[ท า ง ส า ม ส า ย] บทที่ 16 - เป็นเอก-โรม's moment(2) 22/04/11 - 21.00
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [ท า ง ส า ม ส า ย] บทที่ 16 - เป็นเอก-โรม's moment(2) 22/04/11 - 21.00  (อ่าน 42858 ครั้ง)

ออฟไลน์ Purple_Sky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +354/-1
Capitolo  sedici


 บ่าวสาวเดินขึ้นนั่งบนที่ของตน เรียบร้อยแล้วตอนที่เป็นเอกใกล้จะอิ่ม พ่อแม่ของเมฆานั่งอยู่ทางขวาของลูกชาย ส่วนคุณน้าของประกายพรึกก็นั่งอยู่ทางซ้ายของหล่อน    คุณพริ้ง เป็นน้องสาวแท้ๆของแม่ของประกายพรึก ก็เท่ากับว่าเป็นคุณยายของเวนิส โรม และมิลานนั่นเอง อายุของหล่อนคงจะอยู่ราวๆหกสิบกว่า กระนั้นก็ยังดูคล่องแคล่วดี ไม่หลงๆลืมๆเหมือนคนแก่ทั่วไป
    หล่อนดูสง่า สูงศักดิ์ และงามอย่างเหลือเชื่อ ผมสีขาวโพลนทั้งหัวนั้น หวีเสยพ้นหน้าผาก แล้วปล่อยยาวลงมาเคลียบ่า แต่งหน้าไว้จัด แต่เมื่อเข้าแสงแดดจ้าอย่างตอนนี้ หล่อนจึงดูสวยรับกันดีกับเสื้อผ้าสีโอลด์โรสค่อนข้างเข้ม กรุยกรายแบบพวกคุณหญิงคุณนายทั่วไป กระนั้นท่าทางของหล่อนก็ไม่ได้แช่มช้อย เชื่องช้าอย่างที่ควรจะเป็นหากพิจารณาเพียงใบหน้า แต่กระฉับกระเฉง ออกจะโผงผางสักเล็กน้อย เมื่อหล่อนเลื่อนเก้าอี้ออก นั่งลงรับประทานอาหารที่จัดเอาไว้ให้ ด้วยกิริยาไว้ท่าหากแต่เป็นธรรมชาติ ไม่ดูแข็งเกร็งเกินไป
    เป็นเอกตักพิซซ่าหน้าแฮมชีสเข้าปากเคี้ยวช้าๆ อย่างไม่เจริญอาหารนัก อยู่ที่นี่ เขากินแต่อาหารอิตาเลียน จนจะเลี่ยนตายอย่างที่บอกกับเวนิสไปไม่รู้กี่ครั้งแต่คนที่เข้าใจท่าทีของเขาที่สุดกลับเป็นเพื่อนหนุ่มของเขาต่างหาก โรมนั่งอยู่ทางซ้ายก้มลงมาเกือบจะชิดกับใบหน้าของเพื่อนหนุ่มเอ่ยถามว่า “ไม่อร่อยใช่ไหม”
    “เลี่ยน” เป็นเอกตอบเบาๆ เมื่อต้องมาอยู่ต่อหน้าบรรดาญาติๆของเพื่อนก็ไม่กล้าวิจารณ์ตรงๆ จะเป็นการเสียมารยาทได้
    “เอาซอสมะเขือเทศหรือซอสพริกไหม” เวนิสได้ยิน เขานั่งถัดไปทางขวาของเป็นเอก พอเดาท่าทางของชายหนุ่มบอกกับอ่านปากของเขาไปด้วยก็พอจะตามทันว่าคุยอะไรกันอยู่ “ผมสั่งให้ได้นะ”
    “ไม่เป็นไรครับ” เป็นเอกตอบ “ผมทานได้เพียงแต่ไม่ชอบแล้วก็ไม่ชินเท่านั้น”
    “ถ้าอยากได้ก็บอกมาแล้วกัน” เวนิสว่าทิ้งท้าย ก่อนจะหันไปคุยกับลูกสาวของคุณยายพริ้งต่อ
    “พี่เอกฮะ” มิลานโผล่มาด้านหลัง เท้าแขนกับพนักเก้าอี้ก้มหน้าลงมาแทบจะซ้อนเกยไหล่ของเพื่อนสนิทของพี่ชาย “ไม่ทานพิซซ่าหรือฮะ ลานขอนะ”
    “ไอ้ลาน แกก็ไปตักใหม่ซี” พี่คนโตของเขาดุ “เหลือตั้งเยอะแยะ”
    “ผมขี้เกียจเดินนี่นา”
    “งั้นพี่ไปเป็นเพื่อน” เป็นเอกเสนอตัว
    “นั่งอยู่ตรงนั้นแหละ ขาจะไม่หายก็เพราะชอบเดินไปเดินมาอยู่นั่นแหละ” โรมดุ แล้วก็ลุกขึ้นเดินคู่ไปกับน้องชายกอดคอกันออกไปอย่างสนิทสนม เป็นเอกไม่รู้ตัวว่าเขามองตามไปจนแทบลับสายตา พอหันกลับมาที่จานอาหารก็พบว่าเวนิสกำลังนั่งจ้องเข้าอยู่
    “มองตามใหญ่เลย อึดอัดหรือไงอยู่ตรงนี้”
    “เปล่านี่ครับ”  หนุ่มผมสั้นว่า “ก็เห็นสองคนนั้นสนิทกันดี ไม่คิดว่าจะสนิทกันมาก”
    “เขาสนิทกันสองคน” เวนิสยิ้มมุมปาก “ผมเหมือนเป็นคนแปลกหน้าเวลาอยู่กับน้อง อย่างที่บอกแหละว่าผมหายไปอยู่เมืองนอกนาน โรมก็คงจะติดต่ออยู่แต่กับลานตลอด”
    “อย่างน้อยคุณก็มีพี่น้องล่ะครับ” เป็นเอกก้มหน้า นึกขึ้นได้ว่าทำอย่างนี้ จะดูเป็นเด็กมีปัญหามากเกินไปจึงเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มทางขวา เห็นว่าเขาก็กำลังจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเป็นเอกไม่ได้เปลี่ยนจุดโฟกัสไปไหน
     “คุณลูกคนเดียวหรือ”
    “ครับ” เขาตอบสั้นๆ
    “คุณก็รับผมกับเจ้าลานเป็นพี่น้องเสียซี” ชายหนุ่มพูดทีเล่นทีจริง
    “แหมหน้าเหมือนกันมากเลยนะครับ ผมกับคุณเนี่ย”
    เวนิสหัวเราะ เมื่อเห็นเป็นเอกทำหน้าล้อเลียนใส่ ไม่นานสองพี่น้องก็กลับมา มิลานรีบแย่งที่นั่งโรม เพื่อที่ตัวเองจะได้นั่งข้างเป็นเอก แล้วให้โรมนั่งเก้าอี้ตัวต่อไปแทนอย่างช่วยไม่ได้  สักพักพนักงานหนุ่มสาวในชุดสูทสวยก็พากันเดินออกมา เสิร์ฟไวน์แดงอย่างดีให้กับแขกทุกคนในนั้น
    “ไว้ดื่มอวยพรให้คู่บ่าวสาวค่ะ” ญาติคนหนึ่งที่นั่งร่วมโต๊ะนั้นพูดขึ้นมา
    “ใครจะเป็นคนอวยพรล่ะฮะ” มิลานถามอย่างสนใจใคร่รู้ เป็นเอกก็เงยหน้าขึ้น เลิกคิ้ว ตั้งใจฟังเช่นเดียวกันเพราะเขาเองก็อยากรู้
    “ตามธรรมเนียมก็ญาติผู้ใหญ่คนสนิทที่เป็นผู้ชายจ้ะ แต่เหมือนว่างานนี้จะไม่มีนะแขกส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงหมดเลย ที่เป็นผู้ชายก็มีแต่เพื่อนแล้วก็ญาติห่างๆมากกว่า”
    “ผมจะเป็นคนอวยพรเองครับ” เวนิสยิ้มให้ญาติของเขา
    “ก็ดีจ้ะ ตอนนั้นคงไม่มีใครกล้า คงมัวแต่คิดว่าใครจะแก่กว่ากัน” ญาติของเวนิสหัวเราะเบาๆ
 
