มาต่อตามสัญญา .... สัญญาว่ามาก็มา
![:a1:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/25.gif)
******************************************************************
หญิงสูงวัยที่นั่งก้มหน้าน้ำตาซึมอยู่ระหว่างทางเดินทำเอาหนึ่งหนุ่มหนึ่งสาวที่เดินคู่กันมาตรงเข้าไปหา
“คุณแม่เป็นอะไรไปคะ”
ฝ่ายหญิงนั่งลงข้างกายแล้วถามขึ้นก่อน
“แม่เป็นห่วงตากานต์”
คนน้ำตาซึมเงยหน้าขึ้นตอบ เพียงฝนเอื้อมมือไปกุมมือให้กำลังใจ
“คุณแม่ใจเย็นๆนะคะ ฝนเชื่อว่ากานต์คงไม่เป็นอะไร”
หญิงสาวพูด ก่อนจะมองไปสบตาอีกคนที่ยืนอยู่ ฝ่ายนั้นจึงนั่งลงอีกฝั่งเอ่ยขึ้น
“เข้มแข็งไว้นะครับคุณน้า”
“ขอบใจสองคนมากนะ กานต์ไม่น่าดื้อเลย ไม่น่าปล่อยให้ตัวเองทรุดหนักขนาดนี้ ตอนนี้หมอบอกว่าทางเดียวที่ตากานต์จะหายจากอาการทรมานแบบนี้คือผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ”
“กานต์ออกจากไอซียูแล้วเหรอครับ”
รณวีย์เอ่ยถามเมื่อรับรู้อาการคนป่วย อาการที่เพียงฝนคาดคะเนไว้ตอนที่นั่งคุยกับเขา หญิงสาวมาขอร้องเขาให้ช่วยเกลี้ยกล่อมและกำชับการินทร์ให้ไปตรวจร่างกายและพบแพทย์บ่อยๆเท่าที่จะทำได้ ด้วยเชื่อว่าเขาเป็นคนเดียวในตอนนี้ที่การินทร์จะยอมให้
เพียงฝนไปบ้านการินทร์ตอนที่ชายหนุ่มพาเขาออกมาแล้ว เธอเพียงต้องการไประบายในสิ่งที่บีบคั้นความรู้สึกมาตลอดชีวิตการแต่งงาน เธอไม่ได้ขอให้การินทร์กลับมาคืนดี เพราะรู้มันเป็นไปไม่ได้ การินทร์เปลี่ยนไปแล้วเธอรู้สึกอย่างนั้น เมื่อแม่ของชายหนุ่มบอกเมื่อคืนรณวีย์ค้างที่นี่ และการินทร์เพิ่งจะออกไปส่งเมื่อซักครู่ สัญชาตญาณหญิงเคยบอกเธอแล้วเมื่อครั้งที่อยู่บนภูว่าการินทร์รู้สึกกับรณวีย์ แต่ตอนนั้นเธอไม่อาจที่จะยอมรับได้ในเมื่อการินทร์ยังคงมีประโยชน์กับเธอ แต่ตอนนี้เธออยากให้คนที่เคยดีกับเธอแม้เธอจะเลวแค่ไหนมีความสุขกับหนทางที่จะเลือกเดิน แต่ความหวังดีของเธอมันคงจะช้าไปเมื่อเธอรู้เรื่องจากแม่ชายหนุ่มว่าการินทร์กำลังเผชิญกับสิ่งใด การินทร์ไม่เคยบอกเธอ หรือเพราะเธอไม่ติดต่อเขา แต่จะอะไรก็ช่าง เธอตกใจและเสียใจยิ่งขึ้นเมื่อรู้ถึงสาเหตุที่ชายหนุ่มต้องเป็นแบบนี้ การินทร์ติดบุหรี่ติดเหล้า สาเหตุคงจะเพราะเธอ แต่สิ่งที่แม่ของชายหนุ่มระบายทั้งให้ฟังว่าเจ้าตัวเคยเมาและเพ้อโทษตัวเองว่าตัวเองเลวอย่างไม่น่าให้อภัย เพ้อว่าตัวเองฆ่าเพื่อน ฆ่าหัวใจตัวเอง การินทร์ไม่ได้เพ้อเรื่องเธอ หญิงสาวปะติดปะต่อเหตุการณ์ถึงรู้ได้เองว่าการินทร์เพ้อถึงใคร และเสียใจกับเรื่องใด
“เชื่อฝนเถอะว่ากานต์รักคุณวีย์รักมากด้วย รักจนลืมรักตัวเองเพราะมัวคิดถึงแต่เรื่องในอดีต มีแต่คุณวีย์เท่านั้นที่จะช่วยกานต์ได้ ฝนไม่อยากสูญเสียเพื่อนที่ดีที่สุดของฝนไป แม่ของกานต์บอกว่ากานต์เป็นๆหายๆจากอาการแบบนี้มานานเรื้อรังแล้ว อาการแบบนี้นี้ปล่อยไว้นานๆไม่ดีนะคะมันอาจจะเกินที่จะเยียวยา หากถึงขั้นผ่าตัดนี่เสี่ยงเกินไปนะคะ ใช้ความรักที่กานต์มีให้ ช่วยยื้อชีวิตกานต์นะคะคุณวีย์”
ชายหนุ่มนึกถึงคำพูดนี้จากปากเพียงฝนก่อนที่เดินเคียงคู่กันมาเห็นแม่ของคนที่พูดถึงนั่งอยู่อย่างน่าเห็นใจ
“ออกมาแล้วจ๊ะ กำลังอยู่ห้องพักกับญาติๆ แม่เลี่ยงออกมา เพราะกลัวร้องไห้ให้เขาเห็น”
ชายหนุ่มหญิงสาวต่างสะเทือนใจในคำพูดที่ออกมาจากคนหัวอกคนเป็นแม่
.
.
.
.
.
.
การินทร์แสดงความต้องการจะออกจากโรงพยาบาลโดยให้เหตุผลว่าตัวเองดีขึ้นแล้ว แต่หมอแย้งว่าเจ้าตัวยังแย่อยู่ให้นอนรอดูอาการซักพักและยังบอกอีกว่าอาการเขาถึงขั้นไหน ชายหนุ่มไม่สะท้าน เขารู้มาก่อนแล้วว่าอาการเขาต้องผ่าตัดแก้ไขหรือเปลี่ยนลิ้นหัวใจจึงจะหาย พอหมอที่รักษาบอกและแนะนำ ด้วยอารมณ์ที่โดนขัดใจชายหนุ่มจึงโพล่งออกไปว่ามีแพทย์ประจำตัวอยู่แล้วหากเขาจะผ่าตัดจริงๆก็คงจะไม่ทำที่นี่ เจอแบบนี้เข้าไปก็เลยไม่มีใครขัดใจ
“ทำไมถึงได้พาลแบบนี้การินทร์”
รณวีย์เข้ามาต่อว่าชายหนุ่มหลังจากที่ใครๆกลับกันไปแล้วตามความต้องการของเจ้าตัว แม่ของชายหนุ่มเอ่ยปากฝากเจ้าตัวไว้กับเขา เพราะเข้าใจว่าที่ลูกชายหงุดหงิดไล่ใครๆแบบนี้เพราะยังรับไม่ได้กับอาการตัวเอง
“เข้ามาทำไมฉันกลังจะกลับ””
คนโดนว่าตอบพลางยันกายจะลุกขึ้น แต่รณวีย์ทักก่อน
“นายไปไหนไม่ได้หรอก ฉันบอกหมอแล้วว่าอย่าถือสาอะไรนาย และให้นายพักที่นี่ต่อเพื่อดูอาการ”
“ใครใช้ให้นายมายุ่งกับเรื่องนี้ ไม่เห็นเหรอว่าฉันไม่ได้เป็นอะไร แค่วูบไปเท่านั้น”
การินทร์บอกเสียงดัง เขาไม่แน่ใจว่ารณวีย์รู้อะไรบ้าง จึงทำเสียงดังข่มให้เจ้าตัวน้อยใจและเลิกสนใจตนอย่างที่เคยๆเป็น แต่ชายหนุ่มคิดผิดเมื่อรณวีย์ตอบกลับมา
“เมื่อก่อนฉันก็ชอบยุ่งเรื่องของนายอยู่แล้วถ้าฉันจะกลับมายุ่งอีกก็ไม่เห็นจะแปลก”
“นายรู้อะไรบ้าง”
การินทร์เอ่ยถามเสียงเบาลงเมื่อเห็นแววตาท้าทายของคนพูด
“ก็รู้อย่างที่หมอรู้”
รณวีย์ตอบนึกเบาใจที่การินทร์ไม่มีท่าทีอาลวาด
“กลัวฉันตายมั๊ย”
คนป่วยถามอีก คราวนี้รณวีย์เดินไปใกล้แล้วเอ่ย
“ฉันไม่กลัวหรอก เพราะฉันเชื่อว่านายไม่มีทางเป็นแบบนั้นถ้า....”
ชายหนุ่มหยุดประโยคเอาไว้เอาเข้าจริงๆก็ไม่กล้าที่จะแนะนำอะไรคนตรงหน้า ก็ขนาดใครๆที่เขาเชื่อว่ามีอิทธิพลต่อเจ้าตัวพูด เจ้าตัวยังไม่ฟัง แล้วถ้าเขาเอ่ยจะไม่กระเด็นออกไปจากห้องนี้ด้วยอารมณ์โกรธของเจ้าตัวเหรอ
“ถ้าอะไร”
การินทร์ถาม
“ถ้านาย เอ่อ ยอมผ่าตัด”
รณวีย์เอ่ยในที่สุด นึกหวั่นกับผลที่จะเกิด ก่อนอารมณ์แปลกใจจะแล่นเข้ามาแทนทีเมื่อคนที่นึกกลัวเลื่อนมือมากุมมือตัวเอง,
“ห่วงกานต์หรือเปล่าวีย์”
“ก็หะ ห่วงไง”
รณวีย์ตอบไม่เต็มเสียง
“งั้นฟังนะ”
การินทร์บอกใหม่ รณวีย์จึงตั้งใจฟัง จึงรู้ว่าคนตรงหน้ารู้อาการตัวเองว่าถึงขั้นนี้มาก่อนหน้าแล้ว แต่ที่ไม่ยอมบอกใครเพราะอยากทำงานกับเขาจนเสร็จ
“เราเพิ่งเจอกันได้ไม่นาน กานต์กลัว กลัวว่าถ้าผ่าตัดแล้วเราจะไม่ได้เจอกันอีก”
รณวีย์ถอนหายใจให้ความคิดของอีกฝ่ายก่อนจะกุมมือเจ้าตัวเพื่อปลอบแล้วพูด
“กลัวอะไร ผ่าตัดแค่ไม่กี่ชั่วโมงตื่นมาเราก็เจอกันแล้ว วีย์ไม่หนีไปไหนหรอก”
“แล้วถ้ามันไม่เป็นอย่างนั้นล่ะ”
“มันต้องเป็นแบบนั้นสิเชื่อวีย์นะ ทำตามที่หมอแนะนำเถอะ”
“แล้วงานของเราล่ะยังไปไม่ถึงไหนเลยนะ”
“ห่วงตัวเองก่อนดีกว่า วีย์เชื่อว่าถ้าทางโรงเรียนรู้ว่ากานต์เป็นแบบนี้ ทางนั้นเขาคงเข้าใจ”
“แต่กานต์อยากทำงานกับวีย์”
ถึงคราวนี้รณวีย์เงียบ ยอมรับว่ารู้สึกหวิวๆอยู่เหมือนกันหากว่าตังเองจะต้องเปลี่ยนเพื่อนร่วมงาน การินทร์พูดถูก ระหว่างเขากับเจ้าตัวเพิ่งเจอกันได้ไม่นานแถมยังพูดจากันดีๆไม่ถึงสองวันด้วยซ้ำ หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างสร้างกำแพงให้กับตัวเอง
“เราต้องยอมรับความจริงนะกานต์”
“แต่กานต์ก็ผ่านมันมาได้นานแล้วนะทนอีกหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง”
“หมายความว่าไง”
“กานต์อยากทำงานชิ้นนี้กับวีย์ให้เสร็จ งานของเรา จากนั้นค่อยมาว่ากันอีกที”
“จะดีเหรอ ทุกคนเป็นห่วงกานต์นะ”
“ก็รู้ว่าห่วง ก็อย่างที่บอกไงว่ากานต์เคยผ่านมันไปได้ ทนอีกหน่อยคงไม่เป็นไรถ้าวีย์ไม่แผลงฤทธิ์ให้กานต์ต้องเครียด”
ประโยคหลังคนพูดเอ่ยล้อๆ รณวีย์มองค้อนก่อนจะนึกตาม การินทร์ดื้ออย่างที่แม่เจ้าตัวเคยบ่นจริงๆ
“กานต์ไม่เบื่อเหรอที่จะต้องอยู่อย่างหวาดระแวงตัวเองว่าจะเจ็บเมื่อไหร่จะทรมานเมื่อไหร่”
“ไม่หรอกถ้ากานต์ไม่เครียดไม่คิด แล้วดูแลตัวเองมันคงไม่เป็นอะไร”
“แล้วที่ผ่านมาทำไมไม่ทำ”
“ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้ชาวบ้านเขาเครียด”
“ให้มันได้อย่างนี้ วีย์ไปบีบคอกานต์เหรอว่าต้องเครียดต้องคิดมาก”
“ไม่รักก็ไม่เครียดหรอก”
การินทร์บ่นงึมงำ แต่ก็เชื่อว่าคนยืนอยู่ด้วยคงได้ยิน ถึงได้มองสบตาเขานิ่ง ก่อนจะเอ่ยถาม
“ตกลงจะเอายังไง”
“ก็อย่างที่บอก ไว้เสร็จงานแล้วกานต์จะมานอนให้หมอผ่าคว้านได้ตามสะดวก แต่ตอนนี้กานต์ขอใช้วันเวลาที่หายไปกับวีย์ก่อน ได้มั๊ย”
รณวีย์พูดไม่ออกเมื่อการินทร์ส่งสายตาอ้อนวอนมาให้ เขาคงต้องตามใจการินทร์แล้วมั้ง
หัวใจชายหนุ่มคงได้แต่ภาวนาให้การินทร์อยู่รอดปลอดภัยจนถึงวันนั้น วันที่เขาจะมีความสุขกับความสัมพันธ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นได้เต็มที่
ในนามของความรัก ช่วยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่คิดทีเถอะ