“ถอยออกมาจากมันตาอาที แล้วขึ้นไปรอแม่บนเรือน” จิตราบอกลูกชายใหม่ เมื่อยังเห็นหนุ่มน้อยยืนอยู่ชิดเด็กที่หล่อนนึกเกลียดตั้งแต่แรกเกิด คนถูกออกคำสั่งหันมองหน้าคนข้างกาย ฝ่ายนั้นพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้ทำตามคำสั่ง หนุ่มน้อยอดละอายใจแทนแม่ตัวเองไม่ได้จึงเอ่ย
“ขอโทษแทนแม่กูด้วยแล้วกันว่ะ มึงก็รีบกลับบ้านเถอะ ป่านนี้แม่นางคงรอมึงอยู่เหมือนกัน”
“อืม งั้นกูกลับล่ะ เจอกันที่โรงเรียนละกัน” อิทธิบอกคนขอโทษพลางเผลอยกมือขึ้นตบไหล่เจ้าตัว ทำเอาคนที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่แผดเสียงลั่น
“แกถือดียังไงถึงมาแตะต้องตัวลูกฉัน ไอ้ลูกขี้ข้า”
“พอเถอะแม่ คำก็ขี้ข้าสองคำก็ขี้ข้า มันอะไรกันนักกันหนา” อาทีหันมาโวยใส่คนแผดเสียง อิทธิมองสองแม่ลูกสู้สายตากันก็นึกระอา เด็กหนุ่มไม่รู้หรอกว่าเหตุการณ์ในอดีตก่อนจะโตมาจนเรียนใกล้จบมัธยมปลายในอีกไม่กี่เดือนมันเป็นมายังไง สิ่งที่รับรู้จากปากแม่ของก็แค่เพียงคำว่าบุญคุณที่ต้องทดแทนให้จันทร์จวง หรือคุณจันทร์ของคนที่นี่ ข้อนี้ถึงแม้แม่ไม่บอก หนุ่มน้อยก็คิดได้เองอยู่แล้ว เพราะสิ่งที่ได้รับจากคุณจันทร์ทุกวันนี้ ใช่ว่าทุกคนจะได้รับเหมือนตน ซึ่งเป็นแค่ลูกคนงานหนึ่งคน แต่กลับได้เข้าเรียนโรงเรียนเดียวกับหลานชายเจ้านาย คุณจันทร์เป็นคนส่งเสียเด็กหนุ่มในด้านนี้ หนุ่มน้อยไม่รู้เหตุผล แต่ก็ไม่คิดจะถามอะไร เพราะคิดว่ายังเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ที่เคารพยิ่งเป็นคนขีดทางให้เดินก็ควรจะเดินไปตามทางนั่นมันถึงจะถูกต้อง
“กูมันแค่ลูกขี้ข้า แม่มึงพูดถูกแล้วล่ะอาที” อิทธิเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นคนข้างกายสู้สายตาแม่ตัวเองไม่ถอยคล้ายๆ โกรธเคืองแทน ทำไมเด็กหนุ่มคนนี้ถึงจะต้องออกหน้ารับแทนตนทุกครั้งด้วยนะเวลาที่โดนผู้หญิงตรงหน้าถากถาง ไม่รู้สึกดีใจนักหรอกที่เหตุการณ์มันเป็นแบบนี้ เพราะทุกๆ ครั้งที่โดนเข้าข้างจากคนข้างกาย ตนกับแม่ก็ยิ่งตกที่นั่งลำบากมากขึ้นในการที่จะใช้ชีวิตอยู่ในไร่นี้ เชื่อสิว่าหลังจากวันนี้ ชีวิตความเป็นอยู่จะต้องโดนกลั่นแกล้งจากผู้หญิงตรงหน้าไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเหมือนๆ กับที่โดนมาแล้วในหลายๆ ครั้ง ไม่มีใครรู้ใครเห็นในข้อนี้ เพราะแม่ของตนทนก้มหน้ารับการพิพากษาจากผู้หญิงวาจาร้ายคนนี้อย่างไม่ปริปากเถียงมาครั้งแล้วครั้งเล่า เด็กหนุ่มเคยทนไม่ไหวคิดที่จะออกมาเปิดโปงความร้ายกาจที่เห็น แต่ก็ทำไม่ได้เสียทุกครั้ง เพราะผู้ให้กำเนิดขอไว้ ด้วยการยกข้ออ้างที่ว่าผู้หญิงร้ายกาจอย่างจิตราเป็นน้องสาวของคุณจันทร์ ซึ่งเป็นผู้มีพระคุณล้นหัว อะไรที่ทนได้ก็ทนไป อย่าให้เรื่องมันปลายปลายให้ได้ตราหน้าว่าเป็นคนเนรคุณ
“เห็นมั้ย มันยอมรับเองแล้วว่ามันน่ะเป็นลูกขี้ข้า แกถอยออกมาจากตัวมันเดี๋ยวนี้อาที อย่าให้ฉันต้องเตือนแกซ้ำ ฉันไม่เข้าใจแกเลยจริงๆ ว่าทำไมแกถึงไม่ได้ดั่งใจฉันเหมือนที่พี่ชายแกได้บ้าง” จิตราเอ่ยอย่างนึกหงุดหงิดขึ้นมา พูดแล้วหล่อนก็นึกถึงลูกชายคนโตนักที่ตอนนี้กำลังเร่งจะเอาปริญญาใบแรกมาให้หล่อนได้เชยชม
“แม่จะให้ผมมีนิสัยชอบออกคำสั่ง เอาแต่ใจตัวเอง และดูถูกคนอื่นอย่างพี่อาทิตย์อย่างนั้นใช่มั้ยแม่ถึงจะภูมิใจในตัวผม” อาทีเอ่ยค้านแม่ตัวเองอีก บางทีก็นึกน้อยใจเหมือนกันที่แม่ของตนทำทีเหมือนจะรักและภูมิใจในตัวอาทิตย์พี่ชายคนเดียวของตนจนออกหน้าออกตา ทำไมล่ะ เขาต้องมีนิสัยอย่างที่ได้เอ่ยว่าฝ่ายนั้นเมื่อครู่งั้นเหรอ ผู้เป็นแม่แม่ถึงจะมีท่าทีว่ารักและภูมิใจในตัวเขาบ้าง
“แกไม่ต้องมาประชดฉัน แล้วก็อย่าพาลถึงพี่ชายแก พี่ชายแกน่ะฉลาดและมีความคิดที่จะเป็นเจ้าคนนายคนมากกว่าแก่หลายเท่านัก เขาไม่เคยที่จะคบหากับคนชั้นต่ำชั้นไพร่ให้ฉันต้องระอาใจเหมือนอย่างแกจำไว้ และฉันจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าแกยังไม่ถอยตัวของแกออกห่างไอ้ลูกขี้ข้านั่น แกเป็นหลังลายแน่ หนึ่ง!” จิตราตวาดนับตามคำบอก เมื่อเหลืออดจนเกินจะทนกับถ้อยคำที่ลูกชายเอ่ยคล้ายๆ ประชดหล่อนเมื่อครู่ อิทธิเห็นเรื่องจะไปกันใหญ่จึงหันไปพยักหน้าให้กับคนที่โดนคำสั่งชี้ขาด
“สอง!” เสียงตวาดนับดังขึ้นอีก อิทธินึกแปลกใจที่หนุ่มน้อยข้างกายยังยืนนิ่งไม่ไหวติงเสมือนทำตัวท้าทายผู้ให้กำเนิด
“ไม่เอาน่าอาที ขึ้นเรือนไป” เด็กหนุ่มรีบเอ่ยขึ้น เพราะนึกห่วงว่าคนท้าทายจะโดนอย่างที่คาดโทษไว้จริงๆ
“ไอ้อาที นี่แกท้าทายฉันเรอะ!” จิตราตวาดขึ้นแทนคำนับครั้งที่สาม หล่อนเดือดดาลจนสุดจะทนเมื่อมองสบตาลูกชายที่มองจ้องหล่อนนิ่ง
“อาทีมึงเป็นอะไรวะ” อิทธิเอ่ยถามขึ้นบ้าง เมื่อเห็นท่าทีของคนถูกตวาดยังนิ่งเฉยคล้ายๆ ไม่รู้สึกรู้สมกับสิ่งที่เขาคาดว่ามันจะเกิดขึ้น
“กูไม่ได้เป็นอะไรไอ้อิท มึงอยู่เฉยๆ เหอะ” อาทีเอ่ยขึ้น เขาไม่ได้ท้าทายผู้ให้กำเนิดอย่างที่ฝ่ายนั้นเข้าใจ แต่ที่ไม่ขยับไปไหนก็เพราะยังสะอึกและรู้สึกมึนชากับคำที่โดนเอ่ยว่าเขาเมื่อครู่ การที่เขาทำตัวไม่แบ่งเจ้าแบ่งนายแบบนี้ มันทำให้แม่ถึงกับเอือมระอาเลยเชียวเหรอ
“ไอ้อาทีไอ้ลูกไม่รักดี แกท้าทายฉันนักฉันใช่มั้ย แกนึกว่าฉันจะไม่กล้าทำโทษแกงั้นเหรอ วันนี้ฉันเอาแกหลังลายแน่ มานี่” จิตราตรงเข้ากระชากแขนลูกชายคนเล็กลากไปยังมุมหนึ่งที่มีกองไม้วางอยู่ หล่อนเลือกเอาไม้เรียวขนาดเหมาะมือมาถือไว้แน่นเตรียมหวดเต็มที่
“คุณจิตรอาทีก็ลูกชายคุณจิตรไม่ต่างจากคุณอาทิตย์นะ” อิทธิเอ่ยค้านขึ้นทันควันก่อนที่จะเห็นไม้เรียวหวดลงบนแผ่นหลังเพื่อนที่คลุกคลีมาตั้งแต่เด็ก
“แกไม่ต้องสะเออะไอ้ลูกไม่มีพ่อ แกจะไปไหนแกก็ไปนี่มันเรื่องในครอบครัวฉัน” จิตราเอ่ยไล่ คนถูกไล่เซไปนิดเมื่อถูกคนไล่ยกเอาเรื่องที่ตนเป็นลูกกำพร้าพ่อขึ้นมาประณาม
“กลับบ้านไปเหอะไอ้อิท มึงไม่ต้องห่วงกูหรอก” อาทีเอ่ยขึ้นอีกคนก่อนจะนิ่วหน้าข่มเสียงร้องเพราะความเจ็บ เมื่อถูกไม้เรียวหวดลงบนหลังทันทีที่เอ่ยจบ
“ท้าทายฉันอีกสิ ไอ้ลูกไม่รักดี ท้าทายฉันอีกสิ!” จิตราตวาดอย่างคนมีโทสะก่อนจะหวดไม้เรียวลงบนตัวลูกชายอีกเป็นครั้งที่สอง คราวนี้คนโดนหวดจำต้องร้องโอ้ยออกมาเมื่อรู้สึกเจ็บและแสบจนทนเงียบไม่ได้
“เลิกทำตัวเป็นแม่ลำเอียงซะทีคุณจิตร หัดรักลูกให้เท่ากันบ้าง” อิทธิสุดทนกับภาพที่เห็นจึงตวาดขึ้น สาบานได้ว่าผู้หญิงที่กำลังทำโทษลูกชายคนเล็กของตัวเองลำเอียงอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่เขาจำความได้และรู้จักครอบครัวนี้มา เขาไม่เคยเห็นหรือได้ยินใครๆ เอ่ยแม้สักครั้งว่าผู้หญิงคนนี้จะดุด่าว่ากล่าวหรือทำโทษถึงขั้นลงไม้ลงมือกับลูกชายคนโตอย่างอาทิตย์เลย
“หุบปาก แกมีสิทธิอะไรมาสั่งสอนฉันไอ้ลูกขี้ครอก” คนถูกตวาดหันมาสนใจคนตวาด ก่อนจะหันกลับไปจัดการหวดหลังลูกชายด้วยไม้เรียวดังเดิม แต่สุดท้ายก็ชะงักมือค้างไว้เมื่อได้ยินเสียงที่ดังมาจากบนเรือน
“นั่นเธอกำลังทำอะไรน่ะจิตรา” จันทร์จวงเองเป็นคนเอ่ย หญิงเจ้าของไร่รีบรุดลงมาดูเหตุการณ์เมื่อเห็นน้องสาวตัวเองมัวแต่ยืนอึ้งไม่ตอบคำถาม
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอถึงได้ลงไม้ลงมือกับตาอาที” นางเอ่ยถาม เมื่อเห็นรอยไม้เรียวชัดเจนอยู่บนเสื้อนักเรียนสีขาวที่หลานชายคนเล็กสวมอยู่
“ก็มันกลับบ้านผิดเวลานี่คะพี่จันทร์ จิตรก็ต้องอบรมสั่งสอนมัน” จิตราเอ่ยตอบเมื่อตั้งสติได้ ไหนพี่สาวหล่อนบอกจะนอนตั้งแต่หัววันเพราะบอกเพลียและเหนื่อยไง แล้วไมถึงได้ตื่นมาเห็นหล่อนลงโทษลูกชายแบบนี้นะ
“ลูกเธอมันเด็กผู้ชายนะ กลับบ้านผิดเวลานิดเวลาหน่อย ก็ไม่เห็นเธอจะต้องลงไม้ลงมือขนาดนี้เลยนี่” จันทร์จวงต่อว่าน้องสาว
“ก็ถ้ามันจะไปไหนมาไหนกับคนอื่นที่ไม่ใช่ลูกคนงานในไร่ จิตรก็จะไม่ว่าสักคำหรอกค่ะพี่จันทร์” จิตราเอ่ยค้านพลางปรายสายตามองไปทางหนุ่มน้อยอีกคนที่ไม่ใช่ลูกชายตนขณะกำลังยืนดูสถานการณ์อยู่
“คำก็ลูกคนงานสองคำก็ลูกคนงาน แม่มีปัญหาอะไรกับเพื่อนผมนักเหรอครับ” อาทีเอ่ยผ่ากลางปล้องขึ้นมา เมื่อเห็นสายตาแม่ตัวเองเริ่มมองเพื่อนในวัยเด็กเหยียดๆ เจ้าของสายตามองเหยียดหันควับมาทางคนเอ่ยกลางปล้องทำทีว่าจะเงื้อมือฟาดไม้เรียวลงไปบนแผ่นหลังเจ้าตัวอีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องชะงักมือค้างไว้เมื่อได้ยินเสียงเอ่ยห้ามจากพี่สาวตน
“พอได้แล้วจิตรา นั่นมันลูกเธอนะ”
“ก็เพราะลูกไงคะ จิตรถึงจะสั่งสอนมัน หนอยบังอาจเห็นคนอื่นดีกว่าแม่ของมัน” คนถูกห้ามเอ่ยค้านอย่างขัดใจ และทำทีจะฟาดไม้เรียวลงจริงๆ แต่ก็ต้องชะงักไว้อีกจนได้เมื่อได้ยินเสียงขัดการกระทำดังขึ้นมาใหม่คราวนี้มันออกมาจากปากของหนุ่มน้อยที่หล่อนมองด้วยสายตาเหยียดๆ เมื่อครู่
“จะสวมบทแม่ลำเอียงไปถึงไหนคุณจิตร หรือถ้าจะระบายอารมณ์บ้าที่มันกำลังจุกอกอยู่ตอนนี้ ก็มาลงที่ผมนี่ ผมเป็นคนพาไอ้อาทีกลับบ้านผิดเวลาเอง จริงๆ มันอยากกลับมาตั้งนานแล้ว”
อาทีมองหน้าเพื่อนสนิท ส่ายหน้าเชิงปฏิเสธการออกรับแทนของฝ่ายนั้น
“มึงกลับบ้านไปเลยไอ้อิท เรื่องนี้มึงไม่เกี่ยว กูมันลูกไม่ดี ลูกนอกคอก กูก็ควรถูกทำโทษแบบนี้แหละ” เด็กหนุ่มเอ่ยบอก
“นี่แกประชดฉันอีกแล้วใช่มั้ยไอ้อาที” จิตราเอ่ยว่าลูกชายอีกเมื่อโดนเอ่ยกระทบ หล่อนหวดไม้เรียวในมือลงกลางหลังลูกชายทันทีจนเด็กหนุ่มร้องโอ้ย
“พอได้แล้วจิตรา ทิ้งไม้เรียวนั่นซะแล้วขึ้นไปสงบสติอารมณ์บนเรือน ส่วนสองคนนี้เดี๋ยวฉันจัดการเอง” จันทร์จวงเอ่ยออกคำสั่งฉายแววตาดุดันให้น้องสาวเมื่อรู้สึกรับไม่ได้กับภาพแม่ทำร้ายลูก
“ให้ท้ายกันเข้าไปเถอะค่ะ สักวันมันสองคนจะทำงามหน้าพี่จันทร์” จิตราเอ่ยว่าอย่างอารมณ์เสีย โยนไม้ในมือทิ้งลงที่พื้นแล้วก้าวฉับๆ พาร่างหายไป
“นายอิท เธอกลับเรือนไปก่อนไป ป่านนี้แม่นางคงรอเธอแย่แล้ว” จันทร์จวงหันไปเอ่ยกับเด็กหนุ่มที่ยืนมองหลานชายตนด้วยแววตาเห็นอกเห็นใจ
“ผมขอไปค้างที่เรือนไอ้อิทนะป้าจันทร์ ผมไม่อยากนอนที่นี่แล้ว” อาทีเอ่ยขึ้นเสียงสั่นเพราะพยายามข่มความเจ็บปวดทั้งกายและใจเอาไว้ แต่กระนั้นมันก็ยังแสดงออกมาให้เห็นผ่านดวงตาที่เริ่มล้นเอ่อด้วยหยดน้ำ
“ถ้ามันสบายใจก็ไปป้าไม่ว่าอะไรหรอก” จันทร์จวงเอ่ยบอก นางเห็นและรับรู้ความสัมพันธ์ของเด็กหนุ่มคู่นี้มาตั้งแต่เป็นเด็กชายกันอยู่ ไม่มีเหตุผลอะไรที่นางจะต้องขัดใจ
“จะดีเหรออาที” อิทธิเอ่ยขึ้น คราวนี้ไม่ได้นึกเกรงว่าจิตราจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแต่เพราะไม่รู้จะหาคำตอบใดไปอธิบายให้แม่นางของตนฟังถึงสาเหตุที่พาหลานชายเจ้าของไร่ไปค้างที่เรือนพักคนงาน
“ถ้ามึงไม่ให้กูไปค้าง กูไปขอค้างที่เรือนคนงานคนอื่นก็ได้” อาทีเอ่ยบอกพลางทำท่าจะเดินไปจริงๆ เพราะรู้สึกน้อยใจที่เพื่อนสนิทไม่อ้าแขนรับอย่างที่คาดหวัง
“กูไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น มึงนี่นะประชดกูซะงั้น ไปก็ไป” อิทธิรีบเอ่ยค้านตอนที่ก้าวเดินไปขวางทางคนเดินหนี
“จะไปก็รีบไปกันมืดค่ำมากแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าตื่นไปโรงเรียนสายกันจะยุ่ง” จันทร์จวงเอ่ยบอก สองหนุ่มน้อยหันมองยกมือไหว้ลาแล้วเดินคู่กันไปยังจักรยานคันเดิม
อิทธิทำหน้าที่เป็นคนปั่นให้หลานชายเจ้าของไร่ซ้อนท้ายเช่นเดิม ขณะปั่นฝ่าความมืดไป เด็กหนุ่มก็ต้องสะดุ้งเมื่อรู้สึกว่าวงแขนจากคนข้างหลังได้สวมกอดเอวตนไว้หลวมๆ กำลังจะเอ่ยปากทักท้วงแต่แล้วต้องนิ่งไว้เมื่อฝ่ายนั้นซบหน้าลงกับแผ่นหลังสะอื้นไห้ออกมาให้ได้ยิน
“หยุดร้องเหอะอาที แม่มึงเขาหวังดีกะมึงแหละเขาถึงได้เฆี่ยนตี อย่าแปลเจตนาท่านเป็นอย่างอื่นเลยว่ะ” อิทธิเอ่ยปลอบเมื่อเห็นคนซบหลังร้องไห้ไม่หยุด
“ให้กูร้องเถอะไอ้อิท กูจะเสียน้ำตาให้มึงเห็นคนเดียวเท่านั้นแหละ คนอื่นไม่มีใครได้เห็นน้ำตากูหรอก” อาทีเอ่ยบอกปนสะอื้น
“งั้นก็ร้องซะให้พอ แต่พอถึงบ้านกูมึงต้องหยุดนะ เดี๋ยวแม่นางสงสัยถามซักไซ้เรื่องราวเรื่องมันจะไม่จบ” อิทธิบอกแล้วปั่นจักรยานต่อไปเงียบๆ มีบ้างบางจังหวะที่ปล่อยมือข้างหนึ่งมาเอาตบหลังมือคนสวมกอดตัวเองเป็นเชิงปลอบโยนให้เจ้าตัวคลายจากอาการเศร้า กระทั่งต้องเบรกรถตัวโก่งเมื่อตอนเลี้ยวโค้งแล้วจะชนเข้ากับร่างที่เดินสวนมา
“แม่นาง!” เด็กหนุ่มเอ่ยเรียกเจ้าของร่างนั้นอย่างตกใจเมื่อแสงสว่างรางๆ จากพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวสาดส่องลงมาพอให้แลเห็นใบหน้า
“ไปไหนมาหรือกลับมาซะมืดจนแม่ต้องออกมาตาม” แม่นางเอ่ยถามลูกชาย ก่อนจะตกใจเมื่อมองเลยไปเห็นหลานชายเจ้าของไร่กำลังนั่งซ้อนท้ายจักรยานลูกชายตนอยู่
“คุณอาที” นางเอ่ยเรียกชื่อฝ่ายนั้นแล้วตวัดสายตาหันกลับมามองลูกชายคล้ายค้นหาคำตอบว่าป่านนี้แล้วทำไมคนๆ นั้นถึงมาตะเวนอยู่นอกเรือนได้ อิทธิก้มต่ำลงหลบสายคาผู้เป็นแม่ตอนโดนจ้อง อาทีเห็นอาการจึงลุกออกจากเบาะท้ายจักรยานเอ่ยขึ้น
“คืออย่างนี้ครับแม่นาง”
โปรดติดตามตอนต่อไป
ขอบคุณครับ
Boy