    คุยกันไปอีกได้ไม่กี่คำ คุณพริ้งก็ลุกขึ้นชูแก้วไวน์ขึ้น เอาช้อนเล็กๆเคาะเบาๆ จากนั้นก็เริ่มกล่าวเสียงหล่อนดังกังวาน ฟังดูมีอำนาจในตัวเอง แม้จะสั่นเครือเพราะความชรา แต่ก็ฟังได้เข้าใจชัดเจนดีทุกคำ
    “สวัสดีค่ะ งานวันนี้เป็นงานเลี้ยงแบบกันเองนะคะเราไม่มีพิธีรีตองใดๆทั้งนั้น เป็นงานกินเลี้ยงสังสรรค์กันปกติเพื่อเป็นเกียรติให้แก่คู่บ่าวสาวเท่านั้น แม้เจ้าตัวบอกว่าไม่อยากมีพิธี ไม่เข้าโบสถ์ ไม่รดน้ำสังข์ แต่เราก็จะมีพิธีกันเล็กๆตามแบบของเรากัน ดิฉันดีใจที่ประกายพรึกแต่งงานกับเมฆา เพราะเมฆาเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติดีครบถ้วน เขาขยันตั้งใจทำงาน เป็นเพื่อนที่ดี เป็นคู่รักที่ดีของประกายพรึกมาตลอด ไม่ได้รังเกียจความจริงที่ว่า หลานสาวของฉันเคยแต่งงานแล้ว อีกทั้งยังมีลูกแล้วถึงสาม นี่พูดกันตรงๆ” หญิงชราตวัดสายตามาที่หลานยายทั้งสามของหล่อน ก่อนจะพูดต่อไปว่า “ดิฉันอยากจะขอให้เจ้าบ่าวและเจ้าสาวกล่าวอะไรสักหน่อยค่ะ”
    เสียงปรบมือดังขึ้น เมฆาลุกขึ้นก่อนเป็นคนแรก
    “ผมและดาวเราเริ่มจากการเป็นเพื่อนกันมาก่อน เรามาเจอกันที่คอกม้าข้างๆปราสาทโคโมนี่ ตอนนั้นยังไม่มีปราสาทเลยด้วยซ้ำ เรามีโอกาสได้คุยกันสองสามครั้ง ก็กลายเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากมาแต่นั้น ดาวเป็นคนดี เป็นผู้หญิงทำงาน มีลูกถึงสามคนแต่ก็เลี้ยงดูลูกด้วยตัวเองมาได้ถึงเท่านี้ ผมชื่นชมเขามากและมันก็ทำให้ผมอยากอยู่ใกล้เขาตลอดเวลา คอยช่วยเหลือแบ่งเบาภาระ และสร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะให้กับเขา
    กระทั่งเรามีโอกาสได้ใกล้ชิดกัน มากถึงจุดที่ผมมั่นใจแล้วว่าผมไม่อาจจะรักใครได้อีกอย่างที่ผมรักประกายพรึกอีก ผมอยากจะบอกว่าผมรักดาวมาก เท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะรักผู้หญิงคนหนึ่งได้ ผมยอมรับได้ทุกอย่างที่ดาวเป็น ทุกอย่างที่เกี่ยวกับดาวและพร้อมจะดูแลและรักดาวอย่างนี้ตลอดไปครับ”
    เสียงปรบมือกันเกรียวกราว ประกายพรึกยิ้มกว้างดวงตารื้นด้วยหยาดน้ำตา พูดกับเมฆาแผ่วเบาอย่างที่แขกคนอื่นคงไม่ได้ยิน แต่เป็นเอกอ่านปากได้ว่า 
    “ขอบคุณมากค่ะเมฆ ขอบคุณ”
    พอเริ่มพูดน้ำเสียงของหล่อนก็ สั่นเครือราวกับว่าจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่ร้องไห้ออกมาเมื่อไหร่ก็ได้
    “ขอบคุณค่ะ ดิฉันไม่มีอะไรจะพูดมากนอกจากจะบอกว่า ดิฉันรักเมฆเหลือเกิน ไม่ใช่รักแบบใจเร็วด่วนได้ ไม่ใช่รักเพราะดิฉันไม่มีใคร ดิฉันมั่นใจว่าเมฆคือคนที่ใช่สำหรับดิฉัน เขารัก เคารพและให้เกียรติดิฉันอย่างสุภาพบุรุษพึงปฏิบัติต่อสตรี เขายอมรับดิฉันอย่างที่ดิฉันเป็น เท่านี้ดิฉันก็ไม่ขออะไรจากเขาอีกเลยนอกจาก ขอความรักที่จริงใจอย่างที่ดิฉันมั่นใจเหลือเกินว่าเขาจะให้ฉันได้อย่างแน่นอน และดิฉันก็มั่นใจว่าดิฉันก็จะรักเขาได้ตลอดไปเช่นกันค่ะ”
    แขกปรบมือดังลั่น หลายคนถึงกับซึ้งน้ำตาคลอ เป็นเอกหันไปสำรวจสีหน้าของเพื่อนหนุ่มก็พบว่า หนุ่มผมยาวที่มัดผมรวบไว้เป็นหางม้านั้น ยังมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้มีความไม่พอใจเจืออยู่บนใบหน้าอย่างที่เขาเป็นมาตลอด และอาจเป็นเพราะอำนาจของแสงแดด และมุมมองหรือเปล่าก็ไม่รู้ เป็นเอกเห็นว่า โรมายิ้มที่มุมปากเล็กน้อยด้วย
    พอเจ้าสาวพูดจบ คุณพริ้งก็พูดขึ้นด้วยเสียงดังฟังชัดเช่นเคยว่า
     “ดิฉันยินดีที่จะบอกว่าบัดนี้เป็นเวลาอันสมควรแล้ว ที่จะให้บ่าว สาวแลกแหวนให้แก่กันและกันเพื่อเป็นสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์ค่ะ”
    เจ้าบ่าวเจ้าสาวแลกแหวนกันสวม ท่ามกลางเสียงปรบมืออันล้นหลามจากบรรดาญาติสนิท มิตรสหาย กระทั่งทั้งคู่แลกแหวนกันแล้ว เมฆาก็เข้าหอมแก้มภรรยาของเขาด้วยความรักทะนุถนอม  เป็นเอกมองหน้าเพื่อนหนุ่มก็ไม่เห็นโรมจะขัดใจแต่อย่างใด กลับปรบมือให้ด้วยรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้า พอเสียงปรบมือเริ่มซาลง ชายหนุ่มก็ทำสิ่งที่เขาไม่คิดว่าเพื่อนของตนจะทำ
    โรมาลุกขึ้นถือแก้วไวน์อยู่ในมือ ยืนนิ่งมองแม่ของตนและคู่ของของหล่อนด้วยแววตาที่ยากจะบอกได้ว่ารู้สึกอย่างไร เมื่อเขาเปิดปากพูดบรรดาแขกเหรื่อทั้งหลายก็พากันเงียบเสียงลง เสียงห้าว ทุ้มลึกของลูกชายคนกลางของเจ้าสาวนั้นก้องกังวานไปทั่วบริเวณ
    “ผมขอให้คู่บ่าวสาวมีแต่ความสุขในชีวิตคู่ ขอให้รักกันนานๆ และเป็นคู่รักที่น่ารักของกันอย่างนี้ตลอดไปครับ” เขาเว้นวรรค ยกแก้วไวน์ขึ้น พูดเป็นภาษาอิตาเลียนว่า “Per cent’anni”
    บรรดาแขกเอ่ยปากพูดตามกันออกเสียงถูกบ้างผิดบ้างแต่ทุกคนก็เปล่งออกมาจากใจจริงๆ มีเพียงสามหนุ่มลูกชายของคุณประกายพรึกเท่านั้นที่รู้ว่าคำที่โรมเปล่งออกมานั้น เป็นคำกล่าวอวยพรตามแบบของประเทศอิตาลี ให้คู่บ่าวสาวรักกันเป็นร้อยปี
    ทุกคนในงานยกไวน์แดงขึ้นดื่ม เพื่อเป็นเกียรติแด่เจ้าบ่าว เจ้าสาว ที่กำลังประหลาดใจกันทั้งคู่ที่จู่ๆคนอวยพรกลับเป็นคนที่ไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ที่สุด อย่างโรมไม่ใช่เวนิสอย่างที่คิดไว้
    “Per cent’anni…” เสียงนั้นยังก้องดังอยู่ในหูของประกายพรึกราวกับว่าหล่อนเพิ่งได้ยินเจ้าของภาษาพูดมันออกมาอยู่เมื่อวานนี้เอง ทั้งที่เหตุการณ์ก็ล่วงเลยมาจนถึงบัดนี้เป็นเวลาเกือบสามสิบปีแล้ว
    ประกายพรึกจำได้ดีว่า หล่อนก็ได้ยินคำนี้ในงานแต่งงานของหล่อนครั้งนั้นเหมือนกัน กระนั้นต่อให้บรรยากาศจะเหมือนกันเพียงใด คืองานเป็นกลางแจ้งเหมือนกัน คำกล่าวอวยพรเหมือนกัน อาหารที่เสิร์ฟ และการตกแต่งสถานที่จะคล้ายกัน แต่สิ่งที่แตกต่างอย่างมาก และชัดเจนสำหรับเจ้าสาวที่กำลังยืนนิ่งไม่รู้ตัวอยู่อย่างนั้นก็คือ
    ผู้ชายที่อยู่ข้างหล่อนคือเมฆา ไม่ใช่คาร์โล
    และความรู้สึกที่อยู่ในใจหล่อนนั้นก็ต่างกันมากเช่นกัน ครั้งที่แล้วหล่อนมีความสุข สดชื่น เปรมปรีดิ์ ตื่นเต้น ระคน ประหลาดใจเล็กน้อย แต่ครั้งนี้กลับเป็นความรู้สึกที่แปลกออกไปทั้งที่ความรู้สึกมันควรจะเหมือนกัน ประกายพรึกรู้สึกผิดต่อลูกชายทั้งสามอยู่เต็มอก และหล่อนก็คิดถึงคาร์โลเหลือเกิน
    มองไปยังทะเลสาบก็เหมือนกับว่ามีชายคนหนึ่งที่หล่อนรักมากมาย เดินขึ้นมาจากท่าเรือ เหมือนว่าชายผู้ที่รูปร่างสูงใหญ่หน้าตาคล้ายเวนิส นิสัย ท่าทางเหมือนโรม สีผมกับดวงตาเหมือนมิลาน... สามีเก่าของหล่อน กำลังเดินตรงเข้ามาหาแล้วพูดสั่งขึ้นอย่างตัดพ้ออยู่กลายๆ เหมือนว่าเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และเข้าใจหล่อนดีว่าหล่อนยังไม่ลืมเขา… เหมือนเขากระซิบเบาๆข้างหูหล่อนว่า
    “Non amarmi...”
    “ดาวคิดอะไรอยู่” เสียงของเจ้าบ่าวปลุกหล่อนออกมาจากห้วงความคิด หญิงสาวยิ้มหวานตอบกลับไปทันทีไม่ให้ดูมีพิรุธ แม้ว่าผู้คนรอบกายหล่อนก็สังเกตได้เช่นกันว่าหล่อนกำลังเหม่อลอยเพราะอะไรบางอย่างอยู่
    “อ้อ สงสัยดาวคงเหนื่อยแหละค่ะ”
    “อืม ไม่ควรเลย” ชายหนุ่มว่า “วันแต่งงาน ไม่น่าจะเหนื่อยเลยนะครับ”
    “ขอโทษทีค่ะเมื่อคืนคงนอนไม่หลับ” หล่อนว่า มีเวลาคุณกับเขาได้ไม่นานเพราะหล่อนจะต้องลงจากเวทีมาเพื่อเต้นรำกับเขา แขกผู้ใหญ่บนนั้นลงมารอที่โต๊ะด้านล่างแล้ว เมฆาก็ลงมายืนที่พื้นสนามแล้ว มีเพียงประกายพรึกนั่นแหละที่กำลังยืนเหม่อลอยอยู่บนยกพื้นราวกับต้องมนตร์อะไรสักอย่าง
    “ไปเถอะครับ เราต้องเต้น วอลซ์นะลืมแล้วหรือ” เมฆาเตือนสติ หล่อนจึงพยักหน้าอย่างเข้าใจ เดินลงมาจากเวที เข้าคู่พร้อมกับเจ้าบ่าวแล้ว นักดนตรีก็บรรเลงเพลงวอลซ์หวานชื่น จังหวะเอื่อยๆช้าๆ ทำให้คู่บ่าวสาวนั้นรู้สึกราวกับว่าลอยอยู่เหนือก้อนเมฆ เคลื่อนตัวไปตามจังหวะของทำนองเพลงจากสวรรค์ เมฆากระชับภรรยาของต้นเข้าแนบแน่นในอ้อมกอด ไม่ลืมจะกระซิบเบาๆว่า
    “ผมรักดาว”
    บรรดาแขกในงานส่งเสียงร้องยุให้เจ้าบ่าวจุมพิตเจ้าสาว ทั้งคู่พยายามปฏิเสธ แต่ก็ต้องทำตามเมื่อทนคำรบเร้าไม่ไหว เมฆาดึงร่างของประกายพรึกเข้าไปประทับรอยจูบบนริมฝีปากคู่สวยนั้น เนิ่นนานราวกับจะให้หมดวัน

     พอบ่าวสาวเต้นรำเสร็จแล้ว แขกคนอื่นๆก็ลุกขึ้นเต้นด้วย เวนิสชวนญาติสาวของตนไปเต้นตามมารยาท ส่วนมิลานก็พยายามชวนคุณยายพริ้งไปเต้นอยู่อย่างเด็กๆ ทิ้งให้โรมอยู่กับเป็นเอกเพียงสองคน 
   “ไอไปห้องน้ำนะ” โรมว่า สีหน้าไม่มีพิรุธ เดินเลี่ยงออกมาจากงานเงียบๆ ตรงเข้าปราสาทไป
    ชายหนุ่มผมยาวไม่ได้ไปห้องน้ำอย่างที่ว่า แต่ตรงเข้าไปในแกลอรี่ที่เดิมจะมีรูปวาดฝีมือเขาประดับไว้ หากแต่ตอนนี้ถูกยกออกไปตั้งไว้ในงานจนเกือบหมดแล้ว ห้องนั้นจึงเป็นห้องที่เกือบจะว่างเปล่า ... ว่างเปล่าเหมือนกับใจของเขาในตอนนี้
    โรมดึงยางรัดผมออก โยนไปให้พ้นตัว ยกมือขึ้นขยี้ผมอย่างหงุดหงิดใจ ก่อนจะ ทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรงตรงมุมห้อง จู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างควบคุมเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป
    ในที่สุดแม่ก็แต่งงานกับเมฆา
    ถึงเขาจะทำได้แนบเนียนเพียงใดตลอดเวลาที่อยู่ในงาน แต่เขาก็ยังรับไม่ได้จนแล้วจนรอดที่ต้องเสียแม่ไปให้กับชายหนุ่มที่ไม่น่าจะรักแม่ของเขาอย่างจริงใจเหมือนที่พูดในงานเลี้ยงเสียเลย เสียใจ แค้นใจ แทบตายก็ทำได้แค่นั่งดูทำเป็นชื่นชมยินดีไปด้วย ไม่อยากจะลุกขึ้นอาละวาดทำลายงานแต่งงานของแม่ตัวเอง อย่างที่เป็นเอกบอกนั่นแหละว่า ให้ตามใจแม่เสียบ้างก่อนที่จะไม่มีโอกาส
    อย่างน้อยเขาก็ทำตามที่เป็นเอกบอกได้ก็แล้วกัน
    คิดถึงเพื่อนหนุ่ม เขาก็เห็นเป็นเอกเดินตรงเข้ามาหา โรมปาดน้ำตาออกไป ไม่อยากให้เพื่อนหนุ่มเห็น ฝ่ายนั้นนั่งลงข้างๆไม่ทัก ไม่พูดอะไรอยู่พักใหญ่ จนเอื้อมมือมาวางบนเข่า บีบเบาๆอย่างให้กำลังใจเท่านั้น โรมก็ร้องไห้โฮออกมาอย่างช่วยไม่ได้
    “ยูหันไป ขอไอร้องไห้เสร็จก่อน” เป็นเอกอยากหัวเราะกับคำขอของเพื่อน แต่ก็ห้ามใจไว้เมื่อคิดว่าโรมคงเสียใจมาก คงอยากให้เขาปลอบใจมากกว่า
    “ถ้าไม่อยากให้เห็นก็ได้ แต่ไออยากเห็นยูร้องไห้บ้าง อยากให้ยูได้ระบายออกมาบ้างนะโรม เพื่อนน่ะมีไว้ให้ระบาย ให้ช่วยเหลือยามทุกข์ใจไม่ใช่หรือไง”
    หนุ่มผมยาวพยักหน้า ไม่รู้ตัวว่าซบหน้าลงร้องไห้กับบ่าของเพื่อนสนิทตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แต่ว่าเมื่อได้ทำแล้วก็ไม่อาจจะหยุดได้ง่ายๆ

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
 :m11:เป็นเอกกะโรม อิอิ
นายเมฆนี่มาดีจริงป่าวหว่า ยังไม่ค่อยไว้ใจอยู่ดีอ่ะ
 :pig4:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ชอบตอนที่โรมกับเป็นเอกอยู่ด้วยกันแบบนี้ที่สุด  ไม่ดูเคร่ง  เจ้าระเบียบเหมือนอยู่กับเวนิส
ไม่ดูเรื่อยเปื่อย ไร้สาระเหมือนอยู่กับมิลาน  แต่ก็ยังเชียร์เวนิสอยู่ดีแหละ  อิ อิ

ออฟไลน์ ณยฎา

  • ขอเพียงมีเธออยู่คู่ฉัน แม้นหลับก็มิฝันถึงสิ่งใด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-3

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ไม่อัพเรื่องนี้แล้วเหรอ

jobisuka

  • บุคคลทั่วไป
ตามทันแล้วคร๊า

อ่านปางบรรพ์..จบ ก็ไล่มาถึงคุณชาย แล้วก็ ทางสามสายนี่หละค่ะ

ขอชื่นชมให้กับ ภาษาที่ใช้ค่ะ สละสลวยมาก แถมยังบรรยายได้เห็นภาพอีกด้วย

ชอบที่สุดก็ตรงเขียนไม่ค่อยมีคำผิดเลยนี่หละ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ +1 ด้วย

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย
น้ำตาไหลแทนโรม
สงสัยคงจะอึดอัด อัดอั้น แต่ก็ต้องเก็บไว้เพื่อแม่เพื่อเอก
ชอบเวนิส แต่เชียร์โรมค่ะ ส่วนน้องลานก็น่ารักแต่พี่ไม่คลิ๊กค่ะ 55555555

jobisuka

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามารอค่ะ หายไปเรย  :z13:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ยังรออ่านอยู่นะคะ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ pure_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ไม่มาต่อเรื่องนี้แล้วหรือค่ะ เสียดายเรื่องดีดี จัง

ออฟไลน์ pochu52

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1328
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-0
เรื่องนี้จะไม่มาต่อแล้วเหรอคะ

Saku Saku

  • บุคคลทั่วไป
Pray for Khun Purple Sky...

เห็นหายไปนานแล้ว ไม่ทราบว่าเป็นอะไรรึเปล่า เป็นห่วงนะครับผู้แต่ง

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3
คนเขียนจะไม่มาต่อจริงๆ เหรอคะ
จะทิ้งเรื่องนี้แล้วเหรอ  :mew6:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80

ออฟไลน์ Palmieri

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อยากอ่านเรื่องนี้ต่ออ่าาา

ออฟไลน์ ninewlop

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เมื่อไหร่จะมา...

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด