วันนี้ผมกับไอ้เหี้ยทีมนั่งจูบปากกันในโรงหนัง....
ปล่อยให้คนรุกรานมันได้ใจกับริมฝีปากผมอยู่ราวสองนาที ผมก็เริ่มผลักมันออกเบาๆ ไม่อยากให้แตกตื่นมากเดี๋ยวจะกลายเป็นจุดสนใจของคนรอบข้าง ตอนนี้หนังที่ฉายอยู่ยังไม่จบ แต่ฉากจูบนอกจอควรจะจบลงได้แล้ว
ไอ้ทีมที่ยังเพลิดเพลินกับการเลาะเล็มริมฝีปากผมอยู่นั้นก็ไม่ได้สนใจกับแรงผลักที่อกเลยแม้แต่น้อย มันยังจูบไล้เบาๆ จากริมฝีปาก แล้วลากมาที่แก้ม ก่อนจะไปจบลงตรงแถวๆ แอ่งชีพจรตรงคอ ผมรู้สึกได้ถึงแรงจูบที่เน้นหนักขึ้นพร้อมความชื้นแฉะทำให้รู้ได้เลยว่า...นอกจากจูบและเลียเบาๆ แล้ว...ไอ้เหี้ยนี่ยังจะดูดให้เป็นรอยอีก!!
“ฝุ่น...อืม...” มึงจะครางชื่อกูทำไม
“ทีม มึงพอได้แล้ว”
“ขออีกนิด”
กูไม่ใช่โปรมือถือนะ จะได้ต่อช่วงเวลาโปรโมชั่นให้มึงเนี่ย!!
ผมใช้มือขวาค่อยๆ เลื่อนไปขยำแถวๆ ผมด้านหลังของไอ้ทีมก่อนจะใช้อีกมือเลื่อนไปปิดปากมันไว้ แล้วกระชากมือขวาเต็มแรง!!!!
“อื้อ!!!!!!” รู้ว่ามึงอยากจะร้องโอ๊ย และด่ากู แต่โดนปิดปากไว้แน่นแบบนั้นก็ทำได้แต่เสียงแบบนี้สินะ..หึหึ กูบอกแล้วให้พอ
“เจ็บนะฝุ่น” มันกระซิบบอกเบาๆ ลูบหัวตัวเองป้อยๆ แสงจากจอหนังทำให้ผมเห็นสีหน้าเสียดายปนเซ็งของมันได้ลางๆ
“กูบอกแล้วให้พอ แล้วนี่เป็นรอยรึเปล่าที่คอกูเนี่ย ถ้าเป็นรอย มึงโดนตีนแน่” ผมคาดคำขู่ไว้ ไอ้ทีมมันก็แลบลิ้นใส่แล้วบอก
“ก็กูนึกว่ามึงกลัวผี เลยอยากปลอบ ถ้ากลัวอีกก็บอกได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“ส้นตีน” ผมด่าพลางผลักหน้ามันให้ออกไปห่างๆ เสียงหัวเราะจากผู้ถูกประทุษร้ายดังแทรกเสียงกรี๊ดจากหนังมาเบาๆ
นับว่าโชคดีมากที่บนคอผมไม่มีร่องรอยความผิดอะไรเหลือให้ต้องดึงเสื้อมาปิด และไม่ต้องเปลืองแรงกระโดดขาคู่ถีบหน้าต้นเหตุที่ยืนยิ้มไม่รู้สึกรู้สาอยู่ข้างๆ คนนี้ด้วย ที่จริงก็แอบกระดากที่ต้องมาเดินคู่กับมันออกจากโรงหนัง ทั้งที่น้ำลายบนปากยังไม่ทันแห้ง แต่ในเมื่อคนทำมันยังตีหน้าซื่อไม่รู้ไม่ชี้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อไปได้ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ผมต้องโวยวายจนเป็นเรื่อง
ตอนแรกไอ้เหี้ยทีมบอกว่าจะแวะเข้าห้องน้ำทำธุระก่อนค่อยไปเดินเล่นกันต่อ แต่ผมรอมันเกือบห้านาทีแล้วก็ยังไม่ออกมา พอดีกับที่เด็กเพิ่งเริ่มเข้าวัยรุ่นเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมเครื่องเล่นเอ็มพีสามยี่ห้อผลไม้ชนิดหนึ่งมีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมอยู่แคลิฟอร์เนีย..แน่นอนว่าผมรู้ว่าทุกคนรู้ว่ามันคือยี่ห้ออะไร หิหิ แต่พูดไม่ได้ครับ ไม่ได้ค่าโฆษณา กร๊ากก
และเพราะเอ็มพีสามสี่ห้ายี่ห้อผลไม้นั้นเอง ทำให้ผมนึกขึ้นได้ถึงความผิดที่กินหลังอีหมาเซ็กส์เสื่อมจนเหวอะเมื่อเช้า...มันพังเอ็มพีสามผมด้วยน้ำลายและบ่อปลาคาร์ฟ ไหนๆ ไอ้ทีมมันก็ยังทำตัวแฮปปี้ด้วยการสนทนาพาเพลินกับส้วม ผมเลยเดินออกไปอีกทีเพื่อจะไปดูเอ็มพีสามเครื่องใหม่ก่อนจะดีกว่า ถ้าถึงเวลาจะได้สั่งให้ไอ้เจ้าของหมามันควักเงินจ่ายค่าเสียหายให้ผมเลย คริคริ
ที่จริงแล้วผมก็อยากได้รุ่นผลไม้ที่ว่านั่นนะครับ ยิ่งจอทัชสกรีนที่ออกมาใหม่มันก็ช่างล่อตาล่อใจผมเหลือเกิน ส่วนตัวผมชอบฟังเพลงอยู่แล้ว ดังนั้นหูฟังกับเครื่องเล่นจึงค่อนข้างพิถีพิถันกับมันหน่อย แต่เครื่องที่เพิ่งโดนอีหมาเซ็กส์เสื่อมพังไปมันก็เก่ามากพอสมควรแล้วล่ะครับ ใช้มาตั้งหลายปีแล้ว ครั้นจะซื้อใหม่ก็ไม่รู้จะเอาเครื่องเก่าไปไว้ไหน
แต่จะขอบคุณนังเซ็กส์เสื่อมมันทีเป็นต้นเหตุทำให้ผมต้องเปลี่ยนเครื่องเร็วกว่ากำหนด ก็พูดได้ไม่ค่อยเต็มปากเท่าไรนัก
“สนใจรุ่นนี้เหรอครับน้อง” พนักงานขายที่คาดว่าน่าจะได้ส่วนแบ่งจากยอดขายตรงรี่เข้ามาทันที เมื่อผมเดินเข้าไปลูบๆ คลำๆ เครื่องไอพอดทัช..อุ๊ย หลุดปาก กร๊ากกกก
“ก็ดูเรื่อยๆ ครับ” ผมตอบผ่านๆ แล้วลองสไลด์หน้าจอเล่นดู มันสวยใช่เล่นเลยครับ แต่ราคานี่ก็แอบกระชากใจอยู่เหมือนกันถ้าเทียบกับขนาดใกล้เคียงแต่ยี่ห้ออื่น
“ถ้าชอบฟังเพลง ดูหนัง เล่นเน็ตได้ ทัชก็เป็นตัวเลือกที่ดีนะครับ”
ผมเงยหน้าขึ้นจากจอมองเขาเต็มๆ ตา พนักงานขายที่นี่แม่งเลือกหน้าตารึเปล่าวะ...หล่อเกินมนุษย์ปกติ หรือมันมียีนส์จากต่างดาวผสม..? เขายิ้มกว้างขึ้นเมื่อสบตากับผมตรงๆ
“ผมไม่ค่อยได้เล่นเน็ตหรอกครับ” ผมตอบไปตามจริง หน้าพนักงานหงอยลงไปนิดหน่อย “แต่ชอบดูหนังฟังเพลง”
“เหมือนพี่เลย” น่ะ...มามุขนี้ กูรู้ทันนะ
“เหมือนกูด้วย” อันนี้ผมไม่ได้ตอบหรอกครับ แต่ไอ้ห่านป่าที่เดินมาจากไหนไม่รู้ เข้ามาเขย่งตัวเอาคางเคาะหัวผมแล้วตอบแทน...เออ ดี ส่วนสูงต่างกันแค่สิบเซนต์ยังจะหาวิธีเล่นให้ลำบากนะ
ทีมมันสูงครับ ร้อยแปดสิบกว่าเพราะเป็นนักกีฬ่า ส่วนผมก็อย่างที่บอกไปว่าเป็นระดับผู้ชายปกติร้อยเจ็ดสิบกว่าๆ ถึงมายืนเทียบกันก็ห่างกันไม่ได้น่าเกลียดมาก ผมเลยไม่คิดอะไรมากถ้าต้องเดินกับมัน แต่ถ้าเดินกับยูลเมื่อไหร่ ผมจะรู้สึกว่าตัวเองดูด้อยลงไปในหลายๆ ทาง ทั้งรูปร่างความสูงและหน้าตา อย่างว่าแหละ มันเป็นฝรั่งนี่ครับ ความสูงก็ชะลูดแข่งกับต้นตาลอยู่แล้ว
“กูไม่ได้ถาม” ผมหันไปตอบ แล้ววางไอพอดทัชลงกับแป้นอย่างเดิม
“อยากได้เหรอ”
“หมามึงพังเอ็มพีสามกูไปแล้วนี่” ผมตอกย้ำให้รู้ว่าเดี๋ยวมึงได้ซื้อคืนให้กูแน่ๆ ไม่ต้องห่วง
