หลังจากที่ป่วยมา 2 วัน กลับมาบ้าพลังต่อ

จัดให้

*************************************************************
ณภัทธิ์มองสังเกตอาการของรณวีย์ตั้งแต่เจ้าตัวได้กลับเข้ามานั่งอยู่ตรงหน้า เมื่อเห็นผิดจากตอนมาจึงเอ่ยถาม
“ไม่เห็นวีย์ทานอะไรเลยนะครับ ไหนบอกหิวไง”
“อ๋อ พอดีเหนื่อยๆ เพลียๆนะครับ เลยพาลเลิกหิว”
รณวีย์ฝืนยิ้มตอบ ก่อนจะรู้สึกไม่ดีเมื่อคนถามพาลวางช้อนส้อมที่ถืออยู่ไปซะเฉยๆ
“อ้าว ภัทธิ์อิ่มแล้วเหรอครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยถาม
“ก็เห็นวีย์หายหิว ผมก็ชักที่จะอิ่มไปด้วย”
“ผมนี่แย่จัง ทำบรรยากาศเสียหมด ภัทธิ์ทานไปได้นิดเดียวเอง ทานต่อเถอะครับ ผมจะนั่งเป็นพื่อน”
“ผมว่าผมไปส่งวีย์ที่บ้านดีกว่า วีย์จะได้พักผ่อน พรุ่งนี้จะได้มีแรงลุยงาน งานวีย์ต้องใช้สมองเยอะซะด้วยสิ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวผมกลับเองได้ ว่าแต่ภัทธิ์ทานข้าวก่อนเหอะ”
ณภัทธิ์เงียบ มองสบตาคนตรงหน้ายิ้มๆ ก่อนจะหยิบช้อนส้อมขึ้นมาใหม่ แต่แทนที่จะตักอาหารให้ตัวเองชายหนุ่มกลับตักให้ให้ฝ่ายนั้นแทน
รณวีย์มองอาหารที่ณภัทธิ์ตักให้อย่างงงๆ เริ่มรู้สึกแปลกๆกับการถูกเอาใจจึงรีบเอ่ย
“ภัทธิ์ทานเถอะครับผมไม่นึกหิวแล้วจริงๆ”
“ไม่ได้ซิครับ มาด้วยกัน ก็ต้องทานด้วยกัน ไม่งั้นผมไม่ยอม ผมจะพาวีย์นั่งจนร้านปิดอยู่นี่แหละ”
รณวีย์อึ้ง พูดไม่ออก จากที่ไม่คิดกลัวสายตาคนตรงหน้า ตอนนี้ชายหนุ่มชักหวั่นๆจนเลี่ยงที่จะมองมัน แล้วเมื่อไม่รู้จะทำตัวยังไง ก็เลยจำใจตักอาหารที่โดนตักให้ขึ้นทาน แต่คนตักให้คงไม่รู้หรอกว่าชายหนุ่มกำลังรู้สึกกลืนไม่เข้า คายก็ไม่ออก
“อร่อยมั๊ยครับ ร้านนี้ผมมาบ่อยถ้าวีย์ชอบ วันหลังผมจะพามาอีก”
พามาอีก...รณวีย์แทบสำลักอาหาร ที่เพิ่งทานเข้าไป เมื่อได้ยินประโยคพูดยิ้มแย้มจากปากณภัทธิ์ ชายหนุ่มฝืนยิ้มเจื่อนๆ เพื่อปกปิดว่าตัวเองหัวใจกำลังลอยไปหาใครอีกคน
.
.
.
.
.
.
.
.
การินทร์กลับถึงบ้าน ก็ขึ้นไปขังตัวเองอยู่บนห้อง ภาพเหตุการณ์ที่ทำให้เขารู้ตัวว่าต้องเผชิญกับโรคร้ายแล่นเข้ามาในห้วงความคิดเป็นฉากๆ
เขากลายเป็นคนติดเหล้าติดบุหรี่ทันทีที่ รับรู้ว่าผู้หญิงที่เขาไว้ใจและคิดว่าจะใช้ชีวิตร่วมอย่างเพียงฝนหลอก รับรู้ว่าเขาลงโทษคนๆหนึ่งโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ผิดอะไรจนสะบักสะบอมอย่างรณวีย์
แล้วที่ร้ายไปกว่าสิ่งใดคือ เขาเคยรับรู้ว่ารณวีย์ตายหายไปจากชีวิตเขาแล้วจริงๆ อย่างที่ไม่มีทางตามหาเจอได้อีก เพื่อจะขอโทษและขอรับผิดในสิ่งที่ทำลงไป
เขารับรู้ความในใจของรณวีย์หลังจากวันนั้น ทุกประโยคทุกคำที่เขาได้อ่านผ่านสายตาจากสมุดเล่มหนึ่งที่ ปลายภู ยื่นให้ มันชัดเจนอย่างไม่ต้องสงสัยว่าตลอดเวลาเขาได้เข้าไปอยู่ในใจรณวีย์มากกว่าครึ่ง มันยิ่งเท่าให้เขารู้สึกผิดขึ้นอีกหลายเท่าตัวจนต้องหันพึ่งสิ่งที่พิษต่อร่างกาย แล้วมันก็เป็นพิษจริงๆ เมื่อเขาช็อคจนหมดสติหลังจากที่เที่ยวดื่มกินติดต่อกันนานนับปี หมอตรวจเจอภาวะหัวใจล้มเหลวในตัวเขาในที่สุด อันเป็นอาการจากลิ้นหัวใจรั่ว
หมอสั่งให้เขาหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์และงดการสูบบุหรี่อย่างเด็ดขาด เพื่อง่ายต่อการเยียวยารักษา แต่คนมันเคยๆ ทุกวันนี้แม้เขาจะไม่ได้แตะต้องมันหนักๆอย่างที่เคย แต่เมื่อไรที่เครียด หรือรู้สึกวุ่นวายสับสน เขาก็ยังคงพึ่งพวกมันอยู่เหมือนเคย คืนนี้ก็คงจะเหมือนกัน
ลิ้นชักหัวเตียงถูกกระชากออกจากแรงคนเปิด ซองบุหรี่ที่โดนแกะแล้วถูกหยิบออกมา
“หมอแนะนำให้คุณผ่าตัด คุณจะได้หายจากอาการที่อาจทำให้คุณเสียชีวิตได้ทุกเมื่อหากปล่อยเอาไว้นานเกินไป”
การินทร์ชะงักมือที่กำลังจะดึงมวนบุหรี่ออกจากซอง อาการเขาถึงขั้นผ่าตัด มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆแล้วนี่นา
“โธ่โว้ย!!”
ชายหนุ่มเหวี่ยงซองบุหรี่นั่นลงพื้นห้องสุดแรง ก่อนจะนั่งกุมขมับ ในใจก็พาลนึกถึงใครอีกคนที่คงกำลังมีความสุขอยู่กับคนใหม่ๆที่ก้าวเข้ามาในชีวิต ป่านนี้จะไปฉลองกับมิตรภาพที่กำลังก่อตัวกันขึ้นถึงไหนกันแล้วก็ไม่รู้
.
.
.
.
.
.
“ขอบคุณนะภัทธิ์ที่มาส่ง”
รณวีย์เอ่ยกับคนข้างตัวเมื่อฝ่ายนั้นอาสาขับรถมาส่งเขาจนถึงหน้าบ้าน
“ยินดีครับ”
ณภัทธิ์เอ่ยรับยิ้มๆ ก่อนจะมองตามร่างรณวีย์ที่เปิดประตูออกไปยืนมองเขาที่ด้านนอก ชายหนุ่มโบกมือให้เจ้าตัวนิดๆก่อนจะเคลื่อนรถคู่กายออกไป
รณวีย์ถอนหายใจมองตาม ก่อนจะล้วงบางอย่างในกระเป๋าสะพายออกมาดู
ชื่อและเบอร์ติดต่อการินทร์โชว็หราอยู่บนกระดาษสี่เหลี่ยมเล็กๆ มันจะดึกมากไปหรือเปล่านะที่เขาจะโทรไปถามไถ่อาการเจ้าตัว แล้วเขาจะโทรไปในฐานะอะไร
.
.
.
.
.
การินทร์นอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงนุ่ม เมื่อรู้สึกหัวใจเต้นผิดจังหวะจากอาการเครียดเมื่อครู่ ชายหนุ่มนอนข่มตานิ่งเพื่อต้องการเอาชนะความเจ็บปวดที่คิดว่ามันคงแล่นเข้ามาทักทายในไม่ช้า หากเขาต้องพึ่งยาไปตลอด ชีวิตจะมีความหมายอะไรกับการอยู่อย่างพะวง
เสียงโทรศัพท์ที่วางไว้ข้างตัวดังรัวติดต่อกัน พร้อมๆกับอาการที่คาดคะเนว่ามันจะเกิดเริ่มคืบคลานเข้าหา มือที่พยายามไม่เกร็งเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ
“การินทร์ นี่ นี่ ฉันเอง รณวีย์”
รณวีย์เอ่ยอย่างตะกุกตะกักเมื่อมีเสียงกดรับจากปลายสาย ก่อนจะใจหวิวและสั่นไปกับเสียงที่ตอบกลับมา อย่างคนที่ลมหายใจขาดเป็นห้วงๆ
“วีย์ วีย์ ชะ ช่วยฉัน ด้วย”
“กานต์ นายเป็นอะไร”
รณวีย์พลั้งปากเรียกคนปลายสายอย่างที่เคยเรียก เพราะความรู้สึกห่วงใยแล่นขึ้นมาที่ใจอย่างกระทันหัน
“ระ เรา หายใจไม่อะ ออก”
เสียงการินทร์ตอบกลับมา ทำเอาชายหนุ่มยืนไม่ติด ก่อนจะเอ่ยออกไปอย่างเร่งรีบ
“กานต์ นายทำใจแข็งไว้นะ ยานายก็มี รีบใช้มันนะ เชื่อฉัน ฉันจะไปหานายเดี๋ยวนี้แหละ”
“วีย์ นายอย่าทิ้งเรานะ เราขะ ขอโทษ........”
รณวีย์แทบช็อคเมื่อได้ยินเสียงเหมือนวัตถุตกพื้นหลังประโยคพูดติดๆขัดๆของการินทร์ ก่อนที่เสียงสัญญาณโทรศัพท์จะตัดหายไป ชายหนุ่มไม่รอช้าที่จะวิ่งออกไปเรียกแท็กซี่ ด้วยใจที่ภาวนาว่าจะไปถึงทันที่จะเอ่ยประโยคที่ว่า
ฉันพร้อมที่จะเป็นคนเดิมที่รักนาย ...การินทร์
.
.