บาป...หวาน ♥ แจ้งข่าวดีด่วนสุดดดด หน้า 31 จ้า [16/1/16 :D]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: บาป...หวาน ♥ แจ้งข่าวดีด่วนสุดดดด หน้า 31 จ้า [16/1/16 :D]  (อ่าน 324962 ครั้ง)

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
Re: บาป...หวาน ตอนที่ 6.1(07/01/2011 UP!!!!)
«ตอบ #180 เมื่อ08-01-2011 02:20:17 »

ตัดสินใจลงมืออย่างรวดเร็ว
แถมมีการวางแผนอย่างต่อเนื่อง

โหยยยยยยยยยยยย พ่อคุณ เมียท่านจะหนีไปไหนเสีย

pinkky_kiku

  • บุคคลทั่วไป
Re: บาป...หวาน ตอนที่ 6.1(07/01/2011 UP!!!!)
«ตอบ #181 เมื่อ08-01-2011 02:46:55 »

แบบว่า ทะมัยเค้าโดนรุมตีนแต่เกี่ยวกะทีมอ่ะ งงนิ
มาต่อไวๆนะค๊า

ps. ไม่ขอมาม่านะคะ มาม่าเยอะแล้วค่ะ เอาหวานๆ แบบชื่อเรื่องอ่ะ ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ meduza

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-0
Re: บาป...หวาน ตอนที่ 6.1(07/01/2011 UP!!!!)
«ตอบ #182 เมื่อ08-01-2011 02:53:35 »

สั้นจางเยย
พี่ทีมแกรุกไวทันใจจิงแต่ดันมามีคนมาขัดจังหวะน่าสงสารจังอิอิ
น้องฝุ่นจ๋าเขิลรุนแรงจังนะชอบความรุนแรงก็ไม่บอกพี่ทีมแกจะได้จัดหนักเลยอิอิ
รออ่านตอนต่อไปอยู่น๊า
+1เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่า

ออฟไลน์ stormphoenix

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2269
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-3
Re: บาป...หวาน ตอนที่ 6.1(07/01/2011 UP!!!!)
«ตอบ #183 เมื่อ08-01-2011 03:40:02 »

:กอด1: เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนหายจากอาการปวดศีรษะ
แล้วก็จะรอตอนต่อไป หวังว่าคงไม่ทำให้น้องฝุ่นเหมือนตอนนี้นะคะ


เหมือนๆกับรีอื่นๆ  ตามนั้นครับ :กอด1: :กอด1: o13 o13

ออฟไลน์ milky way

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
Re: บาป...หวาน ตอนที่ 6.1(07/01/2011 UP!!!!)
«ตอบ #184 เมื่อ08-01-2011 10:21:06 »

ฝุ่นกำลังจะเปิดใจให้ทีมแล้ว
อย่าให้อะไรมาทำให้ฝุ่นกลับไปอยู่กับตัวเองเลยน่ะ
ทีมรีบจัดการ :z6:กับปัญหา
แล้วกลับมาจัดการ :-[ กับฝุ่นน่ะ

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
Re: บาป...หวาน ตอนที่ 6.1(07/01/2011 UP!!!!)
«ตอบ #185 เมื่อ08-01-2011 12:36:13 »

น้องฝุ่นเกือบไปแล้วววววว

+1 ให้กำลังใจค่ะ

ออฟไลน์ panari

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
Re: บาป...หวาน ตอนที่ 6.1(07/01/2011 UP!!!!)
«ตอบ #186 เมื่อ08-01-2011 16:28:36 »

แหม นึกว่าจะ...  :z1: ซะแล้ว ไม่เป็นไรพี่ทีม ยังมีโอกาสแก้ตัวอีก อิอิ

ออฟไลน์ hotladyanyavee

  • ขึ้นจากเกาะ มาใช้ชีวิตบนอ่าวนาง มันก็อินดี้ไปอีกแบบ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-10
Re: บาป...หวาน ตอนที่ 6.1(07/01/2011 UP!!!!)
«ตอบ #187 เมื่อ08-01-2011 23:45:27 »

อ่านสองตอนเจอตัดไป สองครั้ง กะจะฆ่ากันรึไง อยากรู้น้องทีมน้องฝุ่นเป็นไงต่อ

ออฟไลน์ eiizes

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-0
    • facebook
บาป...หวาน Special Merry Married Christmas (110109 update)
«ตอบ #188 เมื่อ09-01-2011 01:06:19 »

Merry Married Christmas
(Lately Merry Christmas :D)

คำเตือนก่อนอ่าน
เนื้อเรื่องด้านล่างเป็นตอนพิเศษที่อยู่นอกเหนือจากตอนหลักนะคะ ไม่มีส่วนเกี่ยวเนื่องใดๆ ต่อกัน โปรดอ่านเพื่อความเพลิดเพลิน







   “กูจะไปดูไฟ”



   นั่นคือคำขาดที่ผมยื่นให้ตั้งแต่ตื่นนอนโดยที่คู่สนทนายังไม่ทันแม้แต่จะถามด้วยซ้ำว่าวันนี้ผมจะไปไหนรึเปล่า มันเป็นการเอาแต่ใจตัวเองอย่างร้ายกาจครับ ผมรู้แต่ผมก็รู้อีกด้วยว่าไอ้คนตรงหน้ามันไม่ขัดใจผมหรอก ผู้ชายไทยแท้ตาไม่ตี่แต่สูงและขาวหล่อยิ้มกว้างให้กับคำร้องขอกึ่งบังคับนั้น มันขยับตัวเปลี่ยนท่าจากนั่งบนเตียงแล้วเอนตัวไปทางด้านหลังมานั่งห้อยขากับขอบเตียง ก่อนจะดึงผมลงไปนั่งตรงหว่างขา ทีมมันกอดผมเอาไว้หลวมๆ


   “ไปดูไฟ?...มึงดูไฟนีออนในห้องนี่ก็ได้ คล้ายกันเลย” ไม่ว่าเปล่า มันขยับหน้ามาหอมแก้มผมเบาๆ  “หรือถ้าอยากให้มันสว่างวิบๆ เหมือนบนถนน เดี๋ยวกูสร้างบรรยากาศให้ได้นะ”


   พูดแล้วก็ยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนี้ ไม่รู้เลยเนอะว่ามึงกำลังคิดอะไรน่ะ ไอ้หื่น


   “ลามปามว่ะมึงอะ” ผมผลักหน้ามันออก ทีมมันก็ได้แต่หัวเราะเบาๆ กอดผมแน่นขึ้นแล้วร้องเพลงพลางโยกตัวไปมา


   “You better watch out. You better not cry. You better not pout. I’ll tell you why…” มันร้องเพลงด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มแบบที่ผมชอบฟัง เว้นระยะเอาไว้ไม่ยอมร้องจนจบ เริ่มอีกละ เด็กน้อยในตัวมันเริ่มอยากเล่นอะไรพิเรนทร์อีกแน่ๆ


   “why shouldn’t I cry?” เล่นมาก็ถามกลับได้ครับ


   “Santa Team is coming for you~” โห ไอ้เสี่ยวววววววววว


   “กูจะอ้วก” ผมหัวเราะในคอแล้วทำท่าจะลุกหนีไปอาบน้ำ ตั้งแต่ตื่นมาก็บ่ายกว่าแล้วครับ ยังไม่ได้อาบน้ำเลย เหนียวตัว


   “แพ้ท้องเหรอ กูใส่ถุงยางตามที่มึงสั่งตลอดนะ แอบมีชู้เหรอที่รัก” มันดึงข้อมือผมไว้ แกล้งถามด้วยสีหน้าจริงจัง ขมวดคิ้วย่นเข้าหากันจนเป็นรอยคลื่นเลยครับ


   “ทีม มึงอย่าย่นคิ้วแบบนี้ดิวะ เห็นทีไร กูนึกขึ้นได้ทุกทีว่ามึงแก่”


   “พูดแบบนี้เอาสิบล้อทับหน้ากูเลยดีกว่า” มันบอกแล้วทำปากยื่นใส่ผม แม่ง น่าเอาแม็กซ์มาเย็บปากจริงๆ


   “กูจะอาบน้ำ หิวแล้วด้วย” สั่งไว้เผื่อครับ เพราะมันตื่นตั้งแต่เช้า อาบน้ำแล้วไปตักบาตรที่หน้าบ้าน นั่งดูการ์ตูน ให้อาหารเซ็กส์ซี่แล้วค่อยมากวนใจผมเมื่อไม่นานนี้เองครับ ทีมมันทำท่าตะเบ๊ะใส่


   “ทันทีครับเจ้านาย!”



   ผมใช้เวลาไม่นานในการเปลี่ยนเสื้อลงมาที่ชั้นล่าง ข้าวต้มง่ายๆ ถูกจัดเตรียมไว้หอมฉุยอยู่บนโต๊ะ มีไอ้ทีมมันนั่งยิ้มกว้างอยู่ที่ฟากหนึ่งของโต๊ะ วันนี้มันใส่เสื้อยืดสีขาวธรรมดาสกรีนลายธรรมดาแต่ความพิเศษของมันอยู่ที่ผมเองก็มีเสื้อตัวนี้ด้วยเหมือนกัน จะเรียกว่าเสื้อคู่ก็ดูจะไม่เลี่ยนจนเกินไปนะ


   “เสื้อใส่พอดีตัวป่ะวะ” มันถามผมก่อน ถูกแล้วครับ วันนี้ผมเองก็จงใจใส่เสื้อแบบเดียวกับมัน คริสต์มาสทั้งที อยากทำอะไรดีๆ ให้ไอ้ตัวดีมันชื่นใจบ้าง แหะๆ เขินเหมือนกัน ปกติไม่เคยทำอะไรแบบนี้


   “อืม หลวมนิดหน่อย” ผมบอกแล้วจับขอบเสื้อแถวๆ เอวให้มันดู ช่วงนี้ผมเรียนหนัก ต้องเตรียมสอบด้วยน้ำหนักเลยลดไปหลายกิโลอยู่


   “ไม่ได้หลวมหรอก กูจงใจซื้อไซส์นี้ มันจะได้ไม่รัดตัวมึงมากไง”


   “ถ้ามึงใส่เสื้อยืดหลวมๆ เหลือจากตัวมึงเป็นเมตรแบบนี้ ก็ไปเต้นฮิปฮอปเถอะทีม” ผมบ่นอย่างจนใจแล้วนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามมัน โต๊ะกินข้าวที่บ้านหลังนี้ไม่ได้ใหญ่เหมือนบ้านหลังเก่า ขนาดของมันเพียงพอแค่สำหรับคนสองคนเท่านั้น ผมกับทีมเลยนั่งห่างกันแค่เอื้อมมือถึง


   “ไหนมึงว่ากูแก่ กูคงเต้นฮิปฮอปไม่ไหวหรอกมั้งเด็กน้อย” ผมหัวเราะหึหึ กับท่าทีเลียนแบบคนแก่ของมัน แล้วลงมือตักกุ้งในชามขึ้นใส่ปาก ทีมมันรู้ดีครับว่าผมชอบทานข้าวต้มกุ้งตอนเช้า รสเค็มนิดๆ แบบนี้แหละ ทำให้ผมค่อนข้างเจริญอาหาร ที่จริงจะว่าผมน้ำหนักลงก็คงไม่ใช่ซะทีเดียว ก่อนหน้านี้ผมน้ำหนักขึ้นมาหลายกิโลเพราะมันเอาแต่ทำกับข้าวขุนผมจนแก้มย้วย มาช่วงนี้ถึงได้กลับไปน้ำหนักเท่าตอนเพิ่งกลับจากอเมริกาใหม่ๆ


   “เตะปี๊บไม่ดังแล้วสิมึงอะ กูถึงว่า พักนี้มึงเรือล่มปากอ่าวบ่อยๆ”


   “เฮ้ยๆ พูดให้ดีๆ กูล่มปากอ่าวตอนไหน ไม่เคยเหอะ” มันทำท่าเคืองๆ ใส่ แล้วลุกไปหยิบช้อนอีกคันมาแย่งข้าวต้มผม “ฝุ่น”


   “อะไร”


   “ตอนมึงอยู่เมกา ซานตาคลอสเข้ามาในบ้านทางไหนวะ” ห่า..ถามไรของมึงเนี่ย ปัญญาอ่อนกว่านี้มีอีกมั้ย


   “ประตูมั้ง” ผมตอบแบบไม่ใส่ใจเท่าไหร่ แบบว่าไม่ว่างกำลังเคี้ยวกุ้ง คริคริ


   “อ่าว บ้านเก่ามึงไม่มีปล่องเตาผิงเหรอวะ”


   “มี แต่ถ้าซานต้าโง่เข้าทางนั้น ป่านนี้คงโดนย่างสดไปแล้วมั้ง”


   “งั้นมึงคิดว่าซานต้าจะเข้ามาบ้านเราทางไหน”


   “หน้าต่างห้องกูล่ะมั้ง เผื่อได้ลองของแปลก” ตอบไปงั้น ทีมมันเลยทำปากจี๊จ๊ะที่ผมไม่เล่นตามน้ำ จนสุดท้ายมันก็ยอมบอก


   “แต่กูว่ากูเห็นซานต้าแวบๆ แถวๆ เครื่องซักผ้านะ มึงกินข้าวเสร็จลองไปเปิดดูดิ เผื่อมีของขวัญ” แม่ง เด็กสามขวบยังรู้เลยว่ามึงเอาของขวัญไปใส่ไว้ในเครื่องซักผ้าให้กู ไอ้บ้า!!!



   แล้วกูก็บ้าตามมัน....


   ผมเดินมาเปิดเครื่องซักผ้าดูตามที่มันบอกจริงๆ แหละครับ แล้วแม่งก็เป็นอย่างที่เด็กสามขวบทาย มีกล่องของขวัญกล่องไม่ใหญ่มากอยู่ในนั้นพร้อมสำลีที่ขยำๆ อีกจำนวนนึง ผมเลี่ยงที่จะหยิบของขวัญขึ้นมาเมื่อปลายหางตาแอบเห็นไอ้ทีมมันเดินมา แต่หยิบสำลีก้อนๆ นั่นขึ้นมาแทน


   “ห่าไรเนี่ย!! กูเจอซานต้าจะเตะตูดให้ เอาสำลีมาทิ้งไว้ในเครื่องซักผ้าทำไม!!!” ผมแกล้งโวยวายขึ้นมาเสียงดัง ทีมแม่งรีบวิ่งทั่กๆ ออกมาจากหลังประตู แล้วบอก


   “เห้ย กู เอ้ย ซานต้าให้มึงดูของขวัญไม่ใช่หิมะ”


   “หิมะพ่อมึง หน้าตาแบบนี้เหรอ” ผมถามเสียงโหด หน้ามันเลยหดเหลือสองนิ้ว ก้มลงหยิบกล่องของขวัญขึ้นมาจากถังเครื่องซักผ้าส่งให้ผม


   “ไม่เปิดดูเหรอ”


   ผมไม่พูดอะไร แต่รับมาแล้วค่อยๆ แกะสก็อตเทปออกทีละจุดอย่างระมัดระวัง ข้างในเป็นกล่องแข็งเรียบสีขาว มีสติ๊กเกอร์ยี่ห้ออะไรผมไม่แน่ใจสีทองๆ แปะอยู่บนกล่องเพิ่มความหรูให้อีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากแคร์ ของต้องสงสัยที่อยู่ข้างในนี้คืออะไรนี่แหละคือสิ่งที่ผมจะหาคำตอบเอาเดี๋ยวนี้


   กล่องถูกผมเปิดขึ้นอย่างเบามือ ผ้าพันคอไหมพรมนุ่มมือสีเทาเข้มแบบที่ผมชอบและแม่กุญแจจำนวนสองลูกวางอยู่ในนั้น...


   “ซานต้าบ้ารึเปล่า ส่งผ้าพันคอมาให้กูทำไม อากาศร้อนจะตายห่าแบบนี้ ให้เสื้อกล้ามตราห่านกูยังไม่โกรธเลย” ผมแกล้งตวัดตาใส่ ทีมมันเลยรีบกุลีกุจอหยิบผ้าพันคอกับแม่กุญแจขึ้น มีซองสีม่วงเข้มของสายการบินหนึ่งวางอยู่ในนั้น..


   “ซานต้าให้มึงเอาผ้าพันคอไปใส่ที่นี่ต่างหาก” มันเปิดซองนั้นออกแล้วหยิบกระดาษเอสี่สีขาวข้างในออกมา เป็นอีทิคเก็ตสองใบ ปลายทางมุ่งสู่โซล ประเทศเกาหลีในวันที่ 30 ธันวาคมนี้


   “ที่จริงซานต้าทีมก็อยากพาน้องฝุ่นไปเที่ยวที่อื่นนะ แต่กูก็อยากเอาแม่กุญแจไปคล้องไว้บนนัมซานทาวเวอร์กับมึงอะ”


   “มึงดูหนังมากเกินไปรึเปล่าวะทีม” ผมถาม ทีมมันหน้าม่อยลงไปนิดหน่อย ถือตั๋วไว้ในมืออย่างเสียเซลฟ์ขั้นสุด


   “ไม่ชอบเหรอ แต่กูซื้อมาแล้วอะ”


   “ไม่...ได้บอกว่าไม่ชอบ” คริคริ สะใจ แกล้งคนแก่


   ผมหัวเราะออกมา ทีมมันเลยยิ้มกว้างดึงมือผมไปจูบเบาๆ


   “มึงแม่งชอบแกล้งกู รู้ว่ากูยอมรู้ว่ากูตามใจ แล้วทำไมชอบแกล้งกูจังวะ” มันบอกเสียงอ่อย แล้วงับมือผมเต็มแรง


   “เหี้ย เจ็บ!” แม่ง จากแกล้งเดี๋ยวกูจะโกรธจริงแล้ว


   “ตอนมึงด่า กูเจ็บกว่านี้อีก”


   “ยิ่งแก่ยิ่งเสี่ยวนะมึงอะ”


   “ถึงเสี่ยวแต่ก็รักมึงคนเดียวนะ” หึหึ ดูแม่ง วนเข้าตัวกูอีกละ ผมหัวเราะในลำคอ ยอมให้ทีมมันจับจูบเอาได้ง่ายๆ ถือว่าให้รางวัลกับผู้ชายนิสัยดีที่ทำดีกับผมเสมอต้นเสมอปลายตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกันอย่างที่มันเคยสัญญาเอาไว้


   แต่ดูเหมือนไอ้คนโลภมากมันไม่ยอมหยุดอยู่แค่จูบน่ะสิครับ มือเริ่มเลื้อยไปกองแถวๆ สะโพกผม ออกแรงขยำเนื้อตรงก้นผมกระตุ้นอารมณ์เป็นจังหวะ..แต่ขอโทษนาทีนี้ กูจะออกไปฉลองคริสต์มาสโว้ย


   “พอๆ กูจะออกไปดูไฟแล้ว”


   “นี่เพิ่งบ่ายสองกว่าๆ เอง รีบไปทำไมวะ เค้ายังไม่เปิดไฟไห้มึงดูหรอก” มันยังกอดผมเอาไว้หลวมๆ ไม่ยอมให้ผมเดินออกจากห้องซักผ้าอย่างที่ต้องการ


   “กูจะไปซื้อเสื้อเตรียมไปเที่ยวเกาหลี!” เท่านั้นแหละครับ ทีมมันหัวเราะก๊ากออกมา เออ อายแต่ที่พูดก็มีส่วนจริงนะ


   สรุป ผมเห่อกว่าไอ้ห่านป่าทีมอีก!



   ทีมกับผมตัดสินใจจะเดินซื้อเสื้อที่สยามเพื่อรอพระอาทิตย์ตก จากนั้นก็เดินดูไฟถ่ายรูปกันแบบชิวๆ ดีที่ไอ้ทีมมันเอารถไปจอดทิ้งไว้ที่บ้านเพื่อนตรงสามย่าน แล้วเราก็นั่งแท็กซี่ย้อนกลับมาที่สยามกันครับ ผมเองก็เรียนอยู่ไกลจากแหล่งวัยรุ่นแถวนี้ ทีมมันก็ต้องทำงานเลยไม่ค่อยได้มีเวลาเข้าเมืองมาแถวๆ นี้เท่าไหร่ นานๆ มาทีก็แปลกตาไปอีกแบบครับ


   “ทีม รอแป๊ปนึง” ผมบอกแล้วให้มันหยุดยืนรอ ไม่ไหวแล้วครับ ร้อนมาก ผมวิ่งข้ามถนนแคบๆ แค่เลนเดียวไปซื้อน้ำเปล่าเย็นๆ กับฝรั่งแช่บ๊วยหนึ่งลูก ไม่ใช่น้ำแข็งไสก็ไม่เป็นไรครับ นาทีนี้อะไรเย็นๆ ฝุ่นวิ่งเข้าหาหมดล่ะ


   “กินน้ำก่อนมึง ร้อนจะตายห่าอยู่แล้ว” ผมบ่น ทีมมันเลยยิ้มขำๆ รับน้ำจากมือผมไปเปิดฝาออก เสียบหลอดแล้วยื่นมาจ่อปาก


   “มึงกินก่อน” ไม่อยากขัดใจครับ เลยก้มลงดูดอั่กๆ ลงคอ จากนั้นทีมมันเลยรับไปกินต่อ


   ผมกับมันเดินเลือกเสื้อกันไป กินฝรั่งแช่บ๊วยเย็นๆ กันไปไม่นานพระอาทิตย์ก็เริ่มตกเย็นครับ สมกับที่เป็นฤดูหนาวจริงๆ พระจันทร์มาทำหน้าที่ไวมาก แต่ขอโทษอากาศโคตรจะร้อนเลยครับ เดินไปนี่เหงื่อไหลเหมือนอาบน้ำได้อะ


   “มึงจะเดินไปที่ไหนก่อนเซ็นทรัลเวิล หรือโรงแรมxx” มันบอกชื่อโรงแรมหนึ่งมาครับ ชื่อดังในย่านนั้นเลย


   แต่เดี๋ยวนะ...กูจำได้ว่ามันละแวกเดียวกันไม่ใช่เหรอวะ??


   “มันใกล้ๆ กันไม่ใช่เหรอวะ”


   “อืม แต่กูแนะนำว่า ไปเดินตรงเซ็นทรัลเวิลก่อน แล้วไปจบที่โรงแรมดีมั้ย” มันเสนอพร้อมยิ้มกว้าง แม่ง ไม่ต้องยิ้มกูก็เห็นไส้ติ่งมึงแล้ว คิดได้แต่อะไรหื่นกามว่ะ สมองพัฒนาส่วนเดียวรึไง


   “ค-ย” ผมด่ามันเต็มปากเต็มคำแล้วเดินหนีครับ ไอ้เหี้ยทีมหัวเราะดังลั่นแล้วเดินตามผมไป สรุปว่าวันนี้เราไม่ค่อยได้ซื้ออะไรมากมายเท่าไหร่ ได้เสื้อมากันคนละสองสามตัว จะหนักไปที่ของกินมากกว่า เต็มท้องเลยอะเดินไม่ไหว หนักพุง เอิ้กกก


   

   วันที่เดินทางมีแต่ผมที่ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ พลิกไปพลิกมาจนคนที่มันนอนกอดผมอยู่ครางออกมาอย่างรำคาญอยู่หลายรอบเหมือนกัน แต่ฝุ่นแคร์มั้ย...ไม่ ก็มานอนกอดกูเองนี่หว่า กูไม่ผิด~!!


   “มึงนอนเฉยๆ สิวะ กูง่วงนะ” มันบอกผมเป็นรอบที่ร้อยแล้วครับ แต่ก็ยังกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นโดยไม่สนใจว่าผมจะอึดอัดมั้ย เสียงหัวใจมันดังตึ่กๆ อย่างข้างหูผม..แหะๆ โคตรโรแมนติกเลยเนอะ


   เราเตรียมตัวเดินทางออกจากบ้านกันตอนช่วงเย็นของวันที่สามสิบครับ ที่จริงตั๋วที่ไอ้ทีมมันซื้อเอาไว้เป็นไฟลท์ตอนประมาณเกือบเที่ยงคืน เท่ากับว่าเราจะไปถึงเกาหลีตอนเช้าพอดี ผมที่มีฤทธิ์เพลียๆ จากการอดนอนเมื่อคืนก็เดินสะโหลสะเหลเข้าไปนั่งในหวานใจของไอ้ทีมมันครับ ปล่อยหน้าที่จัดการล็อคบ้านดูแลสถานที่ให้เป็นของมัน แล้วให้ผมพักเถอะครับ ตาจะปิดอยู่แล้ว


   “นี่ตกลงเมื่อคืนมึงหลับรึเปล่าเนี่ย” มันถามขึ้นตอนยัดอีย่นจากหลังรถใส่มือผม เพื่อที่จะเผื่อที่ไว้วางกระเป๋าเดินทาง...คืออีย่น เป็นสรรพนามไว้เรียกตุ๊กตาเหี่ยวๆ ตัวหนึ่งที่อยู่ในรถไอ้ทีมมัน คือผมก็ชอบนะครับอีย่นน่ะ มันเหี่ยวๆ นุ่มๆ มือดีครับ เอาไว้กอดเวลาเคลิ้มๆ จะหลับเนี่ยเจิดสุดๆ


   “หลับๆ ตื่นๆ” ผมตอบตามจริง


   “แน่ะ ตื่นเต้นสิ”


   “เออ คิดว่าจะได้มีเซ็กส์กับหนุ่มเกาหลีแล้วตื่นเต้น” สงสัยสมองผมจะพัฒนาต่อมเดียวตามไอ้เชี่ยทีมแล้วล่ะครับ


   “จัดเลยมั้ย บนนัมซานทาวเวอร์น่ะ เดี๋ยวกูจัดให้ชุดใหญ่ๆ เอาลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์เลยมึง” มันพูดไปก็หัวเราะไป ก้มลงมาจูบผมทีหนึ่ง “นอนไปก่อนก็ได้ ถึงสุวรรณภูมิแล้วเดี๋ยวปลุก”


   แล้วมัน...ก็ทำหน้าที่เป็นแฟนที่ดีอีกตามเคย...



   ตอนที่เท้าเหยียบเกาหลีอุณหภูมิก็ประมาณลบห้าได้ครับ สำหรับผมที่ไม่ได้สัมผัสอากาศหนาวๆ มานานก็ถึงกับสั่นแม้ว่าจะใส่เสื้อมาค่อนข้างหนาพอสมควร ทีมที่เดินหน้ามึนๆ มาข้างๆ ก็คงสังเกตได้เลยถาม


   “มึงหนาวเหรอ”


   “นิดหน่อย”


   “สั่นอย่างกับองค์ลงงี้ไม่นิดแล้วมั้ง มึงมานี่” มันถอดผ้าพันคอของตัวเองออกครึ่งหนึ่งมาพันเอาไว้ที่คอผม กลายเป็นว่าเราสองคนเดินโดยมีผ้าพันคอเชื่อมกันเอาไว้...คือก็ซาบซึ้งนะ แต่กูอายครับ!


   “ทีม หนาวแค่นี้กูทนได้ มึงเอาออกเหอะ เด็กมองด้วยอะ”


   “อะไร แค่นี้มึงอายเหรอ กูยังไม่เห็นอายเลย” มันบอกพลางหันไปแลบลิ้นใส่เด็กที่ยืนตาแป๋วมองมาทางพวกผม จนเด็กอายุประมาณสามสี่ขวบคนนั้นเริ่มเบะปากทำท่าเหมือนจะร้องไห้ขึ้นทุกที


   “เฮ้ยๆ มึงพอ เดี๋ยวแม่งเกิดร้องไห้แหกปาก ซวยตาย” ผมเอามือจับตรงกรามให้ทีมมันหันหน้าหนีจากเด็กน้อยผู้น่าสงสารคนนั้น ทีมแม่งก็ยอมเดินจากมาแต่ยังไม่วายหันไปส่งจูบให้ด้วยหน้าตากวนตีนจนสุดท้าย...ผมว่าผมได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ลอยมาไวๆ นะ...



   จากอินชอนเข้าโซลก็กินเวลาไปชั่วโมงกว่าๆ ครับ ไอ้เหี้ยทีมทำตัวอเลิทตลอดเวลาที่อยู่บนรถบัสชี้นั่นดูนี่จนผมอดตื่นเต้นตามไม่ได้ ทั้งๆ ที่สองข้างทางเป็นแค่ที่โล่งๆ ไม่มีอะไรเลยครับ จนเข้าเขตเมืองนั่นแหละถึงได้เห็นตึกรามบ้านช่อง


   ที่พักของเราอยู่แถวๆ อินซาดงครับ เห็นไอ้ทีมมันโฆษณาว่าเป็นแถบที่คนไทยนิยมมาพัก ราคาปานกลางแถมอยู่กลางเมืองไปเที่ยวค่อนข้างสะดวก สถานที่ก็เกสท์เฮ้าส์ธรรมดาครับ ไม่ใหญ่มาก แต่ก็กว้างพอจะอยู่กันสองคนแบบไม่ตบตีแย่งพื้นที่กัน ผมกับทีมทิ้งกระเป๋าเดินทางไว้อย่างนั้น พกแต่ของสำคัญออกมาเพื่อเตรียมจะตระเวนทัวร์โซลในวันสุดท้ายของปี


   ที่แรกที่ทีมมันพาผมไปแบบผิดๆ ถูกๆ ก็คือเอเวอร์แลนด์ครับ แม่งมาวันแรกก็ให้กูเดินขาลากเลยทีเดียว


   สวนสนุกใหญ่ดีครับ ตอนแรกผมก็กะว่าจะไม่เล่นอะไร เพราะกำลังหนาวขั้นสุด แค่ให้กูยืนเฉยๆ ก็จะแข็งตายแล้ว แต่ไอ้ทีมแม่งลากไปเล่นนั่นเล่นนี่ ไปยืนบีบแกะอย่างหมั่นเขี้ยวอยู่พักใหญ่ สุดท้ายสิ่งที่มันชี้ก็คือ...


   “ไม่เอา กูไม่เล่น ถ้ามึงจะขึ้นก็ขึ้นไป เดี๋ยวกูรอข้างล่าง”


   “โหย ไหนๆ ก็มาแล้วมึง ซักครั้งในชีวิตไง”


   “กูไม่ชอบเล่นเครื่องเล่นพวกนี้” ผมบอกมันเสียงแข็ง พยายามเอาความเหี้ยมเข้าขู่แต่นาทีนี้ไอ้เหี้ยทีมเอาความเลวเข้าถมลากผมแบบไม่สนใจใครหน้าไหนเข้าไปในแถวของเครื่องเล่นชนิดนึง


   “ทีม กูพูดจริงๆ นะว่ากูไม่เล่น”


   “มึงอะ เข้ามาไม่คุ้มค่าเข้าเลย เล่นๆ ไปเหอะ เป็นเพื่อนกูไง”


   “อ๋อ มึงอยากให้กูเป็นเพื่อนเหรอ” ผมพยายามแก้ปัญหาเฉพาะหน้าครับ อะไรขายได้กูทำหมด


   “เฮ้ย ไม่ใช่ เล่นรถไฟเหาะเป็นเพื่อนกู แต่สถานะมึงอะแฟนเหมือนเดิม”


   “กูไม่เล่นนนนนนนนนน” ผมแหกปากแล้วจะเดินหนี แต่แม่งไม่ทันแล้ว ทัวร์ไทยมาจากไหนไม่ทราบเดินมาต่อแถวแล้วครับ แล้วทางขึ้นที่พวกผมกำลังยืนอยู่มันแคบมาก ถ้าเดินสวนกันก็ต้องเบี่ยงๆ ตัวเดินเลยล่ะครับ ยิ่งเจอพี่ไทยที่เดินมาออกันอยู่ตรงนั้นประมาณสิบกว่าคนก็ไม่ต้องอธิบายเลยครับว่าอนาคตผมหลังจากนี้จะเป็นยังไง จึงหันไปโวยวายเอากับไอ้ทีมที่ยิ้มแป้นสู้ “เพราะมึง!!”



   บอกได้คำเดียวว่า กูอยากอ้วก....


   “มึงไม่ชอบเล่นเครื่องเล่นพวกนี้จริงๆ เหรอวะ”


   “กูโกหกมึงแล้วกูจะมีนมมั้ยไอ้เหี้ย”


   “ตอนนี้มึงก็มีนะนมอะ กูก็จับอยู่ทุกวัน” มึงยังจะเล่นนะไอ้เหี้ย เดี๋ยววันนี้มึงจะโดนกูคิดบัญชีทบต้นทบดอก แสรดดด


   ทีมมันพยุงผมไปนั่งที่เก้าอี้ใต้ร้านค้าเล็กๆ แห่งหนึ่ง คือจะเรียกว่าร้านก็เรียกได้ไม่เต็มปาก ดูเผินๆ คล้ายๆ เพิงหมาแหงนมากกว่า ไอ้ห่านป่ามันทิ้งผมนั่งอยู่คนเดียวพักหนึ่ง ก่อนจะกลับมาพร้อมโกโก้ร้อนในมือ


   “ค่อยๆ กินนะมึง โกโก้หวานๆ น่าจะทำให้มึงรู้สึกดีขึ้นบ้าง” มันบอก คงรู้สึกผิดแล้วล่ะสิ


   ผมรับมาจิบทีละนิด มีไอ้ทีมนั่งมองด้วยสายตาเป็นห่วงอยู่ข้างๆ มันลูบหลังผมเบาๆ .... อย่าลูบสิห่าน เดี๋ยวกูยิ่งอยากอ้วกกว่าเดิมหรอกแม่ง


   รถไฟเหาะปกติผมก็ไม่ค่อยชอบนั่งอยู่แล้วครับ แต่นี่รถห่าเหว-อะไรไม่รู้สูงมาก เร็วด้วย แล้วมันเป็นลูกคลื่นอะครับ ขึ้นๆ ลงๆ ตลอดเวลา ชวนอ้วกสุดๆ ผมจำได้ว่าตอนเดินเข้ามาในเอเวอร์แลนด์ใหม่ๆ ยังเดินเล่นตามแผนที่กันอยู่ ไอ้ทีมมันบอกว่ารถไฟเหาะอันนี้เป็นเครื่องเล่นที่ทำจากไม้ที่สูงที่สุดหรืออะไรนี่แหละครับ แม่งเอ๊ยยย กูไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับกินเนสบุ๊ค ไม่ต้องมาชวนเล่นนนนนนน


   พักอยู่ราวๆ สิบห้านาทีผมก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นเลยบอกให้มันเดินเล่นต่อ ห่างไปไม่มาก เป็นลานกว้างๆ ครับคล้ายๆ ลานแสดงโชว์อะไรทำนองนั้น จัดบรรยากาศแบบคริสต์มาสเลย สวยมากครับ เพราะเป็นฤดูหนาวพระอาทิตย์เลยตกเร็วกว่าปกติ ตอนที่พวกผมเดินมาถึงลานตรงนั้นก็หกโมงได้แต่รอบๆ บริเวณเริ่มมืดแล้ว เลยได้ดูไฟกับจุใจไปเลยครับ


   มันเดินลากผมไปถ่ายรูปที่มุมนั้นมุมนี้อย่างมีความสุข(อยู่คนเดียว) ผมเริ่มเหนื่อยจากการเดินตามมัน ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่แก่เนอะ


   “มึงๆ เล่นม้าหมุนกัน”


   “ห่า อายุเท่าไหร่แล้วมึง” ผมบ่น


   “เด็กกว่าคู่นั้นละกัน” ไอ้ทีมมันชี้ไปที่ลุงกับป้าคู่หนึ่ง อายุอานามน่าจะราวๆ ห้าสิบได้แล้วครับ จูงมือกันขึ้นไปนั่งบนม้าหมุน..เอ่อะ กูหมดปัญญาเถียง “ตกลงนะ..ขึ้นไปนั่งกัน กูอยากถ่ายรูปบนนั้นด้วย”


   นี่วิญญาณช่างกล้องเข้าสิงมึงตอนสะดุดที่หน้าเอเวอร์แลนด์รึเปล่าวะ บ้าถ่ายรูปจริง!!


   “โอะ โอะ..” ผมอุทานเล็กน้อย เมื่อต้องขึ้นไปนั่งบนม้า...คือ ม้าอะครับ ม้าอะ!! นี่กูไม่ได้อายุยี่สิบเดือนนะ จะได้มานั่งคร่อมบนม้าหมุน แล้วมีไอ้เหี้ยที่ไหนไม่รู้มายืนจับให้ผมทรงตัวได้ ยิ่งตอนเครื่องเริ่มเดิน แล้วม้าเริ่มเคลื่อนที่ ผมก็งกๆ เงิ่นๆ ไม่รู้จะทำตัวยังไงได้แต่เอื้อมมือไปจับไหล่ไอ้ทีมเอาไว้...ไม่กล้าจับหัวม้าอะ เขิน เอิ้กก


   “มึง มึง...กูว่ามันแปลกๆ”


   ทีมมันยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปดังแชะ ยิ่งทำให้ผมรู้สึกอายตัวเองมากขึ้น เหมือนกลับกลายไปเป็นเด็กน้อยตัวเล็กยังไงก็ไม่รู้


   “อะไรแปลก” มันถามผมยิ้มๆ เอามือนึงเอื้อมมากอดเอวผมเอาไว้


   “ไม่รู้อะ แม่งเหมือนเด็กโข่ง”


   “แต่กูชอบที่มึงเป็นแบบนี้”


   ควักหัวใจให้ตอนนี้เลย มีใครจะว่าอะไรผมมั้ยครับ!!



   เกือบสี่ทุ่มแล้ว กว่าเราจะกลับมาเหยียบใจกลางโซลกันอีกครั้ง ผมกับไอ้ทีมเดินตามหาร้านของกินกันท่ามกลางฝูงคนไทยจำนวนมาก ผมเริ่มสงสัยแล้ว นี่กูมาฉลองปีใหม่กับแฟนที่เกาหลีหรือเดินตลาดนัดคนเดินที่เชียงใหม่วะครับ คนไทยเยอะมากกกกกกกกกกก ไม่สามารถด่าหรือนินทาใครได้ เพราะเค้าฟังกูรู้เรื่องหมดเลยครับ โอ้กกก


   “มึง กูว่ากลับไปกินข้าวกระเพราหมูสับ อร่อยกว่าป่ะวะ” ทีมมันบอกพลางคาบก้อนแป้งในซอสสีแดงอมส้ม ที่เค้าเรียกกัน ต๊อกโบกกีไว้ในปาก


   “กูว่ากูกินข้าวเปล่ายังอร่อยกว่าเลยนะ” ผมทำหน้าเอียนๆ คือมันไม่มีอะไรเลยครับในต๊อกที่ว่า มีแค่ก้อนแป้งยาวๆ แล้วก็ลูกชิ้นปลาแบนๆ แค่นั้นเอง ไม่ได้อร่อยอย่างที่รายการทีวีหรือละครพูดถึงเลย แม่ง ได้ค่านายหน้าเท่าไหร่วะ


   “แม่งดีนะ กูตัดสินใจมาแค่สี่วัน ถ้ามานานกว่านี้คงคล้ายๆ โปรแกรมลดน้ำหนัก”


   “เออ มึงพูดถูก” ผมกินไปแค่นิดเดียวแหละครับ กะว่าถ้าหิวค่อยเดินหาของกินอย่างอื่นต่อ ทีมเองมันก็เต็มใจที่จะทิ้งต๊อกโบกกีไว้ที่ร้านแบบเหลือบานเต็มถ้วยอย่างนั้นล่ะฮะ ไม่สนใจแล้วครับ สามพันวอนที่เสียไป เอิ้กก


   หลังจากหาอะไรกินรองท้องกันเสร็จ พวกผมก็มุ่งหน้าสู่นัมซานทาวเวอร์ทันทีครับ ทีมมันดูหลั่นล้าเป็นพิเศษกับการเดินทางด้วยแท็กซี่คราวนี้ สงสัยว่าจะตื่นเต้นที่มันบอกทางลุงแกไม่ผิด


   พื้นที่รอบๆ นัมซานเป็นอย่างที่ผมคาดไว้ คู่รักเยอะมากครับ ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติขึ้นมาคล้องกุญแจกันเหมือนในหนังเลยครับ แม่ง ไม่อยากจะพูดให้เขินตัวเองว่าผมสองคนก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน แหะๆ


   “มึงเขียนชื่อบนแม่กุญแจมารึยัง” ทีมมันหันมาถามผม ลมแรงมากเลยครับ ผมปลิวเปิดเถิกกันถ้วนหน้า


   “ยังอะ มึงเขียนดิ กูหนาว” ผมสั่นหงึกๆ แล้วยื่นแม่กุญแจทั้งสองลูกให้พร้อมปากกาที่เตรียมมา(ที่จริงทีมมันเป็นคนเตรียมแหละครับ แต่คนแบกมาน่ะผม)


   “ครับๆ รับทราบครับ” มันบอกยิ้มๆ แล้วบรรจงเขียนชื่อตัวมันเองลงไปที่แม่กุญแจลูกหนึ่ง ส่วนอีกลูกก็เป็นชื่อผม ห่านป่าแม่งทำอาร์ตแตกวาดหัวใจลงไปด้วย เขียนเป็นประโยคภาษาอังกฤษว่า Everlasting Love...you will never walk alone


   นี่มึงเป็นหุ้นส่วนอะไรของทีมฟุตบอลรึเปล่าครับ!! อ๊ะๆ ไม่ได้เขินนะ สาบานได้ =//= ที่หน้าร้อนวาบขึ้นมาผมแค่ซาบซึ้งเท่านั้นเอง!!


   “ล็อคมันพร้อมกันนะ” ทีมหันมาบอกผมอย่างนั้น บวกลบความดีที่มันทำให้ผมมาตลอด เลยไม่อยากขัดใจมันแม้รู้สึกเหมือนกำลังจะแข็งตายได้อยู่แล้ว


   “อืมๆ” ผมรับคำ


   “ฝุ่นๆ เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งล็อค”


   “อะไรอีกวะ กูหนาว” ผมหันไปมองหน้ามัน กูอยากจะลงไปจากบนนี้แล้ว ไม่ไหวแล้วคร้าบ ลมแรงขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะจับแม่กุญแจอยู่กูคงปลิวไปแล้วคร้าบบบบ


   “ซารังแฮ”


   “อะไรของมึง” ก็รู้หรอกครับความหมายน่ะ แต่มึงจะมาพระเอกเกาหลีอะไรแถวนี้ กูไม่ได้เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวนะ ไม่ต้องมาทำเกาหลีใส่ กูไม่ติ่งโว้ย


   “โห มึงอะ เก็ทง่ายๆ หน่อยดิวะ” มันทำหน้าย่นแบบไม่พอใจหน่อยๆ ที่ผมไม่ยอมสนใจมุขภาษาเกาหลีบ้าบอของมัน


   “มึงก็พูดมาดิวะ เอาที่คนกระโหลกหนาแบบกูเข้าใจง่ายๆ น่ะ” ผมยิ้มออกมา ไอ้ห่านป่าแม่งเลยเอื้อมมือข้างที่ไม่ได้จับแม่กุญแจของตัวเองมาจับมือผมที่อยู่ข้างๆ กัน


   กริ๊ก...


   เสียงแม่กุญแจลั่นพร้อมกันทั้งสองลูก กุญแจถูกโยนทิ้งไปตอนไหนผมไม่รู้ แต่ดวงตาของผู้ชายตรงหน้ากำลังตรึงผมเอาไว้ในชั่วเสี้ยววินาทีนั้น..



   “กูรักมึง”
   





   ทำตัวน่ารักขนาดนี้ เสียปากให้มันจูบตรงนี้คงไม่เสียหายเท่าไหร่มั้ง..?
   





End for Special part [Merry Married Christmas]


Eiizes’s talk
สวัสดีค่า มาอัพแล้วเนอะ เอิ้กๆ
เมอร์รี่คริสต์มาสแบบเลทมากๆ (ที่จริงแต่งเลทลงเลทมากกว่านะ 555)
เอาจริงๆแล้ว ตอนนี้ก็ไม่ค่อยเกี่ยวกับคริสต์มาสเท่าไหร่เนอะว่ามั้ย แต่เหตุการณ์มันต่อเนื่องกันอะ 55555555555
หวังว่าตอนพิเศษนี้จะถูกใจหลายๆ คนนะคะ ใครที่รอพี่ทีมกลับจากโรงพยาบาลก็....รอต่อไปค่ะ (คนเขียนโดน :z6: )

ที่จริงเรื่องคอมเม้นก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรนะคะ ติดนิสัยนักเลงของน้องฝุ่นมา :laugh:


ตอนนี้อาการไข้ของเราดีขึ้นเยอะแล้วค่ะ แต่ยังเห่า เอ้ย ไอไม่หยุดเลย ขอบคุณทุกกำลังใจค่า :pig4: :pig4:



เอาภาพจากเอเวอร์แลนด์มาฝากด้วยค่ะ ถือซะว่าเป็นหนึ่งในภาพที่พี่ทีมถ่ายมาฝากทุกคนก็แล้วกันนะคะ









สุดท้าย ภาพม้าหมุนที่พี่ทีมพาน้องฝุ่นไปนั่งค่ะ  :o8:




ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ค่ะ

Eiizes

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2011 02:04:22 โดย eiizes »

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
Re: บาป...หวาน Special [Merry Married Christmas 09.01.11 Update!!]
«ตอบ #189 เมื่อ09-01-2011 01:16:46 »

อร๊างงงงงงงงหวานจัง หวานๆรั่วๆดูๆไปตาทีมนี้รั่วๆหื่นๆนะคะ

ส่วนไอ้ แป้งต๊อก หรือต๊อกปอกกีอะไรเนี้ยตอนเรียนอาหารเกาหลีปี4ได้ทำด้วย ใส่พริกผงเกาหลีจนน้ำแดงก็ยังไม่เผ็ดเลย รสชาติไม่อร่อยจริงๆต้องแต่เริ่มคลาสจนจบ ไม่อร่อยเลย สู้เรียนวิชา ยำ ลาบ พล่า ไมไ่ด้ แซ่บกันสุดๆ ต่อด้วยเมามายกับวิชาบาร์และเครือ่งดื่ม อร๊างเริ่ด

อยากกลับไปเรียนมหาลัยอีกจัง :z3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-01-2011 01:29:16 โดย samsoon@doll »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: บาป...หวาน Special [Merry Married Christmas 09.01.11 Update!!]
« ตอบ #189 เมื่อ: 09-01-2011 01:16:46 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
Re: บาป...หวาน Special [Merry Married Christmas 09.01.11 Update!!]
«ตอบ #190 เมื่อ09-01-2011 01:43:16 »

หวานนนนนนนนนนนนนนนนได้โล่   :o8:

ร่วมด้วยช่วยยืนยันว่าต๊อกโบกี เป็นอะไรที่สุนัขไม่แดกอย่างแรงค่ะ  :oak:
เคยลองไปหน เข็ดไปทั้งชีวิต เปลืองตังมากมาย (เพราะตอนนั้นบ้าเห่อลองซื้อมากินกับเพื่อนอย่างเยอะ) o12
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-01-2011 01:47:16 โดย ZakuPz »

ออฟไลน์ นาวา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: บาป...หวาน Special [Merry Married Christmas 09.01.11 Update!!]
«ตอบ #191 เมื่อ09-01-2011 08:15:52 »

ขอบจังเลย
หวานมากๆๆๆ
+1 เลย ครับ

ออฟไลน์ นาวา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: บาป...หวาน Special [Merry Married Christmas 09.01.11 Update!!]
«ตอบ #192 เมื่อ09-01-2011 08:16:18 »

.

ออฟไลน์ นาวา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: บาป...หวาน Special [Merry Married Christmas 09.01.11 Update!!]
«ตอบ #193 เมื่อ09-01-2011 08:17:04 »

มาต่อไวๆๆๆ นะครับ

tawan

  • บุคคลทั่วไป
Re: บาป...หวาน Special [Merry Married Christmas 09.01.11 Update!!]
«ตอบ #194 เมื่อ09-01-2011 08:54:24 »

ต่อตอนพิเศษแบบพิเศษอีตอนได้ปะ :impress2:

น่ารักดีชอบบบบ

 :call:

ออฟไลน์ puppyluv

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2539
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2000/-20
Re: บาป...หวาน Special [Merry Married Christmas 09.01.11 Update!!]
«ตอบ #195 เมื่อ09-01-2011 09:22:04 »

อ๊ากกก ฝุ่นหวาน เอาน่า เสียจูบบนทาวน์เวอร์ก็พอ ดีกว่าเสียตีวที่เตียงนะ
แต่เอ... นอนบนเตียงท่าจะอุ่นกว่านะ
มาต่อเร็วเข้า อยากอ่าน ปีใหม่แล้ว

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
Re: บาป...หวาน Special [Merry Married Christmas 09.01.11 Update!!]
«ตอบ #196 เมื่อ09-01-2011 09:50:39 »

มาลงชื่อว่าต๊อกไม่อร่อยอย่างแรง  แต่ยามยืนโต้ลมหนาวและหิว
ด้วยความที่มันร้อนเลยกินไปเรียบไม่มีเหลือ...


แถมที่ติดกุญแจ ณ N-Seoul tower


ปากแข็ง ปากร้ายตลอด แต่น่ารักนี่คือฝุ่นสินะ

zeazaiz

  • บุคคลทั่วไป
Re: บาป...หวาน Special [Merry Married Christmas 09.01.11 Update!!]
«ตอบ #197 เมื่อ09-01-2011 10:10:12 »

  :กอด1: อ่านไปยิ้มไป
น่ารักมาก

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: บาป...หวาน Special [Merry Married Christmas 09.01.11 Update!!]
«ตอบ #198 เมื่อ09-01-2011 10:39:27 »

น่ารักนะเนี่ยะ

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
Re: บาป...หวาน Special [Merry Married Christmas 09.01.11 Update!!]
«ตอบ #199 เมื่อ09-01-2011 11:48:27 »

หวานแบบแมนๆ 5555
ขอบคุณมากครับ สำหรับตอนพิเศษ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: บาป...หวาน Special [Merry Married Christmas 09.01.11 Update!!]
« ตอบ #199 เมื่อ: 09-01-2011 11:48:27 »





ออฟไลน์ eiizes

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-0
    • facebook
Re: บาป...หวาน Special [Merry Married Christmas 09.01.11 Update!!]
«ตอบ #200 เมื่อ09-01-2011 13:16:55 »

มาลงชื่อว่าต๊อกไม่อร่อยอย่างแรง  แต่ยามยืนโต้ลมหนาวและหิว
ด้วยความที่มันร้อนเลยกินไปเรียบไม่มีเหลือ...


แถมที่ติดกุญแจ ณ N-Seoul tower


ปากแข็ง ปากร้ายตลอด แต่น่ารักนี่คือฝุ่นสินะ





อุ๊ย ขอบคุณสำหรับรูปค่ะ น่ารักจัง  :กอด1: :กอด1:
ถ้าใครไปต้องดูดีๆแล้วล่ะ ว่ามีชื่อทีมกับฝุ่นรึเปล่า  :laugh:

ออฟไลน์ hotladyanyavee

  • ขึ้นจากเกาะ มาใช้ชีวิตบนอ่าวนาง มันก็อินดี้ไปอีกแบบ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-10
Re: บาป...หวาน Special [Merry Married Christmas 09.01.11 Update!!]
«ตอบ #201 เมื่อ09-01-2011 23:01:01 »

อยากให้เป้นตอนหลัก หวานดี

ออฟไลน์ jimmyFG

  • Ich Liebe dich.
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-4
    • @Facebook
Re: บาป...หวาน Special [Merry Married Christmas 09.01.11 Update!!]
«ตอบ #202 เมื่อ09-01-2011 23:27:54 »

 :-[

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
Re: บาป...หวาน Special [Merry Married Christmas 09.01.11 Update!!]
«ตอบ #203 เมื่อ10-01-2011 01:04:51 »

กด +๑ ไปเลยยยยยยยย
เรื่องน่ารักมากเลยค่ะ
ชอบพี่ทีมมากนะ น่ารักจังเลยอ่ะ
แสดงว่า แอบเล็งน้องฝุ่นมานานแล้วสินะ
งื้อออออออ
รออ่านตอนต่อไปนะคะ ><

ออฟไลน์ BossZa

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: บาป...หวาน Special [Merry Married Christmas 09.01.11 Update!!]
«ตอบ #204 เมื่อ10-01-2011 01:09:20 »

  :o8: :o8: :o8:

fOnfOn :D

  • บุคคลทั่วไป
Re: บาป...หวาน Special [Merry Married Christmas 09.01.11 Update!!]
«ตอบ #205 เมื่อ10-01-2011 18:45:13 »

ปากหมาแต่น่ารัก  นี้คงเป็นนิยามของฝุ่น ซินะค่ะ   :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ eiizes

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-0
    • facebook
บาป...หวาน ตอนที่ 6.2 [15/01/11 Update!!]
«ตอบ #206 เมื่อ15-01-2011 01:33:37 »

บาป...หวาน 6.2

   ผมรีบกลับไปที่ห้องจัดการเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่ คว้ากุญแจรถแล้วออกไปทันที ระหว่างทางจากบ้านผมไปที่โรงพยาบาล xxx ก็ไม่ได้ไกลมากประมาณยี่สิบนาทีก็ถึง(ไอ้บอลมันโทรเข้าบ้านยังวะเนี่ย) พอเข้าไปถามที่เคาน์เตอร์ด้านหน้าก็หาห้องพักผู้ป่วยได้ไม่ยากเท่าไหร่เพราะชื่อของไอ้เชี่ยไกด์มันเป็นอะไรที่เป็นตัวของตัวเองมากครับ ผมเดินดุ่มๆ เปิดผางเข้าที่ห้องมันเลย ไม่คิดจะเคาะประตูซักแอะ แบบว่ามารยาทดี ฮี่ๆ


   “ไงมึง ไปจูบตีนใครมา” ส่งเสียงทักกัดเจ็บๆ ไปก่อนครับ ยังแค้นไม่หาย บังอาจมาขัดจังหวะรัก อะ ฮัก ฮัก ของผมกับฝุ่น


   “โหยยยยย ไอ้เชี่ย มาถึงก็ด่า พวกกูโดนตีนเพราะมึงเลยไอ้ทีม” ไม่ใช่เชี่ยไกด์หรอกครับที่ด่า แต่เป็นพี่รหัสของผมเอง เดินเข้ามาตบหัวดังปั่ก! ไม่สามารถตอบโต้ได้ครับ เดี๋ยวงานงอก


   “อะไรเนี่ยพี่ มาตบหัวผม” ก็ได้แต่ลูบหัวป้อยๆ แล้วโวยวายนี่แหละครับ


   “กูอยากจะกระโดดขาคู่ถีบหน้ามึงด้วยซ้ำ” พี่อ๋องด่ายับเลยครับ ผมก็เหวอสิ ไม่ได้เที่ยวมาพักใหญ่แต่งานงอกไม่รู้ตัวแบบนี้ก็ซวยใช่เล่นนะครับ


   พี่รหัสผมยืนเท้าเอวอยู่กลางห้อง ที่จริงพี่รหัสผมเป็นคนที่หน้าตาดีเกือบจะที่สุดในสาย(แพ้ผมนิดเดียว กร๊าก) แต่นาทีนี้ผมว่าปู่รหัสที่หน้าตานอกคอกที่สุดในสายก็ยังดูดีกว่าพี่อ๋องเลยเถอะ สภาพเฮียแกเยินมากครับ ปากเบิน แก้มบวก เขียวเป็นจ้ำๆ คิ้วแตกมีพลาสเตอร์อันเล็กติดตรงเหนือหางตาขึ้นไปอีกหลายอันอยู่ ไม่มีนิยามไหนดีเท่ากับคำว่า “อุบาศว์มาก” อีกแล้วครับ


   ผมไล่สายตามองไปทีละคนในห้อง ไอ้บอลกับนะโมคงถูกตามตัวมาเจอกันที่โรงพยาบาลเลยเพราะไม่มีสภาพการโดนประทุษร้ายแม้แต่นิดเดียว แต่ไอ้เจ้าของห้องที่นอนพังผืด เอ้ย พังพาบอยู่บนเตียงสิ ท่าจะโดนมาหนักอยู่ ขาขวามันใส่เฝือกด้วยครับ ตรงหัวก็มีผ้าพันแผลพันเอาไว้รอบ


   “นี่พี่โดนตีนหรือวิ่งฝ่าสนามรบมาเนี่ย” ผมพูดแล้วจับพี่รหัสให้เขาหันหน้าไปด้านข้าง เพื่อดูแผลแถวๆ สันกรามชัดๆ โหววว แม่งน่ากลัวกว่าตอนเฉินหลงตกมาจากชั้นสามตอนถ่ายหนังอีก(ใครจำไม่ได้ กลับไปอ่านข่าวของเมื่อประมาณสิบปีที่แล้วครับ กร๊ากก)


   “ถึงได้บอกไงว่าเพราะมึง” แหมะ ทีงี้นะ พี่อ๋องกับไอ้เดี้ยงไกด์พูดพร้อมกันทันที ผมเลยผละออกจากพี่รหัสเดินไปดูเพื่อนสนิทที่นอนพังผืด เอ้ย พังพาบอยู่บนเตียงผู้ป่วย โชคดีหน่อยที่ห้องนี้เป็นห้องผู้ป่วยพิเศษ ทำให้พวกเราไม่ต้องระวังคำพูดกันมาก ถ้ามีคนอื่นในห้องด้วยเขาคงวิ่งหลบสัตว์ประหลาดกันวุ่นวายเลยล่ะครับ


   “ตกลงตีนใครวะ” ผมถามแล้วตบท้องมัน ไอ้คนโดนตบก็จริงใจเหลือหลายร้องซี้ดออกมาดังมากพร้อมสบถด่าบรรพบุรุษผมไปอีกชุดหนึ่ง “อ่าว เจ็บตรงนี้ด้วยเหรอมึง โทษๆ กูไม่รู้”


   ขอโทษด้วยความจริงใจครับ แต่ลึกๆ ลงไปแล้วแม่ง...กูละอยากซ้ำอีกซักที หึหึ


   “มึงจำน้องฝ้ายได้ป่ะวะ” น้องฝ้าย น้องกิ๊ฟ น้องเอ๋ น้องมิว น้องเอถึงแซดมีกันสิบล้านแปดแสนคน กูจะรู้มั้ยคร้าบว่าฝ้ายไหน บอกที่อยู่แห่งหนตำบลใดด้วยครับ จะได้ระลึกชาติถูก “ที่เจอกันตอนไปพัทยาเมื่อปีใหม่ไง"


   “กูนึกหน้าไม่ออกว่ะ จำได้แค่มีผู้หญิงมานัวกับเรากลุ่มนึง แต่หนังหน้าเป็นแบบไหนกูจำไม่ได้หรอก” ผมตอบไปตามความจริง เมื่อตอนช่วงปีใหม่นัดกันไปเที่ยวพัทยาครบแก๊งเลยครับ เปิดบังกะโลพักและเมาหัวทิ่มกันอย่างแมนๆ ได้ใครไปบ้างอย่าว่าแต่ชื่อ แค่หน้าผมยังนึกไม่ออกเลยครับ


   “เออนั่นล่ะ วันนี้แม่งโลกกลมชิบหาย กูกับพี่อ๋องเสือกเจอแก๊งนี้อีก ไปๆมาๆ อีท่าไหนไม่รู้ มีผู้ชายหน้าเหี้ยเอาขวดมาตีหัวกู แล้วก็มั่วกันเลยมึง” เอ่อ..มึงข้ามรายละเอียดมากไปมั้ย กูยังไม่เข้าใจเลยว่าน้องฝ้ายอะไรนั่นเกี่ยวกับขวดที่ฟาดหัวมึงตรงเสี้ยวทศนิยมไหน


   “พอๆ ไกด์ กูเล่าเอง” พี่อ๋องถึงขั้นทนไม่ได้ครับ ขัดคอแล้วเล่าต่อ “น้องฝอยน้องฝ้ายอะไรนั่นมันมากับเพื่อนๆ ในกลุ่มมันนั่นแหละ อีนี่ตาดีเห็นเพื่อนสนิทมึงปุ๊บก็วิ่งร่าเข้ามาทัก เชี่ยไกด์ก็ปากดีชวนนั่งกินด้วยกัน พอเหล้าเข้าปาก อีสก๊อยนี่ก็ถามถึงมึง”


   “ผมเกี่ยวไรด้วย” ผมถามออกไป เท่าที่เล่ามานี่ไอ้ไกด์ก่อเรื่องคนเดียวเลยนะ


   “ไม่รู้แม่ง ลีลาดีมันเลยติดใจมั้ง” พี่อ๋องประชดเสียงแข็งแล้วเล่าต่อ “ถามไปถามมา อีนี่ก็ร้องไห้แล้วบอกว่ามึงไม่เคยติดต่อกลับไปเลย เท่านั้นแหละมึง มีผู้ชายที่ไหนไม่รู้เดินมาตะคอกอีนี่แล้วเถียงกันคำสองคำ ได้ความว่าอะไรกูก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่คล้ายๆ ว่าสองคนนี้กำลังคบกันอยู่ อยู่ๆ แม่งหันมาเอาขวดฟาดเพื่อนมึงเลย พอกูเข้าไปนัว แม่งเสือกมีตัวช่วยจากไหนไม่รู้ สรุปพวกกูสองคนโดนยำตีน”


   “เดี๋ยวๆ แล้วนี่ไปนั่งที่ไหนกันมา” ผมยังงงครับ จับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่ใช่แค่นึกหน้าฝ้ายเฝ้ยอะไรนั่นไม่ออกอย่างเดียวแต่นี่พี่รหัสกับเพื่อนสนิทโดนรุมกระทืบด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องผมก็ยิ่งไม่ชอบใจหนักกว่าเดิม แล้วจะต่อยตีอะไรกันก็ให้มันซึ่งๆ หน้า ทำเป็นหมาลอบกัดแบบนี้มันไม่แมนครับ


   “เฟิร์สไซด์” พี่อ๋องตอบแล้วสบถด่ายับ


   “เฮ้ย ก็ผับประจำนี่หว่า” ผมร้อง เฟิร์สไซด์เป็นร้านนั่งกินโดยที่ชั้นล่างสุดจะเป็นลานกว้างไว้ให้เต้นยามเมา นอกจากร้านของพี่ชายอันดาแล้ว ก็มีร้านนี้แหละครับที่กลุ่มผมนัดไปสังสรรค์กันบ่อยๆ ตามประสาคนหนุ่ม กร๊ากก


   “ก็เออดิวะ กูถึงได้โมโหไง ไอ้เหี้ยนั่นหน้าไม่คุ้นแล้วยังเอาตีนมานาบกูอีก” พี่รหัสผมบ่นเหมือนคนแก่เลยครับ แต่ก็สมควรที่จะโมโห เราไปกันจนเป็นขาประจำ ผมก็ค่อนข้างคุ้นกับพี่ที่เป็นเจ้าของร้าน แต่แม่งปล่อยให้ไอ้หน้าเกล็ดที่ไหนไม่รู้มารุมกระทืบคนสนิทของผมแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ


   “พี่จะเอาไงอะ แจ้งความหรือศาลเตี้ย” ไอ้บอลที่นั่งเงียบมานานถามขึ้น พี่อ๋องขมวดคิ้วแล้วถาม


   “สังขารมึงพร้อมแค่ไหนวะไอ้บอล”


   “โหพี่ ถามงี้ได้ไง” ไอ้บอลพูดไปหัวเราะไป


   “จัดแม่ง..”


   “พี่อ๋อง” ไม่ใช่ผม ไม่ใช่ไอ้บอล นะโม หรือไอ้เดี้ยงไกด์แต่อย่างใด เสียงที่ไม่คุ้นหูดังกล่าวดังมาจากทางประตูที่ถูกเปิดออก สิ่งมีชีวิตในห้องทั้งห้าตัว เอ้ย ห้าคนหันกลับไปจ้องเป็นตาเดียวจนคนที่เข้ามาใหม่แอบเหวอน้อยๆ “ผมเคาะประตูแล้วนะครับ”


   เด็กผู้ชาย...เอ้อ จะเรียกว่าเด็กก็ไม่เต็มปากเท่าไหร่ครับ โตแต่คงอายุน้อยกว่าฝุ่นหลายปีอยู่เหมือนกัน สังเกตผ่านๆ จากหน้าตาแล้วก็ช่วงวัยเรียนกำลังเกรียนได้ที่ ยังใส่ชุดนักเรียนอยู่เลยครับ เด็กโรงเรียนคาทอลิกเสียด้วย กางเกงสีน้ำเงินสว่างวิ๊งมาแต่ไกล กะปีไม่ค่อยถูกครับเพราะตัวเล็กนิดเดียวเอง ผอมๆ ขาวๆ แต่ถ้าจะร้ายไม่เบา ผมก็ยาว แถมติ่งหูที่โผล่พ้นปลายผมมาก็แอบมีตุ้มเงินเล็กๆ ประดับอยู่สองสามอัน จะว่าเป็นน้องก็จำได้แม่นครับว่าเฮียเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูล คนข้างบ้านก็มีแต่อายุยี่สิบกว่าสามสิบกันหมดแล้วเด็กคนนี้เป็นใครน้อ ต่อมเสือกเริ่มทำงาน คริคริ


   “มาทำไมเนี่ย” พี่อ๋องถาม แต่ก็กวักมือเรียกให้เดินเข้ามา เด็กมัธยมคนเดียวในห้องถึงตัวพี่รหัสผมปุ๊บก็เอามือมาจับหน้าพี่ให้ซ้ายหันขวาอย่างไม่ปรานีปราศรัยทันทีครับ แล้วมีเหรอที่คนโวยวายโคตรๆ อย่างพี่อ๋องจะยอมอยู่เฉยๆ “เฮ้ย ทำไรวะ เจ็บนะ”


   “เจ็บแล้วไปมีเรื่องชกต่อยทำไม ตังค์บอกพี่กี่รอบแล้วว่ากินเหล้าแล้วอย่าเป็นหมา เมาทีไรหน้าแหกทุกที”


   “เฮ้ยๆ ไรเนี่ยเฮีย เดี๋ยวนี้มีแฟนไม่แนะนำให้น้องรู้จักเหรอ ไอ้เหี้ยทีมยังเห่อเอาว่าที่เมียมาแนะนำตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มจีบเลยนะ” แน่ะๆ เจ็บแล้วไม่เจียมนะไอ้ไกด์ ปากงี้ไงมึงเลยโดนจัดหนัก เดี๋ยวกูช่วยประเคนที่ขามึงอีกซักข้างจะได้เข้าเฝือกคู่ แสรด


   “เชี่ยไกด์ เงียบไปเลยนะมึง” โอ๊ะโอ๋ ออกหน้าออกตาขนาดนี้ ไม่ธรรมดาแล้วมั้งงงงงง


   “พี่อ๋องคะ ไม่ต้องเขิน ทีมมันยังไม่อายใครเลยนะ” เอ้า พาดพิงกูอีกละ ผมหันไปค้อนนะโมทีนึงแบบแมนๆ เจ้าหล่อนก็หัวเราะออกมาอย่างสะใจที่ได้แกล้ง


   “แล้วนี่มาได้ไง” พี่อ๋องจับมือน้องออกแล้วซักถามทันทีครับ แม่ง แฟน(มั้ง)มา มาดเข้มออกเชียวพี่กู


   “แม่...เอ่อ แม่พี่น่ะ โทรหาตังค์ บอกให้ออกมาดูพี่หน่อย” เรื่องถึงแม่ด้วยเว้ย กลับไปบ้านพี่รหัสผมเละแน่ กร๊ากก


   “แล้วเรารู้ได้ไงว่าพี่อยู่ที่นี่”


   “ตังค์โทรเข้ามือถือพี่แล้ว แต่พี่ไม่รับสาย เลยเดาเอาว่าน่าจะอยู่ที่นี่ เห็นเวลามีเรื่องทีไร พี่ก็มาที่โรงพยาบาลนี้ตลอด” โห รู้จริงยิ่งกว่ากูรู


   แต่จริงของน้องมันอย่างนึงนะครับ เวลามีเรื่องชกต่อยกันที่เฟิร์สไซด์ทีไร พวกผมจะยกโขยงกันมาทำแผลที่นี่ มันใกล้ที่สุดน่ะฮะ ส่วนอีกเหตุผลนึงอาจจะเป็นเพราะพี่อ๋องมันมีลูกพี่ลูกน้องทำงานเป็นหมอที่นี่ด้วย เลยไม่ต้องกลัวว่าจะมีตำรวจแห่กันมาเยี่ยมไข้พร้อมสอบปากคำทั้งโรงพัก


   เพราะความเป็นกูรูนั่นเอง ทำให้ผมหันไปสบตากับไอ้บอลขำๆ รู้จักกับพี่อ๋องมาสี่ปี ก็เพิ่งเคยเห็นพี่แกทำสีหน้าอะหลั่กอะเหลื่อเต็มๆ ตาก็วันนี้ ขำอะ อยากหัวเราะออกมาดังๆ ติดก็ตรงที่พี่รหัสผมหันมาชี้หน้าด่าก่อน


   “หยุดเลยพวกมึง กูรู้นะว่าคิดอะไรกันอยู่” หลังจากด่าเสร็จ พี่แกเลยยอมแนะนำเด็กน้อยตัวเล็ก(ที่ผมคาดว่าคงถูกกลืนไว้ในอกบ่อยๆ) ให้ได้รู้จัก “นี่สตังค์ ย่อมาจากสังกะตัง..โอ๊ย!!”


   โอ๊ย ไม่ใช่ชื่อ แต่เป็นเสียงอุทานหลังจากโดนเจ้าของชื่อเขาประทุษร้าย พี่รหัสผมยกมือขึ้นลูบแก้มที่โดนดึงจนยานออกมาเมื่อกี้อย่างเซ็งๆ บ่นอุบอิบนิดหน่อย สตังค์เลยแนะนำตัวเองอีกรอบ


   “ผมชื่อสตังค์ เรียกว่าตังค์ก็ได้ครับ”


   “น้องเป็นอะไรกับพี่อ๋องอะครับ” ไอ้บอลแม่งชิงถามก่อนเพื่อน สตังค์นิ่งไปนิดหน่อยยังไม่ทันได้ตอบอะไรพี่อ๋องเลยตัดบท


   “มาก็ดีแล้ว อยู่ที่นี่กับพี่นะโมเป็นเพื่อนไอ้พี่ไกด์มันก่อน เดี๋ยวพี่ออกไปจัดการเรื่องเดี๋ยวมา”


   “พี่จะไปตีให้มันได้เรื่องอะไรอีก โดนกระทืบรอบเดียวไม่พอเหรอ ต้องให้หน้าแหกจริงๆ ก่อนถึงจะพอใจรึไง” น้องเริ่มเสียงดังขึ้นมา อันนี้ผมก็แอบเข้าใจความรู้สึกนะครับ เราเป็นคนออกไปชกต่อยเราก็ยังมีเกรงๆ ในความปลอดภัยของตัวเอง แต่กับสตังค์มันไม่เหมือนกัน น้องคือคนที่รอคอยผล จะหมู่จะจ่าก็ไม่อาจรู้ได้ ก็ย่อมเป็นห่วงมากกว่าหลายเท่าเป็นธรรมดา


   “สตังค์!!” พี่อ๋องตวาดเสียงดังจนสตังค์ถึงกับนิ่งไป ไม่ใช่แค่น้องหรอกครับ พวกผมทุกคนในห้องนิ่งกันหมด ไม่คิดว่าจะได้เจอพี่อ๋องตวาดเหมือนตอนช่วงโดนรับน้องใหม่ๆ เห็นแบบนี้พี่ผมก็พี่ว้ากนะครับ แม่งโหดอย่าบอกใคร เอะอะอะไรซ่อมกูลูกเดียว เอิ้กๆ


   “รออยู่นี่ เดี๋ยวพี่มา” พี่อ๋องพูดเสียงเบาลงเมื่อเห็นอาการหางลู่หูตกของเด็กมัธยมคนเดียวในห้อง “นะโมอยู่กับไกด์นะ ถ้าจะกลับบ้านก็ให้สตังค์ไปส่งก็ได้ ไม่เป็นไร”


   สั่งเสร็จสรรพแบบไม่มีใครกล้าเถียง พี่รหัสผมก็เดินนำทัพออกไปก่อนเลยครับ


   “ฝากหน่อยนะนะโม สตังค์” ผมบอก แน่นอนว่าไอ้เชี่ยไกด์โวยวายทันทีครับ


   “อ่าวมึง กูไม่ใช่เด็กทารกนะ”


   “มึงเอาเฝือกเพิ่มมั้ยไกด์ กูยินดีแจกให้เลย” ผมด่ามันพร้อมสะบัดนิ้วกลางใส่หน้า ไอ้ไกด์มันโวยวายอีกสองสามคำ แต่ผมไม่ฟังแล้วครับ รีบเดินตามพี่อ๋องออกจากห้องไปทันที ได้ยินเสียงนะโมบอกมาไวๆ ว่าให้ระวังตัวกันด้วย



(ต่อเรปถัดไปค่ะ)

ออฟไลน์ eiizes

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-0
    • facebook
บาป...หวาน ตอนที่ 6.2 [15/01/11 Update!!]
«ตอบ #207 เมื่อ15-01-2011 01:34:40 »

   ร้านเฟิร์สไซด์ที่ว่าตั้งอยู่ใจกลางเมืองก็จริงแต่มันมีเสน่ห์ตรงที่ไม่ค่อยมีเด็กวัยรุ่นเกรียนๆ มาเย้วๆ กันเท่าไหร่ครับ ส่วนใหญ่จะยี่สิบอัพทั้งนั้น ยิ่งชั้นสองที่พวกผมชอบขึ้นไปนั่งกันนั้นเป็นโซนสำหรับลูกค้าประจำที่เราจะคุ้นหน้ากันดีอยู่แล้ว เรื่องชกต่อยก็มีแต่ไม่มากนัก ซึ่งกรณีที่พี่อ๋องโดนตีนมาวันนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ประหลาดมาก อย่างน้อยพี่รหัสผมก็ลูกค้าประจำ และเป็นที่รู้กันดีว่าถ้าใครแตะพี่กู มึงไม่ได้แหยมเขตนี้อีกแน่ๆ


   ตอนที่พวกผมสามคนมาจอดรถในลานจอดของที่ร้านก็ปาเข้าไปเกือบๆ ตีหนึ่งแล้ว คนยังทยอยเข้าผับกันอยู่เนืองๆ แม้ว่าอีกแค่เพียงชั่วโมงเดียวผับจะต้องปิดตามกฏหมายแล้วก็ตามที พี่อ๋องลงจากรถได้ก็เดินนำไปที่ประตูทางเข้าทันทีครับ การ์ดที่ยืนคุมเพื่อคอยตรวจบัตรอยู่สองสามคนตรงบริเวณนั้นยิ้มทักอย่างคนคุ้นเคย


   “ไงครับ หายหน้ากันไปนานเลย สบายดีรึเปล่า” หนึ่งในนั้นถามผม พี่แกชื่อพี่นพครับ เป็นหัวหน้าการ์ดที่นี่ ตอนช่วงที่ผมเพิ่งเข้าผับได้ใหม่ๆ ก็บ้าเห่อครับ มาแม่งทุกวัน จนสนิทกันพอสมควร


   “เรื่อยๆ ครับพี่ แต่วันนี้พี่รหัสผมโดนคนในร้านกระทืบมา เลยอยากมาเคลียร์หน่อยว่ามีปัญหาอะไรรึเปล่า” ผมตอบกวนๆ ยกยิ้มเหี้ยมให้ทีนึง พี่นพมองผมแบบตกใจเล็กน้อย


   “เฮ้ย จริงรึเปล่าเนี่ย ใครทำครับเนี่ย”


   “ผมไม่คุ้นหน้าเหมือนกันนะพี่นพ แต่ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่โดนรุมกระทืบ ไอ้ไกด์ก็นอนแหมบอยู่โรงพยาบาล ยังดีที่มันไม่เป็นอะไรมาก” พี่อ๋องบอกอย่างหงุดหงิด พี่นพเลยยิ่งงงหนัก แกขมวดคิ้วแน่นมองหน้าพวกเราที่แสดงออกว่ากูเอาจริงแน่นอน สุดท้ายก็ยอมฝากงานหน้าประตูไว้กับลูกน้องแล้วกวักมือเรียกให้พวกผมเดินฝ่าฝูงคนที่เริ่มเมาพร้อมเต้นเย้วๆ ไปตามจังหวะเพลง ขึ้นไปตรงชั้นสองของตัวร้าน เพื่อจะได้มองเห็นด้านล่างได้ชัดๆ


   “คนไหน คุณอ๋องจำได้มั้ยครับ” พี่นพถาม จากจุดที่เรายืนมองกัน มันเป็นคล้ายๆ ห้องที่เข้าได้เฉพาะพนักงานเท่านั้น เพราะนอกจากจะมีจอฉายภาพกล้องวงจรปิดนับสิบๆ ตัวแล้ว ยังมีกระจกใสบานใหญ่ที่มองจากพื้นที่ในร้านปกติเข้ามา จะเห็นเป็นแค่กระจกเงาธรรมดาเท่านั้น


   พี่รหัสผมขยับไปยืนริมกระจกแล้วกวาดตามองไปรอบๆ ได้มองอยู่มุมบนแบบนี้ ไอ้ที่เต้นแร้งเต้นกากันอยู่ ไม่ต่างอะไรกับหนอนนกในกระบะที่ขายกันถุงละสิบบาทเลยครับ ยั๊วเยี๊ยไปหมด ไม่นานเกินรอ พี่อ๋องก็กวักมือเรียกผม ไอ้บอล แล้วก็พี่นพไปชี้ให้ดู


   “คนนั้นเลย ที่แม่งกำลังยืนตรงมุมนั่น”


   มุมหนึ่งของร้านที่ค่อนข้างห่างออกไปจากลานแด๊นซ์เป็นมุมอับเพราะมันเกือบจะถึงห้องน้ำอยู่แล้ว มีผู้ชายคนนึงกำลังยืนคุยกับผู้หญิงด้วยท่าทางอารมณ์เสียขั้นหนัก จากการมองระยะไกลแล้ว ผมว่าน่าจะกำลังเถียงกันอย่างเมามันส์เลยทีเดียว ทั้งๆ ที่ไอ้ผู้ชายหน้าหนอนคนนั้นแค่ยืนตรงๆ มันยังทำไม่ได้เลยครับ แม่งคงซัดมาขนานใหญ่


   “คุ้นหน้าป่าววะทีม” บอลถามผม


   “ไม่รู้ว่ะ ต้องไปดูใกล้ๆ” ผมตอบแล้วเดินออกจากห้องมา พี่นพไม่ได้ห้ามอะไร ผมว่าที่พี่แกพามาห้องนี้ก็เพื่อจะช่วยให้หาไอ้เวรนั่นเร็วขึ้นมากกว่า


   เสียงเพลงด้านล่างดังมากครับ จนผมกับไอ้บอลที่เดินแทบจะตัวติดกันยังต้องตะโกนคุยกันเพราะไม่ได้ยินอะไรเลยนอกจากเสียงเพลงที่ดีเจกำลังเปิดอยู่ตรงเวทีด้านหน้า


   ทันทีที่เดินมาถึง ดูเหมือนผู้ชายที่ยืนหันหน้ามาตรงทางเดินพอดีจะเห็นผมก่อน ยักคิ้วกวนตีนมันไปทีนึง แม่งก็หันมาตะโกนใส่ทันที


   “มองเหี้ยไรวะ!”


   “กูมองก็เหี้ยไง” ผมตอบไปยิ้มๆ ผู้หญิงที่ยืนอยู่กับมันหันหน้ากลับมามองบ้าง...เออ หน้าคุ้นว่ะ ผมคาดว่าเธอคงจะเป็นฝ้ายอะไรที่ไอ้ไกด์พูดถึง ทำตาโตแบบตกใจ ก็ไม่รู้ว่าตกใจอะไร แต่ขอโทษคือผมจำคุณไม่ได้อะครับ


   “พี่ทีม...” เสือกรู้จักชื่อกูอีก ไอ้เหี้ยหน้าปลาไหลนั่นมันหันไปมองแฟนมันแล้วตะคอกเสียงดัง


   “อีตัวดี นี่มึงรู้จักมันเหรอ!!! หรือเป็นไอ้ทิวห่าอะไรนั่นที่มึงเพ้อถึง ห๊ะ?!!”


   “กูชื่อทีม สัด!” เท่านั้นแหละ ผมตรงเข้าไปชกหน้าแม่งเลย หยามกูไม่ว่าเรียกชื่อผิดนี่กูเคือง!!


   ไอ้หน้าปลาไหลมันเซแท่ดๆ ไปชนกำแพงอย่างคนที่เมาๆ มึนๆ จนคนที่เดินผ่านไปมาบริเวณนั้นแตกฮือกันออกไป พี่นพรีบเข้ามาดึงผมไว้ไม่ให้เข้าไปซ้ำ


   “น้องทีม พอก่อนครับ พอก่อน”


   แต่เป็นเพราะพี่นพดึงผมเอาไว้ ทำให้ไม่ทันได้สังเกตไอ้เหี้ยที่ไหนไม่รู้ตรงรี่เข้ามาจากมุมหนึ่ง..


   พลั่ก!!   


   ผมเซไปด้านข้างอย่างไม่ทันตั้งตัว หัวไปโขกเอากับมุมโต๊ะที่ตั้งไว้แถวนั้นจนแสบร้าวไปทั้งกระโหลก ตอนนั้นผมที่มึนจนหัวหมุนกำลังพยายามพยุงตัวเองขึ้นมา ก็ทันได้เห็นทางหางตาไวๆ ว่าพี่อ๋องกับไอ้บอลตรงเข้าไปซัดไอ้เหี้ยที่ชกหน้าผมเป็นที่เรียบร้อย แต่ไม่รู้ว่าไอ้เลวที่ไหนมันเพิ่มจำนวนเข้ามาครับ จนตอนนี้เท่าที่ดูเอาคร่าวๆ มีฝ่ายตรงข้ามอยู่สามคน ซัดกันไปซัดกันมาคนละหมัดสองหมัด


   “พี่ทีม..พี่ทีม เป็นอะไรรึเปล่าคะ” น้องฝ้ายอะไรนั่นเข้ามาพยุงผม แต่ขอโทษ กูจะเป็นก็เพราะมึงนั่นแหละ!!


   ผมสะบัดออกแล้วตรงเข้าไปหาไอ้หน้าปลาไหลที่เงื้อมือขึ้นชกหน้าไอ้บอลอย่างเมาๆ พี่นพได้แต่พยายามแยกพวกผมออกจากไอ้เหี้ยนั่นอย่างยากลำบาก พวกนั้นแต่ละคนก็คงกินเหล้ากันมาพอกรึ่มๆ แล้ว ชกไปไม่รู้สี่รู้ห้า ไปชนนั่นนี่ เสียงขวดแตกดังระนาว คนถอยห่างเป็นวงกว้างด้วยความตกใจ


   “มึงอะ มานี่!!!” ผมด่า แล้วชกหน้ามันไปอีกหลายหมัดจนมันล้มไปกองอยู่ที่พื้น ไอ้เหี้ยนั่นแทบไม่เหลือสภาพเดิมให้เห็นเลยครับ หน้าที่ว่าเหี้ยแล้วเหี้ยกว่าเดิมอีก ผมหันไปคว้าขวดใกล้ๆ มือมาตีให้ก้นขวดแตกเป็นปากฉลามแล้วจ่อไว้ที่คอมัน


   “มึงรู้มั้ยกูเป็นใคร” ผมถามเสียงเหี้ยม ไอ้เหี้ยนั่นเจอขวดแก้วจ่อคอแบบนี้ก็ถึงกับหน้าถอดสีได้เหมือนกัน อาการเมาๆ เมื่อกี้หายเป็นปลิดทิ้ง


   “กู..กูไม่สน!!”


   “ก็ดี กูจะได้เอาศพมึงไปทิ้งข้างทางได้โดยที่ไม่มีใครสนใจ” ผมกระตุกยิ้มเหี้ยม แล้วกดปลายขวดแก้วเข้ากับคอมันแรงขึ้นจนเลือดเริ่มไหลซึม น้องฝ้ายอะไรนั่นร้องไห้แล้วมาดึงแขนผม


   “พี่ทีม ฝ้ายขอล่ะค่ะ พอเถอะ”


   “ไม่อยากโดนด้วยก็ถอยไป!!” ผมตอกหน้าไปเต็มดอก เธอถึงกับหน้าเสีย น้ำตาไหลไม่หยุด ผมละความสนใจออกจากตรงนั้น แล้วหันมาถามไอ้เหี้ยหน้าปลาไหลต่อ ถ้าแม่งฉี่แตกตรงนี้ได้คงทำไปแล้วมั้งครับ หน้าซีดเป็นไก่วันสารทจีนเลยแสรด ทีงี้ทำปอด ทีตอนกระทืบพี่กูละเปรี้ยว “ไหนมึงเล่ามาซิ ว่ามึงกระทืบเพื่อนกูทำไม”


   “เพื่อนมึงใคร กู..กูไม่รู้เรื่อง!!” มันตะโกนเสียงดังขึ้น ถึงตอนนี้พี่อ๋องกับไอ้บอลหยุดกระทืบไอ้พวกเหี้ยนั่นแล้วครับ พี่รหัสผมมายืนสบถอยู่ข้างๆ แล้วยกเท้ามากระทืบอกไอ้ปลาไหลนี่ดังอั่กจนมันถึงกับสำลักอากาศไอค่อกแค่ก


   “แค่นี้มึงทำสะออยเหรอไอ้เหี้ย ทีมึงตีหัวน้องกูล่ะ ไม่รู้สึก!!” พี่อ๋องด่าเสียงดัง


   “ทีนี้มึงรู้จักเพื่อนกูรึยังไอ้สัด” ผมด่า มันยิ่งหน้าซีดมากขึ้นเมื่อผมกดปลายขวดเข้าที่คอมันแรงขึ้นเป็นการกระตุ้นอาการอยากเล่าเรื่องของมัน จนในที่สุดแม่งก็ยอมเปิดปาก


   “กู..กูรู้แล้ว กูรู้แล้ว”


   “เล่ามา!!!” ไอ้เหี้ยนี่ท่าจะโรคจิต ไม่ตะคอกแม่งไม่รู้สึก


   “เพื่อนมึง ไอ้สองคนนี้มันม่อแฟนกู แล้วพูดถึงไอ้เหี้ยทิวทีมอะไรนั่นว่าเคยเอาแฟนกูมาก่อน กูหมั่นไส้เลยอัดแม่ง”


   เออ หน้ามึงก็ยังละอ่อน ไอ้เหี้ย ทำอ้างหมั่นไส้แล้วอัด เดี๋ยวกูก็อ้างบ้าง หมั่นไส้เลยจับมึงยัดส้วม แสรดดด


   “กูว่า...ถ้าแค่มึงอัดคนเดียว พี่กูคงไม่น่วมแบบนี้มั้ง ไอ้สัด เล่าขาดตอนนะมึง” ไอ้บอลเตะเข้าแถวๆ สีข้างอย่างแรง แม่งโหดครับ ไอ้นี่เป็นนักบอลมหาวิทยาลัย เตะทีอีกฝ่ายแทบขย้อนตับออกมาได้


   ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หันไปมองเพื่อนที่เข้ามาร่วมวงกระทืบด้วยอีกสองคนที่พี่นพยืนคุมอยู่...สรุป การ์ดมาเพื่อคุมทางให้พวกผมกระทืบ กร๊ากกก ดีมากครับ  


   “มีอะไรจะเล่ามั้ย” ผมหันไปถามฝ้ายที่ยังยืนน้ำตาไหลอยู่ที่มุมหนึ่ง เห็นหน้าชัดๆ แบบนี้ผมก็พอนึกหน้าออกแล้วครับ กลุ่มสาวซ่าส์ที่เสนอตัวมานั่งกินเหล้ากับพวกผมที่พัทยาเมื่อตอนปีใหม่ หยอกล้ออะไรก็วนเข้าเรื่องใต้สะดือตลอด สุดท้ายก็จบไม่ไกลครับ จัดไปคู่ละห้อง “ถ้าไม่เล่าตอนนี้ ไอ้เหี้ยนี่อาจจะตายฟรีนะ”


   ขู่ไปแบบนั้นแหละครับ เอาปางตายพอ ไม่อยากมีคดีติดตัว


   “ฝ้าย..ฝ้ายแค่ถามพี่ไกด์ว่าพี่ทีมมีแฟนแล้วเหรอ ทำไมถึงไม่เคยติดต่อฝ้ายมาบ้าง..ฮึก..ทั้งๆ ที่ตอนนั้นเราออกจะเข้ากันได้ดี...” เอ่อ..เข้ากันได้ดีเนี่ยอะไรเข้ากันได้ดีวะครับ นิสัยหรือ.....


   “น้องครับ จะด่าพี่ว่าเลวพี่ก็ห้ามน้องไม่ได้ แต่พี่ถามน้องคำนึง เรารู้จักกันแค่คืนเดียว น้องเอาอะไรมาตัดสินครับว่าเราเข้ากันได้ ทั้งๆ ที่น้องก็เสนอตัวให้พี่เอง พี่ไม่ได้ไปตามจีบอะไรเวิ่นเว้อเลยนะ” ผมกระตุกยิ้มเย็น เจ้าหล่อนคงหน้าชาไปเลยล่ะครับ


   “พี่ทีม!!” เธอตรงเข้ามาฟาดมือลงบนหน้าผมดังเพี๊ยะ! ผมจะโกรธก็คงไม่ได้ เพราะคำพูดและการแสดงออกที่เฉยชาของผมก็คงทำให้เธอเสียหน้าไม่น้อยเลยทีเดียว


   “เอาพี่ไว้เป็นบทเรียน ผู้หญิงที่ผู้ชายได้มาง่ายๆ ไม่มีใครเห็นค่าหรอกครับน้อง พี่ก็ผู้ชายธรรมดาคนนึงที่ได้น้องมาง่ายๆ และไม่คิดจะเอาคนแบบนี้เป็นแม่ของลูกด้วย” ยิ้มเหี้ยมส่งให้ฝ้ายที่ยังยืนร้องไห้ด้วยสีหน้าโกรธแค้นเป็นการบอกลาแบบพระเอกร้ายๆ คนหนึ่งที่คิดว่าผมคงจะโดนจำแบบนี้ไปอีกนาน


    “พี่นพ ค่าเสียหายวันนี้ผมฝากให้พี่เพชรคิดมาแล้วจะแวะมาจ่ายคืนวันหลังนะครับ” พี่อ๋องพูดพลางยกมือขึ้นจับๆ แผลบนหน้าผากที่เลือดเริ่มไหลออกมาอีกครั้ง บอลมันเอาเท้าไปเขี่ยแถวๆ ซี่โครงไอ้เหี้ยหน้าปลาไหลนั่นแทนคำลา แน่นอนว่ามันก็รีบถอยตัวหนี สงสัยกลัวตับไหลออกมาทางปากจริงๆ


   “ส่วนมึง...” ผมกระตุกยิ้มเย็นๆ ให้ไอ้ปลาไหลที่ชกแม่งจนเยินแล้วยังไม่รู้จักชื่อมันเลย มันสะดุ้งนิดหน่อยที่โดนผมพาดพิง


   “ถ้ามึงยังอยากต่อยกับกูอีก ไปหาชื่อที่อยู่กูได้เลย...กูชื่อทีม...เป็นแชมป์เทควันโดระดับประเทศสามสมัยซ้อน”
   



   หลังจากจัดการปัญหาได้เป็นที่เรียบร้อยก็เกือบตีสองครึ่ง แยกย้ายกันกลับบ้านกลับช่องครับ ไอ้บอลบอกว่าจะกลับไปที่โรงพยาบาลก่อน เพราะมันทิ้งรถไว้ที่นั่น ส่วนพี่อ๋องก็ไปโรงพยาบาลเหมือนกันครับ แผลเปิดนิดหน่อย แถมยังทิ้งหัวใจ เอ้ย สตังค์เอาไว้กับไอ้ไกด์ด้วย ป่านนี้โดนลวนลามจนซีดไปแล้วมั้ง ใจผมน่ะอยากกลับบ้านเลย แต่คิดอีกที ไปดูไอ้ไกด์มันอีกรอบดีกว่า เพราะท่าทางทุกคนจะกลับบ้านหมด มันคงต้องนอนคนเดียว แถมแม่งปอดแหกเรื่องนอนโรงพยาบาลคนเดียวอย่างกับอะไร


   พี่อ๋องโดนนางพยาบาลและน้องสตังค์สวดอีกยกใหญ่สำหรับการทำแผลรอบสอง ผมเองนับว่าโชคดีที่ยังไม่เสียโฉมครับ ปากเจ่อเพราะหมัดของไอ้หน้าปลาไหลนั่นนิดหน่อย คิ้วก็แอบแตกเพราะตอนที่เซล้มไปกระแทกโต๊ะจนมึนไปวูบนึงนั่นแหละครับ พยาบาลก็บ่นประมาณว่านี่แหละนะเด็กวัยรุ่น บลาๆ  ไอ้บอลมันไม่เป็นอะไรมากนอกจากแก้มบวมและอาจจะเขียวช้ำนิดหน่อย


   พอกลับมาถึงห้องพักของไอ้เดี้ยงไกด์ปุ๊บ มันก็ยิ้มแฉ่งให้ผมก่อน...ตีสามแล้วนะมึง ไม่รู้จักหลับจักนอน


   “ทีม มึงขับรถกูกลับมาป่าววะ” ห่าน...ถามอะไรกูตอนนี้


   “มึงทิ้งไว้ที่เฟิร์สไซด์เหรอ” ผมถามกลับ ไอ้ไกด์พยักหน้างึกงักจนผมนึกอยากจะหยิบแก้วน้ำตรงหัวเตียงเขวี้ยงใส่แม่ง ทำไมไม่บอกกูตั้งแต่แรกครับ!! กูจะได้เอากุญแจไปด้วยแล้วให้ไอ้บอลขับมา แสรดดดดดด


   “มึงไปเอาให้กูหน่อยดิพรุ่งนี้”


   “ไม่ให้คนที่บ้านมึงไปเอาให้วะ” ผมถาม เซ็งนิดหน่อยครับ อยากกลับบ้านไปกกเด็ก คริคริ


   “นี่มึงมีน้องฝุ่นจนเพ้อรึเปล่าวะ กูอยู่คอนโดคนเดียวโว้ย” เออว่ะ...ผมก็ลืม ไอ้ไกด์มันเป็นคนจังหวัดเพชรบุรีครับ พอมันเอนท์ติดมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ปุ๊บพ่อแม่ก็จัดการสรรหาคอนโดขนาดกลางให้อยู่ บ้านมันก็จัดว่ามีฐานะพอสมควร แต่บ้านนี้เลี้ยงลูกดีครับ น้องชายมันก็ไม่เหลวไหล ไม่กินเหล้าเคล้านารี มีมันนี่แหละ นอกคอก กร๊ากก


   “แล้วนี่มึงโทรบอกพ่อแม่มึงยังว่าเข้าโรงพยาบาล”


   “ถึงไม่อยากก็ต้องโทรแหละ เห็นแม่บอกว่าจะเข้ามาหากูพรุ่งนี้ กว่าจะถึงก็คงเที่ยงๆ ล่ะมั้ง”


   นี่แปลว่ากูอดกกเด็กโดยสมบูรณ์แบบเลยใช่มั้ย? .... ไอ้เหี้ยไกด์!!!! เพราะมึง!!!!


   “เป็นไร ทำหน้าเหมือนคนขี้ไม่ออก”


   “เปล่า” ผมตอบเซ็งๆ แล้วหันไปเปิดทีวี ดึกๆ แบบนี้จะมีรายการอะไรให้กูดูครับนี่...อ่อ ชีวิตสัตว์โลก ไม่ต้องเปิดก็ได้ นั่งดูไอ้ไกด์ก็คล้ายๆ กัน


   “เอ๊ะเอ๊ะ ไอ้เหี้ยบอลบอกว่า ตอนโทรไปมึงบอกว่ามึงไม่ว่าง ทำไรอยู่...แน่ะๆ กูรู้ล่ะ มาฟาดหัวฟาดหางใส่กู ทำอะไรกับน้องฝุ่นอยู่แน่เลยหื่นๆ อย่างมึงเนี่ย” แม่งยิ้มเยาะเย้ย...เดี๋ยวกูก็ทิ้งมึงไว้เจอผีคนเดียวซะนี่


   “อยากแดกตีนกูเหรอเชี่ย” ผมสรรเสริญเพื่อนเลวไปอีกคำนึง มันหัวเราะร่า คงสะใจที่ดักทางผมได้ เออ กูก็ไม่ได้คิดจะปิด แต่กะจะเปิดตอนได้ฝุ่นมาเป็นแฟนเรียบร้อยแล้วต่างหาก


    “มึงไม่ต้องมาปิดกูเลยทีม เล่ามา”  ขนาดมันเดี้ยงยังเขวี้ยงหมอนอีกใบบนเตียงใส่ผมดังปุ้ก ถ้าไม่ใช่ว่าตอนนี้ตีสามและขามันกำลังเดี้ยง ผมจะลุกไปกระทืบซ้ำเลยจริงๆ


   “ก็ไม่มีไร มึงนี่จะเสือกอะไรกับชีวิตรักกูนักหนาวะ”


   “เอ๊า เพื่อนจะมีเมียกูก็ต้องอยากรู้เป็นเรื่องธรรมดา”


   “มึงอยากรู้อะไร กูก็เห็นชีวิตรักกูก็เหมือนนิยายทั่วๆ ไป” ผมเบี่ยงประเด็น


   “ก็เช่นว่า มึงทำกับน้องรึยัง แล้วฝุ่นว่าไงบ้าง ไรงี้ เล่าหน่อย ต่อมเสือกกูทำงานแล้ว” มันคะยั้นคะยอจนผมหมดความอดทน


   “เออๆๆ เล่าก็ได้วะ แม่งเซ้าซี้จริง” แน่นอนว่าไอ้เดี้ยงมันยิ้มร่าเลยครับ “ก็ไม่ได้อะไร กูอยากให้ค่อยเป็นค่อยไป เท่าที่กูเปรียบเทียบเอา กูว่าฝุ่นก็ค่อยๆ เปิดใจให้กูบ้างแล้วมั้ง”


   ผมก็คาดเดาไปเรื่อยเปื่อย จากวันแรกที่เจอกัน ฝุ่นมันก็เหมือนแมวข้างถนน ไม่ไว้ใจใคร มีโลกส่วนตัวสูงเสียจนผมนึกท้อในตอนแรก แต่ก็นับว่าโชคดีที่ผมเข้าถูกจุด ค่อยๆ เอาใจใส่มันในหลายๆ เรื่อง ดูแลมันแบบที่ไม่เคยดูแลใคร เหนื่อยหน่อยแต่ถ้าผลมันออกมาเป็นที่น่าพอใจผมก็โอเคกับมันแหละครับ


   “แล้วสรุปได้กันยัง”


   “เอ๊า ไอ้เหี้ยนี่ กูบอกว่าค่อยเป็นค่อยไป สเต็ปบายสเต็ปอะรู้จักมั้ย”


   “อ่อ สรุปว่าก็ยังไม่ได้น้องนี่เอง กูถึงว่า”


   “ว่าอะไร”


   “เปล่า..กูก็แค่คิดอยู่ ถ้ามึงได้ฝุ่นแล้ว โปรโมชั่นของมึงก็คงหมดในสามวันอะ” ไกด์มันพูดไปก็หันมาจ้องตาผมนิ่ง


   “ไม่หมด โปรนี้กูต่อเวลาไปเรื่อยๆ ไม่ให้หมดง่ายๆ หรอก” ผมยืนยัน แต่ไอ้ไกด์แม่งก็ทำแค่หัวเราะออกมาแล้วบอกซ้ำ


   “อย่าหาว่ากูงั้นงี้เลย แต่คนก่อนๆ ของมึง มึงก็บอกกูแบบนี้ จะต่อโปรโมชั่นไปเรื่อยๆ สุดท้ายกูเห็นคบกันนานที่สุดหลังจากที่ได้กันก็แค่เดือนเดียวเอง...มึงไปคิดดูดีๆ เถอะ กูว่าฝุ่นไม่ได้เข้มแข็งแบบที่เค้าแสดงออกมาหรอก คนแบบนี้ถ้ามึงทำร้ายความรู้สึกไปแล้ว ระวังจะเหมือนแก้วที่แตกจนไม่สามารถใส่น้ำได้อีกนะเว้ย”


   “ไกด์...มึงโดนชกจนสมองกลับเลยเหรอวะ...พูดโคตรสาระอะ”


   “เฮ้ย กูเพี่อนพระเอกนะ! ขอกูเท่ห์บ้าง!!” มันโวยวายเสียงดัง ผมเลยปาหมอนใส่หน้าดังปุ่ก ไอ้เหี้ยไกด์ด่ากระจาย แต่ผมก็ไม่สนใจ พลิกตัวหันหลังให้มันเป็นการบอกเป็นนัยๆ ไว้กูจะนอนแล้ว นั่นแหละ มันถึงได้ยอมเงียบปากลง




   
   แล้วรักของผม...จะหมดโปรโมชั่นเมื่อไหร่กันนะ..??









Let’s continued in chapter 7 :)




Eiizes’s talk


สวัสดีค่า

อยากมาอัพไวๆ แต่เพราะพี่ทีมคนเดียว เขียนยากอะ 5555

เอาเป็นว่าตอนหน้าเจอกันกับน้องฝุ่นเหมือนเดิมนะคะ แล้วอันนี้ แอบเอารูปประกอบของตอนพิเศษตอนที่แล้วมาลงให้ทุกท่านได้ดูกันค่ะ :-[

ขอบคุณรูปประกอบต้นฉบับจากพี่ปอย ส่วนการโมดิฟายใหม่ เราทำเอง 55 เนื่องด้วยอากาศและเวลา ไม่สามารถปีนเขาไปถ่ายรูปบนนัมซานทาวเวอร์ได้จริงๆ ค่ะ เอารูปแบบโฟโต้ช็อปไปก่อนละกันเนอะ แหะๆ



คอมเม้นกันเถิดชาวบาปหวานทั้งหลายยยยยย หัวหน้าเผ่า เอ้ย คนเขียนอยากอ่านคอมเม้นบ้างงงงงง

ใครเม้นเค้าให้หัวใจเลย  :กอด1: :กอด1:

ที่จริงชื่อเรื่องน่าจะเป็นหวานบาปมากกว่าเนอะ รู้สึกมันจะหวานก่อนค่อยบาป 55555

ยังไงก็ตาม หวังว่าตอนที่ 6.2 นี้จะยาวสะใจคนอ่านนะคะ แหะๆ


ท่านใดที่เพิ่งมาอ่านใหม่ก็ยินดีต้อนรับสู่โลกบาปๆหวานๆ นะคะ ฮี่ๆๆๆๆ :pig2: :กอด1:
ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ค่ะ!
Eiizes
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-01-2011 01:44:28 โดย eiizes »

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
Re: บาป...หวาน ตอนที่ 6.2 [15/01/11 Update!!]
«ตอบ #208 เมื่อ15-01-2011 01:47:29 »

..มีชะนีที่ไหน มีเรื่องที่นั้น หุหุ แทบทุกเรื่อง ปัญหาส่วนมากมักมาจากชะนี(แรด+ร่าน)

ว่าแต่ไอ้คุณพี่ทีมกล้าถามนะคะว่ารักนี้จะหมดโปรมะไหร่ มันก็ต้องดูที่ตัวทำ กับที่ทำตัว

แต่ไม่อยากให้มาม่านะจะบอกให้

ปล.วันนี้ได้ฟังเพลง บาปหวานด้วย ชื่อเหมือนเรื่องนี้เลย หวังว่าเนื้อหาคงไม่เหมือนในเพลงเนอะ จบแบบ งง งง ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-01-2011 02:06:00 โดย samsoon@doll »

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
Re: บาป...หวาน ตอนที่ 6.2 [15/01/11 Update!!]
«ตอบ #209 เมื่อ15-01-2011 02:42:05 »

เอ อิพี่ทีมนี่ชักยังไงและ มีการคิดว่าจะหมดโปรเมื่อไหร่แบบนี้ ไว้ใจไม่ได้แล้วนะคะเนี่ย!  :angry2:
เดี๋ยวจะเปลี่ยนไปเชียร์พ่อเทพบุตรยูลซะเลยนี่ เชอะๆ   :a14:

ปล.เห็นรูปปั๊ป ตรงยูวิลเนเฟอร์วอล์คอะโลน  เรานึกถึงหงส์แดงปั๊ปเลยค่ะ เอิ้กกกกกกกๆ :m20: :m20: :m20:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด