มาแว๊ววววววววววววววววววววววววววววววว
![:a9:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/3.0.gif)
******************************************************
“เห็นอาจารย์บุษ บอกคุณวีย์กับเอ่อ การินทร์เป็นเพื่อนกันตอนสมัยเรียนที่นี่ จริงหรือเปล่าครับ”
ณภัทธิ์ชวนคุย เมื่อลับหลังการินทร์ไปแล้ว รณวีย์มองหน้าชายหนุ่มยิ้มๆก่อนจะตอบไม่ตรงคำถามนัก แต่ก็แทนความจริงได้ดี
“ไม่มีเหตุผลที่อาจารย์บุษจะต้องโกหกนี่ครับ”
“อืม ก็จริงเนาะ”
อาจารย์หนุ่มยิ้มเขิน ก่อนที่การสนทนาประสาเพื่อนใหม่จะเดินไปอย่างราบรื่น นานเท่าไหร่แล้วที่รณวีย์ไม่ได้เปิดใจพูดคุยกับใครด้วยรอยยิ้ม ถ้าไม่นับรวม ปลายภู สองคนจึงใช้เวลาสนทนาร่วมชั่วโมง ซึ่งแน่นอนว่าในหัวข้อพูดคุย ย่อมมีเรื่องงานรวมอยู่ด้วย
“วีย์นี่เก่งนะ นี่ขนาดได้โจทย์ไปไม่กี่วัน ได้งานออกมาขนาดนี้เชียว”
ณภัทธิ์ เอ่ยชมเมื่ออ่านบทการแสดงคร่าวๆที่รณวีย์ร่างออกมาจากปลายดินสอเมื่อครู่ แม้บทมันจะยังไม่สมบูรณ์นัก แต่ชายหนุ่มก็แอบทึ่งในความรวดเร็วแต่ไม่รวบรัดของคนเขียน
“พอดีห่างมันไปนานน่ะครับ กำลังคันมืออยู่ด้วย พอมีคนมาสะกิด ก็เลยไฟแรง”
รณวีย์ตอบทีเล่นทีจริง แต่น้ำเสียงก็เจือไปด้วยความสุข จนคนฟังอดยิ้มตามไม่ได้ ก่อนจะว่า
“อย่างนี้ กดดันผมแย่เลย หากว่าทำการแสดงออกมาไม่ดี”
“ไม่หรอกครับ ท่าทางภัทธิ์ก็ดูไฟแรงดีออก”
“แต่ก็ท้าทายไม่น้อยเลยนะครับ เพราะแค่อ่านคร่าวๆจากบทพูด บทผูกเรื่องเนี่ย ขนาดผมไม่ได้เล่นเองยังแอบหนาวเลย”
“ทำไมเหรอครับ มันยาวไปเหรอ จริงๆผมแก้ไขได้นะ เพราะนี่มันแค่โครงคร่าวๆ”
“อ๋อไม่ๆๆ ครับ ลงตัวดีแล้วครับ ผมน่ะ ไม่เท่าไหร่หรอก แค่ควบคุมการแสดง แต่คนสร้างฉากทำฉากนี่สิ”
ณภัทธิ์เอ่ยจบ รณวีย์ถึงนึกได้ว่าการินทร์หายไปแล้วกว่าชั่วโมง จึงรีบเอ่ย
“อืม นี่ก็บ่ายแล้วผมว่าผมจะลองเอางานนี่ไปเสนออาจารย์บุษดู ภัทธิ์จะแวะไปที่นั่นด้วยหรือเปล่าครับ”
“อ๋อ ตามสบายครับ พอดีผมก็มีสอนช่วงบ่ายเหมือนกัน”
รณวีย์ยิ้มรับกับคำตอบนั่น ก่อนจะก้มเก็บสัมภาระลวกๆ ยัดลงกระเป๋าสะพาย
ชายหนุ่มเดินออกจากตรงนั้น แต่ไม่ได้แวะห้องอาจารย์บุษบาอย่างที่บอกณภัทธิ์ นั่นมันก็แค่ข้ออ้างของหัวใจ เขาจะกล้าบอกใครๆได้ล่ะว่า กำลังตามหาใครบางคน ที่เดินจากเขามาด้วยสายตาที่ทำเขาไม่สบายใจ
สองขาก้าวเดินกับสองสายตาที่กวาดมองจนทั่วบริเวณที่สามารถจะเห็นได้ แต่สุดท้ายก็ไม่มีแม้เงาของคนที่กำลังตามหา รณวีย์ไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังทำอะไร อยู่ๆก็เดินตามหาคนที่หัวใจคอยวิ่งหนี ไม่รู้สิ เขารู้สึกแปลกๆกับการเจอะเจอกับการินทร์ในครั้งนี้ ก็ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันนั่นแหละ การินทร์พูดจาแปลกๆ เขาเองก็อยากจะถามถึงความหมายในคำพูดวันนั้น แต่เหตุการณ์เลวร้ายในอดีตมันยังคอยหลอนอยู่ลึกๆ ว่าไม่ควรถลำใจไปไกลอย่างที่เคยเป็น อีกอย่างเขายังไม่ลืมหรอกว่าเพื่อนเก่าเขาคนนี้คงรักและใช้ชีวิตร่วมอยู่กับผู้หญิงที่ชื่อ............. เพียงฝน
“ท่องไว้สิวีย์ นายมาที่นี่เรื่องงาน”
ชายหนุ่มบอกกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะถอนหายใจกับความสับสนที่เกิดขึ้น
“เฮ้!!”
เสียงปริศนาดังจากทางด้านหลัง ทำรณวีย์สะดุ้งน้อยๆ ก่อนจะหันไปมองตามทิศที่มา ฉับพลันชายหนุ่มถึงกับร้องเสียงหลง เมื่อเห็นชัดเจนถึงวัตถุที่ลอยเฟี้ยวมาจากมือคนโยน
“เฮ้ย!! โตจนป่านนี้ยังไม่เลิกกลัวของเด็กเล่นอีกเหรอ เสียหมด พ่อนักเขียนใหญ่”
การินทร์ส่ายหน้าอย่างขำๆเมื่อเห็นอาการตัวสั่นหน้าซีดของรณวีย์หลังจากที่โดนเขาโยนงูของเล่นใส่เต็มๆหน้า เมื่อก่อนรณวีย์กลัวมันแค่ไหนเขารู้ดี ตอนนี้ก็แค่อยากพิสูจน์จิตใจเจ้าตัว ยังคงเหมือนเดิมจริงๆ
“ไอ้ทะลึ่ง”
รณวีย์เผลอปากว่าอย่างลืมตัว เพราะทั้งตกใจกลัวและอายไปพร้อมๆกัน ก็เสียงร้องเขามันเรียกความสนใจรุ่นน้องอยู่ได้น้อยซะเมื่อไหร่ การินทร์ยิ้มล้อเลียนอย่างไม่สะท้าน ก่อนจะเดินไปก้มเก็บของที่ยืมรุ่นน้องมา
“กลัวไปได้ แค่งูพลาสติกเมื่อไหร่จะโตซะทีหึนาย”
“บอกตัวเองก่อนเหอะ เป็นถึงพ่อคน ยังเทียวเล่นอะไรเป็นเด็กๆ สงสารลูกเมียจริงๆ”
รณวีย์แย้งกลับเมื่อโดนว่า การินทร์ถึงกับนิ่งเงียบ
“นายคิดว่าฉันมีลูกเมียจริงๆเหรอวีย์”
ชายหนุ่มถาม
“ทำไมฉันต้องคิด ในเมื่อมันเป็นเรื่องจริง”
“เรื่องจริงที่นายรู้ไม่หมดน่ะสิ”
แววตาหม่นเศร้าฉายชัดในแววตาคนพูด รณวีย์ถึงกับชะงัก แต่ก็ไม่ทันได้ถามอะไร เมื่อฝ่ายนั้นเดินหนีไปซะก่อน เจ้าตัวจึงอดไม่ได้ที่จะเดินตาม
“ให้ตายเถอะ นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า รณวีย์เดินตามการินทร์ เป็นไปได้ไง”
การินทร์หันมาแซวยิ้มๆ เมื่อเห็นรณวีย์เดินตามมาทันจนตีคู่เขาขึ้นมา
“ฉันก็แค่อยากให้นายดูในสิ่งที่นายควรจะลงมือทำได้แล้ว”
รณวีย์หาข้อแย้ง ทำคนฟังหยุดมองแล้วถาม
“อะไร”
“ก็งานไง”
“งานอะไร”
“ออกแบบฉาก”
“นี่อย่าบอกนะว่านายเขียนบทเสร็จแล้ว”
“ทำไมต้องรอให้เสร็จ ฉันทำได้แค่ไหน นายก็ควรจะเอาไปหาข้อมูลแค่นั้นสำหรับทำฉากประกอบ”
“ทำของตัวเองให้เสร็จก่อนเหอะ ค่อยมาบังคับคนอื่น”
“ฉันไม่ได้บังคับ ฉันแค่บอกในสิ่งที่มันควรจะเป็นไปตามขั้นตอน”
“ตามขั้นตอน โธ่นึกว่าตัวเองมีฝีมืออยู่คนเดียวหรือไง”
“ไม่ได้คิด แค่ฉันไม่เคยเห็นฝีมือของนายก็แค่นั้น”
“อยากดูป่ะล่ะ”
“ก็รอดูอยู่นี่ไง”
“ฉันไม่ได้หมายถึงงานชิ้นนี้”
“แล้วนายหมายถึงอะไร”
“ก็ตอบมาสิ ว่าอยากดูหรือไม่อยากดู”
“ทำไมฉันต้องตอบ”
“ก็ถ้านายอยากดูฉันก็จะพาไปดู..”
“ถ้าฉันไม่อยากดูล่ะ”
“ภาพวาดนั้น ก็จะอยู่กับฉัน ตลอดไป”
“คนขอซื้อก็จะไม่ขายงั้นเหรอ”
“ก็ถ้าคนในภาพไม่อณุญาต ฉันก็จะไม่ขาย”
ใคร? คนในภาพ รณวีย์เกิดคำถามขึ้นในใจ ก่อนจะสรุปว่าคนๆนั้นคงจะมีความสำคัญไม่น้อยสำหรับชีวิตคนวาด ถึงขนาด มีอำนาจชี้ขาด ว่าภาพนั้นจะอยู่หรือจะไปจากเจ้าของ แต่จะใครก็ช่างเถอะ คนๆนั้นคงไม่ใช่เขาแน่
การินทร์คงไม่ให้เกียรติเขาขนาดนั้น.
“คิดอะไรอยู่วีย์”
การินทร์ถามเมื่อคนข้างกายยืนเหม่อ
“เปล่า”
รณวีย์ตอบสั้นๆ ก่อนจะอึกอักที่จะตอบคำถามของการินทร์ที่เอ่ยขึ้นใหม่ว่า
“ตกลง นายอยากที่จะดูภาพนั้นหรือเปล่า”