กว่าจะลงนิยายได้แทบแย่ งงกับการห้ามคลิกก๊อบปี้ตั้งนานเลยครับ
โอเค งั้นมาอ่านต่อกันเหอะ โทษทีที่ทำให้รอกันนะคร้าบ
ตอนที่41 *************************************
ท่ามกลางเสียงปรบมือของทุกๆคนก็มีแววตาที่ชื่นชมจากทุกคนจับจ้องมายังผม นี่แสดงว่าที่ผมพูดไปนี่ ทุกๆคนเค้าเข้าใจดีแล้วเหรอ
" ดีใจด้วยเว้ย มึงทำสำเร็จแล้ว" ไอ้ป้างโอบไหล่ผมแล้วยิ้ม แม้แต่ตัวผมเองก็ยังไม่ค่อยอยากเชื่อเลยว่ะ
" แหม... น่าชื่นชมนะคะ อย่างน้อยๆคุณเป้งก็ยังกล้าจะยอมรับอย่างลูกผู้ชายแบบนี้ ดิฉันขอนับถือเลยค่ะ ไม่งั้นถ้าเป็นคนอื่นเค้าก็คงได้แต่ปฏิเสธลูกเดียวแน่ๆ" พี่นักข่าวหญิงคนนึงชมผมแล้วหันไปพยักหน้าเออออกับนักข่าวที่เหลือ
" เอ่อ... ขอบคุณครับ ผมก็แค่... อืม... แค่ทำสิ่งที่ควรจะทำน่ะครับ ความจริงมันก็คือความจริงไม่มีใครหรืออะไรมาเปลี่ยนได้หรอก แล้วเรื่องที่ผมรักน้องเค้ามากมันก็จะไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแน่ๆ" ผมพูดย้ำสิ่งที่คิดไว้ ซึ่งมันก็จากใจจริงๆนะครับไม่ได้เฟค ไม่ได้แอ๊บ แฟนคลับที่ยืนอยู่เลยพากันกรี๊ดขึ้นมา
" โอย ตายละ... นี่ดิฉันล่ะอิจฉาน้องเค้าจังเลยนะเนี่ย ที่คุณเป้งรักน้องเค้ามากขนาดนี้" นักข่าวคนนั้นยังแซวผมเล่นต่อ ผมก็ยิ้มให้เค้าพลางมองไปทางแฟนคลับและพี่วินนี่ที่ยืนอยู่
นึกๆไปนี่เหมือนบุญเก่าผมมันยังพอมีล่ะมั๊งที่ทุกอย่างมันเริ่มคลี่คลายไปได้แล้ว โล่งใจไปได้อีกหน่อยล่ะ นี่ถ้ามินรู้คงดีใจมากแน่ๆ
-
-
หลังจากจบการแถลงข่าว พวกนักข่าวและบรรดาแฟนคลับที่มารอดูการแถลงข่าวของผมเริ่มทยอยกลับกันไปแล้ว ผมเลยเดินออกมาหาพี่วินนี่ที่ยืนรออยู่ พอเดินไปใกล้พี่เค้าก็ยิ้มแล้วปรบมือให้อีก
" ทำได้ดีมากครับ น่าประทับใจมากๆ ทีแรกตอนพี่รู้ข่าวก็ห่วงมาก ทนไม่ไหวเลยตามมาดูถึงที่เนี่ยแหละ"
" ขอบคุณพี่มากนะครับ ผมก็นึกว่าจะแย่แล้วล่ะ กลัวคนเค้ารับไม่ได้แล้วโดนรุมประณาม ถ้าเป็นงั้นผมตายแน่เลย" ผมไหว้ขอบคุณพี่เค้าทีนึง
" หึๆ แต่มันก็ผ่านไปด้วยดีแล้วนะ พี่ดีใจด้วยครับ เอ้อ... ใช่แล้ว เกือบลืมไปเลย แล้วคุณพ่ออาการเป็นไงบ้างตอนนี้" พี่วินนี่ถามถึงพ่อผมด้วยสีหน้าห่วงๆ
" หมอเค้าบอกว่าพ่อพ้นขีดอัตรายแล้วเหลือแค่รอให้ฟื้นขึ้นมาแค่นั้นครับ นี่พวกเราก็รอดูอาการอยู่ ขอบคุณมากนะครับที่เป็นห่วง"
" เหรอครับ ถ้างั้นพี่ก็ขอให้คุณพ่อหายเร็วๆนะ อ้อ... อีกอย่างนึงน่ะ จริงๆแล้วอาจจะดูไม่สมควรจะบอกตอนนี้นะ แต่พี่จะขอเกริ่นๆไว้ก่อนแล้วกันนะ ที่พี่มาวันนี้เพราะอยากจะมาเชิญเราสองคนไปงานเลี้ยงเล็กๆงานนึงนะครับ" พี่วินนี่บอกแล้วยิ้ม ผมกับไอ้ป้างก็หันมามองหน้ากันนิดนึงอย่างงงๆ
" หึๆ พี่ขอเชิญทั้งคู่เลยนะ นี่เป็นงานเปิดตัวสำนักพิมพ์ใหม่ของพี่กับหุ้นส่วนอีกคน ก็แค่นิตยสารเล็กๆน่ะครับ ทำกับบริษัทคนอื่นมันไม่รุ่งก็มาทำเองมันซะเลยจะได้ไม่ต้องมานั่งทำตามใจใคร แล้วตอนนี้เราก็อยากได้นายแบบคู่ไปลงปกฉบับปฐมฤกษ์ซะหน่อย แต่ว่า.... พี่ยังหาไม่ได้เลยเนี่ย อืม... จะทำไงดีน๊า...." พี่วินนี่พูดยิ้มๆแล้วก็เหล่ตามามองผมกับไอ้ป้างเป็นนัยๆ
" โธ่พี่... ก็นึกว่าอะไร เอาดิครับ ผมสองคนจะไปขึ้นปกให้พี่เอง เป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยครับผม ฉบับปฐมฤกษ์ซะด้วย ไปถ่ายให้ฟรีๆยังได้เลยครับ ฮ่าๆๆ" ผมรับคำพี่วินนี่ไปทันที ไอ้ป้างก็ยิ้มแสดงทีท่าว่าอยากร่วมแจมงานนี้ด้วยกัน
" ฮะๆ ไม่เป็นไรครับ พี่เกรงใจเราสองคน แต่ว่านิตยสารพี่มันก็แค่เล็กๆเอง ได้ซุปตาร์สองคนมาขึ้นปกยังงี้เราคงขายดีแน่ๆ ขอบคุณมากนะครับ"
" ไม่เป็นไรเลยครับพี่ ไม่ต้องเกรงใจ ผมยินดีช่วยพี่อยู่แล้ว เอ้อ... แล้วตกลงงานเปิดตัวนิตยสารของพี่เนี่ย จะจัดเมื่อไหร่ครับ"
" ก็คงอีกสักสองเดือนครับ... ยังไงก็เชิญมางานด้วยนะ แหม... ดีใจจังมีซุปตาร์มาร่วมในงานยังงี้ได้เป็นข่าวดังทอล์คออฟเดอะทาวน์แน่ๆ" พี่วินนี่ยิ้มบอกอย่างอารมณ์ดี
" โอเค... งั้นก็คงไม่มีอะไรแล้วครับ พี่อยากบอกว่าวันนี้พี่ดีใจนะที่เห็นน้องเป้งทำได้ดีมากอย่างนี้ ขอให้รักน้องเค้ามากๆนะ ให้สมกับที่เราฝ่าฟันอะไรๆไปตั้งเยอะขนาดนี้กว่าจะได้มารักกันน่ะ เพราะงี้ไงพี่เลยมีความสุขไปด้วยที่ได้เห็นความรักที่แท้จริงซะทีจากที่เลิกคิดไปแล้วว่ามันคงไม่มีจริง"
" ขอบคุณมากเลยครับพี่" พี่วินนี่พูดได้ซึ้งว่ะ ผมเลยยกมือไหว้ขอบคุณแกอีกรอบ แกก็ยิ้มๆรับไหว้ผมจากนั้นก็ขอตัวกลับไปก่อน
" เฮ้อ... หมดเรื่องไปซะที ตอนนี้ก็เหลือแค่เรื่องพ่อนะเว้ยที่ยังต้องเป็นห่วง" ผมหันไปบอกไอ้ป้าง มันก็ยิ้มให้แล้วโอบไหล่ผมไว้
" อืม... วันนี้มึงก็ทำได้ดีจริงๆว่ะ กูดีใจด้วย ต่อไปก็ไม่ต้องกังวลเรื่องคบกะน้องเค้าแล้ว แม่ก็คงดีใจไปด้วยล่ะว่ะ แต่กูก็ยังห่วงนะ ยังไงซะคนมันก็ยังหาเรื่องติฉินนินทาพวกเราได้อยู่ดี ไม่อยากให้พ่อกะแม่ไม่สบายใจอีกแล้วว่ะ"
" ก็จริงว่ะ งั้นจะทำไงดีวะ"
" ก็เอาเหอะว่ะคงต้องดูกันไป ตอนนี้อย่าเพิ่งไปกังวลแม่งเลย ไปเหอะ กลับไปหาแม่กะน้องมันดีกว่า" ไอ้ป้างบอกพลางเดินกอดคอผมไปขึ้นรถด้วยกัน
-
-
เรากลับไปบอกข่าวดีให้แม่ผมกับมินฟังที่โรงพยาบาลซึ่งแน่นอนว่าทั้งคู่เค้าดีใจกันใหญ่ แม่บอกผมว่าดีแล้วที่อะไรๆมันเริ่มเคลียร์ไปได้ ไอ้เรื่องคนติฉินนินทาน่ะช่างมันเหอะ แค่นี้แม่ก็ดีใจแล้วที่ผมเป็นลูกผู้ชายพอที่จะกล้าทำกล้ารับ
แล้วพอดีค่ำวันนั้นข่าวที่ผมแถลงไปก็ออนแอร์ในช่วงข่าวบันเทิงแทบทุกช่อง ตอนนั้นมินก็นั่งดูทีวีอยู่กับผมเองในห้องผมนั่นแหละ น้องมันอึ้งไปเลยนะครับแล้วก็หันมากอดผมร้องไห้ไปด้วย
" พี่........."
" อ้าว... ทำไมล่ะครับ ร้องไห้ทำไม" ตกใจเลยว่ะ น้องก็สะอื้นอยู่ยังงั้นและกอดผมแน่น
" มินขอบคุณพี่มากนะ ขอบคุณที่ทำเพื่อมินมากขนาดนี้ ทั้งๆที่มันอาจจะทำให้พี่สูญเสียทุกๆอย่าง แต่พี่.... พี่ก็....." มินพูดไปสะอื้นไปที่ข้างหูผม ก็เข้าใจล่ะครับว่าน้องมันคงดีใจและซึ้งใจมากที่ผมทำเพื่อน้องขนาดนั้น
" อืม... ครับ ไม่เป็นไรนะ อย่าร้องไห้เลย ก็พี่เคยบอกแล้วไงครับว่าพี่จะไม่มีวันทิ้งมินไม่ว่าจะยังไง พี่รักษาสัญญาของเราไงครับแล้วเห็นมั๊ย ทุกๆอย่างมันเริ่มดีขึ้นแล้วจริงๆ คนบางคนก็ยอมรับเราบ้างแล้ว น่าดีใจออกนะ เป็นยังงี้แล้วยังจะร้องไห้อีกทำไมครับ หือ.... อย่าร้องเลย" ผมบอกแล้วก็เอาหน้าผากไปแนบกับหน้าผากน้องแล้วก็ยิ้มให้ จนมินเริ่มยิ้มออกมาบ้าง
" ครับ... มินดีใจจัง ต่อไปเราก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้วใช่มั๊ยครับ"
" ใช่แล้วครับ... ต่อไปนี้เราก็คบกันได้เหมือนคู่รักคู่อื่นๆเค้าแล้วล่ะ จะแต่งงานกันก็ยังได้เลย ฮะๆๆ"
" อือ... พี่อ่ะ จะไปทำขนาดนั้นได้ยังไงครับ มันเกินไปนะ"
" ฮ่าๆ ล้อเล่น แค่เราได้คบกันยังงี้ไม่มีใครมาห้ามพี่ก็ดีใจแล้วครับ" ผมบอกแล้วก็จูบตรงลาดไหล่น้องเบาๆ อืม... ชื่นใจจังว่ะ
สรุปว่าคืนนั้นน้องก็ตกลงจะนอนค้างกับผมที่ห้องเพราะเจ้าตัวบอกว่าอยากทำอะไรเพื่อผมตั้งหลายอย่าง ทดแทนที่ทำให้ผมวุ่นวายใจและเป็นทุกข์อยู่คนเดียวตั้งนาน เอาแบบว่าทบต้นทบดอกให้หายคิดถึงเลย หึๆ แต่ไอ้ที่ว่าทำให้เนี่ยคือน้องบอกว่าจะช่วยสระผมให้กับนวดตัวให้นะคร้าบ อย่าเข้าใจผิด
ตอนนี้ผมก็มานอนชิลล์ๆให้น้องสระผมให้ในอ่างอาบน้ำ สบายจริงๆว่ะ ผ่อนคลายสุดๆ ยังนึกไปถึงตอนนั้นที่อยู่ด้วยกันที่คอนโดเลยแฮะ น้องมันก็สระผมแถมนวดให้แบบนี้เลย
" เสร็จแล้วก็อาบน้ำด้วยกันไปเลยสิครับ" ผมแกล้งชวนไปงั้นๆแหละ เผื่อจะได้
" อืม... ก็ได้ครับ" อ้าว... เฮ้ย ได้จริงๆ น้องมันถอดเสื้อผ้าออกช้าๆแล้วก็เดินยิ้มเขินๆรีบมานั่งลงในอ่างกับผมทันที
" พี่อ่ะ อย่ามองดิ เค้าอายนี่"
" ฮะๆ ครับ แต่ที่จริงก็ไม่ต้องอายหรอก เป็นแฟนกันนี่นา ไม่เห็นเป็นไร" ตอนนี้ผมดึงน้องมานั่งพิงอกผมแล้วก็ลูบน้ำสบู่ในอ่างถูไปตามแขนให้
" เฮ้อ... ตอนนี้พี่มีความสุขจัง อะไรๆมันเริ่มกลับไปเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ มินล่ะมีความสุขมั๊ย"
" ที่สุดเลยล่ะครับ" อืม... นั่นแหละว่ะที่อยากได้ยิน น้องบอกแล้วก็ซบที่ไหล่ผม จูบซะเลยดีกว่าแบบนี้ เหอะๆ
ทีนี้พอจูบกันไปก็สปาร์คอ่ะ ยิ่งผมไม่ได้อยู่กับน้องมาเป็นเดือนๆแล้วเนี่ย ก็มัวแต่ผจญวิบากกรรมมากมายอยู่จนไม่เป็นอันทำอะไร พอได้มาอยู่กันแบบนี้แล้ว ปึ๋งปั๋งทันที
มินเองก็ดูเต็มใจให้ผมสุดๆด้วย ยิ่งเห็นหน้ากับแววตาน้องมันตอนนี้ผมยิ่งรู้สึกมันน่ารักเกินขั้นเทพไปถึงไหนๆว่ะ ทนไม่ไหวละเว้ย
เราเริ่มทำกันไปอย่างช้าๆในอ่างนั้นแหละ สุดๆไปเลยว่ะ สมกับที่ห่างหายไปซะตั้งเป็นเดือนๆ ยิ่งน้องมันเต็มใจเต็มที่กะผมยังงี้ยิ่งสุดยอด ไม่ขอบรรยายละกัน บอกได้แต่ว่ามัน... สุดยอดดดด......ด เหอะๆ
แต่หลังจากล้างตัวกันไปผมก็ยัง.... เฮ้อ... ยังอยากอยู่เลยว่ะ แมร่งเอ๊ย... กับมินแล้วผมไม่อยากจะพอเลยว่ะ เลยจัดไปอีกชุดนึงซะที่บนเตียง จากที่ว่าจะให้น้องนวดตัวต่อก็ไม่ต้องน่งนวดมันแล้ว เปลี่ยนมาเป็นนาบแทน ฮ่าๆๆ พอเสร็จน้องมันคงหมดเรี่ยวหมดแรงเพราะตอนนี้หลับไปแล้วนั่น ไรว้า... นี่กูทรมานน้องมันมากไปรึป่าวเนี่ย
เอาเหอะ ยังไงผมก็ดีใจล่ะได้มีน้องมาอยู่ด้วยกันเหมือนเมื่อก่อนยังงี้มันก็สุขสุดๆแล้ว เหมือนฝันไปเลยนะ ถ้าหยิกตัวเองกูจะรู้สึกตัวตื่นมั๊ยเนี่ย แต่ก็ไม่นี่หว่าเพราะว่ามันเป็นความจริง ตอนนี้ผมได้นอนกอดน้องไว้แนบอกอย่างที่อยากทำแล้วนี่ ฝันร้ายๆมันผ่านไปซะทีว่ะ
-
-
ผมยังคงไปเฝ้าพ่อทุกวันที่โรงพยาบาลเพราะช่วงนี้ก็ยังมีเวลาว่าง รอดูอยู่น่ะครับว่าจะไปสมัครงานที่ไหนดี พวกไอ้เอ้ไอ้เอ๊กซ์มันก็ได้งานแล้วที่โรงแรมที่เราไปฝึกงานนั่นแหละครับ ส่วนไอ้มาร์ทนี่โชคดีเพราะเห็นว่ามันได้งานที่โรงแรมห้าดาวที่พัทยาโน่น ชักอิจฉาเหมือนกัน
อาการของพ่อผมยังคงทรงตัวอยู่แบบเดิมไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่แต่ก็ไม่แย่ลง หมอบอกว่านี่ยังถือว่าโชคดีมากๆที่มาถึงมือแพทย์ทันตั้งแต่ตอนที่พ่อช๊อคตอนนั้น คิดแล้วก็รู้สึกแย่เหมือนกันว่ะ เพราะผมแท้ๆ
แต่ก็เอาวะ ยังไงผมก็ยังพอมีหวังอยู่ จากที่ผมมานั่งเฝ้าพ่อทุกๆวันนี่ผมถึงได้คิดนะว่า ความจริงผมก็รักพ่อและอยากอยู่กับพ่อตลอดนี่นา แต่ไอ้ที่ผ่านมานี่อีโก้ผมมันคงมากเกินไปจนไปบดบังไอ้ความรู้สึกดีๆระหว่างผมกับพ่อไปซะหมด นี่ถ้าพ่อไม่มาเป็นแบบนี้ผมก็คงยังไม่รู้สึกหรอก
อยากให้พ่อฟื้นขึ้นมาเร็วๆชะมัด วันนี้พรุ่งนี้เลยได้คงดี ผมจะกอดพ่อแล้วบอกพ่อว่าผมรักพ่อขนาดไหน ถึงพ่อจะยังโกรธผมหรืออยากจะด่าจะว่าอะไรผมก็เอาเหอะ ผมจะยอมทุกอย่าง ก็แค่ขอให้พ่อฟื้นก็พอว่ะ
" เดี๋ยวทานข้าวเถอะครับพี่ เที่ยงแล้วนะ" มินเดินมาบอกผมพร้อมกับเอาปิ่นโตมาวางที่โต๊ะ
" ครับ แล้วแม่พี่ล่ะ"
" คุณแม่ไปบริษัทครับพี่ วันนี้มีประชุมน่ะ เดี๋ยวเย็นๆคงมาที่นี่ครับ"
" อืม... งั้นวันนี้มินอยู่กับพี่นะ อ้อ พรุ่งนี้พี่จะพาเราไปซื้อใบสมัครที่มหา'ลัยนะ ซื้อให้ไอ้แมนด้วยเลย"
" เอ่อ... ครับพี่ ว่าแต่... มันจะดีเหรอครับ ที่นี่มันค่าเทอมแพงมากจริงๆ มินไม่อยากจะ...."
" ไม่เอาน่า ก็พี่บอกแล้วว่าแค่นี้น่ะ ไม่เป็นไรหรอก ลูกชายสุดน่ารักของคุณนายวีรวรรณจะเรียนต่อทั้งทีก็ต้องเป็นที่ดีๆหน่อยสิ" ผมอ้างแม่ผมไปซะเลย ไม่งั้นน้องมันก็มัวแต่เกรงใจ
" โธ่... ก็นั่นแหละครับ มินก็เกรงใจนี่นา ไม่อยากจะอาจเอื้อมไปทำตัวเป็นลูกอีกคนของคุณแม่เค้าจริงๆหรอกครับ มันมากเกินไปน่ะ"
" ก็ไม่รู้นะอันนี้ ยังไงๆแม่พี่เค้าก็ให้มินเป็นลูกเค้าแล้วนี่นา ไอ้แมนก็ด้วย เพราะงั้นต้องไปตกลงกับเค้ากันเองแล้วล่ะ พี่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ฮะๆๆ" ผมสรุป แต่มินก็ยังทำหน้ามุ่ย
" หึๆ ทำหน้ายังงั้นทำไมครับ หรือว่าไม่อยากมาเป็นพี่น้องกะพี่ หือ..."
" ก็ไม่หรอกครับ แต่... มินว่ามินไม่เหมาะหรอก มินไม่อยากไปตีเสมอพี่กับพี่ป้างอ่ะครับ"
" ฮ่าๆ ถ้างั้นไม่เป็นพี่น้อง เราก็... หึๆ มาเป็นภรรยาพี่ไง ดีมั๊ย เป็นลูกสะใภ้คุณแม่แทนอ่ะ" ผมแกล้งแหย่จนมินหน้าแดง ตีแขนผมมาทีนึง
" พี่อ่า.... ไม่พูดด้วยแล้ว ฮึ..." มินก้มหน้าอย่างอายๆแล้วก็เริ่มตักข้าวกิน ฮ่าๆ น่ารักจริงๆ เมียพี่เนี่ย
-
-
เกือบเดือนนึงผ่านไปหลังจากที่ผมไปจัดการเรื่องสมัครเรียนต่อให้มินกับไอ้แมนจนเรียบร้อย นี่ก็ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว ผมก็คอยดูแลน้องกับไอ้แมนเรื่องชุดนักศึกษาแล้วก็เรื่องหนังสือตำราเรียนและอื่นๆ แน่นอนว่าผมก็จบคณะนี้เพราะงั้นผมถึงแนะนำน้องมันในทุกเรื่องได้สบายๆ
" โอเคแล้ว โห... มินใส่ชุดนี้แล้วน่ารักอ่ะ" ตอนนี้น้องอยู่ในชุดนักศึกษา น่ารักออร่ากระจายว่ะ
" พี่อ่ะ ชอบยังงี้ทุกทีเอะอะๆอะไรก็ชมๆ จนดูเหมือนไม่จริงไปเลยอ่ะ"
" อ้าว... ทำไมจะไม่จริงอ่ะ นี่แหละจริงที่สุดแล้ว แฟนพี่น่ารักที่สุดอ่ะครับ" กอดสักทีดิ๊ อิอิ
" อ๊าา...า พี่ อย่า เดี๋ยวเสื้อยับหมด" น้องบอกแล้วก็ผลักหน้าผมออกว่ะ แหม... กะจะให้เสื้อเรียบกริบทั้งวันเลยเหรอน้อง
" เอาน่า... ไม่ทันจะยับหรอก งั้นเดี๋ยวไปกันเลยนะ ไอ้แมนเว้ย ไปกันได้แล้ว"
" ครับๆ เป็นไงมั่งพี่ ชุดผมโอเคดียัง" ไอ้แมนวิ่งออกมาหมุนตัวให้ผมดูรอบนึง
" เออๆ ดีแล้ว ไปเหอะ"
" ไรวะพี่ แค่เนี้ย ทีไอ้มินอ่ะชมเอาๆทีผมอ่ะ ไม่แฟร์นี่หว่า" มันบ่นงุ้งงิ้งแล้วเดินตามมาขึ้นรถผม
" เออ... มึงก็หล่อไง ชุดเนี้ย มึงเท่มาก รับรองมีหญิงมองมึงชัวร์"
" อ่ะ... จริงเหรอพี่ ผมหล่อเท่จริงอ่ะ" มันบอกแล้วเสยผมทีนึง
" เออ... หล่อแล้ว..." ผมแกล้งย้ำ มันก็ยิ้มแป้น
" แต่น้อยกว่ากู ฮ่าๆๆ" ผมหัวเราะลั่น จนหน้ามันหุบทันที
" โห่... พี่อ่ะ โอเคๆ ผมยอมให้พี่ไว้คนนึงละกันเรื่องหล่ออ่ะ เป็นคนอื่นไม่ยอมนะเนี่ย" มันบอกแล้วทำหน้ามุ่ยเอนหลังไปพิงเบาะ โคตรขำมันอ่ะ
ผมขับพาน้องๆมันมาส่งหน้าคณะ เห็นว่าวันนี้ก็มีปฐมนิเทศครึ่งค่อนวันได้มั๊ง ก็เหมือนตอนผมเข้ามาเรียนอ่ะนะ นึกๆไปแล้วก็คิดถึงวันแรกที่ตัวเองเข้ามาเรียนที่นี่เหมือนกัน ตอนนั้นก็ตื่นเต้นน่าดู ได้เจอเพื่อนใหม่ๆก็คือไอ้เอ๊กซ์นี่แหละเพราะตอนนั้นผมแพคคู่อยู่กับไอ้เอ้เพราะจบจากที่เดียวกันมา ดีใจว่ะที่ได้เจอมันและคบหากันมายาวนานจนทุกวันนี้
" โอเค... เอกสารครบนะเว้ย เดี๋ยวมึงพามินไปรายงานตัวกันที่หอประชุมเค้าเลย ดูแลน้องมันดีๆนะเว้ย" ผมสั่งไอ้แมนทิ้งท้าย
" อยู่แล้วล่ะพี่ ไม่ต้องห่วง มันน้องผมอ่ะ"
" อืม... พี่เป้ง มินตื่นเต้นจังอ่ะ จะได้เข้ามาเรียนที่นี่จริงๆแล้วนะ ดีใจจังเลย" มินบอกแล้วก็ยิ้มมองไปรอบๆบริเวณตึกของคณะ
" หึๆ ดีแล้ว งั้นก็ตั้งใจเรียนนะครับ วันนี้ก็คงไม่มีอะไรมากแค่ปฐมนิเทศแล้วก็คงมีแนะนำตัวกับอาจารย์และรุ่นพี่กับเพื่อนๆเรา แค่นั้นแหละ"
" ครับผม พี่ไม่ต้องห่วงมินนะ ท่าทางอยู่ที่นี่คงมีแต่อะไรสนุกๆแน่เลยครับ" น้องยิ้มระรื่นก่อนเดินไปเข้าหอประชุมกับไอ้แมน เห็นยังงี้แล้วผมก็โล่งอก วันแรกน้องคงแฮบปี้ล่ะน่า ไอ้แมนก็อยู่ด้วยคงไม่เป็นไรหรอก มันดูแลน้องมันดีแน่ๆอยู่แล้ว
-
-
ส่งน้องเสร็จผมก็แวะไปฝ่ายทะเบียนเพื่อจัดการเรื่องขอจบการศึกษาของตัวเองและขอรับหลักฐานใบทรานสคริปต์และอื่นๆที่ต้องใช้สมัครงาน แต่เสียดายเหมือนกันที่เกรดเทอมสุดท้ายนี้ของผมไม่สวยเท่าไหร่ว่ะ ก็คงเพราะตอนนั้นไม่ค่อยมีสมาธิจะทำอะไรมัวแต่ห่วงพะวงเรื่องมิน แต่ก็ช่างปะไรไม่ได้หวังว่าจะได้เกียรตินิยมซะหน่อยนี่หว่า แค่จบพร้อมเพื่อนก็โอเคละ
ยังดีว่าปีนี้พิธีรับปริญญาของมหา'ลัยเค้าเลื่อนกำหนดออกไปอีกหน่อย ก็อีกหลายเดือนล่ะกว่าจะได้รับซึ่งผมว่าดีมากๆ ผมจะได้รอให้พ่อผมหายดีก่อนไง เพราะสำหรับงานนี้คนที่ผมอยากให้เค้ามาร่วมด้วยมากที่สุดก็คือพ่อผมนี่แหละ อยากให้เค้ามาอยู่ร่วมยินดีกับผมตอนนั้นจริงๆ พ่อผมคงจะดีใจมากแน่ๆ ผมหวังอย่างนั้น
-
-
พอดีวันนี้ผมก็มีนัดสัมภาษณ์งานที่โรงแรมเดิมที่ผมไปฝึกงานนั่นแหละ ยื่นใบสมัครไปก่อนหน้านี้ไว้แล้ว คนสัมภาษณ์ก็ไม่ใช่ใครหรอก พี่นุนั่นแหละครับ คนที่เคยคุมงานและประเมินพวกผมตอนมาฝึกงานไง พูดไปพูดมาไม่กี่คำแกก็รับผมเลยว่ะ เพราะแกบอกว่าคนขาดอยู่พอดี ช่วงนี้ก็เข้าไฮซีซั่นแล้วด้วยไม่งั้นคนทำงานคงไม่พอ นี่แสดงว่าผมมาถูกจังหวะมากๆ อีกอย่างพี่เค้าก็บอกว่าเคยทำงานด้วยกันมาแล้วพวกเราน่ะรู้งานกันดี ไม่ต้องมาเทรนมากให้เหนื่อย
" โอเค งั้นพรุ่งนี้ก็มาเริ่มงานได้เลยนะ ดีมั๊ย" พี่นุสรุป
" โห... ตกลงรับผมทำงานเลยเหรอพี่ ตัดสินใจง่ายจัง โอเคเลยครับ ฮะๆๆ"
" ฮื่อ... ก็รับเลยดิ จะให้ยากไปทำไมล่ะ ว่าแต่ว่า พร้อมนะพรุ่งนี้น่ะ"
" ครับผม ขอบคุณมากนะครับ" ผมยิ้มขอบคุณพี่นุแล้วลากลับออกมาทันที ได้งานล่ะเว้ย แถมเป็นงานเก่าที่คุ้นเคยซะอีก เยี่ยมว่ะ
ผมขับรถออกมาจากโรงแรมก็บ่ายสามกว่าๆแล้ว ลองโทรไปหามินแต่ปรากฏว่ามินไม่รับสายหรือไม่ก็คงปิดเครื่อง เลยเดาว่าอาจจะยังอยู่ในหอประชุมมั๊ง ผมเลยขับรถตรงไปที่ม.
พอไปถึงผมก็ลองโทรดูอีกแต่ก็เหมือนเดิมมินไม่ได้รับสาย ป่านนี้ก็น่าจะออกจากหอประชุมได้แล้วนี่หว่า ตกลงมันยังไงวะเนี่ย ชักไม่แน่ใจเลยลองโทรไปเข้าเครื่องไอ้แมนดูอีกทีก็เหมือนเดิมอีกว่ะ เฮ้ย... มันอะไรกันวะเนี่ย
เริ่มร้อนใจขึ้นมาเรื่อยๆว่ะ จะทำยังไงดี แต่จังหวะนั้นไอ้แมนมันโทรกลับมาพอดีผมก็รีบรับ
" ฮัลโหล พี่เป้ง โทษทีเมื่อกี๊รับไม่ทัน นี่พี่อยู่ไหนแล้วครับ" ไอ้แมนพูดเสียงเหมือนคนหอบๆ
" เออ... ไม่เป็นไร กูนั่งอยู่หน้าคณะว่ะ แล้วมินอ่ะ"
" อยู่นี่แล้วพี่ เมื่อกี๊มีเรื่องว่ะกับพวกรุ่นพี่...."
" ห๊า...า มีเรื่อง.... แล้วนี่มึงอยู่ไหน" ไอ้แมนพูดยังไม่ทันจบแต่ผมรีบถามมันกลับทันที
" อยู่ตรงข้างๆตึกคณะมนุษย์ฯเนี่ยพี่ พวกเราโดนเค้าต้อนมารับน้องอ่ะ พี่ช่วยรีบมาหาพวกผมหน่อยได้มั๊ย"
" เออๆ กูจะไปเดี๋ยวนี้" บอกปั๊บผมก็วางสายปุ๊บแล้วรีบวิ่งไปหามินกับไอ้แมนทันที นี่มันอะไรกันวะเนี่ย.... ใครบังอาจมีเรื่องกับน้องๆกูวะ เดี๋ยวมึงเจอกูแน่................
********************************************
เป็นไงครับ ตอนนี้ NC เบามากหน่อยเน้อตามนโยบายของเล้าง่ะ หลังจากนี้ตอนต่อๆไปก็จะน่าลุ้นมากขึ้นเรื่อยๆละ
ติดตามกันต่อๆไปนะคร้าบ