มาแหล่ว

ไม่ปล่อยให้แฟนๆคุณบอยรอเก้อหรอกครับ
มาต่อภาค 2 กันเลยนะครับ
***********************************************************************
อาคารเรียนที่ตั้งสง่าท้าสายตาเบื้องหน้า ทำคนมองเผลอยิ้มนิดๆเมื่อหวนนึกถึงช่วงเวลาหนึ่งที่ตัวเองเคยใช้ชีวิตสัมผัสกับบรรยากาศ สุข เศร้า เหงา หัวเราะ ไปกับเพื่อน พี่ และน้อง ที่เจอะเจอ กอดคอกันร่วมทุกข์สุขกันร่วมหกปี
แล้วกี่ปีกันนะที่เขาหายไปจากที่นี่ ใช่สิ ก็ตั้งแต่เรียนจบนั่นแหละ เฮ้อ นับนิ้วดูก็น่าจะสิบกว่าปีได้ ดูสิ ทุกอย่างเปลี่ยนไปเยอะ สนามหน้าอาคารดูเล็กลง พื้นที่บางส่วนทำเป็นสวนหย่อมไปซะนี่ แต่ก็ดูสวยดี แล้วนั่นมีสระน้ำเล็กๆเพิ่มขึ้นมาอีกทางด้านขวาของอาคาร สมัยก่อนมันเป็นลานพักหลังเลิกเรียนสำหรับคนที่ไม่รีบกลับบ้านนี่นา อืม แล้วซุ้มเฟื่องฟ้าด้านหลังอาคารทางไปโรงอาหารจะยังอยู่มั๊ยนะ ขอให้มันยังอยู่เหอะ จะไปนั่งสูดเอากลิ่นของวันวานให้เต็มปอดเชียว
“รณวีย์”
เสียงทักที่ดังมาจากทางด้านหลังชงักเท้าของคนที่กำลังจะเดินตรงไปในที่ที่ใจคิดถึง ฟังจากน้ำเสียงและจังหวะการเรียกแม้เจ้าตัวจะยังไม่ทันหันไปมองแต่ในใจรับรู้แล้วว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร
“เธอจริงๆด้วยรณวีย์ ตายล่ะนี่อาจารย์ตาไม่ฝาดใช่มั๊ยเนี่ย ”
อาจารย์บุษบาทักขึ้นอย่างลิงโลด เมื่อเห็นคนที่ตนเรียกหันมาสบตา พร้อมรอยยิ้มเปื้อนหน้า ศิษย์รักของเธอ เป็นผู้ใหญ่จนแทบจำไม่ได้ แต่แววตาจริงใจ ใสซื่อที่สื่อออกมาของเจ้าตัวทำให้เธอมั่นใจว่าเธอทักคนไม่ผิด
“อาจารย์บุษ”
รณวีย์เอ่ยออกมาเบาๆ ก่อนจะรีบเดินตรงไปยังผู้ที่ตนเคารพยิ่ง สองมือเรียวยกขึ้นไหว้อย่างไม่รอช้า พร้อมถ้อยคำทักทายที่ศิษย์พึงเอ่ย
“สวัสดีครับ ดีใจจังเลยที่ได้เจออาจารย์ สบายดีหรือเปล่าครับ”
“สบายดี ว่าแต่เธอเถอะ หายไปนานมากๆไม่ส่งข่าวคราวบ้างเลย”
เหมือนต่อว่า แต่สายตาที่มองศิษย์แลดูอ่อนโยน จนคนถูกมองรู้สึกผิด
“ผมขอโทษนะครับอาจารย์ จริงๆผมก็ไม่ได้หายไปไหน หรอกครับ ยังคงวนๆเวียนๆอยู่ใกล้ๆอาจารย์นี่แหละ”
ปากพูดแต่สายตากลับมองไปที่หนังสือกองโตที่บุษบาหอบติดมือมา หนึ่งในนั้น ชายหนุ่มเห็นชัดว่าเป็นหนังสือที่เขาเขียนขึ้น ถ้าความจำเขายังดีอยู่ หนังสือเล่มนั้นน่าจะเป็นเล่มสุดท้ายที่ตีพิมพ์ ก่อนที่ชีวิตเขาจะเจอเรื่องวุ่นวายที่นั่น ภูปลายสาย พื้นดินที่เขาพักพิงเป็นที่สุดท้าย หวังเพียงใช้ธรรมชาติที่โอบล้อม เขียนงานชิ้นใหม่ แต่ที่สุด ที่ๆเขาคิดว่าจะอยู่อย่างสงบเหมือนที่อื่นๆที่เคยใช้มันหว่านจินตนาการ กลับกลายเป็นที่ๆ อดีตที่ไม่อยากจำตามไปหลอกหลอน หากใครบางคนไม่ตามไปเจอเขาที่นั่น เขาก็คงไม่ต้องยืมมือเจ้าของภูหลอกลวงใครๆต่อใคร ว่าร่างเขาฝังอยู่ใต้พื้นดินไปแล้ว
มีเพียงคนที่เขารักและรักเขาเท่านั้นที่รับรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ปลายภู บอกกับเขาในวันที่เขาฟื้นคืนสติจากการพลัดหล่นลงไปในผาน้ำตก ว่าเขาได้อยู่ในความรับผิดชอบดูแลของ ภูปลายสาย
“แล้วที่บ้านผมล่ะครับ”
“ไม่มีปัญหาหรอก พี่จัดการทุกอย่างหมดแล้ว เหลืออย่างเดียวที่ต้องรอคำตอบจากวีย์”
“อะไรเหรอครับ”
“พี่ขอวีย์เป็นน้องบุญธรรมกับพ่อแม่วีย์แล้ว ท่านไม่ว่าอะไร หากว่าวีย์สมัครใจ”
“พี่ภู คิดดีแล้วเหรอครับ”
“พี่หาคนมาแทนที่ปลายไผ่ นานเท่าอายุพี่ตอนนี้ นับจากวันนั้น พี่ว่าพี่เจอแล้ว และพี่ก็อยากให้วีย์เป็นตัวแทนน้องชายพี่ ให้พี่ได้ปลดตัวเองออกจากอดีตที่ตามหลอกหลอนพี่ซะที”
“แล้วถ้าผมตกลง พี่ภูจะช่วยอะไรบางอย่างกับน้องชายพี่คนนี้ได้หรือเปล่าครับ”
“อะไรล่ะ?”
“ถ้าผมจะต้องเป็นปลายไผ่ พี่ช่วยบอกใครต่อใคร ได้มั๊ยครับ ว่า รณวีย์ ได้ตายไปแล้ว”
“ใครต่อใคร นั่นคือ เขา ใช่มั๊ย”
“ครับ หาก การินทร์ กลับมา บอกเขาที ว่า ร่างรณวีย์ ฝังอยู่ใต้พื้นดินภูปลายสายแล้ว”
“พี่ ทำได้ ถ้าน้องต้องการ”
จากวันนั้น เขายอมละทิ้งทุกอย่าง กระทั่งงานที่เขารัก จินตนาการที่เคยถ่ายทอดผ่านตัวอักษร ได้เว้นว่างไปซักพัก เขาใช้ชีวิตอย่างคนภูเมื่อหายดี หลายคนไม่เชื่อว่าเขาจะรอด เพราะ เฟื่องฟ้า หมดลมหายใจไปตั้งแต่ร่างกระทบโขดหิน เขาไม่ยินดียินร้ายกับชีวิตที่รอดมานักหรอก เพราะตลอดเวลา เขาคิดเสมอว่าเขาคือ ปลายไผ่ ไม่ใช่รณวีย์ หากวันนี้ที่เขากลับมา เพราะมีคนรับรู้แล้วว่าเขายังไม่ตาย พ่อแม่เขาไม่อาจปิดบังผู้ที่อบรมสั่งสอนเขาตั้งแต่มัธยมต้นได้ ท่านทั้งสองติดต่อเขาบอกข่าวว่าที่โรงเรียนต้องการตัวเขาด่วน เพื่อมาช่วยเขียนบทละครเวทีเพื่อการกุศล ความลับทุกอย่างมักไม่มีในโลก ที่โรงเรียนรับรู้ว่าเขาเบนเข็มชีวิตมาเขียนหนังสือหาเลี้ยงตัว และมันก็เป็นเหตุผลที่เขาไม่อาจปฎิเสธได้ลง ยิ่งปลายภูสนับสนุน เขาก็ยิ่งไม่คิดลังเล
“มันคงถึงเวลาที่วีย์จะกลับไปเป็นตัวตนที่แท้จริงของตัวเองแล้วล่ะ พี่ดึงวีย์ไว้นานแล้ว วีย์รักงานเขียนยิ่งกว่าอะไร โอกาสที่จะได้ แสดงฝีมือมันมาถึงแล้ว กลับไปทำให้ทุกคนเห็นเถอะนะ ว่า รณวีย์ ยังมีฝีมือและลมหายใจอยู่”
“เพื่ออะไรล่ะครับ พี่ภู ผมตายไปจากทุกคนแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว ชีวิตจะได้ไม่วุ่นวายดี”
“ตายไปจากทุกคน หรือตายไปจากใครบางคน คนเดียว”
“พี่ภูหมายถึงใคร”
“พี่เป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้แล้วนะ พี่ดูออกหรอกน่า ว่าวีย์ใช้ความตายหลีกหนีความเจ็บปวด มันก็คงจะได้ผลหากว่าวีย์ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้วจริงๆ แต่นี่วีย์ยังมีลมหายใจ หนียังไงมันก็ไม่พ้นหรอก ใจตัวเองน่ะ”
“ถ้าผมจะกลับไปจริงๆ มันก็คงจะไม่ใช่เพราะเขาหรอก”
“งั้นก็พิสูจน์สิ ว่าระหว่าง รณวีย์ กับการินทร์ ใครจะฝังอยู่กับอดีตมากกว่ากัน ในวันที่การินทร์ย้อนกลับมาที่นี่ พี่อยากให้วีย์เห็นเขา แต่เสียดายวีย์ไม่เห็น”
ปลายภูพูดแปลก แต่ก็ข่างเถอะ เขาไม่อยากใส่ใจ ใช่ว่าโลกจะกลมนัก ถึงเขาไม่ลวงโลกว่าตายไปแล้ว การินทร์ก็คงจะไม่มีเขาในความทรงจำซักเท่าไหร่ และนี่ก็เป็นเหตุผลที่เขาย้อนกลับมาสู่โลกของความจริง
โลกของรณวีย์ ที่ไม่ใช่โลกของปลายไผ่
.
.
.
.
.
.
นายจะคิดถูก หรือคิดผิดนะ ที่กลับมาที่นี่ รณวีย์