“โห ไปเอาเงินที่เซ็กส์ซี่ดิ มาวีนอะไรกู นี่อุตส่าห์พาออกมาเดินเล่นผ่อนคลาย ดูหนังอีก ทำไมคนดีอย่างกูทำดีอะไรถึงไม่ได้ดั่งใจมึงเลยวะ” มันถามผม คงไม่ได้จริงจังเท่าไหร่ เพราะมันพูดเสร็จก็เดินหนีไปทางมุมที่ขายซิลิโคนใส่ไอพอดทันที ทิ้งให้พนักงานสุดหล่อนั่นยืนมองหน้าผมสลับกับไอ้เหี้ยทีมแบบเหวอๆ
“เอ่อ...แฟนน้องเหรอครับ”
“ใช้หัวแม่เท้าคิดเหรอครับพี่” เออ ขอหน่อยเหอะ ทักแบบนี้ผมเสียหายครับ
“ฝุ่น มึงมานี่!” แม่งเดินไปแล้วไม่พอ ยังหันมาตะโกนแหกปากเรียกให้ผมเดินตามเข้าไปด้านในอีก...ห่าน มึงไม่อายตัวเองก็สงสารกูบ้าง หน้ากูไม่ได้หนาเท่ามึงนะ!!
“ไปเถอะครับ เดี๋ยวว่าที่แฟนจะอาละวาด” ไอ้พี่พนักงานทิ้งระเบิดแล้วก็เดินหนีหายไปไหนไม่รู้ แต่ขอโทษ ทำไมชีวิตกูมีแต่คนกวนตีนวะ!!!
“มึงชอบสีไรอะฝุ่น” ทีมมันถามขึ้นทันทีเมื่อผมเดินไปยืนหน้ามึนอยู่ข้างๆ มัน
“ไอพอดทัชมีสีเดียว”
“กูไม่ได้ถามถึงไอพอดทัช กูถามว่ามึงชอบสีอะไร น้ำเงิน เทา ดำ ขาว ม่วง”
อยากตอบว่า กูเป็นชาวสีม่วงที่ชอบสีเทา จะโดนสังคมประณามป่ะวะ...คริคริคริ
“ขาว..ทำไม มึงจะซื้อซิลิโคนใส่ไอพอดให้กูเหรอ” ผมกวนมันไปงั้นแหละครับ เห็นมันยืนมองๆ ซิลิโคนใส่ฝาหลังของทัชอยู่ ราคาก็แพงพอสมควรเลยครับ เพราะนี่ขายในช็อปใหญ่ ไม่ได้แขวนตามทางเหมือนที่เราเดินผ่านกันมาเมื่อกี้
“อืม เอาไปใช้ก่อน เครื่องค่อยตามไปทีหลัง” ทีมยิ้มกว้าง “เดือนนี้กูหมดงบแล้ว ต้องรอต้นเดือนให้พ่อโอนเงินให้ก่อน กูค่อยกลับมาเป็นเจ้าสัวอีกครั้ง รอตอนนั้นละกันนะ”
“ห่า กูไม่เอา กูล้อมึงเล่น ถ้ามึงอยากจ่ายนักกูจะให้เพื่อนส่งมาให้จากเมกา ถูกกว่าในไทยตั้งเยอะ” เยอะจริงรึเปล่าไม่รู้ แต่พูดไปงั้น ถึงผมจะพูดนั่นพูดนี่แต่ของราคาไม่ใช่บาทสองบาท ถึงตอนนี้เงินจะมีไม่มาก แต่อีกไม่นานแม่ก็จะส่งเงินมาให้ผมเหมือนกัน ตอนนั้นค่อยซื้อเองก็ยังไม่สาย
มือที่จับกล่องซิลิโคนไอพอดทัชอยู่ถึงกับชะงักแล้วหันมาถามผมนิ่งๆ
“เพื่อนหรือแฟน”
“ห่านี่ กูบอกว่าเพื่อน หูมึงฟั่นเฟือนเหรอ”
“อ่อ..เดี๋ยวนี้เพื่อนทั่วไปเค้าซื้อของราคาแพงแบบนี้ให้กันด้วยเหรอ” เอ๊า แขวะกูอีก
“เออ ยูลเป็นเพื่อนคนพิเศษของกู มึงจะทำไม” แขวะมา ผมก็ประชดกลับ..บอกว่าเพื่อน ก็เพื่อนสิวะ จะซักให้ได้รางวัลโนเบลเลยมั้ย
“กูจะทำอะไรได้ กูมันก็แค่คนมาทีหลัง” นั่น..เริ่มเองเคืองเอง ถามคำนึงกูผิดอะไรเนี่ยยย
และขออีกคำถาม กูกับมึงเป็นอะไรกันครับบบบบ ได้ข่าวว่ามึงเป็นแค่ลูกชายของคนที่น้ากูแต่งงานด้วย ไม่ใช่คนที่กูแต่งงานด้วยครับ!! จะประชดให้ได้อะไร!!
ไอ้เหี้ยทีมแม่งคว้าทุกสีบนแผงมาอย่างละหนึ่งชิ้น พร้อมเดินไปที่เคาน์เตอร์จ่ายเงินโดยไม่ได้ถามอะไรผมซักคำ เออ โกรธก็โกรธไปเหอะ กูยังมองไม่เห็นเลยว่าตัวเองทำอะไรผิด ถ้าจะให้ง้อก็รอชาติหน้าวันพระจันทร์เต็มดวงละกันนะ
ผมเดินหัวเสียเล็กน้อยออกจากร้านไปอย่างไม่คิดจะรอไอ้คนที่ทำตัวงี่เง่า แล้วตรงไปยังร้านหนังสือใกล้ๆ ทันที มันมีหนังสือโปรโมทพวกหนังใหม่ ที่เพิ่งเข้าและกำลังจะเข้าโรงวางขายอยู่ ด้วยความชอบดูหนังเป็นทุนเดิม ผมเลยตรงเข้าไปยืนเปิดๆ ดูนิตยสารพวกนั้น เห็นว่าราคาไม่แพงมากเท่าไหร่เลยตัดสินใจซื้อมาเล่มหนึ่งเพราะข้อมูลโดยรวมก็คล้ายๆ กันผมเลยเลือกเล่มที่มีหน้าสีเยอะกว่า กร๊ากกก
พอจ่ายเงินเสร็จก็เดินออกจากร้าน เจอไอ้ทีมทำหน้าเป็นตูดยืนรออยู่ก่อนแล้ว มันถามผมทันที
“ซื้อไรมา”
“ข้าว”
“เดี๋ยวนี้เค้าขายข้าวในร้านหนังสือด้วยเหรอ อินเทรนด์ว่ะ”
“วันนี้มึงเป็นอะไรเนี่ย เมนส์ไม่มาเหรอ กวนตีนกูตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ” ผมหันไปโวยวายใส่มัน ทีมมันก็หน้าหงอยลงเล็กน้อยแล้วบ่นพึมพำ
“ใช่สิ กูไม่ใช่ยูลนี่ ทำอะไรก็ผิด”
“มึงอย่ามาปัญญาอ่อน มึงกับกูเป็นอะไรกันถึงได้มาตัดพ้อกูแบบนี้ ห๊ะ?” ผมเริ่มเท้าเอวคุยกับมัน ทีมมันขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วบอกผมนิ่งๆ
“กูพยายามทำตัวเป็นคนดี แต่มึงก็ชอบด่ากู กูเป็นคนอารมณ์ดีแต่ก็ใช่ว่ากูจะเสียใจไม่เป็นนะ”
“ข้ออ้างมึงแต๋วมาก”
“เออ กูยอมให้ด่าว่าแต๋ว ถ้าทำให้มึงเลิกโวยวายตะโกนใส่กูเหมือนกูเป็นตัวจังไรในชีวิตมึง”
มันพูดทิ้งไว้แค่นั้นแล้วเดินหนีไปเลยครับ อื้อหือ...แม้แต่แม่ กูยังไม่เคยยอมให้ขนาดนี้นะ เดี๋ยวถึงคราวของกูบ้างจะทบต้นทบดอกเลย!!
เดี๋ยวมาต่อตอนที่ 5.2 เร็วๆนี้นะคะ
ช่วงนี้ย้ายหอ รู้สึกเซ็งกับหอใหม่มาก จิตป่วย
จะคริสต์มาสแล้วนะ สัญญา(มั้ง) ว่าจะมีตอนพิเศษขอบคุณคนอ่านวันคริสต์มาส ลงเร็วๆ นี้ กร๊ากกกกกก
ขอสปอยล์ว่าอาจจะหวานแบบจิกกัดตามสไตล์หนุ่มๆ 55555
ขอความคิดเห็นกันหน่อยนะคะ
ขอบคุณมากค่า
ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ค่ะ
eiizes