ตอนที่ 20
อาทีกลับเข้าเขตเรือน พบมารดากับผู้ป้ากำลังยืนอยู่กับลุงไกรคนขับรถ เด็กหนุ่มคิดว่าทั้งหมดคงยืนรอพี่ชายตนน่ะแหละ จึงคิดจะเดินผ่านไป แต่แล้วมารดาก็กลับทักเอาไว้ ทำให้ต้องหยุดสนทนาด้วย
“ทำไมกลับมาคนเดียว พี่ชายแกล่ะ”
“เดี๋ยวคงตามมามั้งครับ”
“เหลวไหลจริง พี่จันทร์นี่ก็นะ อีแม่นางนั่นเป็นใครถึงยอมให้ลูกอาทิตย์ไปลาก็ไม่รู้” จิตราหันไปทางพี่สาวบ้าง ถึงตอนนี้อาทีจึงเดินขึ้นเรือนไป
“อ้าว นี่ก็อีกคน คุยกับแม่มันยังไม่ถึงสามคำเดินหนีซะอย่างนั้น โอ้ย นี่ลูกชายฉันเป็นอะไรไปกันหมดเนี่ย” จิตราเห็นหลังบุตรชายคนเล็กหายไปไวๆ จึงบ่นโวยวายเสียงดัง จันทร์จวงได้แต่ถอนหายใจส่ายหน้า ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่อาการขัดใจไปซะทุกอย่างของน้องสาวจะลดๆ ลงบ้าง
“นั่นคุณอาทิตย์มาแล้วครับ” เสียงลุงไกรเอ่ยขึ้นเรียกสายตาให้จิตรากับจันทร์จวงหันไปมอง เห็นชัดถึงใบหน้าตึงเรียบของคนที่เดินมา
“หน้าตาบูดบึ้งมาเชียวตาอาทิตย์ เป็นอะไรมา” จันทร์จวงเอ่ยทักหลานชายก่อน จิตราเห็นด้วยจึงว่าเสริม
“นั่นสิ ก่อนไปก็ดีๆ อยู่นี่นา”
“ไม่มีอะไรครับแม่ แล้วนี่ไอ้อาทีล่ะครับ” อาทิตย์ปฏิเสธ ไม่อาจบอกได้หรอกว่ากำลังขัดใจคำพูดถากถางและเชือดเฉือนจากอิทธิ
“ขึ้นเรือนไปแล้ว” จิตราตอบบุตรชายสั้นๆ อาทิตย์มองไปยังชั้นบนของเรือน นี่เขาจะไปไหนมาไหนน้องชายจะไม่คิดรู้สึกยินดียินดียินร้ายด้วยเลยงั้นเหรอ
“น้องคงเพลีย นอนที่เรือนนั่นไม่เต็มตื่นมั้ง คงจะยังอยากงีบต่อ” จันทร์จวงเห็นแววตาหลานชายพอจะเข้าใจความหมายจึงรีบเอ่ยปลอบ
“ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะครับ” อาทิตย์หันมาตอบ ฝืนยิ้มน้อยๆ อย่างคนพยามเข้าใจ จันทร์จวงเห็นเช่นนั้นจึงยกมือขึ้นลูบไหล่เอ่ยอีก
“อย่าคิดมากนะเรา ตั้งใจเรียนให้จบเร็วๆ แล้วกลับมาอยู่กับน้องมันนานๆ เดี๋ยวก็จะผูกพันกันไปเองแหละ”
“โอ้ย อย่าไปสนใจท่าทีมันเลยไอ้อาทีน่ะ ขนาดแม่อยู่กับมันมาตั้งแต่เกิดจนป่านนี้ มันยังมองไม่เห็นหัวแม่เลย” จิตราพอจะเข้าใจความหมายที่ป้ากับหลานเอ่ยคุยกันจึงเอ่ยขึ้นบ้าง ก่อนจะตำหนิบุตรชายถึงเรื่องที่เพิ่งจะบอกตนเองเมื่อคืนว่าเช้านี้จะกลับกรุงเทพฯ
“จริงๆ แม่โกรธนะเนี่ยที่ลูกอาทิตย์มาบอกแม่กะทันหันแบบนี้ นานๆ มาทีก็น่าจะอยู่กับแม่นานๆ หน่อย นี่อะไรปุ๊บปั๊บคิดจะกลับก็กลับ”
“ผมต้องกลับไปเรียนครับแม่ อีกอย่างเป็นห่วงพ่อด้วย ปล่อยให้อยู่คนเดียวกลัวท่านเหงา” อาทิตย์หันมาสนใจมารดา
“คงจะเหงามากอยู่หรอก ไม่เห็นติดต่อมาหาแม่มั่ง” จิตราออกอาการน้อยใจที่ไม่ค่อยแสดงออกให้บุตรชายและพี่สาวได้เห็นหลังจากที่สามีทำคล้ายกับว่าหล่อนไม่มีตัวตนมานาน
“งานพ่อเขายุ่งจริงๆ ครับแม่ ขนาดผมอยู่ด้วยบางวันยังแทบไม่ได้คุยกันเลย” อาทิตย์ให้เหตุผล ส่วนจันทร์จวงเอ่ยติงน้องสาวแทน
“ไปว่าแต่สามี หล่อนก็ใช่ว่าจะติดต่อไปหาเขานักหรอก วันๆ ตามแต่ราวีคนนั้นคนนี้ในไร่จนฉันล่ะเวียนหัวแทน”
“ต๊าย! พี่จันทร์จิตรเป็นน้องสาวพี่นะคะ แทนที่จะเข้าข้างจิตรทำไมถึงได้ไปเข้าข้างคนอื่นอย่างนั้นล่ะคะ”
“คนอื่นที่ไหน เขาเป็นพ่อหลานฉัน เป็นสามีหล่อน อย่างนี้เหรอหล่อนเรียกว่าคนอื่น”
“โอ้ย พูดกับพี่จันทร์ทีไรจิตรล่ะเวียนหัวได้ทุกที ขอตัวไปส่งลูกอาทิตย์นะคะ ไปอาทิตย์ลาป้าเขาซะ” เอ่ยจบจิตราก็เดินไปที่รถ ซึ่งลุงไกรเปิดประตูรอไว้แล้ว อาทิตย์หันมายกมือไหว้ลาผู้เป็นป้าพร้อมก้มหน้ารับคำให้พร เสร็จจากนั้นจึงหันมองกลับขึ้นไปบนเรือนอีก อาทีไม่โผล่หน้ามาให้เห็นเลยจริงๆ ชายหนุ่มนึกน้อยใจอยู่ลึกๆ ถอนหายใจอีกหนึ่งเฮือกแล้วเดินไปขึ้นรถตามมารดา ก่อนที่ลุงไกรจะทำหน้าทีขับพาออกไปนอกเขตเรือน ถึงตอนนี้ชายหนุ่มหันไปมองทางที่ตนเพิ่งเดินจากมาเมื่อครู่ นึกคิดไปถึงอิทธิบ้างว่าตอนนี้เจ้าตัวจะกำลังทำอะไรอยู่ ฝ่ายนั้นจะรู้สึกเหงาๆ แบบที่เขากำลังรู้สึกอยู่นี่หรือเปล่านะ
หลังจากที่รถรับส่งของเรือนเคลื่อนตัวลับสายตาไปแล้ว จันทร์จวงหมุนตัวจะเดินกลับขึ้นเรือนบ้าง นางแหงนหน้าขึ้นไปมองบนเรือนจึงได้เห็นว่าหลานชายคนเล็กกำลังยืนเหม่อมองตามรถคันที่แล่นออกไปอยู่ นึกเอาว่าแท้ที่จริงน้องชายก็สนใจในการไปมาของพี่ชายอยู่นี่เอง ดูสายตาสินั่นมองละห้อยตามหลังรถคันที่พี่ชายนั่งไปจนสังเกตเห็นได้ หญิงชราเดินขึ้นเรือนไปหยุดอยู่เคียงข้างร่างหลานชายจับไหล่เจ้าตัวเอ่ยถามยิ้มๆ
“อยากมาส่งพี่เขาแล้วทำไมไม่ออกมาแสดงตัวล่ะอาที”
“เปล่านี่ครับ ผมแค่ออกมายืนดูว่าไปกันหรือยังแค่นั้น” อาทีปากแข็ง ใช่ว่าจะมีทิฐิกับพี่ชายได้นานนัก รู้สึกโหวงๆ หวิวๆ อยู่เหมือนกันเมื่อจากนี้ไปอีกนานกว่าตนจะได้เห็นร่างพี่ชายกลับมาที่นี่อีก
“ป้าน่ะแก่แล้วนะ ผ่านโน่นผ่านนี่มาเยอะ ทำไมป้าจะดูเราไม่ออกเฮอะ อย่าปดป้าเลยน่า” จันทร์จวงบอกอีก คราวนี้อาทีหันมามองหน้าช้าๆ เอ่ยถามคล้ายยอมรับความรู้สึกจริงๆ ของตนที่มีต่อพี่ชาย
“แล้วเขาบอกมั้ยว่าเขาจะมาอีกเมื่อไหร่ป้าจันทร์”
“คงเป็นปิดเทอมใหญ่น่ะแหละ ถึงตอนนั้นเราก็จบม.6 แล้วน่ะสินะ พี่ชายเราก็คงจะจบชั้นปริญญาสมใจแม่เขาล่ะ ถึงตอนนั้นก็ไม่แน่หรอกว่าพี่เราอาจจะมาอยู่กับเราที่นี่นานเลยก็ได้ ว่าแต่เราเหอะ มองๆ ที่เรียนที่ใหม่ไว้เป็นยังไงบ้างล่ะ เตรียมตัวสอบเข้าไปถึงไหนแล้ว”
“ผมพร้อมตลอดอยู่แล้วครับป้าจันทร์ อืมพูดถึงเรื่องนี้ป้าจันทร์จะเอายังไงต่อกับไอ้อิทเหรอครับ สรุปว่าป้าจันทร์จะส่งเสียมันต่อมั้ย”
“หลานป้าขอมาขนาดนี้ อีกอย่างอิทธิก็เป็นเด็กดี กตัญญูมุมานะ ป้าก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ”
“ขอบคุณมากครับป้า ป้าจันทร์ใจดีที่สุดในโลกเลยครับ แล้วผมจะบอกเรื่องนี้กับไอ้อิทนะครับ มันจะได้เตรียมตัวสอบจริงๆ จังๆ ซะที ทุกวันนี้มันก็มัวแต่ทีเล่นทีจริงเพราะคิดว่าตัวเองคงหมดโอกาสเรียนต่อแล้ว”
“อืม แล้วถ้าทั้งเรากับเพื่อนเราสอบเข้าให้ได้มหา’ ลัยดีๆ อย่างพี่ชายเราป้าไม่ใช่แค่ส่งเสียนะ แต่ป้าจะมีรางวัลให้ด้วยสำหรับคนเก่ง” จันทร์จวงบอกอีกยิ้มๆ รู้สึกสุขใจทุกทีกับการเป็นผู้ให้โอกาสกับคนที่นางเอ็นดู
“ผมรักป้าจันทร์จังครับ” อาทีโผกอดป้าที่แสนดี รู้สึกอบอุ่นยามที่ฝ่ามือฝ่ายนั้นลูบไล้เส้นผมเบาๆ
***************************************************************
ทางด้านอิทธิซึ่งกำลังนั่งอยู่ในวงสำรับกับมารดาเพราะวันนี้เป็นวันหยุดของเจ้าตัวเช่นกัน สองแม่ลูกเริ่มพูดคุยเรื่องอนาคตการย้ายถิ่นฐานออกจากที่นี่
“เราจะไปอยู่ไหนกันเหรอแม่หากว่าเราออกจากที่นี่กันแล้ว”
“แม่ยังไม่ทันได้หาเลยอิท อิทเพิ่งบอกแม่ไม่กี่วันเอง ให้เวลาแม่หน่อยนะ”
“ได้ครับ แต่แม่คงไม่ผิดสัญญากับผมนะ ผมเรียนจบเมื่อไหร่เราก็ไปกันเลยเนอะแม่เนอะ”
“อิทไม่ห่วงคุณอาทีเหรอลูก”
“ถึงตอนนั้นอาทีมันก็คงจะวุ่นวายกับที่เรียนใหม่เหมือนกันแหละแม่ คนเรามันตั้งโต ต้องแยกจากกันสักวัน ไอ้อาทีมันคงเข้าใจผมแหละ”
“แต่แม่ว่าคุณอาทีผูกพันกับอิทมากเลยนะ เกิดเธอทำใจไม่ได้ที่ต้องห่างกันอิทจะว่ายังไง”
“เดี๋ยวอิทจัดการของอิทได้เองแหละแม่ ว่าแต่แม่เถอะ คุณจันทร์ก็ใช่ว่าจะปล่อยให้แม่ไปไหนง่ายๆ เลยนี่ หากท่านไม่ยอมแม่จะเอายังไงอ่ะ”
“คุณจันทร์เป็นผู้ใหญ่เป็นคนมีเหตุมีผล ท่านน่าจะเข้าใจอะไรได้มากกว่าคุณอาทีซึ่งดูยังเป็นเด็กน้อยอยู่เลยในสายตาของแม่”
“จะว่าไปทั้งไร่ก็มีคนที่ดีกับเราแค่สองคนนี้เนอะแม่ ดีมากเสียจนเราต่างไม่อยากทำให้ใครต้องเสียใจหรือไม่สบายใจเลย”
“กับคุณอาทิตย์ แม่ก็ไม่เห็นเขาจะร้ายอะไรใส่เรานักนี่นา”
“น้อยไปสิแม่ นั่นแหละตัวเป้งรองจากคุณจิตรเลยล่ะ ต่อหน้าแม่ก็ทำทีเป็นคนมีสัมมาคารวะไปอย่างนั้นแหละ ลับหลังร้ายยิ่งกว่าเสือซะอีก”
“แม่ชักอยากรู้แล้วสิว่ากลับมาคราวนี้คุณอาทิตย์เธอมาทำอะไรลูกชายแม่ ลูกชายแม่ถึงได้เคืองแค้นเธอขนาดเอ่ยถึงแล้วต้องทำท่าทีขยาดได้ขนาดนี้”
“แม่อย่าสนใจเลยนะ เราสองคนก็ทะเลาะกันตามปกติคนไม่ถูกชะตากันน่ะแหละ ไม่มีอะไรมากกว่านั้นหรอก”
“แม่ก็คิดว่าอย่างนั้นแหละ เออว่าแต่เรื่องเรียนล่ะอิท แม่เตรียมเงินไว้ก้อนหนึ่งเพื่อส่งเสียอิทได้เรียนชั้นสูงขึ้นไว้แล้วนะ แต่แม่มัวแต่วุ่นวายเรื่องโน้นเรื่องนี้แม่จึง
ไม่มีเวลาบอกอิทเลย อิทคิดไว้หรือยังว่าอยากเรียนอะไร”
“อย่าลำบากเลยครับแม่ หากอิทจะเรียนต่ออิทคิดว่าจะทำงานหาเงินส่งตัวเองจะได้ไม่ต้องลำบากแม่ เงินที่แม่เก็บเอาไว้แม่ก็เก็บเอาไว้อย่างนั้นเถอะนะ”
“แม่จะทำอย่างนั้นได้ยังไง มันเป็นส่วนของอิทแม่ก็ต้องให้อิทสิ แม่เก็บหอมรอมริบไว้เพื่ออนาคตของอิทนะ เพราะแม่ก็ไม่รู้ว่าแม่จะอยู่ดูแลอิทได้นานเท่าไหร่”
“แม่อย่าพูดแบบนี้สิครับ แม่เป็นแม่ที่ดีของอิท แม่ก็ต้องอยู่กับอิทไปนานๆ สิ”
“อะไรๆ มันไม่แน่นอนหรอกอิทเอ้ย ทุกวันนี้แม่ก็ได้แต่ภาวนาว่าขอให้แม่ส่งอิทถึงฝั่งดูแลตัวเองได้ไม่ให้ใครมาดูถูกข่มเหง บางทีแม่ก็คิดนะว่าแม่คิดผิดหรือเปล่าที่แม่พาอิทมาระหกระเหินอย่างนี้”
“แม่ แม่อย่าพูดอย่าคิดแบบนี้นะครับ ผมมีความสุขที่ได้อยู่กับแม่ ผมไม่ได้รู้สึกลำบากหรือว้าเหว่อะไรเลยที่แม่เลี้ยงอิทมาโดยลำพังแบบนี้ อิทก็หวังนะว่าสักวันอิทจะดูแลแม่ให้แม่อยู่สบายโดยไม่ต้องทำอะไร เราต้องมีวันนั้นนะแม่ อิทสัญญา”
“แล้วอิทไม่อยากรู้เรื่องพ่ออิทเหรอลูก”
“รู้ไปก็เท่านั้นแหละแม่ ตอนนี้แม่เป็นทั้งพ่อทั้งแม่ให้อิทแล้ว อิทไม่ต้องการอะไรเพิ่มเติมจากนี้แล้วครับ”
“อิทลูกรัก แม่ภูมิใจในตัวลูกมากเลยรู้มั้ย แม่สัญญานะว่าแม่จะอยู่ดูแลอิทแบบนี้ตลอดไป”
“ครับแม่ อิทก็จะเป็นลูกที่ดีของแม่ จะไม่ทำให้แม่ผิดหวังไม่ว่าเรื่องใดๆ เหมือนกัน”
สองแม่ลูกโผเข้ากอดกันโดยอัตโนมัติตอนสิ้นคำสัญญาที่มีให้กันและกัน
หากว่าฟ้าดินจะเห็นใจ คงจะช่วยบันดาลให้ถ้อยคำภาวนาและข้อสัญญาของทั้งสองเป็นจริง แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น แล้วอะไรกันเล่าที่จะพรากเอาทั้งสองออกจากอ้อมอกของกันและกัน