[ท า ง ส า ม ส า ย] บทที่ 16 - เป็นเอก-โรม's moment(2) 22/04/11 - 21.00
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [ท า ง ส า ม ส า ย] บทที่ 16 - เป็นเอก-โรม's moment(2) 22/04/11 - 21.00  (อ่าน 42819 ครั้ง)

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: [ท า ง ส า ม ส า ย] capitolo tre e quattro
«ตอบ #30 เมื่อ27-02-2011 20:33:10 »

มิลานฟังดูแล้วน่าจะเป็นพวกเพลบอยนะ  หน้าตาดี  เจ้าชู้  เที่ยวกลางคืน  หญิงชายมากหน้าหลายตา
สำหรับเมฆาช่องว่างระหว่างวัยที่มากขนาดนั้น  ถ้าจะไม่ให้คิดถึงเรื่องหวังสมบัติก็คงยากจริง ๆ
วันนี้ได้เจอเวนิสแล้ว  รอมิลานตอนหน้า  เว้ยยย  อยากเป็นเป็นเอกอ่ะ  ทำงัยดี

ออฟไลน์ berlyn

  • Put Van The Man on the jukebox then we start to dance
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
เวนิส ที่ร้องเพลงนั้น ตั้งใจจะสื่ออะไรรึเปล่าเนี่ย ประมาณว่ารู้สึกดีตั้งแต่แรกพบ

เราว่าโรม ต้อง แอบ คิดอะไรกับเพื่อน นิดนึงในหัวใจแต่ไม่แสดงออก

รออีกหนึ่งหนุ่มค่ะ

ออฟไลน์ pp_song

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
โรมท่าจะเรียบร้อยที่สุดในบ้าน

 :call: :call:

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
ตามมาจากคุณชายเจ้าค่ะ

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
ต้องรอทำความรู้จักคุณมิลานก่อน
ถึงจะตัดสินใจได้ว่าจะเลือกข้างไหน หงุงหงิง  :o8:

ออฟไลน์ Na_RimKLonG

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 640
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
รอด้วยคน

ออฟไลน์ Purple_Sky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +354/-1
Capitolo cinque

     เป็นเอกจิบช็อกโกแลตร้อนเข้าไป ก็พบว่ามันเป็นช็อกโกแลตที่อร่อยมากจริงๆ ไม่เหมือนไมโล โอวัลตินที่เขาเคยดื่มมา แต่รสชาติคล้ายกับช็อกโกแลตที่ละลายแล้วมาผสมอย่างลงตัวกับนมสดที่ทั้งหอมทั้งหวานอมขม อร่อยกลมกล่อมจนชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะดื่มตามไปอีกอึกหนึ่งอย่างติดใจในรสชาติ
    “อร่อยใช่ไหมล่ะ” ชายหนุ่มข้างๆเขาว่า “ผงช็อกโกแลตสวิสเชียวนะ ของดีนะคุณถ้าติดใจละก็ เติมอีกก็ได้เลย”
    “ไม่ล่ะครับ ดื่มของหวานๆตอนกลางคืนเดี๋ยวจะอ้วนตาย”
    หนุ่มลูกครึ่งหัวเราะ
    “เหมือนมิลานไม่มีผิด วันๆไม่ต้องทำอะไรทาครีมบำรุงอะไรไม่รู้กี่ขวดต่อกี่ขวด แล้วก็ออกกำลังกาย กับคุมอาหารว่ามื้อนี้กินกี่แคลอรี่ จนไม่รู้จะหาอะไรในร่างกายมาอ้วน ก็ยังว่าอ้วนอยู่นั่น”
    “ผมก็ไม่ถึงขั้นนั้นเสียหน่อย” เขาว่า “แต่ดื่มของหวานๆอย่างนี้แล้วก็ไปนอนไม่ได้เผาผลาญมันจะอ้วนเอาจริงๆนี่ครับ”
    “คุณผอมแล้ว ต่อให้ดื่มสักสิบแก้วพรุ่งนี้คุณก็ไม่อ้วนขึ้นหรอก”
    “เอาเถอะครับ” เป็นเอกดื่มช็อกโกแลตร้อนไปอีกอึกหนึ่ง “คุณมิลานนี่คงหล่อมากซีท่า หุ่นก็คงจะดีมากถึงได้ไปเดินแบบถึงอิตาลี”
    “น้องผมเขาชื่อ’มิลาโน’ ไม่ใช่ ‘มิลานนี่’ ” เวนิสกล่าวติดตลก แต่เป็นเอกไม่ขำด้วย ชายหนุ่มจึงต้องขำออกมาเสียเอง “ไม่ขำหรือ โอเค ไม่ขำก็ไม่ขำ มิลานมันหล่อจริง ทั้งสาวทั้งหนุ่มติดตรึม”
    เป็นเอก เลิกคิ้วอย่างสงสัย
    “คุณมิลานเป็นเกย์หรือ”
    “ไม่รู้มันซี  ไม่เห็นลงเอยกับใครสักคน” ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้าไปใกล้คู่สนทนา “ทำไมคุณรังเกียจเกย์หรือ”
    “เปล่านี่ ผมไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว”
    เวนิสหัวเราะ แล้วก็ชวนคุยต่อไป
    “ชอบหรือเปล่าที่นี่”
    “ชอบซีครับ” เป็นเอกตอบ “สวยมาก อยากจะมาอยู่เสียตลอดชีวิต”
    “จริงหรือ ผมหมายถึงบ้านผมนะ”
    ผู้ฟังรู้สึกหน้าร้อนผ่าว มองหน้าพี่ชายของเพื่อนหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจก่อนจะบอกว่า “ผมพูดถึงรีสอร์ตนี้ต่างหาก มันสวยดีน่าอยู่จริงๆ  แต่ถ้าคุณถามถึงบ้านคุณละก็ มันก็อึมครึมแปลกๆ ดูน่ากลัวอย่างไรไม่รู้”
    “คุณเป็นคนตัดสินอะไรแค่ภายนอก” เขาว่า
    “เอ้า ไหนมาว่าผมอย่างนั้น ผมก็บอกตามที่ผมเห็นน่ะซี คุณชักจะกวนผมแล้วนะ” เป็นเอกไม่รู้ตัวว่าน้ำเสียงไม่พอใจของเขานั้น ชัดเจนจนอีกฝ่ายสัมผัสได้
    “อย่าเพิ่งโมโหซี” เวนิสหัวเราะลงลูกคอ “คุณยังไม่เห็นข้างในเสียหน่อย มาบอกได้อย่างไรว่าน่ากลัว”
    “ผมไม่เถียงคุณละเดี๋ยวจะต่อความกันไม่จบ เอาเป็นว่าราตรีสวัสดิ์แล้วกันครับ” เป็นเอกทำท่าจะลุก แต่เวนิสกลับลุกตาม เดินอ้อมมายืนขวางเขาไว้
    “เดี๋ยวซีครับ คุณยังไม่ง่วงไม่ใช่หรือ อยู่คุยเป็นเพื่อนผมก่อน นะ นะ”
    ชายหนุ่มตัดสินใจนั่งลงอีกครั้ง
    “ถ้ากวนผมอีกที ผมจะกลับบ้านจริงๆด้วย” เป็นเอกว่า
    “ครับผม สัญญาว่าไม่กวนแล้ว” เวนิสเดินกลับมานั่งที่เดิม “คุณอยู่กับโรมมาหกปีแล้ว รู้ไหมว่ามันมีแฟนหรือเปล่า”
    “ไม่นี่ครับ” เป็นเอกขมวดคิ้ว “คุณจะอยากรู้ไปทำไม”
    “เปล๊า” เขาว่า “ก็เรื่องงานแต่งงานนี่ แม่เขาคงอินมากเลยอยากให้ลูกๆแต่งกันบ้างก็เลยมารบเร้าว่าเมื่อไหร่ผมจะแต่งงาน”
    “แล้ว คุณมีแฟนแล้วหรือยังล่ะครับ”
    “ไม่มีน่ะซี” เขายิ้ม “ไม่คิดมีด้วย มีแฟนแล้วยุ่งยากจะตายอยู่ตัวคนเดียวสบายกว่า ที่ถามคุณเนี่ยก็แค่อยากรู้ว่าโรมมันมีใครที่มันชอบหรือยัง จะได้ยุให้รีบๆแต่งงานแทนผม ผมขี้เกียจถูกแม่รบเร้า”
    “ก็ไม่มีนะครับ ผมไม่เคยเห็นโรมมันควงใครสักคน เพื่อนมันยังไม่ค่อยมีเลย วันๆอยู่แต่กับพู่กัน กับผ้าใบ”
    “ผมล้อมันบ่อยๆว่า ถ้าคิดอยากแต่งงานมีลูกเมื่อไหร่อย่าลืมไปขอผ้าใบแต่งนะ คบหาดูใจกันมานานแล้วนี่” เป็นเอกหัวเราะกับคำพูดของหนุ่มผู้พี่
    “แล้วคุณล่ะ ไม่มีแฟน จะแต่งกับกีต้าร์ ไวโอลิน หรือเปียโนดี”
    “ไม่รู้” เขายักไหล่ “เปลี่ยนเป้าหมายละกันครับคุณโจมตีผมอยู่ฝ่ายเดียว  เอาเป็นว่าแล้วคุณล่ะ มีแฟนหรือยัง”
    เป็นเอกส่ายหน้าแล้วก็ไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น เวนิสเองก็ไม่คิดจะถามอะไรอีก เขาก้มหน้าต่ำมองแก้วเปล่าในมือจนเป็นเอกไม่รู้ว่าตอนนี้ชายหนุ่มมีสีหน้าอย่างไร คงแอบขำหรือเปล่าที่เขาหาแฟนไม่ได้ เป็นเอกไม่แน่ใจ
    “ผมเอาแก้วไปเก็บนะ” เวนิสเอ่ยขึ้นในที่สุด ยื่นมือไปหยิบแก้วกาแฟจากในมือเป็นเอกแล้วก็เดินหายเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้เป็นเอกอยู่กับตัวเอง
    เอาเข้าจริงๆแล้ว ชายคนนี้ไม่ต่างอะไรจากคนแปลกหน้า เป็นเอกยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเวนิสเป็นใคร เป็นคนอย่างไร ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร รู้เพียงว่าเป็นพี่ชายของโรมเท่านั้น แล้วมานั่งคุยกันสนิทสนมดึกๆดื่นๆอย่างนี้ได้อย่างไร เขาไม่เข้าใจตัวเองนัก ...เป็นไปได้ไหมว่าเขาชอบชายหนุ่มคนนี้เข้าเสียแล้ว
    จะบ้าหรือ ใจง่ายไปไหมเป็นเอก เจอกันวันแรกเนี่ยนะ
    เขาไม่ทันจะได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น เวนิสก็กลับออกมาพอดี เขานั่งลงข้างๆเป็นเอกอีกครั้ง ชายหนุ่มก็รีบเอ่ยถามขึ้นก่อนที่ฝ่ายนั้นจะทันได้พูดอะไรกับเขาก่อน “คุณเวนิส อยู่ไทยมาก่อนหน้านี้หรือเปล่าครับ ทำไมผมไม่เคยเจอ โรมก็ไม่เคยเล่าถึงคุณให้ผมฟัง”
    คนถูกถาม มองไปที่ยอดไม้ฝั่งตรงข้ามพร้อมกับที่พูดตอบเป็นเอก
    “ผมทำงานที่เวนิส” เขาว่า “มีโฮมสเตย์อยู่ที่นั่น อยู่กับครอบครัวของญาติฝั่งพ่อ เพิ่งกลับมาไทยก็เพราะงานแต่งแม่เนี่ยแหละ”
    “อ้อ” เป็นเอกร้องอย่างเข้าใจ “คุณอยู่มานานซีนะครับ”
    “ก็ตั้งแต่เรียนจบล่ะครับเกือบแปดปีได้”
    “มิน่าสำเนียงอังกฤษคุณแปลกๆ ทั้งที่ได้ยินคุณประกายพรึกพูดในห้องอาหารว่าคุณจบจากฮาร์วาร์ด สำเนียงน่าจะเป็นอเมริกันกว่านี้นะครับ”
    “ผมเรียนฮาร์วาร์ดไม่กี่ปี อยู่อิตาลีเกือบสิบปีทำไมสำเนียงผมจะไม่เพี้ยนไปล่ะครับ” เขาว่า “แต่สำเนียงอังกฤษของคุณก็ดีทีเดียว เป็นอเมริกันมากๆ ทั้งๆที่คุณก็ดู ไท้ยไทย”
    เป็นเอกหัวเราะ
    “ไม่รู้ซีครับ ผมเคยไปแลกเปลี่ยนที่อเมริกาตอน ม. ปลายแต่สำเนียงก็เป็นอย่างนั้นตลอด ไม่ได้เพี้ยนไปตามสำเนียงไทยนะ” เขาเงียบไปพักหนึ่ง “คุณจะลองภูมิผมที่กรัน ปาลัซโซ่ ก็เห็นแล้วใช่ไหมครับว่าผมมีภูมิให้ลอง”
    เป็นเอกยักคิ้ว แต่อีกฝ่ายกลับตีสีหน้าเงียบขรึม
    “ผมไม่ได้คิดลองภูมิ ผมเห็นคุณมากับโรมก็คิดว่าพูดอิตาเลียนได้ เลยคิดจะชวนคุยจริงๆ ผมไม่ชอบเห็นใครมาเศร้าอยู่ใกล้ๆด้วย มันทำให้ผมไม่สบายใจ จะชวนคุยเป็นภาษาไทยก็อายเลยต้องพูดเป็นอิตาเลียนก่อน ไม่ได้คิดดูถูกคุณ หรือลองภูมิอะไรเลยจริงๆ แล้วคุณก็บอกเองว่า Inglese per favore ผมก็ตามใจไง พูดอังกฤษด้วยตามที่ขอ”
    ตอนแรก เป็นเอกมั่นใจว่าจะได้ยินคำตอบยียวนกวนประสาทกลับมา พอมาได้ยินคำตอบที่จริงจังอย่างประโยคแรกก็อดประหลาดใจไม่ได้ ความรู้สึกไม่ชอบใจ ขวางหูขวางตากำลังจะละลายหายไปแล้วเชียว ประโยคสุดท้ายประโยคเดียวทำเอาเขาหงุดหงิดอีกครั้ง เขาลุกขึ้นในที่สุด กล่าวเบาๆว่า “ผมคงต้องไปนอนจริงๆแล้วล่ะ ขอบคุณสำหรับช็อกโกแลตร้อนนะครับ ราตรีสวัสดิ์คุณเวนิส”
    “ครับ Buona notte” เป็นเอกเดินไปได้ไม่กี่ก้าว หนุ่มลูกครึ่งก็ตะโกนเรียกเขาไว้ก่อน “คุณเอก พรุ่งนี้จะไปดูรอบๆรีสอร์ตกับผมอย่างที่คุณแม่บอกหรือเปล่า”
    เป็นเอกพยักหน้าให้ชายหนุ่ม
    “ถ้าอย่างนั้นผมจะไปรอคุณที่หน้าต่างที่เราเจอกันวันนี้นะครับ เก้าโมงเช้านะ” เวนิสป้องปากตะโกนไป ก็เห็นเป็นเอกพยักหน้ารับคำก่อนจะเดินกลับไปนอนที่บ้าน หนุ่มลูกครึ่งอิตาเลียนมองตามจนหนุ่มน้อยเดินไปลับสายตาแล้ว จึงคว้ากีต้าร์กลับขึ้นบ้านไปนอน
    ลืมไปสนิทว่าเป็นเอกเอาผ้าห่มของเขาไปด้วยเสียแล้ว
   
    เช้าวันรุ่งขึ้น เป็นเอกตื่นก่อนโรม เขาเดินงัวเงียออกมาจากห้องก็พบว่าเพื่อนหนุ่มยังไม่ออกมาปรากฏกายให้เห็น เดินขึ้นไปบนห้องนอนแง้มประตูดูแล้วก็พบว่าเขายังนอนหลับสนิทอยู่เลย แม้แสงจะส่องลอดรอยแหวกของม่านเข้ามากระทบดวงหน้าที่หล่อเหลาราวรูปสลักหินอ่อนนั้นแล้ว เพื่อนหนุ่มของเป็นเอกก็ยังคงหลับได้อยู่ ไม่รำคาญแสงแดดที่พยายามปลุกเขาให้ตื่นเลยแม้แต่นิดเดียว
    ท้องของชายหนุ่มที่ยืนมองเพื่อนอยู่ร้องประท้วงเบาๆ หลังจากหลับไปเกือบสิบชั่วโมงโดยไม่มีอาหารตกถึงท้องเลย เขาจึงตัดสินใจเข้าไปอาบน้ำ ใส่เสื้อแขนยาวกางเกงยีนส์รองเท้าผ้าใบ แบบสบายๆ คว้ากล้องตัวใหญ่คล้องคอ ก่อนจะรีบไปรับประทานอาหารเช้า แล้วไปถ่ายรูปบริเวณรอบๆรีสอร์ตแห่งนี้ให้สมใจ
    
    สิ่งหนึ่งที่เป็นเอกและเพื่อนหนุ่มชอบเหมือนๆกันก็คือการเก็บภาพบรรยากาศความน่าประทับใจของสิ่งที่พบเห็นเอาไว้ให้อยู่กับตัวไปนานๆ ไม่ใช่เก็บไว้ในสมองอย่างที่อาจจะเลือนหายไปง่ายๆ แต่โรมชอบเก็บภาพสิ่งต่างๆไว้ด้วยการละเลงสีน้ำลงแผ่นผ้าใบบันทึกสิ่งที่เขาชอบไว้ในรูปแบบที่เขาเห็นมัน เป็นแบบที่เขาต้องการไม่ใช่อย่างที่มันเป็นอยู่จริงๆ ในขณะที่เป็นเอกกลับชอบบันทึกสิ่งที่เขามองเห็นนั้นตามสิ่งที่มันเป็นจริงๆ ด้วยการบันทึกภาพด้วยกล้องถ่ายรูปมากกว่าเสียเวลาเลียนแบบมันผ่านปลายพู่กันเหมือนเพื่อนหนุ่ม
    เดินออกมานอกบ้านก็พบว่าอากาศที่ ปาลัซโซ่ ดี เลย ในตอนเช้านั้น สดชื่นมากกว่าที่มันเป็นเมื่อวานตอนที่เขามาถึง แสงแดดยามแปดโมงขับสีเขียวสดของสนามหญ้า ดอกไม้หลากสี และต้นไม้ ที่ร่มรื่นอยู่แล้วให้ยิ่งสวยงามมากขึ้น เขาอยากจะอยู่ที่นี่ไปตลอดเสียจริง ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะยกกล้องขึ้น ถ่ายภาพบรรยากาศยามเช้านี้ไว้เสียก่อน
    เขาจำได้ว่าโรมบอกเขาว่า ที่คลองหลังบ้านมีเรือกอนโดลา คอยพายผ่านทุกวันพาไปรับไปส่งตามสถานที่ต่างๆตามที่ลำคลองไหลผ่าน ในรีสอร์ตแห่งนี้ได้ ชายหนุ่มจึงเดินไปที่หลังบ้าน ชะเง้อมองลำคลองที่สะท้อนแสงระยิบระยับล้อกับลำแสงแรกของดวงอาทิตย์สุดสายตาเขาคือหัวโค้งตรงบ้านของเวนิสเท่านั้น จะรอเท่าไรก็ไม่มีเรือผ่านมาสักที ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเดินกลับเข้าไปในบ้าน คว้ากุญแจ แล้วสตาร์ทรถขับออกจากบ้านหลังนั้น ตรงไปยังกรัน ปาลัซโซ่ทันที
     เป็นเอกใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที เขาก็วนรถเข้าจอดที่ลานจอดรถข้างๆ ปราสาทใหญ่ศูนย์กลางที่ทำการของรีสอร์ต เดินตรงเข้าห้องโถง ในหัวก็คิดล่วงหน้าว่าจะกินอะไรก่อนเป็นอันดับแรกดี
    “Buon Giorno, Signore” พนักงานต้อนรับกล่าวอรุณสวัสดิ์
    “Buon Giorno” เป็นเอกกล่าวตอบสั้นๆ เดินตรงไปยังห้องอาหารด้วยความหิวเหลือเกิน แต่พนักงานสาวที่เพิ่งกล่าวทักเขานั้นเองก็เดินเข้ามาขวางไว้
    “ขอโทษค่ะ ขอบัตรเข้าทานอาหารด้วยนะคะ” หล่อนถามหาบัตร แต่บัตรอะไรล่ะ เขาไม่มีสักอย่างโรมไม่ได้บอกเสียด้วยว่าจะต้องใช้บัตรอะไรเวลาจะมากินข้าวที่นี่ เป็นเอกหน้าเหวอ ตกใจเพราะเขาไม่มีบัตรอะไรอย่างนั้นเลย จะได้กินข้าวเช้าไหมเนี่ยเรา
    “เอ้อ ผมเป็นเพื่อนกับคุณโรม น่ะครับ ลูกเจ้าของที่นี่”
    “แต่คุณก็ต้องมีบัตรเข้ารับประทานอาหารนะคะ” หล่อนว่า “ถ้าไม่มี เราก็คงให้คุณเข้าไปไม่ได้หรอกค่ะ เป็นกฏของที่นี่”
    ซวยแล้วซี แต่กูไม่รู้เสียหน่อยว่าต้องใช้บัตรอะไรด้วยนี่
    “ไว้ผมค่อยเอามาให้ทีหลังไม่ได้หรือครับ พอดีผมไม่ทราบจริงๆว่าต้องใช้บัตรด้วย” เป็นเอกว่า นึกในใจว่าถ้ามาถึงแล้วก็ไม่อยากจะกลับไปให้เสียเที่ยว หิวจนจะกินวัวเข้าไปได้ทั้งตัวแล้ว
    “ไม่ได้จริงๆน่ะค่ะ ทางเราต้องรักษากฏอย่างเคร่งครัด ไม่อย่างนั้นจะโดนตำหนิเอาได้ค่ะ” พนักงานสาวหน้าเสีย คงจะอยากทำตามที่เป็นเอกขอ แต่ก็กลัวจะถูกว่าเอาจริงๆ ดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือนน้ำท่วมปากอย่างนั้น
    “มีอะไรกันหรือครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังของพนักงานสาว หล่อนสะดุ้งไหวตัวเล็กน้อยก่อนจะ หันไปไหว้ชายหนุ่มอย่างนอบน้อม
    “สวัสดีค่ะ คุณเวนิส คือคุณผู้ชายท่านนี้ไม่มีบัตรเข้าห้องอาหารค่ะ ดิฉันก็เลยไม่แน่ใจว่าควรจะให้เข้าไปได้หรือเปล่าเดี๋ยวจะหาว่าดิฉันไม่ปฎิบัติตามหน้าที่น่ะค่ะ” หล่อนว่า
    เป็นเอกเห็นเวนิสเต็มตา เมื่อเขาเดินลงมาจากบันไดหินข้างๆ เคาน์เตอร์ต้อนรับนั้น ชายหนุ่มลูกครึ่งดูราวกับเป็นคนละคนกันกับคนเมื่อวานเมื่อสลัดชุดสูทเนี้ยบออกไปเป็นเสื้อเชิ้ตลายสก็อต กางเกงยีนส์พอดีตัว และรองเท้าหนังแบบลำลองราวกับหนุ่มคาวบอยหลุดออกมาจากภาพยนตร์ตะวันตกอย่างนั้น เวนิสดูแปลกไปที่สุดเมื่อผมที่เคยหวีเรียบทามูสไว้เรียบร้อย บัดนี้ไม่มีอะไรแต่งอยู่เลย เป็นผมหยักศกแบบธรรมชาติ สระแล้วก็เช็ดให้แห้งเท่านั้นดูค่อนข้างยุ่งแต่ก็ทำให้ดูดีขึ้นไปอีกแบบหนึ่ง
    หนุ่มน้อยยิ้มให้กับเวนิสก่อนจะเอ่ยปากทัก
    “อรุณสวัสดิ์ครับ ขอบคุณพระเจ้าที่คุณมาก่อนเวลา ไม่งั้นผมคงต้องกลับบ้านไปทั้งที่ไม่ได้กินอะไรแล้ว”
    เวนิสยิ้มให้ เดินเข้ามาถึงตัวเป็นเอกก็หันไปพูดกับพนักงานสาวว่า
    “เขามากับผม คุณเป็นเอก เป็นแขกสำคัญของที่นี่ ต่อไปนี้ถ้าเขาจะทำอะไรก็ให้ทำได้เลย จะกินข้าว หรือจะเดินดูอะไรให้ถือว่าเขาเป็นเพื่อนผม ไม่ใช่แขกที่มาพักที่นี่ทั่วไป เข้าใจไหม”
   พนักงานสาวรับคำเรียบร้อยก่อนที่หล่อนจะเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์อย่างเสียหน้า ชายหนุ่มเอามือล้วงกระเป๋าหันมาพูดกับเป็นเอกเป็นคำแรก
    “ไงคุณ จะมากินข้าวก็ไม่เอาบัตรมา ใครเขาจะให้เข้ากินได้ล่ะ”
    “อ้าว” เป็นเอกชักสีหน้า “นี่คุณจะกวนผมแต่เช้าเลยหรือ ผมไม่รู้นี่นาว่าที่นี่ต้องใช้อะไรด้วย”
    “โรงแรมหรือรีสอร์ต ที่อื่นก็ทำแบบนี้”
    “คุณกำลังจะหาว่าผมไม่เคยเข้าโรงแรมอื่นหรือไง”
    เวนิสยักไหล่ แล้วก็ทำท่าจะเดินกลับขึ้นไปชั้นบน
    “คุณ เดี๋ยว” เป็นเอก เดินตามมา “คุณจะไปไหน ไม่กินข้าวด้วยกันหรือ”
    อีกฝ่ายได้ยินก็หันมายิ้มให้
    “ผมกำลังจะขึ้นไปกินข้างบนอยู่นี่ไง บรรยากาศดีนะคุณ สวยกว่าร้านอาหารข้างล่างนี่ตั้งเยอะ คุณจะตามผมมาหรือเปล่าล่ะ”
    “แล้วแต่คุณก็คุณเป็นลูกเจ้าของนี่” เวนิสหัวเราะคิกคัก ก่อนจะลากแขนเป็นเอกแทนคำพูดให้เดินตามขึ้นไป ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าชายหนุ่มรีบสะบัดแขนออกเร็วเพียงใด ปากมุบมิบว่า “ผมเดินเองได้”

***********************************************************************
หวังว่าคนที่ชอบเวนิสอยู่จะถูกใจบ้างนะครับ ตอนหน้าคืนพรุ่งนี้ มีอาหารอิตาเลียนมาเสิร์ฟหลายอย่างเลย ขอเตือนว่าก่อนอ่านตอนหน้าทานข้าวก่อนนะคร้าบ เดี๋ยวจะอ่านไป ท้องร้องไป อิอิ

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
เหมือนเป็นเอกจะชอบเวนิส เวนิสก็เหมือนจะชอบเป็นเอก แต่เราเชียร์โรม ชอบหนุ่มติส อิอิ รอมิลานมาดีกว่า

ออฟไลน์ kit

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-3

ต๊าย กิต.เคยปลื้ม Lasagna เป็นอย่างมากค่ะ.......
แต่มัน เอ่อ....E 'troppo ricco, ho paura di ingrassare. นะคะ
  :-[
ว้าย ยังไม่ครบ ๒๔ ชั่วโมง ลงคะแนนไม่ได้ค่ะ อิอิ
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky


ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
เลือกพระเอกให้เป็นเอกไม่ถูกเลยอ่ะ
ต้องถามคุณแม่ประกายพรึกว่าทำไงได้ลูกแต่ละคนมีเสน่ห์เหลือหลาย (แม้ยังไม่เจอมิลานแต่ก็เดาได้ อิอิ)
แบบว่าใจนึงก็โรม แหมเป็นเพื่อนกันมานานนี่เนอะ เชื่อว่าโรมก็ต้องแอบคิดไม่ซื่อแน่ๆ หุหุ
ส่วนพี่เวนิสนี่ก็ปลื้ม ท่าทางเป็นเอกเราจะเทใจ(?)ให้คนนี้นะเนี่ย

เอาเป็นว่าพี่น้องนี่ใครก็ได้ ยอมรับได้ค่ะ อิอิ

ต่อนะคะ รอค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
เหมือนเป็นเอกจะหลงเสน่ห์เวนิสเข้าให้แล้ว
อย่าเพิ่งตัดสินใจ  รอมิลานก๊อนนนน

ออฟไลน์ Purple_Sky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +354/-1
Capitolo sei

         พอเดินขึ้นมาที่โถงชั้นสอง เป็นเอกก็เห็นหน้าต่างบานที่เขายืนคุยอยู่กับเวนิส เมื่อคืนก่อน อดคิดไม่ได้ว่าทำไมชายหนุ่มรูปงามราวกับเจ้าชายในเทพนิยายคนนั้น ถึงได้กลายมาเป็นคนที่ช่างยียวนกวนประสาทได้ราวกับเป็นคนละคนกันขนาดนี้ ชายหนุ่มจำได้ว่า หนุ่มอิตาเลียนผู้นั้นช่างอ่อนโยน อบอุ่น และ มีรอยยิ้มที่ทำให้โลกทั้งใบของเขาสดใสขึ้นได้อย่างง่ายดายเหลือเกิน
    เมื่อเขาพูดเสียงแผ่วเบาเป็นภาษาอังกฤษว่า “A smile suits your face more.” เวนิสคงไม่รู้หรอกว่าประโยคนี้ประโยคเดียว ทำเอาเป็นเอกต้องหวั่นไหว หัวใจเต้นแรงอย่างเขินอายเพียงใด เขาจึงไม่คิดจะพูดจาเพราะๆ ทำตัวอบอุ่นอย่างนั้นอีก กลายเป็นว่ารักษาระยะห่าง และคุยกันแบบเพื่อนไปเสียแล้ว
    หนุ่มลูกครึ่งพาเขา เลี้ยวซ้าย ผ่านประตูโค้งออกไปยังเฉลียงขนาดใหญ่ที่ชั้นสองของตัวปราสาท พื้นที่เปิดโล่ง สู่อากาศยามเช้าที่แสนเยือกเย็นของจังหวัดเลย พื้นหินสุดเขตลงเพียงไม่กี่ก้าว ต่อจากนั้นเป็นสนามหญ้าที่ทำขึ้นเป็นสวนลอยอยู่ข้างบนนี้ ตรงกลาง เป็นบาร์อาหาร รอบๆจัดโต๊ะสีขาวนั่งได้โต๊ะละ สี่คน บางโต๊ะมีร่มสีขาวสะอาดกางไว้ไม่ให้ร้อนแดดนัก แต่บางโต๊ะกลับมีเพียงเสาและร่มที่ไม่ได้กางเพราะแขกที่นั่งกินข้าวอยู่ ไม่ได้รู้สึกร้อนอะไรนัก
    สถานที่ตรงนั้นว่าสวยแล้ว แต่เป็นเอกว่าทัศนียภาพรอบๆเขานั้น สวยมากกว่าหลายเท่า
    ด้านซ้ายมือของเป็นเอก หรือ หลังปราสาทใหญ่เป็นภูเขาสวยสีเขียวเข้ม และละเมาะไม้ที่กว้างไกลสุดตา มองไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ก็จะเห็นหมู่บ้านโรมัน และ บ้านสามหลังของลูกชายทั้งสามคนของคุณประกายพรึกเมื่อขึ้นมามองจากมุมสูงขนาดนี้ เป็นเอกจึงเห็นว่า รีสอร์ตแห่งนี้กว้างใหญ่เหลือเกิน
    คลองที่อยู่ด้านหลังไหลจากตัวกรัน ปาลัซโซ่ผ่านหมู่บ้าน และปราสาทหลังน้อยๆที่เป็นที่พักของแขกในโรงแรม ยาวเรื่อยไปผ่านบ้านของเวนิส โรม และมิลาน ไปจรดที่ทะเลสาบขนาดใหญ่ หลังบ้านของน้องเล็กที่สุดในบ้านนี้ ทะเลสาบกว้างใหญ่และยาวไปจนเกือบถึงซุ้มโค้งทางเข้ารีสอร์ต เป็นเอกนึกประหลาดใจว่า เหตุใดเขาจึงมองทะเลสาบนั้นไม่เห็นเมื่อตอนเข้ารีสอร์ตมาเมื่อวาน
    เวนิสเห็นว่าเป็นเอกหยุดยืนมองวิวของรีสอร์ต ยกกล้องขึ้นถ่ายรูป รูปแล้วรูปเล่าไม่ได้ตามเขามาเลย ก็เดินย้อนกลับมาหาเป็นเอก
    “สวยใช่ไหมล่ะ”
    “สวยมาก” เขาเอ่ยชม “แม่คุณเก่งจริงๆ ที่สร้างอาณาจักรนี้ขึ้นมาได้ เมื่อวานผมเห็นแค่ปราสาทนี่ แล้วก็หมู่บ้านก็แทบจะไม่อยากเชื่ออยู่แล้วว่าอยู่ในไทยจริงๆ ยิ่งมาเห็นวิวทั้งหมดอย่างนี้ ผมยิ่งคิดว่าข้ามทวิภพ มาถึงอิตาลีแล้วจริงๆ”
    เวนิสหัวเราะ
    “แม่ออกเงิน คุณเมฆาต่างหากที่สร้าง” คนฟังได้ยินก็ตกใจ ชายหนุ่มที่ดูเหลาะแหละ ไม่เป็นท่านั้นน่ะหรือ สร้างที่แห่งนี้ขึ้นมาได้จริงๆ
    เวนิสเดินนำเป็นเอกไปยังโต๊ะอาหารที่อยู่ตรงมุมของชั้นลอยที่ยื่นไปหาทะเลสาบนั้นแล้วก็พูดขึ้นว่า “กินข้าวเช้าก่อนไหม”
    เป็นเอกพยักหน้า ลืมไปว่าหิวข้าวเพียงใดตอนที่เขารีบมาที่นี่
    “นั่งรอตรงนี้ก็ได้เดี๋ยวผมไปตักมาให้ อยากจะกินอะไรว่ามา”
    “ไม่เป็นไรครับ ผมไปกับคุณดีกว่า” ชายหนุ่มเอ่ยเบาๆ “เผื่อจะได้เลือกด้วยครับ ว่าจะกินอะไรดี”
    เวนิสพยักหน้าแล้วก็นำออกเดินไปยังบาร์สี่เหลี่ยมกลางสวนลอยตรงนั้น มันอยู่ใต้ผืนผ้าใบทำเป็นซุ้มขนาดใหญ่ ตรงกลางบาร์มีพนักงานยืนอยู่สามสี่คนคอยให้ความช่วยเหลือ บริการแขกที่เดินผ่านไปมา
    อาหารมีอยู่หลายอย่าง ด้านหนึ่งของบาร์มีขนมปังชนิดต่างๆทั้งก้อน แผ่น และแท่งยาวๆแบบบาร์แกตต์ฝรั่งเศส มีแยม เนย และชีสหลากหลายชนิดวางไว้ให้ตักบริการตนเอง ด้านถัดมาเป็น มีหลุมใส่ซุปใสผักรวม ซุปมะเขือเทศ และซุปพาสต้าแบบอิตาเลียนดูน่ากินไปหมด ด้านต่อไปมีผักและผลไม้สด สำหรับผู้ที่อยากกินสลัดในตอนเช้าๆ เลือกกินกับเดรสซิ่งใสแบบอิตาเลียน หรือ น้ำส้มสายชูกับน้ำมันมะกอกก็ได้ ด้านสุดท้าย เป็นอาหารที่ดูแปลกไป ไม่ได้เป็นแบบธรรมดาที่เห็นได้ทั่วไปอย่าง สามด้านที่ผ่านมา แต่ละอย่างมีป้ายติดไว้ว่ามันคืออะไรบ้าง
    อย่างแรกที่สะดุดตาเป็นเอกคือ สิ่งที่คล้ายไข่เจียวอยู่ในถาดสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ตัดแบ่งไว้เป็นตาราง มีคนตักพร่องไปบ้างแล้ว แต่ก็เหลืออยู่พอจะกินได้อีกหลายคน เนื้อไข่ หนา เนียนแต่เดาว่าคงเลี่ยนแปลกๆ มีใบผักสีเขียว มะเขือเทศและบางอย่างที่คล้ายแฮมแผ่นอยู่ในนั้น
    “ไข่เจียวอิตาเลียน” เวนิสอธิบาย “ใส่ใบโหระพา มะเขือเทศ หอมใหญ่ ผักโขม แล้วก็เปปเปอโรนี่ อร่อยมากผมแนะนำ”
    เป็นเอกตักไข่เจียวนี้ใส่จานตัวเอง ก่อนจะหยิบ Bruschetta แฮมและไข่ไว้ข้างๆ ตามที่เวนิสกล่าวแนะนำ ว่า “ขนมปังกรอบโรยแฮม ไข่แดงต้มบดคลุกกับมายองเนส มะเขือเทศ และอโวคาโด โรยชีสแล้วก็เอาไปอบราดซอสเพสโต อร่อยมาก ผมชอบที่สุด คุณลองเอาไปชิมสักชิ้นซี”
    ชายหนุ่มไม่ลืมตักซุปพาสต้ามาลองชิมด้วยหนึ่งถ้วยเล็กๆ
    พอกลับมาที่โต๊ะ เป็นเอกพบว่าเวนิสหยิบขนมปังก้อน และ บรุซเก็ตต้า มาเท่านั้น ก็ประหลาดใจว่าหนุ่มลูกครึ่งอิตาเลียนคนนี้กินน้อยกว่าที่เขาคิด เป็นเอกเองเสียอีกตักมาเยอะขนาดนี้ถ้ากินไม่หมดคงจะอายเขาแย่
    พนักงานเสิร์ฟเห็น ทั้งสองนั่งลงกับโต๊ะพร้อมอาหารแล้ว ไม่ทันที่เป็นเอกจะสงสัยว่าจะหาเครื่องดื่มได้ที่ไหน ก็เดินเข้ามาด้วยท่าทีนอบน้อม
    “Buon Giorno, signori รับเครื่องดื่มเป็นอะไรดีครับ”
    “ผมขอ คัปปูชิโนแก้วหนึ่งนะ คุณจะดื่มอะไรสั่งได้เลยมีตั้งแต่กาแฟยันน้ำผลไม้ ยันน้ำเปล่า”
    “ผมขอน้ำเปล่าครับ” เป็นเอกเอ่ย เท่านั้นพนักงานหนุ่มก็รีบเดินออกไป
    “กินเลยคุณ อร่อยจริงๆพนันได้ว่าคุณจะเดินไปตักเพิ่มถ้าชอบอาหารฝรั่งนะ” เวนิสยิ้มกว้าง เลื่อนจานบรุซเก็ตต้า เข้าไปใกล้ชายหนุ่มประกอบคำพูด “Buon Appetito ครับ”
    เป็นเอกตัดบรุซเก็ตต้าเป็นชิ้นเล็ก ส่งเข้าปากเคี้ยวก็พบว่า อร่อยดีจริงๆ แต่ด้วยความที่ชอบกินอาหารไทยมากกว่าอาหารชาติใดในโลก เป็นเอกจึงไม่คิดจะหลงใหลอาหารจานนี้เท่าไรนัก เวนิสเห็นว่าชายหนุ่มไม่มีสีหน้าพึงพอใจที่เห็นได้ชัดจึงถามขึ้นเบาๆ
    “ไม่อร่อยหรือ”
    “อร่อยซีครับ” เขาว่า “แต่ผมชอบอาหารไทยมากกว่า”
    ชายหนุ่มลูกครึ่งผู้เป็นพี่หัวเราะลงลูกคอเบาๆ
    “ข้างล่างมีพวกผัดไทย ข้าวต้ม ถ้าไม่ถนัดวันหลังกินเสียข้างล่างก็ได้”
    เป็นเอกพยักหน้ารับคำ “นานๆกินทีก็โอเคละครับ แต่ถ้าให้กินทุกวันผมคงเลี่ยนตาย”
    ไม่นานพนักงานเสิร์ฟคนเดิมก็ยกน้ำเปล่ามาเสิร์ฟเขา ก่อนจะเสิร์ฟคัปปูชิโนให้เวนิส ชายหนุ่มยกกาแฟใส่นมร้อนแก้วนั้นขึ้น จิบมันลงคอเล็กน้อยแล้วก็บิขนมปังกินตามเข้าไปอย่างเอร็ดอร่อย
    เป็นเอกเห็นว่าบรรยากาศเริ่มเงียบไปสักนิด เขาจึงชวนคุยโดยการเอ่ยถามสิ่งที่เขาอยากรู้ต่อไป “ทะเลสาบตรงนั้นสวยมาก เป็นของจริงตามธรรมชาติหรือขุดขึ้นเองครับ”
     “ของจริงซีคุณ” เวนิสว่า “แต่คลองน่ะแม่มาบอกให้ขุดทีหลัง ไอเดียแม่เลยนะที่ให้ใช้คลองเป็นเส้นทางคมนาคมอย่างในเวนิส ส่วนปราสาทต่างๆ แม่ถอดแบบมาจากโรม แล้วทะเลสาบนั่น แม่ก็ตั้งชื่อว่า ทะเลสาบโคโม อย่างอันที่อยู่ใกล้
มิลาน ในแคว้นลอมบาร์ดี อิตาลี พูดง่ายๆคือนอกจากจะตั้งชื่อลูกตามชื่อเมืองพวกนั้นแล้ว แม่ยังเอาเมืองที่เคยไปฮันนีมูนกับพ่อยกมาตั้งไว้เสียที่นี่ทั้งหมดด้วย”
    เป็นเอกมองทะเลสาบโคโม มันนอนนิ่งเป็นสีเขียวอมฟ้าราวกับกระจกสะท้อนสีของภูเขาและทะเลออกมาได้สวยงามกลมกลืนกันดีเหลือเกิน
    อีกฝั่งของทะเลสาบ เป็นปราสาทอีกหลังคล้ายกันกับหลังนี้
    “แล้ว ปราสาทตรงโน้นคืออะไรครับ”
    “พิพิธภัณฑ์ภาพเขียนของโรม มันน่ะ แล้วก็มีห้องอาหาร ห้องฟิตเนส สระว่ายน้ำอะไรเหมือนที่นี่แหละ แล้วก็มีห้องประชุมไว้ให้พวกที่ชอบมาจัดสัมนาด้วย” ชายหนุ่มเงียบไปสักพัก “ดูท่าคุณจะสนใจทะเลสาบนี่นะครับ เอาอย่างนี้แล้วกันวันนี้ผมจะพาคุณไปที่นั่นก่อนเป็นที่แรก จริงๆกะจะพาไปดูเรือนกระจก ไม่ก็ขี่ม้า...”
    “ที่นี่มีให้ขี่ม้าด้วยหรือ” ชายหนุ่มถามขึ้นอย่างตื่นเต้นจนทำให้ เวนิสอดหัวเราะอย่างเอ็นดูไม่ได้
    “มีซี ข้างๆ ปราสาทตรงทะเลสาบนั้นไง เห็นหรือเปล่านั่นละคอกม้า”
    เป็นเอกตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อรู้ว่าที่นี่มีคอกม้าอยู่ด้วย เขาใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กๆแล้วว่าอยากจะมีโอกาส ได้ขึ้นได้อยู่บนหลังม้า บังคับให้มันวิ่งเหยาะๆไปตามพื้นหญ้า อย่างสง่างามประดุจเจ้าชายสักครั้งในชีวิต หากแต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีโอกาสได้ทำอย่างนั้นจริงๆ เขาพอรู้บ้างว่า การขี่ม้านั้นต้องมีค่าใช้จ่ายที่แสนจะแพง ที่เขาต้องสู้ไม่ไหวแน่นอน ไม่รู้ว่าหากอ้างว่ามากับเวนิส เขาจะได้ขี่ม้าแบบไม่ต้องจ่ายอะไรบ้างหรือเปล่า
    “ผมอยากขี่ม้ามานานแล้วครับ”
    “ถ้างั้น ผมพาคุณไปดูทะเลสาบเสียก่อนแล้วเย็นๆ ไม่ค่อยมีแดดเราค่อยขี่ม้ากัน” หนุ่มลูกครึ่งว่า
    จากนั้น ต่างคนต่างก็ก้มหน้ารับประทานอาหารเช้าของตนอย่างเอร็ดอร่อย คุยกันเล็กๆน้อยๆบ้างไม่ให้เงียบเกินไปนัก จนกินเสร็จ เป็นเอกและเวนิสก็นั่งกันอยู่สักพัก แล้วจึงเดินออกจากบริเวณชั้นลอยนั้น ลงบันไดมาโถงชั้นล่างอย่างไม่คิดเสียเวลา
    ลงมาไม่ทันออกจากกรัน ปาลัซโซ่ ก็พบเข้ากับประกายพรึกที่เดินกอดแขนเมฆาออกมาพอดี
    “อุ๊ย หนูเอก ตาเว อรุณสวัสดิ์จ้ะ มาทานข้าวเช้าหรือ”
    “ครับ” เวนิสเป็นคนตอบ ขณะที่เป็นเอกเพียงแต่ยิ้มกว้างเท่านั้นเพราะคิดว่าคำถามของหล่อนคงเป็นเพียงคำสร้อยของการทักทายเท่านั้นคงไม่ได้อยากจะรู้คำตอบจริงๆหรอก
    “แม่กำลังจะออกไปหาคุณลุงคุณป้า แล้วก็เอาการ์ดเชิญไปให้บรรดาเพื่อนๆที่เลยนี่” หล่อนว่าอย่างยิ้มแย้ม กระชับอ้อมแขนเข้าหาคนรักแน่นเข้า “รอตาโรมนี่แหละ ข้าวปลาก็ไม่มากินไม่รู้จะตื่นหรือยัง คงต้องขับรถวนไปปลุกกระมัง”
    “โรมนอนตื่นสายประจำอยู่แล้วครับ” เป็นเอกว่าอย่างรู้นิสัยเพื่อนหนุ่มของตนดี “แต่ถ้าวันไหนมีธุระก็จะตื่นทันเวลาเสมอ โรมเขาค่อนข้างมีความรับผิดชอบนะครับ แต่ข้าวเช้านี่ไม่ค่อยกินหรอกครับเขาคงชินกับการตื่นสายมาปุ๊บ ก็กินข้าวเที่ยงปั๊บ วันไหนตื่นเช้าก็ข้ามข้าวเช้าไปเสียอย่างนั้นล่ะครับ”
    ประกายพรึกหัวเราะ ส่วนเมฆากลับทำหน้าประหลาดใจ
    “เอ นี่รู้เรื่องของโรมเขาเยอะขนาดนี้ คงสนิทกันมากซีท่าครับ”
    “ครับ คบกันมาหกปีแล้ว”
    เมฆายังคงสีหน้าประหลาดใจอยู่เหมือนเดิม เขาตีความคำว่า “คบ” ไปในทางที่ไม่ควรคิดทันที เมื่อคำว่า "นอนตื่นสาย” มารวมกับ “คบ” แล้วชายหนุ่มสองคนนี้จะเป็นอะไรไปได้นอกจากเป็นแฟนกันอยู่ด้วยกันจนรู้ไส้รู้พุงเล่า
    “คงไม่เบี้ยวแม่หรอกนะจ๊ะตาโรมเนี่ย” ประกายพรึกขมวดคิ้ว กระนั้นก็ยังไม่ปรากฏรอยย่นบนใบหน้าให้เห็นชัดนัก จะด้วยมายาของเครื่องสำอางค์ หรือหล่อนสวยสาวอยู่อย่างนี้ตลอดอยู่แล้วก็ไม่อาจรู้ได้
    “ไม่หรอกครับแม่ โรมเขาต้องรู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องในครอบครัว ต้องให้ความสำคัญมาก่อน คุณลุง คุณป้าไม่เจอโรมมานาน เขาต้องรู้บ้างละครับว่าต้องรับผิดชอบตรงนี้ให้ดี เอ้า...” เวนิสว่าจนประโยคมาสะดุดลงตอนที่เห็นน้องชายเดินเข้ามาพอดี “มาแล้ว อายุยืนจริง”
    โรมา เดินมาถึงบริเวณโถงใหญ่ ในเสื้อยืดกางเกงยีนส์เก่าๆ ซีดๆธรรมดา ผมยุ่งกระจายรอบดวงหน้า ไม่ได้หวี ไม่ได้จัดทรงไว้ให้ดูดีแบบที่ตื่นมาเป็นอย่างไรก็ออกจากบ้านมาอย่างนั้น เหมือนจะไปเดินเที่ยวรอบๆ รีสอร์ตไม่ได้จะไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่เอาเสียเลย ชายหนุ่มเห็นแม่กอดแขนคนรักอย่างชัดเจน ก็หน้าบึ้งไม่พอใจใส่พ่อเลี้ยง ไม่ต่างจากอีกฝ่ายที่แสดงความบาดหมางออกมาทางแววตาแวบหนึ่งให้เป็นเอกผิดสังเกตได้ก็ตีสีหน้ากลับเป็นปกติ
    ประกายพรึกดึงแขนออกจากเมฆาอย่างเกรงใจลูก พูดตำหนิแก้เก้อเบาๆว่า “มาก็สายตาโรม เสื้อผ้าก็ใส่อย่างนี้อีก ผมก็ไม่หวีไม่มัดให้เรียบร้อย จะไปหาลุงกับป้านะลูกไม่ใช่ไปเดินเล่นแถวจตุจักร”
    “เรื่องมาสาย เอกขับรถมานี่ผมไม่มีรถขับมา เรือกอนโดลาก็เพิ่งไปถึงโคโมตอนผมออกจากบ้านจะรอวนกลับมาก็รำคาญ กลัวเสียเวลาเลยเดินมาเสียเอง ส่วนเสื้อผ้า ผมมีเท่านี้ ชุดที่ดีที่สุดใส่ไปแล้วเมื่อวาน จะใส่อีกทีวันแต่งงาน ส่วนผมก็ไม่มีเวลาหวีเพราะรู้ตัวว่าต้องให้คุณแม่รอแน่ๆ ถ้าคุณแม่ไม่พอใจเสื้อผ้าหน้าผมแบบนี้ ผมจะกลับไปเปลี่ยนเป็นตัวเมื่อวาน ไปหวีผมทาแป้งให้คุณแม่ก็ได้”
    “ไปๆ ตาโรม ไม่ต้องเปลี่ยนแล้ว เรามันไม่รู้จักกาลเทศะเอาเสียเลยนะ เปลี่ยนอีก ทีนี้ก็ไม่ต้องไปแล้วจะสิบโมงแล้วลูก” คนแม่ว่า รีบเดินออกไปพร้อมจะตรงไปยังรถที่จอดไว้ใกล้ๆ นึกขึ้นได้ว่าลืมเป็นเอกและลูกชายคนโตไปเลยหันมาเอ่ยถาม "แล้วนี่เว จะพาพ่อเอกไปไหนจะวันนี้”
    “ว่าจะไปโคโม แล้วก็สอนให้เป็นเอกขี่ม้าดูครับ”
    “ดีแล้ว” ประกายพรึกว่า “เอกเขาได้ไม่เบื่อ... ไปตาโรมเราไปกันได้แล้ว”
    โรมาหันมามองเพื่อนหนุ่มก่อนจะตามแม่และเมฆาที่พยายามสะกดใจไม่ให้พูดอะไรเลย ออกไปในที่สุด แววตาของโรมาบ่งบอกชัดเจนว่า เสียดายโอกาสที่ไม่ได้เป็นคนพาเพื่อนหนุ่มเที่ยวด้วยตัวเอง
    เวนิสพาเป็นเอกเดินออกทางข้างหลัง ตรงนั้นเป็นท่าน้ำ มีเก้าอี้ไม้ยาวให้นั่งเรือกอนโดลา ที่จะวิ่งผ่านมาทุกๆ 4 นาที เรือทั้งหมดมี 5 ลำ ออกไล่เลี่ยกันไป แวะจอดที่ปราสาทเล็กๆ แต่ละหลัง ผ่านทางเข้าหมู่บ้านโรมัน บ้านของเวนิส โรม และ มิลาน ไปถึงปราสาทที่ทะเลสาบโคโม ผ่านคอกม้า เรือนกระจก ไปสิ้นสุดที่ทางเดินที่ทอดออกไปนอกรีสอร์ตได้
    “เรานั่งกอนโดลาไปนะ คุณจะได้ชมวิวไปด้วยได้” เวนิสอธิบาย เป็นเอกก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรับคำ เขายิ้มน้อยๆอย่างตื่นเต้นนั่งรออยู่ข้างๆเวนิส ในใจนึกอยากถามเรื่องของคุณประกายพรึกและเมฆามากกว่านี้ แต่ก็รู้ดีว่าไม่ใช่เรื่องของเขาแถมเวนิสก็ไม่ได้สนิทอะไรกับเขาเท่าไรนัก คงต้องถามโรมแทนกระมัง
    นั่งรอเรือได้ไม่นาน กอนโดลาลำหนึ่งก็ผ่านมา คนพายยืนอยู่ที่ท้ายเรือถือไม้พายขนาดยาวอย่างกระทัดรัดในมือ พายตรงเข้ามาเทียบท่าให้ชาวต่างชาติสามสี่คนลงจากเรือมา ก่อนจะหันหัวเรือกลับไปยังทิศที่เขาเพิ่งจากมา เรือโคลงเล็กน้อยจากแรงหมุน แต่เวนิสกลับกระโดดขึ้นเรือไปได้อย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะยื่นมือมาให้เป็นเอกจับ ก้าวขึ้นตามเขาไป จะปฎิเสธก็กลัวเสียมารยาทเป็นเอกจึงเอื้อมมือไปยึดเวนิสไว้มั่น ไม่ให้พลาดล้มตกเรือไป
   “ขอบคุณครับ” เขากล่าวเบาๆ ก่อนจะรีบปล่อยมือออก อีกฝ่ายหนึ่งก็ยิ้มให้อย่างจริงใจ ทั้งคู่นั่งลงหันหน้าเข้าหากันไปตลอดความยาวของลำคลอง   

***********************************************************************
ขอบคุณที่ยังติดตามกันนะคร้าบ สำหรับตอนหน้าจะได้เจอหนุ่มมิลานที่หลายคนรอคอยแล้วครับผม
ทีนี้จะได้ลงรูปประกอบของสามหนุ่มกันไปเลย หัดตัดสินว่า ใครจะเป็นแฟนคลับใคร เชียร์ใครกันดี 555+

สำหรับวันนี้สวัสดีคร้าบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-03-2011 18:40:02 โดย Purple_Sky »

ออฟไลน์ Purple_Sky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +354/-1
ภาพประกอบอาหารและสถานที่ในบทนี้ครับ เห็นแล้วต้องน้ำลายสอแน่ๆเลย ผมเลือกแต่ละอย่างมานี่เป็นของโปรดทั้งนั้นเลยครับไปดูกันว่า แต่ละชื่อจะมีหน้าตาน่ารับประทานขนาดไหนครับ!


Zuppa di pasta หรือซุปพาสต้านั่นเอง จะใช้เส้นสปาเกตตี หรือ ราวิโอลี ก็อร่อยทั้งนั้นครับ แต่ในรูปนี้เป็น ditalini เป็นพาสต้าเส้นเล็กท่าจะอร่อยดีครับ อิอิ

Bruschetta หรือขนมปังอบของอิตาเลียนนี้ ที่สตาร์บัคส์มีขายเป็น บรุสเกตตาเห็ดครับ - - แต่ปกติเขาจะใช้ขนมปังราดน้ำมันมะกอก กระเทียม มะเขือเทศ จะโรยชีสอบด้วยหรือไม่ก็ได้ แต่สูตรที่ผมเขียนไว้ในนิยายเป็นตำรับ ที่ผมชอบเป็นส่วนตัวครับ 

Frittata ไข่เจียวอิตาเลียน ไม่รู้อร่อยหรือเปล่า ไม่เคยทานครับผม เคยแต่ไข่เจียวสเปน (ไข่+หอมใหญ่+มันฝรั่ง) อร่อยมากๆ แต่ไข่เจียวของอิตาลีนี่ใส่สมุนไพรทั้ง โหระพา พริกไทย กระเทียมท่าจะฉุนน่าดูเลยครับ

คัปปูชิโน (สะกดตามหลักการถอดเสียงทางสัทศาสตร์ของราชบัณฑิตยสถานครับ) เป็นกาแฟใส่นม บนหน้ามีฟองนมจะตกแต่งแบบง่ายๆ หรืองดงามอย่างในรูปก็ได้หมดครับ ถ้าไปอิตาลีแล้วสั่งคัปปูชิโน จะได้แบบร้อนมาเท่านั้นครับ เขาไม่ดื่มคัปปูชิโนเย็นกัน มีแต่คนไทยเท่านั้นแหละครับที่ขายคัปปูชิโนเย็นทั้งๆที่ในประเทศตั้นตำรับเขายังหาซื้อไม่ได้เลย 555+

วิวทะเลสาบโคโมในอิตาลีครับ สวยมากเลย

อีกมุมหนึ่งของ Lago di Como ครับ ดูกว้างเชียว แต่ในรีสอร์ตของคุณประกายพรึกคงไม่กว้างเท่านี้ล่ะครับ 555+

เรือกอนโดลา ถ้าได้นั่งกับแฟนคงโรแมนติกน่าดูนะครับ
ในบทนี้มีเพียงเท่านี้ครับ สำหรับคราวหน้า(พรุ่งนี้) จะเปิดเผยโฉมหน้าของสามหนุ่มแล้ว เพราะวันพรุ่งนี้ทุกคนจะได้พบกับหนุ่มน้อยมิลานแล้วคร้าบบ เป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับผม

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
 :-[ อยู่กะเวนิสสองต่อสองบนเรือบรรยากาศโรแมนติกขนาดนี้ เป็นเอกไม่หวั่นไหวบ้างก็ให้มันรู้ไป  หรือว่าเวนิสจะเป็นพระเอก อย่าน้า  โรมเค้าเป็นเพื่อนมาตั้งนานยังไม่ได้เลยอ่ะ โรมสู้ๆ :fire:

ออฟไลน์ ณยฎา

  • ขอเพียงมีเธออยู่คู่ฉัน แม้นหลับก็มิฝันถึงสิ่งใด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-3
อยากเจอมิลาน ยังคิดไม่ออกว่าจะเชียรใครดี

ออฟไลน์ kit

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-3

ต๊าย กิต.อยากไปนั่งเล่นชมทะเลสาบที่เฉลียงนั่นละค่ะ
ขอโต๊ะริมสุดติดขอบเลยนะคะ
  :m24:
๑๗๓ + ๑ = ๑๗๔
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky


ออฟไลน์ berlyn

  • Put Van The Man on the jukebox then we start to dance
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
รอ มิลานนี่ อยู่ค่ะ เขาว่ากันว่ามาทีหลังดังกว่า55+
แค่สองคนก็ไม่รู้ว่าจะเป็นแฟนคลับใครดีแล้วล่ะคะ แอบเทใจให้เวนิดนึง อาจเพราะเวลาทีสองคนนี้อยู่ด้วยกันแล้วมันสดใส ดูมีความสุขยังไงไม่รู้อ่ะ
ส่วนโรม หนุ่มติส ก็ชอบนะเพียงแต่ว่าชอบเวนิสมากกว่า^^ เอาเป็นว่ารอดูมิลานแล้วค่อยคิดดูอีกที


ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
สามหนุ่มสามสไตล์  แล้วแต่คนจะชอบจริง ๆ
เราว่าเมฆาแปลก ๆ แต่แปลกยังงัยก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน

ออฟไลน์ Purple_Sky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +354/-1
Capitolo sette

         เวนิสลอบมองเป็นเอกอยู่เป็นระยะ
        ทันทีที่กลับมาจากอิตาลี เขาก็ตรงมาอยู่กับแม่ที่นี่เป็นเวลากว่าอาทิตย์แล้ว จึงชินกับบรรยากาศของรีสอร์ตแห่งนี้ไม่ตื่นตาตื่นใจอะไรเท่าไรนัก สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาต่างหากที่น่ามองมากกว่าต้นไม้ใบหญ้าและปราสาทที่อยู่รอบตัว
   ใบหน้าด้านข้างของเป็นเอกดูดีกว่าหน้าตรง กระนั้นก็เรียกไม่ได้เต็มปากว่ารูปงาม ชายหนุ่มมีสันจมูกโด่งเล็กน้อย ปากบางประดับอยู่บนคางเรียวแหลมเหยียดออกเป็นรอยยิ้ม ดูมีความสุขที่ได้มาหย่อนใจ มือเล็กยกขึ้นบังดวงตาเล็กๆเหมือนคนไทยทั่วไปใต้คิ้วเข้มขึ้นระเกะระกะไม่เป็นรูปไม่มีอะไรที่น่าดูเท่าไรเลย เขาหยีตาลงด้วยการกระตุ้นจากแสงแดดทำให้ใบหน้าบูดเบี้ยวไม่น่ามองนัก แต่เวนิสก็ยังมองเขาไปตลอดความยาวของลำคลอง
    ไม่ใช่ว่าเขาชอบเป็นเอกนะ เวนิส บอกตัวเองอย่างนั้น แต่ชายหนุ่มคนนี้ดู “น่าสนใจ” น่าค้นหาอย่างที่เขาไม่เคยพบต่างหาก เมื่อวานนี้พอได้คุยกันเพียงครั้งสองครั้ง เวนิสก็ต้องยอมรับว่า เขาตั้งหน้าตั้งตาคอยให้ได้มาเจอชายหนุ่มอีกครั้ง ในเช้าวันนี้ พอรุ่งเช้าก็รีบมาหาอย่างรวดเร็วเสียด้วย
    เพราะอะไร
    หนุ่มลูกครึ่งอิตาเลียนตอบไม่ได้ เขาอาจเพียงสงสัยในความสัมพันธ์ของน้องชายตน กับหนุ่มคนนี้เท่านั้น อย่างที่เขารู้สึกเมื่อครั้งที่เจอเป็นเอกครั้งแรกในห้องอาหาร  เขาเห็นชายหนุ่มพูดคุย หยอกล้อกับน้องของตนอย่างสนุกสนาน เขาเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของโรมา ...ไอ้โรมมันเคยยิ้มให้เขาเห็นที่ไหนกัน… เขาจึงอยากรู้เหลือเกินว่า หนุ่มคนนี้มีดีอะไรถึงทำให้น้องเขาติดใจคบมาได้ ตั้ง 6 ปี อีกอย่างโรมเป็นคนโลกส่วนตัวสูง เขาไม่เคยแนะนำให้แม่รู้จักเพื่อนคนไหนของเขาเลย เป็นเอกเป็นคนแรก
    พอมาเจอเข้าตรงหน้าต่างทางเดินชั้นสอง ใกล้กับห้องน้ำเขาก็เวนิสก็เลยถือโอกาส ชวนคุยโน่นนี่ไปเรื่อย จนมาถึงตอนนี้ ตอนที่เขาพานายนี่เที่ยวไปรอบๆรีสอร์ตนี้  เขากลับรู้สึกสนุก อยากพาไปดูอะไรๆมากมาย ทั้งที่เขาก็เคยนำเที่ยวใครต่อใครมามากก็ไม่เคยกระตือรือร้นอย่างวันนี้
    เป็นเอกมีดีอะไร
    เขาก็ตอบไม่ได้อีกนั่นแหละ จึงเลิกต่อล้อต่อเถียงตัวเองในใจ เห็นชายหนุ่มหันหน้ากลับมาจากป่าอีกฟากหนึ่งของรีสอร์ตก็เลยเอ่ยปากถามว่า
    “ดูอะไรอยู่ตั้งนาน”
    “ดูต้นไม้ซีครับ” เขาว่า “ต้นไม้เยอะมาก สวยไม่เหมือนกรุงเทพ มองไปทางไหนก็เจอแต่ตึกสีเทาๆโทรมๆเต็มไปหมด”
    “เมื่อวานผมถึงบอกไงล่ะว่า ให้เอ็นจอยกับบรรยากาศอย่างนี้”
    “ครับ” เขาว่า “ผมก็เลยมองเสียเต็มที่กลัวว่าจะไม่มีโอกาสกลับมาอีก”
    เวนิสงงงันขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยปากถาม
    “ทำไมล่ะ คุณจะไปไหน”
    “ก็กลับกรุงเทพไป คงไม่มีโอกาสได้กลับมานี่หรอกครับคุณ ที่นี่แพงจะตาย ถ้าคุณประกายพรึกไม่จ้างผมมาช่วยจัดงานแต่งงานที่นี่ผมคงไม่มีปัญญาควักตังค์จ่ายเองหรอกครับ”
    พูดคำว่าแต่งงาน เวนิสก็นิ่วหน้าอีกครั้ง มองไปยังฟ้ากว้างอย่างไม่ต้องการพูดอะไร เป็นเอกเห็นเข้าก็รู้ตัวว่าพูดอะไรผิดไปเสียแล้ว
    “ขอโทษครับ ที่พูดเรื่องแต่งงานขึ้นมา”
    “ไม่เป็นไร” เขาว่า “ผมเพียงแต่คิดเรื่องแต่งงานของแม่แล้วก็พาลคิดถึงงานตัวเอง ไม่ได้อยากแต่งเลย ให้ตายเถอะ”
    เป็นเอกไม่แน่ใจว่าควรจะหัวเราะหรือเปล่า จึงได้แต่เงียบอยู่เฉยๆ
    “อยู่คนเดียวก็สบายดีอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าจะต้องแต่งไปทำไมให้วุ่นวาย”
    “คุณพูดเหมือนอกหักมาแล้วก็ประชดชีวิตอย่างนั้นแหละ” เป็นเอกว่า
    “ก็คงทำนองนั้น” เขาก้มหน้านิ่ง ก่อนจะพูดต่อไปว่า “เอาจริงๆนะ ผมเจอมาครั้งหนึ่งแล้ว เข็ดแล้ว คงไม่คิดมีความรักอีกแล้วล่ะ”
    “มันแย่ขนาดนั้นเลยหรือครับ” หนุ่มที่นั่งฝั่งตรงข้ามเอ่ยถาม
    “แย่ซี ผมรักใครรักจริงนะครับ ทุ่มเทให้ได้ทุกอย่างพอเรารักเต็ม เราก็เจ็บเต็ม ผมถึงไม่กล้าจะรักใครอีกแล้วล่ะ”
    “คนไทยหรือ”
    “อิตาเลียน... คนเวนิส” เขาตอบ “พอเลิกกันก็เลยตัดใจกลับมาไทย พอดีกับที่คุณแม่จะแต่งงานด้วย คิดว่าคงไม่กลับไปเวนิสอีกแล้วละจนกว่าจะทำใจได้”
    “เขาถึงได้บอกไงล่ะครับว่า ถ้ารักใครแล้วอย่ารักเขาเต็มร้อย รักสัก 70 พออย่างน้อยพอเจ็บเราจะได้มีสัก 30 ที่เก็บเผื่อไว้มาช่วยพักฟื้น”
    “คุณคงไม่เคยมีความรักซีนะครับคุณเอก”
    “เอ๊ะ” เป็นเอกขมวดคิ้ว “คุณกวนผมอีกแล้ว”
    “เปล่า แต่ผมตั้งใจจะบอกคุณว่าถ้าคุณลองได้รักใครจริงๆแล้ว คุณจะไม่มีทางรักเขาเท่านี้ เผื่อใจไว้เท่านั้นหรอกครับ” เวนิสกล่าวนิ่งๆ “เพราะความรักก็คือความรัก มันไม่ใช่เกมส์หรือการลงทุน จะมาคำนวนหากำไรขาดทุน ผลดี ผลเสียไม่ได้หรอกครับ เมื่อคุณได้รักแล้วก็คือรักหมดใจเท่านั้น”

    ปราสาทที่ริมทะเลสาบโคโม สวยน้อยกว่า กรัน ปาลัซซโซ่ เล็กน้อยแต่เพราะมันอยู่ข้างทะเสาบที่สวยงามเหลือเกินแล้วตัวตึกจะไม่สวยนักก็ไม่แปลก อย่างน้อยมันก็ทำให้เป็นเอกอดไม่ได้ที่จะยกกล้องขึ้นถ่ายโน่น ถ่ายนี่แทบตลอดเวลา
    หน้าปราสาทตกแต่งด้วยรูปปั้นสีขาวอมเทาจากความเก่าแก่ มีบันไดด้านหน้าที่ต้องเดินขึ้นไปหลายขั้นจึงจะถึงโถงด้านบน ข้างในมีห้องเก็บงานศิลปะที่โรมวาดเองบ้าง ซื้อมาจากที่โน่นที่นี่บ้าง มีห้องอาหาร ร้านกาแฟ อย่างที่กรันปาลัซโซ่ แต่เป็นเอกก็ยังไม่สนใจจะกินอะไรนัก พอถ่ายรูปทิวทัศน์ได้สักพัก เขาก็นั่งปักหลักอยู่ที่สวนด้านหน้าของปราสาทมีร่มกางกั้นไอร้อนจากแสงแดดและซุ้มขายไอศกรีม เจลาโต้แบบอิตาเลียนอยู่ใกล้ๆ
    “จะกินเจลาโต้หน่อยไหม ของเราทำเองที่นี่”
    “ไม่ละครับ” เขาว่า “ผมอิ่มจะแย่ ถ้าคุณทานไหวก็ทานไปคนเดียวเถอะ”
    เวนิสหัวเราะลั่น
    “ไม่รู้อะไรเสียแล้ว ผมกินได้ทั้งวัน ไม่เคยอิ่ม ไม่อ้วนด้วย” เขาว่าก่อนจะเดินไปซื้อเจลาโต้ ได้ยินอักหนุ่มยิ้มแล้วส่ายหน้าเบาๆ พึมพำว่า “เหมือนโรม” เมื่อได้ไอศกรีมแล้วก็กลับมานั่งกินข้างๆเป็นเอก เห็นว่าอีกฝ่ายนั่งขีดเขียนอะไรไปเรื่อยในกระดาษขาวที่เขาพกติดตัวมาก็เอ่ยถามขึ้น
    “วาดอะไร”
    “ซุ้มงานแต่งของคุณประกายพรึก” เขาอธิบาย “ผมชั่งใจอยู่ว่า ถ้าไม่จัดที่สนามข้างกรัน ปาลัซโซ่ ก็ลานหน้าปราสาทโคโมนี่”
    “เหมือนคุณแม่จะให้จัดในห้องอาหารที่คุณกินเมื่อวานเย็นไม่ใช่หรือ”
    “ผมว่ามันอุดอู้ อาจจะรับแขกได้เยอะจริง แต่ว่าบรรยากาศข้างนอกสวยกว่ามาก คิดดูซี ตัดเค้ก และกินเลี้ยงกันในสนามคงจะดีกว่าไปอุดอู้อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ อย่างนั้นแต่งที่โรงแรมไหนในกรุงเทพก็ได้ไม่ต้องถ่อมาไกลถึงนี่”
    แขกฝรั่งหลายคนเดินลงจากตัวปราสาท ผ่านเป็นเอกไปลงที่ท่าน้ำใกล้ๆ
    “คุณจะข้ามกลับไปฝั่งโน้นได้ยังไงครับ นั่งกอนโดลา อ้อมไปทางเข้ารีสอร์ต แล้ววนไปถึงกรันปาลัซโซ่หรือ” เป็นเอกถามเมื่อเห็นบรรดาแขกเหล่านั้นยืนรอเรืออย่างตื่นตาตื่นใจ
    “ไม่ๆ เรือที่นี่ ขับวนรอบคลองนี้ไปยังกรัน ปาลัซโซ่ก็จริง แต่มีเรือข้ามทะเลสาบไปฝั่งโน้นด้วย ขึ้นตรงท่าก่อนถึงบ้านมิลานเห็นไหม” เป็นเอกพยักหน้า “จากตรงนั้นมีรถกอล์ฟเข้าไปส่งในหมู่บ้าน โรมันเหมือนกัน”
    “อย่างนั้นก็ดี เราจะได้ให้แขกนั่งข้ามฟากมางานฝั่งนี้ได้” เป็นเอกออกความเห็น “ส่วนพวกวีไอพีที่พักที่กรัน ปาลัซโซ่ก็นั่งกอนโดลามาตามปกติ”
    “สรุปคุณคิดจัดที่นี่หรือ”
    “มีที่ไหนเหมาะกว่านี้หรือเปล่าครับ ในฐานะที่คุณรู้จักที่นี่ดี”
    เวนิสตักเจลาโต้ช็อกโกแลตเข้าปาก ก่อนจะดึงช้อนกลับออกมาแล้วตอบว่า “ไม่รู้ซี จัดกลางแจ้งจะดีหรือ”
    เป็นเอกไม่ว่าอะไร ยิ้มให้ชายหนุ่มก่อนจะก้มลงวาดบรรยากาศงานคร่าวๆ มีเต้นท์ผ้าใบตรงกล้าง วางเค้ก และซุ้มให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวอยู่  มีโต๊ะเลี้ยงแขกอยู่รอบๆ หากไม่อยู่ในเต้นท์ก็กางร่มให้อย่างที่เขานั่งอยู่นี้
    “คิดว่าแม่คุณจะชอบหรือเปล่า”
    “ไม่รู้ซี” เขาตอบ “ปกติแม่จะไม่ค่อยเปลี่ยนใจตามใครง่ายๆ แต่ถ้าคุณพูดแม่ก็คงจะคล้อยตามละมั้ง แม่ชอบคุณจะตาย”
    “คุณรู้ได้ไง”
    “ก็เห็นพูดอยู่บ่อยๆนี่ ว่าอยากได้มาเป็นลูกอีกคน” เวนิสกล่าวเพียงเท่านั้นแล้วก็เงียบไป ...อยากได้มาเป็นลูกเขยล่ะสิ!
    
    มื้อกลางวัน เวนิสพาเป็นเอกไปกินอาหารง่ายๆที่ห้องอาหารในปราสาทนั้น เป็นเอกกินพิซซ่าไปเพียงชิ้นเดียวก็อิ่ม ปล่อยให้เวนิสจัดการกับอีก 3 ชิ้นที่เหลือจนเกลี้ยง ดื่มน้ำอัดลมให้หายกระหายแล้วก็เดินไปด้านหลังปราสาท ตรงนั้นเป็นสวนดอกไม้เมืองหนาว มีสระน้ำให้ว่ายเป็นสระสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตรงกลางมีรูปปั้นกามเทพ คิวปิดยืนชี้ลูกศรแห่งความรักขึ้นฟ้าปลายลูกศรเป็นน้ำพุพุ่งขึ้นไปแล้วก็ตกลงมาในสระอย่างสวยงาม
    แขกเหรื่อชาวจีนห้าหกคน ว่ายน้ำอยู่ตรงนั้นส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวกันตามประสา เวนิสจึงเดินออกไปจากตรงนั้นแทบจะทันที เป็นเอกเดินตามไปอย่างช่วยไม่ได้ ถัดจากสระว่ายน้ำมีจากุซซี่สองสระอยู่ตรงนั้น คู่รักสองคนนั่งโอบกอดกันอยู่อย่างสบายใจ หญิงสาวชาวฝรั่งซบลงบนบ่าของคนรัก พูดคุยกันกระหนุงกระหนิง
    จู่ๆ เป็นเอกก็คิดว่า คงจะดีไม่น้อยหากมีใครมาหนุนบ่าเขาอย่างนั้นบ้าง
    
    เดินออกจากปราสาทยาวไปถึงคอกม้า เวนิสก็ยังคงชวนชายหนุ่มรุ่นน้องคุยต่อไป “ผมยังไม่รู้เรื่องของคุณเลย เล่าให้ผมฟังบ้างซีว่าคุณเป็นใครมาจากไหน”
    “เป็นเอก มาจากกรุงเทพ”
    “โธ่ เรื่องนี้รู้แล้ว จะบอกทำไม บอกเรื่องที่ผมไม่รู้ซีครับ”
    “ก็คุณอยากรู้อะไรล่ะ ผมเป็นคนธรรมดาๆ ไม่มีอะไรน่ารู้หรอก ผมเป็นลูกคนเดียว พ่อแม่ผมตายตั้งแต่เด็กๆ ผมก็เลยต้องอยู่กับป้า ป้าไม่มีสามี ไม่มีลูกก็เลยเลี้ยงผมมาคนเดียว ผมเป็นคนจนไม่เคยกินดีอยู่ดีอย่างคุณ เรียนโรงเรียนรัฐบาล สอบเข้ามหาลัยรัฐบาลได้ก็เรียนมาจนจบ ตอนนี้เป็นมัณฑนากร อยากรู้อะไรอีกล่ะครับ” เขาเล่าเรื่อยๆ อย่างไม่ค่อยสนุกนัก เมื่อเล่าเรื่องที่เรารู้ดีอยู่แล้ว เราจะเล่าออกมาจากความทรงจำ ทำให้มีอารมณ์แฝงอยู่ในคำพูดนั้นมากกว่าไปจำเรื่องของใครมาเล่า เวนิสจึงสัมผัสได้ว่าเป็นเอกคงลำบากไม่น้อยเมื่อตอนเด็กๆ
    “มิน่า โรมถึงได้ยกย่องคุณเหลือเกิน”
    “ผมไม่ค่อยมีอะไรน่ายกย่องหรอกครับ”
    “คุณน่ายกย่องมากนะเอก คุณเป็นคนสู้ชีวิต ถึงคุณจะจน ถึงคุณจะกำพร้าคุณก็ไม่เป็นเด็กมีปัญหา ไม่หมดอนาคต แต่ก็สร้างอนาคตของตัวเองมาได้ดีขนาดนี้ ก็เก่งแล้วละครับ”
    เดินมาถึงคอกม้าเวนิสก็หยุดพูด
    “ถึงแล้ว พร้อมขี่หรือยังล่ะ”
    “ไม่พร้อม” เป็นเอกว่า ตรงนั้นมีม้าอยู่ประมาณสี่ห้าตัว มองเลยไปตรงทุ่งกว้างด้านหลังก็มีอีกมากยืนเล็มหญ้าอยู่อย่างมีความสุข พวกตัวใหญ่ๆตรงนั้นมีทั้งสีน้ำตาลแดง สีน้ำตาลทอง และดำสนิท เจ้าตัวสีดำวิ่งเหยาะๆเข้ามาหาชายหนุ่มทั้งสอง ทำเสียงฟืดฟาด ในจมูกดังลั่น เล่นเอาเป็นเอกตกใจผงะไปข้างหลังชนเข้ากันเวนิสที่ยกมือขึ้นกุมไหล่เขาทั้งสองข้างประคองไว้ไม่ให้เซล้มลงไป
    “เจ้าเนโร” เขาหัวเราะ พอรู้ตัวว่ายืนประชิดกับเป็นเอกมานานสองนานแล้ว ก็ถอนมือออก เดินเลี่ยงออกมาจากชายหนุ่ม “ม้าผมเอง ผมมาขี่มันบ่อยๆ”
    “คุณเว” ชายคนหนึ่งร้องลั่นเดินตรงเข้ามาใกล้ เขาเป็นชายร่างใหญ่ ใส่เสื้อลายสก็อตสีตุ่นๆ ท่อนล่างเป็นกางเกงยีนส์สวมรองเท้าหนังแบบลำลอง มีหมวกปีกกว้างสวมอยู่บนศีรษะที่มีผมดกดำปกคลุมอยู่ดกหนา หน้ากว้างมีรอยย่นบ่งบอกถึงความชรา มีหนวดครึ้มเข้มอยู่เหนือริมฝีปาก เดินยิ้มร่า อ้าแขนออกรับเวนิสที่เข้าไปกอดอย่างงสนิทสนม ตบไหล่สองสามทีก็ผละออกจากกัน
    “ลุงทัด ไม่เจอกันนานเลย” เขาว่า “สบายดีนะฮะ”
    “สบายซีคุณ ผมรอคุณอยู่นานแล้ว เขาว่ากันว่าลูกชายคนโตของคุณดาวกลับมาถึงรีสอร์ตตั้งนาน ก็คอยอยู่แต่ไม่ยักเห็นมาหาผมสักที กะว่าจะน้อยใจแล้วเชียว ไม่ทันคุณมาหาผมก่อนไม่ทันได้โกรธคุณจริงๆสักครั้ง” คนที่ชื่อทัดหัวเราะเสียงดัง
    “เอก นี่คุณลุงทัด เจ้าของคอกม้านี่ แต่ก่อนที่ดินของรีสอร์ตนี้เป็นทุ่งเลี้ยงม้าของลุงทัด แม่ชอบพาผมกับพ่อมาเที่ยวบ่อยๆ ก่อนจะไปเรียนต่อที่ฮาร์วาร์ดผมต้องมาที่นี่ทุกปี มาขี่ม้าของลุงทัด” เวนิสแนะนำ เป็นเอกก็ยกมือไหว้อย่างนอบน้อม “แม่เลยขอซื้อที่ลุงทัดทำรีสอร์ตเสียเลย”
    “ตอนแรกนึกว่าจะไล่เราไปอยู่ที่อื่น แต่คุณดาวเธอก็ใจดีให้อยู่ดูแลม้าต่อที่นี่” เขายิ้ม “ผมชื่อทัด คุณเวแนะนำไปแล้ว คงไม่ต้องแนะนำอะไรอีก”
    “ผมเป็นเอกครับ” เขาว่า “เพื่อนของโรม”
    “อ้อ เจ้าโรม” ลุงทัดหัวเราะเสียงดัง “ไม่เจอตั้งแต่เป็นวัยรุ่น ยังดื้อเงียบเหมือนเดิมหรือเปล่า”
    “ไม่เปลี่ยนเลยครับ” เวนิสตอบแทบจะพร้อมกับเป็นเอก
    “ไหนๆก็มาแล้ว เข้าไปดื่มอะไรที่บ้านผมไหมล่ะคุณเว คุณกันตามประสาหนุ่มๆ” ลุงทัดนับตัวเองเป็น “หนุ่ม” อีกคนอย่างไม่อายปาก
    เวนิสพยักหน้า “คุยต่อในบ้านเถอะลุง... ไป เอกเดี๋ยวค่อยออกมาขี่ม้านะ ขอไปคุยกับลุงทัดก่อน”
    “เดี๋ยวผมตามเข้าไปครับ ถ่ายรูปเล่นแปบนึง” เวนิสไม่ทักท้วงอะไร เดินเข้าไปในบ้านกับลุงทัดอย่างง่ายๆ ปล่อยให้เป็นเอกยืนถ่ายวิวทิวทัศน์ตรงนั้นไป
    ถ่ายเรื่อยเปื่อยไปสักพัก ชายหนุ่มก็หันกล้องไปทางเนินสูงสีเขียวสด ทางออกจากรีสอร์ต กดชัตเตอร์ไปแล้วก็พบว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาจากทางนั้น ติดเข้ามาในเลนส์ของเขาด้วยอย่างไม่ตั้งใจ พอกดดูรูปในกล้องก็พบว่าหนุ่มคนนี้ดูดีอย่างน่าประหลาด ผอมสูงไม่บึกบึน แต่ก็ไม่ดูเก้งก้าง สวมกางเกงยีนส์ และเสื้อกล้ามสีขาวทำให้เห็นกล้ามแขนน้อยๆ สะพายกระเป๋าแบ็กแพ็คใบโต ใบหน้าครึ่งหนึ่งถูกปิดด้วยผมสีฟางที่ไถเปิดข้าง ข้างหนึ่ง และปล่อยให้ย้อยลงมาปิดหน้าอีกข้างหนึ่ง ท่าทางของเขาทำมุมสวยกับกล้อง ดูองค์ประกอบโดยรวมแล้ว รูปนี้สามารถลงไปอยู่ในนิตยสารเล่มใดเล่มหนึ่งได้เดี๋ยวนั้นเลยทีเดียว
    เป็นเอกเดินตามเข้าไปในบ้านเล็กๆที่อยู่ซีกหนึ่งของคอกม้าเปิดประตูไปเจอเวนิสพอดีก็ยื่นรูปให้ดู “สวยรึเปล่า ฝรั่งคนนี้เดินเข้ามาในมุมกล้องพอดีเลย สวยเหมือนแฟชั่นเซ็ตในแมกกาซีนเลยเนอะครับ”
    เวนิสเงียบไปพักหนึ่งก็เอ่ยว่า “นี่ละมิลาน น้องชายผมเอง”

***********************************************************************
น้องลานโผล่มาแล้วครับผม แต่มาแบบแว๊บๆให้เห็นเฉยๆตอนหน้าคงจะได้รู้กันครับว่าน้องน่ารักน่าชังแค่ไหน
แอบบอกก่อนว่ามิลานเป็นตัวละครโปรดของผมจากสามหนุ่มครับ ทั้งที่แทบจะถอดนิสัยของตัวเองใส่ลงไปในโรมแล้วก็ตาม แต่มิลานคือคนในสเปคผมเลย ส่วนเวนิสต้นแบบเอามาจากพี่ชายคนหนึ่งที่รู้จักกันครับ

สามหนุ่ม สามมุม สามสไตล์พอเจอครบทุกคนแล้วมาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเป็นเอกบ้าง

เจอกันศุกร์หน้าครับ ผมจะเอารูปของแต่ละหนุ่มมาให้ดูประกอบด้วยว่าเพื่อนๆชอบหนุ่มคนไหนกัน อิอิ
พรุ่งนี้อย่าลืมติดตามคุณชายนะครับ นทีจะฟื้นแล้ว :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-03-2011 19:56:19 โดย Purple_Sky »

ออฟไลน์ berlyn

  • Put Van The Man on the jukebox then we start to dance
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
มิลาน โผล่มานิดๆเอง เดี๋ยวรออาทิตย์หน้าค่ะ

พี่เวทำคะแนนนำอยู่ละ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






nuewanda

  • บุคคลทั่วไป
สองตอนที่ผ่านมา ชงบทให้พี่เวนิสกะเป็นเอกรู้จักกันมากขึ้น โอ๊ะ คนอ่านก็ได้รู้จักด้วย คิก คิก

โรม หายไปเลย

มิลานมาแล้ววววววววววววว

 :pig4: คนแต่งค่า........

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
เป็นเอกไม่ใช่คนหน้าตาดีแต่ก็คงเป็นคนที่มีเสน่ห์ในตัวเองมาก ๆ โดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัวด้วย
อ่านแล้วอินชะมัด  อยากเข้าไปเป็นคนสวนในเรื่องนี้ก็ยังดี  สถานที่คงจะสวยชะมัด
ตอนนี้รอวันที่เป็นเอกจะปะทะกับมิลาน  และก็อยากเปรียบมวยตอนที่หนุ่ม ๆ อยู่กันครบเหมือนกัน
+1

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
เวนิสไม่ได้ชอบเป็นเอกจริงง่ะ  อยากให้มิลานมาแบบจีบตรงๆไปเลย ทั้งเวนิสทั้งโรมจะได้มีอะไรมากระตุ้นมั่ง

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
กรี๊ดดดดดดดดดด
มิลานเปิดตัว อิอิ

ออฟไลน์ kit

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-3

• “ก็เห็นพูดอยู่บ่อยๆนี่ ว่าอยากได้มาเป็นลูกอีกคน” เวนิสกล่าวเพียงเท่านั้นแล้วก็เงียบไป ...อยากได้มาเป็นลูกเขยล่ะสิ!
ว้าย คุณประกายพรึกมีลูกสาว!!
(เป็นเขยใหญ่, เขยกลาง หรือเขยเล็กดีคะ อิอิ)
/กิต. พรุ่งนี้เป็นวันจันทร์ จะไปอำเภอแต่เช้า ขอเปลี่ยนชื่อ กิตติยาวดี เป็น ศศิลิยา(Sicilia)
.....ไม่ใช่ทางสายที่ ๔(fourth route) แต่เป็น สี่แยก(crossroads) 55555

๑๗๕ + ๑ = ๑๗๖
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky


ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
มาดันรอมิลานโดยเฉพาะ

ออฟไลน์ Purple_Sky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +354/-1
Capitolo Otto

     หนุ่มน้อยลงจากรถทัวร์ สายตาทุกคู่จ้องมองเขาลงจากรถไปที่ทางออกของ ปาลัซโซ่ ดี เลย รีสอร์ตแอนด์ โฮมสเตย์ เขาทิปให้คนขับไปห้าร้อยอย่างไม่เสียดายเงิน ตอบแทนที่อุตส่าห์ส่งเขาลงระหว่างทางทั้งที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำอย่างนั้น พอลงมาแล้วก็พบว่าอากาศที่เลยต่อให้หนาวเท่าไรสำหรับคนไทยทั่วไปก็ไม่หนาวเท่าที่อิตาลี
    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่หนาวเท่ารันเวย์ที่ปล่อยลมกระหน่ำมาจากปลายทางเดิน ให้เสื้อผ้าพลิ้วไหวไปกับสายลม
    ชายหนุ่มสวมแว่นกันแดดของ ชาแนล เดินลงทางไหล่เขาตรงไปยังบ้านสีอิฐชมพูของเขา ไฟลท์ดีเลย์เมื่อคืนนี้ทำให้เขามีเวลาอยู่ในกรุงเทพก่อนจะมาที่นี่ แทนที่จะใช้เวลานั้นนอนหลับเอาแรงเขากลับเอาเวลาไปเที่ยวเต้นรำตามผับที่อาร์ซีเอ ได้หนุ่มมานอนด้วยที่ห้องคนหนึ่งอย่างง่ายดาย ... ใครๆก็เข้ามาหาเขาเอง เขาเพียงพยักหน้าง่ายๆ ก็มีคนมาปรนเปรออยู่แล้ว
     ร่างสูงเดินอย่างภูมิใจในตัวเอง เชิดหน้าขึ้นหลังตรงอย่างนายแบบทั่วไป หุ่นของเขาไม่เหมือนหุ่นนายแบบของไทยที่มักจะหล่อล่ำ แต่เป็นแบบ Haute Couture เวลาที่เขาไปถ่ายแบบที่ปารีส หรือ Alto Modo ตามคำของดีไซน์เนอร์ที่อิตาลี หุ่นแบบแฟชั่นชั้นสูง คือสูงโปร่ง หน้าเรียว คางเป็นเหลี่ยมเล็กน้อย ตาคม ทรงผมดูเฉี่ยวทันสมัย เหมาะกับเสื้อผ้าแบรนด์ดังๆ ใส่อะไรก็ทำให้เสื้อผ้าของดีไซน์เนอร์คนนั้นดูดีไม่มีที่ติ ซึ่งมิลานมีครบทุกข้อในตัวเอง จนใครก็อยากได้เขาไปเดินแบบกันทุกคน
   พอละแคทวอล์คมาเดินบนไซด์วอล์คหรือทางเท้าริมถนนแบบนี้ มิลานก็อดเสียดายชีวิตที่แสนหรูหราตามโรงแรมแพงๆในมิลานไม่ได้ เขาดื่มแชมเปญแทนน้ำ นอนเตียงนุ่มสบายที่มีคนทำให้ทุกคืนจนชิน กลับมาที่นี่ดีหน่อยตรงที่รีสอร์ตของแม่เขามันหรูพอกันแต่ไม่มีที่ให้เที่ยวนี่สิน่าห่วง กลับไปอยู่กรุงเทพต่อให้มีที่เที่ยวเขาก็คิดหนัก เพราะเขาต้องกลับไปอยู่บ้านกับแม่ที่ต่อให้หรูหราแค่ไหนก็ไม่ทันสมัย ง่ายต่อชีวิตคนกลางคืนอย่างเขาหรอกจะไปไหนมาไหนแม่ก็ต้องเป็นห่วงตามประสา เพราะเขาเป็นลูกคนสุดท้อง อย่างไรแม่ก็ยังเห็นเขาเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำแล้วเขาจะกลับมาทำไม
    มางานแต่งแม่แค่นั้นจบ แล้วก็กลับไปอยู่มิลานคงดีเขาคิด
    การที่แม่แต่งงานใหม่ครั้งนี้ มิลานพอใจและดีใจด้วยซ้ำ ต่างจากพี่ๆทั้งสองที่ไม่เห็นด้วย ด้วยเหตุผลอย่างเด็กๆว่า หวงแม่ ไม่อยากให้แม่รักใครนอกจากพ่อ แล้วก็ระแวงว่าแม่จะถูกเด็กหลอกเท่านั้น สำหรับเขาการที่แม่แต่งงานใหม่ก็คือแม่ได้มีอะไรทำ ได้มีอะไรอย่างอื่นไปสนใจ ได้ไม่ต้องยุ่งกับเขา ไม่ต้องมาคอยเป็นห่วง และโทรตามเขาทุกวันนั่นเอง อีกอย่างแม่เขาโตแล้ว โตกว่าเขา โตกว่าโรม และเวนิสเพียงใดแม่อาบน้ำร้อนมาก่อน จะไม่รู้เชียวหรือว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ เขาจึงไม่เคยบ่นแม่สักคำเมื่อรู้เรื่อง แม่บอกให้กลับมา เขาทำงานเสร็จก็กลับมาตามที่แม่ว่าหลังจากนั้นจะทำอะไรต่อก็ยังไม่รู้ปล่อยให้มันเป็นไปก่อนแล้วกัน

    เดินลงมาตามเนินเขียวขจี มิลานก็เห็นว่ามีผู้ชายสองคนคุยกันอยู่กับชายร่างใหญ่อีกคนตรงคอกม้า ฝั่งตรงข้ามของทางเดินนั้น จำได้ไม่ผิดว่าคนหนึ่งคือลุงทัด แม้ว่าเจอกันครั้งสุดท้ายก่อนแม่เลิกกับพ่อเมื่อครั้งเด็กๆ แต่ก็ไม่ลืมท่าทางอย่างนั้นแน่ๆ อีกคนยืนคุยไป ยื่นแครอทให้ม้าดำตัวหนึ่งแทะไป เจ้าเนโรดุมากมันไม่ยอมให้ใครขี่หรือเข้าใกล้ง่ายๆ ถ้าไม่ใช่พี่ของเขาคงโดนดีดกระเด็นไปแล้วแน่คนนั้นคงเป็นเวนิสแน่นอน
    แต่อีกคนที่ยืนดูรูปจากกล้องดิจิตอล อยู่ตรงนั้นล่ะ โรมหรือ
    ไม่โรมไม่มีวันตัดผมสั้นขนาดนั้นแน่ๆ แล้วเป็นใครกัน
     มิลานเห็นพี่ชายเดินกอดคอลุงทัดเข้าไปในบ้านเล็ก ก็เลยเปลี่ยนใจไม่ไปนอนที่บ้านของตนแล้วไปเยี่ยมเจ้าของคอกม้า ขี่ม้าเล่นเสียก่อนดีกว่า ได้สืบด้วยว่าชายหนุ่มคนนั้นเป็นใคร เพื่อนคนไหนของเวนิสหรือแฟนที่พี่เขาบอกว่ามีตอนอยู่ที่เวนิส แต่เป็นไปไม่ได้หรอก เวนิสไม่ได้เป็นเกย์อย่างเขานี่นา ไม่มีทางมีแฟนเป็นผู้ชายไปได้ เอ หรือว่าเป็นหญิงสาวที่ตัดผมสั้นอย่างทันสมัยกันแน่ มิลานดูไม่ออกจึงเดินเข้าไปใกล้กว่านั้น
    ชายหนุ่มหรือหญิงสาวผมสั้น หันกล้องมาทางเขา ถ่ายรูปไปรูปหนึ่ง ก็ลดกล้องลงมาดูรูป คงติดเขาเข้าไปกระมัง ชายหนุ่มถึงได้รีบเดินเข้าไปในกระท่อมเล็กๆของลุงทัด อย่างนั้น
    มิลานเดิน ออกจากทางเดินรถที่จะพาเขาไปยังบ้านของตัวเอง อ้อมทะเลสาบไปยังบ้านเล็กๆของผู้ดูแลม้าคอกนี้ทันที

    เวนิสเปิดประตูกระท่อมออกมา ก็เห็นน้องชายยิ้มแก้มปริตรงเข้ามาหา โบกมือให้จากอีกฟากของคอกม้า ตะโกนทักมาเป็นภาษาอิตาเลียน “Ciao!”
    “Ciao, come stai?” หนุ่มผมดำตรงเข้าไปกอดน้องพร้อมกับถามสารทุกข์สุขดิบ เป็นเอกแอบสังเกตได้จากจุดที่เขาอยู่ว่า เวนิสตัวเล็กกว่าน้องชายเล็กน้อยเมื่อยืนเทียบกัน
    “Bene come sempre” น้องชายตอบ ยิ้มอย่างขี้เล่น มองเลยไปเห็นชายหนุ่มด้านหลังพี่ก็ยิ้มให้ “Il suo amico?”
    “เพื่อนคนไทย” เขาว่า “เพื่อนโรมแหละถ้าจะพูดกันจริงๆ เป็นมัณฑนากรที่จะมาช่วยจัดงานให้คุณแม่”
    มิลานถอดแว่นดำออก เผยให้เห็นตาคมสวยสีน้ำตาลแก่ ยิ้มกว้างให้พร้อมกับกล่าวสวัสดีอย่างร่าเริง ยื่นมือออกไปให้เป็นเอกจับเชคแฮนด์เบาๆ มือของชายหนุ่มนุ่มนิ่มยิ่งกว่ามือของหญิงสาวคนใดที่เขาเคยจับมา
    ยิ่งเข้ามาใกล้ๆ เป็นเอกก็ยิ่งใจเต้น หนุ่มคนนี้หล่อเหลาเกินกว่าจะเป็นน้องแท้ๆของโรม เอาจริงๆแม้โรมจะไม่ขี้ริ้ว ก็เทียบไม่ได้เลยกับน้องชาย ผิวขาวสะอาดเนียนเรียบเสมอกันไม่มีรอยสิวฝ้า หรือแม้แต่กระสักรอยดวงหน้าไม่ต้องพูดถึง เป็นสีน้ำนมอมชมพูอย่างคนรู้จักดูแลตัวเอง ไม่มีแม้แต่สิวเสี้ยน ขาวผ่องดูมีราศีหากเป็นเอกเป็นโมเดลลิ่งเขาจะไม่มีวันปล่อยมิลานให้หลุดมือ รีบให้เซ็นสัญญาเข้าสังกัดเขาเดี๋ยวนั้นเลย
    “สวัสดีฮะ ผมชื่อมิลาน ยินดีที่ได้รู้จัก” เสียงนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างร่าเริง ยิ้มจนตาเหลือเล็กอย่างเด็กที่รู้จักทำให้คนแปลกหน้าประทับใจ
    “สวัสดีครับ ผมเป็นเอก เป็นเพื่อนของโรม”
    “ชื่อเพราะนะฮะเป็นเอกเนี่ย” หนุ่มน้อยถอนมือออกจากมือของเป็นเอก ซุกลงในกระเป๋ากางเกงยกไหล่ขึ้นพลางพูดอย่างอารมณ์ดี “แปลว่าเป็นที่หนึ่งแน่ๆเลย ใช่ไหมฮะ”
    เจ้าของชื่อพยักหน้า
    “เป็นที่หนึ่งด้านไหนฮะ เรื่องเรียน ดนตรี กีฬา หรือว่าเรื่องรัก”
    เขายิ้มกว้างขยิบตาให้เป็นเอก ทำเอาชายหนุ่มเขินไปหมด ไม่รู้จะตอบยังไงก็เลยเลี่ยงๆ ไปว่า “เอ้อ ไม่สักอย่างแหละครับ แม่คงตั้งเอาเคล็ด แต่ลูกดันไม่เอาไหน”
    หนุ่มน้อยหัวเราะ ก่อนจะถามพี่ชายว่า
    “ลุงทัดอยู่หรือเปล่า ลุงทัด ลานกลับมาแล้วนะฮะ” หนุ่มน้อยไม่รอคำตอบ ตะโกนเข้าไปในบ้านอย่างเด็กๆ ก่อนจะเดินเบียดเป็นเอกที่ยืนขวางประตูอยู่เข้าไปข้างใน
    กลิ่นน้ำหอมหวานๆจากตัวเขา ลอยเตะจมูกเป็นเอก จนชายหนุ่มทำอะไรไม่ถูกยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นเด็กคนนี้ตรงสเปคเขาทุกอย่างแม้กระทั่งกลิ่น!
    “ใจคอจะยืนอาบแดดอยู่ตรงนี้ทั้งวันหรือคุณ” เวนิสเรียก เสียงเข้มทุ้มลึก ตัดกับเสียงของมิลานเมื่อครู่ ทำเอาเป็นเอกหลุดออกจากภวังค์เดี๋ยวนั้น เดินหลีกทางให้เวนิสเข้ามาในบ้านก่อนแล้วก็ตามชายหนุ่มเข้าไปในนั้น
    ลุงทัดดีใจ ตรงเข้ามากอดมิลานอย่างรักใคร่ อยู่ก่อนจะปล่อยออกจากอ้อมแขน แต่ยังจับบ่ายืนมองหน้าหวาน ที่ตัดกับผมเฉี่ยวๆของเขาอย่างตกตะลึงในความงามของหลานชาย
    “เจอกันตอนนั้นยังตัวเท่าเอวอยู่เลย เฮ้ย โตแล้วมันหล่อว่ะ ตัวสูงเชียวน่าจะไปเป็นนายแบบนะคุณลาน”
    “ก็เป็นอยู่แล้วนี่ฮะ” เขาว่า “ลุงทัดคงไม่ทราบ”
    “โอ้โห เออๆๆ ดีจริง แต่ไม่น่าตัดผมเสียประหลาดอย่างนี้เลย”
    ทรงผมประหลาดที่ลุงทัดว่าคือการไถเปิดด้านขวาของศีรษะไปแบบสั้นเกรียน ทิ้งให้ผมด้านซ้ายยาวกระเซอะกระเซิงลงมาปรกหน้าด้านซ้าย  ชายหนุ่มได้ยินลุงที่สนิทกันว่าอย่างนั้น ก็ยกมือซ้ายขึ้นเสยผมให้พ้นหน้า เป็นเอกสังเกตว่าหน้าผากของหนุ่มน้อยเป็นรูปหัวใจสวยอย่างที่หลายๆคนอยากมี
    “ลุง ผมทรงนี้ ช่างที่มิลานตัดให้เลยนะ ให้เดินแบบให้ร้านของเขา ไฮแฟชั่นมากๆ คนเขาชอบกันใหญ่” หนุ่มน้อยยิ้มกว้าง
    “เอาเถอะ ผมตามเด็กสมัยนี้ไม่ทันเสียแล้ว นั่งก่อนซีครับ ผมกำลังต้มชามาให้เดี๋ยวไปดูก่อนนะว่าน้ำร้อนหรือยัง” ลุงทัดผละออกไปจากตรงนั้น
    มิลานนั่งลงทางซ้ายมือของเป็นเอก กลิ่นหอมหวานๆ ลอยมาเป็นระยะทำเอาเป็นเอกสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนัก ไม่ได้ยินเวนิสที่นั่งอยู่ทางขวาของเขาพูดกับน้องชาย “มาเร็วเหมือนกันนี่ นึกว่ามาค่ำๆ”
    หนุ่มน้อยหัวเราะ
    “เร็วซีพี่ เที่ยวเสร็จก็เปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาเลย”
    “ไม่ได้นอนสิท่า” เวนิสส่งสายตารู้ทันให้น้องชาย “คืนนี้ที่ริมโคโมเขามีปาร์ตี้บาร์บีคิว จะมาหรือเปล่า หรือจะนอน”
    “ไม่นอนติดกันสามวันยังสบายเลยพี่” เขาหัวเราะ อย่างอารมณ์ดี “ถ้าพลาดงานเลี้ยงก็ไม่ใช่มิลานครับผม”
    “ปากดีไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะนั่งดูแกหลับคาโต๊ะอาหาร”
    “ถ้าหลับจริงๆพี่อุ้มผมไปนอนด้วยแล้วกันบ้านอยู่ฝั่งตรงข้ามนี้เอง” หนุ่มน้อยว่า “ถ้าพี่เวอุ้มไม่ไหว คงต้องวานพี่เอกช่วยหน่อยนะฮะ แต่จริงๆตัวผมก็ไม่หนักเท่าไหร่คงไม่ได้รบกวนพี่เอกแน่”
    ประโยคหลัง หนุ่มน้อยบอกกับชายหนุ่มที่นั่งติดกัน หลิ่วตาให้อีกครั้งหนึ่ง เป็นเอกหัวเราะอย่างประหม่า เวนิสจึงว่าขึ้นมาอย่างนิ่งๆ
    “ลาน พูดอะไรอย่างนั้นเขาเป็นแขกนะ”
    “ไม่เป็นไรหรอกคุณ” เป็นเอกว่าเบาๆ “น้องเพื่อนก็เหมือนน้องผมแหละ ผมไม่คิดมากหรอก”
    มิลานยิ้มกว้างให้เป็นเอก ก่อนจะถามเวนิสว่า
    “เอ้อ ลืมไปพี่โรมล่ะ นอนอยู่หรือว่าวาดรูปอยู่ครับ”
    “ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง โรมไปหาคุณป้าในเมือง”
    “อ้อ” มิลานพยักหน้าอย่างเข้าใจ
    “ไปอิตาลีคราวนี้ไปนานเชียวนะ ไม่ไปหาพี่ที่เวนิสด้วย”
    หนุ่มน้อยเสยผมขึ้นหัวเราะอีกครั้งก่อนจะตอบว่า
    “งานยุ่งค้าบ งานยุ่ง เดินแบบให้เวอร์ซาเช่ แล้วก็ร้านผมอีกร้านหนึ่ง เสร็จก็ตระเวณหาเพื่อนหมดไปแล้ว สองอาทิตย์ คราวหน้าถ้าไปอีกคงไปเป็นเดือน”
    “เล่นอย่างนี้ เงินหมดเข้าสักวัน”
    “เงินแม่ มีตั้งกี่ล้านจะหมดได้ยังไงล่ะ ผมเดินแบบที ถ่ายแมกกาซีน หรือโฆษณา หรือเป็นเอกซ์ตราก็ได้ทีเป็นหมื่นแล้ว ใช้ยังไงก็ไม่หมด” มิลานยักคิ้วอย่างเด็กขี้เล่น จะไม่ให้เป็นเอกเอ็นดูได้อย่างไร
    “งานพวกนี้มันไม่มั่นคง เดี๋ยวสักวันแกแกขึ้นมาล่ะ วงการนี้ ยี่สิบปลายๆก็หมดเวลาแล้วนะ แกจะไปทำอะไรกิน”
    “คุยกันกี่ที กี่ทีก็วกมาเรื่องนี้” หนุ่มน้อยหยิบ บีบี ขึ้นมาเล่นพลางคุยกับพี่ไปพลาง “ก็ตอบทุกครั้งว่าเอาไว้ก่อน ถึงเวลาค่อยคิด”
    เป็นเอกเห็นมิลานส่ายหัว ก่อนที่หนุ่มน้อยทางซ้ายจะสะกิดแขนเขา
    “พี่เอก มีบีบีหรือเปล่าฮะ ขอพินหน่อยซี”
    ชายหนุ่ม บอกพินไป สักพักโทรศัพท์เขาก็สั่น ชายหนุ่มยกแบล็กเบอร์รี่ขึ้นมาดูก็พบว่า มิลานทักเขาเข้ามาในโปรแกรมสนทนาแทบจะทันที ทั้งที่นั่งติดกันอย่างนี้ กดเข้าไปดูก็พบว่า มีเพียงหน้ายิ้ม  เท่านั้น ไม่ได้เขียนอะไรเลย
    พักเดียว ข้อความใหม่ก็ขึ้นว่า
    “พี่เว น่าเบื่อเนาะ พูดอะรัยก้อไม่รุ น่ารำคาน 555”
    เป็นเอกหัวเราะให้กับข้อความนั้น ภาษาที่หนุ่มน้อยพิมมาเป็นแบบที่เด็กวัยรุ่นทั่วไปใช้เขียนกัน หลายคนมองว่าเป็นภาษาวิบัติ แต่สำหรับเป็นเอก เขาว่า มันน่ารักดีอย่างไรก็ไม่รู้
    “หัวเราะอะไรหรือคุณ” เวนิสถามอย่างอยากรู้
    “ไม่มีอะไร” เป็นเอกตอบ หันไปยิ้มให้มิลาน ก็พบว่าหนุ่มน้อยหลิ่วตาให้ ก่อนจะยกนิ้วโป้งให้กับเขา
    “แล้วกัน คุณเพิ่งรู้จักไอ้ลานแปบเดียวเองนะ รวมหัวกันแกล้งผมแล้ว” เวนิสว่าอย่างทีเล่นทีจริง มีทีเล่น มากกว่าทีจริงจนเป็นเอกไม่เดือดร้อนอะไร ทั้งสามหัวเราะกันอย่างนั้น จนลุงทัดเดินออกมายกกาน้ำชา และแก้วเซรามิกใส่ถาดมาด้วย หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบกว่าพูดอย่างอารมณ์ดีว่า
    “แหม เห็นคุณเป็นเอกคุณกับคุณเว คุณลานแล้ว นึกถึงเจ้าโรมเหมือนกันนะ น่าจะอยู่กันครบๆ” เขาวางแก้วเซรามิกสี่ใบลงบนโต๊ะ รินน้ำชาให้ช้าๆ
    น้ำชาร้อนจนควันฉุย มีน้ำตาล นม และ มะนาวอยู่ตรงหน้า
    “คุณเวชอบชานม คุณโรมชาเปล่าๆใส่น้ำตาล ส่วนคุณลานชอบชามะนาว ผมจำได้ดี ชินแล้วว่าถ้าเสิร์ฟชาคุณสามคน ต้องเตรียมสามอย่างนี้ไว้ คุณเอกชอบอะไรก็บอก ถ้าไม่พอผมจะไปเอามาเติมให้”
    “ผมดื่มชาใส่น้ำตาลเฉยๆครับ” เขาตอบ
    “เหมือนคุณโรม” ชายร่างใหญ่ ลากเก้าอี้ออก ค่อยๆ ทิ้งตัวลงนั่งอย่างเชื่องช้า “ต่างตรงคุณเอกพูดเก่ง ไม่เหมือนคุณโรม ถ้ารายนั้นอยู่ละก็ คุณลานจะชวนคุย คุณเวจะเสริม คุณโรมจะนั่งฟังอย่างเดียว”
    เวนิสหัวเราะ
    “จริงอย่างว่า แม่บอกว่าไอ้ลานเป็นประเภท “ช่างคุย” คุยได้ทั้งวันคุยอะไรกับใครก็ได้ ผมเป็นพวก “ช่างทำ” ทำโน่น จัดการนี่ให้ใครต่อใคร แล้วไอ้โรมเป็นพวก “ช่างคิด” นั่งคิดอะไรไปได้คนเดียว ไม่ค่อยพูดหรือทำอะไรให้ใครเข้าใจความคิดมันหรอก” พี่คนโตส่ายหัวไป ยิ้มไป “พี่น้องกันไม่เหมือนกันสักคน”
    “ผมว่าผมเหมือนพวกคุณอย่างละหน่อย บางครั้งก็ชอบอยู่คนเดียวคิดโน่นคิดนี่ไปเรื่อย บางครั้งก็ช่างพูด ช่างคุยได้กับทุกคน แล้วก็ทำอะไรตามใจคนอื่น ชอบเทคแคร์คนด้วยนะครับ” เป็นเอกออกความเห็น ชายหนุ่มพี่น้องสองคนนั่งคิดในใจตรงกันแต่คนพูดกลับเป็นเพียงมิลาน คนเดียว พี่คนโตนั่งนิ่งไม่กล้าพูดสิ่งที่คิด
    “มิน่าถึงอยู่กับพี่โรมได้ เขาบอกว่าคนเรา ถ้าเหมือนกันเกินไปก็จะเบื่อกันง่าย ถ้าต่างกันเกินไปก็จะทะเลาะกันอยู่กันไม่รอด แต่ทั้งเหมือนทั้งต่างอย่างนี้มั้งครับ พี่โรมถึงคบพี่เอกอยู่คนเดียวยืดยาวขนาดนี้ ถ้าเป็นผู้หญิงผมคงได้พี่สะใภ้ไปแล้ว” หนุ่มน้อยหัวเราะ ไม่ได้คิดเลยว่า ที่เหมือนและต่างนั้นไม่ได้เหมือนและต่างจากโรมแค่คนเดียว แต่ทั้งเหมือน และต่างกับเขา และพี่ชายด้วย

************************************************************** *********

ในที่สุดก็ได้เจอน้องมิลานกันนะครับ หวังว่าจะชอบเขากันนะครับเพราะผมชิบมิลานมากๆเลย
ปล. พรุ่งนี้จะเอารูป 3 หนุ่มมาให้ดูครับโผมมม

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
มิลานน่ารักดี อิอิ  ตรงสเปกเป็นเอกทุกอย่างด้วยอ่ะ ท่าจะมาแรงที่สุดละคนนี้

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ถ้าไม่ติดว่าโรมคบเป็นเพื่อนกับเป็นเอกมาหกปีแล้วล่ะก้อออ  เชียร์เวนิสสุดตัว
คิดว่ามิลานเด็กเกินไป  ยังไม่มีเป้าหมายในชีวิตที่แน่นอน  และเพลย์บอยอย่างที่คิดจริง ๆ
เป็นเอกกับเวนิสน่าจะเป็นอะไรที่ลงตัวที่สุด  แต่ก็นะ  สงสารโรมมากถ้าจะเป็นแบบนั้น

ออฟไลน์ ณยฎา

  • ขอเพียงมีเธออยู่คู่ฉัน แม้นหลับก็มิฝันถึงสิ่งใด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-3
รออ่านเรื่องนี้อยู่ตลอดเลย เวนิสดูกะล่อนอ่ะ สงสารโรม ไม่มีบท 555+

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด