[คุ ณ ช า ย] : บทที่ 38 - บทสุดท้ายของภาค 1 - "เปลี่ยน" - 17/10/11 - 11.50
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 38 - บทสุดท้ายของภาค 1 - "เปลี่ยน" - 17/10/11 - 11.50  (อ่าน 260436 ครั้ง)

ออฟไลน์ Purple_Sky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +354/-1
20

    นทีเดินลงจากตึกเรียน ก็ตรงไปยังรถสีขาวเงินคันสวยของภาสกร ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงที่คนขับใส่แว่นกันแดด เพื่อป้องกันสายตาจากแสงอาทิตย์ที่นับวันจะมีแต่โหดร้ายขึ้นทุกที คุณชายภาสกร อ่านหนังสือนิยายฝรั่งอย่างสนใจแม้นทีจะขึ้นรถมาแล้วก็ไม่อาจละสายตาจากหนังสือเล่มนั้นได้อยู่ดี
   “อีกไม่ถึงอาทิตย์ผมก็สอบไฟนอลแล้วละ”
   “เหรอ” ภาสกรรับคำ ก่อนจะคั่นหนังสือหน้าที่ค้างไว้ แล้ววางไว้ข้างๆตัวเอง เขารับไม้ค้ำของนทีมาส่งไปหลังรถ
   “วันนี้ฝ้ายไม่ไปด้วยครับ เราไม่ต้องไปส่งฝ้าย” หนุ่มน้อยรายงาน ก่อนที่ภาสกรจะยื่นแซนวิช ทำเองให้ชายหนุ่ม
   “ผมทำแซนวิชทูน่ามาเผื่อ วันนี้คุณเลิกเร็ว ผมจะพาไปกรุงเทพ”
   “หา ไปกรุงเทพเลยหรือ” หนุ่มน้อยทวนคำ
   ภาสกรหัวเราะก่อนจะตอบ
   “ใช่ ไม่ถึงกับกรุงเทพดีหรอก อยู่ชานเมือง ขับรถชั่วโมงเดียวก็ถึง เป็นร้านอาหารของคนรู้จักผมเอง สวยมากเลยนะ เสียดายปุยฝ้ายไม่ได้ไปด้วย เป็นร้านอาหารไทย หลังๆนี้เราไม่ได้กินอาหารไทยกันเลยนี่นา”
    การพบกันระหว่างเขาและภาสกร กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ทุกเช้า ภาสกรจะขับรถมาจอดรอหน้าแฟลต เมื่อหนุ่มน้อย และเพื่อนสาวเดินลงมาถึงข้างล่างก็จะพบรถของภาสกรจอดอยู่ทุกครั้ง นทีจำได้ว่าเขาเคยบอกภาสกร ทำนองว่า “เกรงใจ คุณไม่เห็นต้องตื่นแต่เช้าไปส่งผมเลย”
   “คุณนั่งแท็กซี่ ไม่สบายขาก็ยังไม่หายดี นั่งรถผมไปนั่นแหละสะดวกกว่า” จะห้ามก็ห้ามไม่ได้ นทีก็ต้องปล่อยเลยตามเลย ดีเสียอีกที่ตื่นมาแต่เช้าก็ได้เจอภาสกรแบบนี้
   พอเรียนเสร็จ เขาก็จะพบว่ามีรถของคุณชายหนุ่มจอดรออยู่แล้วที่ลานจอดรถ แรกๆ เพื่อนๆก็ตื่นเต้นกันใหญ่ที่รู้ว่านที และปุยฝ้ายรู้จักภาสกร ถามไถ่เรื่องส่วนตัวของคุณชายหนุ่มกันอย่างไม่เกรงใจ แต่เมื่อนานๆเข้ารู้ว่าอย่างไร นทีก็ไม่มีวันปริปากบอกเสียงพูดคุยเหล่านั้นก็เงียบไปเอง กลายเป็นเรื่องเคยชินสำหรับทุกคนในคณะไปแล้วว่า พอเลิกเรียนวันไหน นที และ ปุยฝ้ายก็จะมี “ราชรถ มาเกย” ไม่เคยขาดสักวัน
   วันไหนที่มาไม่ได้ เพราะติดประชุม หรือกลับบ้านไปเยี่ยมท่านพ่อ ภาสกรก็จะส่งข้อความมาบอกว่ามารับไม่ได้
    วันไหนที่ปุยฝ้ายและนทีเลิกพร้อมกัน ภาสกรก็จะรับทั้งคู่ไปส่งที่ร้าน Chez moi ที่ปุยฝ้ายทำงานเป็น พนักงานเสิร์ฟ ตัวคุณชายก็จะ นั่งจิบกาแฟ และกินเค้กกับนที ภาสกรเพิ่งมารู้ว่านอกจากข้าวที่นทีชอบที่สุดแล้ว ยังมีเค้กที่เจ้าตัวกินได้ทุกวัน ทั้งวัน อย่างไม่มีเบื่อน่าแปลกที่กินเท่าไหร่ก็ไม่เคยอ้วนสักที พอภาสกรถาม นทีก็ตอบว่า
“ไม่อ้วน แต่รู้สึกตัวหนัก ผมไม่เคยอ้วนแบบลงพุงสักที แม่บอกว่าระบบเผาผลาญทำงานดีเกินไป เลยไม่ค่อยเหลือมาสะสมในร่างกาย”
วันไหนที่ปุยฝ้าย และนทีเลิกไม่พร้อมกันแต่จะกลับด้วยกัน ภาสกรก็ไม่เบื่อที่จะนั่งอ่านหนังสือในรถ หรือเปิดเพลงฟังกับนที หรือเดินชมบรรยากาศของมหาวิทยาลัย จุดที่ภาสกรชอบที่สุด คือสระน้ำขนาดใหญ่ ใกล้กับอาคารเรียน ทั้งคู่สามารถนั่งคุยกันตรงนั้นได้เป็นชั่วโมงระหว่างรอปุยฝ้ายเลิกเรียน
    “เวลาผมมีเรื่องทุกข์ใจ ผมก็มานั่งตรงนี้แหละครับ วันไหนแดดร้อนก็นั่งได้ไม่นาน วันไหนร่มเหมือนวันนี้ ผมนั่งได้เป็นวันเลย จนฝ้ายไล่ให้ผมไปเป็นเพื่อนกับสระน้ำแทน ไม่ต้องสนใจเขาแล้ว”
   นทีเคยเล่าให้ภาสกรฟัง และยังจำได้ว่าคุณชายยิ้มให้อย่างเข้าใจแล้วบอกว่า “แล้วตอนนี้รู้แล้วใช่ไหม ว่าถ้ามีอะไรไม่สบายใจให้มาคุยกับผมได้”
   
    วันไหนที่ปุยฝ้ายไม่กลับด้วยอย่างวันนี้ คุณชายหนุ่มก็จะพา นทีไปทานอาหารเย็นกันสองคน ค่ำๆก็พาไปส่งที่แฟลต รอจนแน่ใจว่าขึ้นห้องไปแล้วไม่มีปัญหาแน่ ก็กลับบ้าน เคยมีอยู่วันหนึ่งที่ทั้งปุยฝ้ายและ นทีเลิกเรียนเร็วอย่างวันนี้ ภาสกรก็พาทั้งคู่ไปที่บ้านของเขา ไปทำอาหารกินกันเองโดยแวะซื้อเครื่องปรุงจากซูเปอร์มาร์เก็ตกลับไปทำกินกัน
   ถึงบ้านประมาณบ่ายๆ นทีนึกสนุกก็ขอคุณชายเป็นแบบวาดภาพเขากับทะเล แต่คุณชายหรือจะยอมในเมื่อเคยทนร้อนอยู่นิ่งอย่างเดียวขยับตัวไม่ได้มาแล้วครั้งหนึ่ง ก็ไม่ทนอีก ปุยฝ้ายจึงเสนอ โพสต์ท่านางแบบที่นอกชานนั้น มีพื้นหลังเป็นเกลียวคลื่นจากทะเลสีครามดูสวยงาม โดยไม่รู้สักนิดว่าจริงๆแล้ว การเป็นนางแบบมันยากลำบากขนาดไหน ตอนนั้นเอง ที่ภาสกรขอตัวมาทำกับข้าวในห้องครัว
   ทำกับข้าวไปก็ได้ยินเสียงบ่น เมื่อย ร้อนไป จนนที มาเฉลยว่า วาดแต่รูปวิว ไม่ได้วาดปุยฝ้าย เพื่อนสาวผิวคล้ำก็กรี๊ดออกมาจน ภาสกรอดไม่ได้ต้องหัวเราะออกมาในความเป็นเด็กของทั้งคู่ เมื่อชีวิตของภาสกรไม่เคยมีอะไรสนุก และเรียบง่ายแบบนี้ พอได้อยู่กับนที และปุยฝ้ายเขาก็รู้สึกเหมือนได้มีคนมาเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิต
   ปุยฝ้ายมาช่วยทำกับข้าวอีกแรง อาหารจึงเสร็จเร็วกว่าที่คิด มื้อนั้นมีแกงเขียวหวานเนื้อ ผัดผัก และน้ำพริก กินกับผักสดแบบง่ายๆ แต่อร่อยมากเมื่ออยู่พร้อมหน้ากันทั้งสามคน พอทานอาหารเสร็จ ตกเย็นทั้งสามก็ออกไปเดินเล่นกันริมชายหาด ภาสกรไม่ยอมให้นทีเอาไม้ค้ำมาช่วยเดิน เพราะไปปรึกษา หมอมิ่งเมืองแล้วว่านทีควรเข้ารับการทำกายภาพบำบัด เพื่อให้กลับมาเดินได้อีกครั้งได้แล้ว ยิ่งขยาด จะยิ่งทำให้เดินไม่ได้สักทีนทีเองก็กลัวเรื่องนี้อยู่จึงยอมลงไปเดินที่ชายหาดโดยมีเพียงภาสกร ประคองไป นั่งบนพื้นทรายนุ่มๆ มีปุยฝ้ายวิ่งไปวิ่งมา ทำท่าเป็นนางเอกมิวสิกวิดิโอ ให้สองหนุ่มนั่งขำกันไป
   เรื่องขาของนที กลายเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาในที่สุด
   ไม่กี่วันมานี้ ภาสกรคะยั้นคะยอให้นทีไปเอกซเรย์กระดูกขาว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่หนุ่มน้อยปฏิเสธการดูแลพิเศษทุกอย่างจากภาสกร อ้างว่าที่ทำมาตลอดก็มากพออยู่แล้ว เขาสามารถไปรักษาที่คลินิกแถวบ้านได้แต่ภาสกรก็ไม่ยอม เพราะถือว่าหากขา และแขนยังไม่กลับมาเป็นปกติ ก็ยังถือว่าเขายังมีสิทธิ์ดูแลนทีในเรื่องนี้อยู่ เถียงกันไปเถียงกันมา จึงพบกันครึ่งทาง
ภาสกรพานทีไปเอกซ์เรย์ ที่โรงพยาบาลเล็กๆ ไม่แพงเหมือนโรงพยาบาลแรกที่เขาพาหนุ่มน้อยไป ผลปรากฏว่า กระดูกใกล้จะประสานกันเป็นปกติแล้ว ปัญหาอยู่ที่นทีไม่ได้เดินมาพักใหญ่แล้ว กระดูกที่ขาจึงกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ช้า ส่วนที่แขน หมอบอกว่าเกือบจะเป็นปกติแล้วเพราะชายหนุ่มสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระโดยไม่เจ็บ แต่จะยืดแขนมากๆไม่ได้เท่านั้น หมอบอกว่าแขนไม่มีปัญหา หากไม่ใช้แขนซ้ายยกของหนัก แต่ขาจะต้องรับน้ำหนักทั้งหมดของร่างกายจึงจำเป็นที่จะต้องมาทำกายภาพบำบัด
เมื่อคำสั่งออกจากปากของหมอ นทีก็ปฏิเสธภาสกรไม่ได้ จำใจต้องยอมมากายภาพบำบัดที่โรงพยาบาล โดยมีภาสกรคนเดียว หรือไม่ก็มีปุยฝ้ายด้วย มายืนให้กำลังใจ กลับแฟลตก็ต้องพยายามเดินลงน้ำหนักที่เท้า ถ้ามีภาสกรอยู่ด้วยชายหนุ่มก็จะบังคับให้เดินลงน้ำหนัก โดยมีคนออกคำสั่งเดินประคองไปด้วยเสมอ จนนทีสามารถเดิน ลงน้ำหนักที่ขาขวาได้บ้างแล้วโดยไม่ต้องเดินขาเดียวอย่างแต่ก่อน แต่อย่างไรก็ตาม นทีก็ต้องไปทำกายภาพบำบัดที่ รพ. อาทิตย์ละครั้ง จนกว่าจะเดินได้คล่องตัว

 พอนทีเริ่มเดินลงน้ำหนักได้บ้าง คุณชายก็พาหนุ่มน้อยไปเดินห้างสรรพสินค้า ในวันอาทิตย์ที่ทั้งคู่ว่างตรงกัน ปุยฝ้ายบอกผ่าน เพราะต้องการทำงานเพิ่มในวันอาทิตย์ก็เลยไม่ได้ไปกับสองหนุ่มด้วย จริงๆแล้ว มีเพียงหล่อนที่รู้ว่าที่บอกอย่างนี้ก็เพื่อให้สองหนุ่มได้ไปไหนมาไหนด้วยกันสองคนให้บ่อยขึ้น โดยไม่มีหล่อนเข้าไปเป็นตัวกลาง
เพราะเพื่อนหนุ่มของหล่อนอาการดีขึ้นมาก กลับมาร่าเริง พูดมาก อัธยาศัยดีกับทุกคนอย่างเก่า แทบจะลืมกันไปแล้วว่าเคยมีช่วงเวลาที่ชายหนุ่มคนนี้เหงา เศร้าสร้อย ไม่สนใจใครอยู่ช่วงหนึ่ง เหตุผลที่นทียกมาบอกเพื่อนๆทุกคนคือ “อยู่โรงพยาบาลเสียนาน ได้มาเจอเพื่อนๆอีกก็ดีใจ”
แต่มีปุยฝ้ายคนเดียวที่รู้ว่า “มีความรักมากกว่ากระมัง”
สิ่งที่หญิงสาวผิวเข้มไม่รู้และไม่กล้าถามก็คือสถานะระหว่างเพื่อนหนุ่มของหล่อน และคุณชายตอนนี้ คืออะไรกันแน่ แน่ละทั้งคู่ไม่เคยจับมือถือแขน โอบกอด หรือเปลี่ยนสรรพนามให้สนิทสนมฟังดูเป็นแฟนกันแต่อย่างใด ยังคงเป็น “คุณชาย” และ “ผม” อยู่เหมือนเดิม และ ทั้งคู่ก็ยังรักษาระยะห่างระหว่างกันอยู่จะมีที่โอบบ่า กอดคอบ้างก็ตอนคุณชายทำกายภาพกับนทีที่บ้านของเขาไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากมายไปกว่านั้นจะให้เดินไปถามว่า “ไฮ! คุณชาย เป็นแฟนกับเพื่อนหนูหรือยังคะ?” ก็ไม่ใช่เรื่อง
ถามไปเกิดไม่ใช่ขึ้นมา นอกจากหน้าแตกแล้ว ยังจะกระทบถึงเพื่อนหนุ่มของหล่อนด้วย ดีไม่มีเกิดความสัมพันธ์ของทั้งคู่ต้องมาพังลงเพราะปุยฝ้าย หญิงสาวคงไม่มีวันให้อภัยตัวเองเป็นแน่
ภาสกรพานทีไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ อันเดอร์วอเตอร์เวิลด์ ในพัทยานี่เองจากนั้นจึงไปทานข้าว ดูหนัง จบลงที่พากลับไปส่งที่แฟลตอย่างทุกวันสำหรับนทีการไปเที่ยวแบบนี้ มันก็ไม่ต่างอะไรจากการไปออกเดทสักเท่าไรนัก ต่างกันตรงที่ทั้งเขาและภาสกรเป็นผู้ชายเท่านั้นเอง
นึกถึงตอนไปเที่ยว ภาสกรก็เอ่ยปากพูดขึ้น
“คุณสอบแล้วก็ปิดเทอมใช่ไหม ให้ผมพาไปเที่ยวนะ ไปใต้กัน ไปภูเก็ตหรือไม่ก็กระบี่ก็ได้”
“ดีสิครับ” หนุ่มน้อยนึกสนุกแบบเด็กๆ ภาสกรยังไม่ลืมว่าพ่อของนที เคยเป็นมัคคุเทศก์มาก่อน และยังชอบพาครอบครัวของตนไปเที่ยวที่โน่นที่นี่กันเสียบ่อยเขาตั้งใจว่า จะทำให้หนุ่มน้อยคนนี้ได้มีความสุข เหมือนเมื่อครั้งเขายังเด็กๆ อีกสักครั้งหนึ่ง “ผมอยากไปเที่ยว ตั้งแต่พ่อแม่เสียก็ไม่ได้ไปไหนเลย อยู่แต่ที่พัทยา”
นี่ก็เป็นอีกข้อที่เปลี่ยนไป นทีพูดถึงพ่อและแม่ได้อย่างสนิทปากอีกครั้ง เหมือนพูดถึงเพื่อนหรืออะไรสักอย่างที่ทำให้มีความสุขขึ้นมา โดยไม่ต้องทำหน้าเศร้า และคิดคะนึงหาอีกเหมือนแต่ก่อน
“แต่เลือกได้ผมไม่อยากไปทางใต้เลยครับ ไปทะเลก็เหมือนอยู่พัทยา”
“งั้นผมให้คุณเลือกแล้วกัน คุณอยากไปไหนได้ทั้งนั้น อยากขึ้นเหนือไปดูวิวบนดอย หรือไปเขาใหญ่ หรือจะไปเที่ยวน้ำตกแถวกาญจนบุรี หรือ นครนายกก็ได้ ผมรู้จักทางดี”
“ดีจังเลย ผมอยากขึ้นเหนือเหมือนกัน ผมชอบอาหารเหนือที่สุดในโลกเลย” ชายหนุ่มว่าเหมือนเด็กๆ พอนึกถึงเรื่องจะได้ไปเที่ยว ตาก็เป็นประกายสดใสเหมือนย้อนไปเป็นเด็กชาย นที ตอนอายุสัก 10 ขวบ
“คุณชอบทุกอย่างเลยนะ นที ถ้าเป็นของกิน”
“คุณชายอย่าขัดซีครับ”
“ครับผม ว่าต่อเลยครับ ผมจะไม่พูดแล้ว” คุณชายล้อเลียน แต่นทีก็ไม่ได้สนใจ ยังวางแผนเที่ยวออกมาเป็นคำพูดต่อไป
“แต่ไปเหนือถ้านั่งรถก็เป็นสิบชั่วโมง ถ้าขึ้นเครื่องผมก็ไม่ชอบครับ กลัวแถมยังเสียเงินเยอะอีก ถ้าไปเขาใหญ่ เราไปปากช่องกันไหมครับ อยู่แบบคาวบอย เท่ดีไปสักสองสามวัน วันไหนก็ขึ้นไปเขาใหญ่ส่องสัตว์”
“เอ แต่หน้าร้อน ไปแถวนั้นร้อนตายเลยครับ”
“งั้นไปน้ำตกก็ได้ครับ ช่วง มีนา เมษา คนชอบไปน้ำตกนี่นา ผมอยากไปเที่ยวน้ำตกจัง ปกติถ้าไม่ขึ้นเหนือก็ลงใต้ ไม่ค่อยสนใจตามแถวนครนายก หรือกาญจนบุรีนัก”
“ถ้าขาคุณหายดีนะ ผมจะพาไป ถ้ายังไม่หายผมก็ไม่อยากให้คุณไป โยกเยก แถวน้ำตก ตกลงมาจะแย่” ภาสกรว่าด้วยความหวังดี ตามองถนน ไม่ได้เห็นเลยว่าหนุ่มน้อยมองหน้าตนอยู่ด้วยความไม่พอใจ
“ไปเหนือก็นั่งรถนาน ไปอิสานก็ว่าร้อน ไปน้ำตกก็อ้างขาผมไม่ดี ผมไม่ไปไหนแล้วก็ได้ครับ อยู่พัทยานี่แหละ ไปค้างบ้านคุณชาย 3 วันกลับไปนอนแฟลตต่อ ก็ดีครับเปลี่ยนบรรยากาศดี”
ภาสกรรู้ตัวว่าชายหนุ่มประชดก็อดไม่ได้ที่จะหันมาหัวเราะเบาๆ
“ทำงอนไปได้ เอาเถอะ ใกล้ๆแล้วผมจะคิดอีกที เอาเป็นว่าเป้าหมายคร่าวๆ คือไปกาญจนบุรี หรือนครนายกก็แล้วกันนะ”
“ครับผม”

ทั้งคู่ มาถึงร้านอาหารในเวลาไม่นานร้านนี้ชื่อร้านกลางบึง เป็นร้านอาหารที่อยู่บนสระขนาดใหญ่ที่มองดูก็รู้ว่าขุดขึ้นมาเอง ลักษณะเหมือนแพไม้ยกสูงขึ้นจากน้ำ มีโต๊ะที่ค่อนข้างจะไม่ค่อยเหลือว่างแล้ว เรียงรายไปตามขนาดของแพ บางมุมมีห้องเล็กๆพอนั่งเป็นส่วนตัวได้ เวลามาเป็นครอบครัว
ภาสกรคงจองโต๊ะไว้แล้ว เพราะพอมาถึงก็มีคนพาไปที่โต๊ะที่อยู่ริมแพ เห็นน้ำได้ชัดเจน และค่อนข้างไกลจากผู้คน
คุณชายหนุ่มไม่ยอมให้นทีเอาไม้ค้ำลงมาจากรถด้วย บังคับให้ค่อยๆเดินลงน้ำหนักที่เท้า เป็นการกายภาพบำบัดไปในตัว นทีสังเกตหลายคนมองเขาก็อายจนหน้าแดง แต่ภาสกร กลับยิ้มกว้าง ราวจะบอกว่า ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัว และช่วยประคองเขามาจนถึงโต๊ะ
สั่งอาหารเสร็จ นทีก็เอ่ยปากชมสถานที่
“สวยมากครับคุณชาย คุณชายเก่ง รู้จักสถานที่สวยๆเยอะแยะไปหมด”
หนุ่มน้อยมองสระบัว ที่มีหมู่แมลงบินตอมอย่างตาศิลปิน เห็นมุมนั้นก็สวย มุมนี้ก็สวยได้อย่างลึกซึ้ง ไม่เหมือนคนทั่วไป ที่ต่อให้มองว่าสวย ก็สวยแบบธรรมดา ถือว่ามากินข้าวเก็บบรรยากาศ
“นทีมองอะไรก็สวย”
เขายิ้ม ให้กับหนุ่มน้อยที่ยิ้มตอบ หากทำได้ นทีคงตอบพร้อมกับรอยยิ้มนั้นด้วยว่า “มันสวยก็เพราะมากับคุณชายนั่นแหละครับ”
แต่ก็เงียบไว้ พออาหารมา ก็กินอาหารไป คุยไปไม่กี่คำก็ได้ยินเสียงโวยวายดังขึ้น “เฮ้ยย ไอ้คุณชายนี่หว่า”
ทั้งภาสกร และนทีเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหา เขาคนนั้นร่างสูงโปร่ง ผมเป็นสีฟาง แบบฝรั่งแต่ตาเป็นสีดำแบบคนไทย ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด แกะกระดุมไว้สองสามเม็ด เพราะร้อนหรือต้องการโชว์แผงอกขาวเนียนล่ำสันก็ไม่อาจทราบได้ ขายาวใหญ่ด้วยมัดกล้าม อยู่ในกางเกงยีนส์แบบสบายๆ ก้าวยาวๆ ฉับๆ เข้ามาที่โต๊ะที่ทั้งคู่นั่งทานอาหารอยู่
“เฮ้ย ไอ้เตอร์นี่หว่า” ภาสกรก็เผลอพูดออกมาเสียงดังลุกขึ้นเดินเข้าไปหา หนุ่มร่างสูงคนนั้นเหมือนกัน พอถึงตัวต่างฝ่ายต่างก็รวบตัวอีกคนเข้าไปกอด ตบหลังกันเหมือนเพื่อนฝรั่ง
“ไปไงมาไง มาถึงนี่ครับไอ้คุณชาย ไม่ต้องอยู่เฝ้าหม่อมแม่ที่วังหรือ”
“มาถึงก็ปล่อยหมาออกมาเดินเล่นเลยนะ เรามากินข้าวกับเพื่อนรุ่นน้อง นายมาทำอะไรแถวนี้” ภาสกรเอ่ยตอบด้วยสรรพนามที่สุภาพเหลือเกินสำหรับคุยกับเพื่อน พอนทียกมือไหว้ชายหนุ่มที่ชื่อเตอร์ภาสกรก็ตัดสินใจแนะนำให้รู้จักกัน
“นี่นที เป็นเพื่อนรุ่นน้องที่เรารู้จัก นที นี่เพื่อนผม ชื่อเตอร์ เป็นเพื่อนสนิทกันอยู่ที่อังกฤษ เป็นรูมเมทผมมาสิบกว่าปีตอนอยู่ที่โน่น”
“รู้จักไส้พุง ไอ้คุณชายหมดครับน้อง” ชายหนุ่มที่ชื่อเตอร์ว่า “อยู่รอดมาได้เพราะฝีมืออาหารพ่อคนนี้แหละครับ ทำอาหารไทยเก่งเหลือเกิน”
นทียิ้มอย่างเห็นด้วย แม้มีโอกาสได้ทานกับข้าวฝีมือภาสกรแค่ครั้งสองครั้ง นทีก็มั่นใจว่า ชายหนุ่มคนนี้ทำกับข้าวเก่งจริงๆ
“แล้วเป็นไงบ้าง เฮ้ย นั่งก่อนซี ถ้าไม่รังเกียจจะมาทานด้วยกันไหม”
“ไม่รังเกียจนะ แต่วันนี้มากับลูกกับเมีย นั่งอยู่ตรงโน้น จำโรซาลีได้ไหม” คุณชายเข้าใจดีว่าหมายถึงแฟนสาวที่อังกฤษของเตอร์ ก็พยักหน้า “นั่นแหละมาไทยครั้งเดียวเท่านั้นติดใจบ้านเมือง ติดใจอาหารไทยไม่ยอมกลับอังกฤษ ทั้งที่แต่งงานมีลูกกันตั้งแต่อยู่โน่นแล้วนะ ก็หอบลูก หอบผ้าผ่อนมาอยู่นี่หมดเลย”
“เฮ้ย คาดไม่ถึงจริงๆ” ภาสกรทำหน้าทำตาว่าคำพูดกับสิ่งที่เขาคิดนั้นตรงกันจริงๆ “เห็นทะเลาะกันบ่อยๆ แต่งงานแล้วหรือ”
“นายกลับมาได้ สองสามปีก็แต่งแล้ว ตอนนี้ลูก ห้าขวบได้มั้ง” เตอร์ว่าต่อไป ไม่ได้สนใจว่านทีจะเข้าใจหรือไม่ “แล้วกับเจสสิกาแฟนนายล่ะ ติดต่อกันอยู่หรือเปล่า”
นทีเงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยินคำว่าแฟน ทำทีเป็นมองอย่างไม่คิดอะไร ทั้งที่ในใจรอฟังจนแทบกลั้นหายใจว่า ชายหนุ่มจะตอบอย่างไร
“ไม่ได้ติดต่อละ ตอนนั้นคบกันก็เข้าใจว่าเหงา อยู่ห่างบ้าน ก็เท่านั้น เราจะกลับเขาก็ไม่แลมาส่งที่แอร์พอร์ต พอกลับมาจะติดต่อมาบ้างก็ไม่มี เราติดต่อไปก็ไม่ว่างๆ ไม่ได้คุยกันสักทีก็เลยค่อยๆห่างกันไปเอง” ภาสกรว่า “แล้วลูกเมียอยู่ไหนล่ะ ฉันจะไปทักโรซาลี เสียหน่อย”
“ไว้วันหลังจะพาไปเยี่ยมวันนี้ลูกงอแง ไปจะอารมณ์เสียเปล่าๆ เอ้า เอานามบัตรไปวันหลังแวะมาเจอกัน” ภาสกรรับนามบัตรของชายหนุ่มก็อ่านคร่าวๆอย่างไม่ใส่ใจ แต่พอเห็นคำว่า จังหวัด นครนายก ก็สะดุดตา ย้อนกลับไปตั้งใจอ่านตั้งแต่บรรทัดแรก
“เฮ้ย เป็นเจ้าของรีสอร์ตเลยหรือ”
“ใช่ อยู่ใกล้ๆน้ำตกสาริกา ขับรถไปไม่เกินยี่สิบนาที โรซาลีเขาชอบบรรยากาศแบบ ทรอปิคอล เลยตัดสินใจอยู่กันที่นั่น ทีนี้เห็นว่าที่มันเยอะ ก็เลยทำรีสอร์ตมันเสียเลย เป็นโฮมเสตย์ แล้วก็รีสอร์ต ทำเป็นบ้านไม้เป็นหลังๆ บรรยากาศแบบธรรมชาติจริงๆ สนใจแวะไปเที่ยวไหมล่ะ”
“เฮ้ย สนซีวะ กำลังหาที่เทียวอยู่ว่าจะไป อาทิตย์ สองอาทิตย์หน้านี่ล่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น จะแวะมาก็โทรบอกล่วงหน้าสองสามวันนะ จะจองที่ไว้ให้เอาที่วิวดีที่สุด ติดลำห้วยเล็กๆ น่าอยู่มาก เฮ้ย ขอตัวละไว้เจอกัน” พอเพื่อนหนุ่มของคุณชายผละออกไป ภาสกรก็ยิ้มให้กับนทีอย่างกระตือรือร้น
“นที ไปนครนายกกันนะ ชวนปุยฝ้ายไปด้วย ไปกันสามคน ผมพาเที่ยวน้ำตกเอง ได้ที่พักแล้ว ไม่ต้องหาแล้วก็สบายล่ะ” หนุ่มน้อยยิ้มให้กับชายหนุ่มตรงหน้า เขาไม่แน่ใจเสียแล้วว่า จะทนจนกว่าจะปิดเทอมไหวหรือไม่

***********************************************************************
ต่อแล้วนะคร้าบบบ ตอนนี้คุณชายกะนทีตัวติดกันแจเลยไม่รู้จะโดนจับแยกเร็วๆนี้รึเปล่าไม่รู้ 5555+ (ยังหรอกเนอะๆ)
ใครที่ยังไม่ได้ส่งเมลล์มาเรื่องโอนเงินของปางบรรพ์อย่าลืมไปอ่านรายละเอียดแล้วก็ส่งเมลล์มากันนะครับ

ขอบคุณที่ยังไม่หายกันไปไหนนะครับ :P

Rhythm

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ KIMKUNG

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
โอ้ว  ผมอยากได้บรรยากาศแบบปางบรรพ์แบบค่อยๆรักแล้วลืมไม่ลงอะครับ  อิอิ

butterfly_bee

  • บุคคลทั่วไป
จะได้ไปเที่ยวด้วยกันแล้วว  :o8:
ไปเที่ยวคราวนี้จะทำให้ความรู้สึกระหว่างคุณชายกับนทีค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละนิดมั้ยน๊า
กำลังมีความสุขแบบนี้ ชักกลัวมาม่าจะมาแบบไม่รู้ตัวแล้วสิ  :a5:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ zeit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ภาวนาให้คุณชายรู้ใจเร็ววัน

สงสาร นทีที่รอรักตอบกลับนน้ะ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
ตามทันแล้ว ตอนนี้ง่วงมากมาย ฝานดีทุกคนคร้าบบบ

patz

  • บุคคลทั่วไป
ตอนทั้งคู่อยู่ด้วยกัน บรรยากาศเหมือนคู่รักมากสวีทกันเลยเนาะ น้ำน่ะรู้อยู่แล้วว่ารู้สึกยังไงกับคุณชาย แต่คุณชายนี่สิเมื่อไหร่นะ ถึงจะรู้ใจตัวเอง


ปล.กลับไปอ่านทวนอีกรอบแอบรู้สึกว่า คุณชาย ในชื่อเรื่อง ไม่ได้หมายถึงคุณชายภาสกรคนเดียวรึเปล่า

ออฟไลน์ naja-kitase

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
อ่านแล้วเขิน

แล้วเมื่อไหร่คุณชายจะเป็นแฟนกับนทีซักทีหล่ะคะ คุณชายยยยยย

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
บวกๆ ค่ะ
อ่านไประแวงไปจริงๆ กลัวดราม่าขึ้นสมอง >"<

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
อยากให้ทั้งสองเป็นแฟนกันเร็วๆ จัง  แต่คงนานน่าดู

ออฟไลน์ YMP

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1062
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-2

the_pupae

  • บุคคลทั่วไป
คุณชายเป็นผู้ชายที่อ่อนโยนมากๆเลยค่ะ o13
น้องน้ำก็น่ารักแต่ชีวิตรันทดเกิน.. :กอด1:....อยากรู้มากๆว่าไอ้พ่อเลี้ยงมันทำไรไว้
ปล.ผู้อ่านจะได้รู้พร้อมคุณชายใช่มั้ยค่ะ

babyfaibossy

  • บุคคลทั่วไป
คุณชายให้ความหวังนทีมากไปไหม   :serius2: :serius2:


สงสารนทีนะ ถ้ารักแต่คบไม่ได้เนี่ย


 :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ IIMisssoMII

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
ฝากตัวเป็นแฟนคลับด้วยคนคะ

 o13
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-04-2011 20:07:56 โดย IIMisssoMII »

ออฟไลน์ J_Dargon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
สนุกมาก ๆ ค่ะ เพิ่งเข้ามาอ่าน

ออฟไลน์ mildmint0

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
 :o8: คุณชายจะยอมรับความจิงได้ไหมเน้อ ว่าชอนที  ู^^

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
เพิ่งเข้ามาอ่าน
และก็อ่านทันจนได้
เรื่องคุณชายกับน้ำมันจะเป็นยังไงต่อไปนะ
+ 1 นะคะ

ออฟไลน์ J_Dargon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
อ่านถึงตอนที่ 11 แล้วค่ะ

ทนไม่ไหว ขอเม้นก่อน

กรี๊ ด ด ด ....ชอบ ๆ ค่ะชอบนทีอ่ะ น่ารัก คุณชายภาสกรก็สุภาพบุรุษมากๆ

แต่ไม่ชอบฟ้าเลยอ่ะ เหมือนจะมีแผนการไรไม่รู้

เป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ  เด๋วขอตัวไปอ่านต่อก่อนน่ะค่ะ จะรีบอ่านให่ถึงตอนปัจจุบันเร็ว ๆ  ^^

เป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ


ออฟไลน์ J_Dargon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
กรี๊ ด ด อ่านถึงตอนปัจจุบันแล้วค่ะ

เค้าจะไปเที่ยวกันแล้ว.....ไม่อยากจะคิดถึงเลยว่าพ่อเลี้ยงจะตามตัวนทีเจอเมื่อไหร่  คิดแล้วเศร้า

มาต่อไว ๆ น่ะค่ะ

เป็นกำลังใจเสมอค่ะ ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






เด็กกะโปโล

  • บุคคลทั่วไป
2วัน อ่านทันจนได้ o7

อยากจะบอกเป็นอย่างแรกเลย ว่าช่วงที่มีมารผจญคุณชาย "เหมือนได้ดูละครเด๊ะๆ" เลย :laugh:
พอได้รู้การใช้ชีวิตของพวกเจ้าขุนมูลนายทั้งหลายแล้วปวดตับชะมัด o17 รู้สึกโชคดีที่ได้เกิดเป็นคนธรรมดา 5555
แม่ของคุณชายเค็มได้ใจ o6 ยัยฑิฆัมพรนี่ก็นางร้ายในละครชัดๆ :laugh:

ทั้งคุณชายและนทีต่างก็หัวใจตรงกัน :-[
นทีรู้ตัวแล้ว...เหลือแต่คุณชายเท่านั้นที่ยังไม่รู้ตัว
อยากให้ทั้ง2สนิทกันมากกว่านี้ไวๆจัง สรรพนามที่ทั้ง2ใช้มันยังดูเกร็งๆอยู่เลย

ช่วงนี้เติมแต่ความหวาน เพื่อรอมาม่าถ้วยโตใช่ไหมครับ :laugh:
ฝากตัวเป็นfcด้วยคน เป็นกำลังใจให้นะครับ :L1:

ออฟไลน์ heaven13

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 569
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
เขียนได้น่ารักดีคะ
กลัวมีดราม่าอ่ะ อิอิ

ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3

ออฟไลน์ Purple_Sky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +354/-1
21


“สอบเสร็จแล้วโว้ย” เสียงแหลมเล็กกรี๊ดออกมาทันทีที่วิ่งลงจากบันไดตึกเรียน เจ้าของเสียงหมุนตัวสองรอบราวนางเอกมิวสิกวิดีโอ กระโปรงนักศึกษาหมุนพลิ้วไปรอบตัวราวนักเต้นระบำสเปน จากนั้นจึงชูสองมือขึ้นกลางอากาศทั้งที่มือหนึ่งก็ยังถือหนังสืออยู่ เพื่อนหลายคนที่เดินตามออกมาต่างก็หัวเราะกันคิกคักเมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาว
อำลาเพื่อนๆเสร็จแล้ว ปุยฝ้ายก็เดินตรงไปยังรถยนต์สีขาวของคุณชาย ภาสกร แต่ยังไม่ทันเดินพ้นตัวตึก เสียงข้างหลังก็ดังทักขึ้น
“ปุยฝ้าย ผมอยู่นี่”
พอหันไปก็พบคุณชายโบกมือให้จากหน้าด้านข้างตึก ที่มีโต๊ะม้าหินตั้งอยู่ ชายหนุ่มอยู่ในเสื้อยืดกางเกงยีนส์แบบธรรมดาใส่แว่นตากันแดด อ่านหนังสือนิยายฝรั่งเล่มเดิมยังไม่จบ คงเพิ่งสังเกตเห็นหญิงสาว ตอนที่พูดคุยกับเพื่อน ไม่ทันเห็นตอนเดินลงจากตึก
“สวัสดีค่ะ คุณชาย” ปุยฝ้ายเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับชายหนุ่ม    “นที ยังไม่ลงมาหรือ”
“วิชาของไอ้น้ำมันเลิกบ่ายสามค่ะ แต่คงทำเสร็จก่อน มันเป็นคนทำข้อสอบเร็ว” ปุยฝ้ายพูดตอบ ทั้งที่ในใจนึกอยากแซวว่า ไม่ทันคุยกับหล่อนเลยก็พูดถึงเพื่อนหนุ่มของหล่อนเสียแล้ว
“อ้าว นั่นไง พูดถึงก็ลงมาพอดีเลย อายุยืนเสียจริง” ภาสกรยิ้ม
นทีในชุดนักศึกษาค่อยเดินเกาะราวบันไดลงมาจากตัวตึก บัดนี้เฝือกที่แขนและขาได้ถูกถอดออกไปแล้ว แม้จะเดินคล่องขึ้นกว่าเดิมแต่ก็ยังไม่กลับเป็นปกติดีนัก ภาสกรทำท่าจะลุกขึ้นไปช่วยประคอง นทีก็ขยับปากเป็นคำว่า “ผมลงไปเองได้” ภาสกรจึงยังนั่งอยู่ตรงนั้นเหมือนเดิม
ภาสกรรู้ว่า นทีคงไม่อยากให้เขาเข้าไปโอบประคองให้ดูเป็นคนอ่อนแอในสายตาของเพื่อนๆ และรุ่นพี่ เพราะเมื่อไม่มีเฝือกและไม้ค้ำ นทีก็ดูเป็นคนปกติ ไม่ได้เห็นชัดเจนว่าขาเจ็บอย่างแต่ก่อน เข้าไปประคองจะดูเหมือนเดินโอบกันแบบคู่รัก มากกว่าเข้าไปช่วยเหลือในฐานะที่หวังดี
พอลงมาถึงโต๊ะม้าหิน ชายหนุ่มก็นั่งลงข้างๆภาสกร พร้อมกับปาดเหงื่อที่เกิดจากความร้อนของแสงอาทิตย์ ก่อนจะได้ยินภาสกรพูดประโยคเดิมๆซ้ำแล้วซ้ำอีก “ผมบอกคุณแล้วไง ว่าให้พกผ้าเช็ดหน้า มือสกปรกจับหน้าเดี๋ยวก็เป็นสิว”
อย่าว่าแต่ผ้าเช็ดหน้าเลย ชุดนักศึกษาเขายังมีอยู่เพียงสองชุดเท่านั้น เพราะนทีซื้อใหม่ทั้งหมดไม่ได้กลับไปเอาที่บ้านเดิม เพราะกลัวคุณอดิสรณ์จะจับได้แล้วจะไม่สามารถหนีออกมาได้อีก ชุดไปรเวท เขาก็ซื้อมาเพียงสองสามชุด เอาไว้ใส่เวลาต้องออกไปไหนนอกบ้านจริงๆเท่านั้น แม้หลังๆ ไปเดินเที่ยวกับคุณชาย ฝ่ายนั้นจะซื้อให้เสื้อให้บ้างตัวสองตัว แต่ก็ถือว่านทีมีเสื้อผ้าน้อยมากๆ จำเป็นต้องใส่ซ้ำไปซ้ำมา
“ครับ ครับ คราวหลังจะพกครับ”
“คราวหลังตลอดละ ไม่เห็นจะทำตามที่บอกเลย” ภาสกรตำหนิ แกมแหย่ไม่ได้มีท่าทีจริงจังอะไรนัก “แล้วข้อสอบยากหรือเปล่า”
“ก็พอทำได้ครับ” นทีตอบสั้นๆ เพราะไม่อยากคุยเรื่องนี้ให้ยาวนัก เดี๋ยวซักไปซักมาจะรู้ว่า นทีแทบทำข้อสอบคราวนี้ไม่ได้เลย “คุณชาย หาที่นั่งที่อื่นเถอะครับ ที่นี่ร้อนจะแย่”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะ ไปกินเค้กร้านChez moi ไหม”
“ดีค่ะ ฝ้ายจะได้ขอลางานเจ๊เก๋สำหรับ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์นี้ ที่เราจะไปเที่ยวน้ำตกกัน” หญิงสาวผิวคล้ำเป็นฝ่ายตอบ
“นที โอเคไหม หรืออยากทานข้าวก่อน หิวหรือเปล่า”
“หิวนิดหน่อยครับ กินที่ Chez moi ก็ได้ เย็นนี้ผมจะกินร้านแถวๆแฟลต ผมอยากกลับห้องเร็วๆ ได้จัดกระเป๋ากับฝ้าย” ทั้งๆที่เสื้อผ้าจะมีอยู่ไม่กี่ชุดก็ตาม ความจริงแล้วนทีจะหาซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ ไว้ใส่วันเดินทางให้ดูดี สมกับคุณชายเสียหน่อย ก็ต้องรีบสลัดคุณชายทิ้งก่อนห้างปิด แล้วไปซื้อเสื้อกับปุยฝ้ายสองคน

ร้าน Chez moi แทบจะไม่มีลูกค้าตามเคย  เนื่องจากคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้จักอาหารฝรั่งเศส และอาหารที่ร้านนี้ก็ค่อนข้างแพง ลูกค้าส่วนมากมักจะเป็นฝรั่ง หรือไม่ก็คนมีฐานะพอสมควร กระนั้น เจ๊เก๋เจ้าของร้านก็ยังมีวิธีเรียกลูกค้า โดยขายเค้กราคาไม่แพงนัก ต่อเติมเป็นส่วนหนึ่งของร้าน ตรงนั้นเองเป็นที่ ที่ภาสกรมักพานทีมานั่งทานเค้กด้วยกันบ่อยๆ
“อ้าว คุณชายสวัสดีค่ะ” เจ๊เก๋เจ้าของร้าน ทักทายอย่างเป็นกันเอง “แหมเห็นท่าวันนี้ ร้านดิฉันจะดูดีมีระดับขึ้นมากทีเดียว มีทั้งคุณหญิงคุณชายอยู่ในร้าน นี่ตั้งใจนัดกันมาหรือเปล่าคะ”
ภาสกรหันไปก็เจอ ดาริกานั่งอยู่ทางขวามือของเขายิ้มให้ชายหนุ่มอย่างเปิดเผย “บังเอิญค่ะเจ๊เก๋ บังเอิญจริงนะคะคุณชาย” หญิงสาวกล่าว
“ไม่น่าเชื่อว่าจะเจอคุณหญิงที่นี่อีก แสดงว่ามาบ่อยนะครับ”
“คุณหญิงมาแทบทุกอาทิตย์ล่ะค่ะ” ปุยฝ้ายเป็นคนตอบคุณชาย “เอ้อ จริงซี คุณหญิงคะ นี่นทีเพื่อนฝ้ายค่ะที่เล่าให้ฟังบ่อยๆ”
ดาริกายิ้มให้กับนที ผู้ซึ่งค่อยๆ ยกมือไหว้อย่างเคอะเขิน
“น่ารักสมกับที่น้องฝ้ายเคยเล่าค่ะ แต่ไม่ต้องไหว้พี่ก็ได้นะคะน้อง อายุเราคงห่างกันไม่กี่ปี” พูดกับนทีจบ ดาริกาก็หันไปคุยกับภาสกร “คุณชายจะรังเกียจไหมคะ ถ้าหญิงจะขอเชิญร่วมโต๊ะเดียวกัน”
“เป็นเกียรติครับคุณหญิง” ภาสกร ยิ้มให้อย่างเรียบๆ ไม่มีความหมายเคลือบแฝงมากกว่านั้น หากแต่ไม่รู้ทำไม ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ถึงรู้สึกราวกับตัวเองหล่นวูบลงจากสวรรค์วิมาน ลงมาอยู่บนพื้นพิภพได้อย่างนั้น นทีรู้สึกราวกับมีอะไรเคลื่อนไหวอยู่ในท้อง จนไม่อยากที่จะมองหน้าคุณหญิง อย่างนี้ เขาเรียกว่า หวงหรือเปล่านะ
สองหนุ่มเดินไปนั่งร่วมกับดาริกา โดยทั้งคู่นั่งคู่กันอยู่ฝั่งตรงข้ามของคุณหญิง ในขณะที่สาวปุยฝ้ายเดินเข้าไปลางานกับเจ๊เก๋เจ้าของร้าน
“สั่งอะไรดีคะ” คุยกันเรื่องลางานเรียบร้อย สาวประเภทสองเจ้าของร้านก็ตรงเข้ามาพร้อมปุยฝ้ายเพื่อส่งรายการอาหารให้กับทั้งสามคน
คุณหญิงมีเค้กอยู่หน้าตัวเองอยู่แล้ว จึงนั่งยิ้มมองผู้ที่มาใหม่ทั้งสาม พากันเลือกสั่งเค้กอย่างเอ็นดู วันนี้คุณชายดูอารมณ์ดีต่างจากเมื่อคราวก่อนที่หญิงสาวพาภาสกรมารับประทานอาหารกลางวัน แสดงว่าคนที่ภาสกรกำลังมี “ความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อนิยาม” ด้วยก็คือเด็กหนุ่มคนนี้ละซี ท่าทางที่ภาสกรแสดงต่อเขา ไม่ต่างจากที่เขาแสดงต่อหล่อนก็จริง แต่ดาริการู้ดีว่า มันมีความอ่อนโยน มีความเอาใจใส่ แบบพิเศษอยู่ในท่าทีของเขา ยามภาสกรชี้นิ้วไล่ไปตามรายการอาหารบนเมนู และยามที่หนุ่มน้อยหน้าใส เงยหน้ามองภาสกร มันมีความรู้สึกประหลาด บางอย่างฉายออกมาจากทั้งคู่ อย่างที่ดาริกาเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรแน่ แต่เท่าที่หล่อนรู้สึก มันช่างเป็นความสัมพันธ์ที่น่ามองเสียนี่กระไร หล่อนยิ้มที่มุมปากเมื่อทั้งสองหนุ่มรู้ตัวว่าถูกจ้องอยู่ต่างพากันมองหล่อนด้วยแววตาแปลกๆ
    “ขอโทษนะคะ ถ้าหญิงมองอย่างเสียมารยาท ดูๆไป คุณชายกับน้องนทีนี่ เหมือนพี่รัต กับหญิงเลยนะคะ” หล่อนว่า ภาสกรอธิบายให้นทีฟังว่าใครคือพี่รัต ชายหนุ่มก็พยักหน้ารับรู้ข้อมูลนั้นอย่างเข้าอกเข้าใจ
    ดาริกาชวนหนุ่มน้อยคุยซักถาม เรื่องส่วนตัวกันอยู่พักหนึ่งเค้ก ก็มา เสิร์ฟที่โต๊ะทำให้นทีได้ใจจดใจจ่ออยู่กับความคิดตัวเอง ไม่ต้องพูดอะไรกับใครอยู่พักหนึ่ง แม้ดาริกาจะเป็นหญิงสาวที่ดูสะสวย จนผู้ชายไม่อาจละสายตามองหล่อนได้ แม้หญิงสาวจะเป็นคนมีอัธยาศัยดูเป็นกันเอง และไม่ทำให้นทีรู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด มันก็ไม่ทำให้หนุ่มน้อยรู้สึกระแวงถึงความสัมพันธ์ระหว่าง ภาสกร และหล่อนน้อยลงได้เลย
    คนหนึ่งเป็นคุณชาย คนหนึ่งเป็นคุณหญิง สมกันทั้งยศศักดิ์ ฐานะ รูปร่างหน้าตา นิสัยใจคอ ราวกับเกิดมาคู่กันแบบนี้ จะไม่ให้นทีคิดน้อยใจได้อย่างไร ชายหนุ่มไม่รู้ว่าตัวเองคิดมากไปหรือเปล่า แต่เมื่ออยู่กับดาริกา ดูเหมือนภาสกรจะลืมเขาไปช่วยขณะ ตั้งหน้าตั้งตาคุยกับหญิงสาว ราวกับว่านทีไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้น มีปุยฝ้ายคอยผสมโรงพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ทิ้งให้เขาจมอยู่กับความคิดของตัวเองอย่างไม่มีใครสนใจว่า นทีไม่ได้พูดอะไรสักคำเลยในบทสนทนา
    คุณชายคิดอะไรกับคุณหญิงหรือเปล่า เป็นคำถามตัวโตที่อยู่ในใจของหนุ่มน้อย จะทำอย่างไรก็ลบมันออกไปไม่ได้
    “จริงซีคะ คุณชาย เรื่องเที่ยวน้ำตก เราชวนพี่ดาไปด้วยกันดีกว่าไหมคะ” เสียงของปุยฝ้ายทำให้นทีตื่นจากความคิดของตัวเอง หันขวับไปมองเพื่อนสาวอย่างตกใจ
    “นั่นซี คุณหญิงเคยบ่นว่าอยากเที่ยวอยู่นี่นา สนใจไปด้วยกันไหมครับ” ภาสกรยิ้มให้คุณหญิงอย่างอบอุ่น ... รอยยิ้มที่ภาสกรเคยยิ้มให้เขาคนเดียว
    “เอ๊ะ เที่ยวน้ำตกอะไรกันคะ หญิงไม่เห็นรู้เรื่อง”
    “คืออย่างนี้ครับ ปุยฝ้ายกับนทีเขาสอบเสร็จแล้ว ผมก็เลยชวนเขาสองคนไปเที่ยวน้ำตกกัน เพื่อนผมมีรีสอร์ตอยู่ใกล้น้ำตกสาริกาที่นครนายก ผมก็กะว่าจะไปพักที่นั่น แล้วตระเวนเที่ยวกันพักหนึ่งฉลองปิดเทอมน่ะครับ ไปกันสามวันสองคืนเดินทางศุกร์นี้แล้วล่ะครับ”
    “อ้อ ฟังดูน่าสนุกค่ะ แต่ว่าคุณชายตั้งใจจะไปกันสามคน หญิงไปด้วยจะสนุกหรือคะ น้องนทีคงจะลำบากใจเพราะ เรายังไม่ค่อยสนิทกันเลยน่ะค่ะ” ดาริกา ส่งยิ้มให้นทีที่นั่งมองทั้งสามคนอยู่อย่างคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
               ถ้าคุณหญิงไปด้วย จะสนุกหรือ เขาก็จะมัวแต่เกรงใจคุณหญิง คุณชายก็จะมัวดูแลคุณหญิง ปุยฝ้ายก็จะเออออด้วยเพราะรู้จักกันอยู่ก่อนแล้วจะทิ้งเขาให้อ้างว้างอยู่คนเดียว เหมือนตอนนี้หรือเปล่า
               “ลำบากจง ลำบากใจอะไรคะ พี่ดา ไอ้น้ำมันอัธยาศัยดี เข้ากับคนง่ายคงไม่เป็นไรหรอกค่ะ เนอะไอ้น้ำเนอะ” ปุยฝ้ายถามเพื่อนหนุ่มอย่างไม่คิดอะไร
               นทีจะตอบอย่างไรได้ “ผมไม่อยากให้คุณไป เดี๋ยวคุณหญิงจะแย่งความสนใจของคุณชายไปจากผม” ตอบอย่างนี้มีหวังเสียมารยาทแย่เลย
               “อื้ม”
               “ดีจัง หญิงได้ไปเที่ยวด้วยขอบคุณคุณชายมากค่ะ ขอบใจนะ น้องฝ้าย น้องนที ที่ยอมให้พี่ไปด้วย” ดาริกาส่งยิ้มให้ทั้งสามคนอย่างเป็นกันเอง
“ดีครับ ไปกันหลายๆคนน่าจะสนุกดี”
    “ใช่ค่ะ ฝ้ายจะได้มีเพื่อนเม้า สองหนุ่มเขาคู่หูกันค่ะ คุณหญิงพี่ดาไปด้วยฝ้ายจะได้มีคู่หูบ้างค่ะ เริ่ด” หญิงสาวผิวคล้ำ ควงแขนดาริกาอย่างสนิทสนม คนทั้งโต๊ะหัวเราะกันอย่างมีความสุข ยกเว้นนทีที่หัวเราะตามมารยาทไปอย่างนั้น ได้แต่กังวลในใจว่า เหตุการณ์จะออกมากลับกัน เป็น...
    คุณชายไปสวีทหวานกับคุณหญิง ทิ้งเขาอยู่กับปุยฝ้ายอีกคู่หนึ่งน่ะซี
 
เสียงนาฬิกาปลุกดังตอนหกโมงเช้า หญิงสาวผิวคล้ำ เพื่อนสนิทของนที ขยี้ตาช้าๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นมองแสงแดดอ่อนๆ ส่งลอดผ้าม่านเข้ามาให้ห้อง หล่อนเอื้อมมือไปปิดเสียงนาฬิกาปลุก อย่างกระตือรือร้น รีบลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็วคล้ายกับนางเสือกระโจนตะครุบเหยื่อก็ไม่ปาน
                “กรี๊ดดด ไปน้ำตกกับคุณชาย อ๊ายย ตื่นเต้นมากกก” หล่อนหันไปมองเพื่อนร่วมห้องที่ยังคงนอนคว่ำมุดหน้าอยู่ใต้หมอนไม่ยอมลุกจากเตียงด้วยสายตาขำแกมหมั่นไส้ “นี่พ่อคุณ วันสำคัญนะค้า ไม่รีบตื่นอีก เดี๋ยวคุณชายของแกจะรอเก้อ เอาไงให้ฉันอาบน้ำก่อน หรือแกจะอาบก่อน”
                “แกอาบไปเหอะฝ้าย ฉันยังง่วงอยู่เลย”
                “โอ๊ยตาย ไม่อยากรีบไปเจอหน้าคุณชายสุดสวาทขาดใจของแกรึไง นี่ถ้าฉันไม่กลัวกระดูกแกหักอีกรอบฉันจะกระโดดทับให้แกรู้สึกตัว ไอ้น้ำ ตื่นค่ะ” ปุยฝ้าย ตีหลังเพื่อนหนุ่มเบาๆ
                “โอ๊ย ทีไปเรียนนะ ฉันปลุกแกวันละสิบกว่ารอบ ทีอย่างนี้ทำตื่นเร็ว”
                “เอ้ามันต่างกันนี่ยะ แกก็เหอะตอนยังไม่สอบล่ะดี๊ด๊านับวันรอ พอวันนี้มาถึงดันไม่รีบตื่น” หล่อนค้อนเพื่อนหนุ่มที่พลิกตัวนอนหงาย หยีตาสู้แสงแดดมองหน้าหล่อนกึ่งขำ กึ่งไม่พอใจ “ไม่รู้ละ ฉันไปอาบน้ำก่อนก็ได้ ไปสายเดี๋ยวคุณหญิงพี่ดา ทำแต้มกับคุณชายก่อน ฉันไม่รู้ด้วยนะ”
                พอพูดอย่างนี้ นที ก็รีบลุกขึ้นนั่งจ้องหน้าเพื่อนสาว
                “อะไร แกดูออกหรอ ว่าคุณหญิงอะไรนี่ มีใจให้คุณชายน่ะ”
                “อุ๊ยพูดถึงศัตรูหัวใจปุ๊บ รีบเด้งขึ้นจากเตียงอย่างกับโดนไฟช็อต”ปุยฝ้ายส่งค้อนยักษ์ให้เพื่อนหนุ่มก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ เปิดน้ำอาบ แต่ปากยังตะโกนคุยกับเพื่อนหนุ่มต่อไปอย่างเมามัน “ก็นะฉันไม่รู้หรอก รู้แต่คุณชายน่ะ ใครอยู่ใกล้ก็ต้องชอบ จนทุกวันนี้ฉันยังหาข้อเสียเขาไม่เจอเลย แกระวังพี่ดาเหอะ สวยเว่อเพอร์เฟค อย่างนั้นปล่อยไว้ใกล้กันก็น้ำมันกับเปลวไฟ ดีๆน่ะแหละ”
                นที รีบเดินมาหน้าห้องน้ำ พูดต่ออย่างเป็นกังวล
                “แกก็รู้ใช่ไหม ว่าฉันไม่ได้หวังอะไรจากคุณชาย แต่ฉันก็อดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้เวลาคุณชาย อยู่ใกล้คุณหญิงเนี่ย”
                ปุยฝ้ายถอนหายใจ แต่เสียงน้ำกลบจนชายหนุ่มนอกห้องน้ำไม่ได้ยิน
                “แกถามใจตัวเองดีๆ ว่าแกคิดยังไงกันแน่ไอ้น้ำ ฉันรู้จักแกดี ฉันรู้ทันหรอก ถ้าแกมัวแต่กลัวนะ คุณชายก็หลุดไปเป็นของคุณหญิงพอดี”
                “แต่ ฉันไม่แน่ใจนี่นา ว่าคุณชายเขาจะ” นทีกลั้นหายใจ “ชอบฉันบ้างไหม”
                “แหม” ปุยฝ้ายโต้ตอบเสียงแหลม “ไปรับไปส่ง พาไปเที่ยว กินข้าวดูหนังอย่างนี้ ไม่มีใจฉันให้เหยียบ”
                “นั่นแหละ ฉันก็สงสัยแบบแก” นทีว่า “แต่คุณชายก็ไม่มีทีท่าเลยว่าจะชอบฉัน เท่าที่เขาทำกับฉันก็อาจเป็นเพราะเขารู้สึกผิดเรื่องทำฉันเจ็บเท่านั้น”
                “จนป่านนี้แล้วแกยังไม่เลิกคิดเรื่องนี้อีกหรือไง” ปุยฝ้ายขึ้นเสียงสูง “ถ้าเขารู้สึกผิดนะ พอแกหายดีเขาก็เลิกยุ่งกับแกแล้วย่ะ นี่หม่อมแม่เขาก็กีดกัน แกหนีมาเขาก็ยังมาตาม เขาพิสูจน์แล้วว่าเขามีความผูกพันกับแก”
                นทีเริ่มรู้สึกคล้อยตามทีละน้อย
                “ปัญหามันอยู่ตรงที่คุณชายเป็นแบบแกหรือเปล่า ถ้าเป็นฉันว่ายังไงเสียแกก็ไม่มีวันพลาด ถ้าเปล่าเขาก็คิดกับแกแค่เพื่อน แบบที่เขาไม่เคยมี อาจจะเผลอใจบ้าง แต่สุดท้ายถ้าเขาแมนเต็มร้อย เขาก็ต้องลงเอยกับผู้หญิงวันยังค่ำ แล้วฉันก็ไม่เห็นใครจะดีเท่าพี่ดา ถ้าให้โหวตได้แบบรายการทีวี ฉันโหวตให้พี่ดาเข้า โหวตยาย ฟ้า ทิฆัมพรอะไรนั่นออก”
                “เฮ้อ ก็นะ ฉันเห็นด้วย ถ้าไม่ใช่ฉัน เป็นคุณหญิงอะไรนี่ก็โอเค” นทีว่า แต่พอมานึกขึ้นได้ว่าประโยคนี้ มันเท่ากับประกาศออกมาโต้งๆเลยว่า ฉันชอบคุณชาย ก็เลยแก้ตัวว่า “แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าฉันชอบคุณชายจริงจังหรอกนะ”
                “จ้ะ พ่อ ถ้า พ่อจะหลอกตัวเองต่อไปก็เชิญ แต่อย่าหลอกฉัน ฉันรู้จักแกดี กว่าที่แกรู้จักตัวเองอีก”
นทีสะอึกกับประโยคนั้น จริง ปุยฝ้ายดูออกหมดทุกอย่าง เขาต่างหากที่ยังหลอกตัวเองอยู่ เขาไม่เคยแม้แต่จะแสดงออกให้ภาสกรรู้แม้แต่สักนิดว่า เขาชอบภาสกรเหลือเกิน
ปุยฝ้ายเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ นุ่งผ้าเช็ดตัว แบบกระโจมอกออกมา หญิงสาวส่งสายตาพิฆาตแบบ “ฉันรู้ทันย่ะ” มาให้จนนทีต้องหลบหน้า
“ฝ้าย ฉันว่า ฉันไม่อยากไปแล้วล่ะ”
เพื่อนสาวกรี๊ดออกมา
“เดี๋ยวถีบเข้าให้ เข้าห้องน้ำไปเดี๋ยวนี้ อาบน้ำ แต่งตัวเสีย มาถึงขั้นนี้แล้ว แกหนีไปไหนไม่ได้แล้ว ยังไงก็ตาม แกต้องไปเที่ยวทริปนี้กับฉัน พี่ดา และคุณชาย ได้อยู่ใกล้ชิดกันถึงสามวันสองคืนแบบนี้ ถ้าไม่มีการตกหลุมรักกันนะ ฉันยอมกินเฝือกขาแกเลยเอ้า ทีนี้ แกช่วยเป็นคนกำหนดเองด้วยนะว่าจะให้ใครตกหลุมรักใคร คุณชายกับแก หรือ คุณชายกับคุณหญิงพี่ดา”
เวลาปุยฝ้ายตัดสินใจอะไรแล้ว ทุกอย่างจะต้องเป็นตามนั้นเสมอ สิ้นเสียงนั้น ราวกับสิ้นคำพิพากษา นทีเดินห่อไหล่เข้าไปในห้องน้ำ มีความคิดมากมายวิ่งวนอยู่ในหัว ไม่ยอมหยุดเสียที

เด็กกะโปโล

  • บุคคลทั่วไป
 :z13:
ชอบดาริกาอ่ะ :กอด1:ตอนที่ดาริกามองคุณชายกะนที มันให้ความรู้สึกว่าดาริกาน่ารักมากๆอ่ะ
นทีแอบหวงคุณชายซะด้วย o17
รู้ใจตัวเองแล้วนี่ ยอมรับแล้วหันไปทำคะแนนกะคุณชายเถอะ :laugh3:

รอตอนต่อไปนะครับ

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22

ออฟไลน์ naja-kitase

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0
สงสารนทีอ่ะ เป็นเรา เราก็คิด เฮ้ออออ
คุณหญิงขาาาาา เป็นนางฟ้าดีกว่านางร้ายนะคะ นางร้ายแค่ทิฆัมพรคนเดียวก็พอแล้ว
เค้าช้ำาาาาาาา :serius2:

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
แง่ะ  ไม่ได้มาอ่านนาน ยังอึมครึมเช่นเดิม :เฮ้อ:

butterfly_bee

  • บุคคลทั่วไป
นทีคิดมากอีกแล้วนะเรา
แต่ยังดีที่คุณหญิงไม่คิดอะไรกับคุณชายนะเนี่ย
แถมยังมองคุณชายกับนทีออกอีกตะหาก
คุณหญิงเป็นสาววายใช่มั้ยเนี่ย 555  :m12:

ออฟไลน์ primmi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
คุณหญิงเป็นคนดีมากเลยอ่ะ น่ารักๆ
แต่ว่าพอเห็นคุณหญิงดีขนาดนี้ก็แอบคิดว่าถ้าเป็นท่านชายที่แต่เดิมไม่ได้ชอบผู้ชายอาจเผลอใจแล้วหลงรักเข้าง่ายๆ
ท่านชายยังเคยคิดบ่อยๆว่ามีส่วนคล้ายนทีด้วย
ถึงแม้ท่านหญิงไม่มีเจตนามาแย่ง แต่ท่านชายอาจเป็นฝ่ายตกหลุมรักเองก็ได้ หรือไม่ก็เข้าใจผิดว่าตัวเองรักท่านหญิง
แถมท่านชายก็ยังไม่รู้ตัวว่ารักนที
ฮือออออ ตอนหน้าจะดราม่ามั้ยอ่า
อ่านตอนนี้ก็สงสารแล้วนะ โดนกันออกจากบทสนทนาโดยปริยาย
ยัยฝ้ายเนี้ยร้ายจริง พูดเหมือนไม่รู้จักเพื่อนตัวเอง ไม่ซิ ต้องเรียกว่ารู้แต่ก็แกล้งกันได้
นทีจะทำไงให้ท่านชายรู้ตัวหล่ะว่าอยากให้สนใจ นึกภาพไม่ออก
คิดว่าไงๆท่านชายก็รักนทีแหละ แต่กลัวท่ายชายไม่รู้ตัวแล้วคิดว่าตัวเองรักดาริกาเนี้ยซิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด