็นอะไรไป มิลานยักไหล่ให้ เบ้ปากทำนองว่าไม่อยากสนใจอีกต่อไป แล้วก็เดินไปยังเตาปิ้งเนื้อชนิดต่างๆ
    “Bistecca alla Florentina” มิลานว่า ชี้เนื้อชิ้นใหญ่ที่พนักงานสาวเพิ่งจะคืบขึ้นมาจากเตา ควันยังฉุยส่งกลิ่นเครื่องเทศหอมไปทั่วบริเวณงาน “เนื้อย่างแบบฟลอเรนซ์ หมักน้ำมะนาว เกลือ พริกไทย แล้วก็สมุนไพรของอิตาลี เวลากินต้องเอามาหั่นก่อนค่อยราดน้ำมันมะกอกแล้วก็บีบมะนาวตามลงไปอีกอย่างนี้ฮะ”
    หนุ่มน้อยชี้ให้เป็นเอกดู พนักงานสาวค่อยๆหั่นเนื้อชิ้นใหญ่นั้นเป็นแผ่นบางๆ ก่อนจะเทน้ำมันมะกอกลงคลุกเคล้า บีบมะนาวใส่ตามลงไป แล้วคลุกอีกทีให้เข้าเนื้อจากนั้นก็ตักใส่จานให้บรรดาแขกที่มายืนต่อแถว ไม่นานมิลานก็ได้เนื้อย่างฟลอเรนติเนที่เขาต้องการโดยมีเป็นเอกเป็นคนอาสาถือจานให้ ทั้งสองแวะไปหยิบน้ำดื่มก่อนจะเดินกลับมาที่โต๊ะ
    พอมาถึงโต๊ะก็พบว่า ประกายพรึกและเมฆานั่งรอทั้งคู่อยู่แล้ว
    มิลานยิ้ม ตรงเข้าไปกอดแม่เหมือนเด็กน้อยอ้อนผู้ปกครอง ส่วนเป็นเอกก็เดินกลับมาจะนั่งข้างโรม แต่บังเอิญว่าเวนิสนั่งอยู่ข้างโรมอยู่แล้ว เขาจึงต้องนั่งถัดไปอีกตัวหนึ่ง อย่างช่วยไม่ได้
    “ตาลาน ผอมลงไปหรือเปล่าลูก แล้วนี่ไปตัดผมทรงอะไรมา”
    มิลาโนหัวเราะ
    “ช่างที่โน่นตัดให้ฮะ จะห้ามก็ไม่ได้เพราะเขาจ่ายเงินเรา”
    ประกายพรึกมองลูกชายตาขวาง แต่ก็ทำได้เท่านั้น หล่อนตามใจลูกคนเล็กที่สุด ใครๆก็รู้ดี ถ้าเป็นโรมทำอะไรขัดใจละก็หล่อนจะบ่นไม่หยุดจนกว่าชายหนุ่มจะยอมทำตาม เป็นเอกได้ยินคำว่าผม ก็กระหวัดตาไปมองโรม เห็นว่ามัดผมเรียบร้อยก็รู้ดีว่า ประกายพรึกคงจะ “บ่นไม่หยุด” ไปทีหนึ่งแล้วตอนที่เขาไม่ได้นั่งอยู่ที่โต๊ะนี้ด้วยกระมัง
    “คุณเมฆา สวัสดีฮะ” มิลานว่าเท่านั้น ไม่ไหว้ ไม่เชคแฮนด์แล้วก็เดินมานั่งอยู่อีกข้างหนึ่งของเป็นเอก กลายเป็นว่า สี่หนุ่มมานั่งเบียดกันอยู่ซีกหนึ่งของโต๊ะ ในขณะที่ประกายพรึกและ เมฆานั่งอยู่อีกฝั่งเพียงสองคนสบายๆ
    “ตาลาน มานั่งข้างแม่มา ไปเบียดหนูเอกเขา” มิลานกำลังจะเถียง แต่เถียงไม่ทัน พอดีลุงทัดโผล่มาจากฝั่งกระท่อมเขา และประกายพรึกก็สังเกตเห็นเสียก่อน “เอ้านั่นลุงทัดนี่... พี่ทัด!”
    หล่อนโบกไม้โบกมือเรียก
    “ทานอะไรหรือยังมานั่งกับเราไหมคะ”
    ลุงทัดยิ้มร่า เดินตรงเข้ามาหา
    “แหมว่าที่เจ้าบ่าว เจ้าสาวนั่งกับลูกๆน่ารักเชียวนะ” ไม่รู้คำว่า “บ่าว สาว” หรือ “ลูกๆ” กันแน่ที่บาดใจกว่ากัน แต่พอลุงทัดพูดจบประโยคนั้น ลูกชายทั้งสามของประกายพรึกก็หน้าเจื่อนกันทุกคน ไม่ซี เวนิสกับมิลานต่างหากที่หน้าเจื่อน แต่โรม มีแววตาเคียดแค้นฉายชัดอยู่บนหน้า จ้องอยู่ที่เมฆาอย่างก้าวร้าว เปิดเผยว่าไม่ชอบขี้หน้าพ่อเลี้ยงอย่างเห็นกันได้    
    “พี่ทัด” ประกายพรึกไม่รู้เรื่องรู้ราว เดินไปโอบเอวคนสนิทพามาที่โต๊ะทำท่าว่าจะสนทนากันอีกนาน “มาค่ะมานั่งด้วยกัน”
    คนสนิทเจ้าของคอกม้านั่งลงข้างๆประกายพรึก
    “ทานอะไรดีคะ เดี๋ยวดาวให้เด็กไปตักมาให้ดีกว่า... น้องๆช่วยตักอาหารอย่างละนิดละหน่อยมาให้พี่ด้วยนะ เดี๋ยวนี้เลย” หล่อนกวักมือเรียกสาวเสิร์ฟคนหนึ่งให้ตรงเข้ามาหาพูดจบก็หันมาคุยกับทัดต่อ “... ไม่รู้พี่ทัดเจอเด็กคนนี้หรือยังนะคะ นี่ เป็นเอก เพื่อนสนิทตาโรมมาดูสถานที่ให้เราค่ะเขาจะเป็นคนตกแต่งงาน”
    ทัดมองเด็กหนุ่มทั้งสี่ที่นั่งฝั่งตรงข้ามแล้วก็อดยิ้มไม่ได้เอ่ยเบาๆว่า “เจอกันแล้วล่ะ เหมือนคุณมีลูกชายสี่คนเลยนะครับคุณดาว รูปหล่อทุกคนเลย”
    “ค่ะพี่ทัด ว่าจะขอมาเป็นลูกชายจริงๆไม่รู้เขาจะยอมหรือเปล่า...”
    ลุงทัดยิ้มน้อยๆ แล้วก็บอกว่า
    “ลูกชายโตเป็นหนุ่มหมดแล้ว สบายแล้วซีครับคุณ”
    “ค่ะ” หล่อนพยักหน้ารับ “เหลือแต่สามีล่ะค่ะ ได้แต่งกับเมฆเมื่อไหร่ดาวก็จะยิ่งสบาย ทั้งกายและใจมากขึ้นทีเดียวล่ะค่ะ”
    โรมมองแม่ตาขวางแต่ประกายพรึกไม่เห็นหล่อนจึงพูดต่อไป “พูดเรื่องงานแต่ง หนูเอกว่ายังไงจ๊ะ จะจัดที่ไหนยังไง”
   “ไหนคุณแม่ว่าจะจัดในห้องอาหารที่ กรัน ปาลัซโซ่ ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือครับ” ลูกคนกลางพูดเสียงเย็นชาอย่างไม่คิดปกปิด เสียงเข้มขึ้นเรื่อยๆ หน้ายังจ้องที่พ่อเลี้ยงราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เป็นเอกเห็นเวนิส บีบมือน้องชายเบาๆ อย่างเตือนสติไม่ให้พูดอะไรแรงๆออกไป
    “ใช่ซี แต่แม่ยังไม่รู้ว่าธีมงานจะจัดแบบไหน”
    “ก็มีเวที มีเค้กแล้วก็โต๊ะ คุณแม่จะต้องการอะไรอีกครับ”
    “เอ๊ะ ตาโรม นี่แกจะมาทำเสียงรำคาญใส่แม่ได้ไง แม่ยังไม่รู้เลยว่าจะจัดงานยังไง ใช้สีอะไรยังไงก็จะมาถามหนูเอก แล้วแกจะมาหงุดหงิดอะไร สงสัยวันนี้แกจะเหนื่อยนะ งอแงใหญ่แล้ว”
    “ครับผมคงเหนื่อยมาก คิดว่าจะได้มาสังสรรค์แบบสบายใจกับเพื่อน กับพี่น้องแล้วก็แม่ ถ้ารู้ว่าคุณแม่จะมาคุยกันเรื่องงานแต่งล่ะก็ผมคงไม่มาแล้ว ถ้ายังจะคุยกันต่ออีก ผมคงต้องขอตัว!”

***********************************************************************

555+ โรมเหวี่ยงขั้นพื้นฐานครับ หลังจากนี้ไปจะเหวี่ยงหนักขึ้นๆ ใครชอบเขาไปแล้วระวังจะกลัวนะครับ
ต่อจากนี้ไป มิลานจะเริ่มรุกหนักขึ้นเรื่อยๆ มาลุ้นกับดีกว่าว่าเวนิสจะทำอย่างไรรร

พรุ่งนี้ ใครที่รอคุณชายอยู่อย่าลืมแวะไปหาเค้านะคร้าบ
คุณชายจะมีโมเม้นต์อยู่กับนทีสองคนแล้ว จะได้เห็นความน่ารักของคุณชายและหวังว่าจะชอบนะครับ

บายคร้าบบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-03-2011 00:54:26 โดย Purple_Sky »

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
โอ้  โรมเหวี่ยงแล้ว ยิ่งอยากรู้ว่าเหวี่ยงอีกมากๆจะเป็นไง มิลานน่ารักได้อีกอิอิ :-[

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
555 เหวี่ยงจริงนะพ่อหนุ่ม

ป้าดูรูป3คนแล้ว เอาเป็นว่า อีป้าแก่ ๆ เหมาหมดเลยได้เปล่า 555

ออฟไลน์ ณยฎา

  • ขอเพียงมีเธออยู่คู่ฉัน แม้นหลับก็มิฝันถึงสิ่งใด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-3
มิลานรุกเร็วนะ เป็นเอกก็เป็นใจซะด้วย น้องจะทำอะไรก็ดูน่ารักไปหมด สงสารเว งานหนักแน่

nuewanda

  • บุคคลทั่วไป
ดูรูปแล้ว จิ้มโรมอย่างไม่ลังเล
แต่ก็ตัดพี่เว กะ น้องลานไม่ขาด คิก คิก

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
เวนิสหึงโดยไม่รู้ตัวเข้าให้แล้ว  ส่วนเป็นเอกมีใจให้มิลานมากมาย ณ เวลานี้
สงสารเวนิส  ผู้ชายเคร่งขรึม จริงจัง  แต่กลับไม่ค่อยมีเสน่ห์ดึงดูดใจเท่าหนุ่มน้อยขี้เล่นมิลาน
งานนี้เวนิสจะต้องทำยังงัยถึงจะดึงความสนใจจากเป็นเอกได้บ้างนะ
เอ้า  ร้องเพลงจีบก็แล้วกัน  เวนิสมีเสน่ห์ก็ตอนร้องเพลง เล่นดนตรีนี่แหละ
ส่วนโรมดูยากแฮะ  ยังอารมณ์เสียเรื่องแม่อยู่ซะงั้น  อาจไม่สังเกตอะไร

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
น้องมิลานดูท่าจะมาวินนะจ๊ะช่วงนี้

จะรอดูว่าคุณพี่เวนิสเค้าจะทำยังไง หึหึ

ด้วยส่วนตัวชอบให้โรมเหวี่ยงจัง ฮ่าๆ รอตอนต่อไปจ้า ^^

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
เข้ามาดันรอสามหนุ่ม  :z2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
โอ้ววววว

โรมขึ้นแล้ว เหอๆ
เรื่องแบบนี้ก็ว่ายากเนอะ แม่จะแต่งงานกะคนคราวลูกนี่ เป็นใครก็คงบาดใจ เฮ้ออออ

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ Purple_Sky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +354/-1
Capitolo undici

    ขาดคำหนุ่มผมยาวก็ลุกขึ้นจากโต๊ะ เดินออกไปจากตรงนั้นอย่างไม่เกรงใจใคร เป็นเอกเห็นเพื่อนหนุ่มทำไม่เหมาะสมก็ลุกขึ้นบ้าง คิดจะเดินออกไปตามแต่ก็ถูกมิลานดึงแขนรั้งเอาไว้เสียก่อน
    “พี่เอกไม่ต้องไปตามหรอกฮะ พี่โรมน่ะถ้าไม่พอใจละก็เป็นอย่างนี้แหละ ถ้าไม่ปล่อยไว้คนเดียวสักพักจะยิ่งอาละวาดนะฮะ”
    จริงของมิลานอันที่จริงเป็นเอกก็รู้จักนิสัยเพื่อนหนุ่มดีพอ เขาเป็นอย่างที่น้องชายว่า ถ้าหากเป็นเอกไปตาม ชายหนุ่มก็คงจะไม่พูดกับเขาเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็คงได้แต่เงียบแล้วก็หายไปเก็บตัวอยู่แต่ในห้องคนเดียวเฉยๆ
    “ถูกของตาลาน โรมนี่ไม่ไหวแล้ว ต้องให้แม่ดุอย่างเป็นเด็กๆ บ้างถึงจะรู้สึก” ประกายพรึกทำสีหน้ากระฟัดกระเฟียด เหมือนงอนลูกชายทั้งๆที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้น เหมือนค้อนอากาศอย่างไรไม่รู้
    “ดาวอย่าว่าลูกเลย เขาคงไม่ชอบผมมาก ผมไม่น่าลงมากับดาว ถ้ารออยู่ข้างบนเสีย โรมคงไม่หงุดหงิดอย่างนี้หรอก” เมฆาว่า สีหน้าบ่งบอกความเศร้าอย่างน่าเห็นใจ “ไม่แปลกหรอกครับ ถ้าเขาจะไม่ยอมรับผม เขาคงลืมพ่อเขาไม่ได้มั้งครับ คงต้องให้เวลาเขาทำใจนานกว่านี้หน่อย”
    “ไม่เห็นต้องทำใจหรืออะไรเลยนี่คะเมฆ” ประกายพรึกว่า “เรารักกันจะแต่งงานกันลูกก็ต้องรับให้ได้อยู่แล้วค่ะ ไม่ได้ไปทำผิดคิดชั่วที่ไหนนี่คะ”
    ทัดลอบถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นบ้าง
    “ถ้าเขายังรับไม่ได้ก็ปล่อยไปเถอะคุณดาว ผมรู้จักนิสัยคุณโรม เขาไม่ใส่ใจอะไรนานนักหรอกครับ สักพักก็ลืม แล้วจะว่าไป เขาก็ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับคุณด้วย ถ้าไม่ได้เจอกันบ่อยๆ คงไม่มีเรื่องอะไรหรอกครับ”
    ประกายพรึกถอนใจบ้าง
    “นั่นก็ปัญหาอีกอย่าง ถ้าดาวกลับไปอยู่บ้านที่ท่าพระ เมฆเขาก็ต้องไปด้วย ทีนี้ไม่รู้ว่าตาลานจะมีปัญหาหรือเปล่า”
    “ผมไม่มีปัญหาหรอกฮะ” มิลานว่า ขมวดคิ้วน้อยๆให้เห็นว่านี่มันเป็นเพียงเรื่องไม่เป็นเรื่องเท่านั้น “ผมไม่ได้ไปนอนร่วมห้องกับคุณแม่ คุณแม่จะแต่งงานไม่ใช่ผมแต่งงานผมจะเดือดร้อนไปทำไม”
    หนุ่มน้อยอาจจะประชดก็ได้ เป็นเอกตั้งข้อสังเกต แต่ก็ไม่อยากจะรู้เรื่องของบ้านนี้มากไปกว่านี้อีกแล้วก็ได้แต่นั่งเงียบๆไปเท่านั้น โชคดีที่ประกายพรึกไม่ได้คิดมากแบบเป็นเอก หรือไม่ถ้าคิดก็สะกดใจไม่ให้พูดออกมาได้
     พนักงานเสิร์ฟ นำเนื้อ และผักย่างชนิดต่างๆ มาวางให้ถึงโต๊ะ ทั้งโต๊ะจึงคุยไปกินไปอย่างเอร็ดอร่อย ทว่าบทสนทนาก็ยังซีเรียสอยู่ไม่ได้ทำให้บรรยากาศคึกครื้นขึ้นเลยแม้แต่น้อย
   “ตาเว จะอยู่ที่นี่บริหารงานรีสอร์ต หรือจะทำบริษัททัวร์ของแม่ที่โน่นล่ะลูก” หล่อนเปลี่ยนเรื่อง “แม่ว่าลูกคงไม่กลับไปอิตาลีแล้ว”
    “ไม่ครับคุณแม่ ผมตั้งใจจะอยู่ที่ไทยต่อไป” เจ้าของชื่อเอ่ยปากตอบ “ส่วนเรื่องงานผมคงเลือกบริหารงานรีสอร์ตที่นี่ดีกว่า แต่จะไปๆกลับๆ ให้ช่วยที่บริษัททัวร์ส่งลูกค้ามาเที่ยวที่นี่บ้างก็ได้ แต่ยังไงก็จะไปเยี่ยมคุณแม่ที่บ้านบ่อยๆแน่ครับไม่ต้องเป็นห่วง”
   เขาเงียบไปพักหนึ่ง
    “ผมไม่มีปัญหาเรื่อง... เรื่องคุณเมฆาอยู่แล้ว ”
    “ดีจ้ะ ไปอยู่บ้านบ้างเถอะหน้าเทศกาลก็ขึ้นมานี่ แม่คงเหงาแปลกๆ เพราะตาลานต่อให้ไม่ไปอยู่ที่ไหน ก็ตื่นตอนแม่หลับ หลับตอนแม่ตื่นอยู่แล้ว” หล่อนแกล้งมองลูกคนเล็กตาขวาง เห็นฝ่ายนั้นหัวเราะตอบก็ว่าต่อไป “แล้วตาโรมจะอยู่ที่คอนโดกับหนูเอกต่อไปอีกนานแค่ไหนไม่รู้”
    เป็นเอกก้มหน้านิ่ง ไม่ออกความเห็นใดๆ
    “หนูเอก แม่ไม่ได้ว่าอะไรนะจ๊ะ แต่ขอถามหน่อยเถอะว่า หนูคิดจะย้ายออกจากคอนโดไหมจ๊ะ แบบว่า” หล่อนเรียบเรียงคำพูดให้แรงน้อยที่สุด “ไม่อยู่กับตาโรม ให้เขากลับมาบ้านบ้างน่ะจ้ะ แม่อยากมีครอบครัวสุขสันต์นะ แบบว่า อยู่กันพร้อมหน้า ทั้งลูกๆแล้วก็เมฆ แม่คงจะมีความสุขมาก”
     ชายหนุ่มพยายามเข้าใจแม่ของเพื่อนสนิท จึงไม่คิดเล็กคิดน้อย และตอบไปให้ตรงประเด็นที่สุด
    “ผมเคยคุยกับโรมแล้วครับว่าคงอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตไม่ได้ แต่ตอนนี้ที่ทำงานเราทั้งคู่ก็ยังใกล้กับที่พัก ก็เลยไม่มีแผนว่าจะย้ายออกไปอยู่ไหนครับ”
    ประกายพรึกถอนใจก่อนจะดึงชายหนุ่มกลับเข้าประเด็นที่ตั้งใจจะมาคุยกันในวันนี้ “เอาเถอะจ้ะ หนูเอกว่าเรื่องงานแต่งเถอะ ว่าไงจะจัดอย่างไร”
    “ผมว่า น่าจะจัดกันกลางแจ้งนะครับเพราะว่าบรรยากาศที่รีสอร์ตนี่สวยมาก ถ้าไปจัดในห้องอาหารเนี่ยผมกลัวว่ามันจะเหมือนกับงานเลี้ยงแต่งงานตามโรงแรมในกรุงเทพทั่วๆไป ไม่คุ้มกับที่มาจัดที่นี่นะครับ”
    “แต่ว่าจัดกลางแจ้งนี่จะจัดที่ไหนล่ะจ๊ะ” ประกายพรึกถาม
    “อ้อ ก็ที่นี่เลยครับ” เป็นเอกว่า “ที่ลานที่โคโมนี่ คุณประกายพรึกแล้วก็คุณเมฆาจะเดินลงจากปราสาทโคโมในชุดแต่งงาน มียกพื้นเป็นเวทีตรงนั้น เวลาถ่ายภาพก็จะได้ทะเลสาบโคโมเป็นฉากหลัง แล้วก็จะมีซุ้มอาหาร เป็นบุฟเฟ่ต์หรือไม่ก็คอกเทล แต่ถ้าคุณน้าจะให้เป็นโต๊ะจีนก็ได้ครับ แต่ผมว่าไม่น่าจะเข้ากับบรรยากาศนะครับ”
    “ไอเดียดีครับ” เมฆาว่า “แต่ว่ายุงจะชุมไหมครับ อย่างตอนนี้ก็ยุงเยอะอยู่นะถ้าจัดกลางคืน"
    “ผมแนะนำให้จัดงานกลางวัน” เขาบอก “ที่ต่างประเทศก็ทำอย่างนั้นนะครับ เท่าที่ผมได้ยินมา”
    ประกายพรึกพยักหน้า หล่อนนั่งใจลอยไปสักพักก็ว่าต่อไป
   “แล้วถ้าเผื่อฝนตก”
    “หน้าหนาวฝนไม่ตกหรอกครับ แต่ถ้ามีทีท่าว่าจะตก ผมจะให้จัดเต้นท์ผ้าใบ ไว้ก็ได้ หรือไม่อย่างนั้น แขกจะหลบฝนในปราสาทก็ยังได้”
    “คุณคิดไว้รอบคอบดีนี่” เมฆายิ้ม “ท่าจะรู้งานดี”
    “ขอบคุณครับ” เขาก้มหน้ารับ แล้วก็กล่าวต่อไปว่า “นี่เป็นแบบงานที่ผมร่างไว้คร่าวๆลองดูนะครับว่าถูกใจหรือเปล่า”
    เป็นเอกหยิบกระดาษแผ่นที่เขาวาดไว้ ตอนที่นั่งอยู่กับเวนิสเมื่อตอนกลางวันออกมาจากระเป๋าเสื้อคลี่ออกแล้วก็ยื่นให้ประกายพรึก
    “น่ารักดีจริงๆจ้ะ หนูเอกดูเป็นคนมีรสนิยมมากทีเดียวนะจ๊ะ”
    “ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ” เขาหัวเราะอย่างเคอะเขิน มองไปทางซ้ายก็พบว่าเวนิสมองเขาอยู่ด้วยแววตาชื่นชม พอรู้ตัวว่าเป็นเอกหันมามองก็ตีหน้าเฉยแล้วก็ทำเป็นว่ามองบรรยากาศรอบๆเท่านั้น “เราจะให้แขกที่พักที่กรันปาลัซโซ่ นั่งกอนโดลามาถึงนี่ ส่วนแขกจากวิลลัจโจ ก็นั่งเรือข้ามฟากมา สำหรับแขกที่มาจากข้างนอกเราก็จะมีรถมาส่งที่ท่าน้ำตรงข้างบ้านคุณมิลานแล้วก็นั่งเรือข้ามฟากมาเช่นกันครับ”
    “จ้ะ” ประกายพรึกรับคำ
    “ผมจะตกแต่งสถานที่ให้ คิดว่าใช้สีครีม แล้วก็สีโอล์ดโรสดูน่าจะเข้ากับสีผิวของคุณน้าแล้วก็คุณเมฆา แล้วก็ถ้าคุณน้าอยากให้เป็นงานบุฟเฟ่ต์อย่างที่ผมคิดไว้ ก็จะจัดซุ้มอาหาร คล้ายๆงานบาร์บีคิววันนี้ไว้ด้วยครับ เรื่องดอกไม้แล้วก็ของตกแต่งอื่นๆ ผมจะลองคุยกับโรมว่าจะทำอย่างไรได้”
    “ดอกไม้ละก็ เลือกเอาจากเรือนกระจกได้เลย” เวนิสว่า “เรามีเรือนกระจกปลูกดอกไม้เมืองหนาวอยู่หลังปราสาท วันนี้ผมยังไม่ได้พาคุณไปดู แต่ไว้พรุ่งนี้หรือมะรืนนี้จะพาไป จะได้เลือกว่าเอาแบบไหนบ้าง ให้คนเตรียมไว้ให้ แล้วคุณก็เอามาจัดตามแบบที่คุณต้องการ”
    “ผมไปช่วยเลือกด้วยนะฮะ” มิลานว่า “แล้วเรื่องผ้าที่จะใช้ในงานจะเอาอย่างไรดีฮะคุณแม่”
    “แม่วานหนูเอกบอกเพ็ญแขเลขาแม่ไว้แล้วกันนะจ๊ะ” หล่อนหมายถึงคนที่เป็นเอกยังไม่เคยได้รู้จัก “ไว้เดี๋ยวแม่จะแนะนำให้รู้จักพรุ่งนี้”
    เป็นเอกรับคำ แล้วก็ว่าต่อไป
    “คุณน้าคงมีวงดนตรีมาอยู่แล้ว ผมจะจัดไว้ให้ข้างๆเวทีนะครับแล้วก็ คุณน้า รวมถึงผู้ใหญ่ในงานก็จะนั่งบนเวทีที่ว่านี้ตลอดทั้งงาน เป็นพิธีแบบฝรั่งเลยนะครับ” เขาว่า ประกายพรึกพยักหน้ารับอย่างเข้าใจดี “ส่วนเรื่องเค้กกับอาหาร...”
    “อ้อ เรื่องนั้นแม่ให้เพ็ญแขจัดการจ้ะ ขอบใจหนูมากที่ช่วยคิดให้อย่างรอบคอบทีเดียว” หล่อนยิ้มหวานให้เขาอย่างจริงใจ แล้วจึงหันไปพูดกับว่าที่สามีใหม่ “เมฆว่าเราจัดโต๊ะจีนเหมือนเดิม หรือว่าทำเป็นบุฟเฟ่ต์แบบที่เอกเขาว่าดีคะ”
    “ผมว่า เป็นบุฟเฟ่ต์ดีกว่า” เมฆาตอบ “ในเมื่องานจัดแบบฝรั่งแล้ว จะมากินโต๊ะจีนอยู่ได้ยังไงละเนอะ”
    “ค่ะ” ประกายพรึกว่า “ถ้าอย่างนั้นก็เรียบร้อยแล้ว แม่ฝากเอกด้วยนะลูก อีก ห้าวันเอง ตื่นเต้นมากเลยจ้ะ งานนี้แขกมาไม่กี่สิบคน แม่ตั้งใจให้เป็นงานเล็กๆ แบบกันเองๆ ยังไงก็ฝากด้วยนะจ๊ะ”
    “ครับคุณน้า”
    “ถ้าอย่างนั้นน้าขอตัวนะจ๊ะ เพลียมากแล้ว พี่ทัดดาวขอตัวนะคะ” หล่อนว่าเท่านั้นแล้วก็ลุกขึ้น รับไหว้เป็นเอกแล้วก็ควงแขนเมฆาเดินออกไปจากตรงนั้น
    “เฮ้อ คุณเว คุณลาน” ลุงทัดทำลายความเงียบหลังจากสองคนนั้นจากไปเป็นคนแรก “ทำใจได้ก็ดีแล้ว เห็นแกความสุขของแม่เขาเถอะ”
    “ผมไม่อะไรหรอก แต่ก็อดห่วงแม่ไม่ได้” เวนิสว่า “ผมเห็นมามากแล้ว ประเภทที่เหมือนจะดี สุดท้ายก็มาหลอกเอาสมบัติ”
    “น่า คุณเมฆาก็ดูไม่ใช่อย่างนั้นนี่” ลุงทัดว่า “มาๆ เลิกคิดแล้วกินกันดีกว่า เนื้อจะเย็นหมดแล้ว”
    “กินซะ” เวนิสยื่นเนื้อให้กับเป็นเอก “ลองชิม เนื้อย่างแบบฟลอเรนซ์อร่อยดีพ่อครัวที่ทำนี่เป็นชาวฟลอเรนซ์เชียวนะ หากินยากนะคุณในไทยเนี่ย”
    “ผมไม่ชอบกินเนื้อตอนกลางคืน” เป็นเอกปฏิเสธ “กลัวจะไม่ย่อย”
    “ทานเถอะฮะ” มิลานเคี้ยวเนื้อในปากเต็มคำ “อร่อยมาก”
    พอเห็นว่าแรงยุมีเยอะ เป็นเอกก็ตัดสินใจกินเนื้อย่างฟลอเรนติเนเข้าไป เพียงคำแรกเท่านั้นก็ติดใจในรส แล้วก็หยุดกินไม่ได้เลย
    
    สักพักลุงทัดก็ลากลับบ้านของเขา โต๊ะนั้นจึงเหลือเพียงเวนิส เป็นเอก และมิลานแค่สามคน หนุ่มลูกครึ่งนั่งขนาบข้างเป็นเอก มีหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดนั่งพูดจ้ออยู่คนเดียว อีกสองคนที่เหลือนั่งฟังไปหัวเราะไปอย่างสนุกสนาน พอพนักงานเสิร์ฟหนุ่มคนหนึ่งผ่านมา มิลานก็สั่งไวน์แดงจากอิตาลีมากินกับเนื้อ
    ปรากฏว่าเข้ากันดีเหลือเกิน
    กินกันอยู่นานจนอิ่ม เวนิสก็ชวนกลับที่พัก
    “คุณเอก เจ้าลาน กลับบ้านได้แล้วละมั้งจะห้าทุ่มแล้ว” เสียงของพี่ชายคนโต อ้อแอ้เต็มที่เริ่มมึนเพราะฤทธิ์ไวน์กระนั้นก็น้อยกว่าชายหนุ่มอีกสองคน ที่เริ่มจะพูดไม่รู้เรื่องเสียแล้ว
    “ยังๆไม่กลับ” มิลานว่า “ลุงไปนอนไป๊ เด็กๆเขาจะปาร์ตี้กันต่อ”
    “เฮ่ย ดึกแล้วนา เดี๋ยวเขาปิดไฟแล้วมองทางกันไม่เห็น”
    “กลับกันได้น่าลุง อย่าบ่นๆ จะกลับก็กลับไปก่อนเลย เดี๋ยวเรากลับกันเองได้” มิลานโบกมือไล่ เวนิสจึงลุกขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
    “เอก คุณจะกลับหรือยังผมไปส่ง”
    “พี่เอกกลับกะผม” มิลานโอบบ่าเป็นเอก หัวเราะออกมาดังๆ “เขาจะอยู่กันประสาคนหนุ่ม คนแก่แล้วปายนอน โลด!”
    เท่านั้นเวนิสก็ทำอะไรไม่ได้อีก เดินออกไปจากตรงนั้น จนลับตา
    มิลานซบหน้าลงบนบ่าของเป็นเอก หัวเราะดังๆอย่างคนเมา ส่วนเป็นเอกก็ไม่รู้เรื่องโอบมิลานไว้กับตัวหัวเราะไปด้วย
    “พี่เว มันบ้า! ห้าทุ่มเองไปนอนแล้ว ทำเป็นคนแก่ไปได้เนอะ เพ่เอก”
    “ช่าย” เป็นเอกพยักหน้าแล้วก็เงียบไป
    แขกเหรื่อกลับที่พักกันไป แทบจะหมดแล้ว ส่วนพนักงานก็เริ่มจะเก็บโต๊ะ และเตาบาร์บีคิวกันบ้าง มิลานยังคงเล่าเรื่องของเขาในอิตาลีอย่างออกรส เป็นเอกก็ฟังไปหัวเราะไปอย่างไปอย่างคนเมาไม่ได้สติ
    “นี่นะ ตอนอยู่หลังรันเวย์ พวกนางแบบก็วิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้ากันแทบไม่ทัน บางคนนะ เสื้อหลุดรุ่ยเห็นนมทั้งยวงเลย” มิลานหัวเราะ “พอเดินแบบกันเสร็จก็ไปปาร์ตี้ นี่แล้วก็เต้นกันแบบนี้”
    ว่าแล้ว หนุ่มมิลานก็ลุกขึ้นเต้นแร้งเต้นกาไม่เป็นท่า ก่อนจะงอตัวหัวเราะเสียงดัง นั่งลงกับโต๊ะ ซบหัวลงกับบ่าของเป็นเอก หัวเราะอย่างเมามายไม่รู้ตัว กระทั่งเสียงเงียบไปอย่างนั้นเฉยๆ  หนุ่มน้อยนายแบบ คงเพลียมาก หลับแนบบ่าของเป็นเอกอย่างไม่รู้สึกตัว หายใจรดต้นคอขาวของเพื่อนหนุ่มของพี่ชาย หลับตาพริ้มเห็นขนตางอนเป็นแพสวยใต้คิ้วหนาสีน้ำตาลทองนั้น ยามหลับมิลานดูไม่ต่างอะไรจากเด็กน้อยคนหนึ่ง น่ารักน่าเอ็นดู น่าทะนุถนอมไปหมด
    เหมือนเป็นเอกจะสร่างเมาไปชั่วขณะเมื่อใบหน้าที่หล่อเหลานั้นมาคลอเคลียอยู่ใกล้ๆหน้าของเขา
    ถึงจะเพิ่งเจอกันวันแรกก็เถอะ แต่มิลานรู้จักวางตัวให้เขาสนิทด้วยได้อย่างรวดเร็ว แม้จะนอนพับอยู่บนบ่าเขาอย่างนี้ เป็นเอกก็ไม่รู้สึกกระดากอาย หรือรังเกียจแต่อย่างใด อีกเหตุผลหนึ่งก็อาจจะเป็นว่า เพราะมิลานนั้น ทั้งหล่อเหลาอย่างหนุ่มเจ้าเสน่ห์ ทั้งน่ารักอย่างเด็กตัวน้อยๆในเวลาเดียวกันก็เป็นได้กระมัง เป็นเอกถึงรู้สึกดีกับเด็กคนนี้เหลือเกิน
    นั่งมองดวงหน้าที่สมบูรณ์แบบนั้นอยู่ได้เพียงชั่วขณะหนึ่งคนถูกมองก็ลืมตาตื่นขึ้น รู้ตัวว่ามานอนซบคนข้างๆอยู่ก็เอ่ยปากขอโทษ “พี่เอก... ลานไม่รู้ตัวเลย”
   “ไม่เป็นไร” ชายหนุ่มว่า “ง่วงแล้วก็ไปนอนเถอะ”
    “ฮะ” เขารับคำ ก่อนที่จะรอให้เป็นเอกลุกเสร็จแล้ว ก็ลุกตาม
    เพราะเมาหรือจงใจทำก็ไม่รู้ มิลานเซลงแทบจะล้มทับลงมาบนตัวเป็นเอก โชคดีที่ชายหนุ่มพอจะรู้สึกตัวอยู่บ้าง จึงประคองน้องของเพื่อนหนุ่มไว้ได้พอดี
    “เดินไม่ไหวหรือ”
    “ฮะ” มิลานกระซิบตอบข้างหู “พี่เอกช่วยประคองลานหน่อยนะ ลานเพลียมากเลย”
    ด้วยเหตุนี้ เป็นเอกจึงโอบเอวหนุ่มน้อย มีมือของอีกฝ่ายพาดอยู่รอบคอ เดินช้าๆ ไปถึงบ้านอิฐสีชมพู ในเวลาต่อมา แม้ฟ้าจะมืดสนิทแทบไม่เหลือแสงจันทร์แต่แสงจากไฟฟ้ารอบกายก็กระทบลงบนหน้าของหนุ่มน้อย พอให้เป็นเอกเห็นว่า แม้จะเดินอยู่ มิลานก็หลับตาพริ้มด้วยความเหนื่อยอ่อนดูน่ารักราวเด็กที่หลับไปคาตัวพ่ออย่างนั้น
    พอถึงหน้าบ้าน มิลานก็ไขกุญแจอย่างลำบาก เปิดประตูไปได้ก็ยืนพิงกำแพงพูดกับเป็นเอก
    “ขอบคุณพี่เอกมากนะฮะที่อุตส่าห์มาส่ง” หนุ่มน้อยยิ้มให้กับเป็นเอก
   “พี่เอกเข้ามาก่อนไหมฮะ”
    “ไม่เป็นไร พี่จะไปนอนแล้ว ทิ้งโรมไว้คนเดียวเดี๋ยวจะกลายเป็นบ้าไปเสียก่อน” ชายหนุ่มว่า เดินจากไปเข้าบ้านของตน โดยไม่ลืมหันมามองหนุ่มน้อย ก็เห็นว่าเขายังคงยืนอยู่ที่เดิม โบกมือให้เป็นเอกกระทั่งเขาเดินไปจนลับสายตา


โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
มิลานแกล้งเมารึเปล่าจ๊ะ   ถึงตอนนี้เราเอนเอียงไปเชียร์เวนิสพอๆกะโรมเลยนะเนี่ย

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
ทางสามสายคงเป็นทางเลือกคงเป็นเอกแน่ๆ

จะเลือกไป"โรม" อยู่กับหนุ่มติสท์ ใช้ชีวิตแบบเอาใจเขาตลอด อดทนต่อแรงเหวี่ยงและความกดดันสูง

จะเลือกไป"เวนิส" มีชีวิตชุ่มช่ำ มีคนเอาใจบริการตลอด 24 ชั่วโมง

จะเลือกไป"มิลาน" ชีวิตโฉบเฉี่ยวแหวกแนวไม่ซ้ำใคร มีอะไรให้ตื่นเต้นตลอด

ถ้าเป็นตองคงเลือกไม่ได้สักทาง ขอไปสามทีเลยดีกว่าค่า

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: [ท า ง ส า ม ส า ย] capitolo undici บ
«ตอบ #85 เมื่อ19-03-2011 23:58:06 »

ไม่ค่อยเข้าใจแม่ของโรม  หมายความว่าโรมติดเป็นเอกมาก  ไม่ยอมกลับมาอยู่บ้านใช่มั๊ย
หมายความว่า  อยากให้โรมกลับมาอยู่พร้อมหน้ากัน  โดยที่เป็นเอกควรออกไปอยู่ที่อื่นแบบนี้หรือ
ถ้าเป็นแบบนั้นก็สงสารเป็นเอกนะ  แค่นี้ก็ตัวคนเดียวโดดเดี่ยวมากพออยู่แล้ว
ตอนนี้มิลานเพลย์บอยมากมาย  ออดอ้อน  ออเซาะ  แต่ไม่ว่ายังงัยก็ตาม
มิลานเหมาะกับตำแหน่งกิ๊กมาก ๆ มีไว้เพื่อสร้างความสดชื่น  สีสันให้แก่ชีวิตโดยเฉพาะ
แต่ดูไม่มั่นคง  ไม่ยั่งยืน  ถ้าจะเลือกใครซักคนเป็นคู่ชีวิตแล้ว  คนนั้นต้องเป็นเวนิสเท่านั้นจริง ๆ
เวนิส ... ชั้นเลือกคุณค่ะ  ฮี่ ฮี่  นึกถึง the bachelor มั่ก ๆ เลย

เอาวะ  +1 ให้ก่อน  วันนี้ฟ้าม่วงอัพสองเรื่อง  แต่ว่าเค้าบวกได้วันครั้งเท่านั้นเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-03-2011 00:00:49 โดย iforgive »

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
รู้สึกช่วงนี้น้องลานจะมีบทเยอะ ฮ่าๆ

ทำเอาพี่เอกใจสั่นเรื่อยๆเลยนะจ๊ะ  ว่าแต่คิดถึงโรมจังเลยค่ะ

ตอนหน้าโรมจะออกเปล่าหว่า

ดูท่าน้องลานจะมาวินเช่นเคยนะเนี่ย อิอิ

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
มิลานนี่ยั่วชัดๆเลยอ่า

แต่ยังไงก็น่ารัก

ยังเลือกไม่ถูกเหมือนเดิมค่ะ พี่น้องบ้านนี้ เสน่ห์ล้นเหลือ

ออฟไลน์ Purple_Sky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +354/-1
Capitolo Dodici

   เป็นเอกแทบไม่ได้เจอมิลานอีกเลยนับจากวันนั้น วันรุ่งขึ้นชายหนุ่มเสียเวลาแทบจะทั้งวัน คุยธุระกับเพ็ญแข เลขาของประกายพรึก เรื่องผ้าที่จะใช้ประดับสถานที่ จากนั้นก็ไปเรือนกระจกกับโรมและเวนิสคุยกับหัวหน้าแผนกที่นั่นเรื่องดอกไม้ที่จะใช้ตกแต่งสถานที่ เสร็จแล้วก็กินข้าวกลางวันกันตอนบ่ายๆ ตกเย็นก็เดินถ่ายรูปกันในป่าจนเริ่มตกเย็นก็กลับ
    สองสามวันจากนั้นก็คล้ายๆกัน เป็นเอกเดินเที่ยวรอบรีสอร์ตจนรู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนแล้วทีนี้จะไปไหนมาไหนก็สบายไม่ต้องง้อเวนิส หรือแม้แต่โรมอีก
    เพื่อนหนุ่มของเขาตื่นสายมาก อันที่จริงต้องเรียกว่าตื่นเที่ยงต่างหาก ไม่ว่าจะนอนดึกหรือนอนเร็วแค่ไหนโรมก็จะตื่นตอนเที่ยงอย่างนั้นของเขาเสมอ เป็นเอกจึงกินข้าวเช้าแบบง่ายๆ และไปไหนมาไหนกับเวนิสไปจนเที่ยง จากนั้นก็จะมีโรมเข้ามาร่วมวง กินข้าวเที่ยงกันสองสามคน จากนั้นก็ให้เวนิสสอนขี่ม้าอยู่ได้วันละไม่กี่ชั่วโมงแล้วก็หมดไปอีกวันอย่างนั้น จะขาดก็ขาดแต่หนุ่มน้อยหน้าใสที่เขาพบในวันแรกนั้นคนเดียวที่สามวันเข้าแล้วก็ยังไม่รู้ว่าหายไปไหน
    ชายหนุ่มเคยเปรยๆถามอยู่ครั้งหนึ่งว่า
    “เอ ผมไม่เห็นมิลานเลยคุณเวนิส น้องชายคุณเขาหายไปไหนของเขา”
    ก็ได้รับคำตอบแบบที่ทำให้ไม่อยากถามต่อว่า
    “ไม่รู้มันซี คุณจะอยากรู้ไปทำไม”
    ถ้าไม่นับเรื่องที่เวนิสชอบพูดกวนประสาทเขาอยู่เป็นครั้งคราวแล้ว ชายหนุ่มผู้นี้ก็ถือว่าเป็นคนดีคนหนึ่งทีเดียว พอเจอกับเป็นเอกตอนเช้า เขาก็จะแวะรับเป็นเอกไปส่งทานข้าวเช้า ถ้าอยากไปไหนก็พาไปส่งอย่างไม่คิดเกี่ยงงอน แต่จะมีอะไรให้อยากเกี่ยงงอนเล่าในเมื่อเป็นเอกไม่เคยคิดจะรบกวนอะไรเขาอยู่แล้ว  มีแต่เขานั่นแหละที่เป็นฝ่ายอาสาทำโน่นทำนี่ให้เป็นเอกเอง
    มันก็ดีอยู่ที่มีคนคอยดูแลเอาใจ แต่เป็นเอกกลับรู้สึกเหมือนเป็นเด็กง่อย ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ อย่างไรอย่างนั้น จะหยิบจะจับ จะถืออะไรเวนิสก็มาแย่งไปเสียหมดอย่างสองวันก่อนที่จะถึงงานแต่งของประกายพรึกที่ ทั้งสามหนุ่ม เวนิส โรม และเขานัดกันจะไปปิกนิกในป่าหลังบ้านของลุงทัด ตอนที่ช่วยกันทำอาหารว่าง เวนิสก็จะคอยเข้ามาช่วยแบกเขียงแบกมีดให้ อย่างกับเป็นเอกทำอะไรเองไม่เป็น จนโรมมองพี่ชายแปลกๆ ทักขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ว่า
    “พี่เวจะถือเขียงให้เอกทำไม อันแค่นั้นมันถือไหวอยู่แล้ว”
    ชายหนุ่มได้ยินเพื่อนพูดก็หันไปเลิกคิ้วใส่เวนิส ทำนองว่าเยาะเย้ย
    “ก็เอกเขาเป็น...”
    “เป็นแขกหรือ จนป่านนี้ยังจะคิดว่าไอ้เอกมันเป็นแขกอีกหรือพี่เว” โรมว่า ส่ายหัวเบาๆ ผมยาวที่รวบไม้เป็นหางม้าส่ายเบาๆอย่างไม่เข้าใจ “เห็นกันจนจะกลายเป็นน้องอีกคนแล้ว ยังจะเกรงใจอะไรอีก”
    ปรากฏว่าได้ผล เวนิสได้แต่ยืนล้างผักเตรียมทำสลัดอยู่เฉยๆ ปล่อยให้เป็นเอก หั่นชีสหั่นแฮมทำแซนด์วิชแบบง่ายๆพกไปกินด้วย
    เตรียมอาหารว่างกันจนจะเสร็จแล้ว มิลานก็เปิดประตูบ้านเข้ามาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ใส่เสื้อกล้ามกางเกงยีนส์ตามแบบเขา พอเข้าบ้านมาได้ก็ถอดแว่นกันแดดออก เอ่ยขึ้นอย่างร่าเริงว่า
    “ว่าแล้วว่าอยู่กันที่นี่” เขาเดินเข้ามา หยิบแซนวิชส่งเข้าปากไปเหมือนเด็กไม่รู้อิโหน่อิเหน่ “มื้อนี้ทำแซนวิชกินกันหรือฮะ”
    โรมส่งเสียอือ ในลำคออย่างไม่สบอารมณ์
    “ทำไปปิกนิก ในป่า ใครไม่รู้มาแย่งกินเสียก่อน”
    “อุ้ย” มิลานอุทานทำท่าจะวางชิ้นที่เพิ่งกัดอยู่เมื่อครู่คืนลงจานเดิม
    “ไอ้ลาน ทุเรศแกกินไปแล้วก็กินให้หมดซี” เวนิสดุ “เอาไปใส่รวมของเดิมใครจะกินลง เอกเขาอุตส่าห์ทำ พอดีไม่มีใครกล้ากินเสียของหมด”
    “เอ้าพี่เอกทำหรือฮะ” หนุ่มน้อยส่งยิ้มหวานมาให้ “มิน่า อร่อยเชียว ถ้าจะกินอีกพี่เอกก็คงไม่ว่าหรอกเนอะฮะ พี่เอกไม่ดุเหมือนพี่เว พี่โรม”
    “ก็ไม่อยากดุหรอก” เป็นเอกว่าเบาๆ “แต่เก็บไปกินในป่าเถอะ”
    “ว้าว ปิกนิก ผมไปด้วยนะ”
    ไม่มีใครกล้าปฏิเสธ ดังนั้นจึงกลายเป็นสี่หนุ่มที่เดินขึ้นเขาไปปิกนิกกันในป่าละเมาะ ลุงทัดปฏิเสธไม่ไปด้วยอ้างว่าแก่แล้วเดินไม่ไหวดังนั้นเวนิสจึงยกกระติกน้ำ เป็นเอกถือตะกร้าใส่แซนวิชและผักสดสำหรับทำสลัด มิลานถือถุงขนมขบเคี้ยวอีกนิดหน่อย ส่วนโรมก็แบกขาตั้งผ้าใบ สีน้ำแล้วพู่กันของเขาไปอย่างไม่สนใจใคร
    พอไปถึงที่ หนุ่มผมยาวก็แยกไปนั่งวาดรูป ทิ้งให้เป็นเอกอยู่กับมิลานและเวนิสสามคน
    พี่คนโต ดูจะหงุดหงิดเมื่อมี หนุ่มน้อยนายแบบอยู่ด้วยอาจเพราะเวนิสไม่ชอบที่น้องชายคนสุดท้องพูดมากกระมัง เขาจึงนั่งนิ่งสีหน้าไม่สบอารมณ์อยู่พักใหญ่ จนเป็นเอกชวนพูดขึ้นก่อน เวนิสจึงจะได้มีบทสนทนากับเขา
    “คุณเว พรุ่งนี้คุณจะสอนผมขี่ม้ากี่โมงครับ”
    “เอ้า พี่เวจะสอนพี่เอกหรือ” มิลานเงยหน้าขึ้นจากสลัดผักชามโต ราดน้ำมันมะกอกและ น้ำส้มสายชู “ไม่ให้ผมสอนล่ะฮะพี่เอก”
    “ก็แกไปไหนของแกมาตั้งวันสองวัน เขาสอนกันไปแล้ว คุณเอกจะขี่คล่องอยู่แล้ว แล้วพรุ่งนี้ก็ต้องไปช่วยคุณแม่ลองชุดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนวันแต่งไม่ใช่หรือ”
เวนิสว่า “พี่เลยคุยกับคุณเอกไว้ว่าจะสอนเขาพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้าย”
    “อะไรกันก็พรุ่งนี้ลานไม่อยู่ รอลานก่อนซีฮะพี่เอก”
    “รอยังไง มะรืนแม่ก็แต่งแล้วพรุ่งนี้วันสุดท้ายที่จะมีโอกาสให้เขาได้ขี่เองคนเดียว” เวนิสตอบแทนเป็นเอกเสร็จสรรพ ชายหนุ่มจึงไม่ได้เป็นคนตอบมิลานเองจนแล้วจนรอด กินอยู่ได้พักเดียว มิลานก็ชวนเป็นเอกไปเดินเล่น ชายหนุ่มจึงทิ้งเวนิสไว้ที่เดิมเผื่อโรมเดินกลับมาไม่เจอใคร หนุ่มนักดนตรีไม่คิดจะเกี่ยงงอน เป็นเอกจึงเดินออกมากับมิลานอย่างสบายใจ
    
    เดินในความเงียบกันมาพักใหญ่ เป็นเอกตื่นเต้นและดีใจเหลือเกินที่ได้อยู่กับมิลานกันแค่สองคน มีเรื่องมากมายที่อยากจะพูดด้วย แต่จนแล้วจนรอด เป็นเอกก็พูดไม่ออกได้แต่เดินเคียงข้างกันไปเรื่อยๆ
    “พี่เอกฮะ” มิลานเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบของยามเย็นขึ้นก่อน เป็นเอกหันไปมองหน้า พบว่าดวงตาของหนุ่มน้อยไม่ได้จับจ้องที่เขา แต่มองใจลอยไปที่ยอดไม้ที่ถูกพระอาทิตย์ย้อมเป็นสีแดงสวยอย่างไม่ใส่ใจอะไร
    “มีอะไรหรือ”
    “แม่แต่งงานแล้ว พี่เอกจะกลับกรุงเทพเลยหรือฮะ”
    “ก็คงอยู่ต่อวันสองวัน” เขาว่า มิลานหยุดเดิน ชายหนุ่มจึงหยุดบ้าง หนุ่มน้อยถอยหลังไปพิงต้นไม้ หันหน้าไป ตามองจ้องไปที่เดิมทำให้เป็นเอกไม่เห็นร่างกายของนายแบบหนุ่มที่แข็งแกร่งนั้นเต็มตัว แต่กลับเห็นใบหน้าเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เห็นว่าอยู่ไกลเกินไป จึงเดินเข้าไปให้ใกล้ขึ้นกว่าเดิมอีกนิดหนึ่ง
    “อยู่นานอีกหน่อยไม่ได้หรือ” หนุ่มน้อยว่า หันหน้ากลับมาจ้องเป็นเอก พบว่าใบหน้าของอีกฝ่ายอยู่ไม่ห่างจากกันเท่าใดนัก
    “ไม่ได้หรอกครับ พี่มาพักฟรีนะ เกรงใจคุณประกายพรึก” เขาพูดเสียงเบา เพราะไม่มีความจำเป็นใดที่ต้องพูดดังไปกว่านั้น ในเมื่อทั้งคู่ห่างจากกันเพียงไม่กี่คืบเท่านั้น “ลานพูดเหมือนไม่อยากให้พี่ไปนะ”
    “ก็ไม่อยากน่ะซีฮะ” เขาว่า ยิ้มให้อย่างเศร้าสร้อย “กลับกรุงเทพไปไม่รู้จะได้เจอกันหรือเปล่า ไม่รู้เป็นไรนะฮะ เราเจอกันไม่นานแต่รู้สึกเหมือนสนิทกันมากเหลือเกิน”
    เป็นเอกไม่พูดอะไรได้แต่ยิ้มให้กับหนุ่มน้อยผ่านทางสายตาเท่านั้น
    “กลับไปแล้ว เรานัดเจอกันบ้างนะฮะ”
    “ครับ”
    “พระอาทิตย์ตกสวยจังฮะพี่เอก” มิลานกระซิบเบาๆ เป็นเอกก็รู้สึกปั่นป่วนในใจ เสียงกระซิบของหนุ่มน้อยทำเอาเขาขนลุก แปลกๆแบบที่ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกได้มาก่อน
    “สวย แต่...”
    “แต่อะไรฮะ” เป็นเอกอยากตอบว่าคนตรงหน้าสวยน่ามองกว่าตั้งเยอะ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่กล้าพูดจึงส่ายหน้าแล้วบอกว่า
    “ไม่มีอะไรหรอก ไปเถอะทิ้งพี่ของลานไว้คนเดียวเดี๋ยวเขาจะหงุดหงิด”
    มิลานพยักหน้าอย่างเข้าใจ เดินเฉียดตัวเป็นเอกไปเพราะทั้งคู่ยืนอยู่แทบจะชิดกันอยู่แล้ว ต้นแขนเนียนนุ่มของหนุ่มน้อยลากผ่านแขนของเป็นเอก แผ่วเบา จนขนที่แขนลุกชันขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
    เป็นเอกต้องยอมรับกับตัวเองอย่างจริงจังแล้วว่า เขาถูกใจมิลานเข้าแล้วจริงๆ แม้จะพบกันได้ไม่ถึงอาทิตย์ จะเพราะหนุ่มคนนี้มีแรงดึงดูดอย่างน่าประหลาดต่อเขา หรือเพราะเขาเป็นคนใจง่ายก็ตามแต่

    เป็นเอกยืนตัวเกร็ง มองหน้าเจ้าเนโรแล้วก็ไม่กล้าจะปีนขึ้นไปนั่งบนอานของมันคนเดียวจนแล้วจนรอด
    วันรุ่งขึ้นตอนสายๆ หลังจากกินอาหารไทยง่ายๆกันที่บ้านของลุงทัดแล้ว เป็นเอกก็ถูกเวนิสบังคับให้ขึ้นขี่เจ้าเนโรคนเดียวให้ได้ ต่อให้เป็นเอกปฏิเสธอย่างไรเวนิสก็พูดเสียงเข้มว่า
    “ถ้าไม่ขี่เองจะเรียกว่าขี่ม้าเป็นหรือไง”
    “ก็มันน่ากลัวนี่ ดูซิมันมองผมเสียน่ากลัวเชียว” เป็นเอกว่าเสียงอ่อยๆ
    “ม้ามันก็มองเหมือนกันทุกตัวแหละคุณ คุณนั่นแหละป๊อดไปเอง”
    “ผมป๊อดที่ไหนล่ะ ก็ไม่เคยขึ้นม้าก่อนนี่นา ปกติคุณต้องขึ้นก่อนแล้วค่อยให้ผมตามขึ้นไป”
    เวนิสหัวเราะเบาๆ ยืนเท้าเอว เลิกคิ้วมองม้าสีดำของตน แล้วก็มองเป็นเอก ผายมือขวาอย่างกวนประสาทไปยังเจ้าเนโร เป็นเชิงให้เขาขึ้นไปนั่ง แต่เป็นเอกก็สั่นหัวเบาๆ ไม่ยอมขึ้นไป จนเวนิสเดินเข้ามาใกล้
    “นี่ รีบขึ้นม้าเสียที ผมจะได้ถ่ายรูปให้คุณเอาไปอวดเพื่อนอย่างที่คุณเคยบอกไง” เขาว่า
    “ก็มันไม่กล้าขึ้นไปคนเดียวนี่ ถ้าเกิดตกล่ะ”
    “คุณก็ขาหัก แค่นั้นเอง”
    “คุณเวละก็” เป็นเอกมองพี่ชายของเพื่อนสนิทตาขวาง “งั้นผมยอมแพ้ ไม่ขึ้นไปแล้ว ไม่ขี่ ไม่ถ่ายรูปอะไรทั้งนั้น”
    เวนิสหัวเราะ
    “งั้นผมขึ้นก่อน แล้วจะดึงคุณขึ้นไปแบบทุกทีโอเคหรือเปล่า”
    เป็นเอกพยักหน้า พี่ชายคนโตของบ้านตรีโลกนาถก็เดินอ้อมไปเข้าคอกม้า ตรงมาหาเจ้าเนโรโหนตัวขึ้นไปไม่ต่างจากขึ้นมอเตอร์ไซค์ ง่ายๆ และสง่างาม โดยไม่ลืมส่งสายตายียวนกวนประสาทมาให้เป็นเอกก่อนจะยักคิ้วให้ชายหนุ่ม แล้วก็ยื่นมือลงไปบอกว่า
    “เอ้าขึ้นมาครับ คุณนักเรียน”
    เป็นเอกยึดมือเวนิสไว้เป็นที่มั่นก่อนจะปีนขึ้นไปทางด้านหลังของหนุ่มลูกครึ่งเครางามคนนั้น ก็พอดี ชายหนุ่มยื้อเขามาข้างหน้าแล้วบอกว่า
    “จะให้คุณขี่เอง มานั่งหน้านี่”
    “ไม่เอา ผมกลัวไม่เคยนั่งหน้านี่นา”
    “นี่เดี๋ยวคุณจะขี่ไม่เป็นนะ เร็วๆ เดี่ยวก็ตกลงไปหรอก”
    คำว่า “ตกลงไป” เหมือนเป็นคำสาบสะกดใจ ให้เป็นเอกทำตาม เขาดึงแขนแข็งแกร่งของเวนิสพยุงตัวขึ้นมานั่งที่ด้านหน้าของชายหนุ่ม จะเพราะน้ำหนักผิด หรือพลาดท่ากันอย่างไรไม่รู้ เป็นเอกเซลงด้านหน้า แทบจะหัวทิ่มตกลงไปอีกฝั่งหนึ่งของม้า ร้องลั่นด้วยความตกใจ เวนิสเห็นอย่างนั้นก็ร้องออกมาพร้อมกัน กลัวว่าชายหนุ่มจะเป็นอันตราย จึงกระหวัดแขนดึงร่างของเขาไว้มั่นไม่ยอมปล่อย ทางเป็นเอกก็พยายามตะเกียกตะกายจะลุกนั่งให้ได้ ยื้อกันไปมา จนเวนิสรวบเขาเข้าไปกอดไว้แนบอก หน้าแนบลงกับผมของชายหนุ่มอย่างลืมตัว
    ค้างอยู่ในท่านั้นไม่นานเป็นเอกก็ทรงตัวขึ้นนั่งข้างหน้าชายหนุ่มได้ในที่สุด
    “คุณเว” เขาว่าเสียงหอบ “ตกใจหมด ทีหลังไม่ขึ้นแล้ว”
    “ผมขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้” ชายหนุ่มตอบ ลืมไปว่ายังกอดเป็นเอกอยู่แน่นเต็มสองแขน
    “เอ้อ... คุณเว ปล่อยผมได้แล้ว ขอบคุณมาก”
    เวนิสหน้าแดงก่ำ รีบปล่อยมือออกจากตัวของเป็นเอก พูดเสียงเบาอย่างเขินอายว่า “ผมจะลงจากอานแล้ว คุณขี่เองนะ”
    “เดี๋ยว” ยังไม่ทันทีเวนิสจะผละตัวออกจากเป็นเอก ชายหนุ่มก็ร้องขึ้นก่อน ก้มหน้านิ่งไม่เห็นว่าชายหนุ่มที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังทำสีหน้าอย่างไร “ช่วยอยู่อย่างนี้สักพักเถอะครับ”
    รอยยิ้มแต้มขึ้นบนใบหน้าของเวนิสเพียงชั่วขณะเดียว เป็นเอกไม่มีโอกาสได้เห็นเพราะเขานั่งอยู่ข้างหน้า
    เวนิสไม่กล้านั่งติดกับเป็นเอกอีก เขากระเถิบตัวออกมานั่งห่างออกไปนิดหนึ่ง กระนั้น เมื่อมืออ้อมไปจับบังเหียนที่อยู่หน้าเป็นเอก ก็ไม่ต่างจากว่าชายหนุ่มนั่งกอดเพื่อนหนุ่มของน้องชายไว้หลวมๆเลย เขาบังคับเนโรเดินไปรอบๆ ไม่กล้าเพิ่มความเร็วเพราะคิดว่าเป็นเอกคงจะตกใจอยู่ไม่น้อย
    พอเห็นว่าบรรยากาศเริ่มเงียบอย่างน่าอึดอัดแล้ว ลูกชายคนโตของเจ้าของรีสอร์ตก็เอ่ยปากขึ้น “คุณเอก”
    “ครับ”
    “ถ้าผมเชิญคุณมา คุณจะกลับมาที่รีสอร์ตนี่อีกไหม”
    ชายหนุ่มนิ่งเงียบไม่รู้จะตอบอย่างไรดี เริ่มรู้สึกแปลกๆกับชายหนุ่มที่ซ้อนอยู่ข้างหลังเขาขึ้นมาแล้ว แต่ก็ไม่อยากคิดอะไร จึงตอบเลี่ยงๆ ทีเล่นทีจริงไปเท่านั้นว่า “ผมไม่มีเงินหรอก ถ้าคุณให้ผมมาพักฟรี หรือมาทำงานแลกอย่างคราวนี้ก็ได้”
    “คุณพูดแล้วนะ คราวหน้าถ้ามีงานอะไรอีกผมจะเรียกคุณคนแรก”
    คุยกันไปอีกไม่กี่ประโยค เวนิสก็กระโดดลงจากหลังม้า โดยไม่บอกไม่กล่าว ทำเอาเป็นเอกหน้าเหวอ โวยวายออกมาว่า
    “คุณ! คุณจะไปไหนผมยังขี่ไม่เป็น กลับมาก่อนผมกลัว”
    “คราวหน้าถ้าจะกลับมาที่รีสอร์ตนี้อีก คุณต้องมาขี่ม้ากับผม ผมจะไม่ยอมให้คุณซ้อนเจ้าลาน หรือว่าให้ผมช่วยคุณอยู่ข้างหลังอย่างคราวนี้อีก”
    “แต่ตอนนี้ผมยังไม่พร้อม”
    “ก็พร้อมเสียซี” เวนิสว่า แล้วก็ โหนตัว กระโดดข้ามคอกม้าไป หันกลับมาพร้อมเสียงโวยวายของเป็นเอก ทีแรกคิดว่าเขาร้องเพราะกลัวไปเองอย่างนั้น แต่พอเห็นชายหนุ่มเต็มตาเท่านั้น เวนิสก็ตกใจ
    จู่ๆเจ้าเนโร ก็พยศเหวี่ยงซ้ายเหวี่ยงขวาอย่างไม่พอใจที่มีคนอื่นที่ไม่ใช่
เวนิสอยู่บนหลังของมัน เป็นเอกร้องจนแทบหมดเสียง ไม่รู้ว่าจะตกลงมาขาหักอย่างที่ชายหนุ่มเจ้าของม้าดำตัวนี้ว่าตอนไหน!

***********************************************************************

ก็ยังให้ซีนเวนิส และลานมากๆสักหน่อยนะครับ เพราะเขาเพิ่งเจอกัน แฟนคลับโรม อีก บทสองบทจะได้เห็นสิ่งที่ไม่คิดจะได้เห็นจากโรมด้วยนะครับ ตอนหน้า (พรุ่งนี้) โรมจะเหวี่ยงเป็นเอกอีกครับ เพราะอะไรติดตามนะคร้าบบบ

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
เป็นเอกจะแขนหักป่่าวนั่น อ่านดูแล้วเวนิสได้อยู่กะเป็นเอกเยอะสุดเลย แต่เอกชอบมิลานซะแล้ว รออ่านโรมเหวี่ยงตอนต่อไปค